รายวชิ า ศิลปะ 2 ศ31102 หน่วยท่ี 1 สบื สานนาฏศิลป์ไทยสอู่ าเซียน ชนั้ มธั ยมศึกษาปีท่สี ่ี หอ้ ง 1 ถงึ หอ้ ง 9 ครูโชติกา หนูสวสั ด์ิ ตาแหน่งครู วิทยฐานะครูชานาญการพิเศษ โรงเรียนมหาวชิราวุธ จงั หวดั สงขลา
หวั หน้ากลุ่ม GROUP W นางสาวกัญญาพัชร วริ ตั น์ (ยนี ส์) เลขที16 กลุ่ม : นา Email : [email protected] เบอรโ์ ทรศัพท์ : 0624105899 Facebook: Jeans Gunyapat Line : 0624105899 รองหวั หน้ากลุ่ม นางสาวกิตติญา สังข์ทอง (แก้ม) เลขที17 E-mail : [email protected] เบอรโ์ ทรศัพท์ : 0838632473 Facebook : Kittiya Sungtong Line : kit6107
WORK สมาชกิ ในกลุ่ม าฏซิน นางสาวชาลิสา ยมิ แยม้ (มะปราง) เลขที18 Email : [email protected] เบอรโ์ ทรศัพท์ : 0640560885 Facebook : Chalisa Yimyam Line : 0920711851 เลขานกุ าร นางสาวธญธร บรรจงรตั น์ (โม) เลขที27 E-mail : [email protected] เบอรโ์ ทรศัพท์ : 0951029964 Facebook : Thanyathorn Bunjongrut Line : thanyathornmo
คําวา่ \"นาฏศิลป\" ตามพจนานกุ รมฉบบั ราชบัณฑิตยสถาน พ ศ ๒๕๔๒ มีความหมายวา่ ศิลปะแหง่ การละคร หรอื การฟอนราํ นาฏศิลปเปนสิงทีมนษุ ยป์ ระดิษฐ์ขึนด้วยความประณีตงดงาม 1. เกิดจากการเลียนแบบธรรมชาติ : การศึกษานาฏศิลป เปนการศึกษาวฒั นธรรมแขนงหนึง โดยเฉพาะการเคลือนไหวอริ ยิ าบถหรอื การแสดงความรูส้ ึกอารมณ์ต่างๆข นาฏศิลปเปนส่วนหนึงของศิลปะสาขาวจิ ิตรศิลป อนั ประกอบด้วย จิตรกรรม สถาปตยกรรม วรรณคดี ดนตรี และนาฏศิลป องมนษุ ยท์ ีแสดงออกมาในกิรยิ าอาการต่างๆเชน่ ความโกรธความรกั นาฏศิลปนอกจากจะแสดงความเปนอารยะของประเทศแล้ว โดยมนษุ ยไ์ ด้ใชล้ ักษณะท่าทางต่างๆเหล่านีในการสือความหมายและนําม ยงั เปนเสมือนแหล่งรวมศิลปะและการแสดงหลายรูปแบบเข้าด้วยกั น โดยมีมนษุ ยเ์ ปนศูนยก์ ลาง ในการทีจะสรา้ งสรรค์ อนรุ กั ษ์ าดัดแปลงใหช้ ดั เจนไปกวา่ ธรรมชาติจนเกิดเปนศิลปะการฟอนราํ ขนึ และถ่ายทอดสืบต่อไป โดยมีววิ ฒั นาการมาเปนลําดับจนกระทังเกิดเปนท่าทางการรา่ ยราํ ทีเปนพื นาฏศิลปไทย เปนศิลปวฒั นธรรมสาขาหนึง 1.โขน หมายถึง การแสดงนาฏศิลปชนั สูงของไทยทีมีเอกลักษณ์คือ นฐานของการฟอนราํ ทางนาฏศิลปเรยี กวา่ ภาษาท่าราํ ทางนาฏศิลป ทีแสดงถึงความเปนชาติทีเจรญิ รุง่ เรอื งของไทยเรา ผู้แสดงจะต้องสวมหวั ทีเรยี กวา่ โขน ความงดงามของท่ารา่ ยราํ ตามจังหวะ และทํานองเพลง และใชล้ ีลาท่าทางการแสดงด้วยการเต้นไปตามบทพากย์ 2.เกิดจากการบวงสรวงบูชาเทพเจ้า ตลอดจนการแสดงสือความหมายด้วยบทเจรจา ท่าทาง การเจรจาของผู้พากยแ์ ละตามทํานองเพลงหน้าพาทยด์ ้วยวงปพาทย์ ในสมัยก่อนมนษุ ยม์ ีความเชอื ในเรอื งเทพเจ้า สิงศักดิสิทธิ และคํารอ้ งเปนบทกลอน เรอื งทีนิยมนํามาแสดง คือ พระราชนิพนธบ์ ทละครเรอื งรามเกียรติ และจะเคารพบูชาในสิงทีตนนับถือเมือมนษุ ยเ์ กิดความหวนั กลัวจะมีการเ ชว่ ยใหผ้ ูช้ มได้ชนื บานสนกุ สนานได้อมิ เอมกับสุนทรยี รส แต่งกายเลียนแบบเครอื งทรงของพระมหากษัตรยิ ท์ ีเปนเครอื งต้น เรยี กวา่ และเกิดอารมณ์คล้อยตามไปกับการแสดง การแต่งกายแบบ “ยนื เครอื ง” มีจารตี ขันตอนการแสดงทีเปนแบบแผน คารพสักการบูชาสิงศักดิสิทธิ นาฏศิลปไทยจึงเปนเอกลักษณ์อยา่ งหนึงของชาติ นิยมจัดแสดงเฉพาะงานพิธสี ําคัญ ได้แก่ งานพระราชพิธตี ่าง ๆ โดยเรมิ จากการอธษิ ฐานและบวงสรวงบูชาด้วยอาหารต่อมามีการบวงสร วงบูชาด้วยการรา่ ยราํ มีการเล่นเครอื งดนตรตี ่างๆและมีการรอ้ งประกอบเ \"ศิลปะ คือ สิงทีมนษุ ยส์ รา้ งขึนอยา่ งประณีต 2.ละคร หมายถึง ศิลปะการรา่ ยราํ ทีเล่นเปนเรอื งราว ดีงามและสําเรจ็ สมบูรณ์ มีพัฒนาการมาจากการเล่านิทาน พอื ใหเ้ ทพเจ้าประทานใหป้ ระสบความสําเรจ็ ในสิงทีปรารถนา \"นาฏศิลป มาจากคําวา่ “นาฏ” กับคําวา่ “ศิลปะ”คือ ละครมีเอกลักษณ์ในการแสดงและการดําเนินเรอื งด้วยกระบวนลีลาท่าทา การรา่ ยราํ และการเคลือนไหวไปมาหรอื ความรูแ้ บบแผนของการฟอ ง เข้าบทรอ้ ง 3.ได้รบั อทิ ธพิ ลจากต่างชาติ นราํ นับแต่การฟอนราํ พืนเมืองของชาวบ้าน เชน่ ราํ โทน ราํ วง ทํานองเพลงและเพลงหน้าพาทยท์ ีบรรเลงด้วยวงปพาทยม์ ีแบบแผนการเ เชน่ วฒั นธรรมอนิ เดียเกียวกับวฒั นธรรมเรอื งของเทพเจ้าและตํานานกา ตลอดจนขึึนไปถึงระบาํ ของนางราํ ระบําเดียว ระบาํ คู่ ระบําชุม [ ล่นทีเปนทังของชาวบ้านและของหลวงทีเรยี กวา่ ละครโนราชาตรี รฟอนราํ โดยผา่ นเขา้ สู่ประเทศไทยทังทางตรงและทางออ้ มคือผา่ นชนชา ละครนอกและละครใน เรอื งทีนิยมนํามาแสดงคือ พระสุธน สังข์ทอง คาวี อเิ หนา อุณรุท นอกจากนียงั มีละครทีปรบั ปรุงขึนใหม่อกี หลายชนิด ติชวาและเขมร การแต่งกายของละครจะเลียนแบบเครอื งทรงของพระมหากษัตรยิ ์ ก่อนทีจะนํามาปรบั ปรุงใหเ้ ปนรูปแบบตามเอกลักษณ์ของไทยเชน่ เทวรูป เรยี กวา่ การแต่งกายแบบยนื เครอื ง นิยมเล่นในพิธสี ําคัญและงานพระราชพิธขี องพระมหากษัตรยิ ์ ศิวะปาง นาฏราชทีสรา้ งเปนท่าการรา่ ยราํ ของพระอศิ วรซึงมีทังหมด 108 ท่า 3.ราํ หมายถึง ศิลปะแหง่ การรา่ ยราํ ทีมีผู้แสดงตังแต่ 1-2 คน เชน่ การราํ เดียว การราํ คู่ การราํ อาวุธ เปนต้น 4.เกิดจากการละเล่นเลียนแบบของมนษุ ย์ มีลักษณะการแต่งกายตามรูปแบบของการแสดง ทีมักหาความสนกุ สนานเพลิดเพลินจากการเลียนแบบแม้เรอื งราวของต ไม่เล่นเปนเรอื งราว อาจมีบทขับรอ้ งประกอบการราํ เข้าทํานองเพลงดนตรี นเองเชน่ เลียนแบบท่าทางของพ่อ แม่ มีกระบวนท่าราํ โดยเฉพาะ การราํ คู่จะต่างกับระบาํ ผู้ใหญห่ รอื เลียนแบบสิงแวดล้อมต่างๆเชน่ การเล่นงูกินหาง เนืองจากท่าราํ จะมีความเชอื มโยงสอดคล้องต่อเนืองกัน และเปนบทเฉพาะสําหรบั ผู้แสดงนัน ๆ เชน่ ราํ เพลงชา้ – การเล่นขายของ เพลงเรว็ ราํ แม่บท ราํ เมขลา – รามสูร เปนต้น ความสนกุ ของการเล่นเลียนแบบอยูท่ ีการได้เล่นเปนคนอนื ซึงถือเปนการ เรยี นรูใ้ นเรอื งของการแสดงขนั ต้นของมนษุ ยท์ ีนําไปสู่การสรา้ งสรรค์การ นางสาวกัญญาพัชร วริ ตั น์ ม 4/1 เลขที16 ] 4.ระบํา หมายถึง ศิลปะแหง่ การรา่ ยราํ ทีมีผู้แสดงตังแต่ 2 ความหมายของนาฏศิลป คนขึนไป มีลักษณะการแต่งกายคล้ายคลึงกัน แสดงนาฏศิลป กระบวนท่ารา่ ยราํ คล้ายคลึงกัน ไม่เล่นเปนเรอื งราว กําเนิดนาฏศิลป ทีมา:https://guru.sanook.com/4062/ อาจมีบทขับรอ้ งประกอบการราํ เข้าทํานองเพลงดนตรี ทีมา http://www.digitalschool.club/digitalschool/art/art6_ ซึงระบําแบบมาตรฐานมักบรรเลงด้วยวงปพาทย์ :https://www.kroobannok.com/board_view.php? 2/lesson4/page8.php การแต่งกายนิยมแต่งกายยนื เครอื งพระ – นางหรอื แต่งแบบนางในราชสํานัก เชน่ ระบาํ สีบท b_id=146470&bcat_id=16 สืบค้น ณ วนั ที 25 พฤศจิกายน พ ศ 2564 ระบํากฤดาภินิหาร ระบาํ ฉิง :https://papookky02.wordpress.com/%E0%B8%99%E0%B8%B2 %E0%B8%8F%E0%B8%A8%E0%B8%B4%E0%B8%A5%E0% รูปแบบพืนฐานนาฏศิลปไทย 5.การแสดงพนื เมือง หมายถึง ศิลปะแหง่ การรา่ ยราํ ทีมีทังราํ แบ่งออกตามลักษณะของรูปแบบกา ระบํา B8%9B%E0%B9%8C/ หรอื การละเล่นทีเปนเอกลักษณ์ของกลุ่มชนตามวฒั นธรรมใน สืบค้น ณ วนั ที 25 พฤศจิกายน พ ศ 2564 รแสดง แต่ละภูมิภาค ในเรมิ แรกนันเข้าใจวา่ คงปรากฏในรูปแบบ การละเล่น หมายถึง การเล่นดนตรี การเล่นเพลง การเล่นราํ นางสาวกิตติญา สังข์ทอง นางสาวชาลิสา ยมิ แยม้ ทีมา ส่วนการเล่นทีต้องรว่ มกันตังแต่ 2 คนขึนไป เรยี กวา่ ม 4/1เลขที17 ม 4/1 เลขที18 เนือหา https://mcpswis.mcp.ac.th/html_edu/cgi- มหรสพหรอื ศิลปะการแสดงพืนเมือง ซึงหมายถึง bin/main_php/print_informed.php?id_count_inform=17748 สิงทีอยูใ่ นท้องถินนัน ๆ พืนฐานนาฏศิลปไทย รูปภาพ https://sites.google.com/site/natsilprrbanweiyngphan/ra-laea-rab https://sites.google.com/site/reuxngkhon/prawatikar-saedng-khon สืบค้น ณ วนั ที 25 พฤศจิกายน พ ศ 2564 ท่านผู้หญงิ แผ้ว สนิทวงศ์เสนี มีนามเดิมวา่ แผว้ สุทธบิ ูรณ์ เกิดเมือวนั ที 25 ธนั วาคม 2446 ครูอาคม สายาคม เดิมชอื บุญสม เกิดเมือวนั ที 26 ตุลาคม พ ศ นางสาวธญธร บรรจงรตั น์ ม 4/1 เลขที 27 เมืออายุ 8 ขวบ ได้ถวายตัวในสมเด็จพระบรมวงศ์เธอ 2406 ณ บา้ นสีแยกหลานหลวง จังหวดั พระนคร เจ้าฟาอษั ฎางค์เดชาวธุ กรมหลวงนครราชสีมา บุคคลสําคัญต่อนาฎศิลปไทย และได้รบั การฝกหดั นาฏศิลป กับครูอาจารยผ์ ู้ทรงคุณวฒุ ิในราชสํานัก เปนบุตรของนายเจือและนางผาด ศรยี าภัย สกุลเดิม อศิ รางกูร ณ จนมีความรูค้ วามสามารถออกแสดงเปนตัวละครเอกในโอกาสทีแสดงถว อยุธยา (นามสกุลสายาคมเปนนามสกุลทีได้รบั พระราชทานจากรชั กาลที ายทอดพระเนตรหน้าพระทีนัง ในพระบาทสมเด็จพระมงกุฎเกล้าเจ้าอยูห่ วั 6) ครูอาคมได้รบั การฝกหดั โขนพรอ้ มกับเรยี นหนังสือจนจบชนั มัธยมปที 3 ครูอาคม สายาคม ผลงาน การแสดงศิลปะนาฏกรรม เชน่ ท่าราํ ของตัวพระ นาง ยกั ษ์ จากนัน เข้ารบั ตําแหน่ง “พระ” แผนกโขนหลวง ลิง และตัวประกอบ การแสดงโขน ละครชาตรี เปนผูค้ ัดเลือกการแสดง กรมพณิ พาทยแ์ ละโขนหลวง กระทรวงวงั วางตัวศิลปนผูแ้ สดง จัดทําบทและเปนผู้ฝกซ้อมไปแสดงในต่างประเทศเพือเชอื มสัมพนั ธไมต ต่อมา พ ศ 2478 โอนมาประจําโรงเรยี นศิลปากร แผนกดุรยิ างค์ รี และเผยแพรศ่ ิลปวฒั นธรรมไทย รวมถึงการแสดงโขน ละคร ดํารงตําแหน่งนักวชิ าการละครและดนตรี 7 กองการสังคีต กรมศิลปากร ทีกรมศิลปากรจัดแสดงแก่ประชาชน ณ โรงละครแหง่ ชาติ สังคีตศาลา เปนวทิ ยากรบรรยายและตอบข้อซักถามในการอบรมวชิ านาฏศิลปและวร เมือเกษียณอายุ กรมศิลปากรได้เชญิ ใหเ้ ปนผูเ้ ชยี วชาญนาฏศิลป รณกรรม และเปนทีปรกึ ษาในการสรา้ งนาฏกรรมต่างๆ ทีจัดขนึ ด้วย สอนนักศึกษาปรญิ ญาตรี เกิดเมือวนั ที 14 สิงหาคม พ ศ 2442 ทีจังหวดั นครปฐม :ผลงาน ผลงานด้านประดิษฐ์ท่าราํ ได้แก่ เปนบุตรของจางวางจอนและนางพรงิ เพลงหน้าพาทยต์ ระนาฏราช เพลงหน้าพาทยโ์ ปรยขา้ วตอก เพลงเชดิ จีน ลีลาประกอบท่าเชอื ม ตําราท่าราํ ผลงานด้านวชิ าการ เขยี นคําอธบิ ายนาฏยศัพท์ บทความ เพลงพืนเมือง เพลงหน้าพาทย์ ความสําคัญของหวั โขน ระบํา ราํ เต้น การเลือกเด็กเขา้ ฝกหดั ละครสมัยรชั กาลที 7 เปนต้น ครูรงภักดี (เจียร จารุจรณ) ครูรงภักดีฝกหดั โขนกับพระยานัฏกานรุ กั ษ์และคุณหญงิ นัฏกานรุ กั ษ์ เมืออายุ 13 ปทีกรมมหรสพ สมัยรชั กาลที 6 เข้ารบั ราชการเปนศิลปนในกรมมหรสพ สมัยรชั กาลที 7 มีหน้าทีเปนครูสอนนาฏศิลปโขนและรบั ราชการตํารวจหลวง เกิดเมือวนั ที 11 พฤศจิกายน พุทธศักราช 2447 ครูเฉลย ศุขะวณิช ผลงาน เปนผูเ้ ชยี วชาญการสอนและออกแบบนาฏศิลปไทย ครูลมุล ยมะคุปต์ เกิดเมือวนั ที 2 มิถุนายน พ ศ 2448 ครูรงภักดีเปนผู้มีความสามารถในการราํ เพลงหน้าพาทยอ์ งค์พระพิราพ แหง่ วทิ ยาลัยนาฏศิลป กรมศิลปากร เปนชาวจังหวดั น่าน เปนธดิ าของรอ้ ยโทนายแพทยจ์ ีน อญั ชญั ภาติกับนางคํามอย ซึงเปนนาฏศิลปสูงสุด พระบาทสมเด็จพระเจ้าอยูห่ วั ภูมิพลอดุลยเดช ซึงมีความรูค้ วามสามารถสูงในกระบวนท่าราํ ทุกประเภท ทางราชการได้มอบหมายใหเ้ ปนผู้วางรากฐานจัดสรา้ งหลักสูตรการเรยี นก บดิ าพาไปถวายตัวเปนนางละคร ณ วงั สวนกุหลาบ ได้ทรงพระกรุณาโปรดเกล้าฯใหน้ ายรงภักดีประกอบพิธคี รอบองค์พระ เรมิ ฝกหดั นาฏศิลปตังแต่อายุ 5 ขวบและยา้ ยไปศึกษาด้านละครใน ณ เมือวนั ที 24 มกราคม พ ศ 2506 ณ ารสอนวชิ านาฏศิลปตังแต่ระดับต้นจนถึงขนั ปรญิ ญา วงั เพชรบูรณ์ บรเิ วณโรงละครพระทีนังอมั พรสถาน พระราชวงั ดุสิต ผลงาน ผลงานด้านการประดิษฐ์ท่าราํ และระบํา ระบาํ กินนร ระบําโบราณคดี 4 ชุด คือ ระบาํ ทวารวดี ระบําศรวี ชิ ยั ระบาํ ลพบุรี ต่อมาได้ทรงพระกรุณาโปรดเกล้าฯใหม้ ีพิธตี ่อท่าราํ หน้าพาทยอ์ งค์พระพริ าพเปนครงั ที 2 ในวนั พฤหสั บดีที 25 พ ศ 2527 ณ ศาลาดุสิตาลัย และเชยี งแสน ฟอนแคน เซิงสัมพนั ธ์ ระบาํ ฉิงธเิ บต ระบาํ กรบั ราํ กิงไม้เงนิ ทองถวาย (บทประพันธข์ อง น ส ปราณี สําราญวงศ์) พระตําหนักจิตรลดารโหฐาน เซิงสราญ ระบําศรชี ยั สิงห์ ระบาํ ขอม เปนต้น แก่ศิลปนกรมศิลปากรทีได้รบั การคัดเลือกวา่ เปนผู้ทีมีฝมือเยยี ม ในขณะนันครูรงภักดีชราภาพมากแล้ว มีอายุได้ 86 ป โดยใหศ้ ิลปนต่อท่าราํ จากภาพยนตรท์ ีพระบาทสมเด็จพระเจ้าอยูห่ วั ทรงบั นทึกท่าราํ ของครูรงภักดีไว้ เมือป พ ศ 2506 : ทีมา https://sites.google.com/site/sittipanareerat422/bth- ครูลมุล ยมะคุปต์ thi2-kar-saedng-natsilp-thiy/kar-pradisth-tha-ra-ni-kar- ผลงาน ผลงานด้านการแสดง ท่านแสดงเปนตัวเอกเกือบทุกเรอื ง saedng-natsilp สืบค้น ณ วนั ที 25 พฤศจิกายน พ ศ 2564 บทบาททีท่านเคยแสดง เชน่ พระสังข์ สมิงพระราม พระไวย พระพันวษา เปนต้น ผลงานด้านการประดิษฐ์ท่าราํ ประดิษฐ์ท่าราํ ใหก้ รมศิลปากร เชน่ ราํ แม่บทใหญ่ ราํ วงมาตรฐาน ระบํากลอง ฟอนแคน เซิงสัมพนั ธ์ เปนต้น
พื้นฐานนาฏศิลป์ ข้อใดกล่าวไม่ถูกต้องเกี่ยวกับนาฏศิลป์ไทย ก.การร่ายรำมีความประณีตอ่อนช้อย งดงาม ข.ศิลปะที่สะท้อนให้เห็นถึงวัฒนธรรมของชาติ ค.นาฏศิลป์ไทยมีท่ารำที่ตายตัวไม่สามารถปรับเปลี่ยน ท่ารำได้ ง.เป็นการแสดงที่ประกอบไปด้วย ระบำ รำ ฟ้อน โขน ละคร และการแสดงพื้นเมือง เฉลย ค.นาฏศิลป์ไทยมีท่ารำที่ตายตัวไม่สามารถปรับเปลี่ยน ท่ารำได้ (กัญญาพัชร วิรัตน์ เลขที่16) เทวรูปศิวะปางนาฏราชที่ได้รับอิทธิพลมาจากอินเดีย สร้างเป็นท่าการร่ายรำของใคร ก.พระนารายณ์ ข.พระอิศวร ค.พิฆเนศ ง.พระพรหม เฉลย ข.พระอิศวร (กิตติญา สังข์ทอง เลขที่17) เรื่องใดที่นิยมนำมาแสดงละคร ก.ลิลิตพระลอ ข.มัทนะพาธา ค.อิเหนา ง.สามก๊ก เฉลย ค.อิเหนา (ชาลิสา ยิ้มแย้ม เลขที่18) บุคคลสำคัญทางนาฏศิลป์ท่านใดที่เป็นผู้มีความสามารถในการรำเพลงหน้าพาทย์องค์ พระพิราพซึ่งเป็นนาฏศิลป์สูงสุดได้ ก.ท่านผู้หญิงแผ้ว สนิทวงค์เสนี ข.ครูอาคม สายาคม ค.ครูเฉลย ศุขะวณิช ง.ครูรงภักดี(เจียร จารุจรณ) เฉลย ง.ครูรงภักดี(เจียร จารุจรณ) (ธญธร บรรจงรัตน์ เลขที่27)
สมาชกิ ในกลุ่ม กลุ่ม : นางสาวพิชญากร บุญฤทธิ (จิบ) เลขที 28 E-mail : [email protected] Phone number : 099-3633691 Facebook : พิชญากร บุญฤทธิ Line : 0937423398_123_123_3 สมาชกิ ในกลุ่ม นางสาวกรกฎ ดวงใหญ่ (ปูม) เลขที 23 E-mail : [email protected] Phone number : 099-3102646 Facebook : กรกฎ ดวงใหญ่ Line : Poom Korakod 23 เลขานกุ าร เลขที 32 นางสาวอสั รยี า ยามาเจรญิ (ซายา่ ) E-mail : [email protected] Phone number : 062-9797805 Facebook : Aussareeya Yamacharoen Line : saya_2549
สมาชกิ ในกลุ่ม นางสาวณัฐณิชา เปยฉิม (ทราย) เลขที 24 E-mail : [email protected] Phone number : 080-2631787 Facebook : Natnicha Piachim Line : 080-2631787 Group Work รองหวั หน้ากลุ่ม : นาฏศิลปไทยในอดีตกาล นางสาวปญญดา ปติ (เฟรส์ ) เลขที 27 E-mail : [email protected] Phone number : 099-2717783 Facebook : ปญญดา ปติ Line : first14349 หวั หน้ากลุ่ม นางสาวพิมพ์พิชชา มณีอนิ ทร(์ ไอซ์) เลขที 31 E-mail : [email protected] Phone number : 093-6067733 Facebook : Pimpitcha Maneein Line : 0936067733
โด ทห ม บุค ซึงแ ด้านการราํ ไทย มีกล่าวถึงตังแต่ครงั กรุงสุโขทัยจากศิลาจารึ กหลักที 8 แต่ไม่มีการอา้ งถึงเปนรายบุคคล ไม่ปรากฏรายชอื ศิลปนทรงคุณค่า สมัยสุโขท สมัยน่านเจ้า น่านเจ้าอยูบ่ รเิ วณตะวนั ตกเฉียงใต้ของ อา้ งองิ เรอื งของ “ มโนหร์ า” ประเทศจีนทางตอนเหนือของไทย นางสาวณัฐณิชา เปยฉิม ครูศรณั ย์ สาครเสถียร (2021). ระบาํ หมวก, สบื ค้นเมอื 23 พฤศจกิ ายน 2564. จาก ดูรูปกินรมี โนหร์ าจะเหน็ ได้วา่ เปนอมนษุ ยช์ นิดหนึงอยูก่ ึง สมัยนันยงั มีการติดต่อค้าขายอยู่ รบั ผดิ ชอบ ศิลปนทรงค https://artandcom.wordpress.com . (2021). มารจู้ กั องค์ประกอบนาฏศิลปจนี มอี ะไรบา้ ง และน่าสนใจอบา่ งไร, สบื ค้นเมอื 23 พฤศจกิ ายน มนษุ ยก์ ึงสวรรค์ มีตัวเปนคน มโนหร์ า สันนิษฐาวา่ ชนทีอาศัยอยูใ่ นสมัยนันคือ 2564. จาก https://americanidiotonbroadway.com มีหางและปกเปนนก ตามปกติจะดูภาพกินรไี ด้ใน ชาวไต madmee987654321. (2021). ๑๓ บทที ๒ ประวตั ิละครไทยก่อนสมยั กรงุ ศรอี ยุธยา, สบื ค้นเมอื 23 พระอุโบสถ ดังเชน่ ทีอุโบสถวดั สุทัศน์เทพวราราม ระบาํ หมวก พฤศจกิ ายน 2564. จาก https://madmee987654321.files.wordpress.com ระบํานกยูง การศึกษาเรอื งการละครไทย sittipanareerat422. (2021). ววิ ฒั นาการละครไทย, สบื ค้นเมอื 23 พฤศจกิ ายน 2564. เรอื งกินรมี โนหร์ านี เราได้ความคิดมาจากชาดก เรอื ง “ และนาฏศิลปไทยในสมยั นี พบวา่ จาก https://sites.google.com/site/sittipanareerat422/bth-thi3-lakhr- พระสุธนชาดก” ไทยมนี ิยายเรอื งหนึง คือ เรอื ง “มโนหร์ า” thiy/k ซงึ ปจจุบนั นกี ็ยงั มอี ยูใ่ นประเทศจนี ตอนใต้ในอาณาจั สุธนนันเปนชอื ของพระเอกแต่ทางจีนตอนใต้เรยี กเพียน กรนา่ นเจา้ เดมิ นนั เอง นยิ ายเรอื งนนั คือ เปน เจ้าชูตน ส่วนนางเอกนันชอื วา่ มโนหร์ า “นามาโนหร์ า (Namanora) เปนนิยายของพวกไต พวกไตคือไทยเรานีเอง ระบําหมวกเวยี ดนามหมวกรูปทรงกรวยทีเรยี กวา่ \"นอนล้า\" แต่เปนพวกทีไมอ่ พยพลงมาจากดินแดนเดิม สมัยน่านเจ้า พ ศ ๑๑๖๑ – ๑๑๙๔ และชุดแต่งกายทีเรยี กวา่ \"อาวหยาย\" (áo dài) เรอื งนามาโนหร์ านีจะนาํ มาเล่นเปนละครหรอื ไมน่ นั ยงั ไ เปนสิงของและการแต่งกายทีใชใ้ นชวี ติ ประจําวนั มม่ หี ลักฐานปรากฎเดน่ ชดั นางสาวปญญดา ปติ เลขที 27 รบั ผดิ ชอบ สมัยน่านเจ้า การแสดงปจจุบันระบําหมวกจึงแสดงเอกลักษณ์ทีโดดเด่นของช การละเล่นของไทยสมยั น่านเจา้ นันมพี วกระบาํ อยูแ่ ล้ว าวเวยี ดนามอยา่ งชดั เจน คือ ระบาํ หมวก และระบาํ นกยูง คนไทยสมยั นนั เรมิ มี ความเจรญิ รุง่ เรอื ง และทราบนามของ ระบํานกยูงนีเปนทีโด่งดังอยา่ งมากในแถบเอเชยี กษัตรยิ อ์ งค์แรก ( แหง่ ราชวงศ์ ”ตีมง” ) วา่ มันมีความหมายสือถึง สวรรค์ ความสงบ ความสงา่ งาม ”พระเจา้ สโิ ลน”ุ และความโชคดี สมัยน่านเจ้าไม่มีปรากฏบุคคลสําคัญแต่อยา่ งใดแ รูปแบบการเคลือนไหวจะเปนการเลียนแบบนกยูง ต่มีปรากฏวรรณกรรมเรอื ง มโนราห์ ซึงจะเรมิ ตังแต่การตืน การออกหาอาหาร การละเล่นในสมัยน่านเจ้า ระบําหมวก และ การอาบนาในแม่นํา ในตอนท้ายทีสุดก็จะบนิ ออกไป ระบํานกยูง ระบําสุโขทัย ระบาํ ราํ นางสาวอสั รยี า ยามาเจรญิ เลขที 32 เปนระบําทีได้สรา้ งขึนตามความรูส้ ึกของถ้อยคําไทยใน ศิลปะรา่ ยราํ ทีแสดงพรอ้ มกันเปนหมู่เปนชุด การแสดงทีมุ่งเน้นความงามของการรา่ ยราํ รบั ผิดชอบ สมัยสุโขทัย ศิลาจารกึ ไม่มีการดําเนินเรอื งราว เปนการแสดงท่าทางลีลาของผูร้ าํ สมัยสุโขทัย ประกอบด้วยลีลาท่าเยอื งกรายอนั นิมนวลออ่ นชอ้ ยของ มุ่งถึงความพรอ้ มเพรยี งความสวยงามในการใชล้ ีลาท่า โดยใชม้ ือและแขนเปนหลัก 2. รามเกียรติคําพากย์ : หอสมุดแหง่ ชาติ กรมศิล รูปภาพปูนปนหล่อในสมัยสุโขทัย ราํ และความสวยงามของเครอื งแต่งกาย เปนการแสดงประเภทระบํา ราํ ฟอน มีววิ ฒั นาการมาจากการ ได้แบ่งตีพิมพ์ไวเ้ ปนภาค โดยมีเนือเรอื งติดต่อ การแสดงระบําสุโขทัย ละเล่นของชาวบ้าน เปนการพกั ผ่อนหยอ่ นใจหลังจากเสรจ็ งาน 2 ตอน “สีดาหาย” ไปจนถึงภาค 9 ตอน ”กุมภก ฟอน เข้าใจวา่ คําพากยเ์ หล่านีแต่เดิมใชเ้ ล่นหนัง จะราํ ตามจังหวะดนตรไี ม่มีเนือรอ้ ง ศิลปะการแสดงทีเปนประเพณีของทางภาคเหนื หรอื แสดงในงานบุญ งานรนื เรงิ ประจําป ต่อมาภายหลังได้มีผู้นํามาใชเ้ ล่นโขนด้วย ปรากฏในหนังสือไตรภูมิพระรว่ งฉบับ ระบําศรสี ัชนาลัย อ จะใชผ้ ู้แสดงเปนจํานวนมาก 3. รามเกีย ลักษณะท่ารา่ ยราํ ของระบํา มีลีลาการฟอนพรอ้ มเพรยี งกันด้วยจังหวะทีค่อ พระมหาราชาลิไทวา่ “บ้างเต้น บ้างราํ บ้างฟอน ระบําบันลือ” “องคตส จะโน้มเอยี งไปทางศิลปะการรา่ ยราํ แบบเขมรหรอื แสดงใหเ้ หน็ รูปแบบของนาฏศิลปทีปรากฏในสมัยนี คือ เต้น ราํ ฟอน เมือนําม ขอม เพราะตามหลักฐานทางโบราณคดีนันพบวา่ นข้างชา้ จะเหน็ ว ศิลปะสมัยศรสี ัชนาลัยเปนศิลปะทีนิยมแบบเขมร และระบํา และยงั พบหลักฐาน การละครทีปรากฏอยูใ่ นศิลาจารกึ จึงเข้าใ ของพ่อขุนรามคําแหง ระบําเทววารศี รเี มืองบางขลัง อา้ งองิ ลักษณะท่าราํ ได้จินตนาการมาจากเหล่าอปั สรเทวดานางฟาทัง การแสดงละครทีสันนิษฐานวา่ มีในสมัยสุโข 1. รกั ษ์ศิลปไทย [ออนไลน์]. 2016, แหล่งทีมา ทัยคือ มโนราห์ และละครแก้บน ๗ วนั (จึงใชผ้ ูแ้ สดง ๗ คน) องิ แอบกับความสําคัญของลํานา [21 พฤษจิกาย แนวคิดของท่าราํ เน้นถึงสิงศักดิสิทธทิ ีมีบทบาทต่อความรูส้ ึกนึก 2. ละครชาตร[ี ออนไลน์].2556, แหล่งทีมา: คิดในโลกของความจรงิ ทีต้องการใหเ้ ทวดานางฟามา [21 พฤษ ปกปอง คุ้มครองสิงอนั เปนทีบูชา 2564] มโนราห์ ละครแก้บน เปนชอื ศิลปะการแสดงพืนเมืองอยา่ งหนึงของภาคใ เปนสือกลางในเรอื งการชว่ ยเหลือและการตอบแทนระหวา่ ง ต้ การราํ โนราจะราํ ใหเ้ สมือนกับท่ารา่ ยราํ ของเทวดา ผูบ้ นกับองค์หลวงพอ่ พุทธโสธร อา้ งองิ และเปนสือสะท้อนใหเ้ หน็ ถึงความเชอื แบบไทยๆ คือเรอื งบุญคุณ ความกตัญ ู 1.ผู้ชว่ ยศาสตราจารยอ์ รวรรณ ขมวฒั นา,นาวาอากาศตรหี ญิงวรี ส์ ุดา บุนนาค นาฏศิลป [ออนไลน์]. 2008, แหล่งทีมา : [ 24 พฤศจิกายน 2564] 2.ธญั ญ์พัฒน์ ขานสันเทียะ,นางสาวจารุวรรณ มนตรี และนางสาวณัฐฐินันท์ วงค์ชาชม ววิ ฒั นาการนาฏศิลปไทย [ออนไลน์]. ม ป ป , แหล่งทีมา : [ 24 พฤศจิกายน 2564] 3.ละครแก้บน [ออนไลน์]. ม ป ป , แหล่งทีมา : [ 24 พฤศจิกายน 2564] 4.อาภัสรา ศรจี ันทร,์ วริ ตี บัวผิว การแสดงแหง่ สุโขทัย [ออนไลน์]. ม ป ป , แหล่งทีมา : [ 24 พฤศจิกายน 2564]
. (2021). นาฏศิลป ชนั มธั ยมศึกษาปที 4, สบื ค้นเมอื 24 พฤศจกิ ายน 2564. จาก http://academic.obec.go.th บุญรตั น์ แจม่ กระจา่ ง (2021). บุคอคา้ งลอสงิ าํ คัญและววิ ฒั นาการของนาฏศิลปและการละครไทย, สบื ค้นเมอื 24 พฤศจกิ ายน 2564. จาก https://sites.google.com/site/natasintk/course-outline ดยใชต้ ํารวจแสดงเปนฝายอสูร 100 คน บุคคลสําคัญในวงการนาฏศิลปสมัยธนบุรี ประวตั ิ ครูอมิ อเิ หนา หารมหาดเล็กเปนฝายเทพยดา 100 คน ได้แก่ ครูอมิ อเิ หนา ท้าววรจันทร์ (เจ้าจอมมารดาอมิ ) หรอื เปนพาลี สุครพี ซึงต่อมาได้เปนครูละครหลวง อมิ อเิ หนา มหาชมพูและบรวิ ารวานรอกี 103 คน และได้เปนเจ้าจอมในรชั กาลที ๑ เปนพระสนมในพระบาทสมเด็จพระพุทธยอ การแสดงชกั นาคดึกดําบรรพ์ แหง่ กรุงรตั นโกสินทร์ ดฟาจุฬาโลกมหาราช ฝายอสูรชกั ส่วนหวั นับวา่ เปนผู้สืบทอดศิลปะการฟอนราํ การละครจากสมัยธนบุรถี ึงสมัยรตั นโกสินท เปนธดิ าเจ้าพระยารตั นาธเิ บศร์ (กุน รตั นกุล) ฝายเทพยดาชกั ส่วนหาง สมุหนายกในรชั กาลที 2 และบรวิ ารอยูส่ ่วนปลายหาง ร์ รวมผูเ้ ล่นโขนประมาณ 300 กวา่ คน เดิมเปนครูละครหลวงสมัยกรุงธนบุรี แล้วได้เปน ครูละครหลวงรุน่ ใหญ่ในรชั กาลที 1 เมือประมาณ แต่ไม่กล่าวถึงชอื ผู้แสดง พ ศ 2333 ได้รบั ราชการเปนเจ้าจอมในรชั กาลที 1 คคลสําคัญในวงการนาฏศิลปสมัยอยุธยา มีพระราชธดิ า 1 พระองค์ ได้แก่ ตํารวจ ทหารมหาดเล็ก พระราชธดิ า คือ พระเจ้าบรมวงศ์เธอ แสดงโขนกลางสนามปรากฏอยูใ่ นตํารา พระองค์เจ้าจักรจัน พระราชพิธอี นิ ทราภิเษก สมัยอยุธยา สมเด็จพระเจ้ากรุงธนบุรี พระองค์ทรงพระราชนิพนธบ์ ทละครเรอื งรา 1.ตอนหนมุ านเกียวนางวานริ ทัย มเกียรติขึนอกี 5 ตอน น ในสมัยนีเปนชว่ งต่อเนืองจากสงครามในสมัยอ และมีคณะละครหลวง สมัยธนบุรี ยุธยา ทําใหศ้ ิลปนกระจายไปในทีต่าง ๆ 2.ตอนท้าวมาลีวราชวา่ ความ คณะละครเอกชนเกิดขึนหลายโรง เชน่ เมือพระเจ้ากรุงธนบุรไี ด้ปราบดาภิเษกกรุงธนบุ ละครหลวงวชิ ติ ณรงค์ รี ละครไทยหมืนเสนาะภูบาล จึงมีการฟนฟูละครใหม่และรวบรวมศิลปนต่าง ๆ ใหม้ าอยูร่ วมกัน รามเกียรติ 5 ตอน มีดังนี ศิลปนทรงคุณค่าของนาฏศิลปแล ๑ หนมุ านเข้าหอ้ งนางวานรนิ ะการละครไทย ๒ ท้าวมาลีวราชวา่ ความ ๓ ทศกัณฑ์ตังพิธเี ผารูปเทวดา ม เลขที 24 และ นางสาวพิชญากร บุญฤทธิ เลขที 28 ๔ พระลักษณ์ถูกหอกกบลิ พัท และปล่อยม้าอุปการ คุณค่าของนาฏศิลปและการละครไทย และเปนพิธกี ร ๕ ปล่อยม้าอุปการ ววิ ฒั นาการของนาฏศิลปและการละครไทย สมัยธนบุรพี ศ 2310-พ ศ 2325 สมัยนีเปนชว่ งต่อเนืองหลังจากทีกรุงศรอี ยุธยาเสียแก่พม่าทําให้ ทรงพระราชนิพนธบ์ ทละคร เรอื ง 3.ตอนทศกันฐ์ตังพธิ ที รายกร น่านเจ้า สุโขทัย ธนบุรี กรุงศรอี ยุธยา เหล่าศิลปนได้กระจัดกระจายไปในทีต่างๆ เพราะผลจากสงคราม รามเกียรติ ด กลุ่ม นาฏศิลปไทยในอดีตกาล นางสาวพิมพ์พิชชา มณีอนิ ทร์ เลขที 31 รบั ผดิ ชอบ สมัยธนบุรี ครนั พระเจ้ากรุงธนบุรไี ด้ปราบดาภิเษกในปพ ศ 2311 อกี 5 ตอนได้แก่ 4.ตอนพระลักษมณ์ถูกหอกกบลิ พทั พระองค์ทรงส่งเสรมิ ฟนฟูการละครขนึ ใหม่ มีคณะละครหลวง และเอกชนเกิดขึนหลายโรง 5.ตอนปล่อยม้าอุปการ และรวบรวมศิลปนตลอดทังบทละครเก่าๆทีกระจัดกระจายไปใหเ้ ขา้ เชน่ ละครหลวงวชิ ติ ณรงค์ มาอยูร่ วมกัน ทังนีพระองค์ ละครไทยหมืนเสนาะภูบาล หมืนโวหารภิรมย์ ได้ทรงพระราชนิพนธบ์ ทละครเรอื งรามเกียรติขนึ อกี 5 ตอน นอกจากละครไทยแล้วยงั มี การเเสดงครงั สําคัญ ละครเขมรของหลวงพิพิธวาทีอกี ด้วย สมัยธนบุรี นาฏศิลปและการละเล่นสมัยกรุงธนบุรี มีการเล่นประชนั กันหลายคณะหลายโรงทังของหลวง เท่าทีปรากฏหลักฐานในจดหมายเหตุ จากบนั ทึกความของกรมหลวงนรนิ ทรเทวี ของเจ้านคร และของเอกชน สมโภชพระแก้วมรกต พ ศ 2323 ทําใหร้ ูว้ า่ มีการฝกซ้อมใหฝ้ กหดั ละครผูห้ ญิงเ มีมหรสพนานาชนิดเล่นเรยี งรายกัน โขน ปนเครอื งประดับในสมัยธนบุรี รวมหลายสิบโรงด้วยกัน นางสาวกรกฎ ดวงใหญ่ เลขที 23 ตัวอยา่ งของเทวรูปศิวะปางนาฏราช คณะละครหลวงเเละเอกชน รบั ผิดชอบ : สมัยกรุงศรอี ยุธยา ทีสรา้ งเปนท่าการรา่ ยราํ ของ พระอศิ วร ซึงมีทังหมด 108 ท่า ก็คือเมือคราวงานต้อนรบั และ สมัยอยุธยายงั มีความสัมพันธก์ ับประเทศอนิ เดียจาก หรอื 108 กรณะ โดยทรงฟอนราํ ครงั แรก ณ เมืองมัทราส สมโภชพระแก้วมรกตนับเปนงานสนกุ สนานมโหฬารที หลักฐานทีพบวา่ มีการแต่งบทละครรามเกียรติสําหรบั สมัยกรุงศรอี ยุธยา อนิ เดียใต้ ปจจุบันอยูใ่ นรฐั ทมิฬนาดู สุดของคนไทยในครงั นัน เล่นโขนไวส้ มัยกรุงศรอี ยุธยา ดังนี นับเปนคัมภีรส์ ําหรบั การฟอนราํ แต่งโดยพระภรตมุนี เรยี กวา่ นับตังแต่เสียกรุงศรอี ยุธยามาได้ 12 ปเต็มพอดี คัมภีรภ์ รตนาฏยศาสตร์ สมโภชพระเเก้วมรกต ถือเปนอทิ ธพิ ลสําคัญต่อแบบแผนการสืบสาน หุน่ ละคร 1. รามเกียรติคําฉันท์ : ละครไทยเรมิ จัดระเบยี บแบบแผนใหร้ ดั กุมยงิ ขนึ อยา่ งไรก็ตาม อา้ งองิ ละครหลวงวชิ ติ ณรงค์ มีกล่าวไวใ้ นหนังสือจินดามณีของพระโหราธบิ ดี เข้าใจวา่ มีการตังชอื ละครทีเคยเล่นกันอยูใ่ หเ้ ปนไปตาม บรรดาผู้เชยี วชาญทีศึกษาทางด้านนาฏศิลปไทยได้สันนิษฐานวา่ ละครไทยหมืนเสนาะภูบาล พระโหราธบิ ดีคงจะหยบิ ยกมาจากคําพากยข์ องเก่าทีแต่งไวส้ ําหรั ตามประวตั ิการสรา้ งเทวาลัยศิวะนาฎราชทีสรา้ งขึนในป พ ศ 1800 ภิสชา มะลิวลั ย์ ๒๕๖๒ ววิ ฒั นาการละครไทย บเล่นโขนหรอื เล่นหนัง หลักวชิ านาฏศิลปขึน (ออนไลน์).เเหล่งทีมา: หมืนโวหารภิรมย์ มีการแสดงเกิดขึนในสมัยนีหลายอยา่ ง ซึงเปนระยะทีไทยเรมิ ก่อตังกรุงสุโขทัย ลปากร การแสดงบางอยา่ งก็รบั วฒั นธรรมเพอื นบา้ น ดังนันราํ ไทยทีดัดแปลงมาจากอนิ เดียในครงั แรกจึงเปนความคิดของนักปราช พฤศจิกายน ๒๕๖๔ อกันไปตังแต่ภาค พรมรนิ ทร์ ทุยหล่อน ๒๕๖๔ บุคคลสําคัญในสมัยกรุงธนบุรี (ออนไลน์). กรรณล้ม” และวฒั นธรรมต่างชาติเข้ามาผสม ญใ์ นสมัยกรุงศรอี ยุธยา และมีการแก้ไข ปรบั ปรุงมาจนถึงปจจุบัน เเหล่งทีมา: บทละครหลักในสมัยอยุธยามี 4 เรอื ง คือ อเิ หนา พฤศจิกายน ๒๕๖๔ รามเกียรติ อุณรุท ดาหลัง ภณ ณ นคร ๒๕๖๐ เชอื วงศ์ธนบุรี ผู้ภักดีแหง่ กรุงสยาม ยรติบทละครครงั กรุงเก่า : กล่าวความตังแต่ตอน “พระรามประชุมพล” จนถึง ละครนอก ละครใน ตํานานเจ้าเมืองนครศรธี รรมราชสมัยรตั นโกสินทร์ สือสาร” บทละครนีไม่เคยตีพมิ พ์ออกเผยแพร่ มาเปรยี บเทียบกับรามเกียรติบทละครในรชั กาลที 1 อเิ หนา (ออนไลน์).เเหล่งทีมา: วา่ มีเนือความไม่ตรงกันในบางตอน และถ้อยคําในบทละครก็ดูไม่เหมาะสม พฤศจิกายน ๒๕๖๔ ใจวา่ น่าจะเปนบทละครรามเกียรติฉบับเชลยศักดิทีถูกคัดลอกไว้ ธนิต อยูโ่ พธิ ๒๕๓๑ ศิลปละครราํ หรอื คู่มือนาฏศิลปะไทย (ออนไลน์). รามเกียรติ อุณรุท ดาหลัง เเหล่งทีมา: พฤศจิกายน ๒๕๖๔ า: สมัยนีมีการแสดงมากมาย เชน่ ละครชาตรี ละครนอก ละครใน ละครนอก : มีมาตังแต่ครงั กรุงศรอี ยุธยา ยน 2564] โขน เปนละครทีแสดงกันนอกราชธานี แต่เดิมคงตัวละครเพียง ๓-๔ ตัว ษจิกายน นาฏศิลปไทยได้รบั อทิ ธพิ ลแบบแผนตามแนวคิดจากวฒั นธรรมอนิ เ ต่อมามีการแสดงละครกันอยา่ งแพรห่ ลายทัวไปในหมู่ราษฎร ดียเกียวกับในเรอื งของเทพเจ้า และตํานานการฟอนราํ ผู้แสดงยงั คงเปนชายล้วน ก่อนทีจะนํามาปรบั ปรุงใหเ้ ปนรูปแบบตามเอกลักษณ์ของไทย แต่มีการเปลียนแปลงใหป้ ระณีตงามขึนในสมัยกรุงศรอี ยุธยา นิยมเล่นกันหลายเรอื ง เชน่ คาวี ไชยทัต พิกุลทอง สังข์ทอง ละครใน : มีหลายชอื เชน่ ละครใน ละครข้างใน ละครนางใน และละครในพระราชฐาน เปนต้น สันนิษฐานวา่ มีมาตังแต่สมัยอยุธยา และรุง่ เรอื งมากทีสุดในสมัยพระเจ้าอยูห่ วั บรมโกศ แต่หลังสมัยรชั กาลที ๖ มิได้มีละครในในเมืองหลวงอกี เนืองจากมีละครสมัยใหม่เข้ามามาก
คำถำมกล่มุ นำฏศิลป์ ไทยในอดตี กำล เร่ืองววิ ฒั นำกำรของนำฏศิลป์ และกำรละครไทย น่ำนเจ้ำ สุโขทยั ธนบุรี กรุงศรีอยุธยำ ผ้รู ับผดิ ชอบ : นางสาวปัญญดา ปิ ติ เลขที่ 27 ผู้รับผดิ ชอบ : นางสาวพิชญากร บุญฤทธ์ิ เลขท่ี 28 คำถำม : 1.เร่ืองกินรีมโนราห์ไดค้ วามคิดมาจากเรื่องใด คำถำม : 5.บุคคลสาคญั ของวงการนาฏศิลป์ และการละครไทยในสมยั อยธุ ยาคือใคร ก. รามเกียรต์ิ ข. พระสุธนชาดก ก. ขา้ ราชการ ขนุ นาง ค. ดาหลงั ข. เจา้ พระยาธรรมศกั ด์ิมนตรี ง. โขน ค. ตารวจ ทหารมหาดเลก็ ผู้รับผดิ ชอบ : นางสาวอสั รียา ยามาเจริญ เลขที่ 32 ง. ครูสอนนาฏศิลป์ ในวงั คำถำม : 2.การแสดงประเภทระบา รา ฟ้อน ในสมยั สุโขทยั น้นั มีวิวฒั นาการมาจากส่ิงใด ผ้รู ับผดิ ชอบ : นางสาวณฐั ณิชา เปี ยฉิม เลขที่ 24 ก. โขน คำถำม : 6.หลงั จากสมเด็จพระเจา้ กรุงธนบุรีปราบดาภิเษกกรุง ธนบุรีข้ึนไดพ้ ระราชนิพนธ์บทละครเร่ืองใดเพิ่มข้ึนอีก ข. ละครนอก ละครใน ก. อิเหนา ค. การละเลน่ ของชาวบา้ น ข. ดาหลงั ค. อณุ รุท ง. ละครไทย ง. รามเกียรต์ิ ผ้รู ับผดิ ชอบ : นางสาวพมิ พพ์ ิชชา มณีอินทร์ เลขที่ 31 เฉลย คำถำม : 3.พระเจา้ กรุงธนบุรีทรงพระราชนิพนธ์บทละคร เร่ืองใดเพ่มิ เติมจากเดิม เพิม่ ท้งั หมดก่ีตอน 123456 ขคขคคง ก. เร่ืองอิเหนา 3 ตอน ข. เร่ืองรามเกียรต์ิ 5 ตอน ค. เรื่องอุณรุท 4 ตอน ง. เร่ืองรามเกียรต์ิ 3 ตอน ผ้รู ับผดิ ชอบ : นางสาวกรกฎ ดวงใหญ่ เลขที่ 23 คำถำม : 4.รามเกียรต์ิเป็นหลกั ฐานของความสมั พนั ธ์ ระหวา่ งไทยกบั ประเทศใดและแบ่งออกไดก้ ี่ประเภท ก. เขมร แบ่งออกเป็น 4 ประเภท ข. อินเดีย แบ่งออกเป็น 4 ประเภท ค. อินเดีย แบ่งออกเป็น 3 ประเภท ง. เขมร แบ่งออกเป็น 3 ประเภท
ข้อสอบเรื่องวิวัฒนาการของนาฏศิลป์เเละการละครไทย ของรัตนโกสินทร์สมัยรัชกาลที่1ถึงรัชกาล9 1.สมัยรัตนโกสินทร์ มีบทพระราชนิพนธ์ละครนอกในรัชกาลที่เท่าไร ก. รัชกาลที่ 1 ตอบ ข.รัชกาลที่2 ข. รัชกาลที่ 2 ค. รัชกาลที่ 3 ง. รัชกาลที่ 4 2.การดัดแปลงการรำเบิกโรงชุดประเลงเป็นรำดอกไม้เงินทองเกิดในสมัยรัตนโกสินทร์ ในรัชกาลใด ก.รัชกาลที่ 1 ข.รัชกาลที่ 3 ตอบ ง.ไม่มีข้อที่ถูก ค.รัชกาลที่ 5 ง.ไม่มีข้อที่ถูก 3.บุคคลใดเป็นผู้จัดตั้งกรมมหรสพขึ้นในสมัยรัตนโกสินทร์ ก. พระพุทธยอดฟ้าจุฬาโลกมหาราช ข.พระบาทสมเด็จพระนั่งเกล้าเจ้าอยู่หัว ตอบ ง.พระบาทสมเด็จพระมงกุฎเกล้าเจ้าอยู่หัว ค.พระบาทสมเด็จพระจุลจอลเกล้าเจ้าอยู่หัว ง.พระบาทสมเด็จพระมงกุฎเกล้าเจ้าอยู่หัว 4.ข้อใดจับคู่ เหตุการณ์สำคัญของวิวัฒนาการนาฏศิลป์และการละครไทย สมัยรัตนโกสินทร์ ร.1-ร.9 ไม่ถูกต้อง ก. รัชสมัยพระบาทสมเด็จพระนั่งเกล้าเจ้าอยู่หัวยกเลิกละครหลวงทำให้นาฏศิลป์ไทยเป็นที่นิยมแพร่ หลายในหมู่ประชาชน ข.รัชสมัยสมเด็จพระปกเกล้าเจ้าอยู่หัวโปรดให้มีการจัดตั้งศิลปากรขึ้นแทนกรมมหรสพที่ถูกยุบไป ค. รัชสมัยพระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัวอานันทมหิดลการดัดแปลงการำเบิกโรงชุดประเริงมาเป็น รำ ดอกไม้เงินทอง ง. รัชสมัยสมเด็จพระพุทธเลิศหล้านภาลัยมีการปรับปรุงเครื่องแต่งกายยืนเครื่องแบบละครใน ตอบ ค. รัชสมัยพระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัวอานันทมหิดล การดัดแปลงการำเบิกโรงชุดประเริงมาเป็น รำดอกไม้เงินทอง 5.ในรัชสมัยของพระบาทสมเด็จพระเจ้ าอยู่ภูมิพลอดุลยเดช หรือในหลวงรัชกาลที่9 ได้ทรงมีการส่งเสริมให้ผู้เชี่ยวชาญด้านนาฏศิลป์ไทยประดิษฐ์ระบำชุดใหม่คือระบำใด ก.ระบำพม่าไทยอธิษฐาน 1.นายเมธัส ศรีสงคราม เลขที่ 1 (ข้อ1) ข.ระบำดาวดึงส์ 2.นายศักดิ์นที อ่อนรักษ์ เลขที่ 14 (ข้อ2) ค.ระบำนพรัตน์ 3.นางสาวชนม์นิภา นุชพุ่ม เลขที่ 17 (ข้อ3) ง.ระบำเริงอรุณ 4.นางสาวจุฬาบดี ชอบกิจ เลขที่ 24 (ข้อ4) 5.นางสาวศุภิสรา ทองจินดา เลขที่ 26 (ข้อ5) ตอบ ก.ระบำพม่าไทยอธิษฐาน
เลขานกุ าร GROU นางสาวนวพร ราญฎร (บีม) กลุ่ม:ละครไ เลขที 39 อเี มล : [email protected] เบอร์ : 0816901152 เฟสบุ๊ค:Beam Nawaporn Line:0816901152 นางสาวสุวภิ า บวั สาย (ไอเดีย) เลขที 36 อเี มล : [email protected] เบอร์ : 0936438195 เฟสบุค๊ :Suwipa Buasai Line: 0936438195
หวั หน้า รองหวั หน้า นางสาววนิสา แซ่ตัน (การต์ ูน) นางสาวนันทวดี ตุ้นสุวรรณ เลขที 18 เลขที34 อเี มล : [email protected] อเี มล : [email protected] เบอร์ : 0642488535 เบอร์ : 0635395485 เฟสบุ๊ค : Kartoon Vanisa เฟสบุ๊ค : Nunthawadee Tunsuwan Line : 0642488535 Line : 063535485 UP WORK นางสาวกฤตขวญั จันทวรรณโณ (ซีน) ไทยละครเธอ เลขที 24 นางสาวบณั ฑิตา สุทธนิ นท์ (เนติ) อเี มล: [email protected] เลขที 40 เบอร:์ 0617953207 อเี มล:[email protected] เฟสบุ๊ค: Seen kritkwan เบอร:์ 0933748981 Line: 0617953207 เฟสบุค๊ : Buntita Suttinon Line: buntita nay
ละครชาตรแี ต่โบราณ ใชบ้ รเิ วณทีกลางแจ้ง หรอื ศาลเจ้าก็ได้ แม้ฉากก็ไม่ต้องมี ตัวยนื เครอื งแต่งกายน่งุ สนับเพลา บรเิ วณทีแสดงในสมัยโบราณใชเ้ สา ๔ ต้น ปก ๔ มุม เปนสีเหลียมจัตุรสั มีเตียง น่งุ ผ้าคาดเจียระบาดมีหอ้ ยหน้า หอ้ ยข้าง สวมสังวาล ๑ เตียง จะลงเสากลางซึงถือวา่ เปนเสามหาชยั อกี ๑ เสา ทับทรวง กรองคอกับตัวเปล่า บนศีรษะสวมเทรดิ เท่านัน : การผัดหน้าในสมัยโบราณใชข้ มินลงพืนสีหน้าจนนวลป ในสมัยโบราณตัวละครมักเปนผู้ด้นกลอน นเหลือง และรอ้ งเปนทํานองเพลงรา่ ย และปจจุบันเพลงรอ้ งมักมีคําวา่ \"ชาตร\"ี อยูด่ ้วย เชน่ รา่ ยชาตรี รา่ ยชาตรกี รบั รา่ ยชาตรี ราํ ชาตรี ชาตรตี ะลุง รชั กาลที ๓ โปรดเกล้าฯ ให้ สถานทีแสดง สมเด็จเจ้าพระยาบรมมหาประยุรวงศ์ (ดิศ การแต่งกาย เพลงรอ้ ง บุนนาค) ยกทัพลงไประงบั เหตุการณ์รา้ ยทางหวั เมืองภา วงดนตรปี พาทยท์ ีประกอบการแสดงมี ป ๑ จะแต่งกายเชน่ เดียวละครในทีเรยี กวา่ “ยนื เครอื ง” เลา โทน ๑ คู่ กลองเล็ก ๑ คู่ และฆ้อง ๑ คู่ นอกจากบางเรอื งทีดัดแปลงเพือความเหมาะสม คใต้ทําใหน้ ักแสดงโนราห์ นายพูน เรอื งนนท์ สืบเชอื สาย พากันอพยพติดตามกองทัพเข้ามายงั กรุงเทพฯ ละครชาตรี เปนละครเรค่ ล้ายของอนิ เดียทีเรยี กวา่ \"ยาตร\"ี หรอื และใหต้ รงกับความเปนจรงิ มาจากโนราเมืองนครศรธี รรมราช \"ยาตราซึงแปลวา่ เดินทางท่องเทียว บุคคลสําคัญ ดนตรี ผู้แสดงต้องรอ้ งเองราํ เอง ไม่มีบรรยายกิรยิ าของตัวละคร ตังแต่ครงั รชั กาลที ๓ โดยตังบ้านเรอื น ละครยาตรานีคือละครพนื เมืองของชาวเบงคลีในประเทศอนิ เดีย ซึงเปนละครเร่ การแสดง มีการตกแต่งฉากและสถานที ใชแ้ สง สี เสียง ประกอบฉาก และคณะละครขึน ท่านผู้หญิงแผ้ว สนิทวงศ์เสนี นิยมเล่นเรอื ง คีตโควนท์ นับเปนต้นแบบในการจัดฉากประกอบการแสดงของโขนละคร ผลงานเกียวกับการแสดงศิลปะนาฏ ต้นตระกูลเรอื งนนท์ คือ ส่วนละครราํ ของไทยเพิงจะเรมิ เล่นในสมัยตอนต้นกรุงศรอี ยุธยา การแสดงมักแสดงตอนสันๆ พระศรชี ุมพลเฉลิม (เรอื ง) กรรม เชน่ ท่าราํ ของตัวพระ นาง ละครไทยอาจได้แบบอยา่ งจากละครอนิ เดีย เพือดึงดูดผู้ชมและยงั มีโหมโรงเฉพาะตอนต่างๆ ซึงรบั ราชการ ทีเมืองนครศรธี รรมราช ยกั ษ์ ลิง และตัวประกอบ เนืองจากศิลปวฒั นธรรมของอนิ เดียแพรห่ ลายมายงั ประเทศต่างๆในแหลมอนิ โดจีน ก่อนเข้าเนือเรอื ง เปนครูสอนโนรา : การแสดงโขน ละครชาตรี : จึงทําให้ และเมือแสดงจบจะมีเพลงสรรเสรญิ พระบารมีทีมีเนือเพลงเฉ ในสมยั โบราณ ละครชาตรนี ิยมแสดงเรอื งจกั รๆวงศ์ๆ เรอื งทีแสดง มีบางสิงบางอยา่ งคล้ายกัน พาะ โดยเฉพาะเรอื งพระสธุ นนางมโนหร์ า กับรถเสน (นางสบิ สอง) ในสมัยโบราณละครชาตรเี ปนทีนิยมแพรห่ ลายทางภาคใต้ของไทย นอกจากนียงั มี บทละครชาตรที ีนํามาจากบทละครนอก เรอื งทีแสดงคือเรอื งพระสุธนนางมโนหร์ า จึงเรยี กการแสดงประเภทนีวา่ \"โนหร์ าชาตร\"ี เรมิ ต้นจะต้องทําพิธบี ูชาครูเบิกโรง หลังจากนันปพาทยก์ ็โหมโรงชาตรี (สาํ นวนชาวบา้ น) ได้แก่ ลักษณวงศ์ ตัวยนื เครอื งออกมาราํ ซัดหน้าบทตามเพลง: ตอนถวายพราหมณ์ถึงฆา่ พราหมณ์เกสร แก้วหน้ามา้ เปนต้น นางสาวสุวภิ า บวั สาย เลขที 36 ม 4/7 แหล่งสืบค้น : วงปพาทยด์ ึกดําบรรพ์ เปนวงดนตรที ีมีเสียงทุ้มน่มุ นวล ประกอบไปด้วย สืบค้นวนั ที 22 พฤศจิกายน 2564 ระนาดเอก (ใชไ้ ม้นวมตี) ระนาดทุ้ม ระนาดทุ้มเหล็ก ฆ้องวงใหญ่ ขลุ่ยเพียงออ ขลุ่ยอู้ ซออู้ ฆ้องหุย่ ๗ ใบ ผูแ้ สดง ในสมัยโบราณจะใชผ้ ู้ชายแสดงล้วน มีตัวละครเพียง ๓ ตัว คือ ตัวนายโรง ตัวนาง ตะโพน กลองตะโพน และฉิง และตัวตลก : พระบาทสมเด็จพระพุทธเลิศหล้านภาลัย สมเด็จฯเจ้าฟากรมพระอนรุ กั ษ์เทเวศร์ (ทรงเลือกเรอื งทีใชแ้ สดงละครนอกสมัยอยุธ กรม พระราชวงั บวรสถานพิมุข ยาบาง (พระนิพนธบ์ ทละครเรอื งพระศรเี มือง) เรอื งมาทรงพระราชนิพนธใ์ หม่เฉพาะตอนทีใ หล้ ะครผู้หญิงของหลวงเล่น) ในสมัยโบราณจะใชผ้ ู้ชายแสดงล้วน บุคคลสําคัญ ผู้แสดงจะต้องมีความคล่องแคล่วในการราํ และรอ้ ง มีความสามารถทีจะหาคําพูดมาใชใ้ นการแสดงได้อย่ โรงละครเปนรูปสีเหลียมดูได้ ๓ ด้าน (เดิม) กันฉากผืนเดียวโดยไม่ต้องเปลียนแปลงไปตามท้องเรอื ง างทันท่วงทีกับเหตุการณ์ มีประตูเข้าออก ๒ ทาง เพราะขณะแสดงต้องเจรจาเอง หน้าฉากตรงกลางตังเตียงสําหรบั ตัวละครนัง ด้านหลังฉากเปนส่วนสําหรบั ตัวละครพักหรอื แต่งตัว มีความมุ่งหมายในการแสดงเรอื งมากกวา่ ความประณีตใ ผูแ้ สดง สถานทีแสดง นการรา่ ยราํ ฉะนันในการดําเนินเรอื งจะรวดเรว็ ละครชาตรี ละครราํ แบบมาตรฐานดังเดิม ตลกขบขัน ละครใน ไม่พิถีพิถันในเรอื งของขนบธรรมเนียมประเพณี การใชถ้ ้อยคําของผู้แสดง มักใชถ้ ้อยคํา \"ตลาด\" เปนละครทีชาวบ้านเรยี กกันเปนภาษาธรรมดาวา่ \"ละครตลาด\" ทังนีเพือใหท้ ันอกทันใจผู้ชมละคร ในขันแรกตัวละครแต่งตัวอยา่ งคนธรรมดาสามัญ การแสดง ละครนอก มีมาตังแต่ครงั กรุงศรอี ยุธยา ละครนอก ละครไทยประเภทละครราํ ละค เปนเพียงแต่งใหร้ ดั กุมเพือแสดงบทบาทได้สะดวก เปนละครทีแสดงกันนอกราชธานี แต่เดิมคงมาจากการละเล่นพืนเมือง (กลุ่ม ละครไทยละครเธอ) ตัวแสดงบทเปนตัวนางก็นําเอาผ้าขาวม้ามาหม่ สไบเฉียง การแต่งกาย ใหผ้ ู้ชมละครทราบวา่ ผู้แสดงคนนันกําลังแสดงเปนตัวนาง และรอ้ งแก่กัน แล้วต่อมาภายหลังจับเปนเรอื งเปนตอนขึน ถ้าแสดงบทเปนตัวยกั ษ์ก็เขียนหน้าหรอื ใส่หน้ากาก เรอื งทีแสดง เปนละครทีดัดแปลงววิ ฒั นาการมาจากละคร \"โนหร์ า\" หรอื \"ชาตร\"ี ต่อมามีการแต่งกายใหด้ ูงดงามมากขึน วจิ ิตรพิสดารขึน แสดงได้ทุกเรอื งยกเวน้ ๓ เรอื ง คือ อเิ หนา อุณรุฑ โดยปรบั ปรุงวธิ แี สดงต่างๆ ตลอดจนเพลงรอ้ ง เพราะเลียนแบบมาจากละครใน และรามเกียรติ สมัยรตั นโกสินทร์ และดนตรปี ระกอบใหแ้ ปลกออกไป บางครงั เรยี กการแต่งกายลักษณะนีวา่ \"ยนื เครอื ง\" มีบทพระราชนิพนธล์ ะครนอกในรชั กาลที ๒ อกี ๖ เรอื ง นางสาวกฤตขวญั จันทวรรณโณ เลขที 24 ม 4/7 คือ สังข์ทอง ไชยเชษฐ์ ไกรทอง มณีพิชยั คาวี และสังข์ศิลปชยั (สังข์ศิลปชยั สืบค้นเมือวนั ที 22/11/64 เปนพระราชนิพนธใ์ นรชั กาลที ๓ เพลงรอ้ ง เมือครงั ดํารงพระยศเปนกรมหมืนเจษฎาบดินทร์ โดยรชั กาลที ๒ ทรงแก้ไข) มักเปนเพลงชนั เดียว หรอื เพลง ๒ ชนั ทีมีจังหวะรวดเรว็ มักจะมีคําวา่ \"นอก\" ติดกับชอื เพลง ดนตรี มักนิยมใชว้ งปพาทยเ์ ครอื งหา้ ก่อนการแสดงละครนอก ปพาทยจ์ ะบรรเลงเพลงโหมโรงเยน็ เปนการเรยี กคนดู การแสดงละครในนันเนืองจากผู้แสดงละครในเปนนางใน การแสดง ละครในพบครงั แรกในหนังสือบุณโณวาทคําฉันท์ บุคคลสําคัญ คิดเสภาตลกขึนอกี ชุดห ซึงได้รบั ยกยอ่ งวา่ เปนผู้มีกิรยิ ามารยาทงดงาม เพราะฉะนันละครใน เพลงรอ้ ง พรรณาวา่ แสดงเรอื งอเิ หนา ตอนลักบุษบาหนีเขา้ ถา นแผ จึงมีความมุ่งหมายอยูท่ ีศิลปะของการรา่ ยราํ ต้องใหแ้ ชม่ ชอ้ ยมีสงา่ นายรุง่ (ครูละครใน) แสดงแพรห่ ลายในสมัยพระเจ้าอยูห่ วั บรมโกศ โดยแสดงเรอื งพระรถเส ทังยงั ต้องรกั ษาแบบแผนจารตี ประเพณี ต่อมาพระบาทสมเด็จพระพุทธยอดฟาจุฬาโลกได้ทรงฟนฟูการละครครงั ใหญ่ เปนบุคคลในสมัยรชั กาลที 1 ดังได้กล่าวมาแล้วในเรอื งประวตั ิของการละครหา้ สมัย ได้ทรงพระราชนิพนธบ์ ทละครใน เปนตัวนางเอกละครเจ้าฟากรมหลวงเทพหรริ กั ษ์ ขุนสําเนียงวเิ ว ปรบั ปรุงใหม้ ีทํานอง และจังหวะนิมนวล บุณยเก สละสลวย ตัวละครไม่รอ้ งเอง มีต้นเสียง เพอื เปนต้นฉบบั สําหรบั พระนครขนึ ทัง ๔ เรอื งอยา่ งสมบูรณ์ ต่อมาได้เปนครูนาง และลูกคู่ มักมีคําวา่ \"ใน\" อยูท่ ้ายเพลง เชน่ ในสมัยพระบาทสมเด็จพระพุทธเลิศหล้านภาลัย อยา่ งเดียวกับนายทองอยูเ่ ปนครูยนื เครอื ง รว่ มกับนายเกร จนเรยี กวา่ เปน “ยุคทองของละครใน” เปนครูคู่กันมาแต่ในรชั กาลที ๒ จนรชั กาลที ๓ ชา้ ปใน โอโ้ ลมใน คําวา่ “ละครใน” สมเด็จกรมพระยาดํารงราชานภุ าพ มักนิยมแสดงเพียง ๓ เรอื ง คือ อุณรุฑ เนือเรอื งทีแสดง ทรงมีพระราชดํารสั วา่ มาจากคําวา่ “นางใน” อเิ หนา และรามเกียรติ ต่อมาเรยี กใหส้ ันเขา้ จนเหลือแต่ “ละครใน\" ดนตรี นางสาวนันทวดี ตุ้นสุวรรณ เลขที 34 แหล่งสืบค้น: สืบค้นวนั ที 24 พฤศจิกายน 2564 ผู้แสดง เปนหญิงฝายใน เดิมหา้ มบุคคลภายนอกหดั ละครใน จนถึงสมัยรชั กาลที ๔ ทรงเลิกข้อหา้ มนัน ต่อมาภายหลังอนญุ าตใหผ้ ู้ชายแสดงได้ด้วย ผู้แสดงละครในต้องเปนผู้ทีมีความสามารถตีบทใ หแ้ ตก และมีลักษณะทีท้าวทีพญา การแต่งกาย พิถีพิถันตามแบบแผนกษัตรยิ จ์ รงิ ๆ สถานทีแสดง สถานทีแสดง เรยี กวา่ \"ยนื เครอื ง\" ทังตัวพระ และตัวนาง แสดงบนเวที แต่เดิมแสดงในพระราชฐานเท่า มีการจัดฉากไปตามท้องเรอื งเชน่ เดียวกับละครดึ นัน ต่อมาไม่จํากัดสถานที กดําบรรพ์ ตัวอยา่ งการจัดฉากจาก เรอื งขุนชา้ ง-ขุนแผน ตอนพลายเพชร พลายบัวออกศึก(จับตอนพลายบัวเข้าดงกล้วยตา นี) มักนิยม ตา
เรอื งสังข์ทอง คาวตี อนสามหงึ อเิ หนาตอนไหวพ้ ระ สังข์ศิลปชยั ภาคต้นกรุงพานชมทวปี สมเด็จพระเจ้าบรมวงศ์เธอ รามเกียรติ อุณรุฑ มณีพิชยั ศกุนตลา ท้าวแสนปม พระเกียรติรถ สองกรวรวกิ จันทกินรี เจ้าพระยานรศิ รานวุ ดั ติวงศ์ พระยศเกตุ หลวงประดิษฐ์ไพเราะ (ตาด ตาตะนันท์) ใชผ้ ูห้ ญิงล้วน จะคัดเลือกจาก รูปรา่ งหน้าตา เพลงรอ้ งจะใชเ้ พลงไทยของเก่าและพระนิพนธข์ นึ ใหม่ ทรงพระราชนิพนธบ์ ท และทรงเลือกสรร และสามารถขับรอ้ งได้ไพเราะ ปรบั ปรุงทํานองเพลง ออกแบบฉาก และกํากับการแสดง เรอื งทีแสดง เปนผูจ้ ัดทํานองเพลง ควบคุมวงดนตรี ผู้แสดง เพลงรอ้ ง การแต่งกาย ละครดึกดําบรรพ์ เปนละครแบบหนึงทีมีเนือเรอื งงรวดเรว็ กําเนิดเมือป บุคคลสําคัญ หม่อมเข็ม กุญชร ณ อยุธยา เปนผู้ปรบั ปรุง ประดิษฐ์ท่าราํ และฝกสอนใหเ้ ข้ากับบท พ ศ ๒๔๔๒ (ภรรยาของเจ้าพระยาเทเวศรว์ งศ์ววิ ฒั น์ ) และลํานําทํานองเพลง ลักษณะการแสดง ดนตรี ละครดึกดําบรรพ์มีทีมามาจาก เจ้าพระยาเทเวศรว์ งศ์ววิ ฒั น์ ได้เดินทางไปยุโรป เจ้าพระยาเทเวศรว์ งศ์ววิ ฒั น์ (ม ร ว หลาน เปนผู้ใหก้ ําเนิดละครดึกดําบรรพ์ในรชั กุญชร) กาลที 5 และได้ชมละครโอเปรา่ เมือกลับมาจึงคิดทําละครโอเปรา่ แบบไทย หลวงเสนาะดุรยิ างค์ (ทองดี ทองพรุฬห)์ จึงเล่าถวายสมเด็จพระเจ้าบรมวงศ์เธอ เจ้าพระยานรศิ รานวุ ดั ติวงศ์ เปนผู้ควบคุมและฝกสอนการขับรอ้ ง ก็โปรดเหน็ วา่ ดี ทําใหไ้ ด้เกิดการสรา้ งละครดึกดําบรรพ์ นางสาววนิสา แซ่ตัน เลขที 18 ม 4/7 แหล่งสืบค้น: สืบค้นเมือวนั ที 23 พฤศจิกายน 2564 ก บ มักแสดงตามโรงละครทัวไป เนืองจากต้องมีการจัดฉากประกอบใหด้ ูสมจรงิ มากทีสุด สถานทีแสดง เพลงรอ้ ง ทีใชร้ อ้ งจะเปนเพลงภาษา 1. เจ้าพระยามหนิ ทรศักดิธาํ รง (เพ็ง เพ็ญกุล) เปนข้าราชการชาวไทย สําหรบั เพลงภาษานันหมายถึงเพลงประเภทหนึงทีคณาจารยด์ ุรยิ าง ต้นสกุล \"เพ็ญกุล\" ผู้ก่อตังโรงละครอยา่ งตะวนั ตกโดยใชช้ อื วา่ ปรนิ ซ์เธยี รเ์ ตอร์ (Prince Theatre) คศิลปได้ประดิษฐ์ขึน จากการสังเกต และการรเิ รมิ แสดงละครโดยเก็บค่าชม และการศึกษาเพลงของชาติต่างๆ วา่ มีสําเนียงเชน่ ใด 2. พระเจ้าบรมวงศ์เธอ กรมพระนราธปิ ประพันธพ์ งศ์ มีพระนามเดิมวา่ แล้วจึงแต่งเพลงภาษาขึนโดยใชท้ ํานองอยา่ งไทยๆ พระเจ้าลูกยาเธอ พระองค์เจ้าวรวรรณากร เปนพระบิดาแหง่ การละครรอ้ ง แต่ดัดแปลงใหม้ ีสําเนียงของภาษาของชาตินันๆหรอื อาจจะนําสําเนีย เปนพระราชโอรสในพระบาทสมเด็จพระจอมเกล้าเจ้าอยูห่ วั กับเจ้าจอมมารด าเขียน เปนกวแี ละนักประพันธ์ งของภาษานันๆมาแทรกไวบ้ ้าง เพือนําทางใหผ้ ู้ฟงทราบวา่ ทรงดํารงตําแหน่งรองเสนาบดีกระทรวงพระคลังมหาสมบัติ เปนเพลงสําเนียงอะไร และได้ตังชอื เพลงบอกภาษานันๆ เชน่ มอญดูดาว จีนเก็บบุปผา ลาวชมดง ลาวราํ ดาบ แขกลพบุรี เปนต้น ส่วนมากดัดแปลงมาจากบทละครนอก เรอื งทีแต่งขึนในระยะหลังก็มี เชน่ พระอภัยมณี เรอื งทีแต่งขึนจากพงศาวดารของไทยเอง และของชาติต่างๆ เชน่ คนรอ้ งซึงมีตัวละคร ต้นเสียง และลูกคู่ จะต้องเข้าใจในการแสดงของละคร เพลงรอ้ ง จีน แขก มอญ ลาว ได้แก่ เรอื งหอ้ งสิน ตังฮนั สามก๊ก ซุยถัง ราชาธริ าช เปนต้น นอกจากนีก็ยงั มีเรอื งทีปรบั ปรุงจากวรรณคดีเก่าแก่ของภาคเหนือ เชน่ และเพลงดนตรเี ปนอยา่ งดี พระลอ ดนตรี มักนิยมใชว้ งปพาทยไ์ ม้นวม เรอื งใดทีมีท่าราํ เพลงรอ้ ง บุคคลสําคัญ เรอื งทีแสดง ดําเนินเรอื งด้วยคํารอ้ ง เนืองจากเปนละครแบบผสมดังกล่าวแล้ว และเพลงดนตรขี องต่างชาติผสมอยูด่ ้วย ประกอบกับเปนละครทีไม่แน่นอนวา่ จะต้องเปนอยา่ งนันอยา่ งนี ดังนันบางแบบต้นเสียง การแสดง และคู่รอ้ งทังหมดเหมือนละครนอก ละครใน บางแบบต้นเสียงลูกคู่รอ้ งแต่บทบรรยายกิรยิ า ก็จะเพิมเครอื งดนตรอี นั เปนสัญลักษณ์ของภาษานันๆ เรยี กวา่ ผูแ้ สดง \"เครอื งภาษา\" เข้าไปด้วยเชน่ ภาษาจีนก็มีกลองจีน กลองต๊อก การแต่งกาย ส่วนบททีเปนคําพูด ตัวละครจะรอ้ งเองเหมือนละครรอ้ ง มีบทเจรจาเปนคําพูดธรรมดาแทรกอยูบ่ ้าง ดังนันการทีจะทําใหผ้ ู้ชมรูเ้ รอื งราว แต๋ว ฉาบใหญ่ ส่วนพม่าก็มีกลองยาวเพิมเติมเปนต้น และเกิดอารมณ์ต่างๆจึงอยูท่ ีถ้อยคํา ละครดึกดําบรรพ์ ละครพันทาง คือ ละครทีมีลักษณะผสมละครราํ และการใชท้ ่าทางอยา่ งสามัญชน เกิดใน ครราํ แบบปรบั ปรุงขนึ ใหม่ รชั สมัยพระบาทสมเด็จพระจุลจอมเกล้าเจ้าอยูห่ วั มักนิยมใชผ้ ู้แสดงชาย และหญิงแสดงตามบทบาทตัวละครทีปรากฏในเรื ละครเสภา ละครพนั ทางเปนละครทีเกิดขนึ จากแนวคิดของเจ้าพระยามหนิ ทรศักดิธาํ รงได้นํา เอาเรอื งพงศาวดารของชาติต่างๆ มาแสดงละครโดยใชท้ ่าราํ ของชาตินันๆ อง มาผสมกับท่าราํ ของไทย ต่อมาพระเจ้าบรมวงศ์เธอ กรมพระนราธปิ ประพนั ธพ์ งศ์ได้ทรงปรบั ปรุงรูปแบบของละคร ไม่แต่งกายตามแบบละครราํ ทัวไป โดยแบ่งวธิ แี สดงออกเปนฉากตามสถานทีทีปรากฏในท้องเรอื ง แต่จะแต่งกายตามลักษณะเชอื ชาติ เชน่ นอกจากนีได้นําเอาท่าราํ ทีได้ ดัดแปลงมาจากชาติอนื ๆ แสดงเกียวกับเรอื งมอญ ก็จะแต่งแบบมอญ แสดงเกียวกับเรอื งพม่า ก็จะแต่งแบบพม่า มาผสมกับท่าราํ ทีเปนแบบแผนของไทยและท่าธรรมชาติของสามัญชนทีใชใ้ นชวี ติ ปร ะจําวนั เขา้ มาผสมด้วย โดยเหตุทีพระเจ้าบรมวงศ์เธอ กรมพระนราธปิ ประพันธพ์ งศ์ เปนต้น เปนผู้ปรบั ปรุงวธิ กี ารแสดงและเปนผู้บญั ญัติแบบแผนของการแสดงละครประเภทนี จึงทําใหล้ ะครประเภทนีได้รบั การเรยี กชอื วา่ “ ละครพนั ทาง ” นางสาวบัณฑิตา สุทธนิ นท์ เลขที 40 ม 4/7 สืบค้นวนั ที แหล่งสืบค้น 22/11/64 สถานทีแสดง แสดงบนเวที มีการจัดฉากไปตามท้องเรอื งเชน่ เดียวกับ ละครดึกดําบรรพ์ สมเด็จพระเจ้าบรรมวงศ์เธอ กรมพระยาดํารงราชานภุ าพ ชว่ ยกันชาํ ระเสภาขุนชา้ ง – ขุนแผน กับพระราชวรวงศ์เธอกรมหมืนกวพี จน์สุปรชี า แก้ไขกลอนใหเ้ ชอื มติดต่อกันและพิมพ์เปนฉบับหอสมุดแห่ สมเด็จพระเจ้าบรรมวงศ์เธอ กรมพระยาดํารงราชานภุ าพ งชาติขึนครงั แรก พระราชวรวงศ์เธอกรมหมืนกวพี จน์สุปรชี า หนึงเลียนแบบขุนชา้ งขุ บุคคลสําคัญ ขุนรามเดชะ (หว่ ง) บางท่านวา่ ขุนราม (โพ) ผู้รเิ รมิ เสภาราํ แบบตลก ผน สนตอนฤาษีแปลงสาร วกวอน (น่วม กียรติ) นิ และนายพัน ละครเสภา กําเนดิ มาจากการเล่านทิ าน เมอื การเล่านทิ านเปนทีนยิ มแพรห่ ลาย เพลงรอ้ ง มีลักษณะคล้ายละครพันทาง ทําใหเ้ กิดการปรบั ปรงุ แขง่ ขนั กันขนึ ผเู้ ล่าบางท่านจงึ คิดแต่งเปนกลอน ใสท่ ํานองมเี ครอื งประกอบจงั หวะ ดนตรี แต่จะมีการขับเสภาซึงเปนบทกลอนสุภาพแทรกอยูใ่ นเรอื งตลอดเ คือ \"กรบั \" จนกลายเปนขบั เสภาขนึ เสภามมี าตังแต่สมยั กรงุ ศรอี ยุธยาสนั นิษฐานวา่ มขี นึ ในสมยั สมเด็จพระบรมไตรโลกนาถ ราว พ ศ ๒๐๑๑ เรอื งทีแสดง วลา โดยจะดําเนินเรอื งด้วยการขับเสภา เสภาในสมยั โบราณไมม่ ดี นตรปี ระกอบ การแต่งกาย มีต้นเสียงกับลูกคู่เปนผู้ขับเสภา จนถึงสมัยพระบาทสมเด็จพระพุทธเลิศหล้านภาลัย จึงทรงพระกรุณาโปรดเกล้าฯ ส่วนถ้อยคําทีเปนบทขับเสภาหรอื บทขับรอ้ งของผู้แสดง ใหม้ ีปพาทยบ์ รรเลงประกอบเสภา ผู้แสดงจะต้องขับเสภาหรอื รอ้ งเอง สมัยรชั กาลที ๓ นิยมเพลงอตั รา ๓ ชนั เพลงทีรอ้ ง และบรรเลงในการขบั เสภาซึงเคยขับเพลง ๒ ชนั มักนิยมใชว้ งปพาทยเ์ ครอื งหา้ บรรเลง ก็เปลียนเปน ๓ ชนั บา้ ง และใชก้ ันมาจนปจจุบันนี และมีกรบั ขยบั ประกอบการขับเสภา สมัยรชั กาลที ๕ ได้มีผู้คิดเอาตัวละครเขา้ มาแสดงการราํ และทําบทบาทตามคําขับเสภา และรอ้ งเพลง มักจะนํามาจากนิทานพืนบ้าน เชน่ เรอื งขุนชา้ งขุนแผน เรยี กวา่ \"เสภาราํ \" มีเหตุการณ์เปลียนแปลงคือ พวกขับเสภาสํานวนแบบนอก ไกรทอง หรอื จากบทพระราชนิพนธใ์ นรชั กาลที ๖ เชน่ คือใชภ้ าษาพนื บ้านหนั มาสนใจสํานวนหลวง พญาราชวงั สัน สามัคคีเสวก สมัยรชั กาลที ๖ สมเด็จพระเจ้าบรมวงศ์เธอ กรมพระยาดํารงราชานภุ าพ กับพระราชวรวงศ์เธอ กรมหมืนกวพี จน์สุปรชี า ชว่ ยกันชาํ ระเสภาขุนชา้ งขุนแผน แก้ไขกลอนใหเ้ ชอื มติดต่อกัน แต่งกายตามท้องเรอื งคล้ายกับละครพันทาง และพมิ พ์เปนฉบับหอสมุดแหง่ ชาติขนึ ครงั แรก เมือ พ ศ ๒๔๖๐ ซึงเปนแบบแผนของการแสดงขบั เสภา ซึงต่อมากลายเปน \"ละครเสภา\" ตัวอยา่ งการแต่งกายจากการแสดงเรอื งขุนชา้ งขุ นแผน แหล่งสืบค้น : นางสาวนวพร ราญฎร เลขที39 ม 4/7 สืบค้นเมือวนั ที 22 พฤศจิกายน 2564 ผูแ้ สดง การแสดง มใชผ้ ู้แสดงชาย และหญิง เสภาราํ เกิดขึนในสมัยรชั กาลที ๕ กระบวนการเล่นมีการขับเสภา ามบทเสภาของเรอื ง และเครอื งปพาทย์ บางครงั ก็ใชม้ โหรแี ทน สภาทรงเครอื ง สมัยรชั กาลที ๔ วงปพาทยไ์ ด้ขยายตัวเปนเครอื งใหญ่ มีตัวละครออกแสดงบทตามคําขับเสภา และมีเจรจาตามเนือรอ้ ง เมือปพาทยโ์ หมโรงจะเรมิ ด้วย \"เพลงรวั ประลอง เสภา\" ต่อด้วย \"เพลงโหมโรง\" เชน่ เสภาราํ มีแบบสุภาพ และแบบตลก เพลงไอยเรศ เพลงสะบัดสะบิง หรอื บรรเลงเปนชุดสันๆ เชน่ เพลงครอบจักรวาล แล้วออกด้วยเพลงม้ายอ่ งก็ได้ ข้อสําคัญเพลงโหมโรงจะต้องลงด้วยเพลงวา จึงจะเปน \"โหมโรงเสภา\" เมือปพาทยโ์ หมโรงแล้ว คนขับก็ขับเสภาไหวค้ รูดําเนินเรอื ง ถัดจากนันรอ้ งส่งเพลงพม่าหา้ ท่อนแล้วขับเสภาคัน รอ้ งส่งเพลงจระเข้หางยาวแล้วขับเสภาคัน รอ้ งเพลงสีบทแล้วขับเสภาคัน รอ้ งส่งเพลงบุหลันแล้วขับเสภาคัน ต่อจากนีไปไม่มีกําหนดเพลง แต่คงมีสลับกันเชน่ นีตลอดไปจนจวนจะหมดเวลาจึงส่งเพลงส่งท้ายอกี เพลงหนึง เพลงส่งท้ายนีแต่เดิมใชเ้ พลงกราวราํ ต่อมาเปลียนเปนอกทะเล เต่ากินผักบุ้งหรอื พระอาทิตยช์ งิ ดวง เดิมบรรเลงเพลง ๒ ชนั ต่อมาประดิษฐ์เปนเพลง ๓ ชนั ทีเรยี กวา่ \"เสภาทรงเครอื ง\" คือ การขับเสภาแล้วมีรอ้ งส่งใหป้ พาทยร์ บั
ข้อสอบนาฏศิลป์ กล่มุ ละครไทยละครเธอ เรอื่ ง ละครไทย ประเภทละครรำ 1) ขอ้ ใดถูกตอ้ งทสี่ ุดในเร่ืองคตี โควินท์ เปน็ อวตารของเทพท่านใด 4) ละครดกึ ดำบรรพ์เรือ่ งใดบ้างเปน็ บทพระราชานพิ นธใ์ นสมเดจ้ และมีตวั ละครอะไรบ้าง? พระเจา้ บรมวงศเ์ ธอ เจา้ ฟา้ จุฑาธุชธราดลิ ก กรมขุนเพชรบูรณ์ อินทราชัย? (ออกข้อสอบโดย นางสาววนิสา แซต่ ัน้ เลขที่ 18) (ออกข้อสอบโดย นางสาวสวุ ภิ า บัวสาย เลขที่ 36) ก. พระยศเกตุ สองกรวรวกิ จนั ทกนิ รี ก. พระศวิ ะ มีตัวละคร ๓ ตัว คอื พระกฤษณะ นาง ราธะ และนางโคปี ข. พระยศเกตุ จันทกินรี สังข์ทอง ข. พระพรหม มตี ัวละคร ๒ ตวั คอื พระกฤษณะ ค. อุณรุฑ ศกนุ ตลา พระยศเกตุ นางโคปี ง. สองกรวรวิก อเิ หนา รามเกียรติ์ ค. พระนารายณ์ มตี วั ละคร ๒ ตวั คอื พระกฤษณะ นาง เฉลย : ก. พระยศเกตุ สองกรวรวิก จนั ทกนิ รี ราธะ 5) สมยั ทเี่ ริม่ เกบ็ เงนิ ค่าตว๋ั เข้าชมละครไทยคือสมยั รัชกาลท่เี ท่าไหร่? ง. พระวิษณุ มตี ัวละคร ๓ ตัว คอื พระกฤษณะ นาง ราธะ และนางโคปี (ออกข้อสอบโดย นางสาวบณั ฑิตา สทุ ธินนท์ เลขที่ 40) เฉลย : ง. พระวษิ ณุ มตี ัวละคร ๓ ตัว คอื พระกฤษณะ นางราธะ ก. สมยั รชั กาลที่4 และนางโคปี ข. สมัยรัชกาลที่5 2) สมัยรตั นโกสินทร์ มบี ทพระราชนิพนธ์ละครนอกในรัชกาลท่ี เทา่ ไร? ค. สมยั รชั กาลท่ี6 (ออกขอ้ สอบโดย นางสาวกฤตขวญั จนั ทวรรณโณ เลขท่ี 24) ง. สมัยรัชกาลท3่ี ก. รชั กาลที่ 1 เฉลย : ข. สมยั รชั การท5่ี ข. รชั กาลท่ี 2 6) สมเด็จพระเจ้าบรรมวงศเ์ ธอ กรมพระยาดำรงราชานภุ าพกับพระ ราชวรวงศเ์ ธอกรมหม่นื กวีพจนส์ ุปรีชามคี วามสำคญั ตอ่ ละครเสภา ค. รัชกาลท่ี 3 อยา่ งไร? (ออกขอ้ สอบโดย นางสาวนวพร ราญฎร เลขท่ี 39) ง. รชั กาลท่ี 4 ก.เป็นผูร้ ิเริม่ เสภาตลก เฉลย : ข. รชั กาลท่ี 2 ข. คิดเสภาตลกขน้ึ อกี ชุดหนึ่งเลยี นแบบขนุ ชา้ งขุนแผน 3) ยุคทองของละครในอยูใ่ นสมยั ของบคุ คลท่านใด? (ออกข้อสอบ ค. ช่วยกนั ชำระเสภาขนุ ชา้ ง-ขนุ แผน แกไ้ ขกลอนให้ โดย นางสาวนนั ทวดี ตุน้ สุวรรณ เลขที่ 34) เช่อื มติดต่อกันและพมิ พเ์ ป็นฉบับหอสมดุ แหง่ ชาติข้ึน คร้ังแรก ก. สมัยพระเจา้ อยหู่ วั บรมโกศ ง. เป็นผู้ริเรมิ่ เสภารำ ข. สมัยพระบาทสมเด็จพระพทุ ธยอดฟา้ จุฬาโลก มหาราช เฉลย : ค. ชว่ ยกันชำระเสภาขุนชา้ ง-ขนุ แผน แกไ้ ขกลอนใหเ้ ชื่อม ติดต่อกันและพิมพ์เป็นฉบบั หอสมดุ แหง่ ชาติขึน้ คร้ังแรก ค. สมยั พระบาทสมเด็จพระพทุ ธเลิศหลา้ นภาลยั ง. สมยั สมเด็จกรมพระยาดำรงนภุ าพ เฉลย : ค. สมัยพระบาทสมเดจ็ พระพทุ ธเลศิ หลา้ นภาลัย
เลขานกุ าร GROUP WORK นางสาวนภสร เกษเหมือน (นา) เลขที34 กลุ่ม: 6 ยอดกุมาร E-mail : [email protected] เบอรโ์ ทรศัพท์ 099-3969198 Facebook นภสร เกษเหมือน Line 0993969198: สมาชกิ ในกลุ่ม นายปฏิภาณ ไทยแท้ (ยอรช์ ) เลขที13 E-mail :[email protected] เบอรโ์ ทรศัพท์ : 0650430764 Facebook : Patiphan Thaithae Line : 0650430764
หวั หน้ากลุ่ม รองหวั หน้ากลุ่ม นางสาวรชั นียา สันเพ็ชร์ (อุม๋ ) เลขที22 นางสาวกุลจิรา พรหมสุวรรณ (เกตุ) เลขที25 E-mail [email protected] E-mail [email protected] เบอรโ์ ทรศัพท์ 095-0937323 เบอรโ์ ทรศัพท์ 0948042514 Facebook Oum ruchaneya Facebook Kuljira Promsuwan Line - Line 0948042514 K สมาชกิ ในกลุ่ม ร นางสาวนิลยา หม่อมมณี (ววิ ) เลขที44 E-mail [email protected] สมาชกิ ในกลุ่ม เบอรโ์ ทรศัพท์ 0983366406 นางสาวคัมภีรดา บูรณเรอื งกิจ (นีม) เลขที29 Facebook View Nillaya E-mail : [email protected] Line 0983366406 เบอรโ์ ทรศัพท์ : 0936600463 Facebook : นีม คัมภีรดา Line : neem (0936600463)
บุคคลสําคัญ ละครพูดล้วน ๆ หรอื ละครพูดแบบรอ้ ยแก้ว ผู้แสดง ในสมัยโบราณใชผ้ ู้ชายแสดงล้วน ต่อมานิยมผู้แสดง บุคคลสําคัญของละครรอ้ ง การแต่งกาย 'ชายจรงิ หญงิ แท้' ละครพูดสลับลํา ใชผ้ ู้แสดงทังชายและหญงิ ละครพูดล้วน ๆ หรอื ละครพูดแบบรอ้ ยแก้ว แต่งกายตามสมัยนิยม ส่วนละครพูดสลับลํา การแต่งกายเหมือนละครพูดล้วน ๆ ละครพูดล้วน ๆเรอื งทีแสดง เรอื งแรกคือ เรอื งโพงพาง และเจ้าข้า เรอื งทีแสด สารวตั ! ส่วนละครพูดสลับลํา เรอื งทีแสดงคือ เรอื งชงิ นาง และปล่อยแก่ คือ พระเจ้าบรมวงศ์เธอ ละครพูดล้วน ๆดําเนินเรอื งด้วยวธิ กี ารพูด การแสดง กรมพระนราธปิ ประพนั ธพ์ งศ์มีพระนามเดิมวา่ พระเจ้าลูกยาเธอ ทีใชท้ ่าทางแบบสามัญชนประกอบ มีการพูดทีเปนธรรมชาติ ดนตรี พระองค์เจ้าวรวรรณากร เปนพระบิดาแหง่ การละครรอ้ ง มีลักษณะพิเศษคือในขณะทีตัวละครคิดอะไรอยูใ่ นใจ เปนพระราชโอรสในพระบาทสมเด็จพระจอมเกล้าเจ้าอยูห่ วั กับเจ้ มักใชว้ ธิ ปี องปากบอกกับคนดู ส่วนละครพูดสลับลํา เพลงรอ้ ง าจอมมารดาเขยี น เปนกวแี ละนักประพนั ธ์ ยดึ ถือบทพูดมีความสําคัญในการดําเนินเรอื ง ทรงดํารงตําแหน่งรองเสนาบดีกระทรวงพระคลังมหาสมบตั ิ มีบทรอ้ งเปนเพียงบทแทรกเพอื เสรมิ ความ และองคมนตรใี นพระบาทสมเด็จพระจุลจอมเกล้าเจ้าอยูห่ วั ถ้าตัดบทรอ้ งออกก็ไม่ทําใหเ้ นือเรอื งขาดความสมบูรณ์แต่อยา่ งใด คําวา่ “ลํา” มาจากคํา “ลํานํา” หมายถึง บทรอ้ งหรอื เพลง และพระบาทสมเด็จพระมงกุฎเกล้าเจ้าอยูห่ วั เปนต้นราชสกุลวรวรรณ ละครพูดล้วน ๆบรรเลงโดยวงดนตรสี ากลหรอื ปพาทยไ์ ม้นวมแต่จะบรรเลงประกอ บุคคลสําคัญของละครสังคีต บเฉพาะเวลาปดฉากเท่านัน ส่วนละครพูดสลับลํา บรรเลงดนตรคี ล้ายกับละครพูดล้วน ๆ แต่บางครงั ในชว่ งดําเนินเรอื งถ้ามีบทรอ้ ง ดนตรกี ็จะบรรเลงรว่ มด้วย ละครพูดล้วน ๆ ไม่มีเพลงรอ้ ง ผูแ้ สดงดําเนินเรอื งโดยการพูด ส่วนละครพูดสลับลํา มีเพลงรอ้ งเปนบางส่วน โดยทํานองเพลงขึนอยูก่ ับผู้ประพนั ธท์ ีจะแต่งเสรมิ เข้ามา ในเรอื ง บุคคลสําคัญของละครพูด นางสาวคัมภีรดา บูรณเร เวบ็ ทีเข (วนั ทีส คือ พระบาทสมเด็จพระมงกุฎเกล้าเจ้าอยูห่ วั พระบาทสมเด็จพระจุลจอมเกล้าเจ้าอยูห่ วั และพระบาทสมเด็จ นางสาวนิลยา หม่อมมณี เลขที44 ละครสังคีตเปนละครอกี แบบหนึงทีพระบาทสมเด็จพร พระมงกุฎเกล้าเจ้าอยูห่ วั พระเจ้าบรมวงศ์เธอ กรมพระนราธปิ ประพันธพ์ งศ์ ะมงกุฎเกล้าเจ้าอยูห่ วั ทรงรเิ รมิ ขึน ซึงละครพูดเรมิ ขึนในสมัยพระบาทสมเด็จพระจุลจอมเกล้าเจ้าอ เวบ็ ทีเข้าถึง : https://bit.ly/3cQRr6k (วนั ทีสืบค้น โดยมีววิ ฒั นาการมาจากละครพูดสลับลํา ยูห่ วั พระองค์ได้ทรงพระกรุณาโปรดเกล้าฯ 25/11/2564) ละครพูด - นาฏศิลป เวบ็ ทีเข้าถึง : ต่างกันทีละครสังคีตมีบทสําหรบั พูด ใหม้ ีการแสดงละครพูดสมัครเล่นเปนครงั แรก https://sites.google.com/site/natsilptjcnf/khwam- และบทสําหรบั ตัวละครรอ้ งในการดําเนินเรอื งเท่าๆกัน เนือเรอื งละครพูดทีแสดงในสมัยนี hmay-khxng-kha-wa-lakhr/lakhr-phud (วนั ทีสืบค้น : บทพระราชนิพนธใ์ นพระบาทสมเด็จพระมงกุฎเกล้าเจ้ 2/12/2564) ละครสังคีต - munoka001 วบ็ ทีเข้าถึง : ดัดแปลงมาจากบทละครราํ ทีรูจ้ ักกันอยา่ งแพรห่ ลาย าอยูห่ วั มีอยู่ 4 เรอื ง คือ หนามยอกเอาหนามบง่ ต่อมาในสมัยพระบาทสมเด็จพระมงกุฎเกล้าเจ้าอยูห่ วั https://sites.google.com/site/munoka001/nad- ววิ าหพระสมุท มิกาโด วงั ตี ysaphth/lakhr-5 (วนั ทีสืบค้น : 2/12/2564) เปนยุคทองของละครพูด ประชาชนใหค้ วามสนใจต่อละครประเภทนีมาก เพราะเหน็ วา่ เปนของแปลกและแสดงได้งา่ ย พระบาทสมเด็จพระมงกุฎเกล้าเจ้าอยูห่ วั ทรงสนับสนนุ ละครพูดอยา่ งดียงิ ทรงพระราชนิพนธบ์ ทละครพูดทีดีเด่นเปนจํานวนมาก และทรงรว่ มในการแสดงด้วยหลายครงั ละครพูดล้วนๆ เรอื งทีแสดงเรอื งแรก คือ เรอื ง”โพงพาง” เมือ พ ศ 2463 เรอื งต่อมาคือ “เจ้าข้าสารวดั ” ทังสองเรอื ง เปนพระราชนิพนธใ์ นพระบาทสมเด็จพระมงกุฎเกล้าเจ้าอยูห่ วั ละครทีพัฒนาขึนใหม่ ละครรอ้ งสลับพูด ใชผ้ ู้หญิงแสดงล้วน ผู้เเสดง ยกเวน้ ตัวตลกหรอื จําอวดทีเรยี กวา่ “ตลกตามพระ” ซึงใชผ้ ู้ชายแสดง ละครรอ้ งล้วน ๆ ใชผ้ ู้ชาย และผู้หญิงแสดงจรงิ ตามเนือเรอื ง ละครรอ้ งสลับพูด เรอื งทีเเสดง คือ ตุ๊กตายอดรกั เรอื งทีเเสดง ขวดแก้วเจียระไน เครอื ณรงค์ กากี ละครรอ้ งล้วน ๆ เรอื งทีแสดง คือ เรอื งสาวติ รี ละครรอ้ งสลับพูด ดนตรี บรรเลงด้วยวงปพาทยไ์ ม้นวมหรอื อาจใชว้ งมโหรปี ระกอบ ในกรณีทีใชแ้ สดงเรอื งเกียวกับชนชาติอนื ๆ ละครรอ้ งล้วน ๆ บรรเลงด้วยวงปพาทยไ์ ม้นวม ละครรอ้ งสลับพูด ใชเ้ พลงชนั เดียวหรอื เพลง 2 ชนั เพลงรอ้ ง ละครรอ้ งสลับพูดเเละละครรอ้ งล้วน ในขณะทีตัวละครรอ้ งใชซ้ ออูค้ ลอตามเบา ๆ เรยี กวา่ “รอ้ งคลอ” ๆ ละครรอ้ งล้วน ๆ ใชเ้ พลงชนั เดียวหรอื เพลง 2 ชนั นางสาวกุลจิรา พรหมสุวรรณ ม 4/6 เลขที 25 ทีมีลํานําทํานองไพเราะ บา้ นจอมยุทธ ละครรอ้ ง เวบ็ ทีเข้าถึง : (วนั ทีสืบค้น 24/11/64) ละครรอ้ งสลับพูด มีทังบทรอ้ ง และบทพูด ยดึ ถือการรอ้ งเปนส่วนสําคัญ การเเสดง แม้ตัดบทพูดออกทังหมดเหลือแต่บทรอ้ งก็ยงั ได้เนือเรอื งสมบูรณ์ มีลูกคู่คอยรอ้ งรบั อยูใ่ นฉาก ยกเวน้ แต่ตอนทีเปนการเกรนิ เรอื งหรอื ดําเนินเรอื ง ลูกคู่จะเปนผู้รอ้ งทังหมด ตัวละครจะทําท่าประกอบตามธรรมชาติมากทีสุดทรงเรยี กวา่ “ละครกําแบ” ละครรอ้ งล้วน ๆ ตัวละครขับรอ้ งโต้ตอบกัน และเล่าเรอื งเปนทํานองแทนการพูดดําเนินเรอื งด้วยการรอ้ งเพลงล้วน ๆ ไม่มีบทพูดแทรก มีเพลงหน้าพาทยป์ ระกอบกิรยิ าบถของตัวละคร จัดฉากตามท้องเรอื ง ใชเ้ ทคนิคอุปกรณ์แสงสีเสียงเพือสรา้ งบรรยากาศใหส้ มจรงิ
ดง ละครพูด ละครพูดล้วนๆและละครพูดสลับลํา ละครพูดเรมิ ขึนในสมัยพระบาทสมเด็จพระจุลจอมเกล้าเจ้าอยูห่ วั ได้ทรงพระกรุณาโปรดเกล้าฯ ง ใหม้ ีการแสดงละครพูดสมัครเล่นเปนครงั แรก รอื งกิจ เลขที 29 ม 4/6 เนือเรอื งละครพูดทีแสดงในสมัยนี ข้าถึง : ดัดแปลงมาจากบทละครราํ ทีรูจ้ ักกันอยา่ งแพรห่ ลายพ ศ 2422 สืบค้น 25/11/2564) หลังจากทีพระบาทสมเด็จพระจุลจอมเกล้าเจ้าอยูห่ วั ทรงพระราชนิพนธล์ ิลิตนิทราชาครติ จบบรบิ ูรณ์แล้ว ทรงพระกรุณาโปรดเกล้าฯ ใหส้ มาคม \"แมจิกัลโซไซเอตี\" โดยมีสมเด็จฯ เจ้าฟาภาณุรงั ษีสวา่ งวงศ์ เปนนายกสมาคมจัดการแสดงละครเรอื งนีขึน ทรงเปนผู้กําหนดตัวละครเอง โดยทรงพระกรุณาโปรดเกล้าฯ ใหก้ รมหมืนทิวากรวงษ์ประวตั ิ เปนอาบูหะซัน พระองค์เจ้าจิตรเจรญิ คือ สมเด็จฯเจ้าฟากรมพระยานรศิ รานวุ ตั ติวงศ์ เปนตัวนางนอซาตอล ในสมัยพระบาทสมเด็จพระมงกุฎเกล้าเจ้าอยูห่ วั เปนยุคทองของละครพูด ประชาชนใหค้ วามสนใจต่อละครประเภทนีมาก เพราะเหน็ วา่ เปนของแปลกและแสดงได้งา่ ย พระบาทสมเด็จพระมงกุฎเกล้าเจ้าอยูห่ วั ทรงสนับสนนุ ละครพูดอยา่ งดียงิ ทรงพระราชนิพนธบ์ ทละครพูดทีดีเด่นเปนจํานวนมาก และทรงรว่ มในการแสดงด้วยหลายครงั ละครพูดเเบง่ ได้ 2 ประเภท คือ ละครพูดล้วนๆเเละละครพูดสลับราํ นางสาวนภสร เกษเหมือน ม 4/6 เลขที34 ละครพูด นาฏศิลป Google Sites เวบ็ เข้าถึง (วนั ทีสืบค้น : 24/11/64) ละครสังคีต หมายถึง ละครทีมีทังบทพูดและบทรอ้ งเปนส่วนสําคัญเสมอ ละครสังคีตเปนละครทีพระบาทสมเด็จพระมงกุฎเกล้าเจ้าอยูห่ วั (รชั กาลที ๖) ทรงรเิ รมิ ขึน โดยมีววิ ฒั นาการจากละครพูดสลับลํา ต่างกันทีละครสังคีตมีบทสําหรบั พูด และบทสําหรบั ตัวละครรอ้ งในการดําเนินเรอื งเท่าๆ กัน จะตัดอยา่ งใดอยา่ งหนึงออกมิได้เพราะจะทําใหเ้ สียเรอื ง ผู้แสดง ใชผ้ ู้ชายและผู้หญงิ แสดงจรงิ ตามเนือเรอื ง การแต่งกาย แต่งตามสมัยนิยม คํานึงถึงสภาพความเปนจรงิ ของฐานะตัวละครตามเนือเรอื ง และความงดงามของเครอื งแต่งกาย ละครสังคีต เรอื งทีแสดง นิยมแสดงบทพระราชนิพนธใ์ น พระบาทสมเด็จพระมงกุฎเกล้าเจ้าอยูห่ วั มีอยู่ ๔ เรอื ง คือ หนามยอกเอาหนามบ่ง ววิ าหพ์ ระสมุทร มิกาโด การแสดง วงั ตี มีข้อสังเกตประการหนึง คือ ทรงใชช้ อื เรยี กละครทัง ๔ นีแตกต่างกัน กล่าวคือ ในเรอื งหนามยอกเอาหนามบ่ง ทรงเรยี กวา่ ละครรอ้ ง \"ละครสลับลํา\" เรอื งววิ าหพ์ ระสมุทร ทรงเรยี ก \"ละครพูดสลับลํา\" เรอื งมิกาโด และวงั ตี ทรงเรยี ก \"ละครสังคีต\" การทีทรงเรยี กชอื บทละครทัง ๔ เรอื งแตกต่างกันนัน นายมนตรี ตราโมท และนายประจวบ บุรานนท์ ข้าราชสํานักใน ละครรอ้ งกําเนิดขึนในตอนปลายรชั สมัยพระบาทสมเด็จพระจุ พระบาทสมเด็จพระมงกุฎเกล้าเจ้าอยูห่ วั ซึงมีโอกาสรว่ มในการแสดงละครของพระองค์ท่านใหค้ วามเหน็ ตรงกันวา่ ลจอมเกล้าเจ้าอยูห่ วั ละครรอ้ งได้ปรบั ปรุงขึนโดยได้รบั อทิ ธพิ ล เรอื งหนามยอกเอาหนามบ่ง เรอื งววิ าหพ์ ระสมุทร น่าจะเปนเรอื งทีทรงพระราชนิพนธข์ ึนก่อน จากละครต่างประเทศละครรอ้ งนันต้นกําเนิดมาจากจากแสดง ของชาวมลายูเรยี กวา่ “ บังสาวนั ” (Malay Opera) ซึงขณะนันคงจะยงั ไม่ได้คิดเรยี กชอื ละครประเภทนีวา่ \"ละครสังคีต\" ต่อมาในระยะหลัง เมือทรงพระราชนิพนธเ์ รอื งมิกาโด และเรอื งวงั ตี ได้เคยเล่นถวายรชั กาลที 5 ทรงใชค้ ําวา่ \"ละครสังคีต\" สําหรบั เรยี กชอื ละครประเภทหนึง ทอดพระเนตรครงั แรกทีเมืองไทรบุรแี ละต่อมาละครบงั สาวนั ไ ด้เข้ามาแสดงในกรุงเทพฯพระเจ้าบรมวงศ์เธอกรมพระนราธปิ มุ่งไปทีความไพเราะของเพลง ตัวละครจะต้องรอ้ งเองคล้ายกับละครรอ้ ง ประพันธพ์ งศ์ทรงแก้ไขปรบั ปรุงเปนละครรอ้ งเล่นทีโรงละครป ละครสังคีตมุ่งบทรอ้ งและบทพูดเปนหลักสําคัญในการดําเนินเรอื ง เปนการแสดงหมู่ทีงดงาม รดี าลัยละครของพระเจ้าบรมวงศ์เธอกรมพระนราธปิ ประพันธ์ พงศ์นีต่อมาภายหลังได้เปลียนเรยี กชอื วา่ “ ในการแสดงแต่ละเรอื งจะต้องมีบทของตัวตลกประกอบเสมอ และมุ่งไปในทางสนกุ สนาน ละครหลวงนฤมิตร” บางครงั คนยงั เรยี กวา่ “ ละครปรดี าลัย \"ต่อมาเกิดคณะละครรอ้ งแบบปรดี าลัยขึนมากมายเชน่ คณะป ดนตรี บรรเลงด้วยวงปพาทยไ์ ม้นวม ราโมทัยปราโมทยเ์ มืองประเทืองไทยวไิ ลกรุงไฉวเวยี งเสรสี ําเริ งบนั เทิงไทยและนาครบันเทิงเปนต้นละครนีได้นิยมกันมาจนถึ เพลงรอ้ ง ใชเ้ พลงชนั เดียวหรอื เพลง 2 ชนั มีลํานําทีไพเราะ งสมัยราชกาลที 6 และรชั กาลที 7 นอกจากนีได้เกิดละครรอ้ งขึนอกี แบบหนึงโดยสมเด็จพระบรม นายปฏิภาณ ไทยแท้ เลขที 13 โอรสาธริ าชเจ้าฟามหาวชริ าวุธสยามมกุฎราชกุมารทรงดัดแป บ้านราํ ไทย ละครสังคีต เวบ็ ทีเข้าถึง : ลงละครของชาวตะวนั ตกจากละครอุปรากรทีเรยี กวา่ “ โอเปอเรติกลิเบรตโต” (Operatic Libretto) (วนั ทีสืบค้น : 24/11/64) มาเปนละครในภาษาไทยและได้รบั ความนิยมอกี แบบหนึงละค รรอ้ งจึงแบ่งออกเปน 2 ชนิดคือละครรอ้ งสลับพูดและละครรอ้ งล้วนๆ ววิ ฒั นาการของนาฏศิลปและละครไทย ม 6 ป2557 เวบ็ ทีเขา้ ถึง: https://sites.google.com/site/webpraphethkhxngnatsilpthiy/natsilp/lakhr ? fbclid=IwAR2Sf0_RUDc_r_LDqceKS0Gc7DyTdKu1i6O2O48hmP87X2c H5Q7icb1y7-4 (วนั ทีสืบค้น:24/11/64) นางสาวรชั นียา สันเพ็ชร์ เลขที 22
คาํ ถามละครท+ีพฒั นาขนึ2 ใหม ่ 6.ละครรอ้ งนิยมใชช่ ว่ งสมยั รชั กาลท+ีเทา่ ไหร่ ก รชั กาลท+ีD กบั รชั กาลท+ีF ข รชั กาลท+ี Gกบั รชั กาลท+ีD ค รชั กาลท+ี Fกบั รชั กาลท+ี H ง รชั กาลท+ีHกบั รชั กาลท+ี I เฉลย ค รชั กาลท+ี F กบั รชั กาลท+ี H นางสาวรชั นียา สนั เพช็ ร์ ม.G/F เลขท+ี NN N.ผแู้ สดงของละครรอ้ งสลบั พดู และละครรอ้ งลว้ นๆแตกตา่ งกนั ยงั ไง ก.ละครรอ้ งสลบั พดู ใชผ้ ชู้ ายแสดงลว้ นและละครรอ้ งลว้ นๆใชผ้ หู้ ญิงเเสดงลว้ น ข.ละครรอ้ งสลบั พดู ใชผ้ หู้ ญิงและผชู้ ายแสดงและละครรอ้ งลว้ นๆใชผ้ หู้ ญิงแสดงลว้ น ค.ละครรอ้ งสลบั พดู ใชผ้ หู้ ญิงแสดงและละครรอ้ งลว้ นๆใชผ้ ชู้ ายแสดงลว้ น ง.ละครรอ้ งสลบั พดู ใชผ้ หู้ ญิงแสดงลว้ นละครรอ้ งลว้ นๆจะใชผ้ ชู้ ายและผหู้ ญิงแสดง เฉลย ง.ละครรอ้ งสลบั พดู ใชผ้ หู้ ญิงแสดงลว้ นละครรอ้ งลว้ นๆจะใชผ้ ชู้ ายและผหู้ ญิงแสดง นางสาวกลุ จิรา พรหมสวุ รรณ ม.G/F เลขท+ี ND Y.ขอ้ ใดไมช่ ะครสงั คีต ก.วิราหพ์ ระสมทุ ร ข .หนามยอกเอาหนามบง่ ค.เจา้ ขา้ สารตวต์ ง. ว+งั ต+ี เฉลย ค.เจา้ ขา้ สารตวต์ นายปฏิภาณ ไทยแท้ ม.G/F เลขท+ี 6Y G.ละครพดู เรม+ิ ขนึ2 ในสมยั รชั กาลใด ก.พระบาทสมเดจ็ พระเลศิ หลา้ นภาลยั ข.พระบาทสมเดจ็ พระจลุ จอมเกลา้ เจา้ อยหู่ วั ค. พระบาทสมเดจ็ พระพทุ ธยอดฟา้ จฬุ าโลก ง.ไมม่ ีขอ้ ถกู ตอบ ข.พระบาทสมเดจ็ พระจลุ จอมเกลา้ เจา้ อยหู่ วั นางสาวนภสร เกษเหมือน ม.G/F เลขท+ี YG D.ละครพดู ลว้ นๆหรอื เรยี กอีกช+ือหนง+ึ วา่ อยา่ งไร ก.ละครพดู รอ้ ยกรอง ข.ละครพดู รอ้ ยแกว้ ค.ละครพดู คาํ กลอน ง.ละครพดู คาํ โคลง ตอบ ข.ละครพดู รอ้ ยแกว้ นางสาวคมั ภีรดา บรู ณเรอื งกิจ ม.G/F เลขท+ี Nd บคุ คลสาํ คญั ของละครสงั คีตคือผใู้ ด ก.พระบาทสมเดจ็ พระจลุ จอมเกลา้ เจา้ อยหู่ วั ข.พระเจา้ บรมวงศเ์ ธอ กรมพระนราธิปประพนั ธ์ ค.พระบาทสมเดจ็ พระมงกฎุ เกลา้ เจา้ อยหู่ วั ง.เจา้ จอมมารดาสาย เฉลย ค พระบามสมเดจ็ พระมงกฎุ เกลา้ เจา้ อยหู่ วั นางสาวนินลยา หมอ่ มมณี ม.G/F เลขท+ี GG
ข้อสอบ เรื่อง การแสดงพื้นเมือง 4 ภาค 1.ข้อใดต่อไปนี้เป็นการแสดงของภาคใต้ทั้งหมด (ปรีดิ์ธินันท์ เลขที่ 21) ก. มโนราห์ ฟ้อนเงี้ยว ข. รองเง็ง ระบำตารีกีปัส ค. รำเถิดเทิง เซิ้งสวิง ง. เซิ้งกระหยัง หนังตะลุง 2.ข้อใดกล่าวไม่ถูกต้องเกี่ยวกับการแสดงพื้นเมืองภาคกลาง (วชิรญาณ์ เลขที่ 29) ก. การแสดงเป็นรูปแบบของขนบธรรมเนียมประเพณี และการประกอบอาชีพ ข. วงดนตรีพื้นบ้านบ้านประกอบด้วย วงเครื่องสาย วงปี่พาทย์มอญ วงปี่พาทย์นางหงส์ วงปี่พาทย์พื้นบ้าน ค. การแสดงระบำชาวนาจะใส่ชุดม่อฮ่อมเพราะเป็นชุดที่เรียบง่าย เห็นแล้วทำให้รู้ได้เลยว่าการแสดงชุดนี้เกี่ยวกับ การทำนา ง. วงดนตรีที่ใช้ประกอบการแสดงพื้นเมืองส่วนใหญ่เป็นวงมโหรี 3.ลักษณะการแสดงซึ่งเป็นลีลาเฉพาะของภาคอีสานคือข้อใด (ภคพร เลขที่ 23) ก. การแต่งกายด้วยผ้าซิ่นพื้นบ้านของผู้แสดง ข. การเล่นดนตรีประกอบการแสดงที่มีจังหวะรุกเร้า สนุกสนาน ค. การใช้อุปกรณ์พื้นบ้านประกอบการแสดง ง. ลีลาและจังหวะในการก้าวเท้าของผู้แสดง 4.เพราะเหตุใดศิลปะการแสดงของชาวพื้นเมืองยังคงอยู่ไม่สูญหายไป (พรปวีณ์ เลขที่ 25) ก.เพราะมีคนรวยมาลงทุนจ้างให้ทำการแสดง ข.เพราะชาวต่างชาติเห็นคุณค่าและชื่นชม ค.เพราะคนท้องถิ่นและคนไทยตระหนักถึงคุณค่าและช่วยเก็บรักษาให้คงอยู่ ง.เพราะมีกฎหมายบังคับให้จัดตั้งสถาบันการศึกษาเกี่ยวกับการแสดง 5.ข้อใดกล่าวไม่ถูกต้องเกี่ยวกับการแสดง \"ฟ้อนเทียน\" (ปฐมพงศ์ เลขที่ 2) ก. เป็นการแสดงที่ใช้ผู้แสดงเป็นผู้หญิงทั้งหมด ข. ผู้ฟ้อนส่วนมากมักจะเป็นเจ้านาย หรือเชื้อพระวงศ์ฝ่ายใน ค. เป็นการแสดงพื้นเมืองของภาคตะวันออกเฉียงเหนือ ง. ผู้แสดงจะถือเทียนมือละเล่ม ส่วนมากนิยมแสดงในเวลากลางคืน 6.ข้อใดคือความหมายของการแสดงพื้นเมือง (ธัญญารัตน์ เลขที่ 19) ก.การละเล่นตามสถานที่ ข.การสืบทอดศิลปะและวัฒนธรรมที่มีอย่างยาวนาน ค.การเปิดโอกาสให้ผู้คนได้แสดงความสามารถ ง.การฉลองในพิธีกรรมต่างๆ เฉลย 3.ง 5.ค 4.ค 6.ข 1.ข 2.ง
สมาชกิ กลุ่ม กลุ่ม : gesture ชอื : นางสาว ธารทิพย์ ธรรมรตั น์ Email : [email protected] Facebook : YI NG Line : 0943412256 ติดต่อ : 0943412256 สมาชกิ กลุ่ม ชอื : นายกษิเดช นพรตั น์ เลขที 6 Email : [email protected] Facebook : Kasidet Nopprat ติดต่อ : 0937687459 Line : 0937687459
หวั หน้า รองหวั หน้า ชอื : ปญญาพร ศรสี าร เลขที 36 ชอื :นางสาวทิพอาภา ขุนเพชร เลขที 35 Email : [email protected] ติดค่อ : 0973618314 E-mail:[email protected] Facebook : ปญ ปญญาพร ติดต่อ:0902160175 Line : panpan2249 Facebook:thiparpa khunpech Line :0902160175 เลขานกุ าร e art ชอื : นางสาว ณัฐธดิ า แก้วประดิษฐ์ เลขที 39 Email : [email protected] สมาชกิ : Facebook : ญัฐธดิ า แก้วประดิษฐ์ ชอื :ธรี ภัทร เรอื งศรี เลขที11 Line : natd.xx Email : [email protected] ติดต่อ : 0932288424 Facebook :GO LF ติดต่อ : 0653871896 Line :0653871896
จัดทําโดย นางสาว ธารทิพย์ ธรรมรตั น์ ม 4/3 เลขที27 จัดทําโดย นายกษิเดช นพรตั น์ ม 4/3 เลขที6 ประวตั ิความเปนมา ศิลปะการแสดงทียงั คงได้รบั ความนิยมชมชอบอยูใ่ นสังคมพม่าปจจุ บันน ได้แก่ โยว่ เต คือหุน่ ชกั หรอื หุน่ กระบอก คารโิ ญซา (carinosa) ซึงในภาษาสเปนมีความหมายวา่ คู่รกั หรอื ทีรกั การแสดงจะเรมิ ตังแต่ตอนเยน็ ถึงรุง่ เชา้ ถูกนํามาตังเปนชอื ของการเเสดงศิลปะระบําพืนเมืองของประเทศฟลิปปนส์ โดยเน้นเรอื งราวนิทานพนื บ้านหรอื ชาดก เชอื กันวา่ มีต้นกําเนิดมาจาก เกาะปเนย์ ในหมู่เกาะ วซี ายนั ประวตั ิความเปนมา ประมาณชว่ งทีประเทศสเปนเข้ามาปกครองฟลิปปนส์ ละครหุน่ พม่า (ํYoke Thay) หรอื ทีไทยเราเรยี ก หุน่ สาย จึงทําใหร้ ะบาํ คารโิ นซานันมีการรบั อทิ ธพิ ลการระบําในรูปแบบของตะวนั ตกเข้ามา เพราะหุน่ จะถูกเชดิ ด้วยสายต่างๆ เปนหุน่ เชดิ โบราณของพม่า ประยุกต์ใช้ เดิมทีเปนการแสดงของเด็กทีเชดิ หุน่ รูปสัตวต์ ่างๆ ต่อมาเรมิ มีตัวละครทีมีเรอื งราวเกียวกับคน โดยได้แรงบันดาลใจจากละครหลวง ในสมัยกษัตรยิ พ์ ม่า รูปแบบการแสดง เรอื งราวในการแสดงมักเกียวกับพระพุทธเจ้า การตรสั รู้ วรรณคดีของพม่า นิทานพืนบ้านโบราณ เรอื งราวทีแฝงคติสอนใจ หรอื อาจจะเปนเรอื งราวทีแต่งขึนใหม่ ใหส้ อดคล้องกับสภาพทางการเมือง หรอื เรอื งราวทีแต่งขึนมุ่งหมายจะยวั ล้อไปกับเหตุการณ์จรงิ เพอื สือสารทังประเด็นการเมืองและการรอ้ งเรยี นความไม่เปนธรรม ทําใหผ้ ู้ชมได้เรยี นรูเ้ กียวกับประวตั ิศาสตร์ วรรณคดี ศาสนา ตลอดจนวถิ ีชวี ติ ศิลปนทรงคุณค่า ชายตีเส่ง เปนนักรอ้ งเเละนักเเต่งเพลงชาวพม่าเชอื สาย shan มีชอื เสียงโดดเด่นอยา่ งมากในอาชพี ด้านดนตรขี องเขา เปนทีรูจ้ ักในการเเต่งเพลงคันทรี - บนั ทึกสองถึงสามอัลบมั ใน ภาษาฉาน - บนั ทึก 30 ถึง 40 อัลบมั ในภาษาพมา่ รูปแบบการแสดง ระบําคารโิ ญซาจะทําการแสดงโดยใชค้ ู่นักแสดงชายและหญิง แหล่งอา้ งองิ ทีมา บอกเล่าเรอื งราวเกียวกับการเกียวพาราสีกัน สืบค้นประวตั ิความเปนมา โดยเนือหาเพลงส่วนใหญจ่ ะมีใจความสําคัญอยูท่ ีการชนื ชมความงามของห สืบค้นรูปแบบการเเสดง ญงิ สาว ซึงจะใส่ชุดทีเรยี กวา่ มาเรยี คลารา่ (Maria Clara) หรอื สืบค้นบุคคลสําคัญ ชุดสตรปี ระจําชาติ ฟลิปปนส์ สืบค้นเมือ และถือพัดหรอื ผ้าเชด็ หน้าเปนอุปกรณ์ประกอบการแสดง 26 พฤศจิกายน 2564 ศิลปนทรงคุณค่า พม่า : MYANMAR เลอา ซาลองกา นักรอ้ งเเละนักแสดงชาวฟลิปปนส์ มีชอื เสียงจากการรบั บทเเสดงละครเวที เปน \"คิม\"หญิงสาวชาวเวยี ดนาม ในเรอื ง มิสไซงอ่ น ในป 1989 และยงั ได้รบั บทเดียวกันนีในละครบรอดเวยท์ ีนิวยอรก์ คู่กับโจน าทาน ไพรซ์ บทในละครทําใหเ้ ธอได้รบั รางวลั โทนีเเละรางวลั โอลิเวยี ร์ สืบค้นประวตั ิความเปนมา ฟลิปปนส์ ; Philippines สืบค้นรูปแบบการเเสดง สืบค้นบุคคลสําคัญ ฮฃ สืบค้นเมือ 26 พฤศจิกายน 2564 จัดทําโดย นางสาวณัฐธดิ า แก้วประดิษฐ์ ม 4/3 เลขที39 การแสดงพืนบา้ นอา นเอเชยี ตะวนั ออกเ เนืองจากสิงคโปรเ์ ปนประเทศทีมีประชากรหลากหลายเชอื ชาติหลากหลายศาส สิงค์โปร์ : Singapore นา ทําใหม้ ีศิลปวฒั นธรรมทีหลากหลาย มาเลเซีย : Malaysia ต่างรวมกันเปนลักษณะสังคมพหุวฒั นธรรม ต่างมีเอกลักษณ์ทางวฒั นธรรมในสังคมชาติพันธุข์ องตนเอง มาเลเซียนับได้วา่ เปนดินแดนพหวุ ฒั นธรรม เนืองจากความหลากหลายทางชาติพันธุ์ สิงคโปรเ์ พิงจะประกาศเอกราชและปกครองตนเองเปนสาธารณรฐั สิงคโปรเ์ มือ อนั ประกอบไปด้วย 3 กลุ่มหลัก คือ มลายู จีน และอนิ เดีย ค ศ 1965 จึงทําใหส้ ังคมของสิงคโปรซ์ ึงก่อรา่ งสรา้ งประเทศเพียง 50 ปทีผา่ นมา ไม่มีความเด่นชดั ในเชงิ วฒั นธรรมทีเปนหนึงเดียว ดังนันศิลปะการแสดงในมาเลเซียจึงมีความหลากหลายไปตามกลุ่มชาติพันธุท์ ีมีอตั ลัก แต่สิงคโปรจ์ ะเปนพหุสังคมวฒั นธรรมแบบผสมผสาน ในภาพรวมแล้วนัน ษณ์ทางประวตั ิศาสตรแ์ ละเรอื งราวในการแสดงเปนของตนเอง วฒั นธรรมจีนของชาวโพน้ ทะเลทีตังรกรานบนสิงคโปรเ์ ปนกลุ่มวฒั นธรรมทีมีอิ ทธพิ ลมากทีสุดตามประชากรเชอื สายจีนทีมีในสิงคโปรม์ ากทีสุด ประวตั ิความเปนมา รูปแบบการแสดง ในขณะเดียวกันอทิ ธพิ ลจากศาสนาจากกลุ่มผู้นับถือพระพุทธศาสนา โยเกต็ (Joget) เปนระบํามาเลยแ์ บบดังเดิมซึงมีถินกําเนิดอยูท่ ีมะละกา ได้รบั อทิ ธพิ ลมาจากระบําโปรตุเกสทีแพรเ่ ข้ามายงั มะละกาในยุคของการค้า ปกติแล้วแสดงโดยคู่นักเต้นระบาํ ชาย-หญงิ ในชว่ งเทศกาลต่างๆ ครสิ ต์ศาสนา ศาสนาอสิ ลาม และศาสนาฮนิ ดู ตามประเพณี งานแต่งงาน และงานพิธตี ่างๆ ทางสังคม ทําใหน้ ิยามความหมายของศิลปะพนื บ้านของสิงคโปรไ์ ม่ได้เน้นหนักไปทีด้านใด ขายเครอื งเทศ จังหวะของดนตรโี ยเก็ตจะค่อนข้างเรว็ ในระหวา่ งทีคู่เต้นหยอกล้อเล่น เปนหนึงในระบาํ พืนเมืองทีได้รบั ความนิยมมากทีสุดของประเทศมาเลเซีย กัน ดนตรเี น้นจังหวะหนักแบบกลุ่ม 2 จังหวะ และแบบกลุ่ม 3 จังหวะ ด้านหนึงหรอื กลุ่มวฒั นธรรมใดวฒั นธรรมหนึง : ขับรอ้ งด้วยสําเนียงมาเลเซียตะวนั ออกเฉียงเหนือ ศิลปนทรงคุณค่า ประวตั ิความเปนมา บังสาวนั เปนการแสดงละครรอ้ งเหมือนกับการแสดงโอเปรา่ ของทางยุโรป ทังยงั เปนการแสดงทีได้รบั ความนิยมเปนอยา่ งมากในประเท ศสิงคโปร์ เปนการแสดงทีได้รบั อทิ ธพิ ลต้นแบบมาจากเพือนบา้ นอยา่ ง ประเทศมาเลเซียนันเองค่ะ รูปแบบการแสดง การแสดงประกอบกับการรอ้ งบทละครออกมาเปนเพลงด้วยตัวของ นักแสดงเอง พรอ้ มกับการการเต้นประกอบเสียงดนตรี ในท่าทางและอารมณ์ต่าง ๆตามบทบาททีได้รบั ค่ะ การแสดงนีสรา้ งความสนกุ สนานใหก้ ับผู้ชมเปนอยา่ งมาก โดยการแต่งกายทีจะมีการแต่งกายด้วยเสือผ้าสวยงามสีสดใส ศิลปนทรงคุณค่า ซุนเยยี นจือ เกิดวนั ที 23 ก ค 1978 เปนชาวสิงคโปรโ์ ดยกําเนิด ความสามารถด้านดนตรโี ดดเด้งตังแต่เด็ก พรสวรรค์เรอื งการใชเ้ สียงมาฉายตอนเธอเรยี นมหาวทิ ยาลัยนันยาง เทคโนโลจิคอล แหล่งอา้ งองิ ทีมา สืบค้นประวตั ิความเปนมา สืบค้นรูปแบบการเเสดง สืบค้นบุคคลสําคัญ สืบค้นเมือ 26 พฤศจิกายน 2564 Rosario Ninih Bianis ปจจุบนั อายุ 25 ป เกิดและเติบโตทีเมืองตัมบูนัน แหล่งอา้ งองิ ทีมา “ลาว-กระทบไม”้ เป รฐั ซาบะฮ์ ประเทศมาเลเซีย ตอนเปนเด็ก ทีพ สืบค้นประวตั ิความเปนมา เธอได้ฝกรอ้ งเพลงกับคุณปาทีเปนนักรอ้ งและเรยี นการรอ้ งเพลงอยา่ งจรงิ จั สืบค้นรูปแบบการเเสดง นิยมเล่นกันชว่ งวา่ ง ง รวมทังเข้ารว่ มงานแสดงดนตรเี ล็กๆเธอความหลงใหลในการรอ้ งเพลง สืบค้นบุคคลสําคัญ เธอเรมิ เข้าสู่วงการนีอยา่ งจรงิ จังตังแต่ป 2014 สืบค้นเมือ จากการเข้ารว่ มการประกวดรอ้ งเพลงสําหรบั นักรอ้ งรุน่ ใหม่ทีรฐั ซาบะฮ์ 26 พฤศจิกายน 2564 แล้วควา้ รางวลั อนั ดับ 1 จัดทําโดย นางสาวณัฐธดิ า แก้วประดิษฐ์ ม 4/3 เลขที39 การกระทบไม้ แต่เดิมวา ใหไ้ ม้หมอนรองหวั และท้ายไม้ทัง 2 ภายหลังกรมศิลปากรปรบั ปรุงและจัดลําดับท่าราํ ใ ษาเค้าแบบแผนเดิม โดยปรบั ปรุงเปนไม้ไผ่ 2 ลํา 4 เมตร และใชไ้ ม้เนือแข็งเป ผู้กระทบนังกับพืนจับปลายทัง ดาวเวยี ง บุตรนาโคเปนนักเขียน กวี และนักแต่งเพลงลูกทุ่งลาวอนั โด่งดัง และยงั เปนศิลปนแหง่ ชาติของสาธารณรฐั ประชาธ ยประชาชนลาวอกี ด้วย
จัดทําโดย นางสาวทิพอาภา ขุนเพชร ม 4/3 เลขที 35 จัดทําโดย นางสาวทิพอาภา ขุนเพชร ม 4/3 เลขที 35 ประวตั ิความเปนมา ประเทศกัมพูชา เปนประเทศทีมีศิลปะการแสดงแบบโบราณทีน่าสนใจมากมายหลากหลายรูปแบบ การแสดงทีมีชอื เสียงทีสุดของบรูไน คือ อาได อาได การรอ้ งเต้นราํ พนื เมืองประกอบเพลงของชาวมลายูมีทีมาจากชาวปร แต่สําหรบั ศิลปะการแสดงโบราณทีจะนําเสนอ เปนศิลปะนาฏดนตรี ะมงสมัยก่อนชอบรอ้ งเพลงขณะชว่ ยกันตกปลา ทีได้รบั ความนิยมประชาชนชาวกัมพูชาอยา่ งกวา้ งขวางทังในราชธานี และตามต่างจังหวดั รูปแบบการแสดง นับแต่อดีตจนถึงปจจุบันนี ศิลปะการแสดงดังกล่าว คือ ละครยเี ก ปจจุบนั การแสดงอาได อาได คือ ประวตั ิความเปนมา การเต้นราํ ประกอบเพลงบรรเลงสลับกับการท่องโคลงแบบมลายูโดย ละครยเี ก เปนการแสดงทีเก่าแก่มาแต่โบราณของกัมพูชา มีเครอื งดนตรหี ลัก คือ กลองและไวโอลีนนักแสดงอาได ซึงต้นกําเนิดของละครยเี ก อาไดมีทังหญิงและชายแต่งกายแบบชาวเลโดยนักแสดงชายสวมชุด ยงั คงเปนทีถกเถียงกันในหมู่ครูบาอาจารยด์ ้านนาฎศิลปของกัมพูชาวา่ พนื เมืองนักแสดงหญงิ สวมชุดบาจู กูรง มีต้นกําเนิดมาจากแหล่งใดกันแน่ ซึงแบง่ ข้อสันนิษฐานถึงแหล่งกําเนิด คือเสือแขนยาวและผา้ ถุงคลุมผมด้วยผ้าพืนเมือง ไวส้ ามแหง่ คือ อาณาจักรชวา มาเลเซีย อาณาจักรจามปา ศิลปนทรงคุณค่า รูปแบบการแสดง การแสดงละครยเี กสามารถแสดงได้ทังแบบการขับรอ้ งเดียว ไปจนถึงการขับรอ้ งตอบโต้กันแบบกลอนเพลงปฎิพาทยร์ ะหวา่ งชายหญิง แต่ทีได้รบั นิยมกันมาก คือ การแสดงในรูปแบบละครยเี ก ซึงแสดงเปนเรอื งยาว เปนรูปแบบการแสดงทีนิยมกันมากหมู่ประชาชนชาวกัมพูชา อกี รูปแบบหนึง ศิลปนทรงคุณค่า มาเรยี ไอเรส วยั 24 ป เธอเปนเจ้าของรางวลั มากมาย รวมถึงนักรอ้ งหญงิ ยอดเยยี ม Pelangi Awards เปนเจ้าของหลายเพลงดังรวมถึง Bisik Hati ซึงติดอนั ดับหนึงในหลายชารต์ บรูไน : BRUNEI DARUSSALAM กัมพูชา : CAMBODIA โซฟลีน ชาปโร (ผู้กํากับศิลป) เปนผู้ออกแบบท่าเต้น นักเต้น นักรอ้ ง ซึงเธอได้แสดงเกียวกับศิลปะการแสดงมากมายของกัมพูชาและได้ออกทัว รใ์ นสามทวปี และเธอยงั ได้รบั รางวลั มากมายอกี ด้วย แหล่งอา้ งองิ ทีมา สืบค้นประวตั ิความเปนมา ) แหล่งอา้ งองิ ทีมา สืบค้นรูปแบบการเเสดง สืบค้นศิลปนทรงคุณค่า สืบค้นประวตั ิความเปนมา จัดทําโดย นาย ธรี ภัทร เรอื งศรี ม 4/3 เลขที11 สืบค้นมือ สืบค้นรูปแบบการเเสดง 26 พฤศจิกายน 2564 สืบค้นศิลปนทรงคุณค่า ในภูมิภาคเอเชยี ตะวนั ออกเฉียงใต้ หากมองเรอื งของนาฏศิลปและศิลปะการแสดงแล้ว สืบค้นรูปภาพ อนิ โดนีเซียเปนประเทศหนึงทีมีวฒั นธรรมทางการแสดงอนั เก่าแก่และมีลักษ สืบค้นเมือ ณะโดดเด่นเปนเอกลักษณ์ของตนโดยมีพืนฐานของวฒั นธรรมมุสลิมและฮนิ ดู ปรากฏอยูเ่ ด่นชดั ในศิลปะการแสดงของอนิ โดนีเซีย 26 พฤศจิกายน 2564 าเซียนโซ อนิ โดนีเซีย : Indonesia ประวตั ิความเปนมา เฉียงใต้ เปนศิลปะการแสดงของท้องถินชวามาแต่โบราณ แหล่งอา้ งองิ ทีมา มีกําเนิดบนเกาะชวาเนืองมาจากประเพณีของคนท้องถินซึงนับถือสิงศักด์สิทธแิ ละบูชาบรร พบุรุษหลักฐานทีใชส้ นับสนนุ ของกลุ่มนีมีหลายประการ กล่าวคือ สืบค้นประวตั ิความเปนมาเเละสืบค้นรูปแบบการเเสดง ภาษาและคําศัพท์เฉพาะทางเทคนิคการแสดงเปนภาษาชวาโบราณ สืบค้นศิลปนทรงคุณค่าเเละสืบค้นรูปภาพ ประเพณีการชมละครวายงั ทีเก่าแก่ยงั คงเหน็ ปฏิบัติกันอยูท่ ัวไป สืบค้นเมือ 26 พฤศจิกายน 2564 รูปแบบการแสดง การแสดงเชดิ หนุ่ เงาหรอื วายงั ปูรว์ าฉบับดังเดิมใชห้ ุน่ เชดิ ทีทําด้วยหนังสัตว์ จึงเรยี กอกี ชอื วา่ “วายงั กูลิต” (Wayang Gulit) ซึงหมายถึง การเชดิ หนังเพราะกูลิตแปลวา่ หนังสัตว์ วายงั กูลิตนีเปนศิลปะการแสดงทีงดงามและวจิ ิตรกวา่ การแสดงชนิดอนื ทังหมด ศิลปนทรงคุณค่า อาติกาห์ ฮาซิโฮลัน เปนนักแสดงชาวอนิ โดนีเซีย เธอได้ยกยอ่ งแม่ของเธอ รตั นา ซารมั พีท นักเขียนบทละคร ศิลปนผู้ทรงอทิ ธพิ ลและผู้กํากับ Satu Merah Panggung (One Red Stage) วา่ เปนผู้ทีทําใหเ้ ธอรูจ้ ักโลกละครเวทีตังแต่ยงั เด็กๆ เธอเรมิ ต้นอาชพี นักแสดงหลังจากสําเรจ็ การศึกษาจากมหาวทิ ยาลั ยในป ค ศ 2006 ลาว : LAOS เวยี ดนาม : Vietnam หนุ่ กระบอกนา (Water Puppet) เปนเอกลักษณ์ทีโดดเด่นของวฒั นธรรมพืนบา้ นของชาวเวี ประวตั ิความเปนมา แหล่งอา้ งองิ ทีมา ยดนาม โดยเฉพาะหากมาถึงเมือง ฮานอย โดย คณะ ปนสิงซึงผู้คนโดยมากรบั รูว้ า่ เปนการละเล่นพืนบา้ น สืบค้นประวตั ิความเปนมาเเละสืบค้นรูปแบบการเเสดง Thang Long Water Puppet Theatre พัฒนามาจากการละเล่นดังเดิมทีเรยี กวา่ “เต้นสาก” สืบค้นศิลปนทรงคุณค่าเเละสืบค้นรูปภาพ สืบค้นเมือ ประวตั ิความเปนมา เปนการละเล่นทีต้องอาศัยจังหวะการ “กระทบไม้” 26 พฤศจิกายน 2564 ศิลปะการแสดงหุน่ กระบอกนา มีมากวา่ 1,000 ป ซึงยาวนานมากๆ วา่ กันวา่ งเวน้ หลังฤดูเก็บเกียวตามวถิ ีชาวนาไทยลาวสองฝง มีมาตังแต่สมัยราชวงศ์หลีในตศวรรษที 11 บรเิ วณดินดอนสามเหลียมลุ่มแม่นาซงโหง่ หรอื แม่นาแดงบรเิ วณทีราบลุ่มตา แม่นาโขง พืนทีบรเิ วณนีนาจะท่วมภูมิภาคนีอยูส่ มาเสมอทุกป ชว่ งนีท่วมชาวบา้ น ชาวไร่ ชาวนา ต่างไม่รูจ้ ะทําอะไร จึงพากันคิดค้นศิลปะรูปแบบนีขึนมา รูปแบบการแสดง นาฏศิลปในประเทศลาว ( ນາດຕະກັມລາວ; \"นาฏกรรมลาว\") เปนนาฏศิลปทีเปนเอกลักษณ์ของกลุ่มชาติพันธุล์ าวซึงพบในภาคตะวนั ออกเฉียงเหนือขอ รูปแบบการแสดง างไม้สากตามความยาว 2 อนั ผู้ชกั หุน่ กระบอกนาจะอยูห่ ลังฉากและผู้ภาคหรอื ผู้รอ้ ง ด้าน ปลายสากจะมีคน 2 คน งไทยด้วย และการแสดงพืนบา้ นของกลุ่มชาติพันธุอ์ นื ๆ มีทังนาฏศิลปในราชสํานัก โดยหน้าฉากก็จะตกแต่งไวอ้ ยา่ งสวยงาม และนาฏศิลปพนื บ้าน เชน่ หมอลํา หนังตะลุง โดยผู้ชกั หุน่ กระบอกจะยนื แชน่ าครงึ ตัว โดยมีผู้ชกั หุน่ กระบอกนา 9 จับปลายเพือกระทบกัน คน การแสดงหนุ่ กระบอกนา ใหเ้ ปนระเบียบขึนแต่ยงั คงรกั หลวงพระบางและเวยี งจันทน์เปนแหล่งของนาฏศิลปแบบดังเดิมในราชสํานัก ขนาดเท่ากันยาวประมาณ 2- และนาฏศิลปทีได้รบั อทิ ธพิ ลจากราชสํานัก ศิลปนทรงคุณค่า ปนหมอนวางรองทังสองปลาย งสองคนเพือจะได้ตีกระทบกัน เซิน ตุ่ง เปนนักรอ้ งชาย นักแต่งเพลง และนักแสดงชายชาวเวยี ดนาม เกิดทีเมืองท้ายบญิ จังหวดั ท้ายบญิ ประเทศเวยี ดนาม ครอบครวั ของเขาได้ค้นพบความสามารถในการรอ้ งเพลงของ เขาเมือเขาอายุได้ 2 ขวบ เขาได้แต่งเพลงซิงเกิลด้วยตัวเขาเองเมือป พ ศ 2555 - 2556 จัดทําโดย นางสาวปญญาพร ศรสี าร ม 4/3 เลขที36 ศิลปนทรงคุณค่า แหล่งอา้ งองิ ทีมา ธปิ ไต สืบค้นประวตั ิความเปนมา สืบค้นรูปแบบการเเสดง สืบค้นบุคคลสําคัญ สืบค้นเมือ 26 พฤศจิกายน 2564 จัดทําโดย นางสาวปญญาพร ศรสี าร ม 4/3 เลขที36
ข้อสอบการแสดงพื้นบ้านอาเซียนโซนเอเชียตะวันออกเฉียงใต้ 1.การแสดงพื้นบ้านอาได อาได นัก 6.ลาว-กระทบไม้พัฒนามาจากการละ แสดงหญิงแต่งกายอย่างไร เล่นใด ก.สวมชุดบาจู กูรง ก.ลำลาว ข.สวมชุดไทย ข.เต้นสาก ค.สวมฮันบก ค.กระโดดยาง ง.สวมชฎาบนศรีษะ ง.ลุญบั้งไฟ 2.ประเทศกัมพูชามีการแสดงพื้น 7.การแสดง”บังสาวัน”ของประเทศ บ้านชื่อว่าอะไร สิงคโปร์ ได้นำวัฒนธรรมของ ก.หุ่นกระบอกน้ำ ประเทศใดมาร่วมด้วย ข.ละครยี่เก ก.ไทย ค.อาได อาได ข.มาเลเซีย ง.บังสาวัน ค.บรูไนร์ ง.พม่า 3.ข้อใดคือศิลปการเเสดงของพม่า 8.มาเลเซียเป็ นประเทศที่เป็ นพหุวัฒ ก.ซะปแว ธรรมเนื่ องจากมีความหลากหลายทาง ข.บังสาวัน ชาติพันธ์ุ อันประกอบไปด้วย3กลุ่ม ค.อาไดอาได หลัก คือกลุ่มชนชาติใดบ้าง ง.ฮัตบอย ก.เขมร ลาว พม่า 4.การเเสดงคาริโญซาในภาษาสเปน ข.จีน ไทย ยุโรป มีความหมายว่าอย่างไร ค.จีน มลายู มอญ ก.เพื่อน ง.มลายู จีน อินเดีย ข.หมู ค.คู่รัก 9.ชื่อการเเสดง”วายัง กูลิต” ของอิโด ง.ครอบครัว นีเซีย กูลิตในที่นี้หมายถึงอะไร ก.หนัง 5.หุ่นกระบอกน้ำมีผู้ชักหุ่นกี่คน ข.สัตว์ ก.11 ค.การร้อง ข.9 ง.การรำ ค.10 ง.8 เฉลย 1.ก 2.ข 3.ก 4.ค 5.ข 6.ข 7.ข 8.ง 9.ก
สมาชกิ ในกลุ่ม Work กล่มุ : นายอทิ ธกิ ร เสนาวลั ย์ (อานัส) เลขที 5 E-mail [email protected] เบอรโ์ ทรศัพท์ : 0805579769 Facebook : Rnus Ittigorn Line :0805579769 เลขานกุ าร นายกชพล ชูประพันธ์ (ลัคกี) เลขที 1 E-mail : [email protected] เบอรโ์ ทรศัพท์ : 0617358688 Facebook : กชพล ชูประพันธ์ Line : กชพล ชูประพนั ธ์
หวั หน้ากลุ่ม: นายภูรพิ ฒั น์ ทองคงเเก้ว (ภู) เลขที 8 E-mail [email protected] เบอรโ์ ทรศัพท์ 0807107123 Facebook ภูรพิ ฒั น์ ทองคงเเก้ว Line poo710485 Group รองหวั หน้ากลุ่ม :นาฏศิลปสรา้ งสรรค์ นายนพดล ชูสวา่ ง (ที) เลขที 2 E-mail : [email protected] เบอรโ์ ทรศัพท์ : 0948818543 Facebook : นพดล ชูสวา่ ง Line : teeza254999
อา้ งองิ https://livejap สืบค้นเมือวนั ท การเเสดงพืนบ้านประเทศญีปุน ผู้แสดงต้องได้รบั การฝกฝนอยา่ งมีแบบแผน นักแสดง ดนตรที ีใชป้ ระกอบ ดนตรี ทีใชป้ ระกอบการแสดง นายนพดล ชูสวา่ ด้วยระยะเวลายาวนานจนมีฝมือยอดเยยี ม ในวงดนตรจี ะมีผู้ขับรอ้ ง 2 คน การเเสดงพืนบ้านอาเซียน คนหนึงจะตีฉิง คอยใหจ้ ังหวะแก่ผู้เต้น สามารถเครอื งไหวรา่ งกายได้สอดคล้องกับจังหวะดนตรี อกี คนจะเปนผู้ขับรอ้ งและตีกลองเปนหวั ใจส นายภูรพิ ัฒน์ ทองคงเเก้ว ม 4/1 เลขที 8 เนือหาสาระของการแสดง ําคัญของการแสดงภารตะนาฏยมั ส่วนเครอื งดีด และเครอื งเปา การเเสดงพืนบา้ นเกาหลี สะท้อนสัจธรรมทีปลูกฝงยดึ มันในคําสอนของศาสนา เปนเพียงส่วนประกอบใหเ้ กิดความไพเราะเท่ แสดงได้ทุกสถานที ไม่เน้นเวที ฉาก านัน ประวตั ิความเปนมา เพราะความโดดเด่นทีเปนเอกลักษณ์ของภารตะนาฏยมั คือลีลาการเต้น และการา่ ยราํ ประวตั ิความเปนมาของภารตนาฏยมั การเเสดงพืนบ้านประเทศอนิ เดีย นายกชพล ชูประพันธ์ ม 4/1 เลขที 1 ภารตนาฏยมั ภารตนาฏยมั เปนนาฏศิลปทีเก่าแก่ทีสุดในอนิ เดีย https://www.gotoknow.org/posts/408293 มีส่วนสําคัญในพิธขี องศาสนาฮนิ ดูสมัยโบราณ สืบค้นเมือวนั ที 26 พฤษจิกายน พ ศ 2564 สตรฮี นิ ดูจะถวายตัวรบั ใชศ้ าสนาเปน “เทวทาสี” รา่ ยราํ ขับรอ้ ง บูชาเทพในเทวาลัย ซึงจะเรมิ ฝกตังแต่อายุ 5 ขวบ ศึกษาพระเวท วรรณกรรม ดนตรี การขับรอ้ งของเทวทาสีเปรยี บประดุจนางอปั สรทีทําหน้าทีรา่ ยราํ บน สวรรค์ อา้ งองิ บุคคลสําคัญ สาวติ า สัสตรี เปนนักเต้นราํ และนักออกแบบท่าเต้ นชาวอนิ เดียทีรูจ้ ักกันดีคือภารตนาฏ ยมั เธอเปนทีรูจ้ ักในการแสดงภารตนาฏ ยมั แบบดังเดิม ตัวอยา่ งการแสดงพนื บ้านอาเซียนhttps://yout u.be/a6OCwIbOhCo ชงั กูชุม หรอื ชงั โกชุม ชุดทีใชป้ ระกอบการเเสดงช ลักษณะกลองทีใชป้ ระกอบการเเสดง อา้ งองิ https:// 321e1o สืบค้นเม
ประวตั ิความเปนมาของละครโน ต้นกําเนิดของละครโนมาจากละคร \"Sarugaku”ทีมาจากประเทศจีน ซึงตรงกับสมัยนารา หรอื ราวปค ศ 700โดยละคร Sarugaku ทีมีการเลียนแบบท่าทางพรอ้ มกับการแสดง และการแสดงบทเพลงทีฟงดูเปนตลกขบขันนัน ได้รบั ความนิยมในฐานะการแสดงมหรสพทีจัดขึนตามวดั และศาลเจ้า และแพรห่ ลายไปยงั หมู่คนทัวไปในเวลาต่อมา ในปจจุบัน ละครโนสามารถรบั ชมได้ในหลายพืนทีในญีปุนในฐานะการแสดงพืนบ้านและพิธกี รรมศักดิสิทธิ และยงั เปนทียอมรบั ในต่างประเทศเปนอยา่ งมาก pan.com/th/article-a0000298/ การแสดงของนักดนตรที ีเล่นเพลงใหเ้ ขา้ กับแต่ละฉาก ที 26 พฤษจิกายน พ ศ 2564 เปนสิงทีขาดไม่ได้สําหรบั เวทีละครโน เครอื งดนตรที ีใชล้ ้วนเปนองค์ประกอบสําคัญของละครโน โดยเครอื งดนตรที ีใชน้ ันมีขลุ่ย (ทีเวลาเปาจะขนานกับพนื ) เรยี กวา่ \"Noukan” กลองเล็กทีสะพายไหล่ กลองใหญท่ ีคาดไวท้ ีเอว กลองใหญท่ ีใชไ้ ม้ตีใหญ่ โดยนักดนตรจี ะออกเสียง เสียงยะ (Ya-goe) และเสียงฮะ (Ha-goe) เพือเพมิ ความสนกุ สนานครนื เครง Nougaku (ละครโน) เพลงในละครโน าง ม 4/1 เลขที2 นักแสดงละครโน นักแสดงหลักของละครโนจะเรยี กวา่ \"Shi-te\" ๑ โดยไม่ใชเ่ พียงแค่มนษุ ยเ์ ท่านัน แต่ยงั มีบทครอบคลุมหลากหลายบทบาท การแสดงหนุ่ เกิดจากจินตนาการของประติมากรในสมัยโบราณศิ บุคคลสําคัญ ไม่วา่ จะเปนเทพเจ้า นักรบ วญิ ญาณ วญิ ญาณหญิงสาว ปศาจสาว เท็นงู ลปะประติมากรรมยงั นิยม สรา้ งเปนรูปเหมือนแบบ เชน่ รูปปน Zeami Motokiyo (วญิ ญาณบนภูเขา มีจมูกยาวและผิวสีแดง) หรอื เทพเจ้ามังกร คน สัตว์ และผู้ทีแสดงรว่ มกับ Shi-te จะเรยี กวา่ \"Waki\" และสิงของรูปเหล่านีในขั้นแรกเปนรูปนิงเคลือนไหวไม่ได้ มีบทบาทสําคัญทีขาดไม่ได้เลยในแทบทุกบทแสดง ประติมากรอาจมีจินตนาการไปไกลวา่ เมือปนเปนรูปเหมือนแล้วก็ควรใหเ้ คลือนไหวเหมือนคนจรงิ ด้วย ประวตั ิความเปนมาการเเสดงหุน่ จีน ด้วยเหตุนีจึงคิดประดิษฐ์กลไกในตัวหนุ่ ใหเ้ คลือนไหวตามต้องการ ความคิดและการสรา้ งหนุ่ ให้ เคลือนไหวของประติมากร การเเสดงพนื บ้านประเทศจีน* หุน่ จีน ๒ การแสดงหน่ ุ ลักษณะหุน่ จีน เปนพัฒนาการของการแสดงคนจรงิ หุน่ จีนมีรูปรา่ งลักษณะใหญ่เท่ากับตัวคน นายอทิ ธกิ ร เสนาวลั ย์ ม 4/1 เลขที 5 การมหรสพทีใชค้ นจรงิ ๆนั้นเปนมหรสพที ส่วนประกอบของหนุ่ จีนก็มีส่วนศีรษะและมือทั้ง ๒ ข้าง เก่าแก่อาจจะเปนทีซาซากจําเจแก่คนดู ส่วนลําตัวใชก้ ระบอกไม้ไผ่ทั้งปล้องสวมตั้งแต่คอลงมา อาจจะมีคณะมหรสพใชค้ นจรงิ แสดงหลายคณะจนเกิ ส่วนศีรษะและลําตัวถอดออกจากกันได้ ดการ แข่งขัน การสรา้ งศีรษะหนุ่ จีนนั้นจะต้องหาไม้เนื้อดีไม่มีตาไม้เพราะจะทําใ และเพือประหยดั และได้ผลประโยชน์สูง หย้ ากแก่การแกะสลัก และไม้นั้น จะต้องเปนไม้เนือออ่ น เมือหาไม้มาได้แล้วจะต้องขัดเกลาเสียก่อนจนกวา่ ชา่ งแกะสลักจ ลักษณะหุน่ จีน ะพอใจ เมือชา่ ง พอใจแล้วก็จะนํามาสลักใหเ้ ปนรูปศีรษะ รูปหน้าตา และลําคอ ส่วนลําคอนีชา่ งจะต้องทําใหล้ ําคอยาว เพือจะสอดลงไปกับแก่นลําตัวของหุน่ ได้ เมือได้รูปศีรษะเรยี บรอ้ ยแล้วขั้นต่อไปจึงหาด้ายรดั ใหเ้ กลียง เกลา ประเภทของหุน่ จีน ๑ การแสดงหนุ่ ด้วยสายโยงใยบังคับจากเบืองบน ๒ การแสดงหนุ่ ด้วยมือ บุคลสําคัญ หลักฐานลายลักษณ์อกั ษรทีระบุไวอ้ ยา่ งชดั เจน นันคือ หนังสือสาส์นสมเด็จ ลายพระหตั ถ์ในสมเด็จพระเจ้าบรมวงศ์เธอ กรมพระยาดํารงราชานภุ าพ และสมเด็จฯ เจ้าฟากรมพระยานรศิ รานวุ ดั ติวงศ์ ซึงทังสองพระองค์ใชเ้ วลาทีวา่ งโต้ตอบวจิ ารณ์ ประทานคําอธบิ ายเกียวกับวทิ ยาการต่างๆ เชน่ ประวตั ิศาสตร์ โบราณคดี วรรณคดี และศิลปะ ฯลฯ โดยเรมิ ตังแต่ป พ ศ 2475 ซึงเปนปทีสมเด็จพระเจ้าบราวงศ์เธอกรมพระยาดํา รงราชานภุ าพ เสด็จออกไปประทับอยู่ ณ บ้านชนิ นามอน เกาะปนัง อา้ งองิ http://culture.mcru.ac.th/8-th/85-th/5.pdf สืบค้นเมือวนั ที 26 พฤษจิกายน พ ศ 2564 นาฏศิลปของเกาหลี การแสดงระบําชงั กูเปนการแสดงทีถูกรอื ฟนขึนมาใหม่ ซึงก่อนหน้านีมันได้ถูกกวาดล้างไปพรอ้ ม ๆกับวฒั นธรรมของเกาหลีในยุคสมัยทีถูกญปี ุนยดึ ครอง การแสดงชุดนีจะใชน้ ักแสดงผู้หญงิ เท่านัน จะใชค้ นเดียวหรอื เปนกลุ่มก็ได้ งั กูชุม ชงั กูชุม” ถือวา่ เปนการรา่ ยราํ ทีไม่ได้แต่งองค์ทรงเครอื งซับซ้อนอะไรมา ก มีเพียงแค่ชุดฮนั บก กลองจังโก และสายคาดกลองก็ราํ ได้แล้ว ด้วยความงา่ ยในการเตรยี มตัวนีเอง ทําใหช้ าวเกาหลีนิยมแสดง “ชงั กูชุม” ในงานเทศกาลหรอื งานฉลอง ใชก้ ลองจังโกประกอบการเเสดง จังโกเปนกลองพืนบ้านรูปนา ิกาทราย ทีนิยมใชก้ ันในดนตรแี ละนาฏศิลปเกาหลี ไม่วา่ จะเปนในดนตรรี าชสํานัก ดนตรชี าวบา้ น ดนตรชี าวนา บุคคลสําคัญ พระเจ้าเซจงมหาราช เปนพระมหากษัตรยิ เ์ กาหลีรชั กาลที 4 แหง่ ราชวงศ์โชซ็อน ครองราชยร์ ะหวา่ ง พ ศ 1961 ถึง พ ศ 1993 ทรงเปนทีรูจ้ ักในการทีทรงประดิษฐ์อกั ษรเกาหลี ฮนั กึล และทรงเปนหนึงในสองกษัตรยิ เ์ กาหลีทีได้รบั สมั ญญาวา่ เปนมหาราช /th49.ilovetranslation.com/yYGCXeH5E4hOKr o5W==d/ : มือวนั ที 26 พฤษจิกายน พ ศ 2564
ขอ้ สอบจากกลุม่ นาฏศิลป์ สร้างสรรค์ หวั ขอ้ การแสดงพบื้ า้ นอาเซียน จีน อินเดีย ญ่ีป่นุ เกาหลี 1. หนุ่ จีนนิยมทาํ หนุ่ เป็นทรงยงั ไง ก. ตน้ ไม้ ข. คนสตั ว์ ค. บา้ น ง. สงิ่ ของ ตอบ ข. คนสตั ว์ ( นายอิทธิกร เสนาวลั ย์ (อานสั ) เลขท่ี 5) 2. การตนาฏยมั เป็นการแสดงพนื้ บา้ นของประเทศใด ก. เกาหลี ข. อนิ เดีย ด. ญ่ีป่นุ ง. มาเลเซยี ตอบ ข. อนิ เดยี ( นายกชพล ชปู ระพนั ธ์ (ลคั ก)ี้ เลขท่ี 1) 3. ตน้ กาํ เนดิ ของละครโนมาจากละคร \"Sarugaku” ท่มี าจากประเทศอะไร ก. จีน ข.ญ่ีป่ นุ ค. อินเดยี ง. เกาหลี ตอบ ก. จนี ( นายนพดล ชสู ว่าง (ท)ี เลขท่ี 2) 4. ผคู้ ดิ คน้ อกั ษรเกาหลฮี นั กลุ คอื ใคร ก. พระเจา้ เซจงมหาราช ข. พระถงั ซมั จ๋งั ค. พระเจา้ ซุนจง ง. พระเจา้ โชซอน ตอบ ก.พระเจา้ เซจงมหาราช ( นายภรู พิ ฒั น์ ทองคงเเกว้ (ภ)ู เลขท่ี 8)
Search
Read the Text Version
- 1 - 47
Pages: