Important Announcement
PubHTML5 Scheduled Server Maintenance on (GMT) Sunday, June 26th, 2:00 am - 8:00 am.
PubHTML5 site will be inoperative during the times indicated!

Home Explore แนวทางการตรวจสภาพปตร. (06-02-2561)

แนวทางการตรวจสภาพปตร. (06-02-2561)

Description: แนวทางการตรวจสภาพปตร. (06-02-2561)

Search

Read the Text Version

แนวทางการตรวจสภาพเข่อื นระบายนํา้ / ทดนา้ํ และประตูระบายนาํ้ ฉบับพกพา (Barrage/Diversion Dam and Head Regulator Inspection Guidelines : Pocket Manual) เขื่อนพระรามหก จ.พระนครศรีอยุธยา จดั ทาํ โดย ฝา ยบาํ รงุ รักษาหัวงาน สว นปรบั ปรุงบาํ รุงรักษา สํานกั บรหิ ารจัดการนาํ้ และอุทกวทิ ยา ตลุ าคม 2560 ๑

คํานาํ แนวทางการตรวจสภาพเข่ือนระบายน้ํา/ทดน้ํา และประตูระบายนํ้า เปนเอกสารทางวิชาการเร่ืองหน่ึงท่ีไดจัดทําขึ้น เพ่ือเปนแนวทางสําหรับ ผปู ฏิบัติงานในการตรวจสภาพอาคารชลประทานประเภทเขื่อนระบายน้ํา/ทดน้ํา และประตูระบายนํ้าของกรมชลประทาน เพ่ือที่จะไดนําไปปฏิบัติและ ประยุกตใชในงานใหถูกตองตามหลักวิชาการใหเปนในแนวทางเดียวกัน โดย คณะผูจดั ทําไดศึกษาและเรียบเรยี งจากหนังสือ คูม ือ เอกสารวิชาการหลายเลม และเพิ่มเติมบางสวนที่สําคัญใหครอบคลุมกับลักษณะอาคารหัวงานประเภท เขื่อนระบายน้ํา/ทดนํ้า และประตูระบายนํ้าที่กรมชลประทานมีใชงานอยูใน ปจจุบนั ขอขอบคุณ คณะทํางานที่ไดชวยดําเนินการ และตรวจความถูกตอง ตลอดจนใหข อ คดิ เหน็ แนะนาํ อันเปน ประโยชน ซ่ึงทาํ ใหแนวทางการตรวจสภาพ นม้ี ีความสมบูรณมากยิง่ ขนึ้ หวังวา จะเปนประโยชนก ับโครงการชลประทานและ โครงการสง นาํ้ และบาํ รงุ รกั ษานําไปใชงานตอไป ฝา ยบํารุงรกั ษาหวั งาน สวนปรับปรงุ บํารุงรกั ษา สํานักบริหารจดั การน้ําและอุทกวทิ ยา ตุลาคม 2560 ๒

กิตติกรรมประกาศ คณะผูจัดทําขอขอบคุณ คุณไกรฤกษ อินทชยะนันท ที่ปรึกษาสํานัก ออกแบบและสถาปตยกรรม คุณพิเชษฐ รัตนประสาทกุล ผูเชี่ยวชาญดาน วิศวกรรมโยธา (ดานออกแบบและคํานวณ) และคุณพรทิพย ศรีสมญา หัวหนา ฝายออกแบบระบบชลประทานที่ 2 ทีใ่ หคําแนะนําในการจําแนกองคประกอบและ จัดทําแบบฟอรมตรวจสภาพเขื่อนระบายนํ้า/ทดน้ํา และประตูระบายน้ําท่ีเปน มาตรฐาน และมีประโยชนตอการจัดทําแนวทางการตรวจสภาพเข่ือนระบายน้ํา/ ทดนา้ํ และประตูระบายน้าํ ใหสมบรู ณและสําเรจ็ ลุลวงดว ยดี สุดทายน้ี ขอขอบคุณผูอํานวยการและเจาหนาที่ของสํานักงาน ชลประทานท่ี 1-17 โครงการชลประทานและโครงการสงนํา้ และบํารุงรักษา ท่ี ชวยเหลอื สนบั สนนุ ดา นขอมลู และอํานวยความสะดวกในการศกึ ษาดงู าน ๓

สารบัญ หนา คํานํา 2 กิตติกรรมประกาศ 3 บทที่ 1 บทนาํ (Introduction) 10 หลักการเหตผุ ล 10 วัตถปุ ระสงค 11 บทท่ี 2 เขอื่ นระบายน้าํ /ทดนํ้า และประตรู ะบายนํ้า (Barrage/Diversion Dam and Head Regulator) 12 คาํ จํากดั ความ 12 ปจจยั ทีม่ ผี ลในการบาํ รุงรกั ษาประตูระบายนํา้ 17 การวเิ คราะหความมนั่ คงของเข่อื นระบายนาํ้ /ทดน้ํา และประตู ระบายนํา้ 20 องคป ระกอบของเข่อื นระบายนํ้า/ทดนํ้า และประตรู ะบายนาํ้ 21 บทท่ี 3 การตรวจสภาพเขือ่ นระบายนา้ํ /ทดนํา้ และประตรู ะบายน้าํ (Barrage/Diversion Dam and Head Regulator Inspection) 36 การตรวจสภาพ 36 วธิ ีการตรวจสภาพ 37 สภาพ (Condition) 37 คํานยิ ามสภาพ (Condition Definition) 38 แบบบนั ทึกการตรวจสภาพเข่อื นระบายนาํ้ /ทดนํ้า และ ประตรู ะบายนา้ํ 49 ตัวอยา งการตรวจสภาพเข่อื นระบายน้ํา/ทดนํ้า และ ประตรู ะบายนา้ํ 58 บทที่ 4 บทสรุป (Conclusion) 68 สรปุ 68 ขอ เสนอแนะ 68 เอกสารอางองิ 69 ๔

สารบญั (ตอ) ภาพเขื่อนระบายนาํ้ /ทดน้ํา และประตรู ะบายนํา้ ของกรมชลประทาน 71 แบบบนั ทกึ การตรวจภาพเขื่อนระบายน้ํา/ทดนาํ้ และประตรู ะบายนา้ํ 74 ๕

สารบญั ภาพ หนา ภาพท่ี 14 14 1 เขือ่ นเจา พระยา จ.ชัยนาท 14 2 เข่ือนแมก ลอง จ.กาญจนบรุ ี 14 3 เขือ่ นราศีไศล จ.ศรสี ะเกษ 15 4 เขื่อนเพชร จ.เพชรบุรี 15 5 เขื่อนบางนรา จ.นราธิวาส 15 6 ประตูระบายน้าํ ในลาํ นาํ้ ปง จ.เชยี งใหม 15 7 ประตรู ะบายนา้ํ ชองแค จ.ลพบรุ ี 16 8 ประตรู ะบายนาํ้ คลองรตั ภูมิ จ.สงขลา 16 9 แปลนทว่ั ไปประตรู ะบายนํ้าบานแกน เจรญิ จ.เชยี งราย 18 10 รูปตัดประตรู ะบายนาํ้ บา นแกนเจรญิ จ.เชียงราย 19 11 กําแพงคอนกรีตสึกกรอ น 19 12 เหล็กเกดิ สนมิ ทาํ ใหส ญู เสียฟง กช น่ั การทํางานบริเวณรองบาน 19 13 การกดั เซาะของดินถมขางกําแพง 22 14 กดั เซาะหนิ เรียงยาแนวลาดดา นทา ยนาํ้ 22 15 สวน Protection เหนือนํ้า (Upstream Protection Section) 16 พืน้ และตอมอ 23 17 รูปตดั ตามยาวสว น Protection เหนอื นํา้ (Upstream 24 25 Protection Section) 26 18 สว นเหนอื นาํ้ (Upstream Concrete Section) 27 19 สวนควบคมุ น้ํา (Control Section) 27 20 ประตรู ะบายน้าํ แบบบานตรง 28 21 ประตูระบายนา้ํ แบบบานโคง 28 22 อุปกรณเ ครื่องกล/ไฟฟา 29 23 ตาํ แหนงของแทงสลายพลงั งานนา้ํ ปลายรางเท (Chute Blocks) 29 24 สะพานรถยนต 25 ลักษณะสะพานโครงยก 26 รอ งบานสําหรับใส Bulkhead Gate/Stoplogs ๖

สารบญั ภาพ (ตอ) ภาพท่ี หนา 27 ลกั ษณะประตเู รือสญั จรดา นเหนอื นํา้ 29 28 ลกั ษณะประตเู รอื สญั จรดา นทา ยนา้ํ 30 29 ลักษณะของบันไดปลา 30 30 แสดงตาํ แหนงของ Floor Blocks และ End Sill 31 31 สวนสลายพลังงานและ Floor Blocks 31 32 สวน Protection ทา ยนํา้ (Downstream Protection Section) 32 33 สว นสลายพลังงาน (Downstream Basin) 33 34 สว น Protection ทา ยน้าํ (Downstream Protection Section) 34 35 แสดงองคป ระกอบของเขื่อนระบายน้ํา/ทดนํ้า และประตูระบาย น้าํ 35 36 การตรวจสภาพเขื่อนระบายนํ้า/ทดนา้ํ และประตูระบายน้ําดวย สายตา 37 37 กดั เซาะคอนกรีตจนเหน็ เน้ือเหล็ก 40 38 กัดเซาะสว นสลายพลังงาน 40 39 กดั เซาะบรเิ วณตอมอ 40 40 ขอมลู ทั่วไปของเขอื่ นระบายนา้ํ /ทดนํา้ และประตูระบายนํ้า 52 41 ตารางตรวจสภาพเขื่อนระบายน้ํา/ทดน้ํา และประตูระบายน้ํา 2/4 53 42 ตารางตรวจสภาพเขื่อนระบายน้ํา/ทดน้ํา และประตูระบายน้ํา 3/4 54 43 ตารางตรวจสภาพเข่ือนระบายนํ้า/ทดน้ํา และประตูระบายน้ํา 4/4 55 44 สว นรายละเอยี ดผูต รวจสภาพและผตู รวจสอบ 56 45 สว นของคาํ อธิบายระดับคะแนนของสภาพ 57 46 ประตูระบายนํ้าบานยางซาย ตรวจสภาพเม่ือวันที่ 30 มิถุนายน 2560 58 ๗

สารบญั ภาพ (ตอ) ภาพท่ี หนา 47 แบบบนั ทึกการตรวจสภาพประตูระบายนา้ํ บา นยางซาย จ.สโุ ขทยั 59 1/5 60 61 48 แบบบันทกึ การตรวจสภาพประตรู ะบายน้าํ บานยางซาย จ.สโุ ขทยั 62 2/5 63 65 49 แบบบันทึกการตรวจสภาพประตรู ะบายนาํ้ บานยางซา ย จ.สโุ ขทัย 65 3/5 65 66 50 แบบบันทกึ การตรวจสภาพประตูระบายนํา้ บานยางซาย จ.สโุ ขทัย 66 4/5 66 67 51 แบบบนั ทกึ การตรวจสภาพประตูระบายนาํ้ บานยางซา ย จ.สโุ ขทยั 5/5 52 สภาพสวน Protection เหนือนํ้า (Upstream Protection Section) ปตร.บา นยางซา ย จ.สโุ ขทัย 53 สภาพรอยรา วสว นเหนือน้ํา (Upstream Concrete Section) ปตร.บา นยางซาย จ.สโุ ขทัย 54 กาํ แพงขา งพบนํ้าซึมบรเิ วณรอยรา วสว นควบคุมน้ํา (Control Section) ปตร.บา นยางซา ย จ.สุโขทยั 55 สง่ิ กีดขวางทางน้าํ บรเิ วณดานหนา ประตรู ะบายนาํ้ ปตร.บา นยางซา ย จ.สุโขทยั 56 กําแพงขางสวนควบคุมน้ํา (Control Section) และรองบานถูกกัด เซาะ ปตร.บานยางซาย จ.สโุ ขทัย 57 สภาพสวนทายน้ํา (Downstream Section) ปตร.บานยางซาย จ.สุโขทัย 58 สวน Protection ทายนํ้า (Downstream Protection Sectio ปตร.บา นยางซา ย จ.สุโขทยั ๘

สารบญั ตาราง ตารางท่ี หนา 1 สรปุ ผลการตรวจสภาพเขื่อนระบายน้ํา/ทดน้ํา และประตูระบายน้ํา 64 ชะมวง จ.สงขลา ๙

บทท่ี 1 บทนํา (Introduction) หลกั การเหตุผล ปจจุบันกรมชลประทาน ไดดําเนินการพัฒนาโครงการชลประทาน ขนาดกลางและขนาดใหญไวจํานวนมาก มีลักษณะหัวงานประเภทตาง ๆ เชน เข่อื น อางเกบ็ นาํ้ เขือ่ นระบายน้าํ /ทดนา้ํ และประตูระบายนํ้า สถานีสูบนํ้า เปนตน การบํารุงรกั ษาหัวงานประเภทตาง ๆ ใหอยูในสภาพท่ีสมบรู ณพรอมใชงาน จงึ มี ความสําคัญอยางยิ่งที่จะสามารถควบคุมปริมาณน้ําไดตามท่ีตองการและลด คาใชจายในการซอมแซม ซ่ึงหัวงานประเภทเขื่อนระบายน้ํา/ทดนํ้า และประตู ระบายน้ําถือเปนหัวงานประเภทหน่ึงที่ตองดูแลบํารุงรักษาอยางสม่ําเสมอ เนื่องจากโครงสรางสวนใหญเปนเหล็ก หากขาดการบํารุงรักษาหรือบํารุงรักษา ไมถูกวิธีจะทําใหประสิทธิภาพการทํางานของอาคารดังกลาวลดลง เมื่อเกิดน้ํา หลากหรอื อทุ กภยั ในเขตโครงการจะทาํ ใหการควบคมุ ปริมาณนํ้าไมท ันเวลาและ เปนไปตามแผนท่ีวางไว อาจสงผลใหเกิดนํ้าทว มในบริเวณกวางและเกิดความ เสียหายแกชีวิตและทรัพยสินเปนจํานวนมาก และในฤดูแลงอาจทําใหคุณภาพ นํ้าในลํานํ้าธรรมชาติไมไดคุณภาพตามมาตรฐานสงผลเสียหายตอระบบนิเวศ กอปรกับระบบราชการมีนโยบายลดกําลังคนภาครัฐ บุคลากรที่มีความชํานาญ และไดสั่งสมประสบการณการทํางานมาเปนเวลานานเมื่อตองเกษียณอายุ ราชการก็มีผลตอการขาดแคลนบุคลากรที่มีความรูความชํานาญจะปฏิบัติงาน ดแู ลบํารงุ รกั ษาอยา งมีประสิทธิภาพได ประตูระบายนํ้าบางแหงไดกอสรางและ ใชงานมาเปนเวลานานเกือบรอยปหรือมากกวาหาสิบป แบบกอสราง คูมือการ ใชง านและบํารงุ รักษาเปน ภาษาตางประเทศ เชน อังกฤษ จีน หรือคูมือเกิดการ สูญหาย การปฏิบัติงานจะใชจากประสบการณและความชํานาญงานของ เจาหนาท่ีเอง เม่อื เจาหนาท่ยี า ยหรอื เกษียณอายรุ าชการยอ มมผี ลกระทบตอการ ดแู ลบํารงุ รกั ษาประตรู ะบายนา้ํ และอาคารประกอบ ซึ่งจะเกิดผลกระทบตอการ บรหิ ารจัดการน้าํ ของโครงการในอนาคตตอ ไปดว ย ดังน้ัน จึงจําเปนที่จะตองศึกษาและจัดทําแนวทางการตรวจสภาพ เข่ือนระบายนํ้า/ทดน้ํา และประตูระบายนํ้าท่ีถูกตองตามหลักวิชาการไวเปน ๑๐

มาตรฐาน เพื่อเผยแพรเปนแนวทางปฏิบัตงิ านของเจาหนาที่ท่ีเก่ียวของสําหรับ โครงการตาง ๆ และสามารถนําไปประยกุ ตใ ชอยางเหมาะสมตอ ไป วตั ถุประสงค 1. เพื่อเปนเอกสารทางวิชาการสาํ หรับเผยแพรความรูเก่ียวกับเขื่อน ระบายนํา้ /ทดนา้ํ และประตรู ะบายน้ํา 2. เพ่ือจดั ทาํ มาตรฐานแนวทางในการตรวจสภาพเข่ือนระบายนํ้า/ทดน้ํา และประตูระบายนํ้า ๑๑

บทท่ี 2 เข่ือนระบายนํ้า/ทดน้ํา และประตูระบายนาํ้ (Barrage/Diversion Dam and Head Regulator) คาํ จํากัดความ 1) เขื่อนระบายนาํ้ (barrage, diversion dam) เข่ือนระบายน้าํ เปนอาคารทดนํ้าหรือเขื่อนทดนา้ํ ท่ีตนนํ้าของหัวงาน โครงการชลประทานประเภททดนํ้า ซ่งึ สรา งขวางลํานํา้ สําหรบั ทดน้ําที่ไหลมาให มีระดับสูงจนสามารถสงเขาคลองสงน้ําไดตามปริมาณที่ตองการในฤดูกาล เพาะปลูกเชนเดียวกับเข่ือนระบายน้ํา/ทดน้ํา และประตูระบายน้ําแตเข่ือน ระบายน้ําจะระบายนํ้าผานเข่ือนไปไดต ามปริมาณที่กําหนดโดยไมย อมใหน าํ้ ไหล ลน ขามเหมอื นเข่ือนระบายน้าํ /ทดนํา้ และประตรู ะบายนํา้ และเมอื่ เวลาน้ําหลาก มาเตม็ ที่ในฤดฝู นเข่อื นระบายนํ้านี้ยงั สามารถระบายนํา้ ใหผา นไปไดท นั ที เขือ่ นระบายน้ําสรา งขนึ้ โดยการแบงความกวางของแมน้ําออกเปน ชอ ง ๆ ดวยตอมอ โดยทวั่ ไปกวา งชอ งละ ๖.๐๐ เมตร ถึง ๑๒.๕๐ เมตร แตจะมี ก่ีชองน้ันแลวแตปริมาณน้ําที่ไหลผานเขื่อนมีมากหรือนอย ชองระบายน้ํา ระหวางตอมอทุกชองมีบานประตู (gate) ปดไวซ่ึงจะยกข้ึนเพื่อระบายผานไป หรือหยอ นลงเพื่อทดน้ําไดทกุ ระดับ ในเวลาน้ําใหญไ หลหลากมาบานประตูเขื่อน ทกุ บานจะถกู ยกสงู พน ระดับน้ํา ท้ังสองขางปลอยใหนํ้าไหลผานไปไดเ ต็มที่โดย ระดับน้ําในแมน้ําดานเหนือนํ้าของเขื่อนไมสูงกวาระดับนํ้าปกติตามธรรมชาติ มากเกินไป บานประตขู องเข่ือนระบายน้ําซึ่งมักเรียกกันวาบานระบายน้ําน้ันมี รูปรางตาง ๆ กนั เชน เปน บานเด่ียวตัง้ ตรงรูปสี่เหล่ียมผืนผา (slide gate) หรือ เปนบานเดี่ยวรูปโคง (radial gate) ซ่ึงสรางดวยวัสดุหลายชนิด เชน ไม เหล็ก หรอื ไมแ ละเหล็กรว มกนั 2) ประตรู ะบายนาํ้ (Regulator Gate) ประตูระบายน้ํา (ปตร.) คือ ส่ิงกอสรางในบริเวณทางน้ําที่ใช ควบคุมการไหลของนํ้าในแมน ํ้า คลอง ทะเลสาบ เขื่อนระบายนํ้า/ทดนํา้ และ ประตูระบายนา้ํ อา งเก็บนาํ้ ประตรู ะบายน้ําจะใชสาํ หรับในการปรับปรมิ าณนํ้า ๑๒

ที่ตองการใหไหลผาน ปรับความเร็วของนํ้า หรือใชในการกักเก็บนํ้าได ใน ขณะเดียวกนั ประตูระบายนํา้ ยังชวยปอ งกนั ในกรณีท่มี พี ายุหรือเกดิ นาํ้ ทว ม หากไมมปี ระตรู ะบายน้าํ จะกอใหเ กดิ ความเสียหายหลายประการ ดงั นี้ 1) นาํ้ จะไหลเขา คลองสายใหญม ากเกนิ กวา ปริมาณนํา้ ทีต่ อ งการใชทาํ การเพาะปลกู จนตองระบายนาํ้ สวนเกินท้ิงไป หรอื ปลอยใหร ่ัวซึมลกึ ลงไปใตดิน ซงึ่ เปนการสูญเสียนาํ้ โดยไมไ ดประโยชน 2) หากปริมาณนํา้ ไหลเขาคลองสายใหญม ากเกินความจคุ ลองท่จี ะรับ ไดทําใหคลองพัง นํ้าจะไหลออกทางชองขาดทําใหเกิดนํ้าทวมบริเวณชองขาด เสยี หาย พนื้ ท่ีเพาะปลกู ทางปลายคลองจะไมไดรับน้ําหรือไดร ับนํ้านอยไมพอใช การสงนํ้าไมสะดวกเพราะระดับน้ําในคลองสายใหญจะต่ํากวาระดับนํ้าใชการ เต็มท่ี (Full supply level) ท่ีไดกําหนดไว รวมถึงตองเสียคาซอมแซมคลอง ดว ย 3) คลองสายใหญบ างตอนจะตนื้ เขนิ เพราะดนิ บรเิ วณตัวคลองและคนั คลองทถ่ี ูกนา้ํ กัดพงั ทลายลงมาเนือ่ งจากน้าํ ไหลเขาคลองเกินความจุของคลองจะ ตกทับถมอยูในคลองนั้น ทําใหคลองสายใหญสงนํ้าไมไดตามปริมาณที่ตองการ และตอ งเสยี คาขดุ ลอกคลองดว ย 4) ปริมาณนา้ํ ทไ่ี หลเขาคลองสายใหญมากเกินความตองการจะทําให เกดิ น้ําทวมบรเิ วณพื้นท่ลี มุ ในเขตโครงการชลประทาน 5) ประตูระบายปากคลองสายใหญบางแหงสามารถปองกันตะกอน ทรายเขาคลองได โดยมีระดับธรณีประตู (Sill level) สงู กวาระดับพ้ืนประตู (Floor level) หรือมีบานประตูเปนชนิดใหน้ําไหลขามสันบาน (Overpour type gates) ซ่ึงเหมาะกับทองถิ่นท่ีมีตะกอนทรายในแมนํ้ามาก ถาไมม ีประตู ระบายนํา้ ปากคลองสายใหญ ตะกอนทรายจะหลุดเขาคลองทาํ ใหคลองตื้นอยาง รวดเร็ว สงน้ําไมไดตามท่ีตอ งการ และเสียคาขุดลอกคลอง ๑๓

ภาพที่ 1 เข่ือนเจา พระยา จ.ชยั นาท ภาพที่ 2 เขอ่ื นแมก ลอง จ.กาญจนบรุ ี ภาพที่ 3 เขื่อนราศไี ศล จ.ศรสี ะเกษ ภาพที่ 4 เข่อื นเพชร จ.เพชรบรุ ี ๑๔

ภาพที่ 5 เขือ่ นบางนรา จ.นราธิวาส ภาพท่ี 6 ประตูระบายนาํ้ ในลํานา้ํ ปง จ.เชียงใหม ภาพที่ 7 ประตูระบายนาํ้ ชอ งแค จ.ลพบรุ ี ภาพท่ี 8 ประตูระบายนํา้ คลองรตั ภูมิ จ.สงขลา ๑๕

ภาพท่ี 9 แปลนทว่ั ไปประตูระบายนา้ํ บานแกนเจรญิ จ.เชียงราย ภาพท่ี 10 รปู ตัดประตรู ะบายนาํ้ บานแกนเจรญิ จ.เชียงราย ๑๖

ปจจัยทีม่ ผี ลในการบาํ รงุ รกั ษาประตรู ะบายนํา้ (1) สวนท่เี ปน คอนกรตี นํ้าสามารถจัดไดวาเปนสภาวะแวดลอมท่ีรุนแรงท่ีสามารถทําให คอนกรีตเกิดการแตกตัวได การขยายตัวของผลึกเกลือในสารละลายเกลือ บริเวณผิวหนาของคอนกรีตก็มีผลกระทบตอคอนกรีตคลายๆ กับกระบวนการ แตกตัวของคอนกรีตไมไดเกิดขึ้นไดเ ฉพาะจากปจจัยภายนอกเทานั้น ปฏิกิริยา ระหวางอัลคาไลกับมวลรวมซ่ึงเปนวัสดุท่ีมีอยูในเน้ือคอนกรีตก็เปนสาเหตุให คอนกรีตเกิดการแตกตัวออกได โดยเปนผลมาจากการขยายตัวของมวลรวมที่ เกดิ ปฏิกริ ิยา การเกิดโพรง (Cavitation) ซ่ึงเกิดจากการกัดเซาะ (Erosion) เปนสาเหตุทําใหคอนกรีตถูกกัดเซาะเนื่องจากการสลายตัวของฟองอากาศ (Vapor Bubbles) ซึ่งเกิดจากการเปลี่ยนแปลงแรงดันของนํ้าท่ีไหลดวย ความเร็วสูง ฟองอากาศเกิดขึ้นในน้ําและไหลลงมาตามนาํ้ เมื่อฟองอากาศไหล เขาสูบ รเิ วณทีม่ ีแรงดันสูงจะสลายตัวพรอมกับการเกิดแรงกระแทกอยางรนุ แรง การเกิดขึ้นของฟองอากาศแลวมีการสลายตัวนี้เรียกวา การเกิดโพรง (Cavitation) พลังงานซึ่งปลดปลอยออกมาจากปรากฏการณน้ีเปนสาเหตุให คอนกรีตถูกกัดเซาะ โพรงที่เกิดข้ึนจะอยูบริเวณโคงน้ําหรือสวนท่ียื่นออกมา ขวางทางนํ้า หรือบริเวณที่เกิดน้ําวน ปรากฏการณการเกิดโพรง (Cavitation) จะทําใหเน้ือคอนกรีตกรอนไป เหลือเพียงแตมวลรวมซ่ึงมีความแข็งแรงกวา อยางไรก็ตามถานํ้ามีความเร็วสูงมาก แรงท่ีเกิดจากปรากฏการณ การเกิดโพรง (Cavitation) อาจมมี ากพอท่ีจะทาํ ใหเนอ้ื คอนกรีตปริมาณมากลอนหลุดออกไป ได การหลีกเลยี่ งการกดั เซาะจากปรากฏการณก ารเกิดโพรง (Cavitation) ทําได โดยการทําผิวหนาคอนกรีตใหเรียบ และหลีกเลี่ยงสวนท่ียื่นโผลมากีดขวางทาง นา้ํ สําหรับการขัดสี (Abrasion) ซึ่งเปนการสึกกรอนของพื้นผิวของ คอนกรตี เนอ่ื งจากการ ถูไถและการเสียดสี โดยปกติพื้นผิวจะหลุดออกไปเทา ๆ กันตลอดทั้งในสวนของเน้ือคอนกรีตและมวลรวม ปจจัยท่ีมีผลในการตานการ ขดั สีประกอบดว ย ๑๗

ภาพท่ี 11 กาํ แพงคอนกรีตสึกกรอ น 1. กําลังรับแรงอดั ของคอนกรตี (Compressive Strength) 2. คุณสมบตั ขิ องมวลรวม (Aggregate Properties) 3. วธิ กี ารปาดแตง ผิวหนาคอนกรตี (Finishing Method) 4. การใชวัสดุปด ทบั ผวิ หนาคอนกรตี (Use of Method) 5. การบม คอนกรตี (Curing) (2) สวนทเี่ ปน เหลก็ ปฏิกิริยาการเกิดสนิมเหล็ก เปนปฏิกิริยาที่พบเห็นไดงาย ๆ กับ สิ่งกอ สรา งตา งๆ ทีม่ ีเหล็กเปน องคประกอบ แตเปนปฏิกิริยาท่ีกาซไนโตรเจนได ออกไซด (NO2) ในอากาศ เม่ือถูกแสงอาทิตยจะสลายตัวเปนกาซไนตริกออก ไซด (NO) และอะตอมอิสระของออกซิเจนเกิดข้ึนอยางชา ๆ อาจจะกินเวลา ยาวนาน เกิดขึ้นเม่ือมีเหล็กสัมผัสกับน้ําและความชื้น โดยจะคอย ๆ สึกกรอน ซึ่งสามารถรวมตัวกับกาซ O2 เปน O3 กลายเปนเหล็กออกไซดหรอื ท่ีเรารูจัก กันวา สนิมเหล็ก (Fe2O3) สังเกตไดจากสีและลักษณะอ่ืน ๆ ที่แตกตางจาก เหล็ก (Fe) สนิม (rust) เปนโลหะสวนที่มีการเปลี่ยนสภาพไปจากเดิม เนอ่ื งจากไดรับปฏิกิริยาเคมที ีม่ ีอากาศ นาํ้ หรอื ความรอนเปน ตัวการสาํ คัญทําให โลหะมีคุณสมบัติแตกตางไปจากเดิม เชน สีที่เปลี่ยนไป มีความแข็งแรงลดลง และทาํ ใหเ กดิ การผกุ รอน ตวั อยางท่เี ราพบเหน็ อยูบอย ๆ ไดแก เหล็ก จะมีสนิม อยู 2 ชนิด คอื สนิมสีนํ้าตาลอมแดง หรือ สนิมสีแดง และสนิมสีดํา นอกจากนี้ โลหะแตล ะชนดิ จะมีสีสนมิ ทแ่ี ตกตางกันดว ย ๑๘

ภาพที่ 12 เหล็กเกดิ สนมิ ทําใหสญู เสยี ฟง กช ่ันการทาํ งานบรเิ วณรองบาน (3) สวนปองกนั การกดั เซาะ สวนปองกันการกัดเซาะ ประกอบดวย หินท้ิง (Riprap) หินกอ (Stone masonry) หินเรียงยาแนว(Stone pitching) ปญหาสวนใหญเกิดจาก การกัดกรอ นและการผพุ งั ของหินดา นทายอาคารประตูระบายนาํ้ การเติบโตของ วัชพืชบนหินท้ิง หินกอ หรือหินเรียงยาแนวทําใหเกิดการทรุดตัวหรือรั่วซึม นอกจากนั้นยังมีปญหาเรื่องการไหลของน้ําท่ีมีความเร็วสูงผานประตูระบายน้ํา ทําใหเ กดิ การกดั เซาะทางดา นทา ยน้าํ ดงั น้ันจึงควรมีมาตรการเพือ่ ลดการกัดเซาะ ใหเกดิ ขึน้ นอ ยที่สุด ภาพที่ 13 การกัดเซาะของดนิ ถมขางกําแพง ภาพท่ี 14 กัดเซาะหินเรยี งยาแนวลาดดานทายนาํ้ ๑๙

(4) สว นทเ่ี ปน ระบบตน กําลัง สว นที่เปน ระบบตน กําลงั จะประกอบดวยเคร่ืองกวานบานระบาย ทําหนาที่เปนอุปกรณที่ใชในการยกบานระบายใหเคล่ือนที่ข้ึนเพื่อปลอยน้ําให ไหลผานตัวอาคารไปในปริมาณท่ีตองการ ปญ หาทีเ่ กิดข้ึน เชน มอเตอรไมหมุน มอเตอรรอนเกินกําหนด มอเตอรมีเสียงดัง ชุดเฟองทดของกําลังมอเตอรรอน ลวดสลิงหยอน เปนตน (5) ระบบควบคุมระยะไกล (Supervisory Control and Data Acquisition : SCADA) ระบบควบคุมระยะไกล ทําหนาท่ีในการจัดเก็บขอมูลและการ ควบคุมอาคารหรืออุปกรณสําหรับควบคุมน้ํา เชน ประตูน้ํา วาลวน้ํา เพื่อ ควบคมุ การไหลของนํ้าจากระยะไกล ปญหาทเ่ี กิดขนึ้ เชน แบตเตอรี่เสื่อมสภาพ เคร่อื งคอมพิวเตอรชํารดุ เปน ตน (6) ระบบโทรมาตร (Telemetering System) ระบบโทรมาตร เปนระบบตรวจวัดขอมูลจากสถานีสนาม เชน ขอมูลระดับนํ้า ปริมาณน้ํา คาความเค็ม โดยไมมีอุปกรณควบคุมการเปดปด หรือควบคุมการไหลของนํ้าจากระยะไหลเหมือนระบบ SCADA มีปญหาท่ี เกิดขึ้น เชน แบตเตอรเ่ี สือ่ มสภาพ เคร่อื งวดั ชํารุด ไมมอี ะไหลเปล่ยี น เปน ตน การวิเคราะหค วามมัน่ คงของเข่ือนระบายนํ้า/ทดนํ้า และประตูระบายนํา้ เข่ือนระบายน้ํา/ทดนํ้า และประตูระบายนํ้าจะตองมีความมั่นคง ปลอดภัยจากกรณตี า ง ๆ ดังตอ ไปนี้ 1. ความมน่ั คงตอการเกิด Piping (Weight Creep Ratio) เพราะ การเกิด Piping ทําใหดินฐานรากเกิดเปนโพรง สงผลใหเกิดการทรุดตัวขณะที่ นํา้ ซมึ ผานชอ งวางระหวางเม็ดดนิ 2. ความมั่นคงตอการเลื่อนตัว (Sliding) ประตูระบายนํ้าตองมคี วาม มั่นคงตอการเล่ือนตัว เน่ืองจากแรงดันของน้ําท่ีกระทําตอตัวประตูระบายน้ํา ดานเหนือนา้ํ ซ่งึ พยายามผลักใหเลอื่ นตวั ๒๐

3. ความมัน่ คงตอ การพลกิ ควา่ํ (Overturning) ประตรู ะบายน้ําตองมี การออกแบบใหมีนํ้าหนักของตัวประตูระบายน้ํามากพอที่จะตานทานแรงดัน ของน้ําที่กระทําตอตัวประตูระบายนํ้าทางดานเหนือน้ําและแรงดันของนํ้าที่ กระทําตอ ตวั ประตรู ะบายน้าํ ดา นลา งได (Uplift Pressure) 4. ความม่ันคงตอ การรบั นา้ํ หนกั กดของดนิ ใตฐาน (Bearing) โดยฐาน รากตองสามารถรับแรงกดของได ซึ่ง Bearing Capacity ของฐานรากตอง มากกวา Maximum Pressure Intensity ที่เกิดจากแรงกระทําตอตวั ประตู ระบายนาํ้ องคประกอบของเขื่อนระบายน้ํา/ทดนาํ้ และประตรู ะบายนาํ้ ในการตรวจสภาพเข่ือนระบายนํ้า/ทดนํ้า และประตูระบายน้ําที่ ถูกตอง จําเปนตองมีความรูความเขาใจเก่ียวกับองคประกอบของเข่ือนระบาย นํ้า/ทดน้ํา และประตูระบายน้ํา ซึ่งตองทําการศึกษาจากแบบกอสราง แบบ กอสรางเขือ่ นระบายน้ํา/ทดนํ้า และประตูระบายน้ํามีหลายรูปแบบ ทั้งน้ีข้ึนอยู กบั ลักษณะทางดานพ้ืนที่ ความจําเปนทางดานวิศวกรรม วัตถุประสงคของการ กอสรา ง เปนตน องคประกอบของเข่ือนระบายน้ํา/ทดน้ํา และประตูระบายนํ้า ประกอบดว ย 5 สวน คอื 1. สวน Protection เหนือน้าํ (Upstream Protection Section) มีหนา ท่ีในการปองกันการกัดเซาะของนํ้า วัสดุที่ใชในการทําสวน ของกําแพงขาง ไดแก กลองลวดตาขายเหล็กถักเคลือบสังกะสี (Mattresses) หินท้ิง หินเรียง หินเรียงยาแนว เปนตน วัสดุที่ใชในการทําสวนของพื้น ไดแก กลองลวดถกั บรรจหุ ินและกรวดขนาดใหญ (Gabions) หินทิง้ หินเรียง หินเรียง ยาแนว เปนตน ประกอบไปดว ยสว นของพ้ืนและลาดดา นขา ง ๒๑

ภาพที่ 15 สวน Protection เหนือนํา้ (Upstream Protection Section) 2. สวนเหนอื น้ํา (Upstream Concrete Section) มหี นาทย่ี ดื เสน ทางทางเดินของน้ํา หรือเพิ่มความม่ันคง รวมไปถึง ลดแรงดันใตตัวเขื่อนระบายน้ํา/ทดนํ้า และประตูระบายน้ํา ซ่ึงในหลักการ คํานวณดังกลาวจะพิจารณาถึงความหนาของพื้นประกอบไปดวยพ้ืนและลาด ดา นขา ง 3. สวนควบคมุ นํา้ (Control Section) เปนสวนที่ใชในการควบคุมนํ้า เพื่อกักเก็บนํ้า ทดนํ้า ระบายนํ้า/ ทราย นอกจากน้นั ยังประกอบไปดว ยประตูเรอื สัญจรและบนั ไดปลา ประกอบดวย 3.1 พืน้ และตอมอ พื้นเปนองคประกอบที่เปนคอนกรีตเสริมเหล็ก สวนของตอมอ เปนแทงหรือกําแพงท่ีทําดวยหินกอหรือคอนกรีตเสริมเหล็กสรางอยูในทางน้ํา โดยมีจุดประสงคเพ่ือแบงทางนํ้าออกเปนชองๆ และ/หรือรับนํ้าหนักในแนวดิ่ง ของอาคารตางๆ ภาพที่ 16 พ้ืนและตอมอ ๒๒

ภาพท่ี 17 รปู ตดั ตามยาวสว น Protection เหนอื นํา้ (Upstream Protection Section) ๒๓

ภาพที่ 18 สว นเหนอื นํา้ (Upstream Concrete Section) ๒๔

ภาพท่ี 19 สว นควบคมุ น้ํา (Control Section) ๒๕

3.2 กําแพงขา ง เปน กาํ แพงคอนกรตี ท่ีอยูติดกับตลง่ิ 3.3 ประตูระบายนํา้ เปนบานเหล็กเพื่อใชเปด-ปดชองทางน้ํา ลักษณะบาน อาจจะเปน บานตรงหรือโคง - ประเภทบานระบายน้าํ บานระบายนํ้าแบงตามรูปแบบบาน ได 2 แบบ ไดแก บานระบายตรง (Slide Gate/ Roller Gate) และบานระบายโคง (Radial Gate) 1) บานระบายตรง (Slide Gate/ Roller Gate) สวนใหญจะติดต้ังบรเิ วณชวงตนหรือชวงปลายของ คลองสง นํา้ ท่จี ะเชอ่ื มตอ กบั แมน า้ํ หรือทะเล โดยจะใชเ ครื่องกวานเปนตัวยกบาน ระบายตรงขน้ึ - ลงเพื่อปด – เปดใหน ํา้ ไหลผานตวั อาคารไปในปริมาณท่ีตองการ บานระบายตรงจะมขี นาดความกวา งของตัวบานตั้งแต 3.00 เมตร 4.00 เมตร 5.00 เมตร 6.00 เมตร ความสูงของตัวบานมีขนาดตัง้ แต 3.00 เมตร 3.50 เมตร 4.00 เมตร 4.50 เมตร 5.00 เมตร 5.50 เมตร และ 6.00 เมตร การ ทํางานของบานระบายตรงน้ันเม่ือหมุนเครื่องกวานเพ่ือใหบานระบายตรงเล่ือน ข้นึ - ลง ลูกลอท่ตี ิดอยทู ่ขี า งบานทง้ั สองดานกจ็ ะหมุนสัมผสั ไปกับตัวเหล็กชองลง บาน ชวยลดแรงเสียดทานระหวางหนาสัมผัสของตัวบานกับเหล็กชองลงบาน ชวยใหบ าน ภาพท่ี 20 ประตรู ะบายนาํ้ แบบบานตรง ๒๖

2) บานระบายโคง (Radial Gate) บานระบายโคงสวนใหญมักจะติดต้ังอยูตามเข่ือน หรอื อา งเกบ็ นาํ้ โดยจะทาํ หนา ท่เี ปน บานระบายนํ้าลนออกจากตัวเขื่อนหรืออาง เก็บน้าํ (Service Spill Way) หรืออาจทําหนาท่ีเปนบานทดนํ้าเพ่ือยกระดับน้ํา ใหสูงขนึ้ แลว ผนั นา้ํ ออกทางคลองสงน้ําดานซายและดา นขวาของตัวเข่อื นอาคาร บงั คบั นา้ํ แตล ะแหง จะออกแบบใหมีจํานวนบานระบายโคงมากนอยแตกตางกัน ไปตามความกวางของแมนํ้า เชน ท่ีเขื่อนเจาพระยามี 16 บาน เขื่อนปาสัก ชลสิทธมี 7 บาน เปนตน บานระบายโคงจะมีความกวางของตัวบานตั้งแต 3.00 เมตร 4.00 เมตร 6.00 เมตร และ 12.50 เมตร สวนความสูงจะมี ขนาดตั้งแต 3.00 เมตร ถึง 8.00 เมตร การปด –เปดบานระบายโคงจะใช เครือ่ งกวานแบบเฟองทดกาํ ลังใชลวดสลงิ ยกบาน ภาพที่ 21 ประตรู ะบายนา้ํ แบบบานโคง 3.4 อุปกรณเ ครอ่ื งกล/ไฟฟา เปนอุปกรณบังคับน้ําท่ีใชในการยกบานระบายใหเคลื่อนท่ี ขนึ้ เพ่อื ปลอ ยนํ้าใหไหลผานตัวอาคารไปในปริมาณที่ตองการ หรอื ปลอยใหบาน ระบายเคลอื่ นทีล่ งเพอื่ ปดไมใ หน ํ้าไหลผา นตวั อาคาร ภาพที่ 22 อปุ กรณเครอื่ งกล/ไฟฟา ๒๗

3.5 แทง สลายพลังงานนํา้ ปลายรางเท (Chute Blocks) เปนแทงคอนกรีตที่ติดกับพื้นตรงปลายสุดของเขื่อนระบาย นํา้ /ทดนา้ํ และประตูระบายนา้ํ หรอื รางเทในอาคารสลายพลงั งานน้ํา ภาพท่ี 23 ตําแหนง ของแทง สลายพลังงานนํ้าปลายรางเท (Chute Blocks) 3.6 สะพานรถยนต เปน ทางสัญจรและบํารงุ รกั ษา ภาพที่ 24 สะพานรถยนต 3.7 สะพานโครงยก พน้ื โครงยกสําหรบั ติดตง้ั อุปกรณควบคุมการเปด-ปดบาน ๒๘

ภาพที่ 25 ลักษณะสะพานโครงยก 3.8 ทอนกัน้ นา้ํ และรองบาน (Bulkhead Gate, Stoplogs) บานกั้นนํ้า หรือทอนกันนํ้า เปนทอนไม แทงคอนกรีต หรือ เหล็ก สําหรับใสในรองบาน เพื่อปดกั้นน้ําช่ัวคราว เมื่อตองการตรวจสอบหรือ ซอมแซมบานบังคับน้ํา ในกรณีท่ีทอนก้ันนํ้าถูกใชเพื่อควบคุมการไหลของนํ้า ผานอาคาร จะเรยี กวา Regulation Planks ภาพที่ 26 รอ งบานสาํ หรับใส Bulkhead Gate/Stoplogs 3.9 ประตเู รือสญั จร อาคารท่ีสรางข้ึนเพ่ือใหเรือผานไปมาในบริเวณทางน้ําที่มี ระดบั ตา งกัน ภาพท่ี 27 ลักษณะประตเู รอื สัญจรดานเหนอื นํ้า ๒๙

ภาพท่ี 28 ลกั ษณะประตเู รอื สญั จรดา นทายนํ้า 3.10 บันไดปลา บันไดปลาเปนอาคารที่สรางข้ึนเพื่อเปนทางใหปลาผาน ในทางน้ําที่มอี าคารปด กนั้ ภาพท่ี 29 ลกั ษณะของบันไดปลา 4. สวนสลายพลงั งาน (Downstream Basin) เปน อาคารชลศาสตรท่ีไดร บั การออกแบบขึ้นเพือ่ ใหทาํ หนา ทสี่ ลาย พลังงานจลน (Kinetic Energy) จากการไหลของน้ําดวยความเร็วสูง จะทําการ ออกแบบใหอาคารสลายพลังงาน อยูดานทายน้ําของอาคารดังกลาวเสมอ อาคารสลายพลงั งานทดี่ จี ะตองสามารถทาํ ใหก ารไหลของน้ําที่เร็วนั้นชาลง หรือ ทําใหพลังงานเนื่องจากความเร็วลดลง โดยไมทําใหอาคารหรือสวนใดสวนหน่ึง ๓๐

ของอาคารหรือคลองสงน้ําเสียหาย ประกอบไปดว ยสวนของพื้น ลาดดานขาง และองคประกอบอน่ื ๆ ไดแ ก - ฟนตะเข (Floor Blocks) หมายถึง แทงคอนกรีตท่ีหลอติดกับ พื้นอาคาร เพอ่ื สลายพลังงานที่เกดิ จากการกระโจนตัวของนา้ํ - แผงปะทะดานทายนํ้า (End Sill) หมายถึง แทงหรือแผง คอนกรีตท่ีติดกับพื้นตรงปลายสุดดานทายน้ําของอาคารชลประทาน ทําหนาที่ ปะทะนาํ้ เพื่อสลายพลงั งาน เรียกอกี อยางหนึง่ วา End Baffle Floor Blocks End Sill ภาพท่ี 30 แสดงตาํ แหนงของ Floor Blocks และ End Sill ภาพท่ี 31 สวนสลายพลงั งานและ Floor Blocks 5. สว น Protection ทายนา้ํ (Downstream Protection Section) มีหนา ท่ีในการปองกันการกัดเซาะของน้ํา วัสดทุ ี่ใชในการทําสวน ของกําแพงขาง ไดแก กลองลวดตาขายเหล็กถักเคลือบสังกะสี (Mattresses) หินทิ้ง หินเรียง หินเรียงยาแนว เปนตน วัสดุท่ีใชในการทําสวนของพ้ืน ไดแก กลอ งลวดถกั บรรจหุ นิ และกรวดขนาดใหญ (Gabions) หินทิ้ง หินเรียง หินเรียง ยาแนว เปนตน ประกอบไปดว ยสวนของพ้นื และลาดดา นขา ง ๓๑

ภาพท่ี 32 สวน Protection ทา ยนํา้ (Downstream Protection Section) ๓๒

ภาพท่ี 33 สว นสลายพลงั งาน (Downstream Basin) ๓๓

ภาพท่ี 34 สว น Protection ทา ยน้ํา (Downstream Protection Section) ๓๔

ภาพที่ 35 แสดงองคป ระกอบของเขือ่ นระบายนา้ํ /ทดนํา้ และประตูระบายนํา้ ๓๕

บทที่ 3 การตรวจสภาพเขื่อนระบายน้าํ /ทดน้าํ และประตูระบายนา้ํ (Barrage/Diversion Dam and Head Regulator Inspection) การตรวจสภาพ การตรวจสอบเข่ือนระบายน้ํา/ทดน้ํา และประตูระบายน้ํามี จุดประสงคหลัก เพ่ือตรวจหาความบกพรองตางๆ ที่อาจมีผลทําใหเกิดความ เสียหายหรือเปนอันตรายตอความม่ันคงของอาคาร ขอมูลที่ไดทั้งหมดจะถูก นําไปใชในการวิเคราะหเพ่ือประเมินความมั่นคงปลอดภัยท้ังในดานเสถียรภาพ ของโครงสราง (Structural Stability) และดานการใชงาน (Operation) ของ เขือ่ นระบายนาํ้ /ทดน้าํ และประตูระบายน้ําวา ยังอยใู นสภาพม่นั คงแข็งแรง และ สามารถใชง านไดตามจดุ ประสงคท ี่ออกแบบไวหรือไม โดยปกติแลวความม่ันคง แข็งแรง และพฤติกรรมของเข่ือนระบายนํ้า/ทดน้ํา และประตูระบายน้ําข้ึนอยู กบั ปจจยั หลัก 3 ประการ คือ - การออกแบบ - ลักษณะทางธรณวี ทิ ยา ปฐพีวิทยาฐานราก - การกอ สราง ผูตรวจสภาพตองช้ีจุดบกพรองตางๆ ท่ีพบเห็น และเสนอแนะวิธีการ แกไขขอบกพรองเหลานั้น กําหนดแนวทางปฏิบัติสําหรับการปฏิบัติที่ถูกตอง (Operational Restrictions) หรือเสนอแนะใหดําเนินการปรับปรุงสิ่งตางๆ ที่ จําเปนและเรงดวน เพ่ือรักษาสภาพของเขื่อนระบายน้ํา/ทดนํ้า และประตู ระบายนํ้าใหสามารถใชงานไดด ีอยู โดยปกติควรทําการตรวจสภาพเขื่อนระบายนํ้า/ทดน้ํา และประตู ระบายน้ําอยางนอยปละ 2 ครั้ง ไดแก กอนฤดฝู นที่จะมา เพ่ือเปนการเตรียม ความพรอมในการใชงานของอาคารชลประทาน และหลังฤดูฝนหมด เพื่อเปน การตรวจสอบความเสยี หายท่อี าจจะเกิดขนึ้ ๓๖

วิธีการตรวจสภาพ การตรวจสภาพเข่ือนระบายน้ํา/ทดนํ้า และประตูระบายน้ํา สามารถ ทําไดโดยการตรวจสภาพดวยวิธีทางสายตา (Visual Inspection) ซ่ึงจะไม เหมือนกับเข่ือน/อางเก็บนํ้าที่มีการติดต้ังเคร่ืองมือวัดพฤติกรรมเข่ือน (Dam Instrumentation) เพ่อื ตรวจสภาพเขื่อน/อา งเก็บนา้ํ ไดท้ังภายในและภายนอก การตรวจสภาพเขื่อนระบายนํ้า/ทดน้ํา และประตูระบายนํ้าดวยวิธีทางสายตา นน้ั ไมยงุ ยากเทา กบั ตรวจสภาพเขอื่ น เนอื่ งจากองคประกอบไมมากหรือซับซอน เทา ซ่ึงใชวิธีการเดินตรวจสภาพดวยสายตา ตรวจสภาพในแตละองคประกอบ และในแตละองคประกอบจะตองตรวจตามสภาพ เพื่อใชตัดสินวา องคประกอบ ของเขื่อนระบายนา้ํ /ทดนาํ้ และประตูระบายนํ้ามสี ภาพเปน อยา งไรบาง ภาพที่ 36 การตรวจสภาพเขอ่ื นระบายนาํ้ /ทดนาํ้ และประตรู ะบายนํา้ ดวยสายตา สภาพ (Condition) นอกจากองคป ระกอบของเข่ือนระบายนํา้ /ทดนํ้า และประตูระบายน้ํา ท่ีเราจะตองทราบเพ่ือทําการตรวจสภาพไดอยางถูกตองแลว เราตองรูวา องคประกอบที่เราจะทําการตรวจนั้น ตองตรวจสอบอะไร โดยปกติแลวการ ตรวจสภาพดวยสายตาเราจะตรวจสอบสภาพ (Condition) ในการกําหนด สภาพเขื่อนระบายนํา้ /ทดนา้ํ และประตรู ะบายนํ้าท่ีจะตอ งตรวจนั้น ขน้ึ อยูก ับวา เรากําลังจะตรวจองคประกอบของเข่ือนระบายน้ํา/ทดน้ํา และประตูระบายน้ํา อะไร สภาพท่ีใชในการตรวจสภาพเขื่อนระบายนํ้า/ทดนํ้า และประตูระบายน้ํา นั้น ประกอบดวย 10 สภาพ เชน การตรวจสภาพเขื่อนระบายนํ้า/ทดน้ํา และ ประตูระบายนํ้าท่ีใชสําหรับตรวจวัสดุสวนท่ีเปนดิน คอนกรีต และเหล็ก องคประกอบแตละองคป ระกอบจะมสี ภาพที่ตองทาํ การตรวจแตกตางกันออกไป เชน สวนควบคมุ นํา้ (พน้ื ) มีสภาพที่ตองทําการตรวจ 6 สภาพ จากทั้งหมด 10 สภาพ เปนตน ๓๗

ในสวนของเกณฑการใหคะแนนเปนสวนที่สําคัญในการกําหนดระดับ คะแนนของสภาพวาตรงตามสภาพท่ีเกิดข้ึนจริง สามารถทํางานไดตามปกติ หรือไม ในกรณีที่สภาพความเสี่ยงอยูในระดับท่ีตองดําเนินการแกไข ให ดําเนินการซอมแซม หรือปรับปรุงเพ่ือใหสภาพดีข้ึน พรอมใชงานและสามารถ ทํางานไดตามวัตถุประสงค ระดับคะแนนไดกําหนดใหคะแนนต้ังแต 1 ถึง 4 โดยคะแนนระดับ 1 ถือวาอาคารชลประทานอยูในสภาพปกติ จนถึงคะแนน ระดับ 4 ถอื วาสภาพแยที่สุด เกณฑการใหคะแนนสภาพความเสี่ยงแบงอออกเปน 4 ระดับ ดังตอ ไปนี้ ระดับที่ 1 หมายถึง สภาพองคป ระกอบ มีความสมบูรณหรือทําหนา ท่ี เปนปกติ หรอื ไมป รากฏสภาพความเส่ยี ง ระดับที่ 2 หมายถึง สภาพองคป ระกอบ มคี วามเสยี หาย เล็กนอย (มี แนวโนม ไปในทางปกต)ิ ระดับที่ 3 หมายถึง สภาพองคประกอบ มีความเสยี หาย ควรวเิ คราะห และตดิ ตามพฤตกิ รรมเปน พิเศษเพอ่ื ประเมนิ ความปลอดภัย อาจสามารถรอการ ซอ มแซมได (มแี นวโนม ไปในทางไมป กต)ิ ระดบั ที่ 4 หมายถึง สภาพองคประกอบ มีความเสียหายมาก มีผลตอ การพบิ ตั ิอยา งเห็นไดชัด จาํ เปนทต่ี อ งการซอ มแซม/ปรบั ปรงุ โดยทันที รายละเอียดสภาพทต่ี อ งทําการตรวจ มดี งั นี้ การกดั เซาะ การทรดุ ตัว การแตกราว สิ่งกดี ขวางทางน้าํ รโู พรง การรว่ั การเคลื่อนตวั การระบายน้าํ ตน ไม/ วชั พชื สภาพการใชง าน คาํ นยิ ามสภาพ (Condition Definition) 1. การกัดเซาะ ความหมาย : กระบวนการหน่ึงหรือหลายกระบวนการท่ีทําให ผิวหนาดิน หิน หลุด หรือกรอนไปโดยทางธรรมชาติ ซึ่งไดแก น้ํา ลม สภาพ ๓๘

ภูมิอากาศ การครูดถู โดยรวมถึง การกัดกรอนในคอนกรีตเสริมเหล็ก และการ เกิดสนมิ ในเหลก็ สาเหตุ : เกิดจากหลายสาเหตุ เชน วัสดุหรืออาคารผานการใชง าน เปน เวลานาน วัสดุตํ่ากวามาตรฐาน ฯลฯ โดยเฉพาะเม่ือวัสดุมีการสัมผัสกับน้ํา บอ ยๆ หรือมกี ระแสนา้ํ มากระทํา เชน สวนทางนา้ํ เขาดา นเหนือนํ้า สวนทางนํ้า ออก อาคารประกอบตา งๆ รวมทงั้ ดินถมขางกําแพง ผล : ทาํ ใหเกดิ นาํ้ ไหลกัดเซาะและพัดพาดินบริเวณฐานยันของอาคาร เหนือ/ทา ย ดินถมขา งกําแพงออกไป จนทําใหอ งคป ระกอบอาคารเสียหาย วสั ดทุ พี่ จิ ารณา : ดินถม คอนกรีตและเหล็ก คะแนน สภาพ ตวั อยา ง 1 สภาพปกติ ไมเกิดการกัด เซาะ/กดั กรอ น/ไมเกิดสนิม 2 กัดเซาะเล็กนอย/กัดกรอน บริเวณผิวเล็กนอย/เกิดสนิมที่ ผวิ เหลก็ 3 กัดเซาะระหวาง 25-50% ของพ้ืนท่ี/กัดกรอนเห็นเปนรู หรือเปนรอยยุบ/เกิดสนิมกัด กรอนจนเกอื บเสยี รปู 4 กัดเซาะมากกวา 50% หรือ กัดเซาะจนเปนพน้ื ทีก่ วาง เปน รู/กัดกรอนเห็นเนื้อเหล็ก/เกิด สนมิ กดั กรอนถงึ เนือ้ ใน ๓๙

หมายเหตุ ในชองสภาพวัสดุแบงเปน 3 ประเภท คือ สวนแรก สําหรับดิน สวนท่ีสองสําหรับอาคารท่ีเปนคอนกรีต และสวนที่สามสําหรับ อาคารท่เี ปน เหล็ก เปนอปุ กรณเ ครือ่ งกล เครือ่ งกวา นบานระบาย ตามลาํ ดบั ภาพที่ 37 กัดเซาะคอนกรีตดจนเหน็ เน้อื เหลก็ ภาพที่ 38 กัดเซาะสว นสลายพลังงาน ภาพท่ี 39 กดั เซาะบริเวณตอมอ ๔๐

2. การทรุดตวั ความหมาย : การเคล่ือนตัวที่แตกตางกันในแนวด่ิง มีผลทําให พน้ื ผวิ เกิดระดบั ต่ําลง สาเหตุ : เกดิ ขึ้นไดจากหลายสาเหตุ เชน การที่นํ้าระหวางอนุภาค เม็ดดินคอยๆ ไหลซึมออกไป (Consolidated Drain) หรือเกิดการกัดเซาะ ภายในและพดั พาเม็ดดนิ ออกไป ผล : ทําใหเกิดชองวางระหวางเม็ดดิน หรือฐานรากเกิดการทรุด ตวั ฯลฯ ทาํ ใหด ินหรืออาคารท่อี ยูเ หนือข้ึนไปเกิดการทรดุ ตวั วสั ดทุ ่ีพจิ ารณา : ดนิ ถม และคอนกรตี คะแนน สภาพ ตัวอยา ง 1 สภาพปกติ ไมเ กดิ การทรุดตวั 2 ทรุดตัวลึกประมาณขอเทา/ > แตไมถึงเขา, ทรุดตัวนอยกวา 2 ซม. 3 ทรุดตัวลึกประมาณเขา/ >แต ไมถึงเอว, ทรุดตัวอยูระหวาง 2-5 ซม. 4 ทรุดตัวประมาณเอว/ >เอว, ทรุดตวั มากกวา 5 ซม. ๔๑

หมายเหตุ ในชองสภาพวัสดุแบงเปน 2 ประเภท คือ สวนแรก สาํ หรับดนิ และสว นทส่ี องสาํ หรบั อาคารทีเ่ ปน คอนกรีต ตามลาํ ดบั 3. การแตกรา ว ความหมาย : การเกิดรอย หรือรองท่ีมีความลึก ความกวาง และ ความยาวทีผ่ วิ ขององคอ าคาร สาเหตุ : เกิดจากหลายสาเหตุ เชน เน่ืองจากอุณหภูมิท่ี เปล่ียนแปลง การสูญเสียความช้ืน การทรุดตัว แผนดินไหว ฯลฯ รอยแตกราว เกิดขึ้นไดท้งั ตามขวาง และตามยาว ผล : ทําใหเ กิดการกัดเซาะภายใน และสูญเสียกาํ ลงั ของอาคาร วสั ดทุ พ่ี ิจารณา : คอนกรตี คะแนน สภาพ ตัวอยา ง 1 สภาพปกติ ไมเกดิ การแตกรา ว 2 เกดิ รอยราว 3 เกิดรอยราวมีความกวางและ ความลึกบางจุด 4 เกิดรอยราวมีความกวางและ ความลึกเปน ทางยาว ๔๒

4. สิ่งกีดขวางทางนา้ํ ความหมาย : การที่มีขยะ วัชพืช กิ่งไม ตนไม กอนหิน ฯลฯ ปด กนั้ ทางเดนิ นํ้า สาเหตุ : เกดิ จากมนษุ ย ธรรมชาติ และขาดการบํารุงรักษา ผล : ทําใหก ารระบายน้ําไมสะดวกหรือกรณีท่มี บี านประตูอยูดวย อาจทาํ ใหบานประตูตดิ ขดั ไมส ามารถเปด-ปดได อาคารทพี่ ิจารณา : แมนา้ํ คลอง บานประตู คะแนน สภาพ ตัวอยา ง 1 ส ภ า พ ป ก ติ ไ ม มี ส่ิ ง กี ด ขวางทางนํา้ 2 กี ด ข ว า ง เ ล็ ก น อ ย น้ํ า ยั ง สามารถไหลได 3 น้ําสามารถไหลไดเ ลก็ นอย 4 น้ําไมสามารถไหลผานได - 5. โพรง ความหมาย : การเกิดเปน หลมุ ลึกลงไปจากผิวของวัสดมุ าก โดยที่ กน หลุมมขี นาดความกวา งมากกวา ปากหลุม สาเหตุ : เกิดจากหลายสาเหตุ เชน สัตวที่ทํารัง ดินที่มีการ กระจายตัว (Dispersive Soil) หรือการยอยสลายของรากตนไม ฯลฯ บริเวณ เข่อื น ดนิ ถมขา งกาํ แพง ๔๓

ผล : ทาํ ใหเกิดรูโพรง หากรโู พรงน้ันลกึ ไปทางดา นเหนือน้ําอาจทํา ใหเ กดิ Piping ขึน้ ได วสั ดทุ ่ีพิจารณา : ดนิ คอนกรีต คะแนน สภาพ ตัวอยาง 1 สภาพปกติ ไมมีรูโพรง 2 มีรูโพรงลกึ นอ ยกวาขอ เทา 3 มรี โู พรงลกึ นอ ยกวาเขา 4 มีรูโพรงลกึ มากกวาเขา 6. การรั่ว ความหมาย : การไหลของน้ําผานชอง รู หรือรอยแตกท่ีไมได กําหนดไวเ พ่ือการระบายน้าํ สาเหตุ : อาจเกิดจากการแตก ฉีกขาด เส่ือมสภาพ ขององค อาคาร หรอื การหลดุ ของวัสดอุ ดุ รอยตอ หรอื เกิดจากการพัดพาเม็ดดินออกจาก ตัวเขื่อนหรอื ฐานราก ผล : ทาํ ใหอ งคประกอบอาคารเสียหาย ๔๔

วัสดุทีพ่ ิจารณา : คอนกรีต เหล็ก คะแนน สภาพ ตัวอยาง 1 สภาพปกติ ไมมีการร่ัว 2 เกิดการรวั่ และมนี ้ําไหลซึม 3 เกิดการรัว่ และมีนาํ้ ไหล 4 เกิดการรั่วและมีนํ้าไหลพุง ออกมา 7. การเคลอื่ นตัว ความหมาย : การที่องคประกอบอาคารคอนกรีตขยับหรือเลื่อน ออกจากตาํ แหนง เดมิ สาเหตุ : เกิดจากแรงดันดนิ นํ้า แรงกระทําจากมนุษย การถลม ของไหลเขา และแผนดินไหว เกินกวาท่ีกําหนดไว การเคล่ือนตัวสามารถ ตรวจสอบไดโดยเปรยี บเทยี บกบั บริเวณขางเคียง ผล : ทาํ ใหเ กิดการเคลอ่ื นตัวของอาคารไปจากตาํ แหนง เดมิ อาคารทพี่ ิจารณา : กาํ แพง/พ้ืนคอนกรีต ๔๕

คะแนน สภาพ ตวั อยา ง 1 สภาพปกติ ไมมกี ารเคลือ่ นตัว 2 มีการเคลอื่ นตัวเลก็ นอ ย 3 มีการเคล่ือนตัวเห็นอยาง ชัดเจน 4 มีการเคล่ือนตัวจนอาคาร เสียหาย 8. การระบายนํ้า ความหมาย : สภาพองคอาคารของระบบระบายน้ํา เชน ราง ระบายนํ้า ทอลดแรงดันนํ้า (Weep Hole) ฯลฯ ที่มีความสามารถทําใหน้ําจาก ผิวดิน หรอื ใตด นิ ไหลออกไปจากพ้ืนที่โดยสะดวก เปน ไปตามวตั ถุประสงค สาเหตุ : การระบายนํ้าทีบ่ กพรอ งเกิดจากการอุดตัน การขวางทาง น้ํา การรั่ว การแตก การทรุดตัว ระบบการระบายน้ํา ถูกออกแบบไวเพ่ือให สามารถระบายนํ้าสวนเกินออกจากตัวอาคาร หรือกําแพง และพ้ืนของอาคาร ตา งๆ ซง่ึ เปนการลดแรงดัน ระบบการระบายนํา้ จะตองสามารถระบายนํ้าไดดไี ม มกี ารอุดตนั ผล : เกิดการอดุ ตนั ของทอระบายนํ้า ๔๖

ขอ สังเกต : การที่นํา้ ไมไหลออกจากรรู ะบายน้าํ ไมไดห มายความมี ความสามารถในการระบายน้ําไดดี อาจจะมสี ิง่ อุดตันภายในทอ ทาํ ใหน้ําระบาย ออกไมไ ด ซง่ึ จะตอ งพิจารณาเปนกรณไี ป อุปกรณท ่ีพจิ ารณา : ทอ ลดแรงดนั นํา้ (Weep Hole) คะแนน สภาพ ตัวอยาง 1 สภาพปกติ สามารถระบายนาํ้ ได สะดวก 2 น้ําไหลมีตะกอน แตไมเกิดการ - อุดตัน 3 ระบายไดไ มสะดวก มกี ารอุดตนั 4 ทอระบายนํ้า/รางระบายอุดตัน ไ ม ส า ม า ร ถ ร ะ บ า ย น้ํ า ไ ด โ ด ย สน้ิ เชงิ 9. ตน ไม/ วัชพชื ความหมาย : ตนไม - พืชยืนตนที่มีอายุยืนยาว ท่ีมีลําตนแข็งแรง แตกกิ่งกานสาขา มีรากหย่ังลึกและแผกวาง เชน กระถิน ตนสัก งิ้ว ตนโพธ์ิ มะขาม กามปู พุทรา รวมถงึ มะละกอ ไมยราบยักษ หญา แฝก เพราะมีรากหย่ัง ลกึ ซ่ึงอาจจะเปนอันตรายตอตัวอาคาร วัชพืช - ไมพุม ไมลมลุก ที่มีลําตนออน เชน ไมพ มุ เชน ดอกรัก สาบเสอื หญา คา ตน กก ธปู ฤาษี สาเหตุ : เกิดจากธรรมชาติ หรอื เกิดจากมนุษย ๔๗

ผล : ทําใหกีดขวาง ไมสามารถเขาไปตรวจสภาพของอาคารได อยางละเอียด ตนไมท่ีเกิดขึ้น หากรากของตนไมแหงตายจะเปนสาเหตุทําให เกดิ ทางเดนิ ของน้าํ ผา นตัวอาคาร ทาํ ใหเกดิ การกดั เซาะภายในได คะแนน สภาพ ตัวอยาง 1 สภาพปกติ ไมม ตี น ไม/วัชพืชขึ้น 2 ตนไม/วัชพืชขึ้นเล็กนอย/นอย กวา 25% ของพน้ื ท่ี 3 ตนไม/วัชพืชข้ึนปกคลุม 25- 75% ของพื้นท่ี 4 ตนไม/วัชพืชปกคลุมเต็มพื้นที่/ มากกวา 75% ของพ้นื ท่ี 10. สภาพการใชง าน ความหมาย : ความพรอมการใชงานของระบบไฟฟา เครื่องกล และบานระบายสามารถทาํ งานไดตามปกติ สาเหตุ: สภาพการใชงานท่ีไมพรอมเกิดจากความบกพรองของ อุปกรณต า งๆ ขาดการบํารุงรักษา และเกดิ จากการไมใชงานเปน เวลานาน ผล : ทําใหระบบไฟฟา เครื่องกล และบานระบายตางๆ ไม สามารถทาํ งานได ๔๘

อปุ กรณท ่ีพิจารณา : อุปกรณเคร่อื งกล (เหล็ก/ลวดสลงิ ) คะแนน สภาพ ตวั อยา ง 1 สภาพปกติ 2 สภาพใชง านไดบ างสวน 3 สภาพเร่ิมใชงานไมได 4 ใชงานไมไ ดเ ลย แบบบนั ทึกการตรวจสภาพเขือ่ นระบายนํา้ /ทดนํา้ และประตรู ะบายน้ํา ในการตรวจสภาพเขื่อนระบายนํ้า/ทดน้ํา และประตูระบายนํ้า จําเปนตองมีแบบบันทึกการตรวจสภาพเข่ือนระบายน้ํา/ทดนํ้า และประตู ระบายนํ้า เพื่อใชเปนมาตรฐานเดียวกัน และงายตอการตรวจสภาพ ซึ่งใน ปจจบุ ันยังไมม แี บบบนั ทกึ ที่เปนมาตรฐาน ฝายบํารุงรักษาหัวงาน สวนปรับปรุง บํารุงรักษา สาํ นกั บรหิ ารจดั การน้ําและอทุ กวิทยาไดจัดทําข้ึนโดยพิจารณาจาก ประเภท ลักษณะ วัสดุของเข่ือนระบายนํ้า/ทดน้ํา และประตูระบายน้ําท่ีกรม ชลประทานไดกอสรา งขึน้ ๔๙

สวนประกอบของแบบบนั ทกึ การตรวจสภาพเขอ่ื นระบายนํ้า/ทดนา้ํ และประตรู ะบายน้ํา ประกอบไปดว ย 5 สวนหลกั ๆ คือ 1) ขอ มลู ท่วั ไปของเขื่อนระบายนา้ํ /ทดนาํ้ และประตูระบายน้ํา ประกอบดวย ขอมูลทั่วไปของท่ีตั้งเขื่อนระบายนํ้า/ทดนํ้า และ ประตรู ะบายนํา้ และขอมูลดานวิศวกรรม ถือวาเปนขอมูลท่มี ีความจําเปนอยาง ยิ่งที่จะตองกรอกในรายละเอียด เพ่ือใชเปนพื้นฐานในการพิจารณา เชน ปท่ี กอ สรางแลวเสรจ็ จะแสดงอายุของอาคาร มผี ลตอสภาพของคอนกรตี รวมไปถงึ ใชเปนขอมูลในการจัดทําฐานขอมูลอาคารชลประทานของกรมชลประทาน ดัง ภาพท่ี 40 เสนปะแสดงขอมูลท่ัวไปของเขื่อนระบายน้ํา/ทดน้ํา และประตู ระบายนํา้ 2) ตารางตรวจสภาพเขื่อนระบายนา้ํ /ทดนํ้า และประตรู ะบายน้าํ ประกอบดวย องคประกอบของเขื่อนระบายนํ้า/ทดนํ้า และ ประตรู ะบายนํา้ สภาพท่ีจะตอ งทาํ การตรวจสอบ และหมายเหตุ 2.1) องคป ระกอบเขือ่ นระบายน้าํ /ทดน้ํา และประตูระบายน้ํา การแบงองคประกอบของเขื่อนระบายนํ้า/ทดนํ้า และ ประตูระบายนํ้า มีวัตถุประสงคเพ่ือใหการตรวจสภาพเขื่อนระบายน้ํา/ทดนํ้า และประตูระบายน้ําแตละแหงอยูในมาตรฐานและรูปแบบเดียวกัน โดยแบง ออกเปน 5 สว นใหญๆ ดงั ทไี่ ดอธิบายมาแลวในบทท่ี 2 2.2) สภาพ สภาพท่ีจะทําการตรวจ จะขึ้นอยูกับองคประกอบท่ี พิจารณาทําการตรวจ ซึง่ องคประกอบเขื่อนระบายน้ํา/ทดนาํ้ และประตูระบาย นาํ้ ไมจ ําเปนตองตรวจในทุกสภาพ จากตารางการตรวจสภาพเขื่อนระบายน้าํ / ทดน้ํา และประตูระบายนํ้า จะเห็นแถบท่ีระบายสีเปนสีดํา หมายถึง องคประกอบนน้ั ไมตองพิจารณาตรวจสภาพนัน้ ๆ 2.3) หมายเหตุ ในชองตารางหมายเหตุ ประกอบดวยกลอง ขอความใหพิจารณา 2 สวนเพ่ิมเติมคือ  ไมมีองคประกอบสวนนี้ เขื่อน ระบายนาํ้ /ทดนาํ้ และประตูระบายนํ้าบางแหง อาจจะไมม อี งคประกอบครบทุก ๕๐


Like this book? You can publish your book online for free in a few minutes!
Create your own flipbook