Important Announcement
PubHTML5 Scheduled Server Maintenance on (GMT) Sunday, June 26th, 2:00 am - 8:00 am.
PubHTML5 site will be inoperative during the times indicated!

Home Explore บริการถ่ายรูปด่วนในห้องสตูดิโอแบบบ้านๆ

บริการถ่ายรูปด่วนในห้องสตูดิโอแบบบ้านๆ

Published by jobchu, 2021-01-22 03:13:53

Description: บริการถ่ายรูปด่วนในห้องสตูดิโอแบบบ้านๆ

Search

Read the Text Version

โครงงานอาชีพ เร่อื ง บริการถา่ ยรูปด่วนในห้องสตดู ิโอแบบบา้ นๆ จดั ทำโดย นายศรัณย์ จนั ทร์วงค์ นายธนพล สิริธนาวรรณ นางสาวกุลณัฐ กนั ทะขัติ ชน้ั มธั ยมศกึ ษาปีที่ 4 ครูที่ปรกึ ษา นายบรรจบ ชมู ก นางสาวสมพร กอนเชือ้ โรงเรยี นธีรกานท์บ้านโฮง่ อำเภอบา้ นโฮง่ จังหวดั ลำพูน สำนกั งานเขตพ้นื ท่ีการศึกษามธั ยมศึกษา เขต ๓๕ สำนักงานคณะกรรมการการศึกษาขนั้ พื้นฐาน กระทรวงศกึ ษาธกิ าร



โครงงานอาชีพ เร่อื ง บริการถา่ ยรูปด่วนในห้องสตดู ิโอแบบบา้ นๆ จดั ทำโดย นายศรัณย์ จนั ทร์วงค์ นายธนพล สิริธนาวรรณ นางสาวกุลณัฐ กนั ทะขัติ ชน้ั มธั ยมศกึ ษาปีที่ 4 ครูที่ปรกึ ษา นายบรรจบ ชมู ก นางสาวสมพร กอนเชือ้ โรงเรยี นธีรกานท์บ้านโฮง่ อำเภอบา้ นโฮง่ จังหวดั ลำพูน สำนกั งานเขตพ้นื ท่ีการศึกษามธั ยมศึกษา เขต ๓๕ สำนักงานคณะกรรมการการศึกษาขนั้ พื้นฐาน กระทรวงศกึ ษาธกิ าร

ก บทคัดย่อ การนาภาพถ่ายท่ีใช้ประกอบกิจกรรมต่างๆ มีหลากหลายรูปแบบและวิธีการสร้างสรรค์ข้ึนมา จาก ประสบการณท์ ผ่ี ่านมาของสมาชิกในกลุ่มท่ีผ่านมาได้ฝึกฝนประสบการณ์ในการถ่ายภาพมาในระดับหนึ่ง ด้วย กล้องถ่ายภาพของสมาชิกเอง อกี ท้งั ไดร้ ับคาแนะนาจากคณุ ครูท่ีสอนในกจิ กรรมทีเ่ กย่ี วข้องกับการถ่ายภาพ ได้ ศึกษาค้นคว้าจากแหล่งเรียนรตู้ า่ งๆ และลงมือปฏิบัติ พบข้อมูลท่ีน่าสนใจว่าการบริการถ่ายรูปด่วนสาหรับใช้ ในงานหรือกิจกรรมต่างๆเป็นหนทางท่ีสามารถหารายได้ไม่ยากนักและมีผู้ใช้บริการค่อนข้าง กว้างขวาง โครงงานอาชีพ เรื่อง บริการถ่ายรูปด่วนในห้องสตูดิโอแบบบ้านๆ มีจุดมุ่งหมายในการทางาน โดย ให้บริการถ่ายรูปด่วนเพ่ือนาไปใช้ในงานด้านต่างๆ หรือแม้แต่ถ่ายภาพทั่วไปท่ีเน้นภาพบุคคล ท้ังน้ีเพื่อฝึก ทักษะและเพ่ิมพูนประสบการณ์งานในด้านการถ่ายภาพ เพ่ือนาความรู้ในสาระการเรียนรู้ต่างๆ แต่ละวิชามา บูรณาการใช้ในชีวิตจริง เพื่อประหยัดค่าใช้จ่ายให้กับครอบครัวสร้างรายได้ระหว่างเรียน และเป็นการสร้าง ทางเลอื กการศกึ ษาตอ่ และในการประกอบอาชพี

ข กติ ติกรรมประกาศ คณะผู้จัดทาขอขอบพระคุณ คุณครูบรรจบ ชูมก และคุณครูสมพร กอนเชื้อ ที่ให้ความรู้ และ ถา่ ยทอดวธิ ีการถา่ ยภาพ เทคนิคประสบการณ์โดยมไิ ดป้ ดิ บังให้กับศิษย์ รวมท้ังการจัดทาบัญชีรายรับ-รายจ่าย อย่างละเอียดด้วยความเมตตาและต้ังใจจริง ขอขอบคุณที่กรุณาให้คาแนะนาในการจัดทาโครงงาน อานวย ความสะดวก จัดหาอปุ กรณ์ อทุ ิศเวลา และเปน็ ทปี่ รกึ ษาโครงงาน โดยเฉพาะการนาเสนอที่ถกู ต้อง สุดท้ายน้ีขอขอบคุณ ผู้ที่เกี่ยวข้องทุกคนที่ให้ความร่วมมือ ร่วมแรง ร่วมใจ ให้ข้อเสนอแนะ ทา ให้ผลงานออกมาใหเ้ ป็นอยา่ งดี คณะผ้จู ดั ทา นายศรณั ย์ จนั ทรว์ งค์ นายธนพล สริ ธิ นาวรรณ นางสาวกลุ ณฐั กนั ทะขตั ิ

ค คานา รายงานฉบับน้ีจัดทาขน้ึ เพื่อนาเสนอโครงงานงานอาชีพในระดบั ชัน้ มธั ยมศึกษาตอนต้นในหัวขอ้ เรื่อง บริการถ่ายรูปดว่ นในห้องสตดู ิโอแบบบ้านๆ คณะผจู้ ัดทาโครงงานได้ศกึ ษาข้อมูลที่เก่ียวข้องจากอินเทอร์เน็ต เอกสารในห้องสมุด สอบถามจากครู ท่ีปรึกษา และลงมือปฏิบัติการให้บริการถ่ายภาพ ศึกษาวิธีการถ่ายภาพ การใช้โปรแกรม ตลอดจนการนา วัสดุที่สามารถนามาประยุกต์ใช้งาน มีการรวบรวมข้อมูลและเก็บบันทึกข้อมูลเพื่อนาไปใช้และปรับปรุงการ ทางานในคร้งั ต่อไป ด้วยความต้ังใจ ความสามัคคีภายในกลุ่ม ในการนาเสนอโครงงานอาชีพน้ี อย่างน้อยเพ่ือ เป็นประโยชน์ต่อผู้ที่มีความสนใจในการศึกษาด้านน้ี เป็นงานอดิเรกเป็นการหารายได้ระหว่างเรียน เป็นแรง บันดาลใจในการศกึ ษาตอ่ ในระดับท่สี งู ตลอดจนแนวทางการหาอาชพี ในภายหน้าได้ไมม่ ากกน็ ้อย คณะผู้จดั ทา

ง หนา้ ก สารบัญ ข ค บทคดั ยอ่ ง กิตติกรรมประกาศ คานา 1 สารบัญ 1 บทท่ี 1 บทนา 1 2 ทมี่ าและความสาคัญของโครงงาน วัตถปุ ระสงค์ของการศึกษา 3 สมมตฐิ านการศึกษา ประโยชน์ที่คาดว่าจะไดร้ บั 44 บทท่ี 2 เอกสารที่เกย่ี วขอ้ ง 45 เอกสารอา้ งอิง 45 บทที่ 3 วิธกี ารดาเนินโครงงาน ตารางปฏิบัติกจิ กรรม 47 เครื่องมือและวัสดุอปุ กรณ์ท่ีใชใ้ นการทาโครงงานอาชีพ วิธีการศกึ ษา/แบบประเมนิ ผลการทางาน 51 บทท่ี 4 ผลการศึกษา 51 ผลการศกึ ษา 51 บทท่ี 5 สรุปผลการศกึ ษา 51 สรปุ ผลการศึกษา 52 ประโยชนท์ ่ไี ด้รบั จากโครงงาน ปัญหาและอุปสรรค 53 ข้อเสนอแนะ 57 บรรณานกุ รม 58 ภาคผนวก 59 ภาคผนวก ก โครงการ โครงงานอาชพี 63 เรอื่ ง บรกิ ารถา่ ยรปู ด่วนในห้องสตูดิโอแบบบ้านๆ ภาคผนวก ข ใบปลิว ภาคผนวก ค บญั ชีวสั ดุ-อุปกรณ์ ภาคผนวก ง รปู ถ่ายการปฏบิ ัตงิ านแตล่ ะขัน้ ตอน ภาคผนวก จ บญั ชเี งนิ สด

จ 67 69 ภาคผนวก ฉ แบบสรุปประเมินผลการทางาน ภาคผนวก ช สรปุ ผลการปฏบิ ตั ิงานโครงการ

1 บทท่ี 1 บทนา ทมี่ าและความสาคญั ของโครงงาน เนื่องด้วยในปัจจุบันวิวัฒนาการด้านการถ่ายภาพมีการพัฒนาขึ้นมามาก จากอดีตการถ่ายภาพเป็น เรอื่ งทลี่ าบากและลงทนุ สูงมากกล้องถ่ายภาพต้องใช้ฟิล์ม ท้ังฟิล์มสี-ฟิล์มขาวดา ระบบการอัดรูปภาพต้องใช้ผู้ ท่ีมีความชานาญเฉพาะด้าน เพราะมีข้ันตอนท่ียุ่งยากสลับซับซ้อน ต้องจ้างร้านที่เปิดให้บริการเท่านั้น ซึ่งใน ปัจจุบันสิ่งต่างๆได้ลดปัญหาลงไปบ้างจากผลของการพัฒนาของเทคโนโลยีการถ่ายภาพกล้องถ่ายภาพไม่ จาเป็นต้องใช้ฟิล์ม การอัดรูปภาพไม่ยุ่งยากและมีคุณภาพค่อนข้างดี ซ่ึงสามารถทาได้ด้วยเครื่องมือท่ีใช้ทั่วไป ซงึ่ ทาให้ลดข้นั ตอนการทางานลงมาก ท่ีผ่านมาจากประสบการณ์ของสมาชิกในกลุ่มได้ฝึกฝนประสบการณ์ในการถ่ายภาพมาได้ระดับหน่ึง ด้วยกล้องถ่ายภาพของสมาชิกเอง อีกทั้งได้รับคาแนะนาจากคุณครูท่ีสอนในกิจกรรมที่เก่ียวข้องกับการ ถ่ายภาพ ได้ศึกษาค้นคว้าจากแหล่งเรียนรู้ต่างๆ และลงมือปฏิบัติ พบข้อมูลที่น่าสนใจว่าการบริการถ่ายรูป ด่วนสาหรับใช้ในงานหรือกิจกรรมต่างๆเป็นหนทางท่ีสามารถหารายได้ไม่ยากนักและมีผู้ใช้บริการค่อนข้าง กว้างขวาง แตย่ ังต้องลงทนุ ในดา้ นของอุปกรณ์บางอยา่ งท่มี ีราคาแพง เช่น ระบบการจัดแสงในการถ่ายภาพใน หอ้ งสตดู โิ อตอ้ งอาศัยอุปกรณ์มาก ราคาแพง จึงหาวิธีการให้ได้มาซ่ึงคุณภาพของภาพท่ีดี ด้วยการใช้อุปกรณ์ที่ สามารถจัดทาขึ้นเองในราคาที่ถูก โดยอาศัยหลักการของการถ่ายภาพท่ีได้ศึกษามา จึงได้รวมกลุ่มจัดทา “โครงงานอาชพี เรอื่ ง บรกิ ารถ่ายรปู ด่วนในหอ้ งสตูดิโอแบบบ้านๆ” ข้นึ มา วตั ถปุ ระสงค์ของการการศึกษา 1. เพื่อฝึกทกั ษะและเพิ่มพูนประสบการณ์งานในดา้ นการถ่ายภาพ 2. เพื่อนาความร้ใู นสาระการเรียนรู้ต่างๆ แตล่ ะวิชามาบูรณาการใชใ้ นชวี ติ จริง 3. เพ่ือประหยัดค่าใช้จา่ ยให้กับครอบครวั สร้างรายไดร้ ะหว่างเรยี น และเป็นการสรา้ งทางเลือก การศกึ ษาต่อและในการประกอบอาชีพ สมมติฐานการศึกษา สามารถฝกึ ทักษะและเพิ่มพูนประสบการณ์งานในด้านการถ่ายภาพ โดยนาความรู้ในสาระการเรียนรู้ ต่างๆ แต่ละวิชามาบูรณาการใช้ในชีวิตจริง ทาให้ประหยัดค่าใช้จ่ายให้กับครอบครัวสร้างรายได้ระหว่างเรียน และเป็นการสร้างทางเลอื ก การศกึ ษาต่อและในการประกอบอาชีพในอนาคตได้จรงิ

2 ประโยชนท์ คี่ าดวา่ จะได้รบั 1. มีฝกึ ทักษะและเพ่ิมพูนประสบการณ์งานในด้านการถา่ ยภาพ 2. นาความรู้ในสาระการเรยี นรู้ตา่ งๆ แต่ละวชิ ามาบรู ณาการใชใ้ นชีวิตจรงิ ได้ 3. ประหยดั ค่าใช้จ่ายให้กับครอบครวั สรา้ งรายได้ระหวา่ งเรียน และเปน็ การสรา้ งทางเลอื ก การศกึ ษาต่อและในการประกอบอาชีพในอนาคตได้

3 บทที่ 2 การศึกษาเอกสารอ้างอิง สาระสาคญั กลอ้ งและเลนส์ 1. กล้องถา่ ยรปู กล้องถา่ ยรปู ท่ีเหมาะสาหรับถา่ ยภาพมหี ลายประเภท แตท่ ่ีนยิ มใชใ้ นสตดู โิ อกันโดยทัว่ ไปสาหรับมี3ประเภทคอื 1.1.กลอ้ ง 35 มม. SLR หรือ D-SLRใช้ กระจกสะทอ้ น สาหรบั การแสดงภาพท่ีกาลังจะถ่าย ผา่ นช่องมองภาพ ภาพตดั ขวางดา้ นซ้ายมือ นน่ั แสดงให้เหน็ ถึงเสน้ ทางของแสงทีเ่ ดินทางผ่านเลนส์และสะท้อน ผ่านกระจก สะท้อนภาพ และ ฉายบนแผ่นปรับโฟกัสจากนั้นทาการลดขนาดภาพผ่าน เลนส์ลดขนาดภาพ และสะท้อนใน ปริซึมห้าเหล่ียม ทาให้ภาพปรากฏที่ช่องมองภาพ เม่ือกดปุ่มชัตเตอร์ จะทาให้กระจกสะท้อน จะกระเด้งตามลูกศรขึน้ ไป และช่องระนาบโฟกสั เปิดออก และภาพฉายลงบน เซ็นเซอร์รับภาพเช่นเดียวกับท่ี ปรากฏบนระนาบโฟกสั 1.2.กล้องmedium format กค็ อื กล้องที่ขนาดเซ็นเซอร์ (ฟิล์ม)ใหญ่กว่ากล้อง D-SLR เป็น small format มคี วามละเอียดโดยประมาณอยู่ที่ 39ล้าพิกเซล เหมาะกับงานท่ีต้องการพิมพ์บนสื่อขนาดใหญ่ กว่าหนังสือแมกกาซนี หรือโปสเตอร์ ทั่วไป 1.3.กล้อง view camera หรือกล้อง studio camera นิยมใช้มากในการถ่ายภาพแฟชั่น ภาพโฆษณา หรอื ภาคบุคคลทนี่ าไปใชใ้ นการพิมพ์ปก พิมพ์ภาพโปสเตอร์ขนาดใหญ่ เนื่องจากเป็นงานประณีต ตอ้ งการความคมชดั เจนสงู เกรนละเอียดและสีสันดีเยี่ยม สามารถนาไปขยายเป็นภาพขนาดใหญ่ๆ ได้โดยไม่มี noiseรบกวน กลอ้ ง 35 mm SLR

4 Medium Format Camera กลอ้ ง View Camera หรือ Studio Camera 2. เลนสถ์ า่ ยภาพ 2.1 เลนสไ์ วด์ เปน็ เลนส์ที่ทางยาวโฟกสั ต้ังแต่35มม.ลงมาภาพท่ไี ด้จะมีมุมองทกี่ วา้ งกว่า ปกตินอกจากน้ีมุมมองจะมีความบิดเบ้ียวท่ีเกิดขึ้นตามทางยาวโฟกัส ในงานสตูดิโออาจใช้กับวัตถุขนาดใหญ่ หรอื ภาพทีต่ ้องการผลลัพธ์พิเศษทางด้านมมุ มอง 2.2 เลนส์นอร์มอล มที างยาวโฟกัส ที่ 50 มม. สาหรับกล้อง ใชใ้ นงานถ่ายภาพบุคคลหรือ วัตถทุ ่ีต้องการความถกู ตอ้ งของมมุ มองไม่มีความบิดเบี้ยว(Distortion)

5 2.3 เลนส์เทเลโฟโต้ ท่มี คี วามยาวโฟกสั ระหวา่ ง 75 ถงึ 135 มม. เนอื่ งจากเลนส์ชนิดนม้ี คี ุณสมบตั ิ ทดี่ ีหลายอย่างคือ 1. ภาพท่ีได้จะมีสัดสว่ นของภาพทด่ี ีมากโดยเฉพาะอย่างย่งิ เม่อื เข้าไปถา่ ยใกลๆ้ 2. ส่งิ สาคญั จะดูเด่นขน้ึ มาก เพราะจะทาให้ฉากหลงั พร่ามัวลงไป 2.4 เลนส์มาโคร เลนส์จะถูกออกแบบมาโดยเฉพาะและมีกาลังขยายสูง สุดท่ี 1:1 มีเพียงเลนส์บาง ตัวเท่านั้นท่ีมีกาลังขยายมากกว่านี้ ถ้าหากต้องการกาลังขยายท่ีสูงกว่านี้จะต้องใช้งานร่วมกับ อปุ กรณเ์ สริม 1:1 คอื ขนาดภาพบนแผน่ ฟลิ ์มหรือเซนเซอร์ จะมีขนาดเท่ากับวัตถุ เช่น วัตถุยาว 2cm x 2cm ก็จะปรากฏภาพบนขนาด 2×2 cm เท่ากัน วัตถุท่ีเราถ่ายจะถูกขยายออกมาจนเราสามารถมองเห็น รายละเอียดบางอย่างท่ีเรา ไม่เคยมองเห็นมาก่อนได้สาหรับการถ่ายภาพในสตูดิโอมักนิยมใช้ถ่ายภาพวัตถุ สนิ คา้ ขนาดเลก็ หรอื การถ่ายภาพอาหารทตี่ อ้ งการความชดั ลกึ ต่า

6 ประเภทของสตูดโิ อ 1.สตูดโิ อโดยท่ัวไป มกั ใชส้ าหรับการถ่ายภาพบุคคลและถา่ ยภาพนงิ่ อ่ืน ๆ สตูดโิ อประเภทน้มี ักใช้พื้นที่ทีค่ อ่ นข้าง กว้างเพอ่ื ความสะดวกในการควบคุม พ้ืนท่ี อปุ กรณ์ และวัตถทุ นี่ าขา้ มาถา่ ยทา นอกจากนี้อุปกรณ์ในสตูดิโอมัก มีลอ้ เลือ่ นเพ่ือความสะดวกในการทางาน 2.สตูดโิ อแสงธรรมชาติ เปน็ สตูดิโอทมี่ ีช่องทางใหแ้ สงผ่านเข้ามาเพื่อใชป้ ระโยชนจ์ ากแสงอาทติ ย์ นอกจากนใ้ี น สตูดโิ ออาจมีอปุ กรณช์ ว่ ยเรอ่ื งแสงเช่นผา้ ขาวกรองแสง

7 3.สตดู โิ อพเิ ศษ สตดู ิโอประเภทน้ีถกู ออกแบบมาเพ่ือถ่ายภาพวัตถุใดวัตถหุ น่ึงเปน็ พิเศษ เนอ่ื งจากวัตถุ ดังกล่าวอาจมีความต้องการก้านอุปกรณ์และพ้ืนท่ีรวมถึงการ เคลื่อนย้ายท่ีแตกต่างออกไปเป็นพิเศษ เช่น สตดู โิ อท่ใี ช้ถา่ ยทารถยนต์ หรือวัตถุท่มี ีขนาดใหญ่เปน็ พิเศษ ลกั ษณะของสตดู ิโอ ลกั ษณะสตูดิโอถา่ ยภาพทดี่ ีว่าควรท่ีจะมีรูปทรงหรือรูปรา่ งเปน็ สเ่ี หลี่ยม จัตุรสั หรอื ส่ีเหลี่ยมผืนผ้าเพราะจะมีความยืดหยุ่นในการทางาน บริหารพื้นที่และควบคุมอุปกรณ์มากกว่าห้องที่ลักษณะ เป็นมุมซับซ้อน ส่วนขนาดยิ่งมีขนาดใหญ่ นอกจากนี้สตูดิโอที่ดียังควรออกแบบให้สามารถใช้แสงธรรมชาติได้ ในเวลาท่ีตอ้ ง การอกี ด้วย ขนาดพน้ื ทีข่ องสตูดิโอว่าควรทจี่ ะมขี นาดไม่ต่ากว่า 6×6 เมตรนอกจาน้ียังควรท่ีจะมี ความสูงท่ีพอเพียงคือไม่ต่ากว่า 4เมตร และจาเป็นท่ีจะต้องมืดสนิทเพ่ือท่ีช่างภาพสามารถควบคุมแสงที่ใช้ใน การถา่ ยทา ไดอ้ ยา่ งเตม็ ที่ นอกจากนีส้ ตดู ิโอท่ดี ียังควรมคี วามปลอดภัยเรอื่ งของการวางระบบไฟฟา้ ไม่วา่ จะเปน็ สายไฟ หรือปลักไฟต่าง ซ่ึงอาจเกิดอุบัติเหตุข้ึนได้จากทีมงานหรือแบบที่เข้ามาถ่ายทา และที่สาคัญควรต่อสายดินกับ ระบบไฟฟา้ ของสตูดิโอ อกี ประการคือ การมหี ้องพักสาหรบั ทีมงานและบคุ คลทไี่ ม่เกย่ี วข้องในการทางาน สรุปไดว้ า่ สตดู โิ อท่ีดีนั้นควรท่ีจะมีขนาดทก่ี วา้ งพอสมควรรวมถึงความสงู ที่พอเหมาะ เพื่อ

8 ความสะดวกในการทางานรวมถึงการเคล่ือนยา้ ยอปุ กรณ์อย่างพอเหมาะ ลกั ษณะของห้อง ควรมีลักษณะส่ีเหลี่ยมเพื่อยืดหยุ่นในการทางาน ด้านแสงสว่างควรมืดสนิทไม่มีแสงรบกวนเพื่อให้ช่างภาพ สามารถควบคมุ แสงในการ ถ่ายภาพไดเ้ ตม็ ท่ี อปุ กรณท์ ่ใี หแ้ สงสวา่ ง 1.ไฟต่อเน่อื ง เปน็ หลอดไฟถ่ายรปู ท่ีมีจานสะท้อนแสงอยดู่ า้ นหลงั หลอด เพ่ือทาหนา้ ที่ สะท้อนแสงออกไปทางด้านหน้า หลอดไฟที่ให้แสงสว่างแต่เดมิ มีอยู่ 3 ชนิด คอื 1. หลอดไฟทังสเตน (tungsten lamp) 2. หลอดโฟโตฟลดั (photo flood lamp) 3. หลอดฮาโลเจน (halogen lamp) แต่ในปัจจุบันนิยมใช้หลอดไฟฟลูโอเลสเซ้นส์ซ่ึงในปัจจุบันมีการพัฒนาหลอด ไฟฟลูโอเลสเซ้นส์ สาหรับถ่ายภาพโดยเฉาะก็มขี ้อดคี อื ความร้อนท่ีต่ามากสามารถ ใช้งานไดน้ าน สาหรับคุณสมบัติท่ีโดดเด่นของโคมไฟต่อเนื่องคือการท่ีเราสามารถเห็นสภาพ แสงจริงได้ชัดเจนและ การควบคุมระยะชัดลึกไดง้ ่ายกว่าเน่ืองดว้ ยไมจ่ าเป็นต้อง คานงึ ถึงการเชือ่ มต่อของไฟแฟลชกับความเร็ว ชัตเตอร์ 2.แฟลชอเิ ลก็ โทรนิก แฟลชอิเลก็ โทรนิกให้ความสะดวกในการใช้งานถ่ายภาพบุคคลไดด้ ี เน่ืองจากมี ขนาดเล็กกะทัดรัด เวลาใช้ก็ติดขาแฟลชเข้ากับกล้องถ่ายรูป โดยเสียบเข้ากับฐานเสียบแฟลชได้ เลย การใชง้ านในลักษณะนีอ้ าจมปี ัญหาทใ่ี บหนา้ จะดแู บนราบ ขาดแสงสวา่ งส่วนเงาจงึ ดภู าพขาดความลึก จงึ ควรเลือกใช้แฟลชทีส่ ามารถแยกตวั แฟลชออกจากตัวกล้องได้ด้วย ถ้าไม่สะดวกในการถือแฟลชในขณะถ่าย ก็อาจหาขาต้ังแฟลชตั้งไว้แยกต่างหากเตรียมไว้และหากต้องการแสงท่ีมีความนุ่ม นวลขึ้น ก็สามารถใช้ร่ม สะทอ้ นแสงท่ที าด้วยร่มผา้ หรอื รม่ ฉาบผวิ ด้วยสบี รอนซ์เงินก็ได้ นอกจากนั้นอาจใช้แผ่นสะท้อนแสงร่วมกับการ ใช้แฟลช เพ่ือสะท้อนแสงกลับไปลบเงาในส่วนเงามืดหรืออาศัยแสงท่ีสะท้อนจากฝาผนังและ เพดานซึ่งมีสี สว่างๆ ใหเ้ ปน็ แสงลบเงา การใช้แฟลชถา่ ยภาพบุคคลสามารถใช้ไดม้ ากกว่า 1 ตัว เช่น ใช้แฟลช 2 ตัวถ่ายภาพ

9 โดยให้เป็นไฟหลัก 1 ดวง และเป็นไฟเสริม 1 ดวง บางครั้งอาจจัดแสงถ่ายภาพแฟลชด้วยการอาศัยแสง สะท้อนจากฝาผนงั หรือเพดานโดย ตรง กจ็ ะได้ภาพที่มีแสงนุ่มนวลกว่าแสงตรง แต่ผนังหรือเพดานจะต้องไม่มี สี การถา่ ยภาพบุคคลดว้ ยแสงแฟลชใหร้ ะวังแสงแฟลชทต่ี ั้งอยู่ใกล้กบั แกนเลนส์ เมือ่ ถา่ ยภาพ ออกมา ดวงตาของคนที่ถูกถ่ายจะมีลักษณะแดงปรากฏการณ์นี้เกิดข้ึนจากแสงจากแฟลชจะ ผ่านรู้ม่านตาเข้า ไปยงั เรตนิ าทเ่ี ปน็ ฉากรบั ภาพซึ่งเตม็ ไปด้วยเส้นเลือด แล้วสะท้อนกลับออกมาเข้ากล้องจึงถูกบันทึกลงบนฟิล์ม เป็นสีแดงตรงบริเวณรู ม่านตา สามารถแก้ไขได้โดยระวังอย่าตั้งแฟลชให้ชิดเลนส์หรืออย่าให้ตัวแบบมองมาที่ กลอ้ งถ่ายรูป 3.ไฟแฟลชสตูดิโอ ไฟแฟลชสตูดิโอ มีลักษณะการทางานแบบเดียวกับอิเล็กโทรนิคส์แฟลช แต่มี ขนาดใหญ่กว่ากาลังส่องสว่างมากกว่าและราคาก็ยังสูงกว่ามากด้วย แฟลชชนิดนี้สามารถใช้ถ่ายภาพในห้อง สตูดิโอหรือถ่ายร่วมกับแสงแดดได้ จึงเหมาะสาหรับใช้ในห้องสตูดิโอขนาดเล็กถึงขนาดใหญ่ กาลังไฟของ สตดู ิโอแฟลชวัดออกมาเป็นจูลส์ (joules) หรือวัตต์-วินาที (watt-seconds) ท่ีนิยมใช้กันโดยทั่วไป จะมีขนาด ประมาณ 1000 จูลส์ สาหรับแฟลชสตูดิโอขนาดใหญ่ที่เป็นแบบ power pack มีกาลังส่องสว่างสูงถึง 5000 จูลส์ ส่วนท่ีใช้ในสตูดิโอขนาดเล็กมีขนาดประมาณ 200 จูลส์และ 400 จูลส์ สตูดิโอแฟลชแบบ power pack น้ีจะมีหน่วยจ่ายกาลังไฟแยกออกมาจากตัวหลอดแฟลช สามารถควบคุมไฟแฟลชได้หลายดวง เช่น ในชุดท่ีมี กาลังเท่ากับ 1000 จูลส์ สามารถแยกออกเป็นไฟแฟลชขนาดต่างๆ 2-3 ดวง ท่ีมีกาลังเท่ากับ 750 จูลส์ และ 250 จูลส์ หรือ 500ห จูลส์ 1 ดวง และ 250 จูลส์ 2 ดวง เป็นต้น อีกแบบหนึ่งคือสตูดิโอแฟลชแบบมีหน่วย จ่ายกาลังในตัว (Compact unit) สามารถแยกตัวแฟลชใช้เป็นดวงๆ ไป ซึ่งสะดวกสาหรับนาไปใช้ภายนอก สถานท่หี รือภายในสตูดโิ อขนาดเล็ก สามารถปรบั กาลงั ไฟในตวั ได้

10 อปุ กรณบ์ ังคับแสง 1. อปุ กรณ์บังคบั ทิศทางของแสง - Barn Door เป็นแผ่นโลหะหรือพลาสตกิ สีดาใชป้ อ้ งแสงจากหลอดแฟลชเพ่ือไม่ให้ แสงเขา้ ไปรบกวนกล้อง หรือตกในบริเวณที่ไม่ต้องการ - Cone or Snoot มลี ักษณะเป็นกรวยสดี าเรยี วเล็กลงจากโคนไปหาปลาย เพ่อื รีด แสงให้เปน็ ลาไปตกทีว่ ัตถุเฉพาะจุดใช้ในกรณที ต่ี ้องการจดั แสงเพือ่ เน้นขอบของตวั แบบ เช่น ไฟสอ่ งผม เพอ่ื แยกตวั แบบออกจากฉากหลัง Barn door Snoot 2. อปุ กรณส์ ะท้อนแสง - Reflector มีลกั ษณะเป็นจานสะทอ้ นแสงซึง่ ติดต้ังอย่หู ลงั หลอดทาหนา้ ทสี่ ะท้อน แสงให้กลับ ไปด้านหนา้ ของหลอดแฟลชเพยี งทิศทางเดยี ว ใหค้ วามเข้มของแสงสว่างสงู มากเป็นประเภทแสง แรง (specular light) แสงท่ีส่องไปน้ันจะกวา้ งหรือแคบข้ึนอยู่กบั ความกว้างของจานสะทอ้ นแสงน้นั ซง่ึ สามารถถอดเปลยี่ นไดแ้ ละมใี ห้เลือกหลายขนาด Reflector 3. อปุ กรณ์กระจายแสงทาใหแ้ สงนุ่ม - Soft Box or Diffuser มลี กั ษณะเป็นกล่องส่เี หลี่ยมย่นื ยาวออกไปดา้ นหน้าของ แฟลชมีผ้าไนลอ่ นหรอื แผน่ พลาสติกฝา้ กน้ั แสงไว้ดา้ นหน้าเพื่อกระจายแสงออกและกรองแสงให้มีลกั ษณะนุ่ม

11 - Umbrella มลี ักษณะเปน็ รม่ สะทอ้ นแสง มโี ครงร่มเป็นขายดึ ตดิ กบั ตวั แฟลช ให้ หน้าแฟลชหันเข้าหาร่ม ร่มสะท้อนแสงมีผิวให้เลือกหลายแบบ แบบผ้าสีขาวให้แสงอ่อนกว่าแบบฉาบด้วยเงิน สว่ นแบบท่ีผิวด้านนอกเปน็ สดี าก็เพ่ือปอ้ งกนั แสงฟุ้งทอ่ี าจเข้าไปในกลอ้ ง นอกจากร่มแล้วยังอาจใช้แผ่นสะท้อน แสง ซึ่งทาได้โดยตัดไม้เป็นแผ่นตามขนาดที่ต้องการแล้วผนึกด้วยแผ่นอลูมิเนียม ฟรอย แผ่นสะท้อนแสงแบบ มว้ นสามารถถอดประกอบได้ มจี าหนา่ ยในรา้ นอปุ กรณ์ถ่ายรูปราคาไม่แพง Umbrella Soft box เครื่องวดั แสง การถา่ ยภาพในสตูดโิ อถา่ ยภาพโดยใช้แสงแฟลชน้ัน เคร่ืองวดั แสงที่มีอยูใ่ น ตัวกล้อง ท่ัวไปไม่สามารถวัดแสงจากไฟแฟลชได้ต้องใช้เครื่องวัดแสงแฟลช (Flash Meter) ที่ออกแบบมา โดยเฉพาะ เครื่องวัดแสงแฟลชซ่ึงเป็นเครื่องวัดแสงแบบมือถือและวัดแสงแบบตกกระทบ ซ่ึงปัจจุบันถูก ออกแบบมาให้วัดได้ท้ังแสงแฟลชและแสงต่อเนื่องการวัดแสงมี ท้ังการปรับต้ังให้วัดแสงครั้งเดียวหรือวัดจาก หลายจุดแล้วเคร่ืองวัดแสงจะหา ค่าของขนาดรูรับแสงเฉลี่ยให้การใช้งานเครื่องวัดแสงแฟลชจะต้องทราบค่า ความไว แสงของฟิล์มท่ีใช้ความเร็วชัตเตอร์ของกล้องที่สัมพันธ์กับแฟลชเม่ือกดวัดแสง เคร่ืองวัดแสงโดยหัน ส่วนโดมสีขาวขุ่นที่รับแสงเข้าหาแฟลชเคร่ืองจะแสดงค่า ของขนาดรูรับแสงที่จะต้องใช้ในการถ่ายภาพให้ ทราบตามที่วัดได้การใช้งาน เครื่องวัดแสงสามารถเลือกได้ว่าจะ ใช้ร่วมกับสายซิงค์แฟลช (Synchronized Cord) หรอื ไมใ่ ช้นอกจากนี้ยังมีระบบบันทึกความจา ของ การวัดแสงแต่ละจุดแล้วหาค่า เฉล่ียของแสงการใช้ งานเครื่องวัดแสง จะต้องคานึงถงึ -ปรับตัง้ ค่าความไวแสงตามท่เี ลอื กใช้งาน -ปรบั ต้งั ความเร็วชัตเตอร์ท่ีต้องการถ้าเป็นการวัดแสงแฟลชจะต้องไมส่ งู กว่าความเรว็ ที่ สมั พนั ธ์กบั แฟลช -ปรับต้งั ขนาดรูรบั แสงตามทวี่ ดั แสงไดส้ ว่ นหวั ของเครอ่ื งวดั แสงแฟลชถูกออก แบบให้มโี ดมสี ขาวขนุ่ คร่งึ วงกลม เพอ่ื รบั แสงทีส่ ่องเข้ามาขณะวัดแสง หันส่วนโคมสีขาวเข้าหากล้องแล้วกดปุ่มวัดแสงการวัด ควรวัดหลาย ๆจุด หลายคร้ังเพื่อเปรียบเทียบค่าของแสงว่าแตกต่างกันมากน้อยเพียงใด หากจุดใดท่ีแสงน้อย ไปอาจเพม่ิ ความเข้มใหแ้ สงมากข้นึ

12 การจัดแสงในสตดู โิ อ ประเภทของแสง ปัจจยั ทีส่ าคญั อีกอยา่ งหนงึ่ ของการถ่ายภาพ คอื แสง ซงึ่ ในแสงธรรมชาติ โลก เราได้รับแสงสว่างจากดวงอาทิตย์ จึงถือได้ว่าดวงอาทิตย์เป็นหลักและเป็นแสงที่ดีที่สุดในการถ่ายภาพ โดย สามารถเลือกช่วงแสง ตาแหน่งแสงในการถ่ายภาพได้ตามเวลาในการโคจรของดวงอาทิตย์ ดังนั้นการท่ีจะ เป็นนักถ่ายภาพท่ีดีน้ัน จาเป็นอย่างยิ่งที่จะต้องรู้จักเลือก และกาหนดทิศทางของแสงได้อย่างถูกต้อง เหมาะสม สาหรับแสงท่ีใหผ้ ลต่อการถ่ายภาพ โดยทั่วไปไดแ้ บ่งแสงทีใ่ ชใ้ นการถ่ายภาพออกเปน็ 2 ประเภทดว้ ยกัน คอื 1. แสงธรรมชาติ (Natural Light) ไดแ้ ก่ แสงสวา่ งจากดวงอาทิตย์หรอื แสงแดด นับว่า เปน็ แหลง่ กาเนดิ แสงทีใ่ ห้สีสันถูกต้อง สวยงาม ตามธรรมชาติมากที่สุดในการถา่ ยภาพ 2. แสงประดษิ ฐ์ (Artificial Light) ได้แก่ แสงสวา่ งท่ไี ด้จากหลอดไฟทุกชนิด ตลอดจนถงึ แสงที่เกิดจากสง่ิ ท่มี นษุ ย์ประดิษฐข์ ึน้ เช่น ก. แสงจากหลอดไฟอเิ ลค็ ทรอนิค (Electronic flash) ข. แสงจากหลอดไฟโฟโต ฟลคั (Photoflood light) ค. แสงจากหลอดไฟฟลูออเรสเซนต์ (Fluorescent) ง. แสงอืน่ ๆ เชน่ แสงไฟจากตะเกียง เทียนไข เป็นต้น ทิศทางของแสง ทิศทางของแสงเปน็ ปจั จัยอย่างหนึง่ ท่ีก่อใหเ้ กดิ ผลแตกตา่ งแก่ภาพถ่ายได้อย่างเดน่ ชดั ดงั น้ัน ในการใชห้ รือจัดแสง ผถู้ า่ ยภาพจงึ จาเป็นตอ้ งร้เู ทคนิคและศิลปะของการจัดแสงสว่างในการถ่ายภาพ สาหรับ เรื่องทิศทางของแสง สมาน เฉตระการ ได้แบ่งทิศทางของแสงตามแนวการส่องสว่างได้เป็น 2 ทาง ด้วยกัน คอื 1. ทิศทางตามแนวราบหรือแนวนอน (Horizontal Light Placement) แสงตามแนวนอน นีม้ ที ิศทางและมมุ ในการสอ่ งสว่างตา่ งกันดังนี้

13 1.1 แสงดา้ นหน้า (Front Light) ได้แก่แสงทีส่ อ่ งมาจากทางดา้ นหน้าของวตั ถุท่ีจะถ่ายภาพ มาจากทิศทางเดียวกันกับกล้องถ่ายภาพ แสงทางด้านหน้าช่วยให้เกิดประกายสะท้อนบนวัตถุนั้นๆ ดว้ ย โดยเฉพาะวัตถทุ มี่ ผี ิวเรียบหรอื มันและจะไดภ้ าพถ่ายท่ีเหน็ ชดั เจน นกั ถ่ายภาพท่ีเริ่มหัดถ่ายภาพมักชอบ ถ่ายภาพสง่ิ ต่างๆ ด้วยแสงทางด้านหน้า แต่แสงชนิดน้ีจะทาให้วัตถุได้รับแสงทั่วด้านหน้าตัววัตถุซึ่งจะไม่มีเงา ทา ใหภ้ าพทไี่ ดแ้ บน ไม่มคี วามลึกของภาพ เหมาะกบั การถา่ ยภาพท่ตี อ้ งการให้เห็นวตั ถุเรยี บและแบน 1.2 แสงด้านข้าง (Side Light) ได้แก่ แสงทสี่ อ่ งทางด้านขา้ งของวัตถุท่จี ะถ่าย ทามุม 90° กับ ตาแหน่งกล้อง ท้ังด้านซ้ายมือและด้านขวามือ การให้แสงด้านข้างทาให้วัตถุได้รับแสงสว่างจัดตัดกับอีก ข้างที่เป็นเงาเข้ม ทาใหเ้ ห็นวตั ถทุ ีถ่ า่ ยมีมติ ิเหน็ ลายพืน้ ผิวของวัตถุชัดเจน แต่ แสงจากด้านข้างแม้จะมีจุดเด่น ในดา้ นการแสดงรปู ทรงของวตั ถุได้ดี แต่รายละเอียดของภาพโดยรวมก็จะเสียไปด้วยเช่นกัน โดยเฉพาะหาก เป็นแสงท่ีแรงจัดซ่ึงจะทาให้ภาพมีส่วนมืดกับส่วนสว่างที่ตัดกัน มาก ซึ่งเรามักเรียกภาพในลักษณะนี้ว่า มี คอนทราสตส์ งู 1.3 แสงดา้ นหลงั (Back Light) ได้แก่ แสงที่ส่องมาจากด้านหลงั ของวตั ถทุ ี่จะถา่ ย อย่ตู รงข้ามกับกลอ้ งถ่ายภาพ ถ้าฉากหลังเป็นสีขาวจะได้ภาพถ่ายของวัตถุเป็นภาพเงาดาบนพ้ืนสี ขาวและถ้า ฉากหลังเป็นสีดาเข้มจะได้ภาพถ่ายของวัตถุเป็นภาพเงาดาที่มีแสง สว่างจับตามขอบรอบๆ วัตถุ ทาให้ มองเห็นวัตถุแยกออกจากพน้ื ฉากชัดเจน 1.4 แสงเฉียงหนา้ (Semi-Back Light) ไดแ้ ก่ แสงท่ีส่องเป็นมมุ เฉยี งทางด้านหนา้ ของ วัตถุ ทั้งทางด้านซ้ายหรือทางด้านขวา การจัดแสงให้แสงเฉียงด้านหน้าจะให้ความกลมกลืนของแสงกับเงาได้เป็น อยา่ งดี เหมาะกบั การถ่ายภาพวัตถุรูปทรงกลม 1.5 แสงเฉยี งหลัง (Semi-Back Light) ได้แก่ แสงที่ส่องเป็นมุมเฉียงทางด้านหลังของ วัตถุ ทั้งดา้ นซา้ ยหรือดา้ นขวา การจดั แสงใหแ้ สงเฉียงด้านหลังจะช่วยเน้นรูปทรงของวัตถุท่ีจะถ่ายให้เห็นเด่น แยก ออกจากพ้ืนหลงั ไดเ้ ปน็ อย่างดี 2. ทิศทางแสงด้านต้งั (Vertical Light Placement) ทิศทางของแสงแนวต้ังเป็นทิศทางแสง ท่มี าจากตาแหนง่ โดยรอบของวตั ถุทีจ่ ะถา่ ย แตเ่ ป็นทิศทางจากตาแหนง่ ดา้ นบน ด้านล่าง ด้านหนา้ ด้านหลัง เฉียงหน้าส่วนบนและล่าง เฉียงหลังส่วนบนและล่าง ภาพถ่ายที่ปรากฏออกมาจากการให้แสงตามตาแหน่ง ทศิ ทางตา่ งๆ ตามแนวตัง้ จะใหผ้ ลของแสงและเงาในวัตถทุ ่ถี ่ายเหมือนกับการให้แสงตามตาแหน่งทิศทางตาม แนวราบ การจัดแสงในสตูดโิ อ การถ่ายภาพในสตูดิโอถ่ายภาพส่วนมากมักใช้ถ่ายภาพบุคคล วัตถุสิ่งของเพ่ือการโฆษณา จาเป็นต้องใช้แสงประดิษฐ์ช่วยให้ความสว่าง การจัดแสงในสตูดิโอถ่ายภาพน้ันอาจจะใช้ไฟดวงเดียวหรือ หลายดวงก็ได้ ทั้งนี้เพื่อให้ภาพได้รับแสงเงาท่ีสวยงามและตรงกับจุดมุ่งหมาย การจัดแสงในการถ่ายภาพมี ลกั ษณะดงั นี้

14 1. การใช้ไฟหลัก (Main Light หรือ Key Light) เป็นการจัดไฟให้แสงฉายตรงไปยัง วัตถุ ทาให้เห็นส่วนต่างๆ ของวัตถุอย่างชัดเจน แต่จะได้ภาพที่มีลักษณะแบน ทิศทางของแสงไฟหลักนี้หา กวางไดอ้ ย่างเหมาะสมแล้วจะไดภ้ าพทีม่ ีแสงเงาสวยงาม อีกแบบหน่งึ 2. การใช้ไฟสองดวง ได้แก่ การใช้ไฟหลักและไฟลบเงา (Fill-in Light) ไฟลดเงานี้จะ ช่วยเพิ่มความสว่างให้กับส่วนที่เป็นเงาซ่ึงเกิดจากไฟหลัก เป็นการช่วยลดเงาดาให้จางลง โดยทั่วๆ ไป การ ตงั้ ไฟหลกั จะตงั้ ไฟหลักในตาแหน่งเฉียงหน้าขวา ทามมุ 45° ส่วนไฟลดเงาต้ังในตาแหนง่ เฉียงหน้าซ้าย ความ สวา่ งของไฟลดเงาควรนอ้ ยกว่าไฟหลกั ในอตั ราสว่ น 1 : 2 การลดความสว่างของหลอดไฟลดเงาอาจทาได้โดย การลดแสงท่ีหลอด การใช้ผ้าขาว กระดาษแก้วหุ้มเพื่อกรองแสงหรือให้สะท้อนจากแผ่นสะท้อนแสง (Reflector) กอ่ นก็ได้ 3. การใช้ไฟสามดวง ได้แก่การใช้ไฟหลัก ไฟลบเงา และไฟส่องหลัง (Back Light) สาหรับไฟส่องหลังจะวางอยู่ในตาแหน่งด้านหลังของวัตถุ ตั้งให้สูงเล็กน้อยบีบลาแสงให้เป็นจุดดวง ส่องตรง ไปด้านหลงั ของวตั ถุ จะชว่ ยเนน้ รูปทรงของวัตถุให้เหน็ เดน่ ชดั ขึน้ 4. การใช้ไฟสี่ดวง ได้แก่ การใช้ไฟหลัก ไฟลบเงา ไฟส่องหลัง และไฟส่องผม (Hair Light) ในกรณีที่ถ่ายภาพบุคคล อาจใช้ไฟเพ่ือเน้นเส้นผมให้มีประกายสวยแวววาวข้ึน ไฟส่องผมจะต้ังใน ตาแหนง่ เฉยี งหลัง ต้งั ให้สงู บบี ลาแสงส่องไปยงั เสน้ ผมของแบบ 5. การใชไ้ ฟหา้ ดวง ไดแ้ ก่ การใชไ้ ฟหลัก ไฟลบเงา ไฟส่องหลงั ไฟสอ่ งผม และไฟส่อง พน้ื หลงั (Background Light) สาหรบั ไฟสอ่ งหลงั จะช่วยให้เกิดความสวา่ งท่ีบรเิ วณส่วนหลังของภาพทาให้เห็น ส่วนประกอบต่างๆ ของฉากได้ชัดเจนย่ิงข้ึน และยังเป็นการแยกวัตถุที่ถ่ายออกจากฉากหลังทาให้เห็นวัตถุ อยา่ งชัดเจน เทคนคิ การถา่ ยภาพในสตดู ิโอ เทคนิคการถ่ายภาพวัตถุนิ่งในห้องสตูดิโอ ใช้หลักพ้ืนฐานเดียวกับการถ่ายภาพบุคคล เพียงแต่ ลักษณะการวางวตั ถุมีการกระจายตวั มากกว่าการถา่ ยภาพบุคคล หลักในการจดั แสงเพ่ือถ่ายภาพวตั ถุนง่ิ ในหอ้ งสตดู ิโอ มีดังต่อไปนี้ คอื 1. กาหนด วัตถุประสงค์ของการถ่ายภาพวัตถุนั้น มุ่งไปที่การแสดงวัตถุเพียงอย่างเดียว หรือ ความคดิ เดียว คดิ พจิ ารณาและตัดสนิ ใจวา่ ตอ้ งการแสดงใหเ้ หน็ อะไร 2. พยายาม ถา่ ยทอดความคิดออกมาเป็นภาพ นักถ่ายภาพบางคนกาหนดลักษณะการจัดภาพ ไวใ้ น สมองแลว้ จึงรา่ งภาพเอาไว้ บางคนก็อาจคิดและทดลองจดั ส่ิงของในห้องสตูดโิ อเลยที เดยี ว โดยไมเ่ ครง่ ครัดในการทางานมากนกั 3. จัดเตรียมวัตถุและส่ิงประกอบฉากท้ังหมดที่จะถ่าย สิ่งประกอบฉากควรเหมาะสมและจะ เป็นการดยี งิ่ ขน้ึ ถ้าจัดเตรยี มส่ิงประกอบฉากมามากๆ แลว้ นามาเลอื กจัดถ่ายในหอ้ งสตดู ิโอ

15 4. เมอื่ ไดส้ ิ่งของมาครบแล้ว จึงลงมือจัดถ่าย โดยเร่ิมท่ีการจัดพ้ืนและฉากหลังว่าจะจัดให้ฉาก หลังสัมพันธ์กลมกลืนกับวัตถุ หรือจะแยกฉากหลังออกจากวัตถุ จะเน้นที่สีหรือผิวพื้นแล้วจึงจัดพื้นและฉาก หลงั ดว้ ยวัสดตุ า่ งๆ ตามที่ไดว้ างแผนไว้ เชน่ ใชแ้ ผ่นไมก้ ระดาน แผ่นพลาสติก ผ้ากามะหย่ี หรือกระดาษรอง พน้ื 5. ในขน้ั นี้เรม่ิ จัดวางวัตถทุ ีจ่ ะถ่าย หากมีวตั ถทุ ่ีเปน็ หลักอยูใ่ นกลมุ่ ควรเร่ิมด้วยการวางวัตถุนั้น ก่อน แลว้ จึงวางสิง่ ประกอบฉากอยา่ งอน่ื ตรวจสอบดูผลของภาพโดยดใู นช่องมองภาพ สังเกตดสู ัดสว่ น ลวดลาย หรอื เส้นสายใหน้ า่ สนใจ พยายามจัดให้วัตถุหลกั เด่นออกมาจากกล่มุ โดยจดั ให้สว่ นประกอบอื่นๆ มีความสาคัญรองลงมา ใช้สีทก่ี ลมกลืนกนั หรอื ตัดกันเพอ่ื สร้างผลที่ต้องการ 6. จัด แสงดวงไฟถ่ายภาพ การจัดแสงถ่ายภาพน่ิงน้ีจะข้ึนอยู่กับวัตถุท่ีนามาจัดถ่ายและข้ึนอยู่ กบั รสนิยมของนักถ่ายภาพแต่ละคน แต่ก็ยังคงอาศัยหลักการเดียวกับการจัดไฟถ่ายภาพบุคคลท่ีว่าแสงหลัก จะมีเพยี ง ดวงเดียว และมีไฟดวงอืน่ ๆ เปน็ ไฟเสรมิ ไฟแยกและไฟส่องฉากหลงั ตามความเหมาะสม 7. เมอื่ จัดแสงจนพอใจแล้ว จึงทาการวัดแสงเฉลี่ย เพ่ือนาไปตั้งค่าฉายแสงท่ีกล้อง เสร็จแล้ว จึงลงมือถ่ายภาพ อย่าลืมถ่ายเผื่อไว้บ้าง โดยถ่ายให้ over หรือ under จากค่าที่วัดได้ ½ - 1 สต๊อป นามา เลือกภาพท่ีดีที่สุดภายหลัง เพราะการจัดถ่ายแต่ละครั้งต้องอาศัยวัสดุ อุปกรณ์ และเวลาในการจัดแสง มาก หากมีความผิดพลาดเร่ืองค่าการฉายแสง และต้องถ่ายใหม่ก็จะเป็นการส้ินเปลืองเวลา แรงงาน และ งบประมาณมาก ประเภทของการจัดไฟสาหรับการถา่ ยภาพบุคคล 1.การจดั ไฟแบบ Butterfly Lighting เปน็ การจัดไฟในลักษณะทไ่ี ฟหลกั หนั หนาตรงเข้าหาแบบ แตอ่ ยู่ในมุมสงู ชว่ ยเนน้ จุดเด่นบน ใบหน้าของแบบ คือหน้าผาก คาง จมูกเหมาะกับแบบที่มีลักษณะหน้ารูปไข่ แสงหลักจะวางเหนือตัวแบบข้ึน ไปและฉายตรงเข้าใบหน้า ทาใหเ้ กิดเงาใต้จมูกเป็นรูปผีเสือ้ เป็นการจดั แสงใหม้ เี สน่ห์

16 2.การจดั ไฟแบบ Broad Light เปน็ การวางตาแหนง่ ไฟหลกั ทามุม 30 องศากบั แบบ เหมาะกบั แบบที่มใี บหนา้ แคบ เพราะ จะทาให้ใบหน้าดูใหญ่ขึ้น ด้านที่หันเข้าหากล้อง ถึงแม้ว่าแสงน้ีจะไม่ช่วยเน้นพื้นผิวของใบหน้าตัวแบบก็ตาม แต่กเ็ ป็นการจดั แสงทช่ี ว่ ยให้ใบหนา้ ของตวั แบบดูกว้างขึ้น 3. การจัดไฟแบบ Narrow Light เปน็ การวางตาแหนง่ ไฟทามุม 45 องศากับแบบเหมาะกับพวกที่มใี บหน้าอ้วนหรอื กลมเพราะ จะทาให้ใบหน้าดูเรียวข้ึน แสงแบบน้ีนิยมใช้โดยท่ัวไปสาหรับบุคคลที่มีใบหน้ารูปไข่ หรือใบหน้ากว้าง เนื่องจากแสงแบบนี้จะเน้นให้หน้าของบุคคลเห็นขอบและเงามากขึ้น ส่วนเงามืดบนใบหน้าจะปรากฏเป็น บริเวณกว้างทาให้เกดิ แสงแบบ “low key” แสงแบบนีจ้ งึ ทาให้ใบหน้าดูแคบลง 4.แสงแบบเรมบรนั ดท์ (Rembrandt lighting) เป็นแสงหลักทร่ี วมเอาลักษณะแสงแบบแคบและแสงแบบผเี สอ้ื เข้าดว้ ยกนั แสงหลักจะวาง

17 อยู่สูงขึ้นไป และอยู่ด้านหน้าของใบหน้า ซึ่งหันออกจากกล้องทาให้ใบหน้าของตัวแบบเกิดเงาสีดาใต้ขอบตา และมีแสงบางสว่ น ตกที่บรเิ วณแกม้ ชื่อของแสงแบบน้ีใช้ช่ือตามช่างเขียนชาวดัทซ์ ซ่ึงให้แสงแก่หุ่นของเขาใน ลักษณะนี้ 5.การจดั ไฟแบบ Side Light เป็นการวางตาแหนง่ ไฟหลักทามุม 90 องศากับแบบ ใหอ้ ารมณเ์ ครง่ ขรึม 6.การจัดไฟดา้ นหลงั เปน็ การเลยี นแบบการถ่ายภาพย้อนแสง และใหผ้ ลพิเศษทางอารมณ์ ทาให้ดูลกึ ลับ น่า เลื่อมใส นา่ นับถอื ขั้นตอนการจดั แสงถา่ ยภาพบคุ คลในห้องสตูดิโอ การถา่ ยภาพบคุ คลในห้องสตูดิโอข้ึนอยู่กับความคิดและศิลปะของนักถ่ายภาพแต่ละ คน อาจจัดแสง ดว้ ยไฟเดยี งดวงเดยี วหรือหลายดวงกไ็ ด้ ส่ิงสาคัญในการจัดแสงก็คือการเลียนแบบแสงหลักที่มีอยู่ในธรรมชาติ โดยจัดใหม้ ีมติ ิของภาพและตัวแบบสวยงามตามความคิดของนักถ่ายภาพ การจัดแสงในห้องสตูดิโอมีข้ันตอนท่ี สาคญั ดงั นี้ คือ 1. ตดั สนิ ใจว่าตอ้ งการให้เกิดผลอยา่ งไรต่อตัวแบบ แสงจะแสดงบุคลิกลักษณะของตัวแบบออกมาได้ ตามท่ีผู้ถ่ายต้องการ เช่น แสง-เงาบนใบหน้า อัตราส่วนของแสงที่ต้องการ การจัดวางท่าทางฉากหลังและ ส่วนประกอบอนื่ ๆ ควรตดั สนิ ใจไวก้ ่อนว่าตอ้ งการแบบใด จงึ เรม่ิ จดั แสงและจะดียง่ิ ขึ้น ถ้าหากสามารถร่างภาพ ไว้ดูก่อนทจ่ี ะถา่ ย (วงการถ่ายภาพโฆษณาจะใช้วิธีนม้ี าก)

18 2. วางไฟหลัก เพื่อดูแสงสว่าง (highlight) บนใบหน้าและแสงส่วนเงา (shadow) ที่เกิดขึ้นตามมา ควรทดลองเปล่ียนท่ีตั้งของดวงไฟหลายๆ ตาแหน่งเพื่อดูทิศทางของแสงและควบคุมความเข้มของแสงให้ได้ ตามต้องการ ถ้าหากเป็นไฟแฟลชสตูดิโอสามารถปรับความสว่างของดวงไฟท่ีปุ่มควบคุมด้านหลัง ของหัว แฟลช หรือท่ีตัวควบคุม Power Pack ซ่ึงมีที่ปรับความสว่างแยกต่างหากจากตัวแฟลช นอกจากนี้ควร พจิ ารณาว่าตอ้ งการความเขม้ ของแสงแบบใดก็สามารถเลือกใช้อปุ กรณ์ ควบคมุ แสงได้ 3. วางไฟเสริม ไฟเสริมจะวางในตาแหน่งคนละดา้ นกับไฟหลกั ทาหน้าที่ลบเงาหรือเพิ่มแสงสว่างเงา มืด ระวังอย่าให้เกิดเงาซ้อนกันบนใบหน้าของตัวแบบ ปกติไฟเสริมนิยมใช้แสงนุ่มมากกว่าแสงตรง จึงมักใช้ แสงสะท้อนจากร่มหรือใช้กล่องทอนแสง (soft box) สวมด้านหน้าแฟลช นักถ่ายภาพบางคนอาจใช้เพียงโฟ มแผน่ โตๆ หรอื กระดาษขาวหันรับแสงจากไฟหลักสะท้อนเข้าไปเปิดเงา ทั้งน้ีขึ้นอยู่กับการพิจารณาของผู้ถ่าย ว่าจะใหแ้ สงสวา่ งมีความสวา่ งเพียงใด ตาแหน่งท่ีวางไฟเสริมควรพิจารณาตามความเหมาะสม โดยสังเกตดูผล ของแสงผา่ นทางช่องมองภาพในตวั กล้อง ในขณะท่จี ัดแสงไฟเสริมนค้ี วรใช้เครื่องวัดแสงวัดค่าของไฟหลักและ ไฟเสริม เพอื่ หาคา่ อัตราส่วนของแสงตามท่ีตัดสนิ ใจไว้แลว้ 4. วางไฟส่องผมและไฟส่องฉากหลัง ข้ันตอนน้ีจะช่วยแยกวัตถุออกจากฉากหลังได้ดี การพิจารณา วางไฟส่องผมควรปิดไฟหลักและไฟเสริมไวก้ อ่ นแลว้ เปดิ ไฟสอ่ งผมดูว่า ได้ผลตามที่ต้องการหรือไม่ ตาแหน่งไฟ

19 ส่องผมควรอยู่ตรงข้ามกับไฟหลัก ส่วนไฟส่องฉากหลังน้ันก็ดูตามความเหมาะสมของเคร่ืองแต่งกายของตัว แบบ 5. ปรับแสงไฟครั้งสุดท้าย เปิดไฟพร้อมกันทุกๆ ดวง แล้วดูในช่องมองภาพพิจารณาดูว่ามีส่วนของ แสงสว่างท่ไี ม่ต้องการหรือไม่ ถ้ามีต้องขจัดแสงส่วนนั้นออกไป ปรับไฟครั้งสุดท้ายโดยใช้อุปกรณ์บังคับทิศทาง แสงหรือปรับเลอื่ นตาแหนง่ ดวงไฟ 6. วัดแสงเฉล่ีย โดยวางเครื่องวัดแสงบริเวณใบหน้าของตัวแบบ หันเซลล์รับแสงของเครื่องวัดแสง เข้าหากลอ้ ง แลว้ อ่านคา่ ของแสงเฉลี่ยทีไ่ ดน้ าไปตง้ั คา่ การฉายแสงท่ีกล้องถ่ายรูป การจัดแสงสาหรับการถ่ายภาพวตั ถุ การ ถ่ายภาพวัตถุ หมายถึง การถ่ายภาพวัตถุส่ิงของต่าง ๆ เช่น แจกันดอกไม้ ถ้วยจานช้อนซ้อม ขวดเหล้า เบียร์ แกว้ บุหรี่ น้าหอม เสื่อผ้า รองเท้า ผัก ผลไม้ อาหาร ฯลฯ จุดมุ่งหมายส่วนใหญ่ก็เพื่อนาภาพ ไปจัดทาเปน็ ส่ือในการโฆษณา เชน่ ทาปกหนังสอื วารสาร โปสเตอร์ หรือส่ิงพิมพ์อ่ืน ๆ การฝึกถ่ายภาพหุ่นน่ิง จะช่วยใหเ้ ราไดเ้ รียนร้เู ทคนิคต่าง ๆในการถา่ ยภาพได้เป็นอยา่ งดี ทั้งน้เี พราะวัตถุสิ่งของต่าง ๆที่นามาถ่ายภาพ จะอยู่นิ่งไม่เคล่ือนไหวเราสามารถทดลองจัดภาพได้หลาย ๆแบบตามต้องการ ส่วนการใช้แสงก็ทาได้หลาย ลักษณะ อาจใช้แสงธรรมชาติ แต่ส่วนมากมักใช้แสงไฟประดิษฐ์ เพราะสามารถควบคุมทิศทางตลอดจน ปรมิ าณของแสงสว่างไดต้ ามความเหมาะสมทิศทางของ แสง สาหรบั การจัดแสงสาหรบั การถ่ายภาพหุ่นน่ิงน้ัน สิ่งจาเป็นที่ควรศึกษาในเบ้ืองค้นน้ันคือเร่ืองทางของ แสงเพ่ือนามาประยุกต์ ใช้ตามความต้องการทิศทางของแสงเป็นปัจจัยอย่างหนึ่งท่ีก่อให้ เกิดผลแตกต่างแก่ ภาพถ่ายได้อย่างเด่นชัด ดังนั้นในการใช้หรือจัดแสง ผู้ถ่ายภาพจึงจาเป็นต้องรู้เทคนิคและศิลปะของการจัด แสงสว่างในการถ่าย ภาพ สาหรับเรื่องทิศทางของแสงท่ีจาเป้นต้องศึกษา แบ่งตามแนวการส่องสว่างได้ เป็น 2 ทางดว้ ยกนั คือ 1. ทิศทางตามแนวราบหรือแนวนอน (Horizontal Light Placement) 2. ทิศทางแสงดา้ นตง้ั (Vertical Light Placement)

20 หลกั ในการจดั แสงเพอ่ื ถา่ ยภาพวตั ถนุ ิ่งในห้องสตูดิโอ มดี ังตอ่ ไปน้ี คือ 1. กาหนดวตั ถุประสงค์ของการถ่ายภาพวัตถุนั้น มงุ่ ไปที่การแสดงวัตถุเพยี งอย่างเดยี วหรือความคดิ เดยี ว คิดพจิ ารณาและตัดสนิ ใจว่าตอ้ งการแสดงให้เหน็ อะไร 2. พยายามถ่ายทอดความคดิ ออกมาเป็นภาพ นักถา่ ยภาพบางคนกาหนดลักษณะการจัดภาพไว้ใน สมองแล้วจึงรา่ งภาพเอาไว้ บางคนก็อาจทดลองจดั วางสิ่งของในห้องสตูดโิ อเลยทีเดียวโดยไมเ่ คร่งครดั ในการ ทางานมากนกั 3. จดั เตรยี มวตั ถุและสง่ิ ประกอบฉากทั้งหมดที่จะถา่ ย ส่งิ ประกอบฉากควรมคี วามเหมาะสมและจะ เป็นการดียิ่งขึ้นถา้ จดั เตรียมสิ่ง ประกอบฉากมาหลายๆ แบบ แล้วนามาเลอื กจัดถา่ ยในห้องสตูดิโอ 4. เม่ือไดส้ ่ิงของมาครบแล้ว จงึ ลงมอื จัดถา่ ย โดยเริ่มทีก่ ารจดั พน้ื และฉากหลังว่าจะจดั ใหฉ้ ากหลัง สมั พนั ธ์กลมกลืนกับวตั ถุ หรอื จะแยกฉากหลังออกจากวัตถุ จะเนน้ ที่สีหรอื ผิวพนื้ แลว้ จึงจัดพน้ื และฉากหลัง ดว้ ยวัตถตุ ่างๆ ตามท่ีไดว้ างแผนไว้ เช่น ใช้แผน่ ไมก้ ระดาน แผน่ พลาสตกิ ผ้ากามะหยีห่ รือกระดาษรองพื้น

21 5. ในขัน้ น้เี ริ่มจดั วางวตั ถุที่จะถ่าย หากมวี ตั ถุที่เป็นหลกั อยู่ในกลมุ่ ควรเรม่ิ ด้วยการวางวตั ถุนน้ั กอ่ น แล้วจึงวางสง่ิ ประกอบฉากอย่างอื่น ตรวจสองดผู ลของภาพโดยดใู นช่องมองภาพ สงั เกตดูสดั ส่วน ลวดลายหรอื เสน้ สายให้นา่ สนใจ พยายามจดั ให้วัตถุหลักเด่นออกมาจากกลุ่ม โดยจดั ใหส้ ่วนประกอบอ่นื ๆ มีความสาคญั รองลงมา ใชส้ ีที่กลมกลืนกนั หรอื ตัดกนั เพ่ือสร้างผลทตี่ อ้ งการ 6. จัดแสงดวงไฟถา่ ยภาพ การจดั แสงถา่ ยภาพนิ่งนจ้ี ะขนึ้ อยกู่ บั วตั ถุที่นามาจดั ถ่ายและข้ึนอยูก่ บั รสนยิ มของนักถ่ายภาพแต่ละคน แตก่ ็ยังคงอาศยั หลักการเดยี วกับการจดั ถา่ ยภาพบคุ คลทว่ี ่าแสงหลักจะมี เพียง ดวงเดยี วและมไี ฟดวงอ่ืนๆ เป็นไฟเสริม ไฟแยกและไฟส่องฉากหลังตามความเหมาะสม 7. เมอื่ จดั แสงจนพอใจแล้ว จงึ ทาการวัดแสงเฉลี่ย เพือ่ นาไปตง้ั ถา่ ยคา่ ฉายแสงท่กี ล้อง เสร็จแลว้ จงึ ลงมือถ่ายภาพ อยา่ ลมื ถ่ายเผ่ือไว้บา้ ง โดยถา่ ยให้ Over หรอื Under จากคา่ ท่วี ัดให้ ½-1 สตอ๊ ป นามาเลอื ก ภาพท่ดี ีทีส่ ดุ ภายหลัง เพราะการจดั ถ่ายแต่ละครั้งตอ้ งอาศัย วัสดุ อุปกรณแ์ ละเวลาในการจัดแสงมากหากมี ความผดิ พลาดเร่ืองค่าการฉายแสงและต้อง เริ่มตน้ จัดวสั ดุและจัดแสงเพ่ือถา่ ยใหม่กจ็ ะเป็นการส้นิ เปลืองเวลา แรงงาน และงบประมาณมาก ดงั นั้นการถา่ ยภาพเผ่ือไว้โดยปรบั คา่ การฉายแสงที่แตกต่างกันเลก็ น้อยอาจช่วย แก้ปญั หานี้ได้ นอกจากนชี้ ่างภาพอาชีพยังนิยมใช้กล้องถ่ายภาพสาเรจ็ ท่ีเรียกว่า กลอ้ งอินสแตนท์ (Instant

22 Camera) หรอื กล้องโพลารอย (Polaloid Camera) ถ่ายภาพเพื่อทดสอบแสงก่อนทจ่ี ะลงมือถ่ายดว้ ยฟิล์ม จรงิ ๆ โตะ๊ ถ่ายภาพวัตถุ โต๊ะถา่ ยวัตถุ ตวั อยา่ งการใช้งาน ตัวอยา่ งภาพท่ไี ด้ โต๊ะชุดสาหรบั ถ่ายภาพหุ่นน่ิงประกอบด้วยขาตั้งเหล็ก หรืออลูมิเนียมมีแผ่นพลาสติก เป็นท่ีวางวัตถุ ที่จะถ่ายภาพ ผิวหน้าของแผ่นพลาสติกมี 2 ด้าน ด้านหน่ึงผิวด้าน ส่วนอีกด้านหน่ึงผิวจะมัน คุณสมบัติของ แผน่ พลาสติก คือถา้ ใชไ้ ฟส่องดา้ นบนจะไดแ้ สงตกกระทบธรรมดา และมีจุดเด่นพิเศษถ้าใช้ไฟส่องจากด้านล่าง แสงจะสามารถทะลุพ้ืนพลาสติกข้ึนด้านบนสามารถใช้เป็นแสงสาหรับลดเงา หรือใช้เป็นแสงส่องจากพื้นล้าง และด้านหลังของวัตถุใช้ถ่ายภาพวัตถุขนาดไม่ ใหญ่มาก ทาจากวัสดุโปร่งแสง จุดเด่นนอกจากน้ียังสามารถ ถ่ายภาพโดยใช้ไฟจากด้านใต้หรือด้านหลังของวัตถุได้ อีกด้วยโดยแสงที่ได้จะถูกระจายและลดทอนจากวัสดุ โปรง่ แสง จดุ เด่น -สามาระฉายแสงทะลุได้ -นา้ หนักเบาแข็งแรง -แสงสะท้อนได้ดี

23 ทศิ ทางของแสงตามแนวราบ 1 แสงด้านหน้า (Front Light) ได้แก่ แสงท่ีส่องมาจากทางดา้ นหน้าของวัตถุทีจ่ ะถ่ายภาพมาจากทิศทางเดยี ว กันกบั กลอ้ ง ถ่ายภาพ แสงทางด้านหน้าช่วยให้เกิดประกายสะท้อนบนวัตถุน้ันๆ ด้วย โดยเฉพาะวัตถุท่ีมีผิวเรียบหรือมัน และจะได้ภาพถ่ายที่เห็นชัดเจน นักถ่ายภาพที่เร่ิมหัดถ่ายภาพมักชอบถ่ายภาพส่ิงต่างๆ ด้วยแสงทาง ดา้ นหนา้ แต่แสงชนดิ น้ีจะทาใหว้ ตั ถุไดร้ บั แสงท่ัวดา้ นหน้าตวั วัตถุซึ่งจะไม่มีเงาทา ให้ภาพที่ได้แบน ไม่มีความ ลึกของภาพ เหมาะกบั การถา่ ยภาพท่ตี อ้ งการใหเ้ หน็ วัตถุเรียบและแบน 2.แสงเฉียงหน้า (Semi-front Light) ได้แก่ แสงที่ส่องเป็นมุมเฉียงทางด้านหน้าของวัตถุท้ังทาง ด้านซ้ายหรือ ทางด้านขวา การจัด

24 แสงให้แสงเฉยี งด้านหนา้ จะใหค้ วามกลมกลืนของแสงกับเงาได้ เป็นอย่างดี เหมาะกับการถ่ายภาพวัตถุรูปทรง กลม จะถ่ายภาพมาจากทิศทางเดียวกันกับกล้องถ่ายภาพ แสงทางด้านหน้าช่วยให้เกิดประกายสะท้อนบน วัตถุนั้นๆ ด้วย โดยเฉพาะวัตถุที่มีผิวเรียบหรือมันและจะได้ภาพถ่ายที่เห็นชัดเจน นักถ่ายภาพท่ีเร่ิมหัด ถ่ายภาพมักชอบถ่ายภาพสิ่งต่างๆ ด้วยแสงทางด้านหน้า แต่แสงชนิดนี้จะทาให้วัตถุได้รับแสงท่ัวด้านหน้าตัว วัตถุซ่ึงจะไม่มีเงาทา ให้ภาพที่ได้แบน ไม่มีความลึกของภาพ เหมาะกับการถ่ายภาพที่ต้องการให้เห็นวัตถุ เรียบและแบน 3.แสงด้านขา้ ง (Side Light) ได้แก่ แสงที่ส่องทางด้านข้างของวัตถุที่จะถ่ายทามุม 90° กับตาแหน่ง กล้อง ทั้งด้านซ้ายมือและด้านขวามือ การให้แสงด้านข้างทาให้วัตถุได้รับแสง สว่างจัดตัดกับอีกข้างท่ีเป็นเงา เข้ม ทาให้เห็นวัตถุที่ถ่ายมีมิติเห็นลาย พ้ืนผิวของวัตถุชัดเจน แต่แสงจากด้านข้างแม้จะมีจุดเด่นในด้านการ แสดงรูปทรง ของวัตถุได้ดี แต่รายละเอียดของภาพโดยรวมก็จะเสียไปด้วยเช่นกัน โดยเฉพาะหาก เป็นแสงท่ี แรงจัดซ่ึงจะทาใหภ้ าพมสี ่วนมืดกบั ส่วนสวา่ งท่ตี ัดกันมาก ซึง่ เรา มักเรยี กภาพในลักษณะนวี้ ่า มคี อนทราสต์สงู

25 4.แสงเฉยี งหลงั (Semi-Back Light) ได้แก่ แสงที่ส่องเปน็ มุมเฉยี งทางด้านหลังของวัตถุท้ังด้านซา้ ย หรอื ดา้ น ขวา การจัดแสงให้แสงเฉียงด้านหลงั จะชว่ ยเน้นรูปทรงของวตั ถทุ ่ีจะถ่ายให้เห็น เดน่ แยกออกจากพ้ืน หลังไดเ้ ปน็ อยา่ งดี 5.แสงด้านหลัง (Back Light) ได้แก่ แสงทีส่ อ่ งมาจากดา้ นหลงั ของวตั ถุทีจ่ ะถ่ายอยู่ตรงขา้ มกับ กลอ้ งถ่ายภาพ ถ้าฉากหลังเป็นสขี าวจะได้ภาพถ่ายของวตั ถุเปน็ ภาพเงาดาบนพน้ื สีขาวและถ้าฉาก หลังเปน็ สี ดาเขม้ จะไดภ้ าพถา่ ยของวตั ถุเป็นภาพเงาดาท่ีมแี สงสว่างจับตามขอบ รอบๆวตั ถุเหมาะกบั การถา่ ยวตั ถุท่ีโปรง่ แสงอยา่ งแกว้ หรอื ขวดแกว้ ทาให้มองเห็นวัตถุแยกออกจากพื้นฉากชัดเจน

26 ทิศทางแสงดา้ นตงั้ 1 ทศิ ทางแสงด้านตั้ง (Vertical Light Placement) ทิศทางของแสงแนวตั้งเปน็ ทิศทางแสงทม่ี าจาก ตาแหนง่ โดยรอบของวตั ถุที่จะ ถ่าย แตเ่ ป็นทศิ ทางจากตาแหนง่ มมุ สูง และตา่ 1.ด้านหนา้ 2.ด้านเฉียงหน้า

27 3.ดา้ นข้าง 4.ดา้ นเฉยี งหลัง

28 5.ดา้ นหลัง ทศิ ทางแสงด้านต้ัง2 1.แสงจากด้านบน วิธีการจัดแสงพ้ืนฐานซึ่งสามารถใช้เป็นจุดเริ่มต้นในการถ่ายภาพสาหรับ สภาพการณ์ต่างๆ คือการจัดแบบให้แสงหลักมาจากด้านบนของวัตถุท่ีถ่าย ด้วยการใช้แสงที่ทอนจากกล่อง แสงนุม่ (Soft box or cone) แสงจะกระจายกว้างจากด้านบนเป็นแสงนุ่ม (แสงโคมไฟไม่ควรใช้ เพราะความ ร้อนอาจสูงมากจนวัสดุที่ใช้กรองแสงไหม้) ผลของแสงจะเกิดแสง highlight และเกิดเงานุ่มๆ ท่ีขอบวัตถุและ ผิวพนื้ สีขาวใตว้ ัตถุจะชว่ ยสะทอ้ นแสงกลบั ไปบริเวณทเี่ ป็นเงา ถ้างอผิวพ้ืนท่ีรองวัตถุให้โค้งไปด้านหลังจะทาให้

29 ส่วนพน้ื มีสจี างเขา้ ไปหา ฉากหลงั ได้อย่างสวยงามและสามารถใชแ้ ผน่ กระดาษหรอื โฟมสีขาวเล็กๆ สะท้อนแสง ด้านหนา้ เพอ่ื ลบเงาในส่วนที่ต้องการ 2. แสงจากดา้ นใตว้ ตั ถุ เป็นวิธกี ารจัดแสงโดยวางดวงไฟไวใ้ ต้วัตถุ แสงจากดวงไฟจะผ่านตัวกลาง โปร่งแสง เช่น แผน่ กระจก ฝ้า แผน่ พลาสตกิ หรอื ไฟเบอร์ ที่แสงสามารถผ่านไปได้บางส่วน ตามปกติแล้ว ทศิ ทางของแสงแบบนีจ้ ะไมป่ รากฏในธรรมชาตแิ ต่ท่ีนามาจัดถ่ายก็ เพ่ือผลพเิ ศษบางอยา่ ง เช่น จดั ถา่ ยภาพ วตั ถุไมใ่ หเ้ กิดเงาที่พ้ืน หรอื การถา่ ยภาพวัตถทุ ีเ่ ปน็ แก้ว และชว่ ยเปลีย่ นสีพนื้ และฉากหลงั โดยใช้ฟลิ เตอรส์ ีบัง แสงไฟจากดา้ นลา่ ง การสร้างผลพิเศษเช่นนี้ไม่มีปัญหาทางเทคนิคอื่นใดเปน็ พเิ ศษ ยกเวน้ แตอ่ าจต้องการแสง เสรมิ จากดา้ นบนเพ่มิ เติมดว้ ยเทา่ นนั้ การจดั แสงไฟสตดู โิ อแบบง่ายๆ จากเนอ้ื หาท่ีผ่านมาลว้ นเป็นการดาเนินการแบบมอื อาชีพผลท่ีตามมาคอื ตน้ ทนุ ท่สี งู มาก ดังนัน้ การจัดแสงถ่ายภาพในห้องสตูดโิ อแบบง่ายๆ เป็นการนาเอาหลักการมาปรบั ใชใ้ ห้เหมาะสมกบั สถานการณ์การถ่ายภาพบุคคลในสตูดโิ อกค็ ือการถ่ายในห้องไมใ่ ช่กลางแจง้ ฉากหลังเป็นฝาผนงั หรือฉากกน้ั ไฟ ในการถา่ ยแบบโปรยงุ่ มาก แตแ่ บบง่ายๆ อาจเปน็ โคมไฟเขียนหนังสือขนาด 60-100 แรงเทียน จะเป็นไฟ หลอดแดงหรือหลอดฟลอู อเรสเซนต์กไ็ ด้ (อย่าลืมปรับคา่ แสงด้วย) สามารถปรับสงู ต่าได้ (บางทีอาจต้องใช้ โต๊ะ-ตู้-เก้าอ้ีเปน็ ฐาน) ควรมีสายไฟยาวพอควร (หาสายต่อเตรยี มไว)้ เพ่ือลากโป๊ะไฟเขา้ หรอื ออกห่างจาก นางแบบเพื่อลดหรอื เพ่ิมแสง ควรใช้ขาตง้ั กล้องดว้ ย

30 ภาพนีแ้ สดงนางแบบน่ังหรอื ยืนห่างจากฉากประมาณ 1-2 ฟุตอยู่ในจดุ ศูนย์กลางของวงกลม แนวเส้น รอบวงเป็นจุดวางโป๊ะไฟ ถ้าจะเลอ่ื นโปะ๊ ไปทางซ้ายหรือขวาให้เลือ่ นไปตามแนวเลน้ รอบวงนะครบั คอื ตอ้ ง รักษารัศมีห่างจากนางแบบเท่าๆ กัน ถา้ จะเล่ือนเข้าหรือออกจากนางแบบให้เล่อื นไปตามแนวเส้นรัศมี การจัดไฟงา่ ยที่สุดมี 2 แบบ แบบแรกใชโ้ ปํะไฟสองดวง (2-Light Setup) และแบบท่สี องใช้สามดวง (3-Light Setup) 1. โปะํ ไฟดวงที่ 1 เรียกวา่ ไฟหลัก (Keylight or Main Light) เปน็ ไฟทีท่ าใหเ้ รามองเหน็ ส่ิงตา่ งๆ ใน หอ้ งคือสอ่ งให้เห็นภาพนางแบบชัดเจน ปกตไิ ฟหลกั จะวางตรงกลางเหนือกล้องถ่ายรูปเล็กน้อย สว่ นโป๊ะไฟ ดวงท่ี 2 เรยี กว่าไฟสรา้ งแสงเงา (Fill Light) วางไวข้ า้ งนางแบบเพื่อให้เกิดด้านสวา่ งกบั ด้านมดื บนใบหน้า นางแบบ

31 วิธกี ารจดั แสง แบบ ท่ี 1 แสงกวา้ ง: วางโปะ๊ ไฟตามผัง ให้นางแบบหันหนา้ ไปยังมุมตรงขา้ มโปะ๊ ไฟดา้ นข้าง- ใบหตู รงกับโป่ะ๊ ไฟ จะเห็นแสงสวา่ งบนใบหน้ากวา้ งขวางมาก เกิดเงาดาที่ขอบใบหนา้ และสันจมกู ตรงขา้ มกบั แสงเปน็ เสน้ เลก็ ๆ วางไฟด้านขา้ งสูงกวา่ หัวนางแบบเล็กนอ้ ยเพ่ือใหเ้ กิดเงาดาใต้คาง

32 แบบที่ 2 เงา 1 ใน 3: ใหน้ างแบบหันหน้าตรงขา้ มกับแบบแรก คือใหจ้ มกู ตรงกับไฟขา้ ง จะ เกดิ เงา 1/3 ของใบหน้า เงาขับสันจมูกโดง่ ขนึ้ แบบ ท3ี่ จิตรกร: ตาราฝร่งั เรยี กวา่ แบบ Rembrandt ซ่ึงเปน็ ช่อื ของจิตรกรเยอรมนั ผู้วาด ใบหนา้ คนได้สวยทส่ี ุดและชอบใหแ้ างเงาแบบ นี้ คล้ายแบบท่ี 2 เพยี งแตเ่ ลื่อนโปะ๊ ไฟด้านข้างถอยหลงั เล็กน้อย ใหเ้ งาปลายจมูกสัมผสั กับเงาที่โหนกแก้ม จะชว่ ยใหโ้ หนกแกม้ ดูเดน่ ข้ึน

33 แบบ ท่ี 4 แบ่งคร่ึง: นางแบบหนั หน้าตรงกล้อง วางโป๊ะไฟสองดวงเปน็ มุมฉากกัน คือโป๊ะไฟ 1 ตรงหน้านางแบบ โปะ๊ ไฟ 2 ตรงใบหู จะเกดิ แสงเงาแบ่งครึ่งใบหนา้ แบบ ที่ 5/1 ผเี ส้อิ 1: ฝรั่งเรียกแบบ Butterfly1 นางแบบหนา้ ตรง โปะ๊ ไฟอย่ตู รงหน้าท้ังสอง ดวง ไฟหลกั อยู่เหนือกลอ้ งเล็กนอ้ บตามปกติ ไฟสรา้ งแสงเงาอยูส่ งู กวา่ จะเกดิ แสงเตม็ ใบหนา้ ท่เี หน็ ชัดคอื เกิด เงารูปผีเส้อื ใต้จมูก เหมาะสาหรบั นางแบบจมูกโด่งปลายแหลม

34 แบบ ที่ 5/2 ผเี สอื้ 2: Butterfly2 วางโปะ๊ ไฟดา้ นข้างไวท้ ่ี 45 องศา ยกสูง นางแบบหันหนา้ ไปยงั โปะ๊ ไฟดวงน้ี จะเกิดเงารูปผีเส้ือใต้จมูกเหมอื นกนั เพียงแต่นางแบบผินหน้าเท่าน้นั วธิ นี ้ีเปน็ วธิ ที ี่ใช้กันมาก ที่สดุ ครับ

35 การถ่ายภาพบคุ คลในสตดู โิ อแบบใชไั ฟ 3 ดวง (3-Light Setup) ภาพนางแบบคนนี้ช่างภาพเลือกใช้แบบแสงกวา้ งเพราะผิวเนอ้ื เรยี บขาวนวลเนียน ท่สี วยมากคือ ช่างภาพเลื่อนไฟดวงทีส่ อง (Fill Light) ลบเงามดื ค่อนไปทางดา้ นหลงั นางแบบ ทาใหเ้ ห็นเสน้ ขอบใบหน้า นางแบบชดั เจน เสน้ แสงแบบนีเ้ รยี กว่า Highlight เหมาะสาหรับเน้นเค้าโครงสร้างของวัตถทุ ีถ่ ่าย สังเกตเส้น ผมก็เกดิ highlight ดว้ ยครบั ภาพนเ้ี ป็นการถ่ายแบบแบ่งครึ่งสาหรับใบหน้าเขม้ มีสว่ นแบ่งครงึ่ ใบหน้าท่ีชดั เจน คอื หัวติ้ว สันจมกู ร่องใต้จมูก และคาง ความแข็งของแสงเงาช่วยให้เกิดความรูส้ กึ ว่าวตั ถุท่ถี ่ายดูแขง็ แกร่ง

36 ภาพน้ถี า่ ยแบ่งครง่ึ เหมือนกนั ชา่ งภาพต้องการเน้นรว้ิ รอยบนใบหน้า เพราะฉะน้ันในทางกลบั กนั -ถา้ ตอ้ งการถ่ายหญงิ สาวสวยแต่ใบหนา้ ไม่เกลยี้ ง-อย่า เลอื กถ่ายแบบน้ี สังเกตสว่ นทีเ่ ปน็ แสงจัด รอยเห่ียวยน่ จะ หายไป จึงเปน็ แนวทางท่ีจะลบริ้วรอยบนใบหน้าหรือเมด็ สิว ตอ้ งเลือกถา่ ยแบบแสงกว้าง ขอ้ แนะนาถ้าตอ้ งการถ่ายนางแบบสวยโดยการจดั แสงครึง่ หนา้ —ใหเ้ ลื่อนไฟหลักจาก ตรงกลางไปเกือบถึงขา้ ง ใบหนา้ ดา้ นหนง่ึ อีกด้านหนง่ึ ท่ีเป็นเงาดาใช้ไฟดวงทส่ี อง (Fill Light) วางค่อนไปด้านหลังนางแบบ จะเกดิ highlight ช่วยลดความแขง็ ถา้ นางแบบมีสนั จมูกสวยแสง highlight จะช่วยขบั ด้ังให้เด่นข้ึนดงั ภาพ

37 ภาพน้จี ดั แสงแบบจิตรกร (Rembrandt) เงาปลายจมกู สัมผสั กับเงาโหนกแก้ม ในวงการศลิ ปะหรอื นักวาดภาพทางตะวนั ตกถือว่างดงามมาก นางแบบไทยถา้ จะถ่ายแบบน้ีต้องมจี มูกและโหนกแก้มท่สี วย ช่างภาพแบบพวกเราท่บี างทีไม่อาจจัดหอ้ งสตูดิโอได้ กม็ ีวธิ ีงา่ ยๆ ครับ ให้นางแบบนง่ั รมิ หนา้ ตา่ งใช้ แสงอาทิตย์เปน็ ไฟหลัก ตบแสงดา้ นเงามืดดว้ ยโปะ๊ ไฟเขยี นหนังสอื กส็ วยได้ หรือถา้ ไม่ใช้ ไฟ ใหผ้ ชู้ ่วยถือ กระดาษขาวแผ่นใหญ่ๆ เป็นรเี ฟลก็ ซ์ รับแสงนอกหน้าต่างสะท้อนไปยังเงามดื บนใบหนา้ ชว่ ยให้ภาพสวยขึน้

38 น้ีกใ็ ช้แสงแดดภายนอกเปน็ ไฟหลัก แต่ไมม่ ีไฟลบเงาหรือใชร้ ีเฟล็กซ์ เป็นแบบแสงครง่ึ หน้า ภาพน้ถี า่ ยกลางแจ้ง แสงอาทิตยส์ ่องใบหน้าซีกซ้ายของนายแบบคอ่ นไปทางด้านหลัง-เกิดเงาดาบนใบหนา้ ซีกขวามาก ลบเงาโดยยกรีเฟล๊กซ์ใตค้ าง

39 การถา่ ยภาพบคุ คลในสตูดิโอโดยใชไ้ ฟ 3 ดวง...ไม่ มอี ะไรยากเลย เพราะใช้แบบไฟ 2 ดวงทกุ อยา่ ง เพียงแต่เพ่ิมไฟดวงท่ี 3 ตง้ั ไว้หลังนางแบบเทา่ น้ัน ไปดวงน้ีเปน็ ดวงเลก็ และมแี สงน้อยกว่าดวงอืน่ ๆ เรยี กวา่ Backlight จะสอ่ งเข้าฉากหลังก็ได้ หรือส่องเข้าหลงั นางแบบกไ็ ด้ผลตา่ งกนั เลก็ น้อย ถ้าหนั เขา้ หาฉากจะช่วย ใหน้ างแบบโดดเดน่ ลอยออกจากฉาก ถา้ สอ่ งหลังนางแบบจะชว่ ยใหเ้ กดิ highlight ตวั อย่างภาพนี้ backlight ส่องเขา้ ตวั นางแบบ นางแบบผวิ นวลเกลย้ี งจัดไฟแบบแสงกว้าง ใช้ backlight สอ่ งเหนอื ตัวนางแบบท่นี อนคว่า ลองถา่ ยแบบนคี้ รับ--นางแบบยนื หนั หลังใหแ้ สงอาทิตย์ หนา้ จะดามาก เปดิ แฟลชเวลาถา่ ยโดยระวงั อยา่ ให้มี เงาดากระทบฉากหลัง ภาพท่อี อกมาจะสวยแบบนี้ เปน็ ภาพทีม่ ี highlight สวยมาก

40 ห้องสตดู โิ อแบบง่ายๆ(แบบบ้านๆ) การถ่ายภาพบุคคล ภาพที่ถ่ายจะออกมาดีหรือไม่ขึ้นอยู่กับหลายปัจจัย และปัจจัยหลักท่ีสาคัญคือ สภาพแสงในขณะที่ถ่ายภาพ ช่วงเวลาทองท่ีช่างภาพหลายคนชอบมักจะเป็นช่วงท่ีแสงอาทิตย์ทามุมประมาณ 45 องศา หรือประมาณ 8 โมง - 10 โมงเช้า และอีกช่วงคือตั้งแต่ประมาณ 4 โมงเย็นถึงประมาณ 6 โมง นอกจากองศาการทามุมของแสงอาทิตย์ท่ีพอเหมาะในการถ่ายภาพแล้ว อากาศก็ไม่ร้อนจนเกินไป แต่เมื่อ หลีกเล่ียงไม่ได้ ต้องถ่ายภาพในตอนกลางวัน สภาพอากาศที่ร้อน แดดจัด และพระอาทิตย์ทามุมต้ังฉากอยู่ กลางศีรษะ ภาพท่ีถ่ายกลางแจ้ง มักจะเกิดเงาบริเวณใต้ตา ยิ่งคนที่มีถุงใต้ตามากย่ิงเห็นชัดเจน อีกทั้งเห็นเงา มากบริเวณคาง สภาพแสงท่ีเกิดเงาจัดเช่นน้ี เขาจะเรียกว่า แสงแข็ง ปัญหาเหล่าน้ีช่างภาพมักจะแก้ไขได้ หลายวิธี เช่น การใช้แฟลชลบเงา หรือบางคนก็ใช้แผ่นสะท้อนแสงช่วยเปิดเงา แต่ก็ไม่ได้ช่วยลบเงาใต้ตาและ คางมากเทา่ ไหรน่ กั วิธีท่ีดีทีส่ ุดก็คอื การมาหลบอยใู่ ตเ้ งาต้นไม้ แตส่ งิ่ ทขี่ าดไปคือมติ แิ ละอารมณ์จากแสง อีกวิธีท่ีจะทาให้ได้แสง นุ่มเหมือนถ่ายภาพโดยซอฟบ็อกจากสตูดิโอ คือ เต้นท์กรองแสง ซึ่ง หากจะซื้อหามาใช้อย่างจริงจัง ราคาค่าตัวก็หลายบาท จะดีไหมหากเราสามารถทาออกมาแล้วใช้การได้ ใน ราคาท่ีถูกกว่า เริ่มจากการหาวัสดุที่จะมาทาเป็นผ้ากรองแสง โดยคุณสมบัติท่ีต้องการคือ ทน ถูก และให้ อุณหภูมิสที ีถ่ ูกตอ้ งและตอ้ งกรองแสงใหน้ ุ่มได้จริง ๆ ลักษณะของผา้ ใบทนี่ ามาใช้

41 เมื่อหาซื้อผา้ ไดแ้ ลว้ ก็มาถงึ กับโครงท่ีจะใช้กางผ้ากรองแสงที่ซื้อมา ซึ่งการออกแบบ ตัวท่ีใช้นี้เน้นการ ถ่ายภาพบุคคลครึ่งตัวPortrait Pose ถ่ายภาพคร่ึงตัว(บน) และ Rim Light ท่ีนาไปใช้งานในลักษณะต่างๆ เช่น ติดบัตร ภาพสติกเกอร์ หรือภาพแฟชั่นต่างๆ ท่ีสามารถเปล่ียนฉากหลังโดยการใช้โปรแกรมแต่งรูปเข้า ชว่ ย เพื่อให้สะดวกจะใช้สีฉากที่สามารถเปล่ียนภาพฉากหลังได้ง่าย ส่วนโครงสร้างจะใช้ท่อ PVC เนื่องจากมี น้าหนกั เบา ราคาถกู และงา่ ยต่อการขนยา้ ยและการประกอบ ในการออกแบบโครงกแ็ ลว้ แต่ความสะดวก ใจ หลงั จากทไี่ ด้อุปกรณ์ครบ นางแบบพรอ้ ม ก็มาถึงการทดสอบการใชง้ าน

42 ไมไ่ ด้ใช้เต้นทก์ รองแสง ใชแ้ ผน่ ในเต้นท์กรองแสง ทาใหไ้ ด้ ประโยชน์ของเตน้ ท์ สามารถเอามา สะท้อนแสง จะเห็นเงาใตต้ า ความ แสงทนี่ ุ่มมากขน้ึ สงั เกตจาก เปน็ ฉากหลัง โดยวางมมุ ย้อนแสง รายละเอยี ดของเส้นผม และ แล้วใช้แผ่นสะทอ้ นแสงเขา้ ช่วย จะ เปรยี บตา่ งสงู ทาใหไ้ ด้ฉากหลังเหมือนถา่ ยภาพ สีผวิ ทส่ี วยกว่า ในสตูดโิ อ


Like this book? You can publish your book online for free in a few minutes!
Create your own flipbook