คณะสตั วแพทยศาสตร์ มหาวทิ ยาลยั เทคโนโลยรี าชมงคลตะวนั ออก โรคที พบบ่อยในกระบือและ ก า ร ค ว บ คุ ม ป อ ง กั น โ ร ค จัดทําโดย ฝ า ย กิ จ ก า ร นั ก ศึ ก ษ า แ ล ะ กิ จ ก า ร พิ เ ศ ษ
คํา นาํ ก ร ะ บื อ ห รื อ ค ว า ย นั น กั บ ค น ผู ก พั น กั น ม า แ ต่ โ บ ร า ณ โ ด ย เ ฉ พ า ะ วิถี ชี วิต ค น ไ ท ย ใ น อ ดี ต ไ ด้ ใ ช้แ ร ง ง า น ค ว า ย เ พื อ ก า ร เ ก ษ ต ร คนไทยในอดีตยกย่องควายว่าเปนสัตว์ทีมีบุญคุณ โดยจะทําขวัญควายเมือ สินฤดูไถหว่านเพือแสดงความกตัญ ูต่อควาย สาํ หรับประเทศไทยนันเปน ประเทศหนึงเดียวในโลก ทีมีประเพณีวิงควาย โดยจัดขึน ณ จังหวัดชลบุรี โดยมีวัตถุประสงค์เพือสร้างความตระหนักรู้ ส่งเสริมและอนุรักษ์การเลียง ควายไทย รวมทังเปนการสืบสานประเพณีวัฒนธรรมทีเกียวข้องกับ วิถี ชีวิต ค น กั บ ก ร ะ บื อ ใ น พื น ที จั ง ห วัด ช ล บุ รี อี ก ด้ ว ย คณะสัตวแพทยศาสตร์ มหาวิทยาลัยเทคโนโลยีราชมงคลตะวันออก จึงเล็งเห็นความสาํ คัญทีจะให้ผู้เลียงกระบือและประชาชนทัวไปได้ทราบถึง ความสาํ คัญของการเลียงกระบือในจังหวัดชลบุรี เพือเปนการสร้างความรับ รู้ในคุณประโยชน์ของกระบือไทย ทางคณะฯจึงจัดทําโครงการอนุรักษ์และ ส่งเสริมสุขภาพกระบือพืนเมืองจังหวัดชลบุรี ป 2564 โดยบูรณาการ โครงการฯกับการเรียนการสอนในหลักสูตร พร้อมทังจัดทําคู่มือเกียวกับ โรคและกลุ่มอาการทีพบได้บ่อยในกระบือ รวบรวมองค์ความรู้ในการจัดการ สุขภาพกระบือและการควบคุมปองกันโรคอย่างเหมาะสม รวมถึงการใช้ ภูมิปญญาชาวบ้านทีสืบทอดกันมาอย่างยาวนาน เพือใช้เปนข้อมูลในการ ศึ ก ษ า แ ล ะ อ นุ รั ก ษ์ ก ร ะ บื อ อ ย่ า ง ยั ง ยื น สื บ ไ ป
โรคทีพบบอ่ ย ในกระบอื โรคปากและเท้าเปอย (Foot and Mouth Disease) โรคคอบวมหรอื คอตีบ (Haemorrhagic Septicemia) โรคพยาธเิ มด็ เลือด (Blood Parasite) โรคพยาธใิ บไมใ้ นทางเดินอาหาร (Rumen Fluke) Foot and Mouth Disease: FMD Haemorrhagic Septicemia Blood Parasite Rumen Fluke คณะสตั วแพทยศาสตร์ PAGE 01
โรคทีพบบ่อยในกระบือ โรคปากและเท้าเปอย (Foot and Mouth Disease: FMD) โรคปากและเท้าเปอย หรอื โรคกีบ สาํ หรับอาการเด่นๆ เปนโรคประจาํ ถินทีระบาดแบบเฉียบพลันที สตั วจ์ ะมตี ่มุ แดงมนี าํ ใสๆมาสะสมแล้วแตกจน พ บ ไ ด้ บ่ อ ย ใ น สั ต ว์ กี บ คู่ โ ด ย เ ฉ พ า ะ ใ น สุ ก ร กลายเปนแผลหลมุ และสัตว์เคียวเอือง เช่น โค กระบือ กวาง แพะและแกะ มีรายงานการระบาดทุกป โดย เฉพาะโค กระบือ และสุกร โรคนีเกิดจากเชือพิโคนาไวรัส ซึงมีอยู่ เกิดขึนบริเวณริมฝปาก ภายในช่องปาก หลายชนิดและหลายสายพันธุ์ ปจจุบันมี 7 เหงือก ลิน กระพุ้งแก้ม รอบๆข้อเท้า ชนิด คือ ชนิด A, O, C, SAT1, SAT2, ไรกีบ หัวนมและเต้านม SAT3 และ Asia1 สาํ หรับในประเทศไทย พบ 3 ชนิดคือ ชนิด A, O และ Asia 1 สัตว์จะเจ็บปาก กินอาหารไม่ได้ เดินไม่ได้ ทําให้ร่างกายซูบซีด ผอมแห้ง อ่อนแอ เต้า โ ร ค นี มี ก า ร ติ ด ต่ อ กั น ไ ด้ ห ล า ย ท า ง ม า ก นมอักเสบ แท้งในตัวทีท้อง และมักทําให้ ได้แก่ การสัมผัสกัน การกินอาหารและนาํ ลู ก สั ต ว์ ก ล้ า ม เ นื อ หั ว ใ จ อั ก เ ส บ จ น ต า ย ไ ด้ ร่วมกัน ติดจากเลือด, นาํ ลาย, สิงขับถ่าย, นาํ เชือ, นาํ นม, เนือเยือทีหลุดลอกจากแผล ของสัตว์ปวย, คน, ลม, รถขนส่ง, เสือผ้า, เห็บ ดังนันผู้เลียงจึงควรหาวิธีการปองกัน อย่างถูกต้องเหมาะสม เพือไม่ให้เชือโรค แพร่กระจายเข้าสู่ฟาร์มของตน คณะสตั วแพทยศาสตร์ PAGE 02
การควบคุมและปองกัน โรคปากและเท้าเปอย ผู้เลียงควรระวังและปองกันโรคใหด้ ี เนืองจากโรคนีไม่มียารกั ษา การปองกันจึงเปนวิธีการทีดีทีสุด ดังต่อไปนี การทําวัคซนี ต้องทําวัคซนี รวมทัง 3 ชนิด เรมิ ฉีดหลังหย่านม ทําซาํ ทุก 2-3 ครงั /ป **เนืองจาก เชือไวรสั แต่ละชนิดทีเปนสาเหตุของโรคปากและเท้าเปอยนันจะไม่มีภูมิคุ้มกันโรคซงึ กันและกัน เช่น ในสัตว์ทีมีภูมิคุ้มกันต่อโรคเฉพาะชนิด O จะสามารถเกิดโรคทีเกิดจากชนิด A และ Asia 1 ได้** หมันทําความสะอาดคอกและฆ่าเชือด้วยนาํ ยาฆ่าเชือโรคบรเิ วณทีเลียงสัตว์เปนประจาํ เช่น โซเดียมไฮดรอกไซด์ 2%, โซเดียมคารบ์ อเนต 4% และ กรดซติ รกิ 0.2% ทําความสะอาดและฆ่าเชือโรคคน เสือผ้า รองเท้า เครอื งมือ อุปกรณ์และยานพาหนะทีเข้าสู่ฟารม์ อย่างสมาํ เสมอ โรยปูนขาวตามพืนคอก ดําเนินการทําลายเชือโรคในจุดเสียง เช่น ตลาดนัดค้าสัตว์ สถานกักกันสัตว์ โรงฆ่าสัตว์ เปนต้น งดนาํ สัตว์เข้าเลียงใหม่ทีไม่ทราบแหล่งทีมาหรอื จากพืนทีทีมีโรคระบาด *** เมือเกิดโรคขึนในฟาร์มของท่านแล้ว ต้อง มีวธิ ึควบคุมดังนี *** แจ้งกรมปศุสัตว์ทันที เพือประกาศใหพ้ ืนที ทีระบาดเปนเขตกักกันสัตว์ และหา้ มเคลือน ย้ายสัตว์และซากสัตว์โดยเด็ดขาด แยกสัตว์ทีปวยออกจากสัตว์ปกติทันที ทําความสะอาดคอกและใช้นาํ ยาฆ่าเชือ บรเิ วณโดยรอบ คณะสตั วแพทยศาสตร์ PAGE 03
• วธิ ีการทําวคั ซนี ปองกันโรคปากและเท้าเปอย • • วัคซนี ใช้ฉีดปองกันโรคปากและเท้าเปอย สาํ หรบั โค กระบือ แพะ แกะ • เปนวัคซนี เชือตาย ผลิตจากเชือไวรสั โรคปากเเละเท้าเปอย • ขนาดบรรจุ : ขวลละ 20 ml. (10 Dose) หรอื ขวดละ 40 ml. (20 Dose) วธิ ีการใช้ • ฉีดวัคซนี ครงั แรกเมือกระบืออายุ 4 เดือน • ฉีดกระตุ้นซาํ ภายหลังจากฉีดครงั แรก 3-4 สัปดาห์ และฉีดซาํ ทุก 4 เดือน การเก็บและรักษาวคั ซนี อุปกรณ์ทีใชฉ้ ีดวคั ซนี • เก็บในตู้เย็นช่องธรรมดา (อุณหภูมิ 2-8 °C ) • ใช้เข็มเบอร์ 18 ยาว 0.5 หรอื 1 นิว และต้อง หรอื ในกระติกนาํ แข็ง เปลียนเข็มทุกครงั ก่อนฉีดตัวใหม่ • หา้ มเก็บในช่องแช่เเข็ง และพยายามไม่ให้ • ใช้ไซรงิ ค์ขนาด 3 ml โดนแสงแดด • ต้องมีสาํ ลีชุบแอลกอฮอล์ไว้เช็ดก่อนฉีดทุกครงั เพือความสะอาดและปองกันการเกิดฝได้ ขันตอนการฉีดวคั ซนี 1. สัตว์ทีฉีดต้องมีสุขภาพสมบูรณ์ ไม่ปวย / เปนไข้ 2. ต้องจับสัตว์ใหอ้ ยู่นิงทีสุดและไม่ทําใหส้ ัตว์เครยี ด 3. ใช้สาํ ลีแอลกอฮอล์เช็ดบรเิ วณทีจะฉีด 4. ดึงหนังขึนมาและฉีดวัคซนี เข้าทีผิวหนัง 2 ml/ตัว ขอขอบคุณ ข้อมูลจาก หน่วยพัฒนาสุขภาพสัตว์และ ผลผลิตสัตว์ (HHU) ลพพบุร,ี สาํ นักงานปศุสัตว์ จังหวัดลพบุรี และ สาํ นักงานปศุสัตว์เขต 1 ข้อควรระวงั หลังฉีดเสรจ็ 15-30 นาที แนะนาํ ใหด้ ูอาการแพ้วัคซนี ในกรณีทีสัตว์แสดงอาการแพ้วัคซนี แก้ไข : ฉีด antihistamine เช่น Chlopheniramine (คลอเฟนิรามีน) 10 mg/ml ขนาด 1 มล./ 50 กก. ฉีดเข้ากล้ามเนือ คณะสตั วแพทยศาสตร์ PAGE 04
โรคคอบวม หรอื คอตีบ Haemorrhagic Septicemia เปนโรคระบาดรา้ ยแรงในกระบือ โรคนีเกิดจากเชือแบคทีเรยี มักเกิดการระบาดมากในช่วง ฤดูฝน โดยเฉพาะในสัตว์ทีอ่อนแอและเกิดความเครยี ดจากสภาพอากาศและการขนย้ายสัตว์ ถ้ากระบือปวยด้วยโรคนีจะแสดงอาการอย่างเฉียบพลันและรุนแรง โดยเกิดการบวมนาํ บรเิ วณคอ หอบ มีไข้สูง และโอกาสตายสูงหากไม่ทําวัคซีน การติดต่อในโรคนีพบได้หลายทาง ได้แก่ การสัมผัสกันโดยทางนาํ ลาย อุจจาระ ปสสาวะ และ นาํ นม การหายใจ การกินนาํ และอาหารทีปนเปอนเชือ ดังนันผู้เลียงจึงควรมีความระมัดระวัง เปนอย่างมาก เพราะการรกั ษาจะได้ผลในระยะเรมิ เเสดงอาการปวยเท่านัน การปองกันไม่ให้เกิดโรคจึงเปนสิงทีควรพึงกระทํามากทีสุด โดยวิธีการปองกันทีดีทีสุด คือ การทําวัคซีน และทําความสะอาดคอกเปนประจาํ **การควบคุมและปองกันโรคคอบวม** รกั ษาสุขภาพสัตว์ให้สมบูรณ์ แข็งแรง ลดความเครยี ด ฉีดวัคซีนช่วงหลังหย่านมหรอื 4 เดือน ซาํ อย่างน้อย ปละครงั เข้ากล้ามลึก เลียงไม่หนาเเน่นจนเกินไป โรงเรอื นมีการระบายอากาศทีดี แห้ง สะอาด ขนย้ายสัตว์นานๆครงั แยกสัตว์ปวยออกจากฝูง ทําความสะอาดด้วยนาํ ยาฆ่า เชือ บรเิ วณคอก สัตว์ทีปวยตายให้ฝงหรอื เผา ห้ามนาํ ไปบรโิ ภค **ห้ามเคลือนยา้ ยสตั วป์ วยหรอื ตายออกจากฟารม์ ** คณะสตั วแพทยศาสตร์ PAGE 05
โรคพยาธเิ Bมloด็odเPลarือasดite โรคพยาธเิ มด็ เลือดในกระบอื การติดต่อ เกิดจากเชือได้หลายชนิด แต่ส่วนใหญ่มักเกิด โ ด น เ ห็บ วัว , แ ม ล ง ดู ด เ ลื อ ด , จากเชือโปรโตซัว และริตเก็ตเซีย คนมักเรียกกันว่า แ ม ล ง วัน ค อ ก , ยุ ง , เ ห ลื อ บ กั ด “โรคไข้เห็บ” เพราะติดต่อทางเห็บได้ แต่ทางอืนก็ ใ ช้เ ข็ ม ฉี ด ย า ร่ว ม กั น ติดต่อได้เช่นกัน ก า ร ต อ น แ ล ะ ผ่ า ตั ด อาการทีพบบ่อย คือ ไข้สูง เลือดจางรุนแรง หายใจ หอบและถี ผิวหนังและเยือเมือกซีด สัตว์ปวยที มีอายุมากจะตายภายใน 1-4 วัน **การควบคุมและปองกันโรคไข้เห็บ** ค ว บ คุ ม เ ห็บ แ ล ะ แ ม ล ง ดู ด เ ลื อ ด โ ด ย ฉี ด พ่ น ย า กํา จัด เ ห็บ ห มั ด ทั ง บ น ตั ว สั ต ว์แ ล ะ พืน ค อ ก ฆ่ า เ ชือ อุ ป ก ร ณ์ แ ล ะ เ ค รือ ง มื อ ก่ อ น นาํ ม า ใ ช้ แ ล ะ เ ป ลี ย น เ ข็ ม ทุ ก ค รัง ก า ร นาํ สั ต ว์ใ ห ม่ เ ข้ า ม า ใ น ค อ ก ที ป ล อ ด โ ร ค ค ว ร ต ร ว จ โ ร ค ก่ อ น นาํ เ ข้ า ม า ใ น ฝู ง คั ด ทิ ง ห รือ แ ย ก สั ต ว์ป ว ย อ อ ก จ า ก ฝู ง ค ว บ คุ ม ก า ร เ ค ลื อ น ย้ า ย สั ต ว์ คณะสตั วแพทยศาสตร์ PAGE 06
โรคพยาธิใบไม้ ในทางเดินอาหาร RUMEN FLUKE พยาธใิ บไมใ้ นกระเพาะอาหาร เมอื สตั วต์ ิดพยาธถิ ่ายอุจจาระทีมไี ข่ พยาธลิ งใกล้แหล่งนาํ ตัวอ่อนของพยาธจิ ะ เปนปรสติ หรอื สงิ มชี วี ติ จาํ พวกสตั ว์ มรี ปู รา่ งคล้ายใบไม้ เขา้ ไปเจรญิ ในหอยนาํ จดื และออกจากหอย อาศัยอยูใ่ นอวยั วะหลายแหง่ ทีพบบอ่ ย อยูใ่ นทางเดนิ นาํ จดื ไปเกาะทีพชื จนกระทังถกู กิน จงึ อาหารของสตั วเ์ คียวเอืองทีกระเพาะอาหารรเู มน หรอื เขา้ ไปเจรญิ เปนตัวเยาวว์ ยั ในลําไสเ้ ล็กและ กระเพาะผา้ ขรี วิ ซงึ เปนกระเพาะอาหารขนาดใหญส่ ว่ นแรก ยอ้ นกลับเปนตัวเต็มวยั ทีกระเพาะอาหารใน และอาจพบในกระเพาะอาหารอะโบมาซมั หรอื สามสบิ กลีบ ทีสดุ ลกู กระบอื มกั มอี าการท้องเสยี ในชว่ ง ไดเ้ ชน่ กัน แรกทีติดพยาธิ กระบอื ทีติดพยาธจิ าํ นวน มาก จะทําใหร้ า่ งกายไมส่ มบูรณ์ ผลผลิต ตัวพยาธจิ ะมหี ลายขนาด รปู รา่ งคล้ายทรงกรวยหรอื โคน ลดลง แล้วแต่ชนดิ ของพยาธิ ลําตัวสชี มพูแดงเรอื ๆ ทําใหช้ าว บา้ นเรยี กวา่ พยาธเิ มล็ดทับทิม เนอื งจากสแี ละขนาดใกล้ การรักษาและการปองกันโรค เคียงกับเมล็ดของผลทับทิม นนั เอง โดยเราจะใหย้ าถ่ายพยาธชิ นดิ ออกซี กระบอื จะติดพยาธใิ บไมใ้ นกระเพาะอาหาร โดยกินตัวอ่อนที โคลซาไนด์ (Oxyclozanide) และปองกัน เกาะบนพชื ทีขนึ ในแหล่งนาํ ธรรมชาติ หรอื ต้นหญา้ ใน โดยหลีกเลียงการปล่อยกระบอื ลงกินหญา้ บรเิ วณนนั ใกล้แหล่งนาํ ธรรมชาติ เพอื ลดโอกาสการ ติดโรค คณะสตั วแพทยศาสตร์ PAGE 07
วงจรชวี ติ ของพยาธใิ บไมใ้ นกระเพาะอาหารโค-กระบอื Soure: National Animal Disease Information Service (UK) พยาธิใบไม้ตัวเต็มวัยในกระเพาะอาหาร Rumen fluke PAGE 08 คณะสตั วแพทยศาสตร์
ม ห า วิ ท ย า ลั ย เ ท ค โ น โ ล ยี ร า ช ม ง ค ล ต ะ วั น อ อ ก | ค ณ ะ สั ต ว แ พ ท ย ศ า ส ต ร์ สมุนไพรไทยกับการเลียงกระบือ ฝ า ย กิ จ ก า ร นั ก ศึ ก ษ า แ ล ะ กิ จ ก า ร พิ เ ศ ษ ค ณ ะ สั ต ว แ พ ท ย ศ า ส ต ร์ ป ก ติ ก า ร เ ลี ย ง ก ร ะ บื อ โ ด ย ทั ว ไ ป มั ก จ ะ ใ ห้ ห ญ้ า แ ล ะ ฟ า ง PAGE 09 ข้าว หญ้าหมัก อาหารข้นเสริม แต่ส่วนใหญ่ผู้เลียง กระบือในพืนทีอําเภอบ้านบึง จังหวัดชลบุรี นิยมใช้ ส มุ น ไ พ ร เ ส ร ิม ใ น ก า ร เ ลี ย ง แ ล ะ ร ัก ษ า ก ร ะ บื อ เ บื อ ง ต้ น โดยสมุนไพรทีนิยมใช้ ได้แก่ สาหร่ายทะเล ใบบัวบก ใบตําลึง ดีเกลือฝรัง ฟาทะลายโจร ไพล โคคลาน ตาลหม่อน และบอระเพ็ด เปนต้น เพือใช้ลดอาการ ต่างๆ เช่น ตัวร้อน ร้อนใน เปนไข้ อ่อนแรง ท้องอืด ถ่ายไม่ออก และกระหายนาํ เปนต้น หรือใช้สมุนไพร เ พื อ แ ก้ พิ ษ แ ม ล ง สั ต ว์ กั ด ต่ อ ย แ ล ะ ใ ช้ ใ น ก า ร ถ่ า ย พ ย า ธิ โ ด ย จ ะ ก ล่ า ว ถึ ง ร า ย ล ะ เ อี ย ด ต่ อ ไ ป สาหร่ายทะเล สาหรา่ ย ถือเปนพชื ทีมคี ณุ สมบตั ิทางเคมที ีหลากหลาย และมปี ระโยชนต์ ่อสขุ ภาพ โดยมกี ารนาํ สาหรา่ ยทะเลมาเปน วตั ถดุ บิ หลักในอุตสาหกรรมอาหารและยา สว่ นในดา้ นของ การนาํ สรรพคณุ ของสาหรา่ ยมาใชเ้ ปนยาเฉพาะซลั เฟตโพลี แซคคาไรดน์ นั ถือไดวา่ เปนแหล่งสาํ คัญของสารประกอบ ทางธรรมชาติทีออกฤทธทิ างชวี ภาพ เกิดประโยชนท์ ีดตี ่อ สขุ ภาพ ในดา้ นการต้านการแขง็ ตัวของเลือดไมใ่ หเ้ กาะเปน ลิมเลือด อีกทังยงั มกี ารต้านการเกิดเนอื งอก ต้านจุลชพี ต้านการอักเสบ และเสรมิ สรา้ งภมู คิ ้มุ กัน คณะสตั วแพทยศาสตร์
ประโยชนข์ องสาหรา่ ยทะเล ชว่ ยปองกันโรคคอหอยพอกได้ ชว่ ยในการทํางานของ ต่อมไทรอยดเ์ พราะมสี ารไอโอดนี อยูม่ าก ต่อมไทรอยด์ นนั จะทําหนา้ ทีผลิตฮอรโ์ มนทีเกียวกับการควบคมุ ระบบ เผาผลาญของรา่ งกาย ในสาหรา่ ยทะเลสารอาหารและแรธ่ าตทุ ีเปนประโยชนต์ ่อ รา่ งกายอยูม่ าก เชน่ แคลเซยี ม โปรตีน แมกนเี ซยี ม สงั กะสี ทองแดงโพแทสเซยี ม มใี ยอาหารสงู จงึ สามารถ ชว่ ยรกั ษาหรอื ปองกันไมใ่ หท้ ้องผกู ได้ มธี าตเุ หล็กสงู ซงึ ธาตเุ หล็กจะชว่ ยบาํ รงุ ผมใหด้ เู งางาม ดกดาํ ชว่ ยใหไ้ มเ่ ปนสวิ หรอื เปนกระง่าย ชว่ ยใหผ้ วิ ชุม่ ชนื และดเู ปล่งปลัง ลดโคเลสเตอรอล ทําใหห้ ลอดเลือดมคี วามยดื หยุน่ กระต้นุ ภมู ติ ้านทานโรค ดีเกลือฝรัง สูตรทางเคมี MgSO4 .7H 2 O ดีเกลือชนิดทีเปนเกลือซัลเฟต ของแมกนีเซียม หรือทีเราเรียกกันว่า \"แมกนีเซียมซัลเฟต\" ซึง ดีเกลือฝรังนันมีคุณสมบัติ เปนยาระบาย ช่วยถ่ายอุจจาระ ถ่าย พิษเสมหะและโลหิต และนิยมนาํ เอามาใช้ในการรักษาปลา รวม ถึงมีการนาํ ไปใช้ในการเกษตรเรืองของการช่วยรักษาดินทีมี การขาดแมกนีเซียม คณะสตั วแพทยศาสตร์ PAGE 10
ฟาทะลายโจร PAGE 11 ชอื สมุนไพร ฟาทะลายโจร ชอื วทิ ยาศาสตร์ : Andrographis paniculata ชอื อืน - ฟาทะลาย - หญ้ากันงู - นําลายพงั พอน - เมฆทะลาย - ฟาสะท้าน ตามศาสตรก์ ารแพทยแ์ ผนไทย “ ฟาทะลายโจร ” จดั เปนสมุนไพรทีมรี สขม อยูใ่ นกล่มุ ยาเยน็ สรรพคณุ ฟาทะลายโจร ถือเปนสมุนไพรทีถกู บรรจุอยูใ่ น บญั ชยี าหลักแหง่ ชาติ พ.ศ. 2542 เปนยาขมชว่ ยให้ รา่ งกายนันเจรญิ อาหาร และใชบ้ รรเทาอาการไขห้ วดั ไขห้ วดั ใหญ่ ขบั เสมหะ ระงับอาการอักเสบทังหลาย ไมว่ า่ จะเปนคออักเสบ ต่อมทอนซลิ อักเสบ รวมถึง หลอดลมอักเสบ แก้ไอและเจบ็ คอ ชว่ ยปรบั หรอื ลด ปรมิ าณความรอ้ นในรา่ งกายใหม้ คี วามสมดลุ อีกทัง แก้ติดเชอื ทีทําใหป้ วดท้อง ท้องเสยี อาการบดิ และ แก้กระเพาะลําไสอ้ ักเสบ รกั ษาโรคผวิ หนัง ฝ ผนื แพ้ ตามรา่ งกาย แต่หากใชป้ รมิ าณทีเกินความจาํ เปน อาจสง่ ผลต่อรา่ งกาย ทําใหม้ คี วามเยน็ เกินไป และ เกิดอาการไมพ่ งึ ประสงค์ตามมาได้ เชน่ อาการชา ตามรา่ งกาย แขนและขาอ่อนแรง ท้องอืด ท้องเฟอ เปนต้น คณะสตั วแพทยศาสตร์
ใบตําลึง ตําลึง ประกอบไปด้วยวติ ามนิ และแรธ่ าตหุ ลายชนดิ ไดแ้ ก่ โปรตีน ใยอาหาร เบตาแคโรทีน วติ ามนิ เอ วติ ามนิ บี 1 วติ ามนิ บี 2 วติ ามนิ บี 3 วติ ามนิ ซี 3 ธาตแุ คลเซยี ม ธาตฟุ อสฟอรสั ธาตเุ หล็ก เปนต้น ชอื สมุนไพร : ใบตําลึง ชอื สามญั Ivy gourd ชอื วทิ ยาศาสตร์ Coccinia grandis ชอื อืนๆ สรรพคณุ ใบ มรี สเยน็ ดับพษิ รอ้ น ถอนพษิ แก้แสบคัน ใชบ้ รรเทา สบี าท อาการเรมิ งูสวดั โดยนําใบมาขยคี ันเอาแต่นํา ทารอบๆ (ภาคกลาง) บรเิ วณทีเปน เถา มรี สเยน็ ชว่ ยรกั ษาโรคตาเจบ็ ใชแ้ ก้ตาฟาง ตาชาํ ผกั แคบ โดยใชเ้ ถาโขลกพอใหแ้ หลก หลังจากนันจงึ นํามาประคบ (ภาคเหนอื ) บรเิ วณรอบๆดวงตา ดอก ใชแ้ ก้คัน โดยเลือกคันเอาแต่นํา มาทาบรเิ วณทีคัน ผกั ตํานิน ผล รกั ษาโรคผวิ หนัง รกั ษาอาการอักเสบของหลอดลม (ภาคอีสาน) และชว่ ยลดนาํ ตาลในเลือด สว่ นเมล็ดนนั เอามาตําค่กู ับ นํามนั มะพรา้ ว ใชแ้ ก้หดิ แคเด๊าะ ราก ใชต้ ้มกับนําดืมลดไข้ ลดอาเจยี น (แมฮ่ ่องสอน) ต้น ใชก้ ําจดั กลินตัว สว่ นนาํ ทีต้มจากต้นตําลึง สามารถ นํามารกั ษาเบาหวานได้ คณะสตั วแพทยศาสตร์ PAGE 12
ใบบัวบก สรรพคณุ ของใบบวั บก เปนยาบาํ รุง รกั ษาโรคผวิ หนงั โดยทัวไป บวั บกมสี องชนดิ ไดแ้ ก่ บวั บกหวั (Stephania erecta, Craib หรอื อีกชอื หนงึ คือ โรคประสาท ขบั ปสสาวะ สว่ นของ Menisapermaceae) ต้นกับใบนันเปนยาบาํ รุงหวั ใจ บวั บกใบ หรอื ทีเรยี กวา่ ผกั หนอก (Centella asiaica มอี ีกชอื อาการอ่อนเพลียเมอื ยล้า รวมถึง คือ Umbelliferae) เปนพชื ทีขนึ ง่ายตามทีชนื แฉะ มลี ักษณะ แก้ท้องเสยี แก้อาการเรมิ เปนบดิ เปนไมล้ ้มลกุ เนืออ่อน ใบกลมประมาณนวิ ครงึ รมิ ใบจกั คนจนี ใชต้ ําละลายนาํ ผสมนาํ ตาล นําไปเปนยาแก้รอ้ นใน แก้ชาํ ใน แก้อ่อนเพลียได้ดี สรรพคณุ ใน ตําราจนี กล่าววา่ ใบบวั บกมรี สขม เล็กน้อย เผด็ เล็กน้อย เยน็ จดั หรอื หนาว ในทางตําราจนี มกั ใช้ ขบั ความรอ้ น ขบั ปสสาวะ แก้พษิ แก้บวม ใชใ้ นอาการไขห้ วดั ใหญ่ ใชใ้ นอาหารทีเปนพษิ ตานหม่อน PAGE 13 ชอื สมุนไพร ตานหมอ่ น ชอื วทิ ยาศาสตร์ : Tarlmounia elliptica สรรพคณุ ใบ มรี สเบอื หวานชุม่ เยน็ แก้พษิ ตานซาง และบาํ รุงเนือหนังให้ ชุม่ ชนื คมุ ธาตุ ขบั ไสเ้ ดอื นในท้อง ใบผสมในตํารบั ยาประสะ มะแวง้ และนํายอดอ่อน ใบอ่อน ลวก ต้ม รบั ประทานเปนผกั ลําต้น มฤี ทธใิ นการต้านเชอื แบคทีเรยี เนือไม้ สามารถยบั ยงั เชอื ราได้ คณะสตั วแพทยศาสตร์
ไพล ชอื อืนๆ ชอื วทิ ยาศาสตร์ Zingiber cassumunar Roxb. ปูลอย สรรพคณุ ปูเลย เหง้า รสฝาดขนื เอียน ใชภ้ ายนอก ประคบหรอื ฝนทา แก้ฟกชาํ (ภาคเหนือ) เคล็ดบวม แก้เหน็บชา เสน้ ตึง เมอื ยขบ เปนสว่ นประกอบหลัก ในการทําลกู ประคบ ชว่ ยสมานแผล แก้เล็บถอด ใชอ้ าบและ ปูขมนิ ประคบเพอื ใหเ้ ลือดลมไหลดใี นสตรหี ลังคลอด ทาบรรเทาอาการ ผนื คันจากการแพ้ ใชภ้ ายใน แก้บดิ แก้ท้องเสยี แก้หดื และใช้ มนิ สะล่าง ผสมกับยาอืนๆ เชน่ ตํารบั ยาประสะไพล นาํ มาเปนยารบั ประทาน (ไทยใหญ่ - แมฮ่ ่องสอน) ขบั ลมในลําไส้ แก้จุกเสยี ด แก้ปวดท้อง แก้ท้องอืดเฟอ ขบั ระดู ขบั โลหติ เสยี วา่ นไฟ ราก รสขนื เอียน ขบั โลหติ ทําใหป้ ระจาํ เดอื นมาตามปกติ รวมถึง (ภาคกลาง) แก้ท้องอืดเฟอ แก้ท้องผกู เคล็ดยอก นอกจากนันยงั ใชร้ กั ษา โรคผวิ หนังและโรคอันบงั เกิดแต่โลหติ อันออกทางปากและจมูก วา่ นปอบ แก้อาเจยี นเปนโลหติ (ภาคอีสาน) ดอก รสขนื ชว่ ยกระจายเลือดทีเปนลิมก้อน และกระจายโลหติ อันเกิดแต่อภิญญาณธาตุ ขบั โลหติ แก้อาการอาเจยี นเปนโลหติ ไพลเหลือง แก้เลือดกําเดาออกทางจมูก แก้ชาํ ใน ชว่ ยขบั ระดปู ระจาํ เดือน และทําลายเลือดเสยี ต้น รสฝาด ขนื เอียน แก้ธาตพุ กิ าร แก้อุจจาระพกิ าร ใบ มรี สขนื เอียน แก้ไข้ แก้ปวดเมอื ย แก้ครนั เนอื ครนั ตัว ชอ่ ดอก ต้มจมิ นําพรกิ เปนผกั ได้ คณะสตั วแพทยศาสตร์ PAGE 14
โคคลาน ชอื วทิ ยาศาสตร์ Mallotus repandus (Willd.) Mull. Arg. ชอื อืนๆ : มะปอบเครอื (เหนือ) กรุ ะเปยะ (ปตตานี) เถาของโคคลาน มรี สขมเบอื เยน็ ปรงุ เปน โพคาน (ชยั นาท) ยารบั ประทาน มสี รรพคณุ แก้ปวดเมอื ย แนวนํา (ประจวบคีรขี นั ธ)์ ตามรา่ งกาย แก้เสน้ เอ็นตึงแขง็ ปวดหลัง เยยี วแมว (ใต้) ปวดเอว รกั ษาไตพกิ าร และปสสาวะพกิ าร เยยี วแมวเถา (นราธวิ าส) บาํ รุงโลหติ การทดลองในหลอดทดลอง มะกายเครอื พบวา่ สามารถต้านเชอื เรมิ ทีรมิ ฝปาก สว่ นของลําต้นนันมสี ารสกัดนาํ จากลําต้น ชว่ ยลดการอักเสบและปองกันการเกิดพษิ ต่อตับ และการเกิดแผลทีกระเพาะอาหาร อีกทังสารสกัดนําจากรากและลําต้น ชว่ ย ลดการอักเสบและปองกันการเกิดมะเรง็ โดยการจบั อนุมูลอิสระทีเปนสาเหตสุ าํ คัญ ของโรคมะเรง็ ในสตั วท์ ดลอง คณะสตั วแพทยศาสตร์ PAGE 15
บอระเพ็ด ชอื อืนๆ ชอื วทิ ยาศาสตร์ : Tinospora cordifolia เครอื เขาฮอ เถามเี นือแขง็ ไมม่ ขี น ยาวได้ถึง 15 เมตร ผวิ นอกสนี ําตาล มเี นอื ในสเี ทา (หนองคาย) แกมเหลือง เถากลม ผวิ เถาขรุขระไมเ่ รยี บ เปนปุมกระจายทัวไป เมอื เถาแก่ จะเหน็ ปุมปมเหล่านหี นาแนน่ และชดั เจนมาก จุง่ จงิ (เหนือ) สรรพคณุ เปลือกเถาคล้ายเยอื กระดาษ มยี างขาว ใส เปลือกบางลอกออกได้ เจตมูลหนาม บางตอนของเถาพบรากอากาศคล้ายเสน้ ด้าย กลมยาว มสี นี ําตาลเขม้ (หนองคาย) เถามกี ลินเฉพาะ รสขมจดั เยน็ ซงึ เถา มรี สขมจดั เยน็ แก้ไขท้ กุ ชนดิ แก้พษิ ฝดาษ เปนยาขม ต้มดมื เพอื ใหเ้ จรญิ อาหาร ชว่ ยยอ่ ย บาํ รงุ นําดี ตัวเจตมูลยาน บาํ รุงไฟธาตแุ ละรา่ งกาย แก้โรคกระเพาะอาหาร แก้สะอึก แก้มาลาเรยี เปนยาขบั เหงือ ดบั กระหาย แก้รอ้ นใน ลดนําตาลในเลือด ขบั พยาธิ เถาหวั ดว้ น แก้อหวิ าตกโรค แก้ท้องเสยี ไขจ้ บั สนั ระงับความรอ้ น ทําใหเ้ นอื เยน็ (สระบุร)ี ทําใหเ้ ลือดเยน็ แก้โลหติ พกิ าร ใชภ้ ายนอก ใชล้ ้างตา ล้างแผลทีเกิด จากโรคซฟิ ลิส หางหนู ทกุ สว่ นของพชื ใชแ้ ก้ไข้ เปนยาบาํ รุง แก้บาดทะยกั ใชร้ กั ษาโรคดีซา่ น (สระบุร-ี อุบลราชธานี) เปนยาเจรญิ อาหาร แก้มาลาเรยี จุง้ จาลิงตัวแม่ เจตมูลยา่ น คณะสตั วแพทยศาสตร์ PAGE 16
ดาํ จับ \" ต้องการเลียงกระบอื แบบไมใ่ ชย้ าให้มากทีสดุ \" คณุ วทิ ยา ดําจบั หรอื ทีชาวบา้ นมกั เรยี กท่านวา่ สารวตั ร มาผสมผสานกันในการบรรเทาอาการต่างๆของกระบอื เพราะ วทิ ย์ ณ บา้ นวงั นาํ ดาํ หมู่ 4 ต.หนองบอนแดง อ.บา้ นบงึ สมุนไพรไทยบา้ นเรามสี รรพคณุ ทีดีมากมาย ขนึ อยูก่ ับวา่ เราจะ จ.ชลบุรี ซงึ บา้ นวงั นาํ ดําแหง่ นถี ือเปนแหล่งท่องเทียวแนววถิ ี เลือกใชส้ มุนไพรไทยตัวไหนใหเ้ กิดประโยชนส์ งู สดุ ” ธรรมชาติและเกษตรทฤษฎีใหม่ เพอื ใหเ้ กษตรกรและบุคคล โดยสรรพคณุ ของสมุนไพรแต่ละชนดิ ทีกล่าวมานัน คณุ ลงุ สารวตั รวทิ ยไ์ ด้นํามาประยุกต์ใชก้ ับกระบอื เพอื รกั ษาตามอาการ ทัวไป รวมถึงนักเรยี น นกั ศึกษาทีสนใจ ไดเ้ ขา้ มาเรยี นรูว้ ถิ ี เชน่ นําบอระเพด็ ฟาทะลายโจร เกลือมาผสมกันเพอื ถ่ายพยาธิ นําไพลต้ม โคคลานกรอกใสก่ ระพอ้ เพอื มารกั ษาอาการอ่อนแรง ชวี ติ การปลกู พชื แบบเกษตรอินทรยี แ์ ละการเลียงกระบอื แบบ หรอื นําขอ่ ยดําผสมกับเหล้าขาว มาบรรเทาอาการสตั วม์ พี ษิ กัด ออรแ์ กนิค (Organic Farm) โดยคณุ ลงุ นนั ได้มกี ารเลียง รวมถึงนําดีเกลือฝรงั ผสมสบั ปะรด เพอื บรรเทาอาการท้องอืด กระบอื สายพนั ธุช์ ลบุรี 100% ซงึ เลียงไวเ้ พอื เปนพอ่ แมพ่ นั ธุ์ ถ่ายไมอ่ อก เปนต้น และอนุรกั ษ์สายพนั ธุช์ ลบุรใี หค้ งอยูไ่ ว้ คณุ ลงุ สารวตั รวทิ ยไ์ ด้ กล่าววา่ “ฟารม์ ของลงุ นันได้มกี ารใชส้ มุนไพรหลากหลายชนดิ คณะสตั วแพทยศาสตร์ PAGE 17
Search
Read the Text Version
- 1 - 20
Pages: