Important Announcement
PubHTML5 Scheduled Server Maintenance on (GMT) Sunday, June 26th, 2:00 am - 8:00 am.
PubHTML5 site will be inoperative during the times indicated!

Home Explore คณิตคอม บท 4-7

คณิตคอม บท 4-7

Published by Guset User, 2022-08-08 14:33:56

Description: คณิตคอม บท 4-7
นายนราธิป รณขันธ์ จท.2
นายณรงค์ฤทธิ์ พนธ์เพชร จท.2

Search

Read the Text Version

1. ระบบเครอื ขา่ ยคอมพวิ เตอรห์ มายถงึ การนาคอมพิวเตอรม์ าใชใ้ นยคุ แรกเพ่ือใหค้ อมพิวเตอรส์ ามารถทางานบางอย่าง ไดแ้ ทนมนษุ ย์ เพ่ือให้ การทางานเกดิ ประสิทธิภาพสงู สดุ และไดม้ ีการพฒั นาอย่างต่อเน่ือง และรวดเรว็ จนเป็นท่ยี อมรบั ใน ปัจจบุ นั ซง่ึ ยคุ นเี้ ป็นยุคขอ้ มลู ขา่ วสารโดยมีคอมพิวเตอร์ เป็นเทคโนโลยีรองรบั โดยอาศยั เครอื ข่าย คอมพวิ เตอร์ (Computer Network) เป็นระบบ ท่สี ามารถแลกเปล่ียนขอ้ มลู ซง่ึ กนั และกนั ได้ นอกจากนยี้ งั สามารถใชท้ รพั ยากร (Resource) ท่มี อี ย่ใู นเครอื ข่ายรว่ มกนั ได้ อย่างมีประสทิ ธิภาพ 2. จงบอกประโยชนข์ องระบบเครอื ข่ายคอมพิวเตอร์ ประโยชนข์ องการนาเครอื่ งคอมพิวเตอรม์ าต่อเช่ือมกนั นนั้ หลายประการ (โอภาส เอ่ียมสิรวิ งศ,์ 2558) ไดแ้ ก่ 2.1 สามารถใชท้ รพั ยากร (Resource) ท่มี รี าคาสงู รว่ มกนั ได้ เชน่ ฮารด์ ดสิ ก์ (Hard Disk) ปรนิ๊ เตอร์ (Printer) เป็นตน้ ท าใหป้ ระหยดั ค่าใชจ้ ่ายทางดา้ นฮารด์ แวร์ (Hard Ware) 2.2 สามารถน า ระบบเครอื ข่าย (Network) ไปเช่ือมต่อหรอื เป็นประตทู างผ่าน (Gateway)เพ่อื เขา้ สคู่ อมพวิ เตอรร์ ะบบ อ่นื ๆ ได้ เชน่ มินิคอมพิวเตอร์ (Minicomputer) เมนเฟรมคอมพิวเตอร์ (Mainframe Computer) เป็นตน้ 2.3 ประหยดั ค่าใชจ้ ่ายซอฟตแ์ วร์ (Software) เนอ่ื งจากสามารถติดตงั้ ซอรฟ์ แวร์ เป็นแบบ ระบบเครอื ข่ายได้ ท าใหป้ ระหยดั ค่าใชจ้ ่ายในการติดตงั้ รวมทงั้ เป็นการง่ายต่อ การบารุงรกั ษา (Maintenance) เชน่ การปรบั ปรุงซอฟตแ์ วรใ์ หท้ นั สมยั ทกุ ๆ เคร่ืองท าให้ เสยี เวลาเป็นอยา่ งมาก 2.4 ผใู้ ช้ (User) สามารถใชข้ อ้ มลู รว่ มกนั ได้ เน่ืองจากขอ้ มลู ของผใู้ ชจ้ ะเกบ็ อยใู่ น ฮารด์ ดสิ ก์ ตวั เดยี วกนั หมด นอกจากนนั้ ผใู้ ชง้ านสามารถน่งั ท างานท่คี อมพิวเตอรเ์ คร่ืองใด กไ็ ด้ ซ่งึ สามารถท่จี ะเรยี กใช้ ขอ้ มลู ของตนเองไดเ้ สมอ 2.5 สามารถใชง้ านโปรแกรมประเภทมลั ตยิ สู เซอร์ (Multi-User) หรอื โปรแกรม สาหรบั ตรวจสอบขอ้ มลู คือ โปรแกรมสาหรบั ตรวจสอบขอ้ มลู ท่เี ก็บอยบู่ นเครื่อง คอมพวิ เตอรส์ าหรบั ผใู้ ช้ หลายๆ คน ซ่งึ สามารถหาขอ้ มลู ทงั้ หมดท่อี ยบู่ นเครือข่าย และยงั สามารถ ประเมินระดบั ของการรกั ษาความเป็นสว่ นตวั ของผูใ้ ชง้ านแต่ละคนได้ 3.การแลกเปลี่ยนขอ้ มลู อยา่ งมปี ระสิทธิภาพสามารถแบง่ ออกไดก้ ่ีประเภท อะไรบา้ ง การแลกเปลี่ยนขอ้ มลู อยา่ งมปี ระสิทธิภาพ ความสามารถในการแลกเปลี่ยนขอ้ มลู อย่างรวดเรว็ และมี ประสทิ ธิภาพสงู ขึน้ ได้ ถกู พิสจู นแ์ ลว้ วา่ เป็นเหตผุ ลหลกั ของการคดิ คน้ เทคโนโลยเี ครือข่ายคอมพวิ เตอร์ การใชเ้ วบ็ และอีเมลเ์ ป็นกิจกรรมท่ที ามากท่สี ดุ บนเครือข่ายอนิ เทอรเ์ น็ต หลายองคก์ รสรา้ งเครือข่าย เพ่อื ท่จี ะใชอ้ เี มลแ์ ละเว็บ ซง่ึ อาจจะเป็นการใชเ้ ฉพาะองคก์ ร หรือท่เี รียกวา่ ระบบ อินทราเน็ต

(Intranet) ซ่งึ เป็นศนู ยร์ วมขอ้ มลู ขององคก์ รเพ่ือใหบ้ รกิ ารขอ้ มลู ข่าวสารต่างๆ กบั สมาชกิ ภายใน องคก์ ร สมาชิกสามารถเขา้ มาอ่านหรือสืบคน้ ขอ้ มลู เม่อื ตอ้ งการ เน่ืองจากอนิ ทราเน็ตเป็นเครือขา่ ย ภายใน ผใู้ ชท้ ่วั ไปในอนิ เทอรเ์ น็ตไมส่ ามารถเขา้ มาใชบ้ รกิ ารได้ ซง่ึ เป็นการรกั ษาขอ้ มลู ขององคก์ รได้ ความสามารถในการแลกเปลยี่ นขอ้ มลู ผา่ น เครอื ขา่ ยได้ ท าใหค้ วามจ าเป็นท่จี ะตอ้ งใชเ้ อกสาร กระดาษในการสื่อสารลดนอ้ ยลง เช่น หนงั สือเวยี นประเภทต่างๆ ซ่งึ ตอ้ งสง่ ใหส้ มาชิกแตล่ ะคนใน องคก์ รแทนท่จี ะใชก้ ระดาษก็ จะใชว้ ิธีการสง่ เอกสารโดยแนบไปกบั อเี มล์ เป็นตน้ วิธีนจี้ ะเพ่มิ ประสทิ ธิภาพในการส่ือสาร ภายใน และเป็นการประหยดั ทรพั ยากรท่ใี ชใ้ นการท างาน ขอ้ ดีอีกอยา่ ง หนึง่ คอื สามารถสง่ ไดค้ รง้ั ละหลายๆ คนในเวลาเดียวกนั ซ่งึ เป็นการเพ่มิ ประสิทธิภาพในการท างาน มากย่ิงขนึ้ ซ่งึ สามารถแบ่งประเภทของการแลกเปลี่ยนขอ้ มลู อย่างมปี ระสทิ ธิภาพในรูปแบบ ตา่ งๆ (โอภาส เอ่ยี มสิรวิ งศ,์ 2558) ดงั ต่อไปนี้ 1) การใชฮ้ ารด์ แวรร์ ว่ มกนั 2) การใชซ้ อฟตแ์ วรร์ ว่ มกนั 3) การเช่อื มต่อกบั ระบบอ่นื 4) การใชร้ ะบบมลั ติยสู เซอร์ 4.จงยกตวั อย่างการทางานบนระบบเครอื ข่าย(Network)ท่นี าฮารด์ แวรม์ าใช้ รว่ มกนั เป็น ฮารด์ แวรป์ ระเภทใดบา้ ง ฮารด์ แวรส์ าหรบั เครือข่าย Network hardware (เน็ตเวริ ก์ ฮารด์ แวร)์ คอื อปุ กรณท์ ่มี ีความจาเป็นตอ้ งใชใ้ นการ ตดิ ตงั้ ระบบเครือขา่ ยคอมพิวเตอร์ ฮารด์ แวรส์ าหรบั เครือขา่ ย Network hardware (เน็ตเวริ ก์ ฮารด์ แวร)์ คือ อปุ กรณท์ ่มี ีความจาเป็นตอ้ งใชใ้ นการ ติดตงั้ ระบบเครือข่ายคอมพิวเตอร์ ซ่งึ จานวนอปุ กรณจ์ ะมคี วามซบั ซอ้ นมากหรอื นอ้ ย ขนึ้ อย่กู บั ขนาดของ องคก์ ร หรือประเภทของระบบเครือขา่ ย 5.จงบอกประโยชนก์ ารใชซ้ อฟตแ์ วรร์ ว่ มกนั 1 การใชฮ้ ารด์ แวรร์ ว่ มกนั ดงั ท่ไี ดก้ ลา่ วไวต้ อนตน้ ว่า ระบบเครือข่าย (Network) จะชว่ ยใหส้ ามารถ ประหยดั คา่ ใชจ้ ่ายในเรื่องฮารด์ แวรล์ งไปได้ ทงั้ นีเ้ น่ืองจากจะสามรถน า ฮารด์ แวรบ์ างประเภทมาใช้ งานรว่ มกนั ได้ ไดแ้ ก่ 3.1.1 Share Disks Paces เป็นการใชง้ านรว่ มกนั ของเนอื้ หา ของท่ใี ชใ้ นการ เก็บ

ขอ้ มลู ซ่งึ รวม Hard Disk และ CD ROMS (Computer-Disk Read-Only Memory) ซง่ึ จะใชฮ้ ารด์ ดสิ กห์ รือ ซีดีรอมจากเคร่ืองคอมพวิ เตอร์ (PC) ท่เี รยี กวา่ File Server โดย File Server นจี้ ะเป็นเคร่ืองท่ีใชใ้ นการเก็บขอ้ มลู (Data) ของผใู้ ชแ้ ละซอฟตแ์ วรข์ อง ระบบ ทงั้ หมด รวมทงั้ ควบคมุ การท างานของระบบ เครือข่ายดว้ ย 3.1.2 Share Printers เครอ่ื งพมิ พเ์ ป็นอปุ กรณต์ ่อพว่ ง (Peripherals) ท่ใี ช้ งานมากท่สี ดุ โดยเฉพาะในปัจจบุ นั มเี คร่ือง ปรนิ้ เตอรร์ าคาสงู เกิดขนึ้ มากมาย โดยเฉพาะ เครือ่ งปรนิ้ เตอรเ์ ลเซอรแ์ ละเคร่ืองปรนิ้ เตอรส์ ี (Color Printer) ซง่ึ มีราคาแพงและจะเป็นท่ี จะตอ้ งน ามาใชง้ านรว่ มกนั เพ่อื ใหเ้ กิดประโยชนส์ งู สดุ นอกจากนนั้ ในกรณีท่เี ราน าเครอื่ งพมิ พม์ าใชง้ านในระบบเครือข่ายมากว่า 1 เครื่อง เช่น เคร่ืองปรนิ้ เตอรท์ ่เี ป็น ดอทเมตรกิ ส์ เลเซอร์ สี องิ คเ์ จท็ เป็นตน้ ในการสง่ งาน ไปพิมพน์ นั้ และสามารถเลอื กไดว้ ่า ตอ้ งการใชง้ านเคร่ืองปรนิ้ เตอรช์ นิดใดไดด้ ว้ ย ซง่ึ ท าให้ การท างานง่ายและมีประสิทธิภาพย่ิงขนึ้ 3.1.3 Share Communication Devices เป็นอปุ กรณส์ ่ือสารของระบบ คอมพวิ เตอรม์ า ใชร้ ว่ มกนั เชน่ โมเด็มซง่ึ ใชใ้ นการเปลี่ยนถา่ ยขอ้ มลู ระหว่างคอมพิวเตอร์ ดว้ ยกนั โดยอาศยั สายโทรศพั ทน์ อกจากโมเด็มแลว้ อปุ กรณม์ อี ีกอย่างหนึ่งท่ีสามารถ น ามาใชง้ านรว่ มกนั ได้ คือ แฟกส์ โดยสามารถท่จี ะท าการพมิ พข์ อ้ มลู ท่ี Workstationสว่ นตวั และสง่ ผา่ นขอ้ มลู ผ่านระบบระบบ เครือข่ายไปท่เี คร่อื งแฟกสไ์ ดท้ นั ที โดยไม่ตอ้ ง พมิ พล์ งกระดาษแลว้ เดนิ ไปสง่ แฟกสท์ ่เี ครอื่ งแฟกสอ์ ่นื ๆ อกี ต่อไป 6.การใชร้ ะบบมลั ติยสู เซอร์ (Multi-Users) หมายถึง การใชร้ ะบบมลั ติยสู เซอร์ (Multi-Users) หมายถงึ ผใู้ ชส้ ามารถใช้ โปรแกรมหรือขอ้ มลู เดียวกนั ไดค้ รง้ั ละหลายๆ คนซ่งึ เครือขา่ ยนนั้ สามารถใชง้ านระบบนไี้ ด้ เป็นอย่างดี ท าใหใ้ นปัจจบุ นั ผใู้ ชง้ านระบบ Multi-Users หรือ Mini Computer ไดห้ นั มา เลง็ เหน็ ถึงความส าคญั ของระบบเครอื ข่ายและเร่มิ ใช้ งานระบบนมี้ ากยงิ่ ขึน้ ตวั อย่างท่ีเหน็ ไดช้ ดั เจนของการท างานในระบบ Multi-Users ไดแ้ ก่ 3.4.1 E- mail (Electronic Mail) ซ่งึ ผใู้ ชแ้ ต่ละคนสามารถสง่ และรบั ขอ้ มลู หรือขา่ วสารซ่งึ กนั และกนั ได้ โดย ผา่ นทาง Workstation ของตนเองมีโปรแกรมใชง้ าน แบบอีเมลลไ์ ดม้ ากมาย เชน่ Word Perfect Office, CC-Mail, Microsoft Exchange, Microsoft Outlook เป็นตน้ 3.4.2 Schedule หรอื Group Calendar เป็นโปรแกรมท่ีรวบรวมปฏทิ ิน รายวนั ของผใู้ ชแ้ ตล่ ะคนมารวมกนั เป็นราง (Schedule) ของ

ทง้ั ระบบ ท าใหผ้ จู้ ดั การระบบ สามารถทราบนดั หมายต่างๆของ User แตล่ ะคนได้ และ วางแผนการท างานไดส้ ะดวก ย่งิ ขนึ้ เชน่ Google Calendar บทที่ 5 แบบฝึ กหัด เรื่อง องคป์ ระกอบพืน้ ฐานของระบบเครือข่ายคอมพวิ เตอร์ อภปิ รายและตอบ คาถามในหวั ขอ้ ดังตอ่ ไปนี้ 1. องคป์ ระกอบพนื้ ฐานของระบบเครอื ขา่ ยคอมพวิ เตอรม์ อี ะไรบา้ ง จงอธิบาย องคป์ ระกอบพนื้ ฐานของระบบเครอื ข่ายคอมพวิ เตอร์ ระบบเครอื ข่ายคอมพิวเตอรจ์ ะท างานไม่ได้ ถา้ ปราศจากอปุ กรณต์ ่างๆ ท่ีท าให้ คอมพิวเตอรแ์ ละ ระบบเครือข่ายท างานได้ ซ่งึ อปุ กรณส์ าหรบั ระบบเครือข่ายคอมพวิ เตอร์ มอี งคป์ ระกอบพนื้ ฐานท่แี ตกตา่ งกนั ไปหลายชนิด แต่ละชนดิ มีหนา้ ท่ี การท างานท่แี ตกตา่ ง กนั ออกไป เพ่ือใหส้ ามารถเลือกใชง้ านได้ ตามความเหมาะสมและสามารถ เพิม่ ประสิทธิภาพในการท างานไดอ้ ย่างสงู สดุ การท่ีคอมพวิ เตอรจ์ ะสามารถเช่ือมต่อกนั เป็น เครอื ข่ายคอมพิวเตอรไ์ ด้ ตอ้ งมี องคป์ ระกอบพนื้ ฐาน (จตชุ ยั แพงจนั ทร์ และอนโุ ชต วฒุ ิพรพงษ์, 2555) ดงั ตอ่ ไปนี้ 1. คอมพิวเตอรอ์ ย่างนอ้ ย 2 เครื่อง เช่อื มตอ่ กนั 2. เนต็ เวิรค์ การด์ หรือ NIC (Network Interface Card) เป็นการด์ ท่ี เสยี บเขา้ กบั ช่องบนเมนบอรด์ ของคอมพิวเตอร์ ซ่งึ เป็น ชดุ เช่ือมต่อระหว่างคอมพวิ เตอร์ และเครอื ข่าย 3. สื่อกลางและอปุ กรณส์ าหรบั การรบั สง่ ขอ้ มลู เชน่ สายสญั ญาณ สายสญั ญาณท่นี ยิ มใชใ้ นระบบเครอื ขา่ ย เช่น สายโคแอก็ เชียล สายค่บู ิด เกลียว และสายใย แกว้ น าแสง เป็นตน้ สว่ นอปุ กรณเ์ ครือข่าย เชน่ ฮบั สวิตช์ เราทเ์ ตอร์ เกตเวย์ เป็นตน้ องคป์ ระกอบพนื้ ฐานของระบบเครือขา่ ยคอมพวิ เตอร์ ระบบเครือขา่ ยคอมพิวเตอรจ์ ะท า งานไมไ่ ด้ ถา้ ปราศจากอปุ กรณต์ า่ งๆ ท่ที าให้ คอมพิวเตอรแ์ ละ ระบบเครือขา่ ยท างานได้ ซง่ึ อปุ กรณส์ าหรบั ระบบเครือข่ายคอมพิวเตอร์ มอี งคป์ ระกอบพนื้ ฐานท่แี ตกตา่ งกนั ไปหลายชนดิ แต่ ละชนิดมีหนา้ ท่ีการท างานท่ีแตกต่าง กนั ออกไป เพ่ือใหส้ ามารถเลอื กใชง้ านได้ ตามความ เหมาะสมและสามารถเพ่ิม ประสทิ ธิภาพในการท างานไดอ้ ย่างสงู สดุ การท่ีคอมพวิ เตอรจ์ ะ สามารถเช่ือมต่อกนั เป็นเครือข่ายคอมพิวเตอรไ์ ด้ ตอ้ งมี องคป์ ระกอบพนื้ ฐาน (จตชุ ยั แพงจนั ทร์ และอนโุ ชต วฒุ พิ รพงษ,์ 2555) ดงั ตอ่ ไปนี้ 1. คอมพวิ เตอรอ์ ยา่ งนอ้ ย 2 เคร่ือง เช่อื มต่อกนั 2. เนต็ เวริ ค์ การด์ หรอื NIC (Network Interface Card) เป็นการด์ ท่ี เสียบเขา้ กบั ช่องบนเมนบอรด์

ของคอมพิวเตอร์ ซง่ึ เป็นชุดเช่ือมต่อระหวา่ งคอมพวิ เตอร์ และเครอื ข่าย 3. สือ่ กลางและอปุ กรณส์ าหรบั การรบั สง่ ขอ้ มลู เช่น สายสญั ญาณ สายสญั ญาณท่ีนิยมใชใ้ นระบบเครือขา่ ย เช่น สาย โคแอ็กเชียล สายคบู่ ิดเกลยี ว และสายใย แกว้ น าแสง เป็นตน้ สว่ นอปุ กรณเ์ ครือข่าย เชน่ ฮบั สวติ ช์ เราทเ์ ตอร์ เกตเวย์ เป็นตน้ 2.ลกั ษณะการทางานของคอมพิวเตอรท์ ่เี ช่ือมต่อในการทางานระบบเครือข่าย คอมพิวเตอรจ์ ะแบ่งเคร่อื งคอมพิวเตอรเ์ ป็น 2 ประเภท คอื ประเภทใดบา้ ง เครือข่ายคอมพิวเตอรต์ อ้ งมีคอมพิวเตอรอ์ ยา่ งนอ้ ย 2 เครอ่ื งท่ีเช่ือมตอ่ กนั ซง่ึ คอมพิวเตอรเ์ หลา่ นี้ ไมจ่ าเป็นตอ้ งเป็นเคร่อื งท่ีมีประสทิ ธิภาพสงู มากนกั และไมจ่ าเป็นตอ้ ง มีแพลตฟอรม์ เดียวกนั คอมพิวเตอรแ์ ตล่ ะเคร่ืองควรมปี ระสทิ ธิภาพเพยี งพอในการรองรบั การท างานของผใู้ ชข้ องเคร่ือง นนั้ ๆ สว่ นการเช่อื มตอ่ เขา้ กบั เครือข่ายไมไ่ ดใ้ ชท้ รพั ยากรของ เครอ่ื งเพิ่มมากนกั แต่ถา้ เป็น เซริ ฟ์ เวอรเ์ คร่ืองคอมพิวเตอรค์ วรมีประสิทธิภาพสงู พอในการ รองรบั การใหบ้ รกิ ารต่างๆ กบั ผใู้ ช้ เครือข่ายได้ (Coner, D.E., 2003) เพราะฉะนนั้ จงึ แบง่ คอมพวิ เตอรอ์ อกเป็น 2 ประเภท คือ ประเภทท่ใี ชเ้ ป็น เซริ ฟ์ เวอรข์ องเครือขา่ ย (Server Computer) และประเภทท่ใี ชเ้ ป็นเครือ่ งลกู ข่าย (Client) 2. ใหน้ กั ศกึ ษาอธิบายหนา้ ท่ีของอปุ กรณเ์ หลา่ นี้ 3.1 แลนการด์ ทาหนา้ ท่อี ะไร การด์ แลนเป็นอปุ กรณท์ ่ใี ชส้ าหรบั รบั สง่ ขอ้ มลู จากเคร่ืองคอมพวิ เตอรเ์ ครอื่ งหน่งึ ไปยงั อีกเครื่อง หน่งึ หรือไปยงั อปุ กรณอ์ ่นื ๆ ในระบบเครอื ขา่ ย ดงั นนั้ คอมพวิ เตอรท์ ุกเคร่ืองกจ็ ะตอ้ งมกี ารด์ แลน เป็นสว่ นประกอบสาคญั อีกอย่างหนง่ึ และโดยเฉพาะการเช่ือมต่ออนิ เตอรเ์ นต็ ADSL ตามบา้ น มกั จะใชก้ ารด์ แลนเป็นตวั เช่ือมต่ออีกดว้ ย การใชก้ ารด์ แลน จะใชค้ วบค่กู บั สายแลนประเภท UTP หรือสายท่หี ลายๆ คนอาจเคยไดย้ นิ คอื สาย CAT5, CAT5e, CAT6 เป็นตน้ 3.2 ฮบั (Hup) ทาหนา้ ท่ีอะไร ฮบั (Hub) เป็นอปุ กรณพ์ นื้ ฐานท่ใี ชใ้ นการเช่ือมตอ่ เคร่อื งจานวน มากเขา้ ดว้ ยกนั ในเครอื ขา่ ย คอมพิวเตอร์ โดยท่ฮี บั จะมีพอรต์ (Port) หรอื ช่องสาหรบั ตอ่ สาย RJ-45 เขา้ มาจากเครอื่ ง คอมพวิ เตอร์ และท าหนา้ ท่เี ป็นศนู ยก์ ลางในการกระจาย ขอ้ มลู ไปยงั เคร่ืองอ่นื ๆ ในระบบ เครือข่าย ความเรว็ ของฮบั มีหน่วยเป็น Megabit per หน่วยท่ี 2 ระบบเครือข่ายคอมพิวเตอรแ์ ละ

โครงสรา้ งพนื้ ฐาน 66 second (Mbps) โดยเร่มิ ตน้ ท่ี 10 Mbps จนถึงความเรว็ 100 Mbps การท างานของฮบั จะใชว้ ิธีแบ่งช่องทางการสง่ ผ่านขอ้ มลู หรือกล่าวไดว้ า่ ฮบั ความเรว็ 10 Mbps ท่มี ี พอรต์ สาหรบั เช่อื มต่ออยู่ 24 พอรต์ มีเคร่ืองคอมพิวเตอรต์ อ่ อยทู่ ่แี ตล่ ะพอรต์ และท าการสง่ ขอ้ มลู อย่ใู นขณะนนั้ ความเรว็ ต่อพอรต์ ท่จี ะสามารถสง่ ขอ้ มลู ไดจ้ ะมคี วามเรว็ เพียง 10/24 หรือ 0.416 Mbps เทา่ นนั้ นอกจากนนั้ เคร่อื งคอมพวิ เตอรท์ กุ เครื่องท่ีต่อมายงั ฮบั ตวั เดียวกนั ท าให้ ขอ้ มลู ท่ีสง่ ออกมามีโอกาสท่ีจะชนกนั สงู เน่อื งจากอยใู่ นระดบั ของกลมุ่ คอมพวิ เตอรท์ ่ีจะสง่ ขอ้ มลู ชนกนั ได้ (Collision Domain) การท่ฮี บั สง่ ขอ้ มลู จากเครื่องตน้ ทางไปยงั เคร่ืองปลายทาง จะท า โดยการ แพรก่ ระจายสญั ญาณ หรอื บอรด์ คาสต์ (Broadcast) ซง่ึ เป็นการสง่ ไปโดยท่เี ครือ่ ง คอมพิวเตอรท์ ุกเคร่ืองในเครือขา่ ยจะไดร้ บั แตจ่ ะมีเฉพาะเครอ่ื งท่ีระบปุ ลายทางเทา่ นนั้ ท่ี จะน า ขอ้ มลู นนั้ ไปใชไ้ ด้ การท่เี ครื่องใดจะทราบวา่ ขอ้ มลู ท่สี ง่ มานนั้ เป็นของตน คือในการสง่ เครอ่ื งท่ีท า การสง่ จะเลอื กแลว้ วา่ เครือ่ งปลายทางคอื เคร่ืองใด ดงั นนั้ เคร่ืองท่ีไม่ไดถ้ กู ระบุ จะไมร่ บั ขอ้ มลู นนั้ มา จากขา้ งตน้ สามารถสรุปรูปแบบการสง่ ขอ้ มลู ของฮบั ไดค้ ือ การสง่ ขอ้ มลู ของฮบั จะท าใน ลกั ษณะท่เี รยี กว่า “บอรด์ คาสต”์ คือขอ้ มลู จะถกู แพรก่ ระจายไปยงั ทกุ พอรต์ ของฮบั แต่ขอ้ มลู นนั้ จะถกู รบั ไปท างานเฉพาะในพอรต์ ซง่ึ มีเคร่ืองท่ีเป็นเครื่อง ปลายทางติดต่ออยเู่ ท่านนั้ การท างาน ในลกั ษณะนจี้ ะเป็นการสนิ้ เปลอื งแบนดว์ ิดธจ์ านวน หนึ่งเน่ืองจากขอ้ มลู จะถกู สง่ ไปยงั เครอ่ื ง ทงั้ หมดท าการติดต่ออยู่ ฮบั มีอยู่ 2 ชนดิ คอื Active HUB และ Passive HUB โดย Active HUB จะตอ้ งการไฟเลีย้ งวงจรปรบั ปรุง สญั ญาณขอ้ มลู เม่ือไดร้ บั สญั ญาณขอ้ มลู เขา้ มาวงจรนจี้ ะท า การสรา้ งสญั ญาณขอ้ มลู เหมอื นเดิมท่ีมีคณุ ภาพเพ่อื สง่ ต่อออกไป ฮบั ชนิดนจี้ งึ ท าหนา้ ท่เี หมอื น รีพตี เตอร์ (Repeater) ท่ชี ว่ ยในการขยายระยะการเช่อื มต่อระบบเครือข่ายออกไปได้ ดงั นนั้ ใน บางครง้ั จงึ เรยี ก Active HUB วา่ Multi-Port Repeater สว่ น Passive HUB จะเป็นเพยี ง ศนู ยก์ ลางการเช่ือมต่อระบบเครอื ข่ายโดยไมม่ วี งจรจดั การปรบั ปรุงสญั ญาณขอ้ มลู จงึ ไม่ ตอ้ งการ ไฟเลีย้ ง 3.3 รพี ตี เตอร์ (Repeater) ทาหนา้ ท่อี ะไร รีพตี เตอร์ (Repeater) เป็นอปุ กรณร์ ะบบเครอื ข่ายท่ใี ชใ้ นการเช่อื มต่อสาย เคเบิล 2 เสน้ เขา้ ดว้ ยกนั เพ่ือเพิม่ ระยะทางการเช่ือมต่อระบบเครือข่าย สายสญั ญาณแต่ ละชนดิ ท่เี ลือกใช้ จะมี ความสามารถในการขนสง่ ขอ้ มลู ไปในระยะทางท่ีจ ากดั ระยะหนึ่ง ตามมาตรฐานของ สายสญั ญาณ แต่ละชนิด จากนนั้ สญั ญาณขอ้ มลู จะถกู ดดู กลนื ไปตาม สายท าใหส้ ญั ญาณขอ้ มลู

ออ่ นลง หากตอ้ งการเช่ือมโยงระบบเครือขา่ ยออกไปไกลเกินกว่า สายสญั ญาณท่ีใชจ้ ะรองรบั ได้ จะตอ้ งใชร้ ีพตี เตอรช์ ่วยในการขยายสญั ญาณขอ้ มลู 3.4 บรดิ จ์ (Bridge) ทาหนา้ ท่อี ะไร รพี ีตเตอร์ (Repeater) เป็นอปุ กรณร์ ะบบเครือข่ายท่ใี ชใ้ นการเช่อื มต่อสาย เคเบิล 2 เสน้ เขา้ ดว้ ยกนั เพ่ือเพ่ิมระยะทางการเช่ือมต่อระบบเครือข่าย สายสญั ญาณแต่ ละชนิดท่เี ลอื กใช้ จะมี ความสามารถในการขนสง่ ขอ้ มลู ไปในระยะทางท่ีจ ากดั ระยะหนึง่ ตามมาตรฐานของ สายสญั ญาณ แต่ละชนิด จากนนั้ สญั ญาณขอ้ มลู จะถกู ดดู กลืนไปตาม สายท าใหส้ ญั ญาณขอ้ มลู อ่อนลง หากตอ้ งการเช่ือมโยงระบบเครือขา่ ยออกไปไกลเกินกว่า สายสญั ญาณท่ีใชจ้ ะรองรบั ได้ จะตอ้ งใชร้ พี ีตเตอรช์ ่วยในการขยายสญั ญาณขอ้ มลู 3.5 เราตเ์ ตอร์ (Router) ทาหนา้ ท่ี อะไร เราตเ์ ตอรเ์ ป็นอปุ กรณร์ ะบบเครอื ข่ายซง่ึ ท าหนา้ ท่เี สมือนสะพานส าหรบั เช่ือมต่อเครือข่ายทอ้ งถ่ิน หรอื ระบบเครือข่ายแลน (Local Area Network) เขา้ กบั ระบบ เครือข่ายแวน (Wide Area Network) ขนาดใหญ่ และเม่ือเครือข่ายแลนถกู เช่ือมต่อเขา้ ดว้ ยกนั โดยใชเ้ ราตเ์ ตอร์ เครอื ข่าย แลน แต่ละฝ่ังจะยงั คงมเี ครือข่ายท่เี ป็นของตนเอง ไม่ เก่ียวขอ้ งกบั เครือข่ายของอีกฝ่ังหนึง่ ซง่ึ เป็น ประโยชน์ ในการบรหิ ารจดั การเครือข่าย ภายใน ซ่งึ การท างานของเราตเ์ ตอรจ์ ะมีตารางขอ้ มลู ท่ี เรยี กว่า Route Table ช่วยอธิบาย วิธีการในการสง่ ขอ้ มลู ท่ตี อ้ งการใหไ้ ปถึงปลายทางไดอ้ ย่าง รวดเรว็ โดยตารางขอ้ มลู นี้ จะ ถกู เก็บไวใ้ นหน่วยความจ าภายในเราตเ์ ตอร์ และจะถูกปรบั ปรุง ขอ้ มลู (Update) เสน้ ทาง การขนสง่ ขอ้ มลู อย่ตู ลอดเวลาเม่อื มกี ารเปล่ียนแปลง และจะถกู เพ่ิมเตมิ เสน้ ทาง เม่ือมีการ สง่ ขอ้ มลู ไปยงั ปลายทางท่ีใหมๆ่ 3.6 เกตเวย์ (Gateway) ทาหนา้ ท่อี ะไร เกตเวย์ (Gateway) เป็นอปุ กรณร์ ะบบเครือขา่ ยท่มี คี วามซบั ซอ้ นมากกวา่ เราตเ์ ตอรห์ รอื บริดจ์ เพราะอปุ กรณช์ นดิ นสี้ ามารถเช่อื มต่อระบบเครือข่ายท่ใี ชโ้ ปรโตคอล (Protocal) ในระดบั Data link และ Network Layer ท่แี ตกต่างกนั ไดม้ ากกวา่ 2 ระบบ ซ่งึ จะท าการอธิบายในบทท่เี กี่ยวกบั สถาปัตยกรรมเครือขา่ ยคอมพวิ เตอร์ ซง่ึ การท างาน ของเกตเวยท์ กุ ระดบั ชนั้ จะเป็นไปตาม มาตรฐาน ISO/OSI Model เกตเวยส์ ามารถ เปลี่ยนแปลงโปรโตคอลจากเครือขา่ ยหน่ึงไปยงั อีก เครือข่ายหน่งึ หรือเปลย่ี นรูปแบบของ ขอ้ มลู ในโปรแกรมประยกุ ตไ์ ด้

4.สายสญั ญาณท่ใี ชเ้ ป็นมาตรฐานในระบบเครือข่ายคอมพวิ เตอรม์ กี ่ีประเภท อะไรบา้ ง สายสญั ญาณแตล่ ะประเภทมีทงั้ ขอ้ ดขี อ้ เสียแตกต่างกนั และเหมาะกบั การใช้ งานในรูปแบบท่ี แตกตา่ งกนั ซง่ึ การเลือกใชส้ ญั ญาณเหลา่ นจี้ ะขนึ้ อยกู่ บั ประเภทและแบนด์ วธิ ีของเครือขา่ ย รวมทงั้ งบประมาณดว้ ย โดยสายสญั ญาณท่ีใชเ้ ป็นมาตรฐานในระบบ เครือขา่ ยคอมพวิ เตอรอ์ ยู่ 3 ประเภท คือ 3.1.1 สายโคแอ็กเชยี ล (Coaxial Cable)สายโคแอ็กเชยี ล (Coaxial Cable) มี ลกั ษณะคลา้ ยกบั สายเคเบิลทวี ี คือ มี แกนเป็นทองแดงห่อหมุ้ ดว้ ยฉนวน แลว้ หมุ้ ดว้ ยตาขา่ ยโลหะ ชนั้ นอกสดุ เป็นวสั ดปุ อ้ งกนั สายสญั ญาณ สายประเภทนนี้ ิยมใชม้ ากในเครือขา่ ยสมยั แรกๆ แต่ ปัจจบุ นั ไม่นิยมใชแ้ ลว้ เปล่ียนเป็นการใชส้ ายคเู่ กลียวบิดแทน 3.1.2 สายค่บู ิดเกลยี ว (Twisted Pairs) สายคบู่ ิดเกลียว (Twisted Pairs) เป็นสายสญั ญาณมาตรฐานท่นี ิยมใชม้ าก ท่ีสดุ ในระบบ เครอื ข่ายปัจจุบนั สายสญั ญาณจะประกอบดว้ ยสายทองแดงท่ีห่อหมุ้ ดว้ ย ฉนวน 2 เสน้ แลว้ บิด เป็นเกลยี ว เหตทุ ่บี ิดเป็นเกลียวก็เพ่อื ลดสญั ญาณรบกวนน่นั เอง สายสญั ญาณนีย้ งั แบ่งย่อย ออกเป็นหลายประเภท ซ่งึ แบ่งตามคณุ ภาพของสายสญั ญาณ ไดแ้ ก่ สายสญั ญาณโทรศพั ทท์ ่ใี ช้ กนั ท่วั ไป ซง่ึ จะมีสายทองแดงทงั้ หมด 2 คู่ สว่ นหวั ท่ใี ชต้ ่อ สายนจี้ ะเรียกวา่ หวั RJ-11 สว่ นสายคู่ บดเกลียวท่นี ิยมใชใ้ นระบบเครือข่ายแบบอีเธอรเ์ น็ต คือ สาย UTP (Unshielded Twisted Pair) ซ่งึ จะมีลกั ษณะคลา้ ยกับสายโทรศพั ท์ แตม่ ี คณุ ภาพดีกว่า โดยมีสายทองแดงทงั้ หมด 4 คู่ สว่ นหวั เช่ือมต่อจะเรียกวา่ หวั RJ-45 3.1.3 สายใยแกว้ นาแสง (Fiber Optic) สายใยแกว้ นาแสง (Fiber Optic) เป็นสายท่ใี ชแ้ สงเป็นสญั ญาณ และแกว้ หรือพลาสตกิ ใส เป็นสือ่ นาสญั ญาณ ในขณะท่ี สายคเู่ กลียวบดิ และสายโคแอ็กเชียลใช้ สญั ญาณไฟฟา้ และโลหะ เป็นสื่อ ขอ้ เสยี ของ สายสญั ญาณประเภทโลหะ คอื จะถกู รบกวน จากแหลง่ คลน่ื แมเ่ หลก็ ไฟฟ้าต่างๆ ไดง้ ่าย เชน่ ฟา้ ผ่า มอเตอรไ์ ฟฟ้า เป็นตน้ แต่สายใย แกว้ น าแสงใชส้ ญั ญาณแสง ดงั นนั้ จึงไม่ถกู รบกวนโดย คลื่นแมเ่ หลก็ ไฟฟ้า จงึ ท าใหส้ ายใย แกว้ น าแสงสามารถสง่ ขอ้ มลู ไดใ้ นอตั ราสงู และระยะไกลกวา่ แต่การผลิต การตดิ ตงั้ และ ดแู ลรกั ษาจะย่งุ ยาก และราคาแพงกวา่ สายท่เี ป็นโลหะ ดงั นนั้ สายใย แกว้ น าแสงจึงเหมาะ สาหรบั ลิงคท์ ่ีตอ้ งการแบนดว์ ธิ สงู และมคี วามเช่ือถือไดส้ งู เหมาะสาหรบั การสง่ ขอ้ มลู ระยะไกล เชน่ ลงิ คห์ ลกั (Backbone) ของระบบเครือขา่ ย

5. โปรโตคอล (Protocol) หมายถงึ อะไร ปัจจบุ นั โปรโตคอลใดท่นี ยิ มใชท้ ่สี ดุ โปรโตคอล (Protocol) เป็นมาตรฐานในการสื่อสารขอ้ มลู ของคอมพิวเตอร์ หรือ อาจกลา่ วไดว้ ่า โปรโตคอลเป็น ภาษา ท่ีคอมพิวเตอรใ์ ชส้ ่ือสารกนั ดงั นนั้ คอมพิวเตอรท์ ่ี ตอ้ งการส่ือสารกนั จ าเป็น ท่ตี อ้ งใช้ ภาษา หรอื โปรโตคอลเดียวกนั เพราะไม่เช่นนนั้ คอมพวิ เตอรก์ ็จะสือ่ สารกนั ไม่ได้ ปัจจบุ นั โปรโตคอลท่ีนยิ มใชม้ ากท่สี ดุ คือโปรโตคอล TCP/IP (Transmission Control/ Internet Protocol) ซ่งึ เป็นโปรโตคอลท่ใี ชใ้ นระบบ อนิ เทอรเ์ น็ตซ่งึ เป็นระบบเครือข่ายคอมพิวเตอรท์ ่ใี หญ่ ท่สี ดุ ในโลก นอกจากโปรโตคอลนี้ แลว้ ยงั มโี ปรโตคอลอ่ืนๆ ท่นี ยิ มใชก้ นั อยู่ เช่น โปรโตคอล IPX/SPX (Internet Packet 69 Exchange/ Sequenced Packet Exchange) ซ่งึ เป็นโปรโตคอล ท่พี ฒั นาโดยบรษิ ทั โน เวลล์ สาหรบั ใชก้ บั ระบบปฏบิ ตั กิ ารเน็ตแวร์ (Netware) บทที่ 6 แบบฝกึ หดั เร่อื งความรพู้ นื้ ฐานเก่ียวกับระบบการสอ่ื สารขอ้ มูล อภิปรายและตอบคำถามในหวั ขอ้ ดังต่อไปนี้ 1. จงบอกความหมายของระบบการสอื่ สารข้อมลู ระบบการส่ือสารขอ้ มลู คือ การโอนถา่ ย หรอื แลกเปลีย่ นขอ้ มูล (Transmission) กนั ระหวา่ งต้นทาง กับปลายทางโดยผา่ นอปุ กรณ์อเิ ล็กทรอนกิ สห์ รือคอมพวิ เตอร์ ระบบการสอื่ สารขอ้ มลู อิเลก็ ทรอนกิ ส์ ต้องอาศยั อุปกรณ์ หรือเคร่อื งมอื อเิ ล็กทรอนิกสช์ ว่ ยในการถ่ายโอนหรอื เคล่อื นยา้ ยขอ้ มลู รวมทงั้ ยงั ต้องอาศยั สือ่ กลางในการนำขอ้ มลู จากตน้ ทางไปยงั ปลายทาง (ฝ่ายตำราวิชาการคอมพวิ เตอร์, 2558)

คอมพิวเตอรซ์ อฟต์แวรแ์ ละโปรแกรมทใี่ ชค้ วบคมุ การไหลของข้อมูล และบุคลากรผดู้ ำเนินงาน จะชว่ ยส่งเสรมิ ในการปฏิบัติการ และจดั การในสว่ นต่างๆ ทง้ั หมด เพือ่ ใหก้ ารส่ือสารข้อมลู เปน็ ไปตาม ตอ้ งการ 2. อธบิ ายองค์ประกอบพนื้ ฐานระบบการสอ่ื สารขอ้ มูล 2. องค์ประกอบพ้นื ฐานของระบบสือ่ สารขอ้ มลู องค์ประกอบพ้ืนฐานหลกั 4 อย่างในระบบสอ่ื สารข้อมูล (ฝา่ ยตำราวิชาการคอมพวิ เตอร์, 2558; Forouzan, 2007) ได้แก่ 2.1 ผู้ส่งหรอื อปุ กรณข์ อ้ มลู (Sender) และ ผรู้ ับหรอื อปุ กรณร์ บั ขอ้ มลู (Receiver) ทั้งอปุ กรณร์ บั และสง่ ขอ้ มูลอาจจะเป็นอุปกรณ์ชนดิ เดียวกันก็ได้อุปกรณร์ ับ/สง่ ข้อมูลมี 2 ชนดิ คอื 2.1.1 Data Terminal Equipment (DTE) เป็นแหล่งกำเนิดและรับข้อมูล เช่น คอมพวิ เตอร์ เทอรม์ นิ ลั คอมพวิ เตอร์ เมนเฟรม เครอื่ งพมิ พ์ เป็นตน้ 2.1.2 Data Communication Equipment (DCE) เป็นอุปกรณ์ในการรับ/ส่งข้อมูล เช่น โมเดม็ จานไมโครเวฟ หรือจานดาวเทยี ม Fibrotic Infrared Wireless เปน็ ต้น 2.2 โปรโตคอล (Protocol) หรือซอฟตแ์ วร์ (Software) 2.2.1 โปรโตคอล คือ วิธีการ หรือ กฎระเบียบท่ีใช้ในการสื่อสารขอ้ มลู เพื่อให้ผู้รับและผู้ สง่ ข้อมลู เขา้ ใจกันสามารถตดิ ต่อส่ือสารกนั ได้ ตัวอยา่ งคอื x.25 SDLC TCP/IP 2.2.2 ซอฟต์แวร์ คือ ส่วนที่ทำหน้าที่ในการดำเนินงานในการสื่อสารข้อมูลเป็นไปตามที่ โปรแกรมกำหนด ตวั อยา่ งคือ Windows หรอื Novell’s Netware เป็นตน้ 2.3 ข่าวสาร (Message) ข่าวสาร คือสัญญาณอิเล็กทรอนิกส์ที่ส่งผ่านไปในระบบสื่อสาร บางครั้งเรยี กว่าสารสนเทศ (Information) รูปแบบของข่าวสารมี 4 รูปแบบคอื

2.3.1 เสียง (Voice) 2.3.2 ข้อมลู (Data) 2.3.3 ข้อความ (Text) 2.3.4 ภาพ (Picture) 2.4 สอื่ กลาง (Medium) เป็นสือ่ กลางท่ีใช้ในการส่ือสารข้อมลู จากต้นกำเนดิ ไปยงั ปลายทาง สอ่ื กลางนอ้ี าจจะเป็น เส้นลวด สายไฟ สายเคเบิล หรอื สายไฟเบอร์ออปตกิ เป็นตน้ หรอื อาจจะเปน็ คลืน่ ท่ีสง่ ผา่ นในอากาศ เช่น คลนื่ ไมโครเวฟ คลื่นดาวเทยี ม หรอื คล่นื วิทยุ เป็นตน้ 3. จงบอกการส่งสัญญาณบนสื่อกลางขอ้ มูลในรปู แบบต่าง ๆ ได้ สื่อกลางส่งข้อมูล ประกอบด้วยวัสดุและรวมถึงการนำเทคนิคต่างๆ มาใช้เพื่อนำส่งสัญญาณ โดยสื่อกลางส่งข้อมูลอาจเป็นได้ทั้งแบบมีสายสัญญาณหรือเคเบิลต่างๆ รวมถึงสื่อกลางแบบไร้สาย เช่น คลื่นวิทยุ อินฟราเรด หรือดาวเทียม เป็นต้น เมื่อมีการสง่ ข้อมูลจากคอมพิวเตอร์สัญญาณเหล่านี้ จะเดนิ ไปตามส่อื กลาง และพืน้ ฐานความเป็นจรงิ สื่อกลางทนี่ ำมาใช้เพื่อเชื่อมโยงบนเครือข่ายที่มีระยะ ทางไกลๆ อาจประกอบด้วยสื่อกลางหลากหลายชนิดที่นำมาใช้งานร่วมกัน และอาจมีความแตกต่าง กันตามความเหมาะสมบนพ้ืนที่นั้นๆ สำหรับเทคนิคการส่งสัญญาณบนสื่อกลาง อาจส่งเพียงสัญญาณ เดียว หรือมากกว่าหนงึ่ สญั ญาณก็เป็นได้ (โอภาส เอย่ี มสิรวิ งศ์ และสมโภชน์ ช่นื เอี่ยม, 2558) 3.1 การส่งสัญญาณบนสื่อกลางแบบเบสแบนด์ (Baseband) เป็นการใช้ช่องทางการสื่อสาร เพียงช่องทางเดียวสำหรับการส่งสัญญาณดิจิทัลในแต่ละครั้งในช่วงเวลาหนึ่ง โดยเครือข่าย คอมพวิ เตอรส์ ว่ นใหญม่ กั ใช้การส่งสญั ญาณชนดิ นี้ เนื่องจากเปน็ วิธีการท่ีไมซ่ ับซอ้ นและสามารถจดั การ ควบคุมงา่ ย 3.2 การส่งสญั ญาณบนสื่อกลางแบบบรอดแบนด์ (Broadband) เป็นการใชช้ ่องทางการส่ือสาร หลายช่องทางเพื่อส่งสัญญาณอนาล็อก (Analog) โดยแต่ละครั้งข้อมูลสามารถจัดส่งหรือลำเลียงบน ช่วงความถี่ที่แตกต่างกัน ดังนั้นการส่งสัญญาณชนิดนี้จะมีระบบการจัดการที่ยุ่งยากกว่าการส่ง สัญญาณแบบเบสแบนด์มาก เพราะจะต้องจัดการกับจำนวนข้อมูลต่างๆ ที่ลำเลียงอยู่บนหลายช่อง

ความถี่ บนสายส่ง สำหรับสื่อกลางข้อมูลที่นำมาใช้เพื่อส่งสัญญาณแบบบรอดแบนด์นั้น จะรับรอง ความเร็ว ที่สูงกว่าแบบเบสแบนด์ และมีต้นทุนสูงกว่า โดยปัจจุบันมักมีการนำเทคโนโลยีบรอดแบนด์ มาใช้งานตามบ้านเรอื นที่พักหรอื องค์กรธรุ กิจมากข้นึ เชน่ เทคโนโลยีบรอดแบนดอ์ ินเทอร์เนต็ เป็นตน้ 4. ใหน้ กั ศกึ ษายกตัวอยา่ งชนดิ สอ่ื กลางส่งข้อมูลทน่ี ำมาใช้งานบน เครอื ขา่ ยนน้ั ทั้งแบบสอ่ื กลางส่งข้อมูลแบบใช้สาย และแบบไรส้ าย พรอ้ มทงั้ อธิบายการการทำงาน ชนดิ ของส่อื กลางขอ้ มูลทน่ี ำมาใช้งานบนเครือข่ายนน้ั สามารถมีไดท้ ั้งแบบสื่อกลางส่งขอ้ มูล แบบใชส้ าย และแบบไร้สาย ซง่ึ มรี ายละเอยี ด (โอภาส เอีย่ มสิรวิ งศ์ และสมโภชน์ ช่ืนเอ่ยี ม, 2558; Forouzan, 2007) ดงั ต่อไปน้ี 4.1 สือ่ กลางส่งข้อมลู แบบใชส้ าย สือ่ กลางชนิดนีจ้ ะใช้สายเพ่ือการลำเลียงขอ้ มูลระหว่างกัน ซ่งึ ประกอบด้วยสายเคเบิล ชนดิ ต่างๆ เชน่ สายคบู่ ดิ เกลยี ว สายโคแอกเชยี ล และสายใยแก้วนำแสง สายเคเบลิ ท้งั สามชนิดน้ี ปกตมิ ันนำมาใชง้ านภายในตกึ สำนกั งานหรอื ฝงั ไวใ้ ต้ดิน 4.1.1 สายคบู่ ิดเกลยี ว (Twisted-Pair Cable) ลักษณะของสายคบู่ ดิ เกลียวแต่ละคู่จะ ทำดว้ ยสายทองแดง 2 เสน้ แตล่ ะเสน้ จะมีฉนวนหมุ้ พนั กันเปน็ เกลียวเพอ่ื ป้องกันการรบกวนจากคล่ืน แม่เหลก็ ไฟฟา้ นอกจากนีส้ ายคบู่ ิดเกลียวยังสามารถแบ่งออกเป็นประเภททไี่ ม่มีฉนวนปอ้ งกันสัญญาณ รบกวน หรือเรียกว่าสายยูทีพี (UTP: Unshielded Twisted-Pair Cable) สายบิดเกลียวแบบไม่มี โลหะห่อห้มุ นิยมใชก้ ับ Ethernet network ซ่ึงมคี วามเร็วในการสง่ ขอ้ มูลประมาณ 10 Mbps กบั แบบ ที่มีฉนวนป้องกันสัญญาณรบกวน หรือเรียกว่าสายเอสทีพี (STP: Shielded Twisted-Pair cable) สายบิดเกลียวแบบมโี ลหะห่อหุ้มมคี วามเร็วในการส่งข้อม^ลสูง มชี ้ันโลหะทีท่ ำหน้าที่ป้องกันสัญญาณ รบกวนจากภายนอก จงึ ทำให้มีราคาแพงกวา่ สาย UTP ข้อดี - เปน็ สัญญาณทมี่ รี าคาถูก

- ง่ายตอ่ การนำไปใช้ - มีการนำไปใช้งานอยา่ งแพรห่ ลาย - มีอุปกรณส์ นบั สนุนมากมาย ข้อเสีย - มขี ้อจำกดั ด้านระยะทาง - ไวต่อสัญญาณรบกวน (UTP) - มคี วามเรว็ ค่อนข้างจำกดั 5.จงอธบิ ายการหน้าทข่ี องอปุ กรณ์ทใี่ ช้ในการส่งรบั ข้อมลู การส่ือสาร มาอย่างน้อย 3 ชนิด สื่อกลางชนิดนี้จะใช้ลำเลียงข้อมูลผ่านอากาศ ซึ่งภายในอากาศจะมีพลังงานคล่ืน แม่เหล็กไฟฟ้าแพร่กระจายอยู่ทั่วไป โดยคลื่นดังกล่าวจะมีทั้งคลื่นความถี่ต่ำและคลื่นความถี่สูง ดัง แสดงรายละเอียดตอ่ ไปนี้ 4.2.1 อนิ ฟาเรด (Infrared) เป็นการสอ่ื สารขอ้ มูลโดยใชแ้ สงอินฟาเรดเป็นสอื่ กลาง โดย ในการส่งข้อมูลจำเป็นต้องมีอุปกรณ์ที่ทำหน้าที่ส่งข้อมูลและรับข้อมูล เช่น เมาส์ เครื่องพิมพ์ กล้อง ดิจิทัล และโทรศัพท์ เป็นต้น โดยจะมี IrDA port เป็นอุปกรณ์ในการรับส่งด้วยแสง ซึ่งเหมาะกับการ ส่อื สารข้อมลู ระยะใกล้ 4.2.2 สัญญาณวทิ ยุ (Radio Wave) เปน็ การสื่อสารขอ้ มูลแบบไร้สาย ทม่ี กี ารส่งข้อมูล เป็นสัญญาณคลื่นวิทยุไปในอากาศไปยังตัวสัญญาณ จึงทำให้ถูกสภาพแวดล้อมรบกวนข้อมูลได้ง่าย ในช่วงทส่ี ภาพอากาศไม่ดี การสง่ สัญญาณวธิ นี ี้จะช่วยส่งขอ้ มูลระยะทางไกล หรอื ในสภาพภูมิประเทศ ทไ่ี ม่เออ้ื อำนวย 4.2.3 คลื่นวิทยุ (Cellular Radio) ลักษณะของระบบสื่อสารแบบคลื่นวิทยุ เป็น สื่อกลางการสื่อสารแบบไร้สายที่สามารถแพร่ได้บนระยะทางไกล เช่น ระหว่างเมืองหรือระหว่าง ประเทศ และยงั ไมร่ วมถึงการแพร่บนระยะทางสั้นๆ อยา่ งไรก็ตาม คล่นื วิทยุนัน้ มคี วามเร็วค่อนข้างต่ำ

อีกทั้งไวต่อสัญญาณรบกวน แต่ข้อดี คือ มีความยืดหยุ่นสูง สะดวกต่อการใช้งาน และผู้ใช้ไม่ต้องเสีย คา่ ใชจ้ า่ ย บทท่ี 7 1.การนาคอมพิวเตอรม์ าช่วยงานในดา้ นต่างๆนนั้ ทาใหก้ ารทางานมีความสะดวก มากยิ่งขนึ้ และ เราสามารถนาขอ้ มลู ท่ไี ดจ้ ากการประมวลผลนนั้ ไปชว่ ยในการตดั สินใจและ ใชใ้ หป้ ระโยชนอ์ ย่าง มาก แต่อย่างไรก็ตาม การประมวลผลขอ้ มลู ดว้ ยคอมพิวเตอรแ์ บบเคร่ืองเดียว (Stand-alone) อาจยงั ไม่เพยี งพอ หากขอ้ มลู ท่ีตอ้ งการนนั้ จาเป็นตอ้ งสง่ ต่อไปยงั เครื่องคอมพิวเตอรอ์ ่ืนๆอกี หลาย เคร่ือง โดยเฉพาะในองคก์ รต่างๆ ซ่งึ ทางดา้ นการศกึ ษาและบรบิ ทท่แี ตกตา่ งของสถานศกึ ษามี ความจาเป็นตอ้ งเลือกวธิ ีการในการเช่ือมตอ่ เครือขา่ ยท่เี หมาะสมใหม้ ากท่สี ดุ เพราะความ แตกตา่ งทงั้ เร่อื งงบประมาณ และอปุ กรณพ์ นื้ ฐาน รวมทงั้ นโยบายของแต่ละสถานศกึ ษาท่แี ตกต่าง กนั ซ่งึ จะอย่ใู นรูปแบบของการใชง้ านสาหรบั ฝ่ายงานตา่ งๆ ในสถานศกึ ษา และหอ้ งเรียน คอมพวิ เตอรท์ ่ีตอ้ งตอบสนองต่อความตอ้ งการของผใู้ ชง้ านใหม้ ปี ระสทิ ธิภาพมากท่สี ดุ 2.ระบบ เครอื ข่ายคอมพิวเตอรเ์ ป็นระบบสื่อสารขอ้ มลู ท่ีถกู ออกแบบใหม้ ีการใช้ ทรพั ยากรเครือข่ายรว่ มกนั ทงั้ นีเ้ ป็นเพราะอปุ กรณฮ์ ารด์ แวรท์ ่ผี ใู้ ชห้ ลายๆคนสามารถใชร้ ว่ มกนั ในระบบเครอื ข่ายรวมทงั้ ซอฟตแ์ วร์ ท่มี รี าคาแพง ซง่ึ สามารถใชห้ ลายๆคนพรอ้ มกนั ได้ หรือเม่อื มีความตอ้ งการท่จี ะโอนถ่าย แฟม้ ขอ้ มลู ของผใู้ ชร้ ะบบเครือขา่ ย โดย เครือข่ายคอมพิวเตอร์ สามารถจาแนกไดห้ ลายวิธี ขนึ้ อยู่ กบั เกณฑท์ ่ใี ช้ ไดแ้ ก่ ขนาดกายภาพทางภมู ศิ าสตรข์ องเครอื ข่าย ลกั ษณะหนา้ ท่กี ารทางานของ คอมพิวเตอรใ์ นเครือข่าย และระดบั ความปลอดภยั ของขอ้ มลู รวมถงึ ลกั ษณะการแลกเปลยี่ น ขอ้ มลู ของคอมพวิ เตอร์ (อาณตั ิ รตั นถิรกลุ , 2558; Tanenbaum, 2003) โดยท่วั ไปการจาแนก ประเภทของเครือขา่ ยมอี ยู่ 3 วธิ ี 1.1 ใชข้ นาดกายภาพทางภมู ศิ าสตรข์ องเครือข่ายเป็นเกณฑ์ แบ่ง ออกไดเ้ ป็น 3 ประเภทดงั นี้ 1.1.1 เครือข่ายทอ้ งถ่ิน (LAN: Local Area Network) 1.1.2 เครือขา่ ย ในเขตเมอื ง (MAN: Metropolitan Area Network) 1.1.3 เครอื ข่ายบรเิ วณกวา้ ง (WAN: Wide Area Network) 1.2 ใชล้ กั ษณะหนา้ ท่กี ารทางานของคอมพวิ เตอรใ์ นเครือขา่ ยเป็นเกณฑ์ สามารถ แบ่งไดเ้ ป็น 2 ประเภทดงั นี้ 1.2.1 เครอื ข่ายแบบเทา่ เทยี ม (Peer-to-Peer Network) 1.2.2 เครือข่ายแบบผใู้ ชบ้ รกิ ารและผใู้ หบ้ รกิ าร (Client-Server Network) 1.3 ใชร้ ะดบั ความปลอดภยั

ของขอ้ มลู เป็นเกณฑ์ สามารถแบ่งไดด้ งั นี้ คือ 1.3.1 เครือขา่ ยสาธารณะ (Internet) 1.3.2 เครือข่ายสว่ นบคุ คล (Intranet) 1.3.3 เครือข่ายรว่ ม (Extranet) 3.ถา้ ใชข้ นาดกายภาพทาง ภมู ศิ าสตรเ์ ป็นเกณฑเ์ ครือขา่ ยสามารถแบ่งออกไดเ้ ป็นสามประเภท คือ เครือข่ายทอ้ งถ่ิน (LAN: Local Area Network) เครอื ขา่ ยในเมอื ง (MAN: Metropolitan Area Network) และเครือข่าย บรเิ วณกวา้ ง (WAN: Wild Area Network) โดยเครือขา่ ยทอ้ งถ่ินเป็นเครือขา่ ยขนาดเล็กท่ี ครอบคลมุ พนื้ ท่ใี นบรเิ วณจากดั เชน่ ภายในหอ้ งหรือภายในอาคารหนึ่งหรอื อาจจะครอบคลมุ หลายอาคารท่อี ยใู่ นบรเิ วณใกลเ้ คียงกนั เชน่ ในวทิ ยาเขตของมหาวทิ ยาลยั ซ่งึ บางทกี ็เรยี กว่า “เครอื ข่ายวิทยาเขต (Campus Network)” จานวนของคอมพวิ เตอรท์ ่เี ช่ือมต่อกนั ในเครือข่าย ทอ้ งถ่ิน อาจมีตงั้ แตส่ องเคร่ืองไปจนถึงหลายพนั เครื่อง สว่ นเครอื ข่ายในเขตเมอื งเป็นเครอื ขา่ ย คอมพิวเตอรท์ ่มี ีขนาดใหญ่กวา่ เครือข่ายทอ้ งถ่ิน เป็นเครือข่ายในเขตเมืองครอบคลมุ พืน้ ท่ใี นเขต อาเภอหรือจงั หวดั เดียวกนั โดยอาจเป็นการเช่อื มโยงคอมพิวเตอรข์ ององคก์ รเขา้ ดว้ ยกนั สว่ น เครอื ข่ายบรเิ วณกวา้ งนนั้ เป็นเครอื ขา่ ยคอมพิวเตอรท์ ่คี รอบคลมุ บรเิ วณกวา้ ง โดยจะนาเครือขา่ ย ทอ้ งถ่ินตงั้ แตส่ องเครือข่ายขึน้ ไปมาต่อกนั โดยใชส้ ายสง่ ขอ้ มลู ความเรว็ สงู ครอบคลมุ พนื้ ท่วี งกวา้ ง (โอภาส เอ่ยี มสริ วิ งศ์ และสมโภชน์ ช่นื เอ่ยี ม, 2558) 4.ใชล้ กั ษณะหนา้ ท่ีการท างานของ คอมพวิ เตอรใ์ นเครือข่ายเป็นเกณฑ์ สามารถแบ่ง ไดเ้ ป็น 2 ประเภท คือ 2.2.1 เครือขา่ ยแบบเพียร์ ทเู พียร์ (Peer to Peer Network) เป็นการ เช่ือมต่อเครอ่ื งคอมพิวเตอรเ์ ขา้ ดว้ ยกนั โดยเครอื่ ง คอมพวิ เตอรแ์ ต่ละเครื่องจะสามารถแบ่ง ทรพั ยากรตา่ งๆ ไม่วา่ จะเป็นไฟลห์ รือเครื่องพิมพซ์ ง่ึ กนั และกนั ภายในเครือข่ายได้ เคร่ือง แตล่ ะเคร่อื งจะท างานในลกั ษณะท่ที ดั เทยี มกนั ไม่มีเคร่ืองใด เครอื่ งเครือ่ งหนึง่ เป็นเคร่ือง หลกั เหมือนแบบ Client/Server แตก่ ย็ งั คงคณุ สมบตั ิพนื้ ฐานของระบบ เครอื ข่ายไว้ เหมือนเดมิ การเช่ือมต่อแบบนมี้ กั ท าในระบบท่มี ขี นาดเล็กๆ เชน่ หน่วยงานขนาดเล็ก ท่มี ี เคร่ืองใชไ้ ม่เกนิ 10 เครอื่ ง การเช่ือมต่อแบบนมี้ จี ดุ อ่อนในเรอื่ งของระบบรกั ษาความ ปลอดภยั แตถ่ า้ เป็นเครอื ข่ายขนาดเล็กและเป็นงานท่ีไม่มีขอ้ มลู ท่ีเป็นความลบั มากนกั เครือข่ายแบบนี้ ก็ เป็นรูปแบบท่ีน่าเลอื กน ามาใชไ้ ดเ้ ป็นอยา่ งดี 2.2.2 เครือข่ายแบบไคลเอนทเ์ ซริ ฟ์ เวอร์ (Client/Server Network) เป็นระบบท่มี ีเครื่องคอมพิวเตอรท์ กุ เครื่องมีฐานะการทางานท่ี เหมอื นๆกนั เทา่ เทียมกนั ภายในระบบเครือขา่ ย แตจ่ ะมเี คร่ืองคอมพวิ เตอรเ์ คร่ืองหนึง่ ท่ีทาหนา้ ท่ี เป็นเคร่ือง Server ท่ที าหนา้ ท่ใี หบ้ รกิ ารทรพั ยากรต่างๆใหก้ บั เคร่ือง Client หรือเครื่องท่ีขอใช้ บรกิ าร ซ่งึ อาจจะตอ้ งเป็นเครื่องท่ีมีประสิทธิภาพท่ีค่อนขา้ งสงู ถึงจะทาใหก้ ารใหบ้ รกิ ารมี

ประสทิ ธิภาพตามไปดว้ ย ขอ้ ดีของระบบเครอื ข่าย Client -Server เป็นระบบท่มี ีการรกั ษาความ ปลอดภยั สงู กว่าระบบแบบ Peer To Peer เพราะวา่ การจดั การในดา้ นรกั ษาความปลอดภยั นนั้ จะท ากนั บนเคร่ือง Server เพยี งเคร่ืองเดียวทาใหด้ แู ลรกั ษางา่ ย และสะดวก มกี ารกาหนดสิทธิ การเขา้ ใชท้ รพั ยากรต่างๆ ใหก้ บั เครื่องผขู้ อใชบ้ รกิ าร หรือเคร่อื ง Client 5.การแบง่ ประเภท เครอื ข่ายตามระดบั ความปลอดภยั ของขอ้ มลู ซ่งึ จะแบ่งออกไดเ้ ป็น 3 ประเภทคือ อินเทอรเ์ น็ต (Internet) อนิ ทราเน็ต (Intranet) และ เอ็กสท์ ราเน็ต (Extranet) อนิ เทอรเ์ น็ตเป็นเครือขา่ ย สาธารณะท่ที กุ คนสามารถเช่ือมต่อเขา้ ได้ เครือขา่ ยนจี้ ะไม่มคี วามปลอดภยั ของขอ้ มลู เลย ถา้ ทกุ คนสามารถเขา้ ถงึ ขอ้ มลู ท่ีแชรไ์ วบ้ นอินเทอรเ์ น็ตได้ ในทางตรงกนั ขา้ ม อนิ ทราเน็ตเป็นเครือข่าย สว่ นบคุ คล ขอ้ มลู จะถกู แชรเ์ ฉพาะผทู้ ่ใี ชอ้ ย่ขู า้ งในเท่านนั้ หรือผใู้ ชอ้ ินเทอรเ์ นต็ ไม่สามารถเขา้ มาดู ขอ้ มลู ในอินทราเน็ตไดถ้ งึ แมว้ ่าทงั้ สองเครือข่ายจะมีการเช่ือมต่อกนั อย่กู ็ตาม ส่วนเอ็กทราเนต็ นนั้ เป็นเครือข่ายแบบกงึ่ อนิ เทอรเ์ นต็ และอินทราเน็ตกลา่ วคือ การเขา้ ใชเ้ อก็ สท์ ราเนต็ นั้นมีการควบคมุ เอ็กสท์ ราเน็ต ส่วนใหญ่จะเป็นเครือข่ายท่เี ช่ือมต่อระหวา่ งองคก์ รเพ่ือแลกเปล่ียนขอ้ มลู บางอย่าง ซง่ึ กนั และกนั ในการแลกเปลี่ยนขอ้ มลู นีต้ อ้ งมกี ารควบคมุ เพราะมีเฉพาะ ขอ้ มลู บางอยา่ งเทา่ นนั้ ท่ตี อ้ งการแลกเปลีย่ น(โอภาส เอ่ยี มสิรวิ งศ์ และสมโภชน์ ช่ืนเอ่ยี ม, 2558) นาย นาธปิ รณขนั ธ์ จท.2 4641070641101 นาย ณรงคฤ์ ทธ์ิ พนั ธเ์ พชร จท.2 4641070641118


Like this book? You can publish your book online for free in a few minutes!
Create your own flipbook