ชนิดของไฟฟ้ า เรียบเรียงโดย นาย ชยั รัตน์ แหชู สาขาวชิ า ไฟฟ้ ากาลงั วทิ ยาลยั เทคนิคสโุ ขทยั
ไฟฟ้ าสถติ (Statics Electricity) ไฟฟ้าสถติ เป็ นกระแสไฟฟ้าทเ่ี กดิ จากการเสยี ดสขี องวตั ถุ 2 ชนดิ คอื แทง่ แกว้ นามาขดั ถกู บั ผา้ ไหม จะมผี ลทาให ้ ทาให ้ อเิ ล็กตรอนยา้ ยที่ แทง่ แกว้ จะมอี านาจไฟฟ้าดงึ ดดู วตั ถเุ บาๆ เชน่ เศษกระดาษ หรอื ไฟฟ้าสถติ ทเ่ี กดิ จากธรรมชาติ เชน่ ฟ้าแล็บ ฟ้ารอ้ ง ฟ้าผา่ ไฟฟ้ ากระแส (Current Electricity) คอื แหลง่ กาเนดิ ไฟฟ้าทมี่ นุษยส์ ามารถผลติ ขนึ้ มาเพอื่ ใชง้ านดา้ นตา่ งๆไดอ้ ยา่ งมากมายโดยการสง่ กระแสไฟฟ้าใหเ้ คลอ่ื น ท่ี ไปในลวดตัวนา แบง่ ออกเป็ น 2 ชนดิ คอื ไฟฟ้ากระแสตรง( Direct Current) ไฟฟ้ากระแสสลับ (Alternation Current) ไฟฟ้ ากระแสตรง (Direct Current)ไฟฟ้ากระแสตรงนจ้ี ะมที ศิ ทางการไหลไปในลวดตวั นาเพยี งทศิ ทางเดยี วโดยกระแสไฟฟ้าจะไหลจากขวั้ ลบไปยงั ขวั้ บวก เสมอ เราเรยี กวา่ กระแสอเิ ล็กตรอน (Electron - Current) แตเ่ รานยิ มให ้ กระแสไฟฟ้าไหลจากขวั้ บวกไปหาขวั้ ลบ เราเรยี กวา่ กระแสนยิ ม (Conventional- Current)แหลง่ กาเนดิ ไฟฟ้ากระแสตรงนัน้ มตี น้ กาเนดิ มาจากเซลไฟฟ้า เชน่ ถา่ นไฟฉายและเบตเตอรี่รถยนต์ เซลไฟฟ้ า คอื ตน้ กาเนดิ แรงเคลอื่ นไฟฟ้าทใ่ี ชป้ ฏกิ ริ ยิ าทางเคมี แบง่ ตามลักษณะการใช ้ งาน ได ้ 2 ชนดิ คอื 1. เซลปฐมภมู ิ (Primary Cell) คอื เซลไฟฟ้าทน่ี ามาใชง้ านจนหมดสภาพแลว้ เราไมส่ ามารถนามาใชไ้ ดอ้ กี เชน่ ถา่ นไฟฉาย
2. เซลทตุ ยิ ภมู ิ (SecondaryCell)แบตเตอรแ่ี บบสะสมคอื เซลไฟฟ้าทนี่ ามาใชง้ านแลว้ สามารถนากลับมาใชใ้ หม่ ไดอ้ กี โดยการเตมิ ประจุ (Charge) เขา้ ทเี่ ซลลไ์ ฟฟ้านี้ เชน่ แบตเตอรร่ี ถยนต์หรอื ถา่ นนเิ กลิ แคดเมยี่ มทใ่ี ชก้ ับโทรศพั ทม์ อื ถอื ไฟฟ้ากระแสสลบั (Alternation Current) เป็ นกระแสไฟฟ้าทมี่ กี ารไหลเปลย่ี นแปลงอย่ตลอดเวลาคอื มที ัง้ ขวั้ บวกและขวั้ ลบ สลับกนั โดยหลักการพน้ื ฐานแลว้ กระแสไฟฟ้าสลับนเี้ กดิจากการเหนย่ี วนาของสนามแมเ่ หล็กตดั กบั ขดลวด โดยการ นาเอาขดลวดไปวางไวร้ ะหวา่ งสนามแมเ่ หล็กและหมนุ ขดลวดนัน้ แลว้ ใชเ้ ทคนคิ ในการตอ่ ขวั้ ทัง้ สองของขดลวดออก มาเราก็สามารถบังคับใหก้ ระแสไฟฟ้าสลบั ออกมาใชง้ านได ้
ทศิ ทางของแรงเคลอ่ื นไฟฟ้าทเ่ี กดิ ขน้ึ ในขดลวด จะเปลย่ี นแปลงไปตามการหมนุ ซงึ่ ตรวจดูความสมั พันธ์ ระหวา่ งมมุ ทข่ี ด ลวดกบั ขนาดทศิ ทางของแรงเคลอื่ นไฟฟ้าทเี่ กดิ ขนึ้ จะไดผ้ ลดงัรปู เมอ่ื ขดลวดอยใู่ นตาแหน่ง (a)กาหนดใหเ้ ป็ นมมุ 0 องศาและกาหนดใหข้ ดลวดหมนุ ไปตามทศิ ทางของลกู ศรในรปู เมอื่ ขดลวดอยู่ 0องศาขดลวดไมไ่ ดต้ ดิ ฟลกั ซแ์ มเ่ หล็กแรงเคลอื่ นไฟฟ้าจะเป็ น0 เมอื่ ขดลวดหมนุ ไปอยทู่ ี่ 30 องศา และ 60 องศาแรงเคลอ่ื นไฟฟ้าจะมีคา่ สงู ขน้ึ และมกี ระแสไหลจาก A ไป B ถา้ กาหนดใหท้ ศิ ดังกลา่ วเป็ นบวกทศิ ของแรงเคลอ่ื นไฟฟ้าซง่ึ เป็ นบวกดว้ ยเมอ่ื ขดลวดมาอยตู่ าแหน่งท่ี (b) คอื 90 องศา ขดลวด A จะอยู่ใตแ้ มเ่ หล็ก S พอดแี รงเคลอื่ นไฟฟ้าจะมคี า่ สงู สดุ เมอ่ื ขดลวดหมนุ ไปที่ 120 องศา และ 150องศาแรงเคลอ่ื นไฟฟ้าจะมคี า่ ลดลงและจะเป็ น 0 เมอื่ ขดลวดอยใู่ นตาแหน่ง (c ) คอื ท่ี 180 องศาเมอื่ เลย 180องศาไปจะเกดิ แรงเคลอื่ นไฟฟ้าขนึ้ อกี แตม่ ที ศิ ทางกลบั กันกระแสจะไหลจาก B ไปA เมอ่ื ขดลวดหมนุ ไปเรอ่ื ยๆก็จะไดข้ นาดและทศิ ทางของแรงเคลอ่ื นไฟฟ้าเหมอื นรปู ขา้ งตน้
Search
Read the Text Version
- 1 - 4
Pages: