Important Announcement
PubHTML5 Scheduled Server Maintenance on (GMT) Sunday, June 26th, 2:00 am - 8:00 am.
PubHTML5 site will be inoperative during the times indicated!

Home Explore นรก สวรรค์ในพระไตรปิฏก

นรก สวรรค์ในพระไตรปิฏก

Published by Bunchana Lomsiriudom, 2020-10-08 02:56:27

Description: นรก สวรรค์ในพระไตรปิฏก

Keywords: ศาสนาพุทธ,นรก ,สวรรค์,พระไตรปิฏก

Search

Read the Text Version

สารบัญ อนุโมทนา ...........................................................................(๑) นรก-สวรรค ในพระไตรปฎก ...............................................๑ ความสําคญั ของนรก-สวรรค ในแงพ ทุ ธศาสนา.............................................๒ ขอ พิจารณาเก่ยี วกบั เรือ่ งนรก-สวรรค...........................................................๔   ⌫ ๗ ๑) นรก-สวรรค หลังตาย ...................................................................... ๗ ๒) นรก-สวรรค ท่อี ยใู นใจ...................................................................๑๑ ๓) นรก-สวรรค แตละขณะจติ ............................................................ ๑๓  ⌫   ๑๙ ๑) ตอ งมีศรทั ธา.................................................................................. ๑๙ ๒) ตอ งพิจารณาเหตุผล......................................................................๒๒ ๓) ตองมนั่ ใจตน-ไมออ นวอน..............................................................๒๔ ๔) ตอ งไมห วังผลตอบแทน .................................................................๒๖ ทาํ ดีไดดี ทาํ ช่ัวไดช วั่ ................................................................ ๒๙ ตอบคําถาม.................................................................................๓๔ บทเสรมิ : ผลกรรมในชาตหิ นา.................................................. ๔๗ เชิงอรรถ..............................................................................................๖๐



นรก-สวรรค ในพระไตรปฎก พระพรหมคณุ าภรณ (ป. อ. ปยุตฺโต)

๒ นรก-สวรรคใ นพระไตรปฎ ก

นรก-สวรรค ในพระไตรปฎก∗ ทานอาจารยไ ดต้งั หัวขอเร่ืองไวใ หอ าตมากอน กลา วคอื ขอ ใหพดู เร่อื ง นรก-สวรรคในพระไตรปฎ ก นรก-สวรรคน ีเ้ ปนเรอ่ื งใหญ และเปนเรือ่ งยากอยูแ ลว ทานยังจาํ กัดขอบเขตดว ยวาใหพ ูดใน พระไตรปฎ ก กอนจะเขาสเู นอื้ หา มเี รื่องท่คี วรทําความเขา ใจในตอนเริม่ แรกกันนิดหนอย คอื ทําความเขาใจเก่ยี วกบั ตวั ผพู ูด และเรอื่ งที่จะ พูดในแงข องพระพุทธศาสนาวามคี วามสําคญั แคไ หนเพียงไร อัน เปนเร่อื งที่ควรทําความเขาใจกนั เบอ้ื งตน ตองออกตัวเสยี กอน คอื สาํ หรบั อาตมาถอื วานรก-สวรรค เปนเรอ่ื งสําคัญ และเปน เร่ืองใหญม าก แตก ระน้ันอาตมาเองขณะ น้ียังไมไดใ หความสนใจเทาที่ควร ยังไมไ ดเ อาจริงเอาจงั อะไรนกั ใน เรื่องนี้ ก็กําลงั คนควาเร่อื งพระพทุ ธศาสนาอยู แตต อนนยี้ งั ไมไดม า เนนเร่อื งนี้ คิดวาเปน เรื่องท่ตี องคอยๆ วากันทีละขั้นละตอน ∗ บรรยายแกค ณะอาจารยแ ละนกั ศกึ ษาวทิ ยาลยั ครสู วนดสุ ติ ในรายการสนทนาธรรมของ ภาควชิ าปรชั ญาและศาสนา ระหวา งภาคที่ ๒ ปก ารศกึ ษา ๒๕๒๒ ณ วดั พระพเิ รนทร (ในการพมิ พค รงั้ ลา สดุ พ.ย. ๒๕๔๕ ไดจ ดั ปรบั รปู แบบ เชน ซอยยอ หนา จดั ระบบหวั ขอ ยอ ย ขดั เกลาสาํ นวนภาษาโดยตลอด ใหอ า นงา ยขนึ้ )

๒ นรก-สวรรคในพระไตรปฎก ความสําคัญของนรก-สวรรค ในแงพทุ ธศาสนา เรมิ่ แรกมาดวู า ในแงพ ทุ ธศาสนา นรก-สวรรคม ีความ สําคัญแคไ หน ศาสนาทุกศาสนามเี รอื่ งนรก-สวรรค ซึ่งเปน เร่ืองทค่ี นถาม กันมาตลอดวา มจี ริงไหม เปนอยา งไร ในประเพณขี องเรากม็ กี าร พดู เรอ่ื งราวเกย่ี วกบั นรก-สวรรค ในวรรณคดกี ต็ าม ศลิ ปกรรมกต็ าม ก็มีเรื่องนรก-สวรรคไปเกย่ี วขอ งดวย เชน ภาพฝาผนงั ตามปชู นีย- สถานตางๆ ก็มเี รื่องเหลานีม้ ากมาย แตเราควรมาดใู นแงห ลักการ กอนวา เร่อื งนรก-สวรรคกับพระพุทธศาสนามคี วามสมั พนั ธก นั แค ไหนเพียงใด ไดบอกแลว วา นรก-สวรรคเ ปน เรื่องสาํ คญั เปนเรอื่ งใหญ แตถาเทยี บกับศาสนาทั่วๆ ไปแลว มาดใู นแงพ ระพุทธศาสนา ความสาํ คัญของนรก-สวรรคลดลงไป ทําไมจงึ วา อยางนน้ั คอื ในศาสนาเปน อันมาก นรก-สวรรค เปนจุดสุดทายแหงการเดินทางชีวิตของมนุษย บางศาสนาบอกวา มนี รกนริ ันดร สวรรคน ริ นั ดร เชน วาเรา อยูในโลกมีชวี ติ ครง้ั นี้ทําความดคี วามชวั่ เม่อื ตายไปวญิ ญาณจะ ไปรอจนถึงวันส้ินโลก แลว ก็มีการตดั สิน ผทู คี่ วรไดร ับรางวลั ก็จะได ไปอยูสวรรคน ิรนั ดรตลอดไป สวนผทู ค่ี วรไดร ับโทษก็จะถูกตดั สนิ ใหตกนรกนริ นั ดร ในแงน ี้ นรก-สวรรคเปน เร่ืองสําคัญมาก เพราะ เปนจดุ สุดทาย เปน จุดหมาย ทีน้ีมามองดใู นพระพุทธศาสนา เมือ่ เปรยี บเทยี บกนั แลว ความสําคญั ของนรก-สวรรคจะดอยลงไป เอาสวรรคก็แลวกัน เพราะเปน สง่ิ ที่เราตองการ สวรรคไ มใ ชจ ุดหมายของพระพทุ ธ

พระพรหมคณุ าภรณ (ป. อ. ปยุตฺโต) ๓ ศาสนา แตพระพทุ ธศาสนาบอกวา มีส่งิ ท่สี งู กวานัน้ สิง่ ทีส่ ําคัญ กวาสวรรคคือนิพพาน เม่ือสวรรคไมใ ชจ ดุ หมาย ความสาํ คัญของ มันก็ดอ ยลงไป เม่ือเราปฏิบัติธรรมในพระพทุ ธศาสนา ถาจะปฏิบตั ิใหแ ท จริง ใหต รงตามหลกั การ เรากบ็ อกวา ไมใ ชเ พือ่ จะไปสวรรค แตเพ่ือ นพิ พาน สวรรคก ลายเปน เรอื่ งขน้ั ตอนทอี่ ยใู นระหวา ง หรอื เปน เรอื่ ง ขางๆ ความสาํ คัญของสงิ่ ท่อี ยขู า งๆ หรืออยูในระหวา งยอ มจะลด นอยลงไป นอยกวา สง่ิ ทเี่ ปน จดุ หมายสดุ ทา ย นี้เปนเร่อื งธรรมดา ประการตอไป นรก-สวรรคต ามทรี่ กู นั หรือพดู ถึงกันอยู เปนเรื่องทไี่ ดร บั หรอื ไปประสบหลังจากตายแลว ศาสนาอื่นๆ ทัว่ ไป วาอยางนี้ เมอ่ื ตายแลวจะไปนรกหรอื สวรรค เปนเรื่องชวี ิตหนา แต จุดหมายของพระพทุ ธศาสนาเปนสง่ิ ทบี่ รรลไุ ดในชาติน้ี นิพพาน สามารถบรรลไุ ดในชาตนิ ต้ี ั้งแตย งั เปน ๆ อยู น่ีก็เปน แงทส่ี องท่ีทํา ใหความสําคญั ของนรก-สวรรคน อ ยลงไป เราอาจบรรลุจุดหมาย สูงสดุ ไดใ นชาตนิ แี้ ลว เราก็ไมต องพดู เร่อื งหลงั จากตายแลว เรื่อง นรก-สวรรคกไ็ มตอ งมาเก่ียวขอ ง ตอไปขอ ท่สี าม ในพระพุทธศาสนา นรก-สวรรคเปน เพยี ง สว นหน่ึงในสังสารวฏั คือการเวยี นวา ยตายเกดิ สังสารวฏั มกี าร เปล่ียนแปลงได ชีวิตเราเดินทางไปในสังสารวฏั มหี มนุ ข้ึนหมนุ ลง ตกนรกแลว ตอไปถาเรามกี รรมดีกก็ ลับไปขน้ึ สวรรค หรือมาเกดิ เปนมนุษย คนที่เกดิ เปนพระพรหมดวยกรรมดบี ําเพ็ญฌาน สมาบัติ ตอไปเมื่อสิ้นบุญแลว กลับไปตกนรก เพราะมีกรรมชว่ั ใน หนหลังก็ได มันก็หมนุ เวียนไปมา นรก-สวรรคจ งึ เปนเพยี งสว นท่ี หมุนเวียนอยใู นระหวาง แลวกเ็ ปน ของชวั่ คราว เพราะฉะนั้นความ

๔ นรก-สวรรคใ นพระไตรปฎ ก สําคญั ก็ลดลง เพราะเรามีโอกาสทจ่ี ะแกไ ขตัวไดมาก นี้เปนเรอ่ื งท่คี วรทาํ ความเขาใจในเบอื้ งตน เพื่อจะไดเ หน็ ฐานะของนรก-สวรรคใ นพระพทุ ธศาสนา ในแงนี้ ถา เราไปเปรียบ เทียบกับศาสนาทถี่ อื เรือ่ งนรก-สวรรคเปน นิรนั ดร เปนส่ิงสดุ ทา ยท่ี มนุษยจ ะประสบซ่งึ ไมม ที างแกไ ขไดอ กี เลย กจ็ ะมีความแตกตาง กันเปนอยางมาก เมื่อทาํ ความเขา ใจเบอ้ื งตน อยา งนแ้ี ลว กพ็ ูดถงึ เน้ือหาของเรอ่ื งนรก-สวรรคไ ดโ ดยตลอด ขอ พจิ ารณาเกีย่ วกบั เรือ่ งนรก-สวรรค เอาละทีนี้มาพูดถึงเรือ่ งนรก-สวรรค เขาสูเ นือ้ หาของเรือ่ ง นรก-สวรรค ซึ่งมีแงทต่ี อ งแยกอีก ๒ อยา ง แงท ่ีหนง่ึ คือ ความมีอยูจรงิ หรอื ไม นรก-สวรรคมจี ริงไหม แงทีส่ อง คือ ทา ทีของชาวพทุ ธหรือทา ทขี องพุทธศาสนา ตอเรื่องนรก-สวรรค ตอ งพูดทัง้ สองแง จะพดู แงเ ดยี วไมพอ เพราะมนั สัมพนั ธ ซ่ึงกันและกัน สําหรับพทุ ธศาสนานีข้ อพดู ไวกอนวา เร่อื งทาทตี อ นรก-สวรรคเ ปน สิ่งสําคัญมาก เราจะตอ งวางทา ทใี หถ กู ตอ ง พูดเกริ่นไวห นอยวา เร่ืองนรก-สวรรคจ ดั อยูในประเภทส่งิ ท่ี พิสูจนไมไดสําหรบั คนสามญั ท่วี า พสิ จู นไ มไ ดนห้ี มายถึงท้ังในแง ลบและแงบวก คอื จะพิสจู นว า มีก็ยังเอามาแสดงใหเ ห็นไมได จะ พิสูจนวาไมม ี กย็ ังไมสามารถแสดงใหเห็นวาไมมีใหมนั เดด็ ขาด พูดไมไดทงั้ สองอยาง บางคนบอกวาเมอ่ื พสิ จู นไ มไ ดวามี มันก็ไมม ี อยางนนั้ ก็ไม ถูก ในเมอ่ื ตวั เองไมมีความสามารถท่จี ะพิสจู น

พระพรหมคุณาภรณ (ป. อ. ปยตุ ฺโต) ๕ ในการพิสจู นน้ันตองพสิ ูจนด ว ยอายตนะท่ตี รงกนั สิง่ ท่ีจะรู ดวยการเหน็ ก็ตองเอามาใหดดู วยตา สง่ิ ทีจ่ ะรูไ ดด วยการไดย นิ ก็ ตองพิสจู นดว ยการเอามาทําใหไ ดยินเสียง เปน อันวาตอ งพิสจู นให ตรงตามอายตนะ จะพสิ จู นว า เสยี งมีหรือไมม ี พสิ จู นด วยตาไดไหม ก็ไมได พิสูจนวารสมีไหม จะพิสจู นด ว ยหูก็ไมได ไมไดเรือ่ ง มันตอ ง ตรงอายตนะกัน ทีน้ีนรก-สวรรคพ สิ ูจนด ว ยอะไร พสิ ูจนด วยตา ดวยหู ดว ย จมูก ลิน้ กายไมได มนั ตองพสิ จู นด ว ยชวี ติ ท่ใี จนน่ั เอง เราดูหลัก งายๆ ไมต อ งพูดลกึ ซง้ึ เราถอื วาจติ เปนแกนของชวี ิต เปน ตัวทาํ หนาที่เกิด จะพิสูจนเรื่องนรก-สวรรคว า ตายแลว ไปเกิดหรอื ไม ก็ ตองพสิ ูจนดว ยจติ คือลองตายดู ทีนี้พอบอกวาจะพิสจู นดวยตาย ก็ไมมีใครยอม เพราะตอ ง พิสูจนดวยตนเอง จะใหค นอืน่ พสิ จู นไมได เราบอกวาคนหนึง่ ตาย แลว เขาไปเกิดทีไ่ หน เราไมรู ตัวเขาเปนผพู สิ จู น เราเปน แตผไู ปดู เหมือนเขาล้ิมรสแลว เราดูเขาลมิ้ รส เราจะไปรไู ดอ ยา งไรวาเขารรู ส จริงหรือเปลา และรสนั้นเปนอยางไร เราไมไดลิ้มรสก็ไดแตด เู ทา น้ันเอง เรือ่ งของชวี ติ นีก้ ต็ อ งพิสูจนดวยตวั จติ เมือ่ จะพสิ จู นด วย การท่ีตอ งตาย เราก็ทาํ ไมไ ด ไมมใี ครกลาทาํ เกิดเปนปญหาติดอยู ตรงน้ีท่ีพิสจู นไ มได นีเ่ ปน เรอ่ื งเกรด็ แทรกเขามา เราจะตองพูดกัน ตอไปอีก รวมความในตอนน้ีวา นรก-สวรรคเ ปน เรือ่ งพิสจู นไมไ ด ทัง้ ในแงบวกและแงลบ วา มีหรือไมมี สําหรับส่งิ ที่พสิ จู นออกมาใหเ หน็ ชดั ไมไ ดอยา งนี้ ทางพทุ ธ ศาสนามหี ลักใหปฏิบตั ิ คือถือการวางทา ทเี ปนสําคัญ เรือ่ งบาง

๖ นรก-สวรรคใ นพระไตรปฎก เรื่องถา รอใหพ ิสจู นเสรจ็ มนุษยเ ลยไมตอ งทําอะไร ไดแตร อแบบ พวกนกั ปรชั ญา พวกนักปรชั ญาจะเอาใหรคู วามจริงเสยี กอน เชน รูความ จริงเกี่ยวกับโลกวาโลกนีเ้ ปน อยางไรแน มันเกิดเมอ่ื ไร มนั จะไป อยางไร พวกนกั ปรชั ญาจะเถยี งกันใชสมองใชส ติปญญาในการโต เถียง เม่ือแกยังตอบเรื่องโลกและชวี ิตไมได เชน ดว ยวธิ ีอภปิ รชั ญา แกก็ตองเถยี งกนั ตอไป นแ่ี กกเ็ ถียงกนั มาหาพนั ปแ ลว โดยประมาณ ทีนี้ถาแกจะตอ งเถียงกนั จนกวาจะรูคาํ ตอบ แลว จึงจะ ปฏิบัติได เพราะแกอาจจะบอกวา เรายงั ไมร คู วามจริงวา มันเปน อยา งไร เราจะไปปฏบิ ตั กิ ับมันอยางไร แกจะตองรอใหรคู วามจรงิ อันนั้นแลวจึงจะวางหลกั ปฏิบตั ิ แกตายไปแลวกี่ครง้ั ตอกี่คร้ัง จน กระท่ังลูกหลานเหลนของแกเองก็ตายไปโดยที่ยังทําอะไรไมได และยังไมไดทาํ อะไร พระพุทธศาสนาบอกวา สาํ หรบั เร่อื งอยา งนี้ คือสาํ หรบั เรื่องทย่ี งั พิสูจนไมได มนั สาํ คัญทปี่ ฏบิ ัติ พระพทุ ธศาสนาเปน ศาสนาแหง การปฏบิ ัติ เรามีวิธปี ฏบิ ตั ิตอสิง่ ทย่ี งั พิสจู นไ มไ ดโ ดยให ถือการปฏิบตั ิทไ่ี มผิด อยางทีบ่ อกเม่ือกีว้ าการวางทา ทเี ปนสําคัญ นรก-สวรรคก อ็ ยใู นประเภทน้ี การวางทา ทีหรอื การท่จี ะปฏบิ ัติตอ มันอยา งไรเปน เรื่องสําคญั กวา เปน อันวามเี รือ่ งท่ตี อ งพดู สองแง คอื แงว า มีจริงไหม กบั จะ วางทาทตี อมนั อยางไร และเนนแงก ารวางทาทหี รอื การปฏิบตั ิ ทีน้ี มาพดู ถึงหวั ขอ สองอยา งนนั้ เอาแงท ีห่ นงึ่ กอ น

  ⌫ แงท่ีหนึง่ คอื มีจรงิ ไหมในแงข องพระพุทธศาสนา และก็จะ พูดจํากัดตามที่อาจารยไ ดกาํ หนดไววา เฉพาะในพระไตรปฎก ขอ แบงวา พระพุทธศาสนาพูดเร่อื งนไ้ี วเ ปน ๓ ระดบั ๑) นรก-สวรรค หลงั ตาย ระดับที่หนงึ่ คอื เร่อื งนรก-สวรรคท ่ีเราพูดกันท่วั ๆ ไปวาหลงั จากชาตินี้ ตายแลว ไปรับผลกรรมในทางทีด่ ีและไมด ี ถารบั ผล กรรมดีก็ถอื วา ไปสวรรค ถารบั ผลกรรมชว่ั ก็ไปเกดิ ในนรก เร่ือง นรก-สวรรคแบบนี้ เรียกวา ระดับทีห่ นงึ่ พระพุทธศาสนาวาอยา งไร สาํ หรบั ระดบั น้ี ถา ถอื ตามตวั อกั ษร พระไตรปฎ กกลา วไวม าก มาย เมอ่ื พูดกนั ตามตัวอักษรก็ตอ งบอกวา มี มอี ยางไร นรก-สวรรค หลงั จากตายนม้ี กั จะมใี นขน้ั เอย ถงึ เทา นน้ั แลว ไมค อ ยมคี าํ บรรยาย ในพระไตรปฎกเรอ่ื งนห้ี าไดท่วั ไป ในคาํ สรปุ ทา ยที่แสดงผล ของการประพฤตดิ ปี ระพฤตชิ วั่ คอื ในแงส วรรคบอกวา เม่อื แตก กายทําลายขันธล ว งลบั ดบั ชพี ไปแลว จะเขาถึงสุคติโลกสวรรค น่ี ฝายดี สวนในฝายรายกก็ ลาววา เบื้องหนาแตต ายเพราะกายแตก ก็จะเขา ถงึ อบาย ทคุ ติ วนิ บิ าต นรก สํานวนในบาลมี ีอยางนี้มาก มายเหลือเกิน สํานวนความน้ีไมไดบรรยายวา สวรรคเปน อยางไร นรก เปนอยางไร ไดแตส รุปและโดยมากมาหอยทา ยกับคําแสดงผลของ กรรมดีกรรมชว่ั ซงึ่ จะเรมิ่ ดวยผลที่จะไดร ับในชาตนิ ้ีกอนวา ผูม ศี ลี

๘ นรก-สวรรคในพระไตรปฎ ก ประพฤติดแี ลวจะไดผ ลอยา งน้ันๆ หนง่ึ สอง สาม ส่ี หา สุดทาย หลังจากแตกกายทําลายขนั ธแลว จะไปสุคติ เชนวาเจริญเมตตามี อานิสงสอยา งน้ี คอื หลบั เปน สขุ ฝน ดอี ะไรตออะไร บอกผลดใี น ปจจุบันเสรจ็ แลวจึงจะหอ ยทายลงวา ตายแลวไปสวรรค ไปพรหม โลก เปน เพียงการเอยถึงผลของการทําดี ทาํ ชั่ว นอกจากนั้นเราตองสงั เกตดวยวา เมอื่ พระพุทธเจา ตรสั ถงึ เร่ืองนรก-สวรรคน้นั พระองคตรัสในขอความแวดลอมอยางไร มี เร่ืองราวเปน มาอยางไร เราจะสังเกตไดวาพระพุทธเจาตรสั ถงึ ผล ในปจจุบันมากมายกอน แลวอันนี้ไปหอยทายไว เมื่อทราบอยาง น้ีแลวจะไดจ ัดฐานะของนรก-สวรรคไดถกู ตอ ง น้บี อกไวใหเ ปนขอ สังเกต เปนอันวา เราจะพบคาํ บาลที ี่พระพุทธเจาตรสั อยูบ อ ยๆ วา เม่ือตายแลวจะไปนรกหรอื สวรรค หลังจากไดรบั ผลกรรมดกี รรมชัว่ ในปจจุบันน้แี ลว ตรสั บอยๆ โดยไมมคี ําบรรยาย ขอความในพระไตรปฎกสวนที่มีคําบรรยายวานรก-สวรรค เปนอยางไร มนี อ ยแหงเหลอื เกิน แหง ท่ีนบั วา มคี าํ บรรยายมาก หนอ ย กลา วถงึ การลงโทษในนรกเรมิ่ จากวา ตายไปแลว เจอยมบาล พญายมถามวา ตอนมีชีวิตอยเู คยเห็นเทวทตู ไหม เทวทตู ทหี่ นง่ึ เปน อยา งไร เขาตอบไมไ ด ยมบาลตอ งชแ้ี จงวา เทวทตู ท่ีหนึ่งคือ เด็กเกิดใหม ทสี่ องคอื คนแก ท่สี ามคือคนเจ็บ ทีส่ ี่คือคนถกู ลงโทษ ทัณฑอาญา ท่หี าคอื คนตาย ยมบาลอธบิ ายใหฟ ง แลวกซ็ ักตอวา ทา นเคยเห็นไหม เคย เห็นแลวทา นเคยไดค วามคดิ อะไรบางไหม มคี วามสลดใจบางไหม ในการท่ีจะตอ งเรงทาํ ความดี ทา นเคยรสู ึกบา งไหม ไมเคยเลย ถา

พระพรหมคณุ าภรณ (ป. อ. ปยุตฺโต) ๙ อยางนนั้ ก็เปนเรือ่ งของตัวเองทํากรรมไมดี ก็ตอ งไดรบั โทษ มกี าร ลงอาญา เขาเรียกวา กรรมกรณ ซึ่งเปน วิธีลงโทษในนรกดว ย ประการตางๆ เรื่องนมี้ ีมาใน พาลบณั ฑิตสูตร และเทวทูตสูตร ในพระไตร ปฎกเลม ๑๔ ถา ตอ งการคนกบ็ อกขอบอกหนา ไปดว ย บอกวาเลม ๑๔ ขอ ๔๖๗ หนา ๓๑๑ และเลม ๑๔ ขอ ๕๐๔ หนา ๓๓๔ สําหรับพระไตรปฎ กแปลภาษาไทย ก็ไปคนดตู ามขอ หนา ไมต รง กัน เพราะน่ีเปนหนา บาลี โดยมากพดู ถึงนรก ไมค อยพูดถึงสวรรค นอกจากน้ีก็ยงั มบี างแหง พดู ถงึ อายุเทวดาในชัน้ ตางๆ เชน ช้ันจาตุมหาราช หรอื ชั้นโลกบาล ๔ ช้นั ดาวดึงส ช้นั ยามา ช้นั ดุสิต ชั้นนมิ มานรดี และช้ันปรนิมมิตวสวตั ดี แตล ะช้นั มีอายุอยูนานเทา ไร อยา งนีม้ ใี นพระไตรปฎ กเลม ๒๐ ขอ ๕๑๐ หนา ๒๗๓ และไปมี ซาํ้ ในเลม ๒๓ ขอ ๑๓๑–๑๓๕ หนา ๒๕๓–๒๖๙ และยังมอี ายุ มนุษยถึงรูปพรหม แสดงไวใ นฝา ยอภิธรรม พระไตรปฎกเลม ๓๕ ขอ ๑๑๐๖–๑๑๐๗ หนา ๕๖๘–๕๗๒ บางแหง แสดงเรอ่ื งราววาในวัน ๘ คา่ํ ทาวมหาราช ๔ คอื ทาวโลกบาล ๔ จะสง อาํ มาตยม าเทยี่ วดใู นหมมู นษุ ย วามนุษย ประพฤตดิ ปี ฏิบัติชอบหรอื เปลา ถาเปนวัน ๑๔ คา่ํ โอรสมาเท่ียวดู ถาเปนวัน ๑๕ คา่ํ กเ็ สด็จมาเท่ยี วตรวจดเู อง แลวกลบั ไปแจง ขา ว ตอทปี่ ระชมุ เทวดาในสธุ รรมสภา สวรรคชนั้ ดาวดงึ ส ซ่งึ มพี ระ อินทรเปนประธานวา เดี๋ยวน้ีมนษุ ยโ ดยมากประพฤตดิ หี รือ ประพฤตชิ ัว่ ถา มนุษยประพฤติดี เทวดากจ็ ะดใี จ วา ตอไปสวรรค จะมีคนมาเกดิ เยอะ ถาหากมนุษยประพฤตชิ ่วั มาก เทวดาก็จะเสยี ใจ วาตอไปฝายเทวโลกจะมีแตเสอื่ มลง อะไรทาํ นองนี้ เรื่องอยา งนี้

๑๐ นรก-สวรรคในพระไตรปฎก ก็มีในเลม ๒๐ เหมอื นกนั ขอ ๔๗๖ หนา ๑๘๐ เปนการกลา วแทรก อยูบ างแหง มไี มส มู าก นอกจากนีก้ ็มกี ระเส็นกระสาย เล็กๆ นอยๆ ชอ่ื นรก ๑๐ ขุม ก็มีในพระไตรปฎกดว ย คอื ในเลม ๒๔ องั คตุ ตรนิกาย ทสก- นิบาต ขอ ๘๙ หนา ๑๘๕ และนรก ๘ มีในคาถาชาดก เลม ๒๘ ขอ ๙๒ หนา ๓๙ อนั นกี้ เ็ ปนฐานใหอรรถกถาไดนํามาชแ้ี จงอธิบาย เรื่องนรกตางๆ แจกแจงใหเราเห็นเรือ่ งราวพสิ ดารยิ่งข้ึน แตในที่น้ี จะไมพูดถึง คัมภรี ใ นกลุม ชาดก คอื ในขทุ ทกนิกาย เปนแหลงทจ่ี ะหา เรื่องราวคําบรรยายเกี่ยวกับสภาพในนรกและสวรรคไดมากกวาที่ อืน่ เนมิราชชาดก ในพระไตรปฎกเลม ๒๘ ขอ ๕๒๕–๕๙๙ หนา ๑๙๘–๒๒๓ เปนเรื่องการไปทศั นาจรนรกและสวรรคโ ดยตรงที เดยี ว (ในมฆเทวสูตร ในพระไตรปฎ กเลม ๑๓ ขอ ๔๕๘–๔๖๐ หนา ๔๒๑–๔๒๔ ก็มเี รอื่ งทพี่ ระเจา นมิ ิหรือนมิ ริ าช กษตั รยิ ทรง ธรรม เปนธรรมราชา แหงมถิ ิลานคร ไดร บั เชิญจากพระอนิ ทรไ ป พบกับเหลาเทวดาในทส่ี ธุ รรมเทวสภา ในสวรรคชนั้ ดาวดงึ ส) คัมภีรเปตวัตถุ ที่วาดวยเรื่องของเปรต แมจ ะตางภพกับ นรก แตก็อยใู นประเภทอบายเหมอื นกัน ถารับเขา มาพิจารณาดว ย ก็จะไดคัมภรี เ ปตวตั ถแุ ละวิมานวัตถเุ ขามารว มในกลุม นี้ดว ย และ จะพบเรอ่ื งราวมากมายทเี ดียว ไดแก พระไตรปฎก เลม ๒๖ ขอ ๑– ๑๓๖ หนา ๑–๒๕๙ แมในพระไตรปฎกจะไดพดู ถงึ นรก-สวรรคแบบน้ี เราก็อยา เอาไปวุนกับการเขียนภาพและคําบรรยายในวรรณคดีใหมากนัก เพราะวรรณคดีบวกจินตนาการเขาไป ซึ่งเปนเร่อื งธรรมดาของกวี

พระพรหมคุณาภรณ (ป. อ. ปยุตฺโต) ๑๑ แมจะบรรยายอารมณม นษุ ย ก็ตองบรรยายใหเหน็ ภาพ เม่ือจะ บรรยายนรก-สวรรคกต็ องพูดใหเ หน็ จริงเหน็ จัง หรอื จะมาเขยี น เปนภาพประกอบ จะใหค นธรรมดาเกิดความสนใจ ก็ตองนาํ เสนอ ในรูปแบบที่ทําใหเ กดิ ความเขาใจงา ย เทียบเคียงหรือประยกุ ตเ ขา กับสิ่งท่ีคนรูเห็นกนั ในยคุ นน้ั ถ่ินนน้ั เพราะฉะนน้ั เราจะเอาวรรณคดี รุนหลังๆ หรอื ภาพตามฝาผนงั เปนมาตรฐานไมไ ด เพราะนีเ่ ปน รูป ของการทําใหงายแลว จะวาตามนน้ั ทเี ดยี วไมได ก็เปนอนั วา ในแงท่หี นึง่ สําหรบั คาํ ถามวา นรก-สวรรคห ลงั จากตายในพระไตรปฎ กมีไหม? เมื่อถอื ตามตัวอักษรก็เปน อันวา มี ดังทกี่ ลา วมาแลว สวนที่วาอาจมีบางทานแสดงความเห็นวาเร่ืองนี้สัมพันธ กับความเช่อื ท่มี ีดัง้ เดิม เชน วา พระพุทธเจา อาจจะตรัสไปตามทค่ี น เช่ือกันอยู นั่นกเ็ ปนเรือ่ งทเี่ ราจะตองศกึ ษาคนควา กนั ตอไป นอก จากนี้ใครจะตีความอยา งไรตอไปอาตมาไมเ ก่ยี ว ๒) นรก-สวรรค ท่อี ยูในใจ ตอ ไประดบั ทสี่ องเลย เพอ่ื ยน เวลา นรก-สวรรคใ นระดบั ทส่ี อง ก็คือท่เี ราพูดกันวา \"สวรรคในอก นรกในใจ” เปนเร่อื งทม่ี ใี นชาตินี้ นรก-สวรรคแ มในชาติหนา ก็สบื ไปจากที่มใี นชาตินี้ เพราะ อะไร เพราะมันอยูในสภาพจิต ภมู ิของจิต ช้ันของจติ ระดบั ของจิต ใจ จติ ของเรามคี ุณภาพหรือคณุ สมบัติอยใู นระดับไหน ถึงเวลา ตาย ถาระดบั จิตเปน นรกกไ็ ปนรก ถาระดับจิตเปน สวรรคกไ็ ป สวรรค นี่เก่ยี วกบั สภาพจติ ทเ่ี ปน อยูต ลอดเวลา ท่ีพูดมาน้ันคอื เมอ่ื วาโดยหลกั ท่ัวไป ในการดาํ เนินชวี ติ

๑๒ นรก-สวรรคใ นพระไตรปฎก ประจําวัน ซง่ึ เปน ระยะเวลายาวนานหลายๆ ป ระดับจติ ของเราอยู แคไหน เวลาตายโดยทั่วไป ถาไมใ ชกรณยี กเวน มันก็อยูในระดับ นั้นแหละ สว นในกรณียกเวน ถาเวลาตายนึกถงึ อารมณท ด่ี ี เชนทํา กรรมชั่วมามาก แตเวลาตายนกึ ถงึ สิ่งทดี่ ี กไ็ ปเกิดดไี ด ถา หากเวลา อยูทํากรรมดี แตเ วลาตายเกดิ จิตเศราหมอง ระดับจิตตกลงไป ก็ ไปเกดิ ในที่ตา่ํ เม่ือการไปเกดิ ข้นึ อยูกบั ระดับจติ อยา งน้ี กห็ มายความวา เราพรอ มจะไปนรกหรอื สวรรคไ ดต งั้ แตป จ จบุ นั หรอื พดู อกี อยา งหนงึ่ วา คนที่จะไปนรกกค็ อื คนทจ่ี ิตใจอยูใ นระดบั นรกอยูแ ลว ในชาติน้ี สวนคนทีจ่ ะไปสวรรคกค็ ือคนทมี่ ีจิตใจในระดับสวรรคอ ยแู ลว ตกลงวา เร่อื งนรก-สวรรคนมี้ ตี ้งั แตเดย๋ี วนอ้ี ยแู ลว ปจจุบัน น่ีเองมันสอ ขางหนา เพราะฉะนน้ั ถา จะคาดการณเรื่องขา งหนา เราไมจําเปนตองไปพูดถงึ สวรรคทไ่ี กลดว ยซํา้ เอาปจ จุบันน่ีเปน เกณฑ เพราะคนเราสรางสมกรรมดวยชวี ติ ที่เปน อยู สรางระดบั จติ ของตนไว สง่ั สมระดบั จิต ซึ่งทําใหพรอ มอยูเสมอ เพราะฉะนั้น เรือ่ งสวรรคใ นอกนรกในใจกย็ อมมีไดตาม หลักน้ี คือระดบั จติ ของเรานั่นเอง ที่มนั อยูในนรกหรือสวรรค ถา ระดับจิตของเราอยูในนรก กเ็ ปนนรกและไปนรก ถา ระดบั จติ ของ เราอยใู นสวรรค กเ็ ปนสวรรคแ ละไปสวรรค เอาละ ทีนี้ เราทํากรรมดีหรอื กรรมชว่ั ไว เรารู เรามคี วามรู สึกเปนประสบการณเฉพาะตัวเกย่ี วกบั กรรมด-ี กรรมช่ัวทที่ ําไว ถา ทํากรรมชัว่ ไว เรารูสกึ เดอื ดรอนใจ ทางพระทานใชค าํ วา “วิปฏิสาร” ความวปิ ฏสิ ารนีแ่ หละ เปน สภาพจติ ท่ีเปนทุกขซ งึ่ นับ เปนนรก หรืออีกอยางหนึ่ง ในนิวรณ ๕ ก็มขี อหน่ึงวา “กกุ กจุ จะ”

พระพรหมคุณาภรณ (ป. อ. ปยุตฺโต) ๑๓ อันไดแ กค วามไมสบายใจ กังวลใจ ราํ คาญใจ ไมสบาย เดอื ดรอ น ใจวาสิง่ ที่ดีเราไมไ ดทํา ไดแ ตท าํ สง่ิ ท่ชี ัว่ ท่ีไมดี ในทางตรงขา ม ถา ทาํ กรรมดกี ็เกดิ ปราโมทย มีปต ิ มีความ อบอุนใจ อ่มิ เอิบ ราเริง บนั เทงิ เบิกบานใจ มีความเปรมใจ มคี วาม สขุ จติ ใจอยใู นระดบั สวรรค อยา งนก้ี เ็ ปน เรอ่ื งสวรรคใ นอก นรกในใจ ถาพูดถึงเร่ืองวิปฏิสาร และเรื่องปต ปิ ราโมทย ในการทําชว่ั และทําดอี ยางนี้ มนั ก็มใี นพระไตรปฎ กมากมายเชน เดยี วกัน ไมจ าํ เปนจะตอ งอา งขนึ้ มาเลย เปน อันวา นรก-สวรรคแ งน้ีเปนเรอ่ื งระดับ จิต ซง่ึ มีอยแู ลวตงั้ แตป จ จบุ นั ๓) นรก-สวรรค แตล ะขณะจติ ทีนี้ไปสรู ะดับทส่ี าม จะพดู ในแงห ลักวชิ าการกอ น เรอ่ื ง วิจารณไวท หี ลงั คือการที่เราปรงุ แตง สรา งนรก-สวรรคของเราเอง ตลอดเวลาในชีวติ ประจาํ วนั ทานกลา ววา คนทีย่ ังไมร ูอรยิ สัจ ๔ ยงั ไมแ ทงตลอดสจั ธรรม ไมเขา ใจในหลกั การแหง สัจจะของอริยชน กย็ งั ปรุงแตง สราง สวรรค-นรกกนั อยตู ลอดเวลา ดว ยอายตนะของเรานนั่ แหละ คอื ดวย ตา หู จมกู ล้นิ กาย และใจของเรา ขอน้ีกค็ ลายๆ กบั ขอ ท่ี ๒ แตเปนเรอื่ งละเอียดออ นข้ึนไปเทานั้นเอง คือเปน เรื่องสมั พนั ธก ับ สภาพและระดับจิตใจ เมื่อเรายงั เปน ปุถุชน เรากย็ งั ปรุงแตงอยูเ สมอ เมอ่ื เรายงั มี ความรสู ึกดว ย ตา หู จมูก ลิน้ กาย ใจ เราก็ยงั ปรงุ แตงอยเู รือ่ ยไป คือปรงุ แตงดว ยกิเลส มีความด-ี ความชว่ั มกี ศุ ล-อกศุ ลในจติ ของ เราเอง

๑๔ นรก-สวรรคใ นพระไตรปฎ ก การปรุงแตงอยางนี้เปนเร่ืองของปฏิกิริยาตอส่ิงท่ีรับเขามา เชนเมือ่ เราไดเ หน็ สิง่ ทส่ี วยงาม เราชอบใจ เราก็มีความสขุ ไดเ หน็ ส่ิงท่ีเราไมช อบ เราขัดใจ กเ็ กดิ ทุกข หรือวา เราไดร ับประทาน อาหาร ไดก ินขนม ลนิ้ ไดรบั รสที่อรอ ย เราก็มคี วามสขุ ถาหากเรา ไดรับรสที่ขม ไมอรอย เราก็มคี วามทกุ ข อนั นีเ้ ปน เรือ่ งธรรมดา ทีน้ีบางทเี ราปรงุ แตงจากขา งในออกไป คือไมใชสิ่งภาย นอกฝายเดียวทป่ี รงุ แตง แตเ ราปรุงแตง ขนึ้ เอง เชน ใจคอเราไมดี เราเกิดความโกรธ เกดิ อารมณคาง เลยเห็นอะไรขดั ใจไปหมด ทงั้ ท่ี คนหรือของนัน้ ไมไ ดท ําอะไรเรา ไมไดม าเบียดเบยี น ไมไดมุง มาท่ี เราเลยดวยซาํ้ คนโนน เดนิ มาดีๆ ไมไ ดท าํ กิริยากระทบกระท่งั เรา แตเรามองเหน็ เปนวาเขาลอเรา หรือสําคญั วา เขามใี จคดิ ไมดตี อ เราตางๆ นานา เพราะใจของเราเองปรุงแตง อาศยั พ้นื จิตของเรา ไมดีอยแู ลว มอี กุศลขึ้นมาในใจ ใจเราไมด ี มองอะไรขัดใจไปหมด มีทกุ ขเ รอ่ื ยๆ ตลอดวนั แตถาเราใจดี บางทีไปประสบอะไรทีด่ ีใจข้นึ มา วนั นนั้ เลย ย้ิมไดทงั้ วัน เห็นอะไรดีไปหมด อยา งนเ้ี รยี กวา การปรุงแตง สวรรค- นรกของเรา เพราะวา นรก-สวรรคอ ยา งนี้เปนเรอ่ื งทันตาทนั ใจอยู ตลอดเวลา ไมตอ งรอชาติหนา อยทู ี่การสรางจิตใจของเรา ถาจติ ใจของเรามภี ูมิธรรมดี สรา งกุศลไวมาก ทําจิตใจให อ่ิมเอิบเปน สขุ รจู ักมองในแงด ี ก็รับอารมณทเี่ ปนสุขไวไ ดม าก แต ถาเราสรางพืน้ ภูมจิ ติ สะสมไวในทางทที่ าํ ใหจ ติ มกี เิ ลสมาก มีกเิ ลส ตางๆ ท่ที าํ ใหจ ติ เศรา หมองบอยๆ เรากจ็ ะสรางนรกของเราเรือ่ ยไป ไมวา จะไปเหน็ อะไรก็รูส กึ ไมด ี ไปไหนใจก็ไมสบาย มีแตค วามทุกข มากมาย

พระพรหมคณุ าภรณ (ป. อ. ปยุตฺโต) ๑๕ ถาเปนอยา งนี้ ก็ยังไมตอ งคดิ เลยไปถงึ นรก-สวรรคช าติ หนา เพราะปจ จบุ นั ท่ีเปน อยกู ลายเปนเรือ่ งท่ีเราควรจะเอาใจใส มากกวา และเปนเร่ืองสําคัญมาก เพราะเราไดรบั ผลอยูตลอดเวลา นรก-สวรรคขา งหนายงั ไกล มองงายๆ วา เม่ือในปจจบุ ันเรามแี ต ความเรารอนขนุ มัวเปน ทกุ ขอ ยูเสมอ ก็นากลัววา เราจะไปไมด ี ฉะนั้น ทา นจึงใหเอาใจใสน รก-สวรรคทมี่ ีอยตู ลอดเวลา ที่ เราปรุงแตงอยูเรอื่ ยๆ และสอนใหเ รายกระดับจิตข้ึนไป คอื ข้ันตน ถา เราสรางสมพ้ืนจิตใจไวในทางไมด ี มกี เิ ลส โลภะ โทสะ โมหะมาก มนั ก็ทาํ ใหรับอารมณโดยปรุงแตง สรางนรกขน้ึ มา มาก ถาเราสรางสมพนื้ จติ ใจไวในทางดี มเี มตตา มใี จกวางเผ่ือแผ สรางปญ ญาไวมาก ใจเราดีมคี วามโลงโปรงสบาย เราก็สราง สวรรคไดและมีสวรรคอ ยูเสมอ แมว าสภาพแวดลอมอาจไมด เี ทา ท่ี ควร แตเ ราทาํ จติ ของเราได ใจเราสบาย มันก็สามารถทาํ สภาพที่ จะนําไปนรกใหก ลายเปนสวรรคไ ปได ในช้ันสูงขึ้นไปอีก เรามปี ญญาท่รี เู ทาทนั ความจรงิ ของสิง่ ทั้งหลาย ซึ่งทําใหเราเขา ใจโลกและชวี ิตดี ทาํ ใหว างทาทีตอ สง่ิ ทั้ง หลายถูกตอ ง ในกรณอี ยางน้ี ทานวา มันพนเลยเรือ่ งนรก-สวรรคไป แลว คือมจี ิตใจปลอดโปรง แจมใสอยูต ลอดเวลา มคี วามสบายทัน ตาในปจ จุบัน ไมตองพูดถึงขา งหนา ซง่ึ เนื่องไปจากปจจุบนั นี้ กจ็ ะ ตอ งไปดดี ว ย ปจจุบันนี้แหละเปน ส่งิ ทีแ่ นนอน เรารบั ผลอยูใ นขณะนแ้ี ลว และเปนเคร่อื งสอ สอ งถึงขา งหนาตอไปดว ย เพราะฉะน้ัน ในทาง พุทธศาสนาจึงถือเรื่องปจจบุ นั น้ีเปน สาํ คญั เพราะ ๑. เราไดรับผลทนั ที เรารับผลเหน็ อยชู ดั ๆ แนน อน

๑๖ นรก-สวรรคใ นพระไตรปฎก ๒. ขางหนา กเ็ ปนผลสบื ไปจากปจจุบันน้ีเอง เอาปจจุบนั นี้ ไปทํานายขา งหนาได เพราะฉะน้ัน ปจจบุ ันจงึ สําคัญกวาทัง้ สองประการ ถึงมอง ขางหนา กต็ อ งมองที่ปจจุบันออกไปเปน สําคัญ เร่ืองนรก-สวรรคในแงของการปรุงแตงในชีวิตประจําวัน และตลอดเวลา หรอื นรก-สวรรคทีเ่ ราปรุงแตงขึน้ มาเรือ่ ยๆ นี้ กม็ ี มาในพระไตรปฎก คอื นรกทเี่ กดิ พรอ มกับการไดเห็นไดยิน ไดรบั รู ทางอายตนะตางๆ กลา วคอื การท่ีอินทรีย หรอื อายตนะ คอื ตา หู จมูก ลิ้น กาย ใจ ไดรับรูแตส่ิงท่ีไมดีไมนาพอใจ อยางน้ีทาน เรยี กวา “ฉผสั สายตนกิ นรก” หรอื ในทางตรงขา มกเ็ ปน “ฉผสั สายตนกิ - สวรรค” แลว แตว าเปนฝา ยนรกหรอื สวรรค อนั นม้ี าในพระไตรปฎ ก เลม ๑๘ ขอ ๒๑๔ หนา ๑๕๘ อกี แหง หนง่ึ คลา ยๆ กนั เฉพาะเรอื่ งนรกคอื “มหาปรฬิ าหนรก” มาในเลม ๑๙ ขอ ๑๗๓๑ หนา ๕๖๒ ทานวา นรกท่วี านน้ั ไมหนกั หนาเทานรกทปี่ ระสบอยใู นปจจบุ ัน ทคี่ นผูมอี วิชชาไมร อู รยิ สัจแลว ปรุงแตง ทกุ ขข ้นึ มาแผดเผาตวั เอง น่ีคือนรก-สวรรคระดับที่ ๓ ซึ่งพุทธศาสนาเนนมาก คาํ วา “ฉผัสสายตนะ” แปลวา อายตนะที่รบั รทู ้ัง ๖ หมายความวา นรก หรือสวรรคเ กิดทอ่ี ายตนะรับรทู ั้ง ๖ นั่นเอง สาระของนรก-สวรรคค อื อะไร มันก็เปน เรอื่ งของการรับ อารมณที่นาปรารถนาและไมนาปรารถนาเทา นนั้ เอง เราไปสวรรค วา ตามทีพ่ ดู ไวในวรรณคดี กไ็ ดสง่ิ ทร่ี ับรูคอื อารมณของตา หู จมูก ลน้ิ กาย ใจ ไดเ ห็นสิ่งทสี่ วยงาม ไดย ินเสียง ดนตรที ิพย ไพเราะเสนาะ ทางจมูกไดก ลน่ิ หอมหวล และลน้ิ ไดรบั

พระพรหมคุณาภรณ (ป. อ. ปยุตโฺ ต) ๑๗ รสที่ดีอรอ ย กายสัมผสั สงิ่ นมุ นวล ใจปลาบปลืม้ เพลิดเพลิน ก็เปน เร่อื งของอายตนะท้ังนั้น คนไปนรกกไ็ ดรบั ความทรมาน ไดเห็น ไดย ินแตส่ิงท่ีไมดี จนกระท่ังรางกายถูกบบี คนั้ ตางๆ ก็เปนเรอื่ งของอายตนะท้ังน้ัน ที่จริงปจจบุ ันเราก็ไดร บั รทู างอายตนะเหลาน้ีอยูแลว ไมวา นรก-สวรรคข า งหนา หรอื นรก-สวรรคเ วลานี้ มันกอ็ ยทู ีอ่ ายตนะรับรู น่ีเอง ถา เอาสาระแลวมันไมไดไปไหนเลย อยูแคน ้ี ตกลงวา ตามหลักการน้ี เราจะตอ งรจู ักนรก-สวรรคท ั้ง ๓ ระดับ และแกนแทของนรก-สวรรคก ็อยูทรี่ ะดบั ท่สี ามทวี่ า น้ี นรกระดับที่หนึ่ง หลังจากตาย ไกลตัว ยังไมไ ดร ับ ปจ จุบัน เรายังไมรูส ึก แลวมนั ก็เนอ่ื งไปจากปจจุบนั ดว ย ตอ งสรา งใน ปจ จุบนั ตอมาในระดับที่สอง สวรรคในอก นรกในใจ ก็อยทู ่ีชวี ติ ท่ี สรางภมู ิระดบั จติ ในปจจุบนั แตย ังเปนเร่ืองทม่ี ีเปน ครั้งคราว เพราะเอาเฉพาะท่ีเปนเรื่องใหญ พอมาในระดบั ที่สาม ก็ละเอียดลออเปน ไปอยูป ระจํา ตลอดทุกเวลาท่ีรบั อารมณ ขณะนี้ถาเราสรางความรสู กึ ทดี่ ี ก็ทําให เกิดสวรรคไ ดเด๋ยี วนี้ สมมติวาใจไมสบาย เอ ฟงเรอื่ งน้ไี มน า สนใจ ชักราํ คาญ เห็นอะไรไมด ีไปหมด ชักกลุม แตถ าทําใจใหด ีขนึ้ มาวา เอ นีเ่ ปน เร่ืองสาํ คญั ถงึ จะยากหนอ ย กค็ วรพยายามเอาใจใสใ หดี สราง ฉันทะ ใหอ ยากรู ทาํ อารมณดีใหใจสบายขึน้ มา ก็มองอะไรชกั จะดี ขึ้นไปหมด สวรรคเ รม่ิ มาแลว

๑๘ นรก-สวรรคในพระไตรปฎก สวรรคท ่ีมีในปจ จบุ นั นี้ แมจะละเอยี ดออนจนเราอาจจะนกึ วาเปน เรื่องเลก็ นอย แตอยาลมื วา การสรางนรก-สวรรคใหญๆ กม็ า จากสรางเลก็ ๆ นอย น้เี อง คอื จากอารมณท ล่ี ะเมยี ดละไมตลอด เวลาซ่ึงละเอยี ดออน คนเราสรา งบุคลิกลักษณะสรางสมนิสยั ใจคอ จากอะไร ก็จากความคดิ และพฤตกิ รรมทกุ ขณะจติ จากการดํารง ชีวิตประจําวนั ทลี ะเล็กละนอ ย ถา พยายามสรา งจติ ใจของเราใหดี ทําอารมณใหดี คอ ยเปนคอ ยไป ทาํ ใจตอ ส่ิงตางๆ ใหถ กู ตอง บุคลิกก็ดขี ้ึน จติ ใจก็สบายขน้ึ อะไรๆ ก็ดีขนึ้ น่เี ปน การสรา งสม ระยะยาว เกบ็ เลก็ ผสมนอ ย ก็เหมือนในทางวัตถุ เราตองรจู กั เก็บออม ทางดา นจติ ใจก็ ตองมกี ารสะสมนิสยั นีก้ ็เปนเร่ืองท่ที า นใหม ามองในระดบั ท่ีสาม ซ่ึงจะไปเปนเหตขุ องสวรรค- นรกอนั ใหญต อ ไปขางหนา และเปน เรื่องที่เราตอ งประสบตลอดเวลา ควรใหค วามสําคัญกับมัน อยา ไปคิดวา เปนเร่ืองเลก็ เรอ่ื งนอย และถาเราทําได เราก็ไดรับผลใน ปจจุบันน้เี ลย เราจะไมต อ งทรมานเพราะนรก เราจะมีจติ ใจที่ บรสิ ทุ ธ์สิ ะอาดผองใสสบายและพบสวรรคอยเู รอ่ื ยๆ เอาละ นเ้ี ปนเรือ่ งของนรก-สวรรคในแงข องความมอี ยู ซ่งึ แยกเปน ๓ ระดับ

 ⌫     ทีนี้พูดถึงการวางทาที ซ่ึงเปน หวั ขอ ท่ีสอง การวางทา ทีเปน หัวขอท่ีบอกแลว วาสาํ คญั การวางทา ทีสําคัญกวา ความมจี รงิ หรือ ไม ตอบไดว า สาํ คญั กวา แงท่ีพูดถงึ นรก-สวรรคห ลงั ตาย แตม นั จะ ไปเปนอันหน่ึงอนั เดียวกับนรก-สวรรคร ะดับทีส่ าม เพราะการวาง ทาทวี าเราจะปฏบิ ัติอยางไร จะสอดคลองกบั สิง่ ทปี่ ฏบิ ตั ิไดซึ่งอยู ในระดับท่สี าม หรอื รองลงไปก็ระดบั ท่ีสอง ๑) ตองมศี รัทธา ขอยอนหลังหนอย เม่อื พดู ถงึ ทา ทกี ต็ องยอ นมาต้งั แตระดับ ที่หน่ึง คือนรก-สวรรคหลังจากตายแลว ท่ีเปน แหลงเปน โลกเปน ภพซ่ึงเราจะไปรบั ผลกรรม หรอื พูดตามแบบศาสนาทมี่ ีเทพเจา สูง สุดวา จะไปรบั โทษ รับรางวัล นรก-สวรรคระดบั น้ี ไดบ อกแลว วาเปนเรื่องทเี่ ราคนสามัญ ไมอ าจพสิ จู นไ ด ไมว า ในทางลบหรอื ทางบวก เมือ่ พิสูจนไมได ก็ ตองข้ึนกับศรทั ธา วาอันนถี้ า ทางศาสนาสอนไว จะเช่อื ไหม? อยทู ี่ นี่เทา น้ันเอง สวนในทางพุทธศาสนานั้น กบ็ อกวา ใหเ ชือ่ อยา งมเี หตผุ ล สําหรับสง่ิ ทพ่ี สิ จู นไ มได ในเมือ่ จะตองเอาทางศรทั ธา ก็ตอ งใหไ ด หลักกอน

๒๐ นรก-สวรรคใ นพระไตรปฎ ก ศรัทธา คือการไววางใจในปญ ญาของผูอื่น หรอื พดู ในแง หนึ่งคือเราฝากปญ ญาไวก บั คนอ่ืน หมายความวาเราไมร ูไมเหน็ ดวยตนเอง จงึ ไปยอมรบั ความรูข องคนอนื่ ไววางใจในความรขู อง เขา เขาบอกวาตรงน้นั มขี องอยา งนน้ั ๆ เราจะเช่อื ไหม ถา เราไวใจ ในความรขู องเขา เราก็เชื่อเรากฝ็ ากปญญาไวก บั เขา แตถา เมื่อใดเรารเู ห็นดวยตนเอง เราไมต องฝากปญ ญาไว กับผูอ นื่ เรากไ็ มตองเชอ่ื ใคร แตเ ราจะตอ งรูเหน็ จรงิ ๆ ซึ่งเลยขั้น ศรทั ธา ตอนน้ีเร่ืองนรก-สวรรคเรายังไมรูเหน็ ดวยตนเอง กม็ ปี ญหา วา เราจะยอมฝากปญญาไวกับผูอนื่ ไหม? ทีนีค้ นท่เี ราจะฝาก ปญญาไว เราก็ตอ งคดิ วา นา เชื่อหรอื ไม ถา จะเชือ่ เราก็ตอ งดภู าวะ แวดลอ ม โดยมากคนเราจะอาศัยสงิ่ ตอ ไปนเ้ี ปนเครอ่ื งชว ยชกั จงู ให มอบความไววางใจในปญญาของผอู ่ืน คอื ๑. ดา นทีห่ นึ่ง ดูทป่ี ญญา คือมองดวู า ตามปกตคิ นผูน้เี ปน คนมีความรู มีปญ ญาจริงไหม? คาํ สัง่ สอนของศาสนานี้ เชนอยาง พุทธศาสนา ก็คอื คําส่ังสอนของพระพุทธเจา ทส่ี อนหลักธรรมโดย ท่ัวไปนี่ มีเหตุผลไหม? เปนความจรงิ ไหม? ถาเห็นวาคาํ สอนของ ทานเทาที่เรารแู ละเขาใจได คือเทา ท่ปี ญญาของเราจะหย่งั ถึงได และเทาทเ่ี ราผานมา ลวนเปน ความจริงทง้ั นั้น ก็ทําใหพลอยเชอ่ื สงิ่ ท่ีเรายงั ไมร ไู มเ ห็นดวยตนเอง เราคิดวาส่ิงท่พี ระพุทธเจาตรัสมานั้น เทา ทีเ่ รามองเหน็ ได ก็เปนความจรงิ เราจงึ เหน็ วาพระองคมปี ญ ญาพอท่เี ราจะฝาก ปญญาของเราไวกับทา นได เราจงึ เกดิ ศรัทธาขน้ึ เปนขั้นที่หน่ึง

พระพรหมคณุ าภรณ (ป. อ. ปยุตฺโต) ๒๑ ๒. ดานท่สี อง ดูทีเ่ จตนา ซึ่งเปน ความปรารถนาดี อนั นี้เปน เหตแุ หง ความไวว างใจอกี ดา นหนง่ึ ถา คนเขามปี ญ ญาแตเ ขาไมห วงั ดี เขาอาจจะหลอกเรา แตถ า เขาตอ งการชวยเหลอื เรา เขามแี ต เมตตา ปรารถนาดีตอ เราอยา งจรงิ ใจ เราก็ศรัทธาไดเ พราะนา ไวใจ เพราะฉะนนั้ เรอื่ งของศรทั ธา หลกั ใหญก อ็ ยทู วี่ า บคุ คลผนู น้ั ๑. มคี วามรจู รงิ มปี ญญาจริง สมควรเชอื่ ไหม? ๒. เปนผูมีความปรารถนาดี มเี มตตากรณุ า จริงใจไหม? การท่ีจะมเี มตตากรุณาและจรงิ ใจหรือไม ก็อยูทเ่ี หตุปจ จยั ประกอบ เชน วา ทา นมีเบอื้ งหลังทจ่ี ะหวงั ไดอะไรจากเราไหม? ถา จะหลอกเรา จะหลอกเราไปทําไม หรือตามปกติทานเปน ผมู ีความ ประพฤติบรสิ ุทธไ์ิ หม? ท่ีจะทาํ ใหเราเห็นวา เปนผูมีความหวงั ดี ปรารถนาดตี อ เราอยา งแทจรงิ เหมือนอยา งพอ แม เมอื่ เราเปน เดก็ ๆ ยังมีความรไู มพอ ยัง เล็กอยู เราก็ตองทาํ อะไรๆ โดยอาศยั ความเชื่อเทานัน้ โดยเฉพาะ พอแมเ ปนผูห วงั ดี เราเกิดความไวว างใจ เราก็เช่อื โดยเปนไปเอง เราอยูในโลก เราอยูด วยความเช่อื มากมาย เรานัง่ รถยนต โดยสารมาเราไมเ คยพสิ จู นเคร่อื งยนตว ามันเรยี บรอ ยหรือไม เรา เคยไปพสิ จู นท ุกอยา งไหม มันวิ่งๆ ไป เครอื่ งอปุ กรณห รอื สว น ประกอบอาจหลุดได หรือเวลานน้ี ง่ั อยบู นกุฏิ เอ เสากฏุ นิ เ่ี ขาหลอ ไวดีหรือเปลา เราไมเ คยตรวจเลย คานไมท่ีทาํ ไวอ ยใู นที่ถกู ตอ งม่ัน คงหรือเปลา เกดิ นง่ั ๆ อยูมนั หลน ลงมาก็หมดนะสิ อะไรอยา งนี้ มนษุ ยเ ราอยดู ว ยความไวว างใจ ตอ งอาศยั ศรทั ธา โดยบาง ทีไมรูตวั เลย มนั เปน ไปเองในชวี ิตประจาํ วัน ทงั้ ท่ีความจรงิ เราไม ไดพิสูจน เราไมไดรูเ ห็นอะไรทุกอยา ง เราเชอ่ื โดยเราเหน็ วา เขาไม

๒๒ นรก-สวรรคใ นพระไตรปฎ ก ไดมาหลอกลวงอะไรเรา เพยี งแคน ีเ้ ราก็เชื่อในขนั้ พืน้ ฐานไปเสีย แลว สําหรับในทางพทุ ธศาสนา กเ็ ปนอันมาพจิ ารณากันวา ๑. พระพุทธเจาเปน ผูม ปี ญญามาก เทาทีแ่ สดงออกเปน คําสั่งสอนตางๆ น้นั เปนจริง มเี หตผุ ลนาเชือ่ ไหม? ๒. พระองคม ีความปรารถนาดี มีเมตตากรุณา สอนเรา โดยบรสิ ทุ ธพิ์ ระทยั ตอ งการใหเ ราไดร บั ประโยชนใ ชไ หม? ถาหากเราม่นั ใจในพระองคโดยเหตผุ ลท้ังสองประการ เรา ก็มีศรัทธา พระองคสอนเรอ่ื งนรก-สวรรควาชาตหิ นา มีจริงหรอื เปลา ถา เรามีศรทั ธาเราก็นอ มไปทางที่จะเชอ่ื ตามทม่ี ีหลกั ฐานวา พระองคไ ดต รสั ไว เร่อื งก็เปนอยางน้นั เปนอนั ตกลงวา นรก-สวรรค ขั้นน้ีอยูท ี่ศรัทธา ๒) ตอ งพิจารณาเหตุผล แตพ ระพทุ ธเจา ทรงสอนวา จะเชอื่ หรอื ไมก ไ็ มเ ปน ไร ไมไ ดถ อื เปนเรือ่ งท่ีตองเชอ่ื ในพทุ ธศาสนาไมม ีการบงั คบั เมอื่ พระพทุ ธเจา ทรงพบกับคนท่ยี ังไมเ ช่ือ ไมมีศรัทธา พระองคก็ทรงสอนใหม ีทาที อยา งทสี่ อง คอื ทา ทใี นกรณที ยี่ งั ไมม ศี รทั ธา เชน ทต่ี รสั ในกาลามสตู ร เร่ืองมีวา พระพทุ ธเจาทรงพบกับกาลามชน พวกนีย้ ังไม นับถือลัทธิศาสนาไหนทง้ั นนั้ แตไ ดพบกับพวกเจาลทั ธิตางๆ ทีผ่ า น ไปมา เขากถ็ ามปญหา พวกเจาลัทธิเหลา นั้นซ่ึงสอนตางๆ กันไป ตางกว็ า ของตนจริง ของพวกอ่นื เหลวไหล เลยไมร จู ะเชอ่ื ใคร เมื่อพระพุทธเจาเสดจ็ ผา นมาในถิน่ ของเขา คนพวกนกี้ ็ทลู ถามพระพทุ ธเจา วา ใครพูดจริง ใครพดู เทจ็ พระพทุ ธเจา ตรสั วา

พระพรหมคณุ าภรณ (ป. อ. ปยุตโฺ ต) ๒๓ อยา ใหว า เลยใครจรงิ ใครเทจ็ ไมต องพูด พระองคตรสั วา อยา เช่ือ เพยี งเพราะไดย นิ ไดฟ ง ตามกนั มา หรอื เรยี นตอ กนั มา อยา เชอ่ื เพยี ง เพราะขาวเลา ลือ อยา เชอื่ เพียงเพราะมีเขียนในตํารา หรือเพยี ง เพราะเหน็ วา สมณะนเี้ ปน ครขู องเรา ฯลฯ พระองคต รสั หลกั กาลามสตู ร ทมี่ ี ๑๐ ขอ ใหเ ราพจิ ารณาดว ยตนเอง ตอนทายพระองคต รัสยกตวั อยาง ซงึ่ มาเขา เรอื่ งนรก- สวรรค และกรรมดี-กรรมช่วั กศุ ล-อกศุ ล ทรงสอนใหพ ิจารณาใน ปจจุบันนี้วาส่ิงทีด่ งี าม สิ่งที่เปนกศุ ล ทําแลวมันเกอ้ื กลู แกชีวติ ของ ตนเอง มนั ดีตอ ตวั เราไหม ดตี อผูอ น่ื ไหม เปนผลดีตอ ท้งั สองฝา ยใช ไหม แตถ าเปน อกศุ ล มนั ดตี อ ชีวิตจติ ใจของเราไหม ดตี อ ผอู ื่นไหม เปนการเบียดเบยี นผอู ่นื ไหม บางทีดีตอ เรา แตเ ปนการเบียดเบยี น ผูอื่น หรือมนั ดเี พยี งวาเราเหน็ ในชวั่ สายตามองสัน้ ๆ แคบๆ แตท่ี จริงเปนผลรายแกต วั เราเอง เราพจิ ารณารอบคอบหรือยงั เมื่อพิจารณาแลวจะเห็นวาส่ิงทเ่ี ปนกศุ ลดงี าม ก็คือ เปน ประโยชนตอชวี ิต เกื้อกูลอยา งแทจ ริงแกช วี ิตจิตใจของเราระยะ ยาว และแกผูอ น่ื แกสงั คม เม่ือพิจารณาและมองเหน็ อยา งนีแ้ ลว ถามวาอยางไหนควรทาํ อยางไหนควรเวน กเ็ หน็ วา ส่งิ ทดี่ ีงามคอื ส่ิงท่ที าํ ดว ยจติ ใจท่ไี มใ ชเ พราะโลภ โกรธ หลง เกิดจากจติ ใจทีม่ ี เมตตา มคี วามเผือ่ แผ โอบออมอารี มปี ญ ญา ทาํ ดว ยจิตแบบนีด้ ี กวา ควรจะทํา นี้วา กนั ใหเ หน็ ในปจจุบันนีเ้ ลย พระองคต รสั ตอไปวา ถา เราทาํ ดี บังเกดิ ผลดเี ปนสง่ิ ที่ เก้ือกูลในปจ จุบันแลว หากวาสวรรคมีจรงิ นรกมจี รงิ เราก็ไมตองไป ตกนรก ไมต อ งไปรับผลรา ย เราจะไปสวรรค ไดรบั ผลดี กเ็ ปนกาํ ไร เพิ่มเติมขึน้ แตถ า เปนฝายอกุศลคือความช่วั เกิดจากโลภ โกรธ

๒๔ นรก-สวรรคในพระไตรปฎก หลง ในปจ จุบนั นม้ี ันก็ไมเ กื้อกูลแกจติ ใจ และเปนการเบียดเบยี น ไมเกือ้ กลู แกสังคม เปนอันวา ผลเสียเกดิ ขึ้นในโลกต้ังแตชาติน้แี ลว เม่ือตายไป ถา นรก-สวรรคม ีจริง เรากไ็ มไ ดไ ปสวรรค แตไ ปนรกแน นอน กเ็ ปนอนั วา เสียผลทง้ั สองดา น เพราะฉะน้นั กเ็ ปนอนั สรุปในแงนีไ้ ดว า ถึงแมไ มตอ งใช ศรัทธา เอาตามเหตผุ ล กค็ วรทํากรรมดี ละเวน กรรมชว่ั นเ้ี ปนแนว กาลามสูตร ซึ่งเปนการวางทาทใี นข้นั ปญญา ๓) ตอ งม่ันใจตน-ไมอ อนวอน เลยจากนไี้ ปอีกชนั้ หนงึ่ พทุ ธศาสนาแสดงหลกั นรก-สวรรค อะไรตา งๆ ไวเพอ่ื มุง ประสงคอ ะไร จะใหเราวางทา ทอี ยา งไร อยาง ที่บอกไวเ ม่อื ก้ีวา ทาทสี าํ คัญกวา จะมัวรอพิสูจนว า จริงหรอื ไม เคยพูดขา งตน แลววา ในกรณที ่พี ระพุทธเจาตรสั ถึงผลของ การทําความดคี วามชวั่ พระองคตรสั วาการทาํ ชวั่ น้ันมผี ลตอไปนี้ หนึ่ง สอง สาม ส่ี หา โดยระบผุ ลหลายขอท่มี ีในชาตินี้กอ น สวนผล ชาติหนาทตี่ ามมาหลงั จากตายเอาไวข อสุดทา ย แมผลดีก็เชน กัน อันน้ีก็สอ ไปถึงลกั ษณะของการทเ่ี ราจะวางทาที เร่ืองนีข้ ออธบิ ายวา ในการที่พระพุทธเจาตรสั เรอื่ งนรก- สวรรคนั้น ทรงแสดงวา ผลอะไรตางๆ ยอ มเปนไปตามเหตุ หลกั พระพุทธศาสนาถือเรือ่ งกรรม ซึ่งเปน เรือ่ งของเหตุปจจยั เปนกฎ ธรรมดาของธรรมชาติ เมื่อมันเปน ไปตามกฎธรรมดา กเ็ ปน เรื่อง ของการที่เราจะรเู ทานั้น เราไมตองไปวงิ วอนใหผ ลอยา งนน้ั เกิด ในเม่ือมนั เปน กฎ ผลเกิดจากเหตุ เมือ่ เหตเุ ปนอยา งนีแ้ ลว ผลอยางนัน้ ๆ กเ็ กิดเอง เราไมต อ งออ นวอนวา ฉนั ทําเหตนุ แี้ ลว ขอ

พระพรหมคณุ าภรณ (ป. อ. ปยุตโฺ ต) ๒๕ ใหผลน้ันเกิดขน้ึ เถดิ เพราะวา ถึงจะออ นวอนอยางไร มนั ก็ไมเปน ไปตามคําออ นวอน แตมนั เปนไปตามเหตุทที่ ํา เมอ่ื ทาํ กรรมดี ผลดี ท่ีเกิดเปนไปตามหลักกรรม มันเปนไปตามกฎธรรมดา ไมเ ปนไป ตามคาํ ออ นวอนของเรา เพราะฉะนัน้ การท่ีพระพุทธเจาตรัสเร่ืองผลดผี ลรายตางๆ จนถึงวาตายแลวไปตกนรก หรอื ข้ึนสวรรคนี้ เปนการตรัสในแงกฎ ธรรมดา คือเปนเร่อื งความรูสําหรับเรารู ไมใชเ ปน คาํ สัง่ ไมใ ชคาํ บงการบัญชาหรอื บอกใบใหเ ราตองไปขอรอ งออนวอนอะไรอกี แต เปนการบอกใหเรารแู ละมน่ั ใจวาเม่ือทาํ อยางน้ี ผลอยา งนนั้ มนั จะ เกิดขึน้ ในทางตรงขาม ถา มคี นทคี่ อยใหรางวัลและลงโทษใหเปน อยางน้ัน เราจงึ จะจาํ เปน ตอ งยึดถอื จาํ เอาไวเ พือ่ ออ นวอน เพราะ เด๋ียวทําดไี ปแลว ไมเอาใจทาน อาจจะไมไ ดไ ปสวรรค แตใ นทางพุทธศาสนา คนทท่ี าํ ดี ไมตอ งออนวอนขอไป สวรรค เพราะมนั เปน ไปตามกฎธรรมดา เพียงแตร ไู วและมั่นใจเทา น้ัน ถึงเราไมรู ถงึ ทา นไมบ อก มันก็เปนอยางน้ัน แตรแู ลว เราจะได ปฏิบตั ติ ัวเองถกู และม่นั ใจ น่ตี องวางทา ทีใหถ ูกตอ ง พุทธศาสนิกชนมีความรูไวสําหรับใหเกิดความมน่ั ใจตนเอง เรารูแลววาทํากรรมดี จะเกิดผลดี พระพุทธเจา ตรัสไว เราก็มั่นใจ วา ถา ทาํ กรรมดีแลว ผลดีจะเกดิ ขนึ้ ไมต อ งใชวธิ ีออนวอน นคี่ ือการ วางทา ทีอยางหน่ึงในพระพุทธศาสนา เราเอาเวลาที่จะออนวอนไปใชในการพิจารณาส่ิงที่ทําวา ทําดีรอบคอบ ทาํ เหตุปจจยั ครบถวนไหม เปน ประโยชนท งั้ บดั นี้ และเบอื้ งหนาไหม เก้ือกูลแกช วี ติ แกส ังคมแคไ หน แทนทีจ่ ะเอา

๒๖ นรก-สวรรคในพระไตรปฎ ก เวลาไปใชออ นวอนขอผล กม็ ่นั ใจไดว า ผลจะมาตามเหตุของมัน เอง น่เี ปน ทา ทีระดับทีส่ าม ๔) ตองไมห วังผลตอบแทน ตอจากระดบั ทส่ี ามน้แี ลว ยงั มีข้ันสงู ขนึ้ ไปอกี ซ่งึ เราจะมอง เห็นวา ถงึ อยา งไรกต็ าม เรื่องนรก-สวรรคกย็ งั มีสว นเหมือนเปน ผล ตอบแทน นรกน้นั เปนผลรา ย เปรียบเทียบเหมือนเปน การลงโทษ สําหรบั กรรมชั่ว และสวรรคเ ปน ผลตอบแทนของกรรมดี ทีน้ีถาเรายงั ทํากรรมดีและเวนกรรมช่ัวโดยหวังผลอยูนี่ เรา ก็ยังไมพ ฒั นา ยังไมเปน อารยชนตามหลกั พระพทุ ธศาสนา ควร ทราบวาพระพทุ ธศาสนาสอนตอ ไปอีกระดบั หนึ่งวา ถา เรายงั ทํา กรรมดเี พราะหวงั ผลอยู ก็เรียกวาเปน โลกียปุถชุ น เปน ปถุ ุชนท่ยี ังมี กิเลสหนา คนของพระพทุ ธศาสนาแทจ รงิ ตอ งเปนอรยิ สาวก อริยสาวกคอื อยา งไร อรยิ สาวกเปนคนทีท่ าํ ความดีโดยไม ตองหว งผล เพราะเรอื่ งผลดผี ลรายนัน้ มันเปน ไปตามกฎธรรมดา ของมนั เอง เรารแู ลว เรายอ มมีความม่ันใจในตวั เอง แตเ มื่อปฏบิ ตั ิ ใหส งู ไปกวานัน้ กค็ อื ไมตองหวงั ผลเลย เราทาํ ความดเี พ่อื ใหส ิ่งทด่ี ี งามเกิดข้ึน สิ่งทด่ี ีงามคืออะไร คอื ส่งิ ท่ีเก้อื กูลแกชวี ติ จติ ใจของเรา ต้ังแตปจ จุบนั และมผี ลดีท่เี กดิ แกส ังคมแกผ อู ื่น เราทําดีเพราะตองการใหธรรมคือความดีงามเกิดขึ้นใน โลก อยา งน้ีหมายความวา มีความรกั ธรรม รักความดีงาม รักสงิ่ ท่ี ถูกตอง ถาทาํ ไดถ งึ ข้ันน้ี ก็เปนข้นั ดาํ เนินตามอริยสาวกแลว คอื เลย จากขั้นหวังผลหวงั ตอบแทน ซง่ึ เปนขั้นโลกียปถุ ชุ น

พระพรหมคณุ าภรณ (ป. อ. ปยุตโฺ ต) ๒๗ พระพุทธศาสนาตอ งการใหเรากาวไปอกี ข้นั หนงึ่ คอื ขนั้ สงู ที่เปนเรอื่ งของธรรมแทๆ น้ี ซ่ึงเปนข้นั อรยิ สาวก ใหม ีจิตใจของคนที่ อยูในขน้ั อรยิ สาวก ถึงตอนนก้ี ็มาเขาสนู รก-สวรรคระดบั ทีส่ าม เมอื่ กี้เราพูดถึง นรก-สวรรคร ะดับทีส่ าม ซง่ึ มีอยูตลอดเวลาท่เี ราปรงุ แตง ดังนนั้ ทา ทีท่ีมีตอนรก-สวรรค กบั ความมอี ยขู องนรก-สวรรคใ นข้ันสุดทา ยก็ มารับกัน คือผลท่ีสุดกม็ าอยูทป่ี จ จบุ นั เปน สําคัญ แลว มนั ก็จะให ความรสู กึ แกเ ราอยา งหน่งึ วา ในข้ันสงู สุดท่แี ทจ ริงแลว ชาวพุทธจะ กาวไปสูการทําความดี โดยรกั ธรรม รักความดีงาม รักส่งิ ท่เี ปน กุศลนัน้ เอง มนุษยเราน้ัน ทุกคน ถาวา ดวยใจจรงิ แลว ยอมมีเยอื่ ใยตอ ชีวิตของตน ทกุ คนรกั ชีวิตของตน เราตองการใหช ีวิตของเราเปน ชีวิตที่ดีงาม เราตอ งการใหชวี ิตของเราเปน ชวี ิตท่บี ริสุทธิ์ ถาเราได พัฒนาจิตใจของเราใหสูงขึน้ จนลักษณะนเ้ี ดน ชดั ขน้ึ เรากไ็ มตอง ไปนึกถงึ ผลตอบแทนขางหนามากมาย ถาเรารกั ความดีงามบริสทุ ธ์ิของชวี ิต รักความประณตี บริสุทธิ์ของจิตใจ กก็ ลายเปน วาเรารกั ธรรม รักความดีงาม เราก็ อยากถนอมชวี ิตของเราใหเปน ชีวิตทดี่ ีงาม ใหเปน ชวี ิตท่ปี ระณีต ใหเปนชีวิตทบ่ี รสิ ทุ ธ์ิ เราก็อยากจะทาํ ความดดี ว ยใจตัวเอง ไมตอง ไปหวงั ผลเปนลาภ ยศ สขุ สรรเสรญิ อะไร เรารักชีวติ รกั ความดี งาม รักตัวธรรมทแี่ ทจรงิ ไมดีกวา หรือ ทาทีสุดทายน้ีไปรับกบั เรอื่ งสวรรคท เ่ี ปน ปจ จุบัน ซ่ึงเราจะ ตองสราง เปนอันวา ชวี ิตของเรากาวหนา คือเราปฏบิ ตั ิธรรมกา ว หนาไปเรื่อยๆ จากขน้ั เปนโลกียปถุ ุชน ขึน้ สขู ั้นเปนอริยสาวก ซงึ่

๒๘ นรก-สวรรคใ นพระไตรปฎ ก เลยจากการทําความดีหลีกหนีความชั่วเพราะตองการเล่ียงผลราย หรือตองการรางวลั ผลตอบแทน เมอื่ เลยจากข้นั นนั้ ไปแลว ก็จะเกดิ ความเขาใจในธรรม รกั ชีวติ ของตวั เองในทางท่ีถูกตอ ง เชน ตองการใหชวี ติ ของเราเปนชีวติ ทีด่ ีงามบริสุทธิ์ เมื่อชีวิตของเราประณีตขึน้ สิง่ ทที่ ําไวเ ปนความดีความชวั่ จะยิ่งมีผลชดั มากขึ้น เพราะวาจติ ใจของเราประณีต การทเ่ี ราจะ กาวหนา ในคุณความดี บรรลอุ ะไรท่สี ูงขึน้ ไป จติ ใจของเราจะตอ ง ประณีตขนึ้ ไปดว ย เม่อื เราทาํ จิตของเราใหประณตี ขนึ้ พอมนั ละเอียดออ นขนึ้ ส่งิ ทกี่ ระทาํ ไวแมเปน เรอื่ งเลก็ นอยก็ปรากฏผลได งาย รบั รูง า ย มีความไวข้นึ เพราะฉะนั้นสงิ่ ท่เี ราทําไว กป็ รากฏผล มากขึน้ มีทานผูรูเ ปรยี บเทยี บไว เหมอื นวา พื้นถนน ปด กวาดแลว ถึงจะยังมฝี ุนมากก็นับวาสะอาด ขยับขน้ึ มาเปน พืน้ บา น ตอ งฝนุ นอยลง จึงจะนับวา สะอาด แตก ระจกแวน ตาฝนุ นิดเดียวกเ็ ห็นชดั ตอ งไมมีละอองจับเลย จึงจะนับวา สะอาด พ้ืนถนนเราใชสาํ หรับรถว่งิ หรอื ใหค นเดนิ ผาน สะอาดแค ไมเกะกะไมเ ลอะเทอะก็ดแี ลว ใชงานได แตก ระจกแวน ตา ถา สะอาดแคอ ยางพืน้ ถนน กย็ ังดอู ะไรไมเหน็ ใชประโยชนย งั ไมได เพราะฉะน้นั สง่ิ ทจี่ ะรองรับงานที่ประณีต คณุ ภาพกต็ อ ง ถึงข้ัน ชีวติ จิตใจที่จะเขา ถงึ สง่ิ ประเสริฐข้นึ ไป ก็ตองประณีตพอจงึ จะถึงได ถาเราตอ งการใหชีวติ ของเรากาวไปขางหนา ใหประณตี อยา งนน้ั เราก็ตองไมป ระมาท ตองระวงั ไวในเรอ่ื งความด-ี ความชว่ั เหลานี้ วา มนั จะไปมผี ลกระทบตอ ชีวติ ของเราทปี่ ระณตี ขนึ้ ทกุ ที

พระพรหมคณุ าภรณ (ป. อ. ปยตุ ฺโต) ๒๙ ดวย เพราะฉะนน้ั เราจะตอ งรกั ษาคุณความดี หรอื คุณภาพของ ชีวิตน้ีไวใหด ี จงึ เปน การจาํ เปน อยเู องท่เี ราจะตองพยายามสรา ง กรรมที่ดีงามยง่ิ ขน้ึ ไป ทาํ ดีไดด ี ทําช่วั ไดช่ัว เม่ือพูดมาถึงแงนี้ก็จะสัมพันธกับหลกั พุทธศาสนาทส่ี อนวา ทําดไี ดด ี ทําชว่ั ไดช ่วั ซึ่งมีปญหาเกยี่ วกับการตคี วามตามคาํ เปรียบเทียบทว่ี า หวา นพชื เชนไรไดผ ลเชน นัน้ ปลูกเม็ดมะมวงได ตนมะมวง ปลูกเม็ดมะปรางไดตนมะปราง ขั้นนี้เรียกวาหวาน พืชเชนไรไดผลเชนนนั้ ทีนี้มีอีกตอนหนง่ึ ถามวา ไดม ะปรางแลวจะขายไดก าํ ไรดี หรือเปลา ตอนน้ตี อ งขนึ้ ตอ ปจจัยอืน่ เชน วา คนเขานยิ มไหม มขี าย มากไป ลนตลาดหรอื เปลา มคี วามตองการของตลาดแคไหน ถา องคประกอบเชนความตองการอาํ นวย ก็จะทําใหไดก าํ ไรดี แตถา องคป ระกอบเหลา นนั้ ไมดี กไ็ มไ ดกาํ ไรเทาไร แตเรากไ็ ดมะปราง อยูน่นั เอง ทําดีไดดี เรามองเปนไดกาํ ไร แทนท่ีจะมองวาปลูกมะปราง ไดมะปราง เราขา มข้นั ตอนไปมองวาไดเ งินกําไรจากการขาย มะปรางเลย แทนทจี่ ะมองวา ไดตน มะปรางจากการปลูกเมด็ มะปราง กลบั มองวา ไดเ งินจากการปลกู มะปราง จะเห็นวาไมเ ปน เหตุเปน ผลทถ่ี ูกตองเลย ทําดีไดด ี ความดีเกดิ ขน้ึ สรางเมตตา เมตตาเกิดข้ึน ความ รักเกิดขึ้น จติ ใจแชมชน่ื เยน็ สบาย ความรูสกึ ออนโยนตอ กันเกิดขึ้น มีเมตตาไป ทา ทกี ริ ิยาแสดงออกมา อีกฝายหนง่ึ ทรี่ บั ก็มีความรสู กึ

๓๐ นรก-สวรรคใ นพระไตรปฎก เกิดข้ึนในทางดงี าม ปลกู เมตตา เมตตาก็เกดิ และแผไป ปลกู อะไร ก็ไดอนั น้นั ทาํ ความดกี ็ไดผ ลทีด่ ี ทาํ ดีไดดตี รงน้ีถกู ไหม ทีนี้เราไปหวงั วาทําความดไี ดดี คือไดตาํ แหนง ไหม ถกู ลอต เตอรี่รางวัลที่หนง่ึ ไหม ไดอ ะไรตออะไรกไ็ มรู กลายเปน ปลูก มะปราง ไดเงินกําไรหรอื เปลา ซง่ึ ตอนน้ีไมไ ดขึ้นตอปจ จยั เพียงแค นี้แลว แตไปขนึ้ กบั องคป ระกอบอีกตงั้ หลายอยา ง เชน วา ความดี ของเราท่ีทาํ ขน้ึ มาน้ี เปนส่งิ ท่ตี ลาดตองการหรือเปลา ถาตลาด ตองการ เรามีองคประกอบเกอ้ื หนุนถกู ตอ ง ผลดที ี่เราตองการเปน วัตถภุ ายนอก ลาภ ยศ สุข สรรเสรญิ ก็เกดิ มีข้ึน ถาไมต รงมนั ก็ยงั ไมได คนไมไดมองตรงนเ้ี ลย ทั้งที่ภาษติ บอกไวแ ลว วา ปลูกพืชเชนไรไดผ ลเชนน้นั ปลูก เม็ดมะปรางไดตน มะปราง แตเ ราจะไปเอาตรงปลกู มะปรางได กําไรหรอื เปลา ปลูกเม็ดมะปรางไดธนบตั รหรือเปลา มนั ผดิ ข้นั ตอนไป สําหรับมนุษยโลกียปถุ ชุ นนี้ พอปลกู มะปรางกไ็ มคดิ แต เพียงใหไดมะปราง แตไ ปคดิ วา ใหไดเงินกาํ ไรมา ก็เลยกลายเปนวา มนุษยทําอะไรหวงั ผลตอบแทนมาก เมือ่ ทําความดกี ห็ วงั ผลตอบ แทน แตไมท ําเหตปุ จจัยใหพ อแกผ ลท่ีหวังจะไดต อบแทนนนั้ ตัว เองปญญาไมถ งึ และทาํ ไมถกู กไ็ ปโทษกฎธรรมชาติ ที่จรงิ ตวั หลง ผิดไปเอง แตถา ไดกา วหนา ไปสูข ้ันเปนอริยสาวกแลว กเ็ ปน อนั วา ไม หวงเร่อื งผลตอบแทนอนั นี้ แตจ ะรกั คณุ ภาพของชีวติ รูคุณคาของ ชีวิตท่ีประณีตขึน้ บรสิ ทุ ธ์ขิ นึ้ รักความบริสทุ ธ์ิของชีวติ รกั ธรรม รกั ความดงี าม ตอ งการใหธ รรมคือความดีงาม เกดิ มีแกช ีวติ และเกิด

พระพรหมคุณาภรณ (ป. อ. ปยุตฺโต) ๓๑ มีข้ึนในโลก ถาคนมีความรักความตองการอยางนี้ สงั คมนี้จะดดี ว ยมี ความดี ทกุ ส่งิ จะดีและมนุษยจะมีความสขุ จะไมถอื เรอ่ื งผล ประโยชนท างวัตถุเปนสาํ คัญนัก ถาจิตใจมาถงึ ข้นั นแ้ี ลว การทาํ ความดีกจ็ ะไปถึงตวั ธรรม ไมมาติดอยทู ขี่ ัน้ หวังนรก-สวรรคแลว แตน รก-สวรรคนน้ั กเ็ ปนไป ตามกฎธรรมดา เปนหลักแหง เหตแุ ละผล เราไมตองไปออ นวอน มันก็อยูมันกเ็ ปนไปของมนั อยา งนัน้ เม่ือทาํ เหตดุ ี ผลดกี ็เกดิ ขน้ึ เอง เปนเรอ่ื งของกฎธรรมชาติ หลักเหตุและผลดําเนินไปเอง ไมใชเ รอื่ ง ทจ่ี ะตองมาออนวอน ถึงเราไมตองการผล มันก็ไดผล ตรงน้ีขอแทรกหนอยหนึ่ง เมื่อกีน้ ี้บอกวา ปลกู เมด็ มะปราง ไดต น มะปราง ไมใชปลูกเม็ดมะปรางไดเ งินทอง ซึง่ ผิดข้ันตอน และไมเปนเหตุเปนผลตามกฎธรรมชาติ ทีน้ี ถาพดู ใหล ะเอียดลงไปอีก แมแตที่วา ปลกู เม็ดมะปราง ไดตนมะปราง กย็ งั ไมแน บางทปี ลูกเม็ดมะปรางแลวไมไ ดต น มะปรางกม็ ี คอื มันไมขนึ้ ไมงอก หมายความวา เม็ดมะปรางนนั้ อาจจะเนา อาจจะเสยี ใชไ มไ ด นอกจากนั้น มแี ตเม็ดมะปรางอยางเดียวกย็ งั ไมพอ ตองมี ดิน มีน้าํ มปี ุย มอี ากาศ มอี ณุ หภมู ิรอ นเย็นพอดี ทุกอยา งตองพอ เหมาะ เมด็ มะปรางจงึ จะงอกข้ึนเปนตน มะปราง ที่วาทําเหตนุ ั้น หมายถงึ วาตอ งมปี จ จัยพรอ มดวย ทางพระ จึงพูดรวมวาเหตุปจ จัย ความเปน เหตเุ ปนผลตามกฎธรรมชาติ รวมท้ังกฎแหง กรรมนน้ั มคี วามหมายถึงกระบวนการของเหตุ ปจจัยทั้งหมดที่ซบั ซอ นขน้ึ ไปอีก แตพ ูดแทรกไวเทาน้นั ยังไมข ยาย

๓๒ นรก-สวรรคใ นพระไตรปฎ ก ความทน่ี ี่ เอาพอสะกิดไวใ หเปน แงคดิ ก็รวมอยใู นเรือ่ งความเปน เหตุเปน ผลน้ันเอง คือเปน เหตุเปนผลตามกฎธรรมชาติ หรอื ความ จริงของธรรมดา ไมใ ชเหตผุ ลแบบผลตอบแทนอยางที่คนชอบวาด แตงตามความอยาก หยุดไวแคน ี้กอ น เพราะกําลงั จะเลยจากเร่ือง นรก-สวรรคไปเขา เรอื่ งกฎแหง กรรมทรี่ องรับเรอ่ื งนรก-สวรรคนน้ั ก็เปนอนั วา มาถึงตอนนสี้ รปุ ไดว า ถึงแมเราจะพดู ถงึ ผล ตามเหตุคลายกบั เปน ผลตอบแทน แตความจรงิ นั้นเรารูไ วเพือ่ เกิด ความมั่นใจตางหาก ทาํ ดีในชาตนิ ใี้ หสบายใจ เม่อื จิตดรี ะดับจิต พรอมอยูแลว แมแ ตคนทไี่ มเชอ่ื ถาชาตหิ นามมี ันก็ไปดีเอง ไมตอง หวงลว งหนา นค่ี ือคติพระพุทธศาสนา และทาํ ความดจี นไมตอ ง หวงลวงหนานน่ั แหละ แสดงวา เราม่นั ใจในหลกั ความจรงิ และ ความดีแลว ขอสําคญั อยทู ีว่ า เรามีความมัน่ ใจในหลักความจริงและ ความดีนั้นหรอื เปลา ถามคี วามมน่ั ใจแลว ไมต องหว ง เวลาตายจะ ไปนรกหรอื ไม ไมไ ปหรอก ถา เราทําใจปรุงแตง มันใหพรอมดีอยู แลว ใหถึงระดบั ท่ีสาม กค็ ือทาํ ดอี ยูทุกขณะ ปรงุ แตง สวรรคอ ยู ตลอดเวลา สวรรคก ็อยใู นกาํ มือ หรอื จะเลยสวรรคไปอีกก็ได คอื ให ขึ้นสูระดับของอรยิ สาวกไปเลย เวลาน้ีการสอนเรอื่ งนรก-สวรรคมาตดิ กันอยตู รงน้ี คือ มา ติดเรื่องคิดพสิ ูจนน รก-สวรรความีจริงหรือไมจ ริง จะไปเปนนัก ปรัชญา เลยไมต องทําอะไร รอจนกวา ฉนั จะรูวานรก-สวรรคมหี รือ ไมมี ฉนั จงึ จะทําไดถกู ถา อยางนี้กไ็ มตองทาํ แลว ตลอดชีวติ น้ี ตาย กอน เพราะนกั ปรชั ญาตายมาหลายช่วั อายุคนแลว ในระยะหา พนั ปนี้นักปรัชญาตายไปกีค่ น และที่ไมใชนักปรัชญาคอยฟง นัก

พระพรหมคุณาภรณ (ป. อ. ปยตุ ฺโต) ๓๓ ปรัชญาสอนอกี เทาไรก็ไมร ู กเ็ ลยไมไ ดเรื่อง พวกเหลานีช้ วี ิตเปน หมนั ไปเสยี มาก ตามแนวทางพุทธศาสนาทา นถือหลกั แหง การปฏิบัติ เอา ส่ิงท่ปี ฏบิ ัตไิ ดโดยไมรออภิปรชั ญา และพทุ ธศาสนาไมตองอิงอยู กับเรื่องรอการพิสูจนส ่งิ เหลา นี้ ไมตองรอเลย ทวาเนนเรอื่ งทา ที วา ใหมีความมน่ั ใจ ทาํ ดที ปี่ ฏิบตั ิเหน็ ผลไดในชีวติ น้ี พรอ มท้งั มีความ มั่นใจในผลดีทจี่ ะมีขา งหนา ดวยการปรุงแตงไวพรอ มแลว เมอื่ สภาพจิตของเราดอี ยใู นระดับท่ีสงู ข้นึ ไปแลว กต็ อ งไปดี เหนือจากนน้ั ก็กาวไปสูข นั้ อริยสาวก อยา มวั มาอยขู นั้ หวงั ผลตอบแทนกนั อยู อยาเปนหว งเร่ืองนรก-สวรรคท ีม่ าขกู นั อยู ถา จิตของเราประณีตขน้ึ ไป จนกระท่ังรักความบริสทุ ธ์คิ วามดงี ามของ ชีวิต รักธรรม อยากใหชวี ิตของเราเปน ชีวิตทีด่ ีงาม เปน ธรรม อยใู น ธรรม ประณีตดวยธรรม และตอ งการใหธรรมแผไป กอ็ ยกู ันไดด ว ย ความดี ขนั้ นถ้ี ึงธรรมแลว กไ็ มต อ งหวังรอผลตอบแทนอีกตอ ไป



คําโปรยปกหลัง หนังสอื นรก-สวรรคในพระไตรปฎก “…สําหรบั คําถามวา นรก-สวรรคห ลงั จากตายในพระไตร ปฎ กมไี หม? เม่ือถือตามตัวอกั ษรก็เปนอันวา ม…ี ” มนุษยเ ราน้นั ทุกคน ถา วาดว ยใจจริงแลว ยอมมีเยอื่ ใยตอ ชีวิตของตน ทกุ คนรกั ชวี ติ ของตน เราตอ งการใหชวี ิตของเราเปน ชีวิตท่ีดีงาม เราตองการใหชีวิตของเราเปน ชวี ติ ท่บี ริสทุ ธ์ิ ถาเราได พัฒนาจิตใจของเราใหส ูงขึ้น จนลกั ษณะนเี้ ดนชัดข้นึ เราก็ไมต อ ง ไปนกึ ถึงผลตอบแทนขา งหนามากมาย เวลาน้ีการสอนเร่ืองนรก-สวรรคมาติดกันอยูตรงนี้ คือ มาติดเรื่องคิดพสิ ูจนนรก-สวรรคว า มีจริงหรอื ไมจ รงิ จะไปเปนนัก ปรัชญา เลยไมตอ งทาํ อะไร รอจนกวาฉันจะรวู า นรก-สวรรคมี หรือไมมี ฉันจงึ จะทําไดถูก ถาอยา งน้กี ็ไมตอ งทําแลว ตลอดชวี ติ น้ี ตายกอน เพราะนักปรชั ญาตายมาหลายชั่วอายุคนแลว ในระยะหา พันปนี้นักปรชั ญาตายไปกีค่ น และทีไ่ มใชน ักปรัชญาคอยฟงนกั ปรัชญาสอนอีกเทา ไรกไ็ มร ู กเ็ ลยไมไ ดเ รอ่ื ง พวกเหลาน้ชี ีวิตเปน หมันไปเสยี มาก

๑๒๐ นรก-สวรรคใ นพระไตรปฎ ก


Like this book? You can publish your book online for free in a few minutes!
Create your own flipbook