Important Announcement
PubHTML5 Scheduled Server Maintenance on (GMT) Sunday, June 26th, 2:00 am - 8:00 am.
PubHTML5 site will be inoperative during the times indicated!

Home Explore Best Practice

Best Practice

Published by prajittra04, 2018-07-15 02:40:02

Description: การบริหารจัดการศึกษาปฐมวัยที่ดี (Best Practice)
ชื่อผลงาน : การสอนภาษาธรรมชาติแบบบูรณาการความร่วมมือครูกับผู้ปกครอง ระดับชั้นอนุบาลปีที่ 3
ชื่อผู้นำเสนอผลงาน/นวัตกรรม : นางประจิตตรา แก้วสาร
สถานศึกษา : โรงเรียนอนุบาลลุมพุก (วันครู 2503)
สังกัด สำนักงานเขตพื้นที่การศึกษาประถมศึกษายโสธร เขต 1

Keywords: การบริหารจัดการศึกษาปฐมวัยที่ดี,Best Practice

Search

Read the Text Version

1 การบรหิ ารจดั การศึกษาปฐมวยั ทีด่ ี (Best Practice)การสอนภาษาธรรมชาตแิ บบบรู ณาการความรว่ มมอื ครูกบั ผู้ปกครอง ระดบั ช้นั อนบุ าลปีที่ 3 นางประจิตตรา แก้วสาร ตาแหน่ง ครู วทิ ยฐานะ ชานาญการพิเศษ โรงเรยี นอนุบาลลุมพุก (วนั ครู 2503) สานักงานเขตพื้นทีก่ ารศกึ ษาประถมศึกษายโสธร เขต 1 สานกั งานคณะกรรมการการศึกษาขั้นพน้ื ฐาน กระทรวงศึกษาธกิ าร

2 คานา การสอนภาษาธรรมชาติแบบบูรณาการความร่วมมือครูกับผู้ปกครอง ระดับช้ันอนุบาลปีท่ี 3มุ่งเน้นพัฒนาเด็กปฐมวัยให้สอดคล้องกับหลักสูตรการศึกษาปฐมวัย พุทธศักราช 2560 ที่กาหนดปรัชญาการศึกษาปฐมวัยให้ “การศึกษาปฐมวัย เน้นพัฒนาเด็กตั้งแต่แรกเกิดถึง 6 ปีบริบูรณ์ อย่างเป็นองค์รวมบนพ้ืนฐานการอบรมเล้ียงดูและการส่งเสรมิ กระบวนการเรยี นรูท้ ี่สนองต่อธรรมชาติและพัฒนาการตามวยั ของเด็กแต่ละคนให้เต็มตามศักยภาพ ภายใต้บริบทสังคมและวัฒนธรรมท่ีเด็กอาศัยอยู่ ด้วยความรัก ความเอ้ืออาทร และความเข้าใจของทุกคน เพ่ือสร้างรากฐานคุณภาพชีวิตให้เด็กพัฒนาไปสู่ความเป็นมนุษย์ที่สมบูรณ์เกิดคุณค่าต่อตนเอง ครอบครัว ชุมชน สังคมและประเทศชาติ” โดยการชี้แจง ทาความเข้าใจ และขอร่วมมือกับผู้ปกครองในการส่งเสรมิ พัฒนาการด้านภาษา ครอบคลุมพัฒนาการฟัง การพูด การอ่าน และการเขียน ให้เด็กปฐมวัยมีพัฒนาการด้านภาษาที่ดี สอดคล้องกับความต้องการ และบริบทของเด็ก มุ่งให้เด็กเก่ง ดี มีสุขเป็นสาคญั ขอขอบคุณผู้ปกครอง ผู้อานวยการโรงเรียนอนุบาลลุมพุก (วันครู 2503) คณะครูปฐมวัยและผู้มีส่วนร่วมมือ ร่วมใจ และสนับสนนุ การทางานจนประสบผลสาเร็จ เพื่อพัฒนาลูกหลานของเราใหเ้ ติบโตเป็นพลังสาคญั ตอ่ การพฒั นาประเทศต่อไป นางประจิตตรา แกว้ สาร กรกฎาคม 2561

สารบัญ 3หลกั การและเหตผุ ล หน้าวตั ถปุ ระสงค์ของการศึกษา 1แนวคดิ ทฤษฏที ่เี กย่ี วของ 2การดาเนินงาน / กระบวนการ / วธิ ีการปฏิบัติ 2แผนการดาเนนิ งาน 2ระยะเวลาในการดาเนินงาน 4ผลการปฏบิ ัติงาน 4ปัจจยั ทที่ าใหว้ ิธีการประสบผลสาเรจ็ 4บทเรยี นทีไ่ ด้รบั / ผลทเี่ กดิ 5การเผยแพรผ่ ลงาน 5ภาคผนวก 5ภาคผนวก ก แบบสารวจความพงึ พอใจของผู้ปกครองต่อพัฒนาการดา้ นภาษาของเด็กปฐมวยั 6ภาคผนวก ข ภาพถ่ายแสดงการจดั ประสบการณ์สอนภาษาธรรมชาติ 7 8

1 การบรหิ ารจัดการศกึ ษาปฐมวยั ท่ีดี (Best Practice)ชอ่ื ผลงาน : การสอนภาษาธรรมชาติแบบบรู ณาการความร่วมมือครูกับผ้ปู กครอง ระดับช้ันอนบุ าลปีที่ 3ชอื่ ผูน้ าเสนอผลงาน/นวตั กรรม : นางประจติ ตรา แกว้ สารสถานศกึ ษา : โรงเรียนอนบุ าลลุมพุก (วนั ครู 2503) สงั กดั สานักงานเขตพ้ืนทก่ี ารศกึ ษาประถมศึกษายโสธร เขต 1 โทรศัพท์มอื ถอื 0 8 1790 0692 e-mail : [email protected]. หลกั การและเหตุผล การสอนภาษาแบบธรรมชาติ (Whole Language Approach) เกิดจากหลักการและแนวคดิของนักการศึกษา นักวิจัยทางภาษาท่ีมีชื่อเสียง คือ Jean Piaget ผู้เช่ือว่า การท่ีเด็กได้เคลื่อนไหวสัมผัสสิ่งต่างๆ รอบตัวจะเป็นการคิดสร้างความร้ขู ึ้นภายในตนหรือเด็กเป็นผูก้ ระทา (Active) มิใช่การรับเขา้ ไปเฉยๆ(Passive) การเรียนรู้ของเด็กเกิดจากอิทธิพลของสังคมและผู้อ่ืน จึงเน้นให้เด็กมีปฏิสัมพันธ์กับผู้ใหญ่ ซึ่งการเช่ือมโยงความสัมพันธ์ระหวา่ งเสียงกับภาพ เสียงกับตัวอักษร เป็นความรู้เกี่ยวกับตัวอักษรที่เป็นองค์ประกอบหน่ึงของการอ่านของเด็ก เช่ือว่าการสอนภาษาเป็นความสาคัญที่เด็กจะใช้เพื่อการแก้ปัญหาในชีวิตประจาวันของเด็กและภาษามีความหมายต่อชีวิต การเรียนภาษาต้องมาจากส่ิงที่เป็นจริงและเกี่ยวข้องกับเด็ก โดยเรียนภาษาแบบองค์รวมคือ เรียน ฟัง พูด อ่าน เขียน ไปพร้อมกัน การสอนภาษาแบบธรรมชาติแพร่ หลายในประเทศ ออสเตรเลีย นิวซแี ลนด์ สหรัฐอเมรกิ า และแคนาดา มาต้ังแต่ ปี ค.ศ. 1970 เปน็ ต้นมา ปัจจุบันโรงเรียนอนุบาลลุมพุก (วันครู 2503) ระดับชั้นอนุบาลปีท่ี 3 ได้นารูปแบบการสอนภาษาแบบธรรมชาติ (Whole Language Approach) โดยมีเด็กเป็นศูนย์กลางการเรียนรู้นั้นๆ ไม่ใช่การฝึกให้เด็กท่องจาเป็นคาๆ หรือสอนว่าควรอ่านก่อนถึงจะเรียนเขียนแต่สอนให้เด็กเข้าใจความหมายของคาเป็นประโยค เพื่อใช้ในการสือ่ สารเป็นหลัก หรืออาจสรปุ ได้ว่าเป็นการจัดประสบการณ์ให้เด็กได้เรียนรู้จากส่ิงที่มีความหมายในชีวิตประจาวัน โดยการจัดสภาพแวดล้อมที่เอ้ือต่อการเรียน เพ่ือเปิดโอกาสให้เด็กได้ใช้ภาษาในการสื่อสาร เช่น การถามตอบง่ายๆ การเล่านิทาน การช่วยกันแต่งนิทาน การแสดงบทบาทสมมติ เป็นต้นโดยมีครูเป็นแบบอย่างที่ดีในการเรียนรู้ของเด็กพัฒนาทักษะทางภาษาครอบคลุมด้าน การฟัง พูด อ่าน และเขียน และกระตุ้นให้เด็กได้มีปฏิสัมพันธ์กับเพื่อนและครูในบรรยากาศที่อบอุ่นและเป็นกันเอง ตลอดจนบูรณาการความรว่ มมอื กับผู้ปกครองในการส่งเสริมการเรียนรู้แบบธรรมชาติอย่างต่อเนื่อง ผ่านช่องทางสื่อสารออนไลน์ เพื่อเพิ่มพูนองค์ความรู้ต่างๆ ติดตามและถ่ายทอดพัฒนาการของเด็กระหว่างครูกับผู้ปกครองแบบทกุ ที่ ทุกเวลา เพ่ือการมีส่วนร่วมในการจัดการศึกษาให้กับเด็กปฐมวัย ผู้ปกครองเด็กปฐมวัยถือเป็นบุคคลสาคัญท่ีสุดในการร่วมมือกับครูและโรงเรียน เพ่ือเสริมสร้างพัฒนาการของเด็กให้เป็นไปตามมาตรฐานการเรียนรู้และคุณลักษณะท่ีพึงประสงค์ในระดับปฐมวัย ดังน้ัน ความรู้ความเข้าใจเกี่ยวกับกระบวนการเรียนรู้และความคาดหวังของผู้ปกครองที่เหมาะสมสอดคล้องกับพัฒนาการตามวัย ถือเป็นปัจจัยสาคญั ท่จี ะสง่ เสรมิ ใหก้ ารจัดการศึกษา ประสบความสาเรจ็ ตามเปา้ หมายได้อยา่ งมีคุณภาพ

22. วตั ถุประสงค์ของการศกึ ษา เพ่อื สง่ เสรมิ การเรยี นรู้ภาษาธรรมชาติแบบบรู ณาการความร่วมมือครูกับผ้ปู กครอง3. แนวคดิ ทฤษฏที เี่ ก่ียวของ เคนเน็ท กูดแมน (K. Goodman,1986) กลาววาการสอนภาษาแบบธรรมชาติเริ่มมาจากทฤษฎีทางภาษาและทฤษฎีทางการเรียนรูรวมกัน ซึ่งบุษบง ตันติวงศ กล่าววา การสอนภาษาแบบธรรมชาติมีทฤษฎีพื้นฐาน 3 ทฤษฎี ได้แก่ (1) ทฤษฎีวาดวยระบบของภาษา (2) ทฤษฎีวาดวยภาษา ความคิด และสัญลักษณสื่อสาร และ (3) ทฤษฎีวาดวยการอานเขียนในระบบ ภาษา (บุษบา ตันติวงศ, 2536) โดยเฉพาะทฤษฎีที่ 2 กูดแมน (Yetta M.Gookman,1989) กลาววา เด็กตองการที่ใชภาษาในการแกปญหาที่มีความสาคัญและมีความหมายตอชีวิตประจาวันของตนเอง สาหรับทฤษฎีทางการเรียนรูที่เกี่ยวข้องกับแนวการสอนนี้ประกอบดวย เด็กเรียนรูภาษาจากประสบการณและการลงมือกระทา (Dewey) เด็กเรียนรูจากกิจกรรม การเคลื่อนไหวของตนเองและการไดสัมผัสจับตองกับสิ่งตางๆ แลวสรางความรูขึ้นมาดวยตนเอง (Piaget) เชนเดียวกับไวกอตสกี้(Vygotsky) กลาววา อิทธิพลของสังคมและบุคคลอื่นๆ มีผลต อการเรียนรูภาษาของเด็กและฮัลลิเดย(Haliday) กลาววาบริบท (Context) มีสวนสาคัญในการเรียนรูภาษา ดังนั้นจึงสรุปไดวาการสอนภาษาแบบธรรมชาติเกิดจากการผสมผสานทฤษฎีหลายๆ ทฤษฎีเข าดวยกัน เพื่อส่งเสริมการเรียนรู้อย่างมีความสุขสาหรับเด็ก อีลัน บลูม (เยาวพา เดชะคุปต. 2542: 19; อางอิงจาก Iran Blum. 1995) กลาววาการสอนภาษาแบบองครวม หมายถึง การจัดประสบการณการเรียนรูสาหรับเด็กท่ีเนนการเรียนรู จากสิ่งที่มีความหมายตอชีวิตประจาวันของเด็ก โดยนาสิ่งที่เขาประสบพบเห็นในชีวิตประจาวัน ซึ่งรวมหมายถึงวัฒนธรรมการดารงชีวิตของเด็กแตละคนมาใชในการจัดประสบการณการเรียนรู กระบวนการเรียนการสอนเปนการเรียนอยางมีชีวิตชีวา จากส่ิงท่ีเปนธรรมชาติ จากสภาพแวดลอม ที่เปนชีวิตจริงและจากส่ิงท่ีเปนอยูจริงในชีวิตประจาวัน โดยเด็กเปนผูคิดคนกระบวนการเรียนรูดวย ตนเองกับเพื่อนๆ ไมมุงเนนการสอนเขียน อาน ไวยากรณหรือการอานหนังสือแบบเรียนเพราะ เปนเร่ืองท่ียากตอความเขาใจและไมใชสิ่งที่เขาพบเห็นในชีวิตจริง แนวคิดการสอนภาษาแบบธรรมชาติ เชื่อว่าเด็กเกิดมาพร้อมความสามารถในการเรียนรู้ภาษาได้จากส่ิงแวดล้อมรอบด้าน ชีวิตประจาวัน การเลียนแบบ ไม่เน้นให้เด็กต้องท่องตัวอักษรได้ ไม่เน้นการท่องจาเพื่อให้อ่านออกเขียนได้ตามการเรียนการสอนทั่วไป เด็กไม่ต้องฝึกทักษะตามขั้นตอน เช่น ต้องเขียนได้ก่อน แล้วถึงจะเรียนการอ่าน แต่จะพัฒนาทักษะการฟัง พูด อ่าน และเขียนไปพร้อมๆกัน4. การดาเนินงาน / กระบวนการ / วธิ ีการปฏิบตั ิ การจัดประสบการณ์ให้เด็กได้เรียนรู้ภาษาจากสิ่งที่มีความหมายในชีวิตประจาวัน โดยการจัดสภาพแวดล้อมที่เอื้อต่อการเรียน เพื่อเปิดโอกาสให้เด็กได้ใช้ภาษาในการสื่อสาร เช่น การถามตอบง่ายๆการเล่านิทาน การช่วยกันแต่งนิทาน การแสดงบทบาทสมมติ เป็นต้น โดยมีครูเป็นแบบอย่างที่ดีในการใช้ภาษาให้เด็กพัฒนาทักษะทางภาษาทั้งในด้าน การฟัง พูด อ่าน และเขียน และกระตุ้นให้เด็กได้มีปฏิสัมพันธ์กับเพื่อนและครูในบรรยากาศท่ีอบอุ่น

3 4.1 จัดสภาพแวดล้อมในโรงเรียนแนวการสอนภาษาแบบธรรมชาติ การสอนภาษาแบบธรรมชาติ ต้องสร้างสภาพแวดล้อมให้เด็กได้คุ้นเคยกับการใช้ภาษาอย่างมีความหมาย และเป็นองค์รวม ตลอดจนส่งเสริมให้เด็กกล้าใช้ภาษาเองโดยไม่มีใครมาบังคับหรือสอนให้ท่องจาในห้องเรียนที่ สอนภาษาแบบธรรมชาติ ควรจัดให้มีมุมที่ส่งเสริมเรื่องภาษาอย่างชัดเจน เช่นมุมห้องสมุด มุมอ่าน มุมเขียน มุมบทบาทสมมุติ มุมวิทยาศาสตร์ มุมบล็อก เป็นต้น โดยทุกมุมจะมีป้ายสัญลักษณ์ หรือเครื่องหมายต่างๆ ที่มีความหมายในการสื่อสารกับเดก็ มีบรรยากาศของการเรียนรู้แบบร่วมมือ เด็กมีโอกาสและเวลาที่จะตัดสินใจเลือกลงมือปฏิบัติกิจกรรมเพื่อการเรียนรู้ ด้วยตนเอง เด็กๆ สนใจที่จะอ่านและเขียนจากความเข้าใจและประสบการณ์ของตัวเองอย่างอิสระและมีความสุข 4.2 บทบาทของครูและผู้ปกครองกับแนวการสอนภาษาแบบธรรมชาติครู – ครูจะมีหน้าที่เป็นเพียงผู้ช่วยในการเรียนรู้ของเด็กเท่านัน้ เช่น การจัดมุมต่างๆ ให้เด็กได้มาฝึกภาษาอย่างรอบด้าน เตรียมอุปกรณ์ให้เด็กได้ใช้อย่างอิสระและปลอดภยั ส่งเสริมให้เด็กกล้าแสดงออกในการใช้ภาษา เป็นกาลังใจเมื่อเด็กไม่กล้า หรือทาผิดพลาด สนับสนุนให้เด็กกล้าเสี่ยงที่จะอ่านและเขียนคาที่ไม่เคยพบมาก่อน ยอมรับสิ่งที่เด็กอ่านและเขียน และตอบสนองต่อความพยายามของเด็กในทางบวก ไม่ตาหนิหรือวิพากษ์วิจารณ์เม่ือเด็กอ่านหรือเขียนยังไม่ถูก รวมถึงครูต้องเป็นแบบอย่างท่ีชัดเจนให้เด็กๆ เช่น อ่านนิทานใ ห ้ฟ ัง เ ล ่า น ิท า น ใ ห ้ฟ ัง ห ร ือ ถ า ม ค า ถ า ม ที ่ใ ห ้เ ด ็ก ไ ด ้แ ส ด ง อ อ ก ง ่า ย ๆ เ ด ็ก ก ็จ ะ ท า ต า ม ไ ด้ผู้ปกครอง - ผู้ปกครองสามารถช่วยพัฒนาภาษาของเด็กได้โดยการสนทนาและตอบคาถามของเด็กอย่างสม่าเสมอ จัดหาหนังสือนิทานให้เด็ก อ่านหนังสือให้เด็กฟังเป็นประจาทุกวัน ส่งเสริมให้เด็กอ่านจากส่ิงแวดล้อม เช่น ป้ายโฆษณา กล่องสินค้า ป้ายประกาศ ฯลฯ จัดให้เด็กมีโอกาสอ่านและเขียนทุกวัน ให้ความสนใจในสิ่งที่เด็กอ่านหรือเขียนเพื่อเป็นกาลังใจแก่เด็กและเพื่อให้ เด็กมีทัศนคติที่ดีต่อการอ่านและ การเขียน พยายามไม่วิพากษ์วิจารณ์หรือตาหนิสิ่งที่เด็กเขียนเพราะจะทาให้เด็กขาดความ มั่นใจว่าตนเองมีความสามารถในการอ่านและเขียน และผู้ปกครองควรเป็นแบบอย่างที่ดีในการใช้ภาษาเด็กปฐมวัย –เด็กปฐมวัยสามารถเรียนรู้ด้วยการลงมือปฏิบัติ มีส่วนร่วมในการเรียนรู้ ร่วมตัดสินใจ เลือกทากิจกรรมที่ตรงกับความต้องการร่วมกับเพ่ือนและครู สามารถสร้างองค์ความรู้ด้วยตนเองและการประเมินผลงานของตัวเอง และไดร้ บั การสนับสนุนการเรียนรู้ซึ่งกันและกันในการเรยี นรู้เกี่ยวกับการอ่าน การเขียนอย่างมีความหมายจรงิ ๆ 4.3 กระบวนการสอนภาษาแบบธรรมชาติได้ ประกอบด้วยการฟัง – เด็กจะได้ฟังการเล่านิทาน และเพลงต่างๆ ซึ่งจะช่วยพัฒนาทักษะทางการฟังภาษา โดยเนื้อเพลงจะต้องเป็นภาษาที่ถูกต้อง ชัดเจน และเมื่อเด็กฟังแล้วจะได้เชื่อมโยงสิ่งที่อยู่รอบตัวเข้ากับคาที่ได้ยิน เช่นใช้แปรงสีฟันแปรงฟันให้สะอาด เด็กก็จะเชื่อมโยงคาว่าแปรงสีฟันเข้ากับแปรงสีฟันของตัวเองท่ีใช้แปรงฟันทุกวัน เป็นต้นการพูด การอ่าน – เด็กจะได้รับคาถามจากครูเพื่อให้ตอบ กล้าแสดงความคิดออกมาเป็นคาพูด มีการแสดงบทบาทสมมติ มีการเล่านิทานท่ีเปิดโอกาสให้เด็กๆ ได้เปิดหนังสือเพ่ือดูภาพและเล่าเร่ืองจากภาพเอง ซึ่งสิ่งที่เด็กเล่าออกมาอาจจากคนละเรื่องกับหนังสือนิทานก็ได้ แต่เน้นให้เด็กได้เห็นภาพและเชื่อมโยงออกมาเป็นคาพูด หรือการอ่าน และการพูด การอ่านน้ันไม่มีถูกหรือผิด แต่ครูผู้ดูแลจะคอยสนับสนุนให้เด็กกล้าใช้ภาษาและหากคาไหนพูดไม่ชัด ครูก็จะช่วยพูดแก้ไขให้เด็กพูดตามแบบค่อยเป็นค่อยไปได้

4การเขียน – เด็กจะได้วาดภาพตามสิ่งที่ครูบอก หรือทากิจกรรมกลุ่ม เช่น การช่วยกันวาดภาพนิทานและใส่ชื่อตัวเองลงในภาพ นอกจากน้ีอาจจะมีการสะกดคาง่ายๆ ซ่ึงไม่ใช่การท่องจา แต่จะเป็นการสอนในรูปประโยคท่ีทาให้เด็กเชื่อมโยงไปสู่การฟัง การพูด และการอ่าน เช่น สอนคาว่า งู ครูจะไม่สอนแค่ งอ สระอู แต่จะสอนว่างู หมายถึงอะไร และยกตัวอย่างประโยคให้เด็กเข้าใจและเช่ือมโยงไปสู่คาอื่น รวมถึงทาให้เด็กสร้างประโยคข้ึนเองได้ บางครงั้ การเขยี นของเดก็ ทีเ่ รยี นแนวสอนภาษาแบบธรรมชาติจะเป็นการเขยี นเชิงสญั ลักษณ์เดก็ จะอาจจะเขียนสัญลักษณ์ข้นึ มาแทนคาบางคา ดงั นัน้ เด็กที่เรยี นแนวน้ี จงึ อาจจะยงั เขยี น ไมเ่ ปน็ ตัวหนังสือท่ีถูกต้องแบบเด็กระดับเดียวกันในโรงเรียนอื่นท่ีมีการท่องจา แต่จะค่อยๆ เรียนรู้ ความหมายและพัฒนาไปอย่างต่อเนื่องได้เองในที่สุด5. แผนการดาเนนิ งาน 5.1 ประชุมผปู้ กครองเด็ก เพ่ือช้แี จงความสาคัญของการสอนภาษาธรรมชาติตอ่ เด็ก และแนวทางความร่วมมอื กันระหว่างครแู ละผู้ปกครองในการบรู ณาการทางานรว่ มกัน 5.2 ครูดาเนนิ การจดั ประสบการณ์ตามแนวทางการสอนภาษาธรรมชาติและจดบนั ทึกลงในสมุดบนั ทึกพฒั นาการเด็กปฐมวัย 5.3 จดั ทาและประเมนิ ผลแบบสารวจความพึงพอใจของผ้ปู กครองตอ่ พัฒนาการด้านภาษาของเด็กปฐมวยั6. ระยะเวลาในการดาเนนิ งาน : ภาคการเรียนที่ 1 ของปีการศกึ ษา 25607. ผลการปฏบิ ัตงิ าน  เดก็ เรยี นด้วยความสุข เพราะจัดประสบการณต์ ามความต้องการของแด็ก  เดก็ จะมีทศั นคตทิ ่ีดีกับภาษา เพราะเด็กเกิดการเรียนรภู้ าษาด้วยตนเอง เป็นการสร้างแรงจงู ใจภายใน  เดก็ จะอ่านออกเขียนได้โดยวธิ ีธรรมชาติ เพราะเกดิ จากการค้นุ เคยกบั หนังสือและมีประสบการณ์กบั ตัวหนังสอื  เด็กจะตระหนกั รู้ว่า ภาษามีความหมายในชวี ิตเพราะเขาเรียนภาษาอยา่ งมคี วามหมายเนอ่ื งจากเขาได้รับประสบการณ์ทางภาษาที่มีอย่จู รงิ เช่น เสยี งเพลง นิทาน ฉลากข้างกล่องใส่ขนมหรืออาหารเป็นตน้  เด็กจะมบี ุคลกิ ภาพทด่ี ี เพราะมนั่ ใจในการสอ่ื สาร ไมก่ ลวั ผิด  เดก็ จะมีสงั คม เพราะการเรียนการสอนเน้นการสรา้ งปฏิสมั พันธ์ท่ดี ตี ่อกนั  เดก็ จะไดร้ ับการส่งเสรมิ ทักษะทางภาษาท้งั 4 ด้าน คือ ฟงั พดู อา่ น และเขยี น เพราะไดร้ ับการสง่ เสรมิ ภาษาแบบบูรณาการ  สมองของเด็กได้รับการพัฒนาอยา่ งถูกวธิ ี คือ ไดค้ ดิ เพราะไดส้ ัมผัส สิ่งของ ทาให้กลา้ มเนือ้ มือของเดก็ ได้รับการกระตุ้น เราจะสงั เกตเห็นวา่ เด็กชอบใชม้ ือแคะ แกะ ละเลง ลูบมือตามฝาผนงัการกระทาเช่นน้ันส่งผลให้เด็กคิดไปดว้ ย การคดิ เป็นอาหารของสมอง สมองเด็กทไ่ี ด้ รับการกระตนุ้ จะเป็นเด็กฉลาด  ผปู้ กครองเด็กมีความพึงพอใจต่อพฒั นาการด้านภาษาของเดก็ ปฐมวยั ระดับดเี ยยี่ ม โดยมีค่าเฉลย่ี เท่ากับ 4.5

58. ปจั จัยทีท่ าให้วธิ กี ารประสบผลสาเร็จส่ิงท่ีสาคัญคือผู้ปกครองต้องทาความเข้าใจแนวการสอนภาษาแบบธรรมชาติ คือ ผู้ปกครองต้องไม่คาดหวังว่าลูกจะอ่านออกเขียนได้ทันทีเหมือนเด็กในโรงเรียนอ่ืนๆ เช่น เด็กปฐมวัย รุ่นเดียวกันในโรงเรียนอื่น เขียนชื่อตัวเองได้แล้ว เขียนประโยคสั้นๆ ได้ สะกดได้ อ่านประโยคง่ายๆ ได้ แต่ลูกเราที่เรียนแนวการสอนภาษาแบบธรรมชาติยังเขียนไม่ได้ อ่านประโยคง่ายๆ ไม่ได้ เพราะแนวการสอนภาษาแบบธรรมชาติ จะฝึกให้เด็กเรียนรู้อย่างค่อยเป็นค่อยไป และเรียนรู้ความหมายจากส่ิงรอบตัว ดังนั้น ลูกเราจะรู้ความหมายของคา ใช้คาน้ันเป็นและรู้แบบการใช้สัญชาตญาณที่จะจาไปตลอด ไม่ใช่แค่การท่องจาที่จะลืมได้ตลอดเวลาถ้ามีความรู้ใหม่ๆ เข้ามา ถ้าผู้ปกครองตัดสินใจให้ลูกเรียนแนวการสอนภาษาแบบธรรมชาติจะต้องไม่เร่งรีบ แต่ควรส่งเสริมลูกไปพร้อมๆ กับการเรียนที่โรงเรียน เช่น ชวนลูกเล่านิทาน ชวนอ่านข้อความสั้นๆ ที่เจอในชีวิตประจาวัน หรือสอนศัพท์ง่ายๆ จะช่วยให้ลูกมีทักษะการเรียนรู้ภาษาและการเช่ือมโยงส่ิงต่างๆ รอบตัวได้ไวขึ้น เพ่ือพัฒนาไปสู่การเรียนรู้อ่ืนๆ9. บทเรียนท่ีได้รบั / ผลท่เี กิดโรงเรียนอนุบาลลุมพุก (วันครู 2503) มีจานวนนักเรียนระดับปฐมวัยเพ่ิมขึ้น ท้ังน้ี เกิดจากการให้การยอมรับแนวทางการสอนภาษาธรรมชาติแบบบูรณาการความร่วมมือครูกับผู้ปกครอง ส่งเสริมให้เด็กปฐมวัยมีประสทิ ธภิ าพและมีพฒั นาการทีส่ มวัย ดังนี้  เด็กจะฟัง พูด อ่าน เขียนได้โดยวิธีธรรมชาติและได้พัฒนาทักษะดังกล่าวไปพร้อมๆ กันอย่างเช่ือมโยง เพราะเกิดจากการคุ้นเคยกับหนังสือและมีประสบการณ์กับตัวหนังสือท่ีมาพร้อมกับกิจกรรมในชีวิตประจาวัน  เด็กจะมีทัศนคติท่ีดีกับภาษา เพราะเด็กเกิดการเรียนรู้ภาษาด้วยตนเอง ไม่โดยบังคับให้ท่องจา หรือมีการทาโทษเม่ือพูดผิด เขียนผิด  เด็กจะชินกับการเรียนรู้ภาษาจากส่ิงรอบตัว และฝึกฝนให้เป็นนักอ่าน เช่น จากนิทานจากข้อความบนฉลากอาหาร เป็นต้น  เด็กจะรู้จักการเข้าสังคม และการใช้ภาษาในการสื่อสารกับผู้อ่ืนอย่างชัดเจนและถูกต้องส่งเสริมให้เป็นคนมีบุคลิกภาพที่ดี  เด็กจะมีจินตนาการ และพัฒนาการที่สมวัย เพราะเรียนรู้จากการสร้างสญั ลักษณ์แทนภาษาขึ้นมาก่อนจะพัฒนามาสู่การเรียนการสอนแบบอ่านออกเขียนได้ และการใช้ประสบการณ์รอบตัวเป็นเครื่องมือสอนภาษาจะเป็นสิ่งทีใ่ กล้ตัวมากที่สุด ทาให้เด็กรู้จักใช้ทรัพยากรรอบๆ ตัวอย่างมีประโยชน์และเข้าใจความต้องการของตัวเองก่อนที่จะโดนรุกลา้ จากส่ิงเร้าภายนอก10. การเผยแพรผ่ ลงาน 10.1 จดั กจิ กรรมแสดงผลงานและแลกเปลยี่ นเรยี นรู้ 10.2 เวบ็ ไซต์ของครูผสู้ อน

6ภาคผนวก

7แบบสารวจความพึงพอใจของผู้ปกครองตอ่ พฒั นาการดา้ นภาษาของเดก็ ปฐมวัย ระดบั ความพึงพอใจ พฒั นาการดา้ นภาษา ดีเย่ียม ดี ปานกลาง นอ้ ย ต้องปรับปรงุการฟงั 54 3 2 1ฟงั นทิ านหรือเรอ่ื งราวตา่ งๆ ไดอ้ ย่างต้ังในฟงั และปฏบิ ตั ิตามคาส่ังไดห้ ลายๆ ขนั้ ตอน การพูดสนทนาโต้ตอบหรือเล่าเร่ืองราวตา่ งๆ ได้ พดู คล่องแคลว่ และแสดงความคิดเห็นได้การอา่ น ทาทา่ อ่านหนังสือ โดยอาศัยภาพและเขา้ ใจได้เล่าเรอ่ื งจากภาพได้ การเขียนวาดภาพตามสง่ิ ท่ีครกู าหนดได้ เขยี นชื่อของตนเอง/ ข้อความทล่ี อกแบบหรือจาได้       ผลการประเมนิ แบบสารวจความพึงพอใจของผูป้ กครองต่อพฒั นาการดา้ นภาษาของเดก็ ปฐมวัยภาพรวมของผลการประเมินอย่ใู นระดับดีเยยี่ ม โดยมคี ่าเฉลี่ยเทา่ กับ 4.75 ทั้งน้ี สามารถจาแนกตามพัฒนาการด้านภาษา ดังน้ี ทักษะการฟัง การพูด และการอ่าน อยู่ในระดับดีเยี่ยม ค่าเฉล่ียเท่ากับ 5 สาหรับทักษะการเขียนอย่ใู นระดับดี คา่ เฉลีย่ เท่ากบั 4

8 ภาพถ่ายแสดงการจดั ประสบการณส์ อนภาษาธรรมชาติการจัดชัน้ เรียน (มุมต่างๆ )มุมอ่านหนงั สือมุมบลอ๊ ก

9บอร์ดเรยี นรู้ศัพท์ มมุ เรยี น มุมบทบาทสมมตุ ิ

10 มุมบทบาทสมมตุ ิ มมุ เรยี นจากส่ือการฟัง การฟงั นทิ าน

11 การแสดงท่าทางประกอบเพลงออกกาลงั กายจิตศกึ ษา

12 ปลกู ตน้ ไม้เรยี นร้จู ากการสัมผัสทาอาหาร

การพดู 13 แสดงบนเวที บทบาทสมมติ ตอบคาถาม

14 การเล่านทิ านการอ่าน อ่านคาจากบตั รภาพ

การเขียน 15 เล่นเกมการศึกษา การเขยี นตามแบบ การทาศลิ ปะระบายสี

16 การวาดภาพระบายสี.


Like this book? You can publish your book online for free in a few minutes!
Create your own flipbook