Important Announcement
PubHTML5 Scheduled Server Maintenance on (GMT) Sunday, June 26th, 2:00 am - 8:00 am.
PubHTML5 site will be inoperative during the times indicated!

Home Explore การศึกษาเพื่อประเมินผลอาคารหัวงาน 23-5-62

การศึกษาเพื่อประเมินผลอาคารหัวงาน 23-5-62

Description: การศึกษาเพื่อประเมินผลอาคารหัวงาน 23-5-62

Search

Read the Text Version

i การศึกษาเพ่อื ประเมนิ ผลการบารุงรักษาหัวงานอาคารชลประทาน ทางด้านวิศวกรรม ฝายแม่ยม จ.แพร่ จัดทาโดย ฝ่ายบารงุ รกั ษาหวั งาน สว่ นปรับปรุงบารุงรกั ษา สานกั บรหิ ารจัดการนาและอทุ กวิทยา กนั ยายน 2561

ii คานา การศึกษาเพื่อประเมินผลการบารุงรักษาหัวงานอาคารชลประทานทางด้านวิศวกรรมน้ี จดั ทา ข้ึนโดยฝ่ายบ้ำรุงรักษำหัวงำน ส่วนปรับปรุงบ้ำรุงรักษำ ส้ำนักบริหำรจัดกำรน้ำและอุทกวิทยำ โดยมี วัตถุประสงค์เพื่อเก็บรวบรวมข้อมูลพืนฐำน รวมถึงศึกษำหลักเกณฑ์กำรตรวจสภำพและประเมินสภำพของ อำคำรหัวงำนชลประทำน ประเภทฝำย เข่ือนระบำยน้ำ/ทดน้ำ และประตูระบำยน้ำ ที่ควรมีหลักเกณฑ์ที่ แน่นอน ชัดเจน และใชเ้ ป็นมำตรฐำน จะประกอบดว้ ยรำยละเอียดแบบบนั ทึกกำรตรวจสภำพประตูระบำยน้ำ/ เข่ือนระบำยน้ำ/ฝำยทดน้ำ หลักเกณฑ์กำรตรวจสภำพและกำรประเมินสภำพอำคำรหัวงำน เพื่อให้เกิด ประโยชนแ์ ละประสิทธิภำพสูงสุดในกำรดำ้ เนนิ กำร กำรศกึ ษำเพ่ือประเมินผลกำรบ้ำรุงรกั ษำหัวงำนอำคำรชลประทำนทำงด้ำนวศิ วกรรมนี อำจมี กำรทบทวน ปรับปรุงแก้ไข ให้มีควำมเหมำะสมและเพ่ิมประสิทธิภำพในตรวจสภำพของอำคำรหัวงำน ชลประทำนมำกย่ิงขึน ภำยหลังจำกท่ีได้น้ำแนวทำงหลักเกณฑน์ ีไปทดลองใช้กบั โครงกำรชลประทำน/โครงกำร ส่งนำ้ และบ้ำรงุ รกั ษำที่คัดเลอื กบำงโครงกำรในส้ำนักงำนชลประทำนที่ 1-17 แล้ว ฝำ่ ยบำ้ รงุ รกั ษำหวั งำน สว่ นปรับปรุงบำ้ รงุ รกั ษำ กันยำยน 2561

iii กติ ตกิ รรมประกาศ คณะผู้จัดท้ำ ขอขอบคุณคุณไกรฤกษ์ อินท์ชยะนันท์ ท่ีปรึกษำส้ำนักออกแบบและ สถำปัตยกรรม คุณพิเชษฐ์ รัตนประสำทกุล ผู้เชี่ยวชำญด้ำนวิศวกรรมโยธำ (ด้ำนออกแบบและค้ำนวณ) และ หัวหนำ้ ฝ่ำยออกแบบระบบชลประทำนที่ 1 - 8 ทใ่ี ห้คำ้ แนะน้ำในกำรจำ้ แนกองค์ประกอบและจดั ท้ำแบบฟอร์ม ตรวจสภำพฝำย เขื่อนทดน้ำ/ระบำยน้ำ และประตูระบำยน้ำที่เป็นมำตรฐำน และคุณธ้ำรงศักด์ิ นครำวงศ์ ผู้อ้ำนวยกำรส่วนปรับปรุงรักษำ ส้ำนักบริหำรจัดกำรน้ำและอุทกวิทยำ ที่ให้กำรสนับสนุนและข้อเสนอแนะ ข้อคิดเห็นท่ีเป็นประโยชน์ เกี่ยวกับแนวทำงกำรจัดท้ำหลักเกณฑ์กำรพิจำรณำซ่อมแซมอำคำรหัวงำน ชลประทำนใหส้ มบูรณแ์ ละสำ้ เรจ็ ลลุ ว่ งดว้ ยดี ขอขอบคุณเจ้ำหน้ำท่ีของส้ำนักงำนชลประทำนท่ี 1-17 โครงกำรชลประทำนและโครงกำรส่งน้ำ และบำ้ รงุ รักษำ ทอ่ี ้ำนวยควำมสะดวกในกำรศึกษำดูงำนเพ่ือประเมินผลกำรบ้ำรงุ รักษำหัวงำนอำคำรชลประทำน ทำงด้ำนวิศวกรรม

สารบัญ iv คานา หน้า สารบัญภาพ ii สารบัญตาราง vi บทที่ 1 บทนา xii 1 1.1 หลกั กำรและเหตผุ ล 1 1.2 วตั ถปุ ระสงค์ 2 1.3 ขอบเขต 2 บทที่ 2 การตรวจเอกสาร 4 2.1 ทฤษฎีทเ่ี กี่ยวข้องในกำรศึกษำ 4 2.2 อำคำรหัวงำนชลประทำน 10 บทที่ 3 ขันตอนการดาเนนิ การ 17 3.1 กำรศึกษำสภำพอำคำรหัวงำน 17 3.2 กำรเดินตรวจสภำพอำคำรหัวงำน 17 3.3 แบบบันทึกกำรตรวจสภำพอำคำรหวั งำน 17 3.4 กำรประเมนิ สภำพอำคำรหวั งำน 18 บทที่ 4 การตรวจและการประเมนิ สภาพอาคารหวั งานชลประทาน 20 4.1 หลักกำรตรวจสภำพ 20 4.2 วิธกี ำรตรวจสภำพ 20 4.3 กำรแบง่ องค์ประกอบของอำคำรหัวงำนชลประทำน 22 4.4 กำรแบง่ สภำพทใี่ ช้ในกำรตรวจสภำพอำคำรหัวงำนชลประทำน 42 4.5 แบบบันทึกกำรตรวจสภำพอำคำรหัวงำนชลประทำน 51 4.6 กำรประเมินสภำพอำคำรหวั งำนชลประทำน 64 บทที่ 5 ผลการตรวจสภาพและประเมินสภาพ 80 5.1 สรปุ ผลกำรตรวจสภำพและประเมนิ สภำพ (กรณีศึกษำ) 80 5.2 สรปุ ผลกำรประเมนิ สภำพอำคำรหวั งำน 118

สารบญั v บทที่ 6 บทสรุป หน้า 6.1 สรุปกำรประเมนิ ผลกำรบ้ำรุงรกั ษำหัวงำนอำคำรชลประทำนทำงดำ้ นวิศวกรรม 120 6.2 กำรน้ำไปใชป้ ระโยชน์ 120 6.3 ควำมยุ่งยำกในกำรดำ้ เนินกำร/ปญั หำ/อุปสรรค 120 6.4 ข้อเสนอแนะ 120 121 เอกสารอา้ งองิ 122 ภาคผนวก 124

สารบัญภาพ vi ภาพท่ี หน้า 1 โครงสร้ำงของกระบวนกำรวเิ ครำะห์ตำมล้ำดับชนั (Analytic Hierarchy Process) 7 2 ฝำยสำ จ.นำ่ น 11 3 ฝำยชำวบ้ำน จ.เชียงรำย 12 4 ฝำยชว่ั ครำวกนั แมน่ ำ้ ปิง แหง่ ท่ี 1 จ.นครสวรรค์ 12 5 ฝำยกึ่งถำวร 13 6 ฝำยถำวร 13 7 ฝำยไม้ 14 8 ฝำยแมย่ ม จ.แพร่ 14 9 ฝำยทุ่งไผ่ จ.แพร่ 15 10 ฝำยยำงล้ำเซบำย จ.อุบลรำชธำนี 15 11 เขือ่ นพระรำมหก จ.อยุธยำ 16 12 ประตรู ะบำยน้ำท่ำโบสถ์ จ.ชัยนำท 16 13 รปู ตัดตำมยำวสว่ น Protection เหนือน้ำของฝำยทดนำ้ 22 14 ตัวอย่ำงส่วน Protection เหนือนำ้ ของฝำยทดนำ้ 23 15 รปู ตดั ตำมยำวส่วนเหนือน้ำ (Upstream Concrete Section) ของฝำยทดน้ำ 23 16 ตวั อย่ำงสว่ นเหนือน้ำ (Upstream Concrete Section) ของฝำยทดน้ำ 23 17 รูปตดั ตำมยำวส่วนควบคุมนำ้ (Control Section) ของฝำย 24 18 ตัวอย่ำงสว่ นควบคุมน้ำ (Control Section) ของฝำยทดน้ำ 24 19 ตัวอยำ่ งฝำยคอนกรีตของฝำยทดนำ้ 24 20 บนั ไดปลำของฝำยทดน้ำ 25 21 ตวั อยำ่ งก้ำแพงคอนกรตี ของฝำยทดนำ้ 25 22 ตัวอยำ่ งประตรู ะบำยทรำยของฝำยทดนำ้ 25 23 แสดงต้ำแหน่งของ Chute Blocks ของฝำยทดน้ำ 26 24 ตัวอย่ำง Chute Blocks ของฝำยทดนำ้ 26 25 ตัวอย่ำงสะพำนสำ้ หรับใช้ในกำรเปดิ -ปดิ ประตูระบำยทรำยของฝำยทดน้ำ 26 26 ทอ่ นกันนำ้ และร่องบำนของฝำยทดน้ำ 27 27 รปู ตัดตำมยำวส่วนท้ำยน้ำ (Downstream Concrete Section) ของฝำยทดนำ้ 27 28 สว่ นทำ้ ยนำ้ (Downstream Concrete Section) ของฝำยทดน้ำ 27 29 แสดงตำ้ แหน่งของ Floor Blocks และ End Sill ของฝำยทดน้ำ 28 30 ตวั อยำ่ งของ Floor Blocks และ End Sill ของฝำยทดนำ้ 28

vii สารบัญภาพ ภาพท่ี หนา้ 31 ส่วน Protection ท้ำยน้ำ (Downstream Protection Section) ของฝำยทดน้ำ 28 32 ตวั อยำ่ งส่วน Protection ท้ำยน้ำ (Downstream Protection Section) ของฝำยทดนำ้ 29 33 แสดงองคป์ ระกอบของฝำยทดน้ำ 30 34 รปู ตดั ตำมยำวสว่ น Protection เหนือน้ำ (Upstream Protection Section) ของประตูระบำยน้ำ 31 35 ตัวอย่ำงส่วน Protection เหนือนำ้ ของประตูระบำยนำ้ 31 36 รูปตัดตำมยำวส่วนเหนือนำ้ (Upstream Concrete Section) ของประตูระบำยน้ำ 32 37 ตวั อยำ่ งส่วนเหนือนำ้ (Upstream Concrete Section) ของประตูระบำยนำ้ 32 38 รูปตัดตำมยำวส่วนควบคมุ น้ำ (Control Section) ของประตูระบำยนำ้ 32 39 ตัวอย่ำงสว่ นควบคุมนำ้ (Control Section) ของประตูระบำยน้ำ 33 40 ตัวอยำ่ งพนื และตอม่อ 33 41 ตัวอยำ่ งกำ้ แพงข้ำง (Retaining Wall) 33 42 ตัวอยำ่ งบำนระบำยนำ้ แบบตรง 34 43 ตวั อยำ่ งบำนระบำยแบบโค้ง 35 44 ตวั อย่ำงอุปกรณเ์ คร่อื งกล/ไฟฟำ้ 35 45 ตำ้ แหนง่ ของแทง่ สลำยพลงั งำนน้ำปลำยรำงเท (Chute Blocks) ของประตูระบำยน้ำ 35 46 ตำ้ แหน่งของฟันตะเข้ (Floor Blocks) ของประตูระบำยน้ำ 36 47 แสดงลักษณะฟันตะเข้ (Floor Blocks) ของประตรู ะบำยน้ำ 36 48 ตัวอยำ่ งสะพำนรถยนต์ของเข่ือนระบำยน้ำ 36 49 ตัวอยำ่ งสะพำนโครงยกของประตูระบำยน้ำ 37 50 ตัวอย่ำงร่องบำนสำ้ หรับใส่ Bulkhead Gate/Stoplogs ของประตรู ะบำยนำ้ 37 51 ตวั อย่ำงบำนกนั น้ำ (Bulkhead Gate) ของประตรู ะบำยน้ำ 37 52 ตวั อย่ำงประตูเรือสญั จร (Navigation Lock) 38 53 ตวั อยำ่ งบันไดปลำ (Fish Ladder) ของประตรู ะบำยนำ้ 38 54 ส่วนท้ำยน้ำ (Downstream Concrete Section) ของประตูระบำยน้ำ 39 55 ตวั อย่ำงส่วนทำ้ ยน้ำ ของประตูระบำยน้ำ 39 56 ส่วน Protection ท้ำยนำ้ (Downstream Protection Section) ของประตูระบำยน้ำ 40 57 ตัวอย่ำงส่วน Protection ท้ำยนำ้ (Downstream Protection Section) ของประตูระบำยน้ำ 40 58 แสดงองค์ประกอบของเข่ือนระบำยน้ำ/ทดน้ำ และประตูระบำยน้ำ 41 59 กำรกดั เซำะคอนกรตี จนเห็นเนือเหลก็ 44 60 กำรกดั เซำะบริเวณส่วนทำ้ ยน้ำ 44

viii สารบัญภาพ ภาพท่ี หน้า 61 ตำรำงตรวจสภำพฝำยแผน่ ท่ี 1 53 62 ตำรำงตรวจสภำพฝำยแผ่นที่ 2 54 63 ตำรำงตรวจสภำพฝำยแผน่ ท่ี 3 55 64 ส่วนรำยละเอยี ดผู้ตรวจสภำพและผู้ตรวจสอบ 56 65 ตำรำงตรวจสภำพเขื่อนระบำยน้ำ/ทดนำ้ และประตูระบำยน้ำ แผ่นท่ี 1 59 66 ตำรำงตรวจสภำพเข่ือนระบำยนำ้ /ทดนำ้ และประตูระบำยน้ำ แผ่นที่ 2 60 67 ตำรำงตรวจสภำพเขื่อนระบำยน้ำ/ทดน้ำ และประตรู ะบำยนำ้ แผน่ ท่ี 3 61 68 ตำรำงตรวจสภำพเข่ือนระบำยน้ำ/ทดน้ำ และประตรู ะบำยนำ้ แผ่นท่ี 4 62 69 ตำรำงตรวจสภำพเขื่อนระบำยน้ำ/ทดน้ำ และประตูระบำยน้ำ แผน่ ที่ 5 63 70 แผนภมู ลิ ้ำดับชันของกำรตดั สินใจของประตูระบำยน้ำ/เขือ่ นระบำยน้ำ/ทดนำ้ และฝำยทดน้ำ 65 71 ฝำยแมล่ ำว จ.เชียงรำย 80 72 ฝำยคอนกรตี และฝำยยำง 80 73 ประตูระบำยทรำยฝ่ังซ้ำย 81 74 ประตูระบำยทรำยฝง่ั ขวำ 81 75 ปตร.ปำกคลองส่งน้ำสำยใหญ่ฝง่ั ซ้ำย 81 76 ปตร.ปำกคลองส่งนำ้ สำยใหญฝ่ ั่งขวำ 82 77 คลองส่งนำ้ สำยใหญ่ฝั่งซำ้ ย 82 78 คลองส่งนำ้ สำยใหญ่ฝ่งั ขวำ 82 79 รปู ตดั ตำมยำวสว่ น Protection เหนือน้ำ (Upstream Protection Section) ของฝำยแม่ลำว 83 จ.เชยี งรำย 80 สว่ น Protection เหนอื น้ำของฝำยแมล่ ำว จ.เชียงรำย 83 81 รูปตดั ตำมยำวสว่ นเหนือน้ำ (Upstream Concrete Section) ของฝำยแมล่ ำว จ.เชียงรำย 83 82 ส่วนเหนือนำ้ (Upstream Concrete Section) ของฝำยแม่ลำว จ.เชียงรำย 84 83 รปู ตัดตำมยำวสว่ นควบคมุ น้ำ (Control Section) ของฝำยแม่ลำว จ.เชียงรำย 84 84 ส่วนควบคมุ น้ำ (Control Section) ของฝำยแมล่ ำว จ.เชยี งรำย 84 85 ฝำยคอนกรีตและฝำยยำงของฝำยแมล่ ำว จ.เชยี งรำย 85 86 ก้ำแพงคอนกรตี ของฝำยแม่ลำว จ.เชียงรำย 85 87 ประตรู ะบำยทรำยฝั่งซำ้ ยของฝำยแมล่ ำว จ.เชียงรำย 85 88 ประตูระบำยทรำยฝั่งขวำของฝำยแมล่ ำว จ.เชยี งรำย 86 89 สะพำนส้ำหรับใชใ้ นกำรเปดิ -ปดิ ประตรู ะบำยทรำยของฝำยแม่ลำว จ.เชียงรำย 86

ix สารบัญภาพ ภาพที่ หนา้ 90 รปู ตัดตำมยำวส่วนสลำยพลงั งำน (Downstream Concrete Section) ของฝำยแม่ลำว จ.เชียงรำย 86 91 ส่วนสลำยพลังงำน (Downstream Concrete Section) ของฝำยแมล่ ำว จ.เชยี งรำย 87 92 แผงปะทะดำ้ นท้ำยน้ำ (End Sill) ของฝำยแม่ลำว จ.เชยี งรำย 87 93 รปู ตัดตำมยำวส่วน Protection ทำ้ ยนำ้ (Downstream Protection Section) ของฝำยแม่ลำว 87 จ.เชียงรำย 94 ส่วน Protection ท้ำยนำ้ (Downstream Protection Section) ของฝำยแมล่ ำว 88 จ.เชียงรำย 95 แสดงองค์ประกอบของฝำยแม่ลำว จ.เชยี งรำย 88 96 สภำพสว่ น Protection เหนอื น้ำ 89 97 ตะกอนทรำยบริเวณหนำ้ ฝำย 89 98 ลำดด้ำนขำ้ งถกู น้ำกัดเซำะ 89 99 ลำดดำ้ นข้ำงแตกรำ้ ว 90 100 สภำพฝำยคอนกรีต 90 101 สภำพประตูระบำยทรำยฝง่ั ซ้ำย 91 102 สภำพคอนกรตี ของก้ำแพงฝง่ั ขวำของประตรู ะบำยทรำยฝง่ั ซำ้ ย 91 103 กำรปรับปรงุ กำ้ แพงฝั่งขวำส่วนทำงน้ำออกของประตูระบำยทรำยฝั่งซ้ำย 91 104 สภำพบำนระบำยของประตรู ะบำยทรำยฝัง่ ซำ้ ย 91 105 สภำพประตรู ะบำยทรำยฝ่งั ขวำ 92 106 สภำพคอนกรตี ของก้ำแพงฝ่งั ซ้ำยของประตรู ะบำยทรำยฝ่งั ขวำ 92 107 กำรปรบั ปรุงกำ้ แพงฝง่ั ขวำสว่ นทำงนำ้ ออกของประตรู ะบำยทรำยฝง่ั ขวำ 92 108 สภำพบำนระบำยของประตรู ะบำยทรำยฝ่งั ขวำ 92 109 สภำพสะพำน 93 110 สภำพฝำยยำง 93 111 สภำพส่วนสลำยพลังงำน 93 112 สภำพดำ้ นทำ้ ยนำ้ ฝำยแม่ลำว 94 113 สภำพ ปตร.ปำกคลองส่งน้ำสำยใหญ่ฝัง่ ขวำ 94 114 สภำพกำรเคลื่อนตัวของกำ้ แพงระหว่ำงประตูระบำยทรำยฝงั่ ขวำ 94 และปตร.ปำกคลองส่งนำ้ สำยใหญฝ่ งั่ ขวำ 115 เขอ่ื นพระรำมหก จ.อยุธยำ 100 116 ฝำยคอนกรีตและฝำยยำง 101

x สารบญั ภาพ ภาพที่ หนา้ 117 ประตูระบำยน้ำพระนำรำยณ์ 101 118 คลองสง่ นำ้ สำยใหญฝ่ ั่งขวำ 101 119 รปู ตัดตำมยำวส่วน Protection เหนือน้ำ (Upstream Protection Section) 102 ของเขื่อนพระรำมหก จ.อยุธยำ 102 120 สว่ น Protection เหนอื นำ้ ของเข่ือนพระรำมหก จ.อยธุ ยำ 103 121 รปู ตดั ตำมยำวส่วนเหนอื น้ำ (Upstream Concrete Section) ของเขื่อนพระรำมหก 103 จ.อยุธยำ 103 122 สว่ นเหนือน้ำ (Upstream Concrete Section) ของเข่ือนพระรำมหก จ.อยธุ ยำ 104 123 รูปตดั ตำมยำวสว่ นควบคมุ น้ำ (Control Section) ของเขื่อนพระรำมหก จ.อยธุ ยำ 104 124 สว่ นควบคุมนำ้ (Control Section) ของเขื่อนพระรำมหก จ.อยธุ ยำ 104 125 ตอมอ่ ของเข่ือนพระรำมหก จ.อยุธยำ 105 126 ก้ำแพงคอนกรตี ของเขอ่ื นพระรำมหก จ.อยุธยำ 105 127 บำนของประตรู ะบำยนำ้ ของเข่อื นพระรำมหก จ.อยธุ ยำ 105 128 อปุ กรณ์เครอ่ื งกล/อุปกรณ์ไฟฟ้ำของเข่ือนพระรำมหก จ.อยธุ ยำ 106 129 สะพำนรถยนต์ของเข่ือนพระรำมหก จ.อยธุ ยำ 130 สะพำนโครงยกส้ำหรับใชต้ ดิ ตังอุปกรณ์ในกำรเปดิ -ปิดประตูระบำยนำ้ ของเขอื่ นพระรำมหก 106 จ.อยุธยำ 106 131 รปู ตัดตำมยำวส่วนสลำยพลงั งำน (Downstream Concrete Section) ของเขื่อนพระรำมหก 107 จ.อยุธยำ 132 ส่วนสลำยพลงั งำน (Downstream Concrete Section) ของเข่อื นพระรำมหก 107 จ.อยุธยำ 108 133 รปู ตดั ตำมยำวสว่ น Protection ทำ้ ยนำ้ (Downstream Protection Section) 109 109 ของเขือ่ นพระรำมหก จ.อยุธยำ 109 134 ส่วน Protection ท้ำยนำ้ (Downstream Protection Section) ของเขื่อนพระรำมหก 110 จ.อยุธยำ 135 แสดงองค์ประกอบของเขื่อนพระรำมหก จ.อยธุ ยำ 136 สภำพสว่ น Protection เหนือนำ้ 137 สภำพส่วนเหนือน้ำ (Upstream Concrete Section) 138 ลำดดำ้ นข้ำงถูกน้ำกัดเซำะ 139 สภำพตอม่อ

สารบญั ภาพ xi ภาพท่ี หนา้ 140 สภำพบำนระบำย 110 141 สภำพบำนระบำยและยำงกันซมึ มีกำรร่วั ซึม 110 142 สภำพอุปกรณเ์ คร่ืองกล/อปุ กรณ์ไฟฟ้ำ 111 143 สภำพสะพำนรถยนต์ 111 144 สภำพสะพำนโครงยก 111 145 สภำพลำดดำ้ นข้ำงสว่ นสลำยพลังงำน 112 146 รอยรำ้ วลำดดำ้ นข้ำง 112 147 สภำพด้ำนทำ้ ยนำ้ 112

xii สารบญั ตาราง ตารางที่ หน้า 1 บัญชีสรุปข้อมูลอำคำรชลประทำนประเภทประตูระบำยน้ำ/เขื่อนระบำยน้ำ/ทดนำ้ และฝำยทดน้ำ 1 2 กำรให้คะแนนปจั จัยหลกั (สุทธิศักดิ์, 2555) 5 3 สเกลในกำรเปรยี บเทียบควำมส้ำคัญหรือควำมชอบของสองสิ่ง (Pairwise Comparison Scale) 8 (Huizingh and Virolijk, 1994) 9 4 Random Inconsistency Index (RI) (Sahoo, 1998) 43 5 นยิ ำมของกำรให้คะแนนสภำพ : กำรกัดเซำะ 45 6 นยิ ำมของกำรให้คะแนนสภำพ : กำรทรดุ ตัว 46 7 นิยำมของกำรให้คะแนนสภำพ : กำรแตกรำ้ ว 47 8 นิยำมของกำรใหค้ ะแนนสภำพ : ส่งิ กีดขวำงทำงนำ้ 47 9 นยิ ำมของกำรใหค้ ะแนนสภำพ : รูโพรง 48 10 นยิ ำมของกำรให้คะแนนสภำพ : กำรรว่ั 49 11 นิยำมของกำรใหค้ ะแนนสภำพ : กำรเคลอื่ นตวั 50 12 นิยำมของกำรให้คะแนนสภำพ : กำรระบำยนำ้ 50 13 นยิ ำมของกำรใหค้ ะแนนสภำพ : ตน้ ไม/้ วชั พืช 51 14 นิยำมของกำรให้คะแนนสภำพ : สภำพกำรใช้งำน 67 15 คะแนนนำ้ หนักควำมส้ำคญั ของเกณฑย์ ่อยเมื่อเทยี บกับเกณฑ์กำรเกิด 68 Piping (Weighted Creep Ratio) ของฝำยทดน้ำ 16 คะแนนน้ำหนักควำมส้ำคัญของเกณฑย์ ่อยเมื่อเทียบกับเกณฑก์ ำรเกิดกำรเลือ่ นตัว 68 (Sliding : SL) ของฝำยทดนำ้ 68 17 คะแนนน้ำหนกั ควำมส้ำคญั ของเกณฑย์ ่อยเมื่อเทยี บกบั เกณฑก์ ำรพลิกคว่ำ้ 69 (Overturning : OT) ของฝำยทดน้ำ 70 18 คะแนนนำ้ หนักควำมสำ้ คญั ของเกณฑ์ย่อยเมื่อเทียบกบั เกณฑ์กำรรับน้ำหนักกดของดินใตฐ้ ำน 71 (Bearing : BR) ของฝำยทดน้ำ 19 คะแนนน้ำหนกั ควำมสำ้ คัญรวม (Combined Weight) ทัง 4 กรณี ของฝำยทดนำ้ 72 20 แสดงค่ำคะแนนควำมสำ้ คญั ของเกณฑย์ ่อย กรณีกำรเกดิ Piping (Weighted Creep Ratio) ของประตรู ะบำยน้ำ/เข่ือนระบำยนำ้ /ทดนำ้ 21 แสดงคำ่ คะแนนควำมส้ำคัญของเกณฑย์ ่อย กรณกี ำรเกิดกำรเลอ่ื นตัว (Sliding : SL) ของประตรู ะบำยน้ำ/เขอ่ื นระบำยน้ำ/ทดนำ้ 22 แสดงคำ่ คะแนนควำมสำ้ คัญของเกณฑย์ ่อย กรณีกำรพลกิ คว่ำ้ (Overturning : OT) ของประตูระบำยน้ำ/เขอื่ นระบำยน้ำ/ทดน้ำ

xiii สารบัญตาราง ตารางที่ หน้า 23 แสดงค่ำคะแนนควำมส้ำคญั ของเกณฑ์ย่อย กรณกี ำรรบั นำ้ หนักกดของดนิ ใต้ฐำน 73 (Bearing : BR) ของประตูระบำยน้ำ/เข่ือนระบำยน้ำ/ทดนำ้ 24 ผลรวมคะแนนนำ้ หนกั ควำมส้ำคญั ทัง 4 กรณี ของประตูระบำยน้ำ/เข่ือนระบำยน้ำ/ทดน้ำ 74 25 กำรเปรยี บเทยี บค่ำคะแนนนำ้ หนักควำมส้ำคญั ของอำคำรหัวงำน 74 26 สรปุ ผลกำรประเมินสภำพของฝำยแมล่ ำว จงั หวัดเชียงรำย แต่ละกรณี ของฝำยแม่ลำว 95 จังหวัดเชยี งรำย 27 สรุปคะแนนสภำพควำมสมบูรณ์ขององค์ประกอบย่อย กรณี Piping (Weighted Creep Ratio) 95 ของฝำยแม่ลำว จงั หวัดเชียงรำย 28 สรุปคะแนนสภำพควำมสมบรู ณข์ ององคป์ ระกอบย่อย กรณี Sliding ของฝำยแม่ลำว 96 จงั หวดั เชยี งรำย 29 สรุปคะแนนสภำพควำมสมบรู ณข์ ององคป์ ระกอบย่อย กรณี Overturning ของฝำยแม่ลำว 97 จงั หวดั เชียงรำย 30 สรุปคะแนนสภำพควำมสมบรู ณ์ขององค์ประกอบย่อย กรณี Bearing ของฝำยแม่ลำว 98 จงั หวดั เชียงรำย 31 สรุปผลกำรประเมินสภำพของเขื่อนพระรำมหก จ.อยธุ ยำ แตล่ ะกรณี 113 32 สรุปคะแนนสภำพควำมสมบูรณ์ขององค์ประกอบย่อย กรณี Piping 113 (Weighted Creep Ratio) ของเข่ือนพระรำมหก จ.อยุธยำ 33 สรุปคะแนนสภำพควำมสมบรู ณ์ขององคป์ ระกอบย่อย กรณี Sliding ของเขื่อนพระรำมหก 114 จ.อยุธยำ 34 สรปุ คะแนนสภำพควำมสมบูรณ์ขององค์ประกอบย่อย กรณี Overturning ของเขอ่ื นพระรำมหก 115 จ.อยธุ ยำ 35 สรปุ คะแนนสภำพควำมสมบูรณข์ ององค์ประกอบย่อย กรณี Bearing ของเข่ือนพระรำมหก 116 จ.อยุธยำ 36 แสดงผลกำรประเมนิ สภำพประตรู ะบำยนำ้ /เขอ่ื นระบำยน้ำ/ทดนำ้ 118 37 แสดงผลกำรประเมินสภำพฝำยทดนำ้ 119

การศึกษาเพื่อประเมินผลการบารงุ รกั ษาหัวงานอาคารชลประทานทางด้านวศิ วกรรม 1 บทที่ 1 บทนา 1.1 หลักการและเหตผุ ล กรมชลประทำนได้ก่อตังมำมำกกว่ำ 116 ปี อำคำรชลประทำนที่กรมชลประทำนรับผิดชอบมี จ้ำนวนมำกมำย อำคำรหัวงำนท่ีส้ำคัญประกอบด้วย เขื่อน/อ่ำงเก็บน้ำ ประตูระบำยน้ำ/เข่ือนทดน้ำ ฝำย เป็น ต้น อำยุกำรใช้งำนเพิ่มมำกขึน สภำวะกำรปัจจุบันอำคำรหัวงำน นอกจำกจะมีอำยุกำรใช้งำนท่ี มำกขึนดังท่ีได้ กล่ำวมำแล้ว ยังมีปัจจัยอ่ืนๆ ท่ีส่งผลกระทบต่อควำมม่ันคงของอำคำรเพิ่มมำกขึนด้วย เช่น กำรเกิดเหตุกำรณ์ แผน่ ดินไหว กำรดูแลบำ้ รุงรักษำ เปน็ ต้น ท้ำใหอ้ ำคำรหวั งำนมคี วำมเส่ียงท่จี ะเกดิ กำรวิบตั ไิ ด้ ประตูระบำยน้ำ/เขื่อนระบำยน้ำ/ทดน้ำ และฝำยทดน้ำ ท่ีเป็นอำคำรหัวงำน เป็นอำคำร ชลประทำนขนำดกลำง แต่มีจ้ำนวนมำกกว่ำเม่ือเทียบกับเขื่อน/อ่ำงเก็บน้ำเป็นจ้ำนวนมำก อีกทังยังมี องค์ประกอบไม่ซับซ้อนเหมือนเข่ือน/อ่ำงเกบ็ น้ำ ทำ้ ให้กำรตรวจสภำพไมซ่ ับซ้อนตำมไปด้วย ดงั ทีไ่ ด้กล่ำวมำแล้ว ข้ำงต้น ในปัจจบุ ันประสบเร่ิมประสบปัญหำต่ำงๆ ท่ีอำจจะส่งผลกระทบต่อควำมม่ันคงของอำคำรจ้ำนวนมำกขึน เช่น กำรเส่ือมสภำพของวัสดุท่ีมีอำยุกำรใช้งำนมำยำวนำน เป็นต้น จ้ำเป็นต้องได้รับกำรดูแลและบ้ำรุงรักษำ ได้แก่ กำรซ่อมแซม หรือปรับปรุง เพ่ือให้อำคำรอยู่ในสภำพพร้อมใช้งำนและมีควำมม่ันคง เพื่อลดอัตรำควำม เส่ียงต่อกำรวิบัติของอำคำรชลประทำน โดยกำรตรวจสภำพถือเป็นจุดเร่ิมต้นของกำรตรวจสอบสภำพควำม พร้อมใช้งำนของอำคำร ซ่ึงโดยทั่วไปกำรตรวจสภำพอำคำรจะท้ำกำรตรวจสภำพปีละ 2 ครัง/ปี คือ ก่อนฝนมำ (เตรียมควำมพร้อมของอำคำร) และหลังฤดฝู นผำ่ น (ตรวจควำมเสยี หำยของอำคำร) ข้อมูลบัญชีอำคำรชลประทำนประเภทประตูระบำยน้ำ/เข่ือนระบำยน้ำ/ทดน้ำ และฝำยทดน้ำ ณ ปี 2561 ดังแสดงในตารางท่ี 1 ตารางท่ี 1 บัญชสี รุปข้อมูลอำคำรชลประทำนประเภทประตูระบำยน้ำ/เข่ือนระบำยน้ำ/ทดน้ำ และฝำยทดนำ้ สานักนักชลประทานท่ี ฝาย เข่ือนระบายนา ประตรู ะบายนา (แหง่ ) (แหง่ ) (แหง่ ) 1 922 1 89 2 382 3 64 3 43 3 43 4 61 0 40 5 65 15 82 6 220 13 131 7 112 2 166 8 136 10 89 9 13 1 114 ฝ่ายบารุงรักษาหัวงาน สว่ นปรบั ปรุงบารงุ รักษา สานกั บริหารจดั การนาและอทุ กวทิ ยา

การศึกษาเพ่อื ประเมนิ ผลการบารงุ รกั ษาหวั งานอาคารชลประทานทางด้านวิศวกรรม 2 ตารางที่ 1 บัญชสี รุปข้อมลู อำคำรชลประทำนประเภทประตูระบำยน้ำ/เข่ือนระบำยน้ำ/ทดน้ำ และฝำยทดน้ำ(ต่อ) สานักนกั ชลประทานท่ี ฝาย เข่ือนระบายนา ประตูระบายนา (แห่ง) (แห่ง) (แหง่ ) 10 100 1 127 11 0 340 12 0 1 89 13 14 1 125 14 48 1 264 15 52 0 30 16 38 0 80 17 61 1 28 รวมทังหมด 184 53 1,901 2,451 ท่มี ำ : ฝ่ำยบำ้ รงุ รักษำระบบชลประทำน สว่ นปรบั ปรุงบำ้ รงุ รักษำ ส้ำนักบรหิ ำรจัดกำรน้ำและอุทกวทิ ยำ ดงั นัน กำรจัดท้ำเกณฑ์กำรตรวจและประเมินสภำพอำคำรหวั งำนนี ใชว้ ิธีกำรตรวจสภำพอำคำร ด้วยสำยตำ (Visual Inspection) ซ่ึงเป็นวิธีกำรตรวจสภำพอย่ำงหนึ่งท่ีใช้ในกำรตรวจสภำพทำงกำยภำพ ภำยนอกของอำคำร และน้ำข้อมูลที่ได้จำกกำรตรวจสภำพมำประเมินสภำพอำคำรหัวงำน เพื่อให้ได้ทรำบถึง คะแนนสภำพของอำคำรและองค์ประกอบนันๆ และน้ำไปใช้ในกำรจัดล้ำดับอำคำรหัวงำนเพ่ือเรียงล้ำดับกำรขอ งบประมำณงำนซอ่ มแซมและปรับปรุงอำคำรหัวงำนต่อไป 1.2 วตั ถปุ ระสงค์ (1) เพื่อเก็บรวบรวมข้อมูลพืนฐำนของอำคำรหัวงำนประเภทประตูระบำยน้ำ/เขื่อนระบำยน้ำ/ ทดน้ำและฝำยทดนำ้ (2) เพื่อศึกษำเกณฑ์กำรตรวจสภำพอำคำรหัวงำนประเภทประตูระบำยน้ำ/เข่ือนระบำยน้ำ/ ทดน้ำและฝำยทดนำ้ (3) เพ่ือศึกษำเกณฑ์กำรประเมินสภำพอำคำรหัวงำนประเภทประตูระบำยน้ำ/เขื่อนระบำยน้ำ/ ทดนำ้ และฝำยทดนำ้ 1.3 ขอบเขต กำรศึกษำเพ่ือประเมินผลกำรบ้ำรุงรักษำหัวงำนอำคำรชลประทำนทำงด้ำนวิศวกรรมนี จะครอบคลุมโครงกำรชลประทำน/โครงกำรส่งน้ำและบ้ำรุงรักษำ โดยมีกิจกรรมในกำรจัดท้ำหลักเกณฑ์กำร พจิ ำรณำประเมนิ ผลกำรบ้ำรงุ รกั ษำอำคำรหัวงำนชลประทำน ดงั นี ฝา่ ยบารุงรักษาหัวงาน ส่วนปรับปรุงบารุงรักษา สานกั บริหารจัดการนาและอุทกวทิ ยา

การศกึ ษาเพอ่ื ประเมนิ ผลการบารงุ รกั ษาหวั งานอาคารชลประทานทางด้านวศิ วกรรม 3 (1) แนวทำงกำรจัดท้ำหลักเกณฑ์กำรตรวจสอบสภำพอำคำรหัวงำนเป็นกำรศึกษำ รวบรวม ข้อมูล องค์ควำมรู้ของอำคำรหัวงำนชลประทำน ประเภทฝำย เข่ือนระบำยน้ำ/ทดน้ำ และประตูระบำยน้ำ เพ่ือ จดั ท้ำเป็นแนวทำง/หลักเกณฑ์มำตรฐำนในกำรจัดลำ้ ดับควำมส้ำคัญก่อนหลังในกำรพิจำรณำของบประมำณงำน ซ่อมแซมใหม้ ปี ระสทิ ธภิ ำพมำกขึน (2) กำรด้ำเนินงำนในครังนีได้ส้ำรวจลักษณะของอำคำรชลประทำนที่อยู่ในเขตส้ำนักงำนท่ี ชลประทำนท่ี 1-17 เพื่อใช้เป็นข้อมูลในกำรศึกษำเพ่ือประเมินผลกำรบ้ำรุงรักษำหัวงำนอำคำรชลประทำน ทำงดำ้ นวศิ วกรรม (3) หลักเกณฑ์กำรตรวจสภำพและประเมินสภำพอำคำรหัวงำนประเภทประตูระบำยน้ำ/เข่ือน ระบำยน้ำ/ทดน้ำและฝำยทดน้ำ น้ำไปใช้ในกำรจัดล้ำดับอำคำรหัวงำนเพื่อเรียงล้ำดับกำรของบประมำณงำน ซ่อมแซมและปรบั ปรุงอำคำรหัวงำนตอ่ ไป ฝา่ ยบารงุ รักษาหัวงาน สว่ นปรับปรุงบารุงรักษา สานักบรหิ ารจัดการนาและอุทกวิทยา

การศึกษาเพอ่ื ประเมนิ ผลการบารงุ รักษาหัวงานอาคารชลประทานทางดา้ นวิศวกรรม 4 บทท่ี 2 การตรวจเอกสาร 2.1 ทฤษฎที ่เี กี่ยวข้องในการศึกษา 2.1.1 Walk Thru Walk Thru เป็นกำรแนะน้ำกระบวนกำรปฏิบัติเพื่อกำรบ้ำรุงรักษำ ไม่ใช่กำรแนะน้ำ วิธีกำรบ้ำรุงรักษำ เพ่ือให้งำนบ้ำรุงรักษำด้ำเนินกำรอย่ำงมีขันตอน (บุญยง, 2542) โดยตรวจสภำพอำคำร ชลประทำนทุกแห่งในคลองแต่ละสำยทังคลองสำยใหญ่ คลองซอยและคลองแยกซอย เพื่อน้ำข้อมูลมำใช้ในกำร พจิ ำรณำวำงแผนบ้ำรุงรักษำ โดยกำ้ หนดลำ้ ดบั ควำมสำ้ คัญกอ่ นหลงั กำร กำรเดินตรวจสภำพอำคำรโดยกำรเดินจะได้ผลมำกกว่ำกำรขับรถตรวจ เพรำะกำรเดิน จะเห็นสภำพควำมเสียหำยได้โดยละเอียด แม้แต่รูโพรงเล็กๆ ใต้แผ่นคอนกรีตก็สำมำรถมองเห็นได้ง่ำย ส่วนกำร ขับรถตรวจจะพบแต่ควำมเสียหำยจุดใหญ่ๆ เท่ำนัน กำรเดินตรวจสำมำรถวินิจฉัยสำเหตุที่ท้ำให้เกิดปัญหำใน ระยะเร่ิมแรกจำกปัญหำเล็กน้อย สำมำรถด้ำเนินกำรแก้ไขได้ทันก่อนท่ีควำมเสียหำยเหล่ำนันจะลุกลำมใหญ่ขึน ผทู้ ้ำกำรตรวจสภำพจ้ำเป็นจะต้องมีควำมรู้และสำมำรถวินิจฉัยสำเหตุท่ีท้ำให้อำคำรในระบบส่งน้ำช้ำรุดเสียหำย พรอ้ มจดบันทกึ ใหช้ ัดเจน (วรวทิ ย์, 2561) 2.1.2 กำรประเมนิ สภำพเขอื่ นด้วยวธิ ีดัชนีสภำพ (condition Index) สภำพผิดปกติ เชน่ กำรทรุดตัว รอยแตกร้ำว นำ้ ซึม ฯลฯ ท่เี กิดขึนกับเขื่อน ทำ้ ให้เขือ่ น เกิดควำมเสียหำย จะมำก หรือ น้อย ขึนอยู่กับควำมรุนแรงของสภำพท่ีเกิดขึน ดังนันกำรใช้งำนเขื่อนอยู่ ตลอดเวลำ จึงต้องท้ำกำรตรวจสอบ และบ้ำรุงรักษำเขื่อนอย่ำงสม้่ำเสมอด้วยเช่นกัน วิธีกำรตรวจสอบที่ได้รับ ควำมนิยมทังจำกภำยในประเทศ และต่ำงประเทศ คือ กำรตรวจสภำพเขื่อนด้วยสำยตำ (Visual Inspection) และกำรประเมินสภำพเขอ่ื นโดยวิธดี ัชนีสภำพ (Condition Index) กำรประเมนิ สภำพเขอื่ นด้ำนควำมปลอดภยั และกำรบ้ำรุงรักษำ มีพืนฐำนมำจำกระบบ “REMR” ของหน่วยงำนทหำรช่ำงประเทศสหรัฐอเมริกำ (US. Crops of Engineers) ซึ่งจะแตกต่ำงไปจำกกำร ประเมินควำมปลอดภัยเข่ือนเพียงอย่ำงเดียว เนือ่ งจำกวิธีกำรนีจะมฐี ำนขอ้ มูลของทุกองค์ประกอบย่อยของเขื่อน และมีกำรจดบนั ทึกรำยละเอยี ดของสภำพองคป์ ระกอบย่อยเหลำ่ นันไวม้ ำกที่สุดเท่ำท่ีจะเป็นไปได้ นอกจำกนันใน กำรประเมินยังพิจำรณำน้ำหนักควำมส้ำคัญขององค์ประกอบนันๆ ท่ีมีต่อสภำพกำรใช้งำนและควำมปลอดภัย ของตัวเข่ือนโดยรวมอีกด้วย เม่ือประมวลในระดับสุดท้ำยจะออกมำเป็นค่ำดัชนีสภำพ (Condition Index) ซึ่ง เป็นตัวเลขท่ีมีค่ำตังแต่ 0 ถึง 100 เพื่อใช้บ่งบอกถงึ สภำพเข่ือนนันๆ โดยเข่ือนท่ีมีควำมสมบูรณ์และสภำพดีท่ีสุด จะมีคำ่ CI=100 ทังนีเข่ือนท่อี ยใู่ นสภำพปลอดภัยและใชง้ ำนไดต้ ำมปกติ จะมีคำ่ ดัชนสี ภำพอยู่ในช่วง 70 ถงึ 100 สำ้ หรับสภำพเขื่อนท่ีมีคำ่ CI ตำ่้ กวำ่ 70 จะต้องไดร้ ับกำรซ่อมแซมและบ้ำรุงรกั ษำต่อไป ซงึ่ สำมำรถใชค้ ่ำ CI=100 ท่ปี ระเมินนีเพ่ือกำรจัดล้ำดับควำมเร่งดว่ นในกำรซ่อมแซมในระหว่ำงเขอ่ื นต่ำงๆได้อีกด้วย (คณะท้ำงำนโครงกำร เพิ่มพูนทักษะด้ำนควำมปลอดภัยเข่ือนเชิงปฏิบัติกำรกำรตรวจสภำพเข่ือนด้วยสำยตำและประเมินผลโดยดัชนี สภำพ, 2556) ฝ่ายบารงุ รกั ษาหัวงาน ส่วนปรบั ปรุงบารุงรักษา สานกั บริหารจดั การนาและอทุ กวทิ ยา

การศึกษาเพอ่ื ประเมินผลการบารงุ รกั ษาหวั งานอาคารชลประทานทางดา้ นวศิ วกรรม 5 2.1.3 วิธดี ชั นีปัจจัยร่วม (Weighting Factor Method) วิธีดัชนีปัจจัยร่วม เป็นกำรประเมินเชิงสมกำรทำงคณิตศำสตร์บนพืนฐำนของทฤษฎี ทำงตรรกศำสตร์ เพื่อกำรจัดล้ำดับควำมส้ำคัญของปัญหำ โดยพิจำรณำร่วมกับปัจจัยต่ำงๆ ที่มีนัยส้ำคัญต่อ ปัญหำ ทงั ปัจจัยคงท่ี และปจั จัยกระตุ้น วธิ ีดัชนีปัจจัยร่วม สำมำรถน้ำไปใชไ้ ดใ้ นทกุ ด้ำน ทังด้ำนธุรกิจ วิศวกรรม หรือด้ำนกำรป้องกันภัยพิบัติ เป็นต้น อิทธิพลของแต่ละปัจจัยที่มีผลต่อปัญหำจะถูกก้ำหนดค่ำคะแนนตำมล้ำดับ ควำมส้ำคัญต่อผลลัพธ์ของปัญหำ ผลรวมของคะแนนปัจจัยหลักประกอบด้วยค่ำน้ำหนักคูณคะแนนของแต่ละ ปัจจัยรวมกัน ดงั แสดงในสมการท่ี 1 และตารางท่ี (2) ดังตอ่ ไปนี (สทุ ธิศกั ด,ิ์ 2555) S = W1R1+W2R2+W3R3+…+WnRn (1) เม่ือ S = ผลรวมของคะแนนจำกทุกปัจจัย (คะแนนปัจจัยหลกั ) W = นำ้ หนักของปจั จยั R = ระดบั คะแนนของแต่ละปัจจยั ตารางท่ี 2 กำรให้คะแนนปัจจัยหลัก (สทุ ธิศักดิ์, 2555) ผลรวมของ ลาดบั ชอื่ นาหนักปจั จัย คะแนน ปจั จยั W1 W2 W3 W4 … Wm S1 1 อำคำรท่ี 1 R1,1 R1,2 R1,3 R1,4 ... R1,m S2 2 อำคำรท่ี 1 R2,1 R2,2 R2,3 R2,4 ... R2,m S3 3 อำคำรท่ี 1 R3,1 R3,2 R3,3 R3,4 ... R3,m S4 4 อำคำรท่ี 1 R4,1 R4,2 R4,3 R4,4 ... R4,m S4 … ... ... ... ... ... ... ... ... n อำคำรที่ n Rn,1 Rn,2 Rn,3 Rn,4 Rn,m Sn Sx = W1xRx,1+W2,Rx,2+W3xRx,3+W4,Rx,4+…+Wm,Rxm (2) เม่ือ Sx = ผลรวมของคะแนนปัจจยั หลัก Wx = น้ำหนกั ของปัจจยั Rx = ระดับคะแนนของแต่ละปัจจัย 2.1.4 กำรตัดสินใจโดยกระบวนกำรวิเครำะห์ตำมล้ำดับชัน (Decision Making by Analytic Hierarchy Process : AHP) กระบวนกำรตัดสนิ ใจบำงครังกง็ ่ำย บำงครงั ก็ยำก บำงครังตัดสินใจถูก บำงครังกต็ ัดสินใจ ผดิ พลำด ในชวี ิตประจ้ำวันคนเรำมเี ร่ืองต้องตดั สินใจมำกมำย กำรตัดสินใจเร่ืองเล็กๆ เรื่องส่วนตัวท้ำได้ง่ำยและกำร ตัดสินใจผิดพลำดไมม่ ีผลอะไรมำกนัก แตก่ ำรตัดสินใจในเร่ืองส้ำคัญ เช่นเกี่ยวข้องกบั ค่ำลงทุนที่สงู มำก เก่ียวข้องกับ คนมำกมำยและผลที่ตำมมำอำจเลวร้ำยมำกถ้ำตัดสินใจผิดพลำดนับเป็นเร่ืองยำก ต้องมีกำรประชุมระดมควำม ฝา่ ยบารุงรักษาหวั งาน ส่วนปรบั ปรุงบารงุ รักษา สานักบรหิ ารจดั การนาและอทุ กวิทยา

การศกึ ษาเพอ่ื ประเมนิ ผลการบารงุ รกั ษาหัวงานอาคารชลประทานทางด้านวิศวกรรม 6 คิดเห็นบุคคลที่เก่ียวข้อง ใช้ควำมเห็นผู้เชี่ยวชำญ เพ่ือก้ำหนดเกณฑ์ในกำรตัดสินใจ ก้ำหนดทำงเลือกท่ีหลำกหลำย แล้วพิจำรณำวิเครำะห์ทำงเลือกอย่ำงละเอียดรอบคอบ เพ่ือหำทำงเลือกที่ดีท่ีสุด อำจต้องมีกำรวิเครำะห์ซ้ำแล้วซ้ำ อีก เพื่อให้แน่ใจว่ำได้ทำงเลือกที่เหมำะสมจริงๆ ในบทควำมนีจะเสนอกระบวนกำรตัดสินใจท่ีมีผู้นิยมใช้กันมำกใน ปัจจุบันซ่ึงเหมำะท่ีจะน้ำมำใช้ในกำรวิเครำะห์วำงโครงกำรชลประทำน หรือกำรบริหำรจัดสรรน้ำชลประทำนใน ประเทศไทย หลักกำรวเิ ครำะห์ตำมล้ำดบั ชัน (Analytic Hierarchy Process) กระบวนกำรวิเครำะห์ตำมล้ำดับชัน (Analytic Hierarchy Process) หรือเรียกสันๆ ว่ำ AHP เป็นวิธีกำรหนึ่งที่ใช้ในกำรวิเครำะห์เพื่อกำรตัดสินใจเลือกทำงเลือกที่ดีที่สุด (Best Alternatives) พัฒนำขึน โดย Saaty ในปี ค.ศ. 1970 เพ่ือใช้เป็นเคร่ืองมือส้ำหรบั ผู้บริหำร โดยมีหลักกำรง่ำยๆ คือ แบ่งโครงสร้ำงของปัญหำ ออกเป็นชันๆ ชันแรกคือ กำรก้ำหนดเป้ำหมำย (Goal) แล้วจึงก้ำหนดเกณฑ์ (Criteria) เกณฑ์ย่อย (Subcriteria) และทำงเลือก (Alternatives) ตำมล้ำดับ (Saaty, 1980) แล้วจึงวิเครำะห์หำทำงเลือกท่ีดีที่สุด โดยกำรวิเครำะห์ เปรียบเทียบ (Trade off) เกณฑ์ในกำรคัดเลือกทำงเลือกทีละคู่ (Pairwise) เพื่อให้ง่ำยต่อกำรตัดสินใจ ว่ำเกณฑ์ไหน ส้ำคัญกว่ำกัน โดยกำรให้คะแนนตำมควำมส้ำคัญหรือควำมชอบ หลังจำกให้คะแนนเพ่ือจัดล้ำดับควำมส้ำคัญของ เกณฑ์แล้วจึงค่อยพิจำรณำวิเครำะห์ทำงเลือกทีละคู่ตำมเกณฑ์ที่ก้ำหนดไว้ทีละเกณฑ์จนครบทุกเกณฑ์ ถ้ำกำรให้ คะแนนควำมส้ำคัญหรือควำมชอบนันสมเหตุสมผล (Consistency) จะสำมำรถจัดล้ำดับทำงเลือกเพ่ือหำทำงเลือกที่ ดที ี่สุดได้ ได้ (วรำวุธ, 2546) ซ่ึงต้องเลือกทำงเลือกทด่ี ีที่สดุ จำกหลำยทำงเลอื ก และมีเกณฑใ์ นกำรพิจำรณำทำงเลือก หลำยเกณฑ์ AHP เป็นกำรวิเครำะห์เปรียบเทียบของทีละคู่ จึงท้ำให้กำรเลือกทำงเลือกท้ำได้ง่ำยและสะดวกขึน ปัจจุบัน AHP เป็นวิธีหน่ึงของกระบวนกำรตัดสินใจแบบหลำยเกณฑ์ (Multicriteria Decision Making) ซ่ึงมีผู้นิยม ใช้กันมำก (Lequna et. al., 1999) มีกำรพัฒนำโปรแกรมคอมพิวเตอร์เพื่อช่วยให้กำรวิเครำะห์ตัดสินใจท้ำได้ง่ำย และสะดวกขนึ กำรวิเครำะห์ตำมล้ำดับชันมีส่ิงส้ำคัญท่ีต้องพิจำรณำ 3 ประกำร คือ กำรจัดล้ำดับชันใน กำรวิเครำะห์ กำรหำล้ำดับควำมส้ำคัญ (Priority) และกำรวิเครำะห์ควำมสมเหตุสมผลของข้อมูล ซึ่งจะกล่ำวถึงใน รำยละเอยี ดดงั ต่อไปนี (1) กำรจัดลำ้ ดบั ชันในกำรวเิ ครำะห์ (Structuring the Hierarchy) ในกำรวิเครำะห์เพ่ือตัดสินใจเลือกของหรือทำงเลือกที่ดีที่สุด จะแบ่งกำรวิเครำะห์ ออกเป็นล้ำดับชันดังนีคือ เป้ำหมำย (Goal) เกณฑ์ (Criteria) เกณ ฑ์ย่อย (Subcriteria) และทำงเลือก (Alternatives) โดยในแต่ละชันอำจมีหลำยเกณฑ์ และในแต่ละเกณฑ์อำจมีหลำยเกณฑ์ย่อยได้ ดังแสดงในภาพที่ 1 ชันล่ำงสดุ คอื ชนั ของทำงเลอื ก (สำธติ , 2547) ฝา่ ยบารงุ รกั ษาหัวงาน ส่วนปรบั ปรุงบารุงรักษา สานักบริหารจัดการนาและอุทกวทิ ยา

การศึกษาเพอ่ื ประเมินผลการบารงุ รักษาหวั งานอาคารชลประทานทางด้านวิศวกรรม 7 ภาพท่ี 1 โครงสร้ำงของกระบวนกำรวเิ ครำะห์ตำมล้ำดับชัน (Analytic Hierarchy Process) (2) กำรค้ำนวณหำลำ้ ดับควำมสำ้ คัญ (Calculation of Relative Priority) ในแต่ละชันผู้บริหำรหรือผู้เชี่ยวชำญหรือผู้เกี่ยวข้องจะเป็นผู้ให้คะแนนควำมส้ำคัญ หรือควำมชอบโดยกำรเปรียบเทียบของ (เกณฑ์หรือทำงเลือก) ทีละคู่ (Pairwise Comparison) โดยเร่ิมจำกชันบน ลงสู่ชันล่ำง โดยแบ่งระดับควำมส้ำคัญหรือควำมชอบ (AHP Measurement Scale) ออกเป็น 9 ระดับ ดังแสดงใน ตารางที่ 3 หลังจำกท่ีทรำบควำมเห็นท่ีผู้บริหำรหรือผู้เชี่ยวชำญหรือผู้เก่ียวข้องในรูปของ คะแนนควำมส้ำคัญหรือควำมชอบจำกกำรเปรียบเทียบของเป็นคู่ในชันนันแล้ว จะท้ำกำรค้ำนวณหำน้ำหนัก ควำมส้ำคัญ (Weight) หรือล้ำดับควำมส้ำคัญสัมพัทธ์ (Relative Priority) ของในชันนันท้ำกำรวิเครำะห์ในท้ำนอง เดียวกันทีละชันจำกชันบนลงสู่ชันล่ำงจนครบทุกชัน จะทรำบคะแนนควำมส้ำคัญรวมของทำงเลือกตำมเกณฑ์ที่ ก้ำหนดไวไ้ ด้ นำ้ หนกั ควำมส้ำคญั ของเกณฑ์หรอื ทำงเลือกในแตล่ ะชนั จะค้ำนวณได้ดังสมการที่ (3) Aw = max w (3) เมื่อ A คือ สแควร์เมตริกแสดงควำมเห็นของผู้บริหำรหรือผู้เชี่ยวชำญหรือ ผู้เกย่ี วข้องในรปู ของคะแนนควำมสำ้ คญั ซ่ึงปรับค่ำให้เป็น 1 แลว้ (Normalized) w คือ Eigenvector แสดงนำ้ หนกั ควำมส้ำคญั สัมพัทธ์ของของซ่ึงอยู่ในล้ำดับชนั เดียวกัน หรือกลมุ่ ของที่อย่ภู ำยใต้ของในล้ำดับชนั ทีส่ ูงกว่ำ ดังแสดงในรูปท่ี 1 ฝา่ ยบารงุ รักษาหัวงาน ส่วนปรบั ปรุงบารงุ รักษา สานกั บริหารจดั การนาและอทุ กวทิ ยา

การศึกษาเพอ่ื ประเมินผลการบารงุ รกั ษาหัวงานอาคารชลประทานทางด้านวศิ วกรรม 8 max คือ Maximum eigenvalue 1 a12 a13 … a1n A1 1 a23 … a2n A2 1⁄������12 1⁄������2������ 1 … a3n A3 A = 1⁄������1������ ∶ ∶ ∶ …⃛ .̇ ∶ 1⁄������2������ 1⁄������3������ … 1 ] A������ [ 1⁄������1������ ������������������ = 1 = คะแนนความสาคญั ของที่เปรยี บเทยี บทลี ะคู่ มีค่าอยู่ระหวา่ ง 0-1 ������������������ ������ = lim ������ ������������������ (4) ������������������������ ������→∞ เม่ือ k คือ การคานวณคร้ังท่ี k e คือ Unit Vector ตารางที่ 3 สเกลในกำรเปรียบเทียบควำมส้ำคัญหรือควำมชอบของสองส่ิง (Pairwise Comparison Scale) (Huizingh and Virolijk, 1994) เชิงคุณภาพ เชิงปริมาณ เทำ่ กัน (Equally Preferred ) 1 เท่ำกันถึงปำนกลำง (Equally to Moderately) 2 ปำนกลำง (Moderately Preferred) 3 ปำนกลำงถึงค่อนข้ำงมำก (Moderately to Strongly) 4 ค่อนขำ้ งมำก (Strongly Preferred) 5 ค่อนข้ำงมำกถึง มำกกวำ่ (Strongly to Very Strongly) 6 มำกกวำ่ (Very Strongly Preferred) 7 มำกกวำ่ ถึงมำกท่ีสุด (Very Strongly to Extremely) 8 มำกท่สี ดุ (Extremely Preferred) 9 (3) กำรตรวจสอบควำมสมเหตสุ มผลของข้อมูล (Consistency) ควำมเห็นผู้บริหำรหรือผู้เช่ียวชำญหรือผู้เก่ียวข้องในรูปของคะแนนควำมสำ้ คัญ ซึ่ง ได้จำกกำรเปรียบเทียบของเป็นคู่ บำงครังอำจไม่สมเหตุสมผลหรือมีข้อผิดพลำด (Error) ในกำรแสดงควำมเห็น เช่น เมื่อเปรียบเทียบระหว่ำง นำย ก. และ นำย ข. ชอบนำย ก. เป็น 2 เท่ำของ นำย ข. ถ้ำเปรียบเทียบระหว่ำง นำย ข. กับ นำย ค. ชอบนำย ข. เป็น 3 เท่ำของ นำย ค. และเม่ือเปรียบเทียบระหว่ำง นำย ก. กับ นำย ค. ชอบ นำย ก. เป็น 5 เท่ำของ นำย ค. เป็นต้น ซึ่งตำมหลกั ของเหตุผลแล้วควรชอบนำย ก. เป็น 6 เท่ำของนำย ค. เป็นต้น ควำมไม่ สมเหตุสมผลหรือข้อผิดพลำดเป็นสิ่งท่ีสำมำรถเกิดขึนได้ในกำรวิเครำะห์เปรียบเทียบของเป็นคู่ จึงจ้ำเป็นต้องมีกำร ตรวจสอบควำมสมเหตุสมผลของข้อมูล โดยกำรค้ำนวณดรรชนีควำมสมเหตุสมผลของข้อมูล (Consistency Index, C.I.) ถ้ำ C.I. > 0.1 แสดงว่ำข้อมูลคะแนนควำมส้ำคัญที่ได้จำกกำรเปรียบเทียบของเป็นคู่ไม่สมเหตุสมผล (Huizingh and Vrolijk, 1994; Sahoo, 1998) จะต้องปรับคะแนนควำมส้ำคัญในกำรเปรียบเทียบของเป็นคู่ใหม่ก่อนท่ีจะ วิเครำะหใ์ นลำ้ ดับชันถดั ไป ดังสมการที่ (5) และ (6) ฝ่ายบารงุ รักษาหัวงาน ส่วนปรบั ปรุงบารงุ รักษา สานักบริหารจัดการนาและอทุ กวทิ ยา

การศกึ ษาเพอื่ ประเมินผลการบารงุ รักษาหวั งานอาคารชลประทานทางด้านวศิ วกรรม 9 CI = CR (5) RI เมอ่ื C.I. คอื ดรรชนคี วำมสมเหตสุ มผล (Consistency Index) CR คอื สดั ส่วนควำมสมเหตสุ มผล (Consistency Ratio) และ RI คือ ดรรชนีค่ำสุ่มของควำมไม่สมเหตุสมผล (Random Inconsistency Index) ขนึ อย่กู บั ขนำดของสแควรเ์ มตรกิ A ดังแสดงในตารางท่ี 4 CR = λmax−n (6) n−1 เมอ่ื n คือขนำดของสแควรเ์ มตรกิ ตารางท่ี 4 Random Inconsistency Index (RI) (Sahoo, 1998) n RI n RI n RI 10 6 1.124 11 1.51 20 7 1.32 12 1.48 3 0.58 8 1.41 13 1.56 4 0.90 9 1.46 14 1.57 5 1.12 10 1.49 15 1.59 (4) ขนั ตอนกำรวเิ ครำะห์ดว้ ย AHP กำรวิเครำะห์กำรตดั สนิ ใจดว้ ย AHP มี 8 ขนั ตอน ดังนี (4.1) ก้ำหนดทำงเลือก ในแต่ละปัญหำจะมีทำงเลือกในกำรแก้ไขที่หลำกหลำย ใน ขันตอนนใี หก้ ้ำหนดทำงเลือกตำ่ งๆ ทเ่ี กีย่ วข้องทังหมด (4.2) ระบุระดับของเกณฑต์ ่้ำสดุ (Threshold Level) ทตี่ อ้ งกำรของแต่ละทำงเลือก (4.3) คัดเลือกทำงเลือกเบืองต้นจำกทำงเลือกท่ีก้ำหนดในขันที่ 1 โดยตรวจสอบกับ เกณฑ์ต้่ำสุด ถ้ำทำงเลอื กใดต้่ำกวำ่ เกณฑ์ ใหค้ ดั ออก (4.4) ระบุเกณฑ์ (Criteria) หรือเกณฑ์ย่อย (Subcriteria) เพ่ือใช้ในกำรตัดสินใจ เลอื กทำงเลือกทด่ี ที ส่ี ุดจำกทำงเลือกใน (4.3) (4.5) สร้ำงล้ำดับชันของกำรตัดสินใจ (Develop Decision Hierarchy) จำก ทำงเลือกและเกณฑ์ท่ีก้ำหนดไว้ โดยอย่ำงน้อยจะมี 3 ล้ำดับชัน คือ เป้ำหมำย (Goal), เกณฑ์ (Criteria) และ ทำงเลือก (Alternatives) ดังแสดงในรูปท่ี 1 (4.6) เปรียบเทียบเกณฑ์ทีละคู่ แล้วจึงเปรียบเทียบทำงเลือกทีละคู่ตำมเกณฑ์ท่ี กำ้ หนดไว้ ทีละเกณฑ์ จนครบทุกเกณฑ์ ในกำรเปรียบเทียบทำงเลือกนันจะให้คะแนนเป็นเชิงปริมำณหรือคุณภำพก็ ได้ ฝ่ายบารงุ รกั ษาหัวงาน สว่ นปรับปรุงบารุงรักษา สานักบริหารจัดการนาและอุทกวทิ ยา

การศกึ ษาเพ่ือประเมินผลการบารงุ รกั ษาหัวงานอาคารชลประทานทางดา้ นวศิ วกรรม 10 (4.7) ค้ำนวณล้ำดับควำมส้ำคัญของทำงเลือก โดยกำรน้ำค่ำน้ำหนัก (Weight) ของ แต่ละทำงเลือกในแต่ละเกณฑ์ คูณกับค่ำน้ำหนักของเกณฑ์ แล้วหำผลรวม ถ้ำเรยี งล้ำดับผลลัพธข์ องแต่ละทำงเลือก ตำมคะแนนจำกมำกไปน้อย ทำงเลือกทมี่ คี ะแนนมำกท่สี ดุ จะเป็นทำงเลือกท่ดี ีทส่ี ุด (4.8) วิเครำะห์ควำมอ่อนไหว (Sensitivity Analysis) ก่อนที่จะตัดสินใจเลือก ทำงเลือกจำกข้อ (4.7) จ้ำเป็นต้องวิเครำะห์ควำมอ่อนไหวอันเกิดจำกควำมไม่แน่นอนของข้อมูลท่ีใช้ในกำรตัดสินใจ ถ้ำหำกมีกำรเปลี่ยนแปลงน้ำหนักหรือควำมส้ำคัญของเกณฑ์แล้ว ทำงเลือกท่ีดีที่สุดจะยังคงเป็นทำงเลือกที่ดีท่ีสุด หรอื ไม่ ถำ้ เป็นจะทำ้ ให้เกิดควำมมั่นใจท่ีเลือกทำงเลอื กนัน 2.1.5 กำรรวมค่ำนำ้ หนักและคะแนนสภำพ ในกำรพิจำรณำกำรให้น้ำหนักในแต่ละองค์ประกอบและสภำพนัน จ้ำเป็นต้องใช้ ผู้เชี่ยวชำญร่วมกันก้ำหนดค่ำคะแนนของน้ำหนัก โดยกำรค้ำนึงถึงควำมเป็นไปได้ท่ีจะเกิดขึน หลังจำกที่ท้ำกำร ก้ำหนดวิธขี องกำรได้มำซ่ึงคะแนนของน้ำหนักแล้ว ดังหัวข้อท่ี 2.1.2 ต้องท้ำกำรดูโดยภำพรวมของค่ำน้ำหนักอีก ครัง เพ่ือเป็นเครื่องยนื ยันถึงควำมถูกต้อง จำกนันจะน้ำค่ำที่ได้จำกกำรตรวจสภำพและน้ำหนัก มำค้ำนวณหำค่ำ คะแนนดชั นสี ภำพ ดงั สมการที่ 7 สมกำรดชั นสี ภำพไดด้ ดั แปลงมำจำกสมกำรท่ี (2) จะได้สมกำร ดังนี CI = WF1*SC1 + WF2*SC2 + WF3*SC3 + … + WFn*SCn (7) เม่ือ CI = ดัชนีสภำพของอำคำรหัวงำน WF1 = นำ้ หนกั ควำมส้ำคญั ขององค์ประกอบที่ 1 SC1 = คะแนนของสภำพท่ี 1 WF2 = น้ำหนักควำมสำ้ คัญขององค์ประกอบที่ 2 SC2 = คะแนนของสภำพท่ี 2 WF3 = นำ้ หนักควำมส้ำคัญขององคป์ ระกอบที่ 3 SC3 = คะแนนของสภำพที่ 3 WFn = นำ้ หนักควำมสำ้ คัญขององค์ประกอบที่ n SCn = คะแนนของสภำพที่ n 2.2 อาคารหวั งานชลประทาน อำคำรหวั งำนชลประทำน หมำยถึง บรรดำกิจกำรหรือสง่ิ ก่อสรำ้ งทังหมด ซึ่งสรำ้ งไวท้ ีแ่ หล่งน้ำ อันเป็นต้นน้ำของโครงกำรชลประทำน เพื่อจัดหำหรือเก็บกักน้ำให้มีจ้ำนวนเพียงพอกับควำมต้องกำรของพืนท่ี ชลประทำนทังหมด หรือเพ่ือยกระดับน้ำให้สูงพอที่จะส่งต่อไปยังพืนท่ีเพำะปลูกให้ได้อย่ำงทั่วถึงอย่ำงใดอย่ำง หน่ึง นอกจำกนันยังหมำยรวมถึงส่ิงก่อสร้ำงหรืออำคำรประกอบต่ำงๆ ที่สร้ำงอยู่ในบริเวณของโครงกำร ชลประทำนเพื่อวัตถุประสงค์อืน่ ๆ อกี ดว้ ย ฝ่ายบารงุ รกั ษาหัวงาน ส่วนปรับปรุงบารงุ รักษา สานักบรหิ ารจัดการนาและอุทกวิทยา

การศกึ ษาเพื่อประเมินผลการบารงุ รกั ษาหวั งานอาคารชลประทานทางด้านวศิ วกรรม 11 อำคำรหัวงำนชลประทำนซึ่งใช้แหล่งน้ำบนผวิ ดิน เช่น แม่น้ำ ล้ำธำร และ ล้ำห้วย ฯลฯ ที่นิยม สร้ำงกันอยทู่ ว่ั ไป แบ่งออกเปน็ 3 ประเภท คือ 1) อำคำรหัวงำนชลประทำนประเภททดน้ำ ประกอบด้วยสิ่งก่อสร้ำงท่ีสร้ำงปิดกันแม่น้ำ ล้ำ ธำร และ ล้ำห้วย ฯลฯ เพื่อท้ำหน้ำท่ียกน้ำที่ไหลเข้ำมำในแหล่งน้ำนัน ให้มีระดับสูงพอท่ีจะส่งเข้ำคลองส่งน้ำ หรือระบบ ส่งน้ำของโครงกำร เพื่อแจกจ่ำยไปยังพืนท่ีเพำะปลูกต่อไป เช่น เข่ือนเจ้ำพระยำ จังหวัดชัยนำท เขือ่ นพระรำมหก จังหวดั พระนครศรอี ยธุ ยำ นอกจำกนนั ยงั รวมถงึ ฝำยทดน้ำ 2) อำคำรหัวงำนชลประทำนประเภทเก็บกักน้ำ ประกอบด้วยส่ิงก่อสร้ำงที่สร้ำงปิดกันแม่น้ำ ลำ้ ธำร และล้ำห้วย ฯลฯ เพื่อทำ้ หน้ำที่เก็บกักนำ้ ที่ไหลมำมำกในล้ำน้ำตอนฤดูน้ำหลำก จนเกิดเป็นแหล่งนำ้ ถำวร มีจ้ำนวนน้ำมำกส้ำหรับส่งไปให้พืนที่เพำะปลูกในเขตโครงกำร เช่น เข่ือนป่ำสักชลสิทธ์ิ จังหวัดลพบุรี เขื่อนภูมิ พล จงั หวัดตำก 3) อำคำรหัวงำนชลประทำนประเภทสูบน้ำ โดยท่ัวไปหัวงำนของโครงกำรชลประทำนสูบน้ำ จะสร้ำงขึนเฉพำะในกรณีที่สภำพภูมิประเทศและสภำพของแหล่งน้ำไม่เอืออ้ำนวยให้ท้ำกำรก่อสร้ำงหัวงำนของ โครงกำรชลประทำนประเภททดน้ำหรือประเภทเก็บกักน้ำได้อย่ำงเหมำะสมและประหยัด เช่น โครงกำร ชลประทำนมพี ืนท่ชี ลประทำนน้อยอยู่รมิ แม่นำ้ ขนำดใหญ่ ในที่นี จะกลำ่ วถึงหวั งำนชลประทำนในประเภทที่ 1 ประเภททดนำ้ (1) ฝาย (Weir) ฝำยคืออำคำรหัวงำนชลประทำนที่สร้ำงขึนขวำงทำงนำ้ เพ่ือชะลอน้ำ ยกระดับนำ้ หรือผันน้ำ นอกจำกนัน ฝำยยังหมำยถึงอำคำรชลศำสตร์สร้ำงปิดกันล้ำน้ำธรรมชำติท้ำหน้ำที่ทดน้ำ ให้ระดับสูงขึนจน สำมำรถไหลเขำ้ คลองส่งน้ำชลประทำนได้ ฝำยจะต้องมคี วำมยำวมำกพอท่ีจะให้น้ำไหลมำในช่วงหน้ำฝนไหลข้ำม ฝำยไปได้ โดยไมท่ ำ้ ใหเ้ กิดนำ้ ทว่ มตลง่ิ สองฝั่งมำกเกินไป ดังแสดงในภาพที่ 2 (กรมชลประทำน. 2553) ภาพท่ี 2 ฝำยสำ จ.น่ำน ฝ่ายบารุงรกั ษาหวั งาน ส่วนปรับปรุงบารุงรักษา สานักบริหารจัดการนาและอทุ กวทิ ยา

การศกึ ษาเพ่อื ประเมินผลการบารงุ รกั ษาหัวงานอาคารชลประทานทางดา้ นวิศวกรรม 12 ประเภทของฝำย (1.1) ตำมอำยุกำรใช้งำน (1.1.1) ฝำยเฉพำะฤดู เปน็ ฝำยท่ีสรำ้ งขึนในล้ำนำ้ ขนำดเล็กโดยใช้วัสดทุ ีม่ รี ำคำถูกและหำได้งำ่ ยใน ทอ้ งถิ่นเป็นสว่ นใหญ่ ไดแ้ ก่ กิ่งไม้ ใบไม้ ไม้ไผ่ เสำไม้ ทรำยและกรวด เป็นตน้ เม่ือถึงเวลำน้ำไหลหลำกมำ ฝำยจะ แตกพังทลำยไปหมดท้ำใหต้ อ้ งสรำ้ งขึนใหม่ทกุ ปี ดงั แสดงในภาพท่ี 3 ภาพท่ี 3 ฝำยชำวบ้ำน จ.เชยี งรำย (1.1.2) ฝำยชัว่ ครำว เป็นฝำยขนำดเล็กและมีลักษณะคล้ำยกับฝำยเฉพำะฤดู แต่มีควำมมั่นคง แข็งแรงและมีอำยุกำรใช้งำนนำนกว่ำ เพรำะสร้ำงให้แข็งแรงขึน และวัสดทุ ่ีใช้ก็คงทนถำวรกว่ำ ถำ้ หมั่นคอยดูแล ซ่อมแซมวสั ดุที่ช้ำรุดเสียหำย และที่หลุดลอยตำมนำ้ ไปให้อยู่ในสภำพดีเหมอื นเดมิ ฝำยประเภทนี กจ็ ะมีอำยุกำร ใชง้ ำนได้นำนหลำยปี ดังแสดงในภาพท่ี 4 ภาพที่ 4 ฝำยช่ัวครำวกันแมน่ ้ำปิง แหง่ ที่ 1 จ.นครสวรรค์ (1.1.3) ฝำยกง่ึ ถำวร ฝำยประเภทนีจะมีอำยุกำรใช้งำนนำนกว่ำฝำยชั่วครำว ถ้ำคอยดูแลและ บำ้ รุงรกั ษำอยู่เสมออำจมอี ำยุกำรใช้งำน ได้ถึง 20 ปี เพรำะใช้วัสดทุ ่ีมีขนำดใหญห่ รอื แข็งแรงมำกกวำ่ เชน่ เสำไม้ ทมี่ ขี นำดใหญต่ งั แต่ 0.20 เมตรขนึ ไป และทำ้ กำรกอ่ สร้ำงให้มคี วำมมนั่ คงมำกขึน ดังแสดงในภาพที่ 5 ฝา่ ยบารงุ รกั ษาหัวงาน ส่วนปรับปรุงบารงุ รักษา สานักบรหิ ารจัดการนาและอุทกวทิ ยา

การศึกษาเพอื่ ประเมินผลการบารงุ รักษาหัวงานอาคารชลประทานทางด้านวศิ วกรรม 13 ภาพท่ี 5 ฝำยกึง่ ถำวร (1.1.4) ฝำยถำวร เป็นฝำยท่ีสร้ำงด้วยวัสดุต่ำง ๆ ที่มีควำมแข็งแรง เช่น คอนกรตี ล้วน หินก่อ คอนกรีตเสริมเหล็ก เป็นต้น มีกำรค้ำนวณออกแบบถูกต้องตำมหลักวิชำกำร จึงม่ันคงต่อแรงดันของน้ำ และ ทนทำนตอ่ กำรกัดเซำะของน้ำได้ และกำรก่อสร้ำงก็จะท้ำถูกต้องตำมหลักวศิ วกรรม ฝำยถำวรจึงมีอำยุกำรใช้งำน ยนื ยำว ถำ้ ได้รับกำรบรู ณะซอ่ มแซมอยเู่ สมอจะใช้งำนไดต้ ลอดไป ดังแสดงในภาพท่ี 6 ภาพท่ี 6 ฝำยถำวร (1.2) ตำมวสั ดทุ ี่ใช้งำน (1.2.1) ฝำยไม้ หรือกรวด เป็นฝำยขนำดเล็กและมีลักษณะคล้ำยกับฝำยช่ัวฤดู แต่มีควำมม่ันคง แข็งแรงและมีอำยุใช้งำนนำนกว่ำ เพรำะสร้ำงด้วยวัสดุค่อนข้ำงถำวรหรือถำวร ได้แก่เสำไม้ ไม้กระดำน กรวด หรือหิน เหล็ก และมวี ิธีกำรสรำ้ งประณีตมำกขึน เม่อื ถึงเวลำน้ำไหลหลำกมำฝำยจะต้ำนทำนได้ ถ้ำคอยซ่อมแซม ส่วนของฝำยที่ช้ำรุดหรือท่ีถูกน้ำพัดหลุดลอยไปบ้ำงอยู่เสมอแล้วอำจมีอำยุใช้งำนถึง 10 ปี ส่วนของฝำยที่ช้ำรุด มักเป็นไมท้ ี่อยู่ชันบนซ่ึงเปล่ียนใหม่ได้งำ่ ย ไมข้ ้ำงลำ่ งไมค่ ่อยพุเพรำะจมน้ำอยู่เสมอตะกอนทรำยในลำ้ นำ้ ซ่ึงน้ำพัด พำมำจะเข้ำไปอุดช่องว่ำงในตัวฝำยและตกทับถมอยู่ทำงด้ำนเหนือน้ำของฝำยกลำยเป็นท้ำนบทรำยจำกฝำย ออกไปไกล ท้ำใหฝ้ ำยแน่นทบึ และแข็งแรงมำกขึน ดงั แสดงในภาพที่ 7 ฝา่ ยบารงุ รักษาหัวงาน ส่วนปรับปรุงบารุงรักษา สานักบรหิ ารจดั การนาและอุทกวิทยา

การศกึ ษาเพอ่ื ประเมนิ ผลการบารงุ รกั ษาหวั งานอาคารชลประทานทางด้านวศิ วกรรม 14 ภาพที่ 7 ฝำยไม้ (1.2.2) ฝำยคอนกรีต (Concrete Weir) เปน็ ฝำยประเภทถำวร ฝำยคอนกรตี มี 2 ชนดิ ไดแ้ ก่ 1) ฝำยคอนกรีตเสริมเหล็ก (Reinforced Concrete Weirs) มีลักษณะ เป็นตอม่อคอนกรีต ตังอยู่บนพืนคอนกรีตเป็นระยะ ห่ำงกันประมำณ 2.0 เมตร ตลอดควำมกว้ำงของล้ำน้ำ ช่อง ระหว่ำงตอม่อทุกช่องมีก้ำแพงคอนกรีตตังท้ำหน้ำที่เป็นสันฝำย (sharp crested weir) และมีแผ่นไม้ กระดำน ส้ำหรบั ไว้อัดนำ้ เมอ่ื ต้องกำรยกระดบั นำ้ ใหส้ งู ขึน ดงั แสดงในภาพที่ 8 ภาพที่ 8 ฝำยแม่ยม จ.แพร่ 2) ฝำยคอนกรีตล้วนหรือฝำยหินก่อ (Mass Concrete or Masonry Weirs) ฝำยคอนกรีตล้วนหรือฝำยหินก่อเป็นก้ำแพงทึบ มีรูปตัดคล้ำยรูปสี่เหลี่ยมคำงหมู ซึ่งมีด้ำนบนคือสันฝำย แคบกวำ่ ด้ำนล่ำง ซึ่งเป็นฐำนฝำย โดยปกตลิ ำดฝำยด้ำน เหนือน้ำไม่มี หน้ำฝำยตังชันเป็นแนวด่ิงกบั พืนฝำย ส่วน ลำดฝำยด้ำนท้ำยน้ำมีส่วนสัดตำมท่ีคำ้ นวณได้ เพ่ือใหน้ ้ำไหลข้ำมฝำยสะดวกและไม่ใหน้ ้ำตกกระแทกพืน ฝำยแรง เกินไปรูปตัดของฝำยจะถูกดดั แปลงไปบ้ำง คอื จะท้ำสันฝำยและบริเวณ ทีป่ ลำยลำดฝำยตัดกับพืนท้ำยน้ำไม่ให้มี เหล่ยี มมมุ เหลอื อยู่เลย ดงั แสดงในภาพท่ี 9 ฝา่ ยบารงุ รกั ษาหัวงาน ส่วนปรับปรุงบารุงรักษา สานักบรหิ ารจัดการนาและอทุ กวทิ ยา

การศึกษาเพอื่ ประเมนิ ผลการบารงุ รักษาหวั งานอาคารชลประทานทางด้านวิศวกรรม 15 ภาพท่ี 9 ฝำยทงุ่ ไผ่ จ.แพร่ (1.2.3) ฝำยยำง (Rubber Weir) ฝำยที่สำมำรถควบคุมกำรพองตัวและยุบตัวด้วยน้ำ หรือ อำกำศเพื่อเก็บกัก น้ำในล้ำน้ำเหนือฝำย ส้ำหรับใช้ประโยชน์เพื่อกำรเกษตร และกำรอุปโภคบริโภค ในฤดูแล้ง และสำมำรถลด ระดบั เพอื่ ระบำยน้ำหลำกมำกเกนิ ควำมต้องกำรในฤดฝู น ซึ่งจะสำมำรถระบำยตะกอนทท่ี บั ถมบริเวณหนำ้ ฝำยได้ ด้วย ฐำนฝำยและพืนลำดตล่ิงสร้ำงด้วยหินก่อ คอนกรีต หรือคอนกรีตเสริมเหล็ก ตัวฝำยยำงประกอบด้วยแผ่น ยำงม้วนเปน็ รปู คลำ้ ยทรงกระบอก วำงพำดขวำงตลอดล้ำน้ำแลว้ ยดึ ตดิ แน่นกบั ฐำนฝำย และทต่ี ล่ิงทังสองฝง่ั ตำม แนวขอบยำงด้ำนเหนือน้ำ ซึง่ หลังจำกสูบลมหรอื น้ำเขำ้ ไปในตัวฝำยยำงจนถงึ ระดับควำมดนั ทก่ี ำ้ หนดแล้ว ตวั ฝำยยำงนี จะสำมำรถกักกันน้ำไดต้ ำมที่ต้องกำร ซึ่งแผ่นยำงนันท้ำมำจำกยำงธรรมชำติ และยำงสงั เครำะห์ ดังแสดงในภาพ ที่ 10 ภาพที่ 10 ฝำยยำงลำ้ เซบำย จ.อุบลรำชธำนี (2) ประตูระบายนา (Head Regulator) ประตรู ะบำยน้ำ หรือ ปตร. คอื สง่ิ กอ่ สรำ้ งในบริเวณทำงน้ำที่ใช้ควบคุมกำรไหลของน้ำใน แม่น้ำ คลอง ทะเลสำบ ฝำย อ่ำงเก็บน้ำ ส้ำหรับหัวงำนของโครงกำรที่เป็นประตูระบำยน้ำ อำคำรประกอบของ ประตรู ะบำยนำ้ อำจจะมีไมเ่ หมือนกนั และไม่จำ้ เป็นตอ้ งมคี รบทกุ อย่ำง (กรมชลประทำน. 2553) ประเภทของประตรู ะบำยน้ำ (2.1) เข่อื นระบำยน้ำ/ทดนำ้ (Barrage, Diversion dam) เขื่อนระบำยน้ำ เป็นอำคำรทดน้ำหรือเขื่อนทดน้ำที่ต้นน้ำของหัวงำนโครงกำร ชลประทำนประเภททดนำ้ ซง่ึ สร้ำงขวำงลำ้ น้ำส้ำหรับทดน้ำที่ไหลมำใหม้ ีระดบั สูงจนสำมำรถส่งเข้ำคลองส่งน้ำได้ ฝ่ายบารุงรักษาหัวงาน ส่วนปรบั ปรุงบารงุ รักษา สานักบรหิ ารจัดการนาและอุทกวิทยา

การศึกษาเพ่อื ประเมนิ ผลการบารงุ รักษาหวั งานอาคารชลประทานทางดา้ นวศิ วกรรม 16 ตำมปริมำณท่ีต้องกำรในฤดูกำลเพำะปลูกเช่นเดียวกับฝำยแต่เข่ือนระบำยน้ำจะระบำยน้ำผ่ำนเขื่อนไปได้ตำม ปริมำณทกี่ ้ำหนดโดยไม่ยอมใหน้ ้ำไหลล้นขำ้ มเหมือนฝำยและเมอ่ื เวลำน้ำหลำกมำเต็มทใี่ นฤดูฝนเขือ่ นระบำยน้ำนี ยงั สำมำรถระบำยนำ้ ใหผ้ ำ่ นไปได้ทนั ที (กรมชลประทำน. 2553) เขื่อนระบำยน้ำสร้ำงขึนโดยกำรแบง่ ควำมกว้ำงของแม่น้ำออกเป็นช่องๆ ด้วยตอม่อ โดยทั่วไปกว้ำงช่องละ ๖.๐๐ เมตร ถึง ๑๒.๕๐ เมตร แต่จะมีกี่ช่องนันแล้วแต่ปริมำณน้ำท่ีไหลผ่ำนเขื่อนมีมำก หรือน้อย ช่องระบำยน้ำระหวำ่ งตอม่อทุกช่องมีบำนประตู (gate) ปดิ ไว้ซ่ึงจะยกขึนเพ่ือระบำยผำ่ นไปหรอื หย่อน ลงเพื่อทดน้ำได้ทุกระดับ ในเวลำน้ำใหญ่ไหลหลำกมำบำนประตเู ขื่อนทุกบำนจะถูกยกสูงพ้นระดับน้ำทังสองข้ำง ปล่อยให้นำ้ ไหลผำ่ นไปได้เต็มท่ีโดยระดับน้ำในแม่น้ำด้ำนเหนือน้ำของเขื่อนไม่สูงกว่ำระดับน้ำปกติตำมธรรมชำติ มำกเกินไป บำนประตูของเข่ือนระบำยน้ำซ่ึงมักเรียกกันว่ำบำนระบำยน้ำนันมีรูปร่ำงต่ำง ๆ กัน เช่น เป็นบำน เดี่ยวตังตรงรูปสี่เหล่ียมผืนผ้ำ (slide gate) หรือเป็นบำนเด่ียวรูปโค้ง (radial gate) ซึ่งสร้ำงด้วยวัสดุหลำยชนิด เช่น ไม้ เหล็ก หรอื ไม้และเหลก็ ร่วมกัน ดงั แสดงในภาพท่ี 11 ภาพที่ 11 เขื่อนพระรำมหก จ.อยธุ ยำ (2.2) ประตรู ะบำยนำ้ (Regulator Gate) ประตูระบำยน้ำ (ปตร.) คือ สิ่งก่อสร้ำงในบริเวณทำงน้ำที่ใช้ควบคุมกำรไหลของ น้ำในแม่น้ำ คลอง ทะเลสำบ ฝำย อ่ำงเก็บน้ำ ประตูระบำยน้ำจะใช้ส้ำหรับในกำรปรับปริมำณน้ำที่ต้องกำรให้ ไหลผ่ำน ปรับควำมเร็วของน้ำ หรอื ใช้ในกำรกักเก็บน้ำได้ ในขณะเดียวกันประตูระบำยน้ำยังช่วยป้องกันในกรณี ทมี่ พี ำยุหรอื เกิดน้ำทว่ ม ดงั แสดงในภาพท่ี 12 ภาพท่ี 12 ประตรู ะบำยน้ำท่ำโบสถ์ จ.ชยั นำท ฝ่ายบารงุ รกั ษาหัวงาน สว่ นปรับปรุงบารงุ รักษา สานักบรหิ ารจัดการนาและอทุ กวิทยา

การศกึ ษาเพือ่ ประเมนิ ผลการบารงุ รกั ษาหัวงานอาคารชลประทานทางด้านวิศวกรรม 17 บทท่ี 3 ขนั ตอนการดาเนินการ 3.1 การศกึ ษาสภาพอาคารหัวงาน ก่อนเข้ำตรวจสภำพอำคำรหัวงำนทุกครัง ผู้เข้ำตรวจสภำพต้องท้ำกำรศึกษำถึงลักษณะของ อำคำรและองค์ประกอบให้ถูกต้อง ว่ำอำคำรที่จะท้ำกำรตรวจสภำพนันมีองค์ประกอบอะไรบ้ำง โดยท่ัวไป กำรศึกษำรำยละเอยี ดอำคำรหวั งำนที่จะใช้ในกำรตรวจสภำพนัน ประกอบดว้ ย (2.1.1) กำรศกึ ษำจำกแบบก่อสร้ำง แบง่ ออกเป็น 2 กรณี คือ กรณีท่ีมีแบบครบ และกรณีท่ีแบบ ไม่มี หรือมีบำงส่วน ซง่ึ จะต้องใช้เวลำในกำรตรวจสภำพอยำ่ งครำ่ วๆ กอ่ น (2.1.2) กำรเข้ำรับฟังข้อมูลจำกโครงกำร เพ่ือให้ทรำบถึงองค์ประกอบในส่วนที่อำจขำดหำยไป (รวมถึงข้อมลู จำกแบบที่หำยไป) ตลอดจนปญั หำทเี่ กดิ ขึนกับอำคำรตำ่ งๆ เมื่อได้ข้อสรุปถึงองค์ประกอบท่ีจะท้ำกำรตรวจสภำพแล้ว ขันตอนต่อไป คือ กำรพิจำรณำแบบ บันทึกรำยกำรที่จะตรวจวัด โดยพิจำรณำหัวข้อท่ีเก่ียวข้องของอำคำรนันๆ ก่อนที่จะออกสนำม ซ่ึงแบบบันทึก กำรตรวจสภำพนีจะใชใ้ นกำรตรวจสภำพอำคำรตัวเดิมในครังตอ่ ๆ ไป ถำ้ ยงั ไม่มีกำรปรบั ปรงุ อำคำร 3.2 การเดินตรวจสภาพอาคารหัวงาน ก่อนเดินตรวจสภำพอำคำรหัวงำนนัน จะต้องตรวจสอบในสนำมอย่ำงคร่ำวๆ ให้แน่ใจว่ำในแต่ ละอำคำรมขี อ้ มลู ตรงกันกับรำยกำรที่จะตรวจวัด ผู้ตรวจสภำพเพื่อท้ำกำรสำ้ รวจ วำ่ มีจุดบกพร่อง มีควำมเหมอื น หรือควำมต่ำงกนั อยำ่ งไร จนเม่อื ไดข้ อ้ ยตุ ิ จะได้รำยกำรทีจ่ ะตรวจวัดท่ีควำมสมบูรณเ์ รยี บร้อย เนอื่ งจำกกำรตรวจสภำพอำคำรหวั งำนประเภทประตูระบำยน้ำ/เข่ือนระบำยน้ำ/ทดนำ้ และฝำยทดน้ำ ดังที่ได้กล่ำวมำแล้วว่ำ องค์ประกอบไม่ได้ซับซ้อนหรือมีจ้ำนวนมำกเท่ำกับเขื่อน ดังนัน ระยะเวลำในกำรตรวจ สภำพและจ้ำนวนคนจะไม่มำกเท่ำกับเข่ือน ซ่ึงผู้ตรวจสภำพจำกส่วนกลำง (ส่วนปรับปรุงบ้ำรุงรักษำ ส้ำนัก บรหิ ำรจัดกำรน้ำและอุทกวิทยำ หรือส่วนบริหำรจัดกำรน้ำและบ้ำรุงรักษำ ส้ำนักงำนชลประทำน) สำมำรถที่จะ ท้ำกำรตรวจไปพร้อมๆ กันกับเจ้ำหน้ำท่ีของโครงกำรได้ อุปกรณ์ส้ำหกรับใช้ในกำรตรวจสภำพอำคำรหัวงำน ประกอบด้วย แบบบันทึกรำยกำรกำรตรวจสภำพ (Checklist) ปำกกำ/ดินสอ กล้องถ่ำยรูป เป็นต้น ส่ิงต่ำงๆ ท่ี เรำมองเห็นท่ีผิดปกติจะถกู บันทึกลงในแบบบนั ทึกฯ 3.3 แบบบนั ทกึ การตรวจสภาพอาคารหัวงาน ประตรู ะบำยนำ้ /เขือ่ นระบำยนำ้ /ทดน้ำและฝำยทดน้ำ สำมำรถแยกออกเป็น 5 สว่ นใหญ่ๆ คอื (1) ส่วน Protection เหนอื นำ้ (Upstream Protection Section) (2) สว่ นเหนือนำ้ (Upstream Concrete Section (3) สว่ นควบคมุ น้ำ (Control Section) (4) ส่วนท้ำยน้ำ (Downstream Concrete Section) (5) ส่วน Protection ทำ้ ยนำ้ (Downstream Protection Section) ฝา่ ยบารงุ รักษาหวั งาน สว่ นปรับปรุงบารุงรักษา สานกั บริหารจดั การนาและอุทกวทิ ยา

การศึกษาเพอ่ื ประเมินผลการบารงุ รักษาหวั งานอาคารชลประทานทางด้านวศิ วกรรม 18 โดยในบำงส่วนจะถูกแยกออกเป็นองค์ประกอบย่อยๆ ซ่ึงองค์ประกอบในแต่ละส่วนนัน จะ ประกอบไปด้วยสภำพที่จะต้องตรวจ รวม 10 สภำพ และจะมรี ะดับคะแนนท่ีบ่งบอกสภำพตังแต่ 1-4 ถำ้ คะแนน ท่ใี ห้เท่ำกับ 1 หมำยถึงสภำพที่แย่ทีส่ ดุ สว่ นคะแนนเท่ำกับ 4 หมำยถึงสภำพเป็นปกติ ไม่มีควำมเสียหำย ส่ิงต่อไป ทเี่ รำจะต้องทรำบเพื่อท้ำกำรตรวจสภำพได้อย่ำงถูกต้อง ในกำรกำ้ หนดสภำพของประตูระบำยน้ำ/เขื่อนระบำยน้ำ/ ทดน้ำและฝำยทดน้ำท่ีเรำจะท้ำกำรตรวจสภำพนัน ขึนอยู่กับองค์ประกอบของอำคำรท่ีจะท้ำกำรตรวจสภำพ ประกอบดว้ ย 10 สภำพ ส้ำหรบั องคป์ ระกอบส่วนทีเ่ ป็นดิน คอนกรตี และเหล็ก องคป์ ระกอบแต่ละองคป์ ระกอบ จะมีสภำพท่ีต้องท้ำกำรตรวจแตกต่ำงกันออกไป เช่น ส่วนควบคุมน้ำ (ตัวฝำย) มีสภำพท่ีต้องท้ำกำรตรวจ 6 สภำพ จำกทังหมด 10 สภำพ หรือส่วนควบคุม ได้แก่ ประตูระบำยทรำย ต้องตรวจสภำพทังหมด 3 สภำพ เป็นตน้ ในส่วนของเกณฑ์กำรให้คะแนนเป็นส่วนท่ีส้ำคัญในกำรก้ำหนดระดับคะแนนของสภำพว่ำตรง ตำมสภำพทีเ่ กิดขนึ จรงิ สำมำรถท้ำงำนได้ตำมปกติหรอื ไม่ ในกรณีที่สภำพควำมเส่ียงอยู่ในระดบั ที่ตอ้ งด้ำเนินกำร แก้ไข ให้ด้ำเนินกำรซ่อมแซม หรือปรับปรุงเพ่ือให้สภำพดีขึน พร้อมใช้งำนและสำมำรถท้ำงำนได้ตำม วตั ถุประสงค์ ระดับคะแนนไดก้ ำ้ หนดให้คะแนนตงั แต่ 1 ถึง 4 โดยคะแนนระดับ 1 ถอื ว่ำอำคำรชลประทำนอยู่ใน สภำพแยท่ ี่สุด จนถงึ คะแนนระดับ 4 ถือว่ำสภำพปกติ เมื่อท้ำควำมเข้ำใจในเร่ืองของสภำพและหลักเกณฑ์กำรให้คะแนนแล้ว ขันตอนต่อไป คือกำร ให้คะแนนตำมสภำพท่ีพบเห็น รวมถึงให้บันทึกถึงเพิ่มเติมถึงลักษณะอ่ืนๆ ที่จ้ำเป็น ในกำรประกอบกำรจัดท้ำ รำยงำน ในกรณีที่พบส่ิงผิดปกติ พร้อมทังท้ำกำรถ่ำยรูปเพ่ือประกอบกำรพิจำรณำต่อไป กำรให้คะแนนตำม สภำพท่ีพบเห็นนัน ควรท้ำกำรให้คะแนนในขณะที่ตรวจ เน่ืองจำกกำรให้คะแนนหลังจำกที่กลับจำกกำรออก ตรวจสภำพแลว้ อำจท้ำให้ลมื หรอื ลงระยะทีพ่ บเหน็ สิง่ ผิดปกติผิดพลำด 3.4 การประเมนิ สภาพอาคารหัวงาน เม่ือท้ำกำรตรวจสภำพในสนำมและให้คะแนนแล้วเสร็จ ขันตอนสุดท้ำย คือ กำรประเมินสภำพ อำคำร ว่ำปัจจุบันสภำพอำคำรท่ีเรำใช้งำนอยู่นัน มีสภำพอยู่ในระดับใด โดยข้อมูลท่ีเรำได้จำกกำรเดินตรวจ สภำพอำคำรนัน เป็นข้อมูลสภำพในแต่ละองค์ประกอบ เพื่อน้ำไปใช้ในสมกำร โดยน้ำไปคูณกับค่ำน้ำหนัก (WF) ในแต่ละองคป์ ระกอบ ซึ่งผลคูณดังกลำ่ วจะท้ำให้เรำได้ค่ำดชั นสี ภำพ (CI) นอกจำกนัน ในส่วนของส้ำนักงำนชลประทำน ยังสำมำรถน้ำผลของกำรตรวจสภำพและ ประเมินสภำพในแต่ละเขื่อนภำยในส้ำนักฯ มำจัดเรียงล้ำดับงำนซ่อมแซมภำยในโครงกำร/ส้ำนัก เพื่อขอ งบประมำณต่อไปได้ ซงึ่ แบง่ ระดบั คะแนนออกเปน็ 4 ระดับ คือ กำรแบ่งชนั ของสภำพควำมสมบูรณแ์ บงอออกเป็น 4 ระดับ ดังต่อไปนี ระดับที่ 1 (CI>=1.00-1.50) สภำพองค์ประกอบ มีควำมเสียหำยมำก มีผลต่อกำรพิบัติอย่ำง เห็นไดช้ ัด จำ้ เป็นท่ตี ้องกำรซ่อมแซม/ปรับปรุงโดยทนั ที ระดับท่ี 2 (CI>=1.50-2.50) สภำพองค์ประกอบ มีควำมเสียหำย ควรวิเครำะห์และติดตำม พฤติกรรมเปน็ พิเศษเพอ่ื ประเมินควำมปลอดภยั อำจสำมำรถรอกำรซอ่ มแซมได้ (มีแนวโน้มไปในทำงไมป่ กต)ิ ฝา่ ยบารงุ รกั ษาหัวงาน ส่วนปรบั ปรุงบารงุ รักษา สานักบรหิ ารจดั การนาและอทุ กวทิ ยา

การศึกษาเพือ่ ประเมนิ ผลการบารงุ รกั ษาหวั งานอาคารชลประทานทางดา้ นวิศวกรรม 19 ระดับที่ 3 (CI>=2.50-3.50) สภำพองค์ประกอบ มีควำมเสียหำย เล็กน้อย (มีแนวโน้มไป ในทำงปกต)ิ ระดับที่ 4 (CI>=3.50-4.00) สภำพองค์ประกอบ มีควำมสมบูรณ์ หรือท้ำหน้ำท่ีเป็นปกติ หรอื ไม่ปรำกฏสภำพควำมเสย่ี งนนั ในบำงครัง ค่ำดัชนีสภำพรวมของอำคำรอยู่ในสภำพปกติ แต่ผู้ท้ำกำรประเมินจ้ำเป็นต้อง พิจำรณำในองค์ประกอบย่อยลงไปด้วย เน่ืองจำกองค์ประกอบย่อยนัน อำจจะส่งผลเสียหำยต่อตัวอำคำรใน อนำคตได้ ถ้ำหำกไมไ่ ดร้ บั กำรซ่อมแซม ฝ่ายบารงุ รักษาหัวงาน ส่วนปรับปรุงบารงุ รักษา สานกั บรหิ ารจดั การนาและอทุ กวิทยา

การศกึ ษาเพอ่ื ประเมนิ ผลการบารงุ รักษาหวั งานอาคารชลประทานทางด้านวศิ วกรรม 20 บทที่ 4 การตรวจและประเมินสภาพอาคารหัวงานชลประทาน 4.1 หลักการตรวจสภาพ กำรตรวจสภำพอำคำรหัวงำนชลประทำนมีจดุ ประสงค์หลกั เพื่อตรวจหำควำมบกพร่องตำ่ งๆ ที่ อำจมีผลท้ำให้เกิดควำมเสียหำยหรือเป็นอันตรำยต่อควำมมั่นคงของเขื่อนอำคำรประกอบ ข้อมูลที่ได้ทังหมดจะ ถูกน้ำไปใช้ในกำรวิเครำะห์เพ่ือประเมินควำมม่ันคงปลอดภัยทังในด้ำนเสถียรภำพของโครงสร้ำง (Structural Stability) และด้ำนกำรใช้งำน (Operation) ของฝำยว่ำยังอยู่ในสภำพมั่นคงแข็งแรง และสำมำรถใช้งำนได้ตำม จุดประสงค์ท่ีออกแบบไว้หรือไม่ โดยปกติแล้วควำมมั่นคงแข็งแรง และพฤติกรรมของฝำยขึนอยู่กับปัจจัยหลัก 3 ประกำร คือ - กำรออกแบบ - ลกั ษณะทำงธรณีวิทยำ ปฐพวี ทิ ยำฐำนรำก - กำรก่อสร้ำง ผตู้ รวจสภำพต้องชีจดุ บกพร่องต่ำงๆ ท่ีพบเห็น และเสนอแนะวธิ ีกำรแก้ไขขอ้ บกพร่องเหล่ำนัน ก้ำหนดแนวทำงปฏิบัติส้ำหรับกำรปฏิบัติท่ีถูกต้อง (Operational Restrictions) หรือเสนอแนะให้ด้ำเนินกำร ปรับปรงุ สิง่ ต่ำงๆ ทจ่ี ้ำเป็นและเร่งดว่ น เพือ่ รกั ษำสภำพของฝำยใหส้ ำมำรถใช้งำนได้ดีอยู่ โดยปกตคิ วรท้ำกำรตรวจสภำพอำคำรชลประทำนอย่ำงน้อยปีละ 2 ครัง ได้แก่ ก่อนฤดูฝนท่ีจะ มำ เพื่อเป็นกำรเตรียมควำมพร้อมในกำรใช้งำนของอำคำรชลประทำน และหลังฤดูฝนหมด เพื่อเป็นกำรตรวจ สภำพควำมเสยี หำยทอี่ ำจจะเกิดขึน 4.2 วธิ กี ารตรวจสภาพ กำรตรวจสภำพอำคำรหัวงำนชลประทำน (ฝำยและประตูระบำยน้ำ) สำมำรถท้ำได้โดยกำร ตรวจสภำพด้วยวิธีทำงสำยตำ (Visual Inspection) ซ่ึงจะไม่เหมือนกับเข่ือน/อ่ำงเก็บน้ำที่มีกำรติดตังเคร่ืองมือ วัดพฤติกรรมเขื่อน (Dam Instrumentation) เพ่ือตรวจสภำพเขื่อน/อ่ำงเก็บน้ำได้ทังภำยในและภำยนอก กำร ตรวจสภำพอำคำรหัวงำนชลประทำน (ฝำยและประตูระบำยน้ำ) ด้วยวิธีทำงสำยตำนันไม่ยุ่งยำกเท่ำกับตรวจ สภำพเข่ือน เนื่องจำกองค์ประกอบไม่มำกหรอื ซับซ้อน ซึ่งใชว้ ิธีกำรเดินตรวจสภำพด้วยสำยตำ ตรวจสภำพในแต่ ละองค์ประกอบ และในแต่ละองค์ประกอบจะต้องตรวจตำมสภำพจริง เพ่ือใช้ตัดสินว่ำองค์ประกอบของอำคำร หัวงำนชลประทำน (ฝำยและประตูระบำยน้ำ) มีสภำพเป็นอย่ำงไรบ้ำง (คณะท้ำงำนโครงกำรเพิ่มพูนทักษะด้ำน ควำมปลอดภัยเข่ือนเชิงปฏบิ ัติกำรกำรตรวจสภำพเขอ่ื นด้วยสำยตำและประเมนิ ผลโดยดัชนีสภำพ, 2556) กำรตรวจสภำพด้วยสำยตำ (Visual Inspection) เป็นวิธีกำรตรวจสภำพที่ง่ำยท่ีสุด ไม่ต้องใช้ อปุ กรณ์ใดท่ีเป็นพิเศษ หลักกำรคือกำรเดินตรวจสภำพ และใช้สำยตำประเมินสภำพ เพ่ือตรวจสภำพส่ิงผิดปกติหรือ ข้อบกพร่องของอำคำรนันๆ โดยท่ัวไป กำรตรวจสภำพด้วยสำยตำ แบ่งออกเป็น 4 ประเภท (อ้ำงอิงประเภทของ กำรตรวจสภำพดว้ ยสำยตำของเขอื่ น คอื ฝา่ ยบารงุ รกั ษาหวั งาน สว่ นปรับปรุงบารุงรักษา สานกั บริหารจดั การนาและอทุ กวทิ ยา

การศกึ ษาเพือ่ ประเมนิ ผลการบารงุ รกั ษาหัวงานอาคารชลประทานทางด้านวิศวกรรม 21 4.2.1 กำรตรวจสอบประจำ้ (Routine Inspection) เป็นกำรตรวจสอบตำมปกติตำมระยะเวลำท่ีก้ำหนด เช่นกำรตรวจประจ้ำวัน ประจ้ำ สัปดำห์ ประจ้ำเดือน โดยบุคลำกรท่ีรับผิดชอบดูแลบ้ำรุงรักษำอำคำรนันๆ โดยตรง (โครงกำรชลประทำน จังหวัด/โครงกำรส่งน้ำและบ้ำรุงรักษำ) ได้แก่ กำรตรวจสอบสภำพโดยท่ัวไปรอบๆ ตัวอำคำร กำรวัดค่ำระดับน้ำ หน้ำอำคำร กำรวัดข้อมูลทำงอุตุนิยมวิทยำ เป็นต้น รำยงำนกำรตรวจวัดดังกล่ำว จะถูกรวบรวมไว้ท่ีโครงกำรฯ ส้ำเนำส่งให้ฝ่ำยปรับปรุงบ้ำรุงรักษำของส้ำนักงำนชลประทำนนันๆ และส่วนปรับปรุงบ้ำรุงรักษำ ส้ำนักบริหำร จัดกำรนำ้ และอทุ กวทิ ยำ 4.2.2 กำรตรวจสอบประจำ้ ปี (Annual Inspection) เปน็ กำรด้ำเนนิ กำรรว่ มกันระหว่ำงบุคลำกรท่ีรับผิดชอบดูแลบ้ำรงุ รักษำอำคำรและฝำ่ ย ปรบั ปรุงบ้ำรงุ รักษำของสำ้ นกั งำนชลประทำน เพื่อท้ำกำรตรวจสภำพอำคำรโดยละเอียด แล้วจดั ทำ้ เปน็ รำยงำน กำรตรวจอำคำรประจ้ำปีของฝ่ำยปรับปรุงบ้ำรุงรักษำ (ส้ำเนำให้ส่วนส่วนปรับปรุงบ้ำรุงรักษำ ส้ำนักบริหำร จัดกำรน้ำและอุทกวิทยำ) เพื่อประโยชน์ด้ำนกำรจัดกำร เช่น กำรจัดล้ำดับควำมส้ำคัญควำมเส่ียง ควำมเสียหำย ฯลฯ ต่อไป 4.2.3 กำรตรวจสอบโดยคณะกรรมกำรตรวจสอบอำคำรชลประทำน (Formal Inspection) เป็นกำรตรวจสอบโดยมีผู้ทรงคุณวุฒิ ผู้เชี่ยวชำญที่กรมชลประทำนแต่งตังขึน ให้ดำ้ เนินกำรติดตำมและตรวจสอบควำมปลอดภัยของอำคำรที่ส้ำคญั ตำมระยะเวลำซ่ึงอำจก้ำหนดจำกอำยุกำร ใชง้ ำนและสภำพควำมเสย่ี งของอำคำรนนั ๆ 4.2.4 กำรตรวจสอบโดยกรณพี ิเศษ (Special Inspection) เป็นกำรตรวจสอบเม่ือมีเหตุกำรณ์ผิดปกติเกิดขึน หรือเกิดควำมเสียหำย เช่น เมื่อเกิด แผ่นดินไหว เมื่อมีระดับน้ำสูงขึนหรือลดลงอย่ำงรวดเร็ว (rapid drawdown) เม่ือพบว่ำมีอัตรำกำรร่ัวซึมสูงขึน ผิดปกติ มีกำรทรุดตัว แตกร้ำว ฯลฯ ท่ีผิดปกติ เป็นต้น กำรตรวจสอบในกรณีนี ต้องอำศัยควำมช้ำนำญเฉพำะ ด้ำนตำมสภำพของควำมผิดปกตินันๆ จึงจ้ำเป็นต้องอำศัยข้อมูลเพื่อกำรวิเครำะห์เบืองต้น โดยฝ่ำยปรับปรุง บ้ำรุงรักษำของส้ำนักงำนชลประทำนนันๆ รำยงำนให้ส่วนปรับปรุงบ้ำรุงรักษำ ส้ำนักบริหำรจัดกำรน้ำและอุทก วิทยำพิจำรณำขอควำมเห็นจำกผู้เช่ียวชำญเฉพำะด้ำนนันๆ และเข้ำด้ำเนินกำรตรวจสอบและประเมิน สถำนกำรณ์ พร้อมทังจัดท้ำรำยงำนให้กับโครงกำรฯ และส้ำนักงำนชลประทำนนันๆ ต่อไป เหตุกำรณ์ต่อไปนี จ้ำเปน็ ต้องมีกำรตรวจสอบสภำพอำคำรเป็นกรณพี เิ ศษ โพรงใตอ้ ำคำร ลักษณะควำมผิดปกติทีเ่ กดิ ขนึ ในลักษณะดังตอ่ ไปนี (Bearing) ไมด่ ี (1) อำคำรชลประทำนนันๆ เกิดน้ำไหลซึมลอดใต้ตัวอำคำรและพืน (Piping) และเกิด (2) อำคำรชลประทำนนันๆ เกดิ กำรเลอื่ นตัว (Sliding) (3) อำคำรชลประทำนนันๆ เกิดกำรพลกั คว้ำ่ (Overturning) (4) อำคำรชลประทำนนันๆ เกิดกำรทรุดตัว เพรำะกำรรับน้ำหนักกดของดินใต้ฐำน ฝา่ ยบารุงรักษาหวั งาน สว่ นปรบั ปรุงบารุงรักษา สานกั บริหารจดั การนาและอุทกวิทยา

การศึกษาเพือ่ ประเมินผลการบารงุ รักษาหัวงานอาคารชลประทานทางด้านวิศวกรรม 22 4.3 การแบ่งองค์ประกอบของอาคารหัวงานชลประทาน ในกำรตรวจสภำพอำคำรหัวงำนชลประทำน ผู้ตรวจสภำพจ้ำเป็นต้องมีควำมรู้ควำมเข้ำใจเกี่ยวกับ ลักษณะ ประเภท และองค์ประกอบของอำคำรหัวงำนชลประทำนนันๆ เพื่อให้กำรตรวจสภำพเป็นไปอย่ำงถูกต้อง มีระบบและเป็นมำตรฐำนเดียวกัน กำรแบ่งองค์ระกอบของอำคำรหัวงำนชลประทำนนันๆ จะพิจำรณำจำกแบบ ก่อสร้ำงเป็นหลัก เปรียบเทียบกับอำคำรหัวงำนชลประทำนที่ก่อสร้ำงแล้วเสร็จ ในบำงครังอำจจะพิจำรณำร่วมกับ แบบภำยหลังก่อสร้ำงแล้วเสร็จ (As Built Drawing) ในแต่ละภูมิภำคหรือแต่ละพืนที่อำจจะมีรูปแบบของอำคำร หัวงำนชลประทำนที่แตกต่ำงกันออกไป แต่ก็ถือว่ำแตกต่ำงกันโดยไม่มำก จำกกำรออกส้ำรวจพืนท่ีตรวจสอบสภำพ อำคำรหัวงำนชลประทำนท่ีก้ำหนดขอบเขตของงำนไว้ ได้แก่ ฝำย และประตูระบำยน้ำ จะสำมำรถแบ่งองค์ประกอบ ของอำคำรชลประทำน หัวงำนดงั กล่ำว ได้ดังนี 4.3.1 ฝำย (Weir) องค์ประกอบของฝำย ประกอบด้วย 5 องค์ประกอบ คอื (1) สว่ น Protection เหนือนำ้ (Upstream Protection Section) (2) ส่วนเหนือนำ้ (Upstream Concrete Section) (3) สว่ นควบคุมนำ้ (Control Section) (4) ส่วนทำ้ ยนำ้ (Downstream Concrete Section) (5) ส่วน Protection ทำ้ ยนำ้ (Downstream Protection Section) รำยละเอยี ดในแต่ละองคป์ ระกอบดังนี (1) สว่ น Protection เหนอื น้ำ (Upstream Protection Section) มีหน้ำที่ในกำรป้องกันกำรกัดเซำะของน้ำ วัสดุที่ใช้ในกำรท้ำส่วนของก้ำแพงข้ำง ได้แก่ กล่องลวดตำข่ำยเหล็กถักเคลือบสังกะสี (Mattresses) หินทิง หินเรียง หินเรียงยำแนว เป็นต้น วัสดุท่ีใช้ใน กำรท้ำส่วนของพืน ได้แก่ กล่องลวดถักบรรจุหินและกรวดขนำดใหญ่ (Gabions) หินทิง หินเรียง หินเรียงยำแนว เป็นตน้ ประกอบไปดว้ ยสว่ นของพนื และลำดดำ้ นข้ำง ดังแสดงในภาพท่ี 13 และ 14 ภาพที่ 13 รูปตดั ตำมยำวสว่ น Protection เหนือน้ำของฝำยทดน้ำ ฝา่ ยบารุงรกั ษาหัวงาน สว่ นปรบั ปรุงบารุงรักษา สานักบรหิ ารจัดการนาและอุทกวทิ ยา

การศกึ ษาเพื่อประเมนิ ผลการบารงุ รกั ษาหวั งานอาคารชลประทานทางดา้ นวิศวกรรม 23 ภาพท่ี 14 ตัวอยำ่ งสว่ น Protection เหนือนำ้ ของฝำยทดน้ำ (2) ส่วนเหนือน้ำ (Upstream Concrete Section) มหี น้ำท่ยี ืดเส้นทำงทำงเดินของน้ำ หรือเพ่ิมควำมม่ันคง รวมไปถึงลดแรงดันใต้ตัวฝำย ซ่ึงในหลักกำรค้ำนวณดังกล่ำวจะพิจำรณำถึงควำมหนำของพืนประกอบไปด้วยพืนและลำดด้ำนข้ำง ดังแสดงใน ภาพที่ 15 และ 16 ภาพที่ 15 รูปตดั ตำมยำวส่วนเหนอื น้ำ (Upstream Concrete Section) ของฝำยทดนำ้ ภาพท่ี 16 ตัวอย่ำงส่วนเหนือน้ำ (Upstream Concrete Section) ของฝำยทดนำ้ (3) ส่วนควบคุมน้ำ (Control Section) เป็นส่วนท่ีใช้ในกำรควบคุมน้ำ เพือ่ กกั เกบ็ น้ำ ทดน้ำ ระบำยนำ้ /ทรำย ดงั แสดงใน ภาพที่ 17 และ 18 ฝ่ายบารงุ รักษาหวั งาน ส่วนปรบั ปรุงบารุงรักษา สานักบริหารจดั การนาและอทุ กวทิ ยา

การศึกษาเพอ่ื ประเมินผลการบารงุ รักษาหวั งานอาคารชลประทานทางด้านวศิ วกรรม 24 ภาพที่ 17 รูปตัดตำมยำวสว่ นควบคมุ น้ำ (Control Section) ของฝำย ภาพที่ 18 ตัวอย่ำงส่วนควบคุมนำ้ (Control Section) ของฝำยทดน้ำ ประกอบด้วย (3.1) ฝำยควบคุมนำ้ (Weir) และบนั ไดปลำ (Fish Ladder) เป็นอำคำรท่ีสร้ำงขึนขวำงทำงน้ำ เพ่ือชะลอน้ำ ยกระดับน้ำหรือผันน้ำ บันไดปลำเป็นอำคำรที่สรำ้ งขึนเพื่อเป็นทำงให้ปลำผ่ำนในทำงน้ำท่ีมีอำคำรปิดกนั เชน่ เขอื่ นทดน้ำ หรือฝำย สว่ นใหญ่ ปัจจุบันไมค่ อ่ ยพบ ดงั แสดงในภาพท่ี 19 และ 20 ภาพท่ี 19 ตัวอย่ำงฝำยคอนกรตี ของฝำยทดน้ำ ฝ่ายบารุงรักษาหวั งาน สว่ นปรับปรุงบารงุ รักษา สานักบริหารจดั การนาและอทุ กวทิ ยา

การศกึ ษาเพอื่ ประเมนิ ผลการบารงุ รักษาหวั งานอาคารชลประทานทางดา้ นวิศวกรรม 25 ภาพท่ี 20 บนั ไดปลำของฝำยทดนำ้ (3.2) ก้ำแพงคอนกรีต (Concrete Wall) เปน็ ก้ำแพงคอนกรีตที่อยู่กับกับตัวฝำยควบคุมน้ำ ดังแสดงในภาพท่ี 21 ภาพที่ 21 ตัวอย่ำงก้ำแพงคอนกรตี ของฝำยทดน้ำ (3.3) ประต/ู ชอ่ งระบำยทรำย (Sand Sluice/Bottom Drain) เป็นช่องเปิดพร้อมบำนบังคับน้ำในอำคำรประเภทฝำย ประกอบไปด้วย บำนประตู ช่องใส่บำนประตู อุปกรณ์เคร่อื งกลและอุปกรณ์ไฟฟ้ำ ใช้ส้ำหรบั ระบำยตะกอนทรำยท่ีทับถมอยู่หน้ำ ฝำยออกไปทำงด้ำนท้ำยน้ำ โดยให้น้ำไหลผ่ำนด้วยควำมเร็วสงู พร้อมกบั พัดพำตะกอนออกไป ประตูระบำยทรำย สว่ นใหญจ่ ะก่อสร้ำงบรเิ วณด้ำนข้ำงของฝำย หรอื ทำ้ ทำงนำ้ แยกจำกตัวฝำย ระดับธรณีของบำนจะอยทู่ ี่ระดับท้อง ลำ้ น้ำ และจะมีสะพำนใชใ้ นกำรเดินไปเปดิ -ปดิ ประตู ดังแสดงในภาพที่ 22 ภาพท่ี 22 ตวั อยำ่ งประตรู ะบำยทรำยของฝำยทดน้ำ ฝา่ ยบารงุ รักษาหัวงาน สว่ นปรบั ปรุงบารุงรักษา สานักบรหิ ารจัดการนาและอทุ กวทิ ยา

การศกึ ษาเพื่อประเมนิ ผลการบารงุ รักษาหวั งานอาคารชลประทานทางด้านวิศวกรรม 26 (3.4) แทง่ สลำยพลงั งำนน้ำปลำยรำงเท (Chute Blocks) เป็นแท่งคอนกรีตท่ีติดกับพืนตรงปลำยสุดของฝำยหรือรำงเทในอำคำร สลำยพลังงำนนำ้ ดังแสดงในภาพท่ี 23 และ 24 ภาพท่ี 23 แสดงต้ำแหน่งของ Chute Blocks ของฝำยทดนำ้ ภาพที่ 24 ตวั อยำ่ ง Chute Blocks ของฝำยทดนำ้ (3.5) สะพำน (Bridge/Access Bridge) เป็นอุปกรณ์ใช้ส้ำหรับในกำรเดินเข้ำไปเปิด-ปิดประตูระบำยน้ำ ประตู/ ชอ่ งระบำยทรำย หรือใช้สำ้ หรับขำ้ มไปยังอีกฝัง่ ของฝำย ดงั แสดงในภาพที่ 25 ภาพที่ 25 ตัวอย่ำงสะพำนส้ำหรบั ใช้ในกำรเปดิ -ปดิ ประตูระบำยทรำยของฝำยทดน้ำ ฝ่ายบารุงรกั ษาหวั งาน ส่วนปรบั ปรุงบารุงรักษา สานักบรหิ ารจัดการนาและอุทกวิทยา

การศึกษาเพอื่ ประเมินผลการบารงุ รกั ษาหวั งานอาคารชลประทานทางด้านวิศวกรรม 27 (3.6) ท่อนกนั น้ำและร่องบำน (Stoplogs) หมำยถึง ท่อนไม้ แท่งคอนกรีต หรือเหล็ก รวมถึงร่องบำนส้ำหรับใส่ท่อน กันน้ำ ในกรณีของฝำยนัน ปกติจะก่อสร้ำงบนสันฝำย วัตถุประสงค์เพ่ือยกระดับในกำรเก็บกักน้ำ/ทดน้ำเป็นกำร ช่วั ครำว ดงั แสดงในภาพท่ี 26 ภาพที่ 26 ท่อนกันนำ้ และร่องบำนของฝำยทดนำ้ (4) สว่ นทำ้ ยน้ำ (Downstream Concrete Section) เป็นอำคำรชลศำสตร์ท่ีได้รับกำรออกแบบขึนเพ่ือให้ท้ำหน้ำที่สลำยพลังงำนจลน์ (Kinetic Energy) จำกกำรไหลของน้ำด้วยควำมเร็วสูง จะท้ำกำรออกแบบให้อำคำรสลำยพลังงำน อยู่ด้ำนท้ำยน้ำ ของอำคำรดังกล่ำวเสมอ อำคำรสลำยพลังงำนที่ดีจะต้องสำมำรถท้ำให้กำรไหลของน้ำที่เร็วนัน ช้ำลง หรือท้ำให้ พลังงำนเน่ืองจำกควำมเร็วลดลง โดยไม่ท้ำให้อำคำรหรือส่วนใดส่วนหนึ่งของอำคำรหรือคลองส่งน้ำเสียหำย ประกอบไปดว้ ยส่วนของพืน ลำดดำ้ นขำ้ ง และองค์ประกอบอ่ืนๆ ดงั แสดงในภาพท่ี 27 และ 28 ภาพท่ี 27 รูปตดั ตำมยำวส่วนทำ้ ยน้ำ (Downstream Concrete Section) ของฝำยทดน้ำ ภาพที่ 28 สว่ นท้ำยน้ำ (Downstream Concrete Section) ของฝำยทดนำ้ ฝา่ ยบารุงรกั ษาหัวงาน สว่ นปรับปรุงบารุงรักษา สานกั บรหิ ารจดั การนาและอทุ กวทิ ยา

การศึกษาเพอ่ื ประเมนิ ผลการบารงุ รกั ษาหัวงานอาคารชลประทานทางด้านวศิ วกรรม 28 (4.1) ฟันตะเข้ (Floor Blocks) หมำยถึง แท่งคอนกรีตที่หล่อติดกับพืนอำคำร เพอื่ สลำยพลังงำนท่เี กิดจำกกำรกระโจนตวั ของน้ำ ดงั แสดงในภาพท่ี 29 และ 30 (4.2) แผงปะทะด้ำนท้ำยน้ำ (End Sill) หมำยถึง แท่งหรือแผงคอนกรีตทต่ี ิดกับ พืนตรงปลำยสุดด้ำนท้ำยน้ำของอำคำรชลประทำน ท้ำหน้ำท่ีปะทะน้ำเพื่อสลำยพลังงำน เรียกอีกอย่ำงหน่ึงว่ำ End Baffle ดงั แสดงในภาพท่ี 29 และ 30 ภาพที่ 29 แสดงตำ้ แหน่งของ Floor Blocks และ End Sill ของฝำยทดน้ำ ภาพที่ 30 ตัวอย่ำงของ Floor Blocks และ End Sill ของฝำยทดน้ำ (5) ส่วน Protection ท้ำยน้ำ (Downstream Protection Section) มีหน้ำท่ีในกำรป้องกันกำรกัดเซำะของน้ำ วัสดุท่ีใช้ในกำรท้ำส่วนของก้ำแพงข้ำง ได้แก่ กล่องลวดตำข่ำยเหล็กถักเคลือบสังกะสี (Mattresses) หินทิง หินเรียง หินเรียงยำแนว เป็นต้น วัสดุท่ีใช้ใน กำรท้ำส่วนของพืน ได้แก่ กล่องลวดถักบรรจุหินและกรวดขนำดใหญ่ (Gabions) หินทิง หินเรียง หินเรียงยำแนว เป็นต้น ประกอบไปด้วยส่วนของพนื และลำดดำ้ นข้ำง ดังแสดงในภาพท่ี 31 และ 32 ภาพที่ 31 สว่ น Protection ทำ้ ยน้ำ (Downstream Protection Section) ของฝำยทดน้ำ ฝ่ายบารงุ รกั ษาหัวงาน สว่ นปรบั ปรุงบารงุ รักษา สานกั บรหิ ารจัดการนาและอทุ กวทิ ยา

การศึกษาเพอื่ ประเมนิ ผลการบารงุ รกั ษาหัวงานอาคารชลประทานทางด้านวศิ วกรรม 29 ภาพท่ี 32 ตวั อย่ำงสว่ น Protection ทำ้ ยน้ำ (Downstream Protection Section) ของฝำยทดนำ้ รำยละเอียดขององค์ประกอบฝำยทดนำ้ ดงั แสดงในภาพท่ี 33 ฝา่ ยบารุงรกั ษาหัวงาน ส่วนปรบั ปรุงบารงุ รักษา สานกั บริหารจัดการนาและอทุ กวทิ ยา

การศกึ ษาเพอ่ื ประเมินผลการบารงุ รกั ษาหัวงานอาคารชลประทานทางด้านวศิ วกรรม 30 ภาพท่ี 33 แสดงองค์ประกอบของฝำยทดน้ำ ฝ่ายบารงุ รกั ษาหัวงาน ส่วนปรบั ปรุงบารุงรักษา สานกั บรหิ ารจัดการนาและอทุ กวทิ ยา

การศกึ ษาเพอ่ื ประเมินผลการบารงุ รักษาหัวงานอาคารชลประทานทางด้านวศิ วกรรม 31 4.3.2 เขอ่ื นระบำยนำ้ /ทดนำ้ (Barrage/Diversion Dam) และประตรู ะบำยนำ้ (Head Regulator) องค์ประกอบของเข่ือนระบำยน้ำ/ทดน้ำ และประตูระบำยน้ำ ประกอบด้วย 5 องคป์ ระกอบ คือ (1) สว่ น Protection เหนือน้ำ (Upstream Protection Section) (2) ส่วนเหนอื นำ้ (Upstream Concrete Section) (3) ส่วนควบคมุ น้ำ (Control Section) (4) สว่ นท้ำยนำ้ (Downstream Concrete Section) (5) สว่ น Protection ทำ้ ยน้ำ (Downstream Protection Section) รำยละเอียดในแต่ละองคป์ ระกอบดังนี (1) สว่ น Protection เหนอื นำ้ (Upstream Protection Section) มีหน้ำที่ในกำรป้องกันกำรกัดเซำะของน้ำ วัสดุท่ีใช้ในกำรท้ำส่วนของก้ำแพงข้ำง ได้แก่ กล่องลวด ตำข่ำยเหล็กถักเคลือบสังกะสี (Mattresses) หินทงิ หินเรียง หินเรียงยำแนว เป็นต้น วัสดุที่ใช้ในกำรท้ำส่วนของพืน ได้แก่ กล่องลวดถักบรรจุหินและกรวดขนำดใหญ่ (Gabions) หินทิง หินเรียง หินเรียงยำแนว เป็นต้น ประกอบไป ด้วยส่วนของพืนและลำดดำ้ นขำ้ ง ดงั แสดงในภาพที่ 34 และ 35 ภาพที่ 34 รูปตดั ตำมยำวสว่ น Protection เหนือน้ำ (Upstream Protection Section) ของประตูระบำยน้ำ ภาพที่ 35 ตัวอย่ำงส่วน Protection เหนือน้ำของประตรู ะบำยน้ำ ฝ่ายบารุงรักษาหัวงาน สว่ นปรับปรุงบารงุ รักษา สานักบรหิ ารจดั การนาและอทุ กวิทยา

การศกึ ษาเพ่ือประเมินผลการบารงุ รักษาหัวงานอาคารชลประทานทางด้านวิศวกรรม 32 (2) ส่วนเหนือน้ำ (Upstream Concrete Section) มีหน้ำที่ยืดเส้นทำงทำงเดินของน้ำ หรือเพิ่มควำมม่ันคง รวมไปถึงลดแรงดันใต้ตัวเข่ือนระบำย น้ำ/ทดน้ำ และประตูระบำยน้ำ ซ่ึงในหลักกำรค้ำนวณดังกล่ำวจะพิจำรณำถึงควำมหนำของพืนประกอบไปด้วย พนื และลำดด้ำนข้ำง ดงั แสดงในภาพที่ 36 และ 37 ภาพที่ 36 รูปตดั ตำมยำวสว่ นเหนอื น้ำ (Upstream Concrete Section) ของประตูระบำยนำ้ ภาพท่ี 37 ตัวอยำ่ งส่วนเหนอื น้ำ (Upstream Concrete Section) ของประตรู ะบำยนำ้ (3) สว่ นควบคุมนำ้ (Control Section) เป็นส่วนที่ใช้ในกำรควบคุมน้ำ เพื่อยกระดับน้ำเขำ้ คลองส่งน้ำหรอื เพ่ือควบคุมระดับน้ำใหอ้ ยู่ใน ระดบั ท่ีตอ้ งกำร ดงั แสดงในภาพท่ี 38 และ 39 ภาพที่ 38 รูปตัดตำมยำวสว่ นควบคมุ น้ำ (Control Section) ของประตูระบำยน้ำ ฝ่ายบารุงรกั ษาหัวงาน ส่วนปรบั ปรุงบารงุ รักษา สานกั บริหารจดั การนาและอทุ กวทิ ยา

การศกึ ษาเพือ่ ประเมนิ ผลการบารงุ รกั ษาหัวงานอาคารชลประทานทางด้านวิศวกรรม 33 ภาพท่ี 39 ตัวอยำ่ งส่วนควบคุมนำ้ (Control Section) ของประตรู ะบำยนำ้ (3.1) พืนและตอม่อ พืนเป็นองคป์ ระกอบทีเ่ ปน็ คอนกรีตเสรมิ เหลก็ ส่วนของตอมอ่ เป็นแท่งหรือก้ำแพงที่ทำ้ ด้วยหิน ก่อหรือคอนกรีตเสรมิ เหล็กสรำ้ งอยู่ในทำงน้ำ โดยมีจดุ ประสงค์เพื่อแบ่งทำงนำ้ ออกเปน็ ช่องๆ และ/หรอื รับ นำ้ หนักในแนวดิง่ ของอำคำรต่ำงๆ ดังแสดงในภาพที่ 40 ภาพที่ 40 ตวั อยำ่ งพนื และตอม่อ (3.2) ก้ำแพงคอนกรตี (Concrete Wall) เป็นก้ำแพงคอนกรีตด้ำนข้ำงท่ีอยู่กับตล่ิง ดังแสดงในภาพท่ี 41 ภาพท่ี 41 ตัวอย่ำงก้ำแพงข้ำง (Retaining Wall) ฝา่ ยบารงุ รักษาหวั งาน สว่ นปรับปรุงบารุงรักษา สานักบรหิ ารจดั การนาและอุทกวทิ ยา

การศึกษาเพื่อประเมินผลการบารงุ รักษาหวั งานอาคารชลประทานทางด้านวศิ วกรรม 34 (3.3) ประตูระบำยนำ้ (เฉพำะตัวบำน) เป็นบำนเหล็กเพ่ือใช้เปิด-ปดิ ช่องทำงน้ำ ลักษณะบำนอำจจะเป็นบำนตรงหรือโค้ง ประเภทบำน ระบำยน้ำ แบ่งตำมรปู แบบบำน ได้ 2 แบบ ได้แก่ บำนระบำยตรง (Slide Gate/ Roller Gate) และบำนระบำย โคง้ (Radial Gate) - บำนระบำยตรง (Slide Gate/ Roller Gate) ส่วนใหญ่จะติดตังบริเวณช่วงต้นหรือช่วงปลำยของคลองส่งน้ำท่ีจะเชื่อมต่อกับแม่น้ำหรือทะเล โดยจะใช้เคร่ืองกว้ำนเป็นตัวยกบำนระบำยตรงขึน- ลงเพื่อปิด – เปิดให้น้ำไหลผ่ำนตัวอำคำรไปในปริมำณที่ ต้องกำร บำนระบำยตรงจะมีขนำดควำมกว้ำงของตวั บำนตังแต่ 3.00 เมตร 4.00 เมตร 5.00 เมตร 6.00 เมตร ควำมสูงของตัวบำนมีขนำดตังแต่ 3.00 เมตร 3.50 เมตร 4.00 เมตร 4.50 เมตร 5.00 เมตร 5.50 เมตร และ 6.00 เมตร กำรท้ำงำนของบำนระบำยตรงนันเมื่อหมุนเคร่ืองกว้ำนเพื่อให้บำนระบำยตรงเล่ือนขึน- ลง ลูกล้อท่ี ติดอยู่ที่ข้ำงบำนทังสองด้ำนก็จะหมุนสัมผัสไปกับตัวเหล็กช่องลงบำน ช่วยลดแรงเสียดทำนระหว่ำงหน้ำสัมผัส ของตวั บำนกับเหล็กช่องลงบำน ดังแสดงในภาพที่ 42 ภาพท่ี 42 ตวั อยำ่ งบำนระบำยนำ้ แบบตรง - บำนระบำยโคง้ (Radial Gate) บำนระบำยโค้งส่วนใหญ่มักจะติดตังอยู่ตำมเขื่อนหรืออ่ำงเก็บน้ำ โดยจะท้ำหน้ำท่ีเป็นบำน ระบำยน้ำล้นออกจำกตัวเขื่อนหรืออ่ำงเก็บน้ำ (Service Spill Way) หรืออำจท้ำหน้ำท่ีเป็นบำนทดน้ำเพ่ือ ยกระดับน้ำให้สูงขึน แล้วผันน้ำออกทำงคลองส่งน้ำด้ำนซ้ำยและด้ำนขวำของตัวเขื่อนอำคำรบังคับน้ำแต่ละแห่ง จะออกแบบให้มจี ้ำนวนบำนระบำยโคง้ มำกน้อยแตกตำ่ งกนั ไปตำมควำมกวำ้ งของแม่นำ้ เช่น ท่ีเขื่อนเจำ้ พระยำมี 16 บำน เขือ่ นป่ำสักชลสิทธ์มี 7 บำน เป็นต้น บำนระบำยโค้งจะมีควำมกว้ำงของตัวบำนตังแต่ 3.00 เมตร 4.00 เมตร 6.00 เมตร และ 12.50 เมตร ส่วนควำมสูงจะมีขนำดตงั แต่ 3.00 เมตร ถึง 8.00 เมตร กำรปดิ –เปดิ บำน ระบำยโคง้ จะใช้เครอื่ งกวำ้ นแบบเฟืองทดกำ้ ลงั ใช้ลวดสลงิ ยกบำน ดังแสดงในภาพท่ี 43 ฝ่ายบารงุ รกั ษาหวั งาน สว่ นปรับปรุงบารงุ รักษา สานักบริหารจดั การนาและอทุ กวิทยา

การศึกษาเพอ่ื ประเมนิ ผลการบารงุ รกั ษาหวั งานอาคารชลประทานทางด้านวิศวกรรม 35 ภาพท่ี 43 ตัวอย่ำงบำนระบำยแบบโคง้ (3.4) อปุ กรณ์เครื่องกล/อปุ กรณ์ไฟฟำ้ เป็นอุปกรณบ์ ังคับน้ำที่ใชใ้ นกำรยกบำนระบำยใหเ้ คล่ือนท่ีขึนเพ่ือปล่อยน้ำให้ไหลผ่ำนตัวอำคำรไป ในปริมำณที่ต้องกำร หรือปล่อยใหบ้ ำนระบำยเคลอ่ื นทล่ี งเพื่อปิดไมใ่ หน้ ้ำไหลผำ่ นตวั อำคำร ดังแสดงในภาพที่ 44 ภาพที่ 44 ตวั อย่ำงอปุ กรณ์เคร่อื งกล/ไฟฟำ้ (3.5) แท่งสลำยพลงั งำนน้ำปลำยรำงเท (Chute Blocks) เปน็ แท่งคอนกรีตทต่ี ิดกบั พืนตรงปลำยสดุ ของอำคำรหรือรำงเทในอำคำรสลำยพลงั งำนน้ำ ดงั แสดงในภาพที่ 45 ภาพที่ 45 ตำ้ แหน่งของแทง่ สลำยพลงั งำนนำ้ ปลำยรำงเท (Chute Blocks) ของประตูระบำยนำ้ (3.6) ฟนั ตะเข้ (Floor Blocks) แท่งคอนกรีตที่หล่อติดกับพืนอำคำร เพื่อสลำยพลังงำนที่เกิดจำกกำรกระโจนตัวของน้ำ ดัง แสดงในภาพท่ี 46 และ 47 ฝ่ายบารุงรกั ษาหวั งาน สว่ นปรบั ปรุงบารุงรักษา สานกั บริหารจดั การนาและอทุ กวทิ ยา

การศกึ ษาเพอื่ ประเมินผลการบารงุ รักษาหัวงานอาคารชลประทานทางด้านวิศวกรรม 36 ภาพที่ 46 ต้ำแหนง่ ของฟนั ตะเข้ (Floor Blocks) ของประตรู ะบำยนำ้ ภาพท่ี 47 แสดงลักษณะฟันตะเข้ (Floor Blocks) ของประตรู ะบำยนำ้ (3.7) สะพำนรถยนต์ (Bridge) เปน็ ทำงสัญจรและบ้ำรุงรักษำ ดงั แสดงในภาพท่ี 48 ภาพท่ี 48 ตวั อยำ่ งสะพำนรถยนต์ของเข่อื นระบำยนำ้ (3.8) สะพำนโครงยก (Operating Platform) พนื โครงยกส้ำหรับติดตงั อุปกรณ์ควบคมุ กำรเปดิ -ปดิ บำน ดังแสดงในภาพที่ 49 ฝ่ายบารุงรักษาหวั งาน ส่วนปรับปรุงบารุงรักษา สานักบริหารจัดการนาและอทุ กวทิ ยา

การศึกษาเพอ่ื ประเมินผลการบารงุ รกั ษาหัวงานอาคารชลประทานทางด้านวศิ วกรรม 37 ภาพที่ 49 ตวั อยำ่ งสะพำนโครงยกของประตูระบำยนำ้ (3.9) บำนกันน้ำและร่องบำน (Bulkhead Gate, Stoplogs) บำนกันน้ำ หรือท่อนกันน้ำ เป็นท่อนไม้ แท่งคอนกรีต หรือเหล็ก ส้ำหรับใส่ในร่องบำน เพื่อปิด กันน้ำช่ัวครำว เม่ือต้องกำรตรวจสอบหรือซ่อมแซมบำนบังคับน้ำ ในกรณีที่ท่อนกันน้ำถูกใช้เพ่ือควบคุมกำรไหล ของน้ำผำ่ นอำคำร จะเรียกว่ำ Regulation Planks ดังแสดงในภาพที่ 50 และ 51 ภาพที่ 50 ตัวอย่ำงร่องบำนส้ำหรบั ใส่ Bulkhead Gate/Stoplogs ของประตูระบำยน้ำ ภาพที่ 51 ตวั อยำ่ งบำนกนั น้ำ (Bulkhead Gate) ของประตรู ะบำยน้ำ (3.10) ประตูเรือสญั จร (Navigation Lock) อำคำรทส่ี ร้ำงขนึ เพอื่ ให้เรือผ่ำนไปมำในบรเิ วณทำงน้ำที่มีระดับต่ำงกนั ดงั แสดงในภาพท่ี 52 ฝ่ายบารุงรกั ษาหวั งาน สว่ นปรับปรุงบารุงรักษา สานกั บรหิ ารจัดการนาและอุทกวิทยา