Important Announcement
PubHTML5 Scheduled Server Maintenance on (GMT) Sunday, June 26th, 2:00 am - 8:00 am.
PubHTML5 site will be inoperative during the times indicated!

Home Explore คู่มือเตรียมสอบธรรมศึกษาชั้นเอก มัธยม

คู่มือเตรียมสอบธรรมศึกษาชั้นเอก มัธยม

Published by thiwadon jirapunyo, 2022-06-26 12:47:30

Description: ตรงตามหลักสูตรแม่กองธรรมสนามหลวง
ปี ๒๕๖๑

Search

Read the Text Version

๔๖ โคตมียอมรับปฏิบัติครุธรรม ๘ ประการ ข้อนั้นจงเป็นการ แบ่งพระบรมสารีรกิ ธาตุ อปุ สัมปทาของพระนางเถดิ ” โทณพราหมณเ์ ป็นผู้แบง่ พระบรมสารรี ิกธาตุตวงพระบรม แสดงพระอภิธรรมโปรดพระพุทธมารดา สารีริกธาตุด้วยทะนานทองแบ่งให้กษัตริย์ ๘ เมือง ๆ ละ ๒ ทรงแสดงพระอภิธรรม ๗ คัมภีร์ โปรดพุทธมารดาตลอด ทะนาน รวมเปน็ ๑๖ ทะนาน ส่วนพระเขย้ี วแก้ว ท้าวสกั กะ ไตรมาส ๓ เดือน เหล่าเทวดาซง่ึ มาประชุมฟงั ธรรมในสมาคม อญั เชิญไปบรรจใุ นพระจฬุ ามณีเจดยี ช์ น้ั ดาวดงึ ส์ นั้นได้บรรลุมรรคผลตามสติปัญญาของตน ๆ เมื่อทรงแสดง คัมภีร์มหาปัฏฐานซึ่งเป็นคัมภีรท์ ี่ ๗ จบแล้วพระพุทธมารดา ส่วนโทณพราหมณ์ขอทะนานทองไปบรรจุไว้ในเจดีย์ ได้บรรลธุ รรมเปน็ พระโสดาบัน เรียกว่า “ตมุ พเจดยี ์” พระพุทธเจา้ ประชวร ส่วนโมรยิ กษัตริย์ เมอื งปิปผลิวัน มาถึงภายหลัง จงึ พระพุทธเจ้าทรงบำเพ็ญพุทธกิจ ๕ ประการเป็นประจำ อัญเชิญพระอังคาร (ขี้เถ้า) ไปสร้างสถูปทำสักการะ เรียกวา่ ตลอด ๔๕ พรรษา ในพรรษาที่ ๔๕ ซึ่งเป็นพรรษาสุดท้าย อังคารเจดีย์ ประทับที่บ้านเวฬุวคาม เขตเมืองเวสาลี พระพุทธองค์ ประชวรหนัก และทรงเยียวยาด้วยอธิวาสนขันติ หลังจาก _____________ ออกพรรษาแลว้ เสด็จไปประทับท่ีวดั พระเชตวัน เมืองสาวัตถี ๑. สวรรคช์ ั้นใด ทพ่ี ระพุทธเจ้าเสดจ็ จำพรรษาเพื่อโปรด โปรดสุภทั ทปริพาชก พทุ ธมารดา ? เม่ือบรรพชาเสรจ็ แล้ว พระอานนท์นำมาเขา้ เฝ้าพระองค์ ให้สุภัททะอุปสมบทเป็นภิกษุ พร้อมทั้งตรัสบอกกัมมัฏฐาน ก. ดาวดึงส์ ข. ยามา พระสุภัททะได้บำเพ็ญเพียรสำเร็จเป็นพระอรหันต์ในราตรี น้นั เปน็ ปัจฉิมสาวก คอื สาวกองคส์ ุดทา้ ย ค. ดุสติ ง. นิมมานรดี พระปจั ฉมิ โอวาท ๒. พระพุทธมารดาประทับอยู่ ที่สวรรคช์ ั้นใด ? พระพุทธองค์ตรัสกับภิกษุทั้งหลายว่า \"ดูก่อนภิกษุ ทั้งหลาย บัดนี้ เราขอเตือนเธอท้ังหลายว่า สังขารทั้งหลายมี ก. ดาวดงึ ส์ ข. ยามา ความเสื่อมไปเปน็ ธรรมดา พวกเธอจงยังความไม่ประมาทให้ ถึงพรอ้ มเถดิ \" นเ้ี ป็นพระปจั ฉิมวาจาของพระศาสดา ค. ดุสติ ง. นมิ มานรดี ปรินพิ พาน ๓. พุทธมารดาฟงั พระธรรมเทศนาจบแลว้ เปน็ อรยิ บุคคล พระพุทธเจ้าทรงปรินิพพาน เมื่อวันขึ้น ๑๕ ค่ำ เดือน ๖ พระชนมายุ ๘๐ พรรษา ๔๕ พรรษา ชน้ั ใด ? มกุฏพนั ธนเจดีย์ ก. โสดาบนั ข. สกทาคามี ถวายพระเพลงิ พระสรีระของพระพุทธองค์ ณ มกฎุ พันธน เจดีย์ ทางทิศบรู พาแห่งพระนคร ค. อนาคามี ง. อรหันต์ ๔. พระพทุ ธเจ้าเสด็จลงจากเทวโลก ในวนั ใด ? ก. เข้าพรรษา ข. ออกพรรษา ค. เทโวโรหณะ ง. มาฆบชู า ๕. พระนางพิมพา ทลู ขออุปสมบทกับพระพุทธเจ้า ณ วดั ใด ? ก. เวฬุวนั ข. เชตวัน ค. บุพพาราม ง. นโิ ครธาราม ๖. พระเถรีใด เปน็ ปฐมสาวิกา ? ก. มหาปชาบดโี คตมี ข. อบุ ลวรรณา ค. ปฏาจารา ง. กสี าโคตมี

๔๗ ๒.๓ แนวขอ้ สอบธรรมศกึ ษาชัน้ เอก วชิ ากรรมบถ อธิบายว่า ต้องมีเจตนาในการทำ การพูด จึงจะเป็นกรรมบถ บทที่ ๑ กรรมบถ ได้ ถ้าไมม่ ีเจตนาไม่เป็นกรรมบถ กฎแหง่ กรรม ๒. มโนกรรม ๓ มีอภชิ ฌาเป็นตน้ ตอ้ งเกิดร่วมกบั เจตนา พระพุทธศาสนา เป็นศาสนาที่สอนเกี่ยวกับเรื่องกฎแห่ง จึงจะเป็นมโนกรรมได้ หากมีแต่เฉพาะอย่างใดอย่างหนึ่ง ไม่ จัดเป็นมโนกรรม กรรมว่า สัตว์ทั้งหลายล้วนตกอยู่ภายใต้กฎแห่งการกระทำ มีกรรมเป็นกำเนิด กรรมนั้นทำใหม้ นุษยเ์ ป็นอะไรก็ได้ในชาติ _____________ นี้ หรอื วา่ หลังจากตายไปแล้ว ๑. วิชากรรมบถ เน้นหลักคำสอนว่าดว้ ยเร่อื งอะไร ? ทางที่เราทำแล้วเดินไปสู่สุคติหรือทุคตินั้นทางพระพุทธ ศาสนา เรยี กวา่ กรรมบถ โดยแบ่งเปน็ ๒ ประเภท คือ ก. กรรม ข. ขอพรพระเจา้ ๑. ทางนำไปสูท่ ุคติ เรียกว่า อกุศลกรรมบถ ค. สงิ่ ศักดิ์สิทธิ์ ง. สง่ิ ลีล้ ับ ๒. ทางนำไปสู่สุคติ เรยี กวา่ กศุ ลกรรมบถ อกศุ ลกรรมบถ ๑๐ ๒. ขอ้ ใด เปน็ คำแปลของกรรมบถ ? ๑. ปาณาตบิ าต ทำชวี ิตสตั ว์ใหต้ กลว่ ง คือฆา่ สตั ว์ ๒. อทินนาทาน ถือเอาสิ่งของที่เจ้าของเขาไม่ได้ให้ ด้วย ก. ทางทำกรรม ข. ผลของกรรม อาการแห่งขโมย ๓. กาเมสมุ ิจฉาจาร ประพฤตผิ ิดในกาม ค. การทำกรรม ง. การชดใช้กรรม ทั้ง ๓ นี้ จัดเป็นกายกรรม เพราะเกิดขึ้นทางกายทวาร โดยมาก ๓. ข้อใด เปน็ ความหมายของกศุ ลกรรมบถ ? ๔. มสุ าวาท พูดเท็จ ๕. ปิสณุ วาจา พูดสอ่ เสียด ก. ทางแหง่ ความดี ข. ทางแหง่ กรรม ๖. ผรุสวาจา พูดคำหยาบ ๗. สมั ผัปปลาปะ พดู เพอ้ เจอ้ ค. ทางแหง่ อบาย ง. ทางกา้ วหนา้ ทั้ง ๔ นี้ จัดเป็นวจีกรรม เพราะเกิดขึ้นทางวจีทวาร โดยมาก ๔. กรรมบถ กลา่ วถึงการกระทำทางใด ? ๘. อภชิ ฌา โลภอยากไดข้ องเขา ๙. พยาบาท ปองร้ายเขา ก. กาย ข. วาจา ๑๐. มิจฉาทิฏฐิ เห็นผิดจากคลองธรรม ทั้ง ๓ นี้ จัดเป็นมโนกรรม เพราะเกิดขึ้นทางมโนทวาร ค. ใจ ง. ถูกทกุ ข้อ โดยมาก เจตนาจงึ เป็นกรรม ๕. คนจะดีหรือเลว พจิ ารณาจากอะไร ? ๑. กายกรรม ๓ และวจีกรรม ๔ โดยสภาวธรรม คือสิ่งท่ี เป็นเองโดยธรรมชาตไิ มม่ ใี ครมาปรุงแต่งให้เกิด ไดแ้ ก่ เจตนา ก. การกระทำ ข. คำพูด ค. ความคิด ง. ถูกทุกข้อ ๖. การไดไ้ ปเกดิ ในสวรรคห์ รอื มนุษย์โลก เรียกว่าอะไร ? ก. สุคติ ข. ทุคติ ค. ภพ ง. ภมู ิ ๗. ข้อใด สง่ ผลใหไ้ ปเกดิ ในสุคติภมู ิ ? ก. อกศุ ลกรรมบถ ข. กุศลกรรมบถ ค. อกุศลเจตนา ง. อกุศลมลู ๘. การทำความดีความช่ัวของสตั ว์ เกิดขนึ้ ไดท้ างใด ? ก. การกระทำ ข. คำพดู ค. ความคดิ ง. ถูกทุกขอ้ ๙. การกระทำของสัตวจ์ ะเปน็ กรรมดหี รือกรรมชว่ั ได้ ตอ้ ง ประกอบด้วยอะไร ?

๔๘ ก. อารมณ์ ข. ความรสู้ กึ ๑๙. เมื่อโลภะเกดิ ขน้ึ หากระงบั ไมไ่ ด้ จะทำใหค้ นเราทำ ค. เหตจุ งู ใจ ง. เจตนา ความผดิ ใด ? ๑๐. สิง่ ใด สำคัญทสี่ ดุ ในการกระทำความดคี วามช่วั ? ก. ทำรา้ ยกนั ข. ลกั ขโมยกนั ก. เจตนา ข. อารมณ์ ค. นอกใจกัน ง. เชอื่ เรื่องงมงาย ค. อวชิ ชา ง. สังขาร ๒๐. เมื่อโทสะเกิดขึ้น หากระงบั ไมไ่ ด้ จะทำให้คนเราทำ ๑๑. การทำความดีความช่ัวของสตั ว์ จำแนกออกเปน็ กี่ ความผิดใด ? ประเภท ? ก. ทำรา้ ยกนั ข. ลักขโมยกัน ก. ๒ ประเภท ข. ๓ ประเภท ค. นอกใจกัน ง. เช่ือเร่อื งงมงาย ค. ๔ ประเภท ง. ๕ ประเภท บทที่ ๒ อกศุ ลกรรมบถ ๑๒. ขอ้ ใด เป็นมลู เหตใุ ห้บคุ คลประพฤติอกศุ ลกรรมบถ ? อกุศลกรรมบถขอ้ ท่ี ๑ ปาณาตบิ าต ก. ความโลภ ข. ความโกรธ “การฆ่า” หมายถงึ การทำให้ตาย “สตั ว”์ หมายถึง สัตว์ ค. ความหลง ง. ถกู ทุกขอ้ ทุกชนิดทั้งที่เป็นมนุษย์และสัตว์ดิรัจฉาน มีข้อห้าม ๓ ๑๓. การประพฤติผดิ ในกาม เป็นอกศุ ลกรรมบถประเภท ประการ คือ ใด ? ๑. การฆ่า ก. กายกรรม ข. วจกี รรม ๒. การทำรา้ ยร่างกาย ค. มโนกรรม ง. ถูกทุกข้อ ๓. การทรกรรม ๑๔. การละเมดิ ทางเพศ เป็นอกศุ ลกรรมบถประเภทใด ? จุดมงุ่ หมายของกรรมบถข้อนี้ ก. กายกรรม ข. วจกี รรม เพื่อให้ทกุ คนมีเมตตาจติ ในเพอื่ นมนุษย์และสัตวท์ ั้งหลาย ค. มโนกรรม ง. ถกู ทกุ ขอ้ ปาณาติบาตนั้น จะสำเร็จเป็นกรรมบถได้ ต้อง ๑๕. การพดู โกหก เป็นอกุศลกรรมบถประเภทใด ? ประกอบด้วยองค์ ๕ คือ ก. กายกรรม ข. วจกี รรม ๑. สตั วม์ ีชวี ติ ค. มโนกรรม ง. ถูกทกุ ข้อ ๒. ร้วู ่าสตั วน์ น้ั มชี ีวติ ๑๖. การพูดเพอ้ เจ้อ เปน็ อกศุ ลกรรมบถประเภทใด ? ๓. มีจติ คิดจะฆ่า ก. กายกรรม ข. วจกี รรม ๔. พยายามเพือ่ จะฆา่ ค. มโนกรรม ง. ถกู ทุกข้อ ๕. สัตวน์ ั้นตายดว้ ยความพยายามนน้ั ๑๗. โลภอยากไดข้ องเขา เป็นอกุศลกรรมบถประเภทใด ? ปาณาตบิ าตน้นั มโี ทษมาก เพราะเหตุ ๔ ประการ คือ ก. กายกรรม ข. วจีกรรม ๑. สตั ว์ใหญ่ ค. มโนกรรม ง. ถูกทุกข้อ ๒. สัตว์นัน้ มคี ุณ ๑๘. การกระทำความชวั่ มอี ะไรเปน็ มลู เหตุ ? ๓. ความพยายามของผูฆ้ ่ามมี าก ก. กุศลมูล ข. อกุศลมลู ๔. กิเลสของผู้ฆา่ รนุ แรง ค. กุศลจติ ง. อกุศลจิต

๔๙ อกุศลกรรมบถข้อท่ี ๒ อทินนาทาน ๔. ให้อวัยวะเพศถึงกัน ได้แก่ มรรค ๓ คือ ทวารหนัก “การถือเอา” หมายถึง การหยิบของนั้นมาเป็นของ ทวารเบาและปาก ตัวเองโดยพลการ โดยที่เจ้าของเขาไม่ได้ให้ ไม่ได้อนุญาตให้ _____________ ด้วยกาย เช่น พยกั หน้าให้ โบกมือให้เปน็ ต้น ไมไ่ ด้อนุญาตให้ ด้วยวาจา เช่น บอกให้เป็นต้น อย่างใดอย่างหนึ่ง หรือด้วย อกุศลกรรมบถ ขอ้ ที่ ๑ อาการอย่างขโมย เช่น ลัก ฉก ชิง วิ่งราว ตู่ ตระบัด ปลอม แปลง ลักลอบ ยักยอกเขา เป็นต้น จะทำเองหรือใช้ให้ผู้อ่ืน ๑. การทำร้ายรา่ งกาย เปน็ ปาณาติบาตเกิดขนึ้ ทางใด ? ทำดว้ ยกาย หรือด้วยวาจา จดั เปน็ ผดิ เหมือนกัน จุดม่งุ หมายของกรรมบถข้อน้ี ก. ทางกาย ข. ทางวาจา เพื่อให้ทุกคนเคารพสิทธิ์ในทรัพย์สมบัติของกันและกัน ค. ทางกายกับวาจา ง. ถกู ทกุ ข้อ ใหร้ จู้ กั ทำมาหากินเลย้ี งชวี ติ โดยสุจริต ๒. สง่ั ให้คนอ่ืนฆ่า จดั เป็นปาณาตบิ าตเกิดขึ้นทางใด ? อทินนาทาน จะสำเร็จเป็นกรรมบถได้นั้น ต้อง ประกอบด้วยองค์ ๕ คอื ก. ทางกาย ข. ทางวาจา ๑. ของนน้ั มีเจา้ ของหวงแหน ค. ทางกายกบั วาจา ง. ถกู ทุกขอ้ ๒. ร้วู ่าเจ้าของหวงแหน ๓. มจี ิตคดิ จะลกั ๓. ความคดิ ใด เปน็ องค์ประกอบในการทำความผดิ ๔. มีความพยายามในการลัก ๕. ไดข้ องน้นั มาด้วยความพยายามน้ัน ปาณาตบิ าต ? อกุศลกรรมบถขอ้ ท่ี ๓ กาเมสมุ จิ ฉาจาร คำว่า กาม ในคำว่า กาเมสุมิจฉาจารนั้น ได้แก่ เมถุน ก. คดิ จะฆ่า ข. คดิ จะลัก สมาจาร ๒ อยา่ ง คอื ๑. สทารสนั โดษ ความพอใจเฉพาะคคู่ รองของตน ค. คิดจะพดู ใหค้ ลาดเคลื่อน ง. คดิ จะเสพ ๒. ปรทารคมนะ การละเมดิ คคู่ รองคนอื่น จุดมุง่ หมายของกรรมบถขอ้ นี้ ๔. ขอ้ ใด ไม่ใช่ปาณาติบาตเกิดทางกาย ? เพื่อให้ทุกคนเคารพสิทธิในคู่ครองหรือคนที่เรารัก เพ่ือ ป้องกันความแตกรา้ วในหมมู่ นษุ ย์ ก. ใช้มีดฆา่ ข. ใชป้ นื ยงิ กาเมสุมิจฉาจาร จะสำเร็จเป็นกรรมบถได้นั้น ต้อง ประกอบดว้ ยองค์ ๔ คอื ค. ใชเ้ ครื่องทรมาน ง. สั่งใหค้ นอ่นื ฆา่ ๑. บคุ คลทไ่ี มค่ วรไปล่วงละเมดิ ๒. จงใจจะเสพในบคุ คลน้ัน ๕. โทษเบาที่สดุ ในการทำปาณาตบิ าต คือขอ้ ใด ? ๓. มคี วามพยายามในการเสพ ก. ครอบครัวแตกแยก ข. ขัดสนเงินทอง ค. วิกลจริต ง. อายุสนั้ ๖. ขอ้ ใด เป็นผลกรรมเกดิ จากการทำปาณาตบิ าต ? ก. อายสุ ั้น ข. ทรัพยส์ ูญหาย ค. ครอบครวั แตกแยก ง. ขาดความเชื่อถอื อกศุ ลกรรมบถ ขอ้ ท่ี ๒ ๗. ข้อใด เป็นอกุศลกรรมบถขอ้ อทนิ นาทาน ? ก. ทุจรติ เงนิ คนจน ข. ทจุ ริตเงนิ ทอน ค. ทจุ รติ อาหารเด็ก ง. ถูกทุกขอ้ ๘. การทุจรติ เงนิ อาหารกลางวนั เดก็ นักเรียน เป็น อกุศลกรรมบถใด ? ข. อทินนาทาน ก. ปาณาติบาต ง. พยาบาท ค. มสุ าวาท

๕๐ ๙. ความละโมบโลภมาก สง่ ผลให้คนเราทำอกศุ ลกรรมบถ ๑๘. สำนวนใด มคี วามหมายสอดคล้องกับกาเมสุมิจฉา ใด ? จาร ? ก. อทนิ นาทาน ข. กาเมสมุ ิจฉาจาร ก. น้ำมาปลากินมด ข. น้ำน่งิ ไหลลกึ ค. ผรุสวาจา ง. มุสาวาท ค. จับปลาสองมอื ง. น้ำข้นึ ให้รบี ตัก ๑๐. ขอ้ ใด เป็นอทนิ นาทานเกดิ ทางวาจา ? ๑๙. โรคชนิดใด มกี าเมสุมิจฉาจารเปน็ ต้นเหตุ ? ก. สงั่ ใหล้ ักทรัพย์ ข. วงิ่ ราวทรพั ย์ ก. เอดส์ ข. มะเร็งปอด ค. ปลน้ ทรัพย์ ง. ทำลายทรพั ย์ ค. ไวรัสตบั ง. กล้ามเน้อื อ่อนแรง ๑๑. ผปู้ รารถนาเป็นเศรษฐมี หาเศรษฐี ควรงดเว้น อกุศลกรรมบถข้อท่ี ๔ มุสาวาท อกุศลกรรมบถใด ? คำว่า“การพูดเท็จ” หมายถึง การกล่าวถ้อยคำอันไม่มี ก. ปาณาตบิ าต ข. อทินนาทาน จริง ไม่เป็นจริง เพื่อหลอกลวงให้ผู้อื่นเข้าใจผิด ทำให้เสีย ค. กาเมสุมจิ ฉาจาร ง. พยาบาท ประโยชน์ แม้การทนสาบาน การทำเล่ห์กระเท่ห์ ทำมารยา ๑๒. ข้อใด เป็นผลกรรมเกิดจากการทำอทินนาทาน ? ทำเลศ เสริมความ อำความ เป็นต้น ก็จัดเป็นมุสาวาท ก. เจบ็ ปว่ ยเร้อื รัง ข. ยากจนขัดสน เหมือนกัน กิริยาที่แสดงออกทางกาย เช่น สั่นศีรษะ โบกมือ ค. ศัตรมู าก ง. ปญั ญาทึบ และเขยี นหนงั สอื โกหก กจ็ ดั เปน็ มสุ าวาทท้งั สน้ิ อกศุ ลกรรมบถ ข้อที่ ๓ กรรมบถต่างกนั กับกรรม ๑๓. อกศุ ลกรรมบถขอ้ ท่ี ๓ เกิดจากการทำความผิดใด ? กรรมบถ หมายถึง กรรมที่ส่งผลในปฏิสนธิกาล เช่น ก. ผิดวินัย ข. ผดิ ระเบียบ สง่ ผลใหไ้ ปเกดิ ในนรก เกดิ เป็นมนษุ ย์ เกิดในสวรรค์ เปน็ ตน้ ค. ผิดกตกิ า ง. ผดิ ประเวณี กรรม หมายถึง กรรมที่ให้ผลในปวัตติกาล เช่น ส่งผลให้ ๑๔. พฤตกิ รรมใด เรียกว่า กาเมสุมจิ ฉาจาร ? เห็นรปู ฟังเสียง ลิม้ รส ที่ดีหรือไมด่ ี เปน็ ตน้ ก. คบชู้ ข. คบเพือ่ น จุดมงุ่ หมายของกรรมบถข้อนี้ ค. คบค้า ง. คบคิด เพ่ือให้มนษุ ยท์ กุ คนอย่รู ่วมกนั ในสังคมอย่างมีความจริงใจ ๑๕. การกระทำใด เรียกวา่ กาเมสมุ จิ ฉาจาร ? ซง่ึ กันและกัน ก. คบชู้ ข. คบเพอ่ื น มุสาวาท จะสำเร็จเป็นกรรมบถได้นั้น ต้องประกอบด้วย ค. คบคนพาล ง. คบบัณฑติ องค์ ๔ คือ ๑๖. ขอ้ ใด เป็นหญิงต้องหา้ มในการทำกาเมสุมิจฉาจาร ? ๑. เรอ่ื งท่ีพูดเป็นเร่ืองไมจ่ รงิ ก. หญงิ มสี ามี ข. หญงิ มีญาติรกั ษา ๒. จงใจจะพูดใหผ้ ดิ ไปจากความเปน็ จริง ค. หญิงมีธรรมรักษา ง. ถูกทกุ ข้อ ๓. พยายามพดู ออกไป ๑๗. กาเมสุมิจฉาจาร จะสำเรจ็ เปน็ กรรมบถได้ ตอ้ งเกดิ จาก ๔. ผ้ฟู ังเข้าใจคำพูดนนั้ การกระทำทางใด ? อกศุ ลกรรมบถขอ้ ท่ี ๕ ปสิ ณุ วาจา ก. กาย ข. วาจา คำว่า “ การพูดส่อเสียด” หมายถึง เจตนาของบุคคลผู้มี ค. ใจ ง. ถกู ทกุ ข้อ จิตเศร้าหมองเอาคำพูดหรือการกระทำของฝ่ายหนึ่งไปบอก อีกฝ่ายหนึ่งโดยคำพูดหรือการกระทำนั้นไม่เป็นความจริง

๕๑ เพื่อให้ทั้งสองฝ่ายเข้าใจกันผิด หรือการพูดให้ร้ายลับหลัง ความแตกตา่ งระหวา่ ง มุสาวาทกบั สัมผัปปลาปะ เพอื่ จดุ ประสงค์ ๒ ประการ คอื ๑. มุสาวาท ได้แก่ เจตนาอันเป็นเหตุพยายามทางกาย ๑. เพ่ือต้องการใหค้ นอื่นมารักตน ทางวาจา ของคนผู้มุ่งจะหลอกลวงคนอื่น มุ่งจะทำเรื่องที่ไม่ ๒. เพื่อต้องการทำลายคนอ่นื จรงิ ให้เปน็ เรื่องจริง จดุ มุ่งหมายของกรรมบถข้อนี้ เพื่อให้ทุกคนในสังคมอยู่ร่วมกันอย่างมีความรัก ความ ๒. สัมผัปปลาปะ ได้แก่ เจตนาอันเป็นเหตุกล่าวถ้อยคำ สามัคคี อยรู่ ว่ มกนั อยา่ งมีความจริงใจมคี วามสขุ อันไร้สาระ ไม่แสดงอรรถ ธรรมและวินัย เพื่อให้เข้าใจ ปสิ ุณวาจา จะสำเรจ็ เปน็ กรรมบถได้นน้ั ต้องประกอบด้วย ประโยชน์ในภพน้ี และภพหน้า องค์ ๔ คอื จดุ ม่งุ หมายของกรรมบถข้อนี้ ๑. คนอื่นท่ีพึงถกู ทำลาย ๒. จิตคิดจะพูดส่อเสยี ด เพ่ือให้ทกุ คนเป็นผพู้ ูดแตค่ ำจริง พดู แต่คำที่มีสาระ ๓. พยายามจะพดู ออกไป สมั ผปั ปลาปะ จะสำเรจ็ เปน็ กรรมบถได้ ตอ้ งประกอบด้วย ๔. คนอื่นเข้าใจเนื้อความน้ัน องค์ ๒ คือ อกศุ ลกรรมบถขอ้ ที่ ๖ ผรุสวาจา ๑. จติ คดิ จะพดู เร่อื งเพ้อเจ้อ คำว่า “คำหยาบ” หมายถึง คำพูดที่ผู้พูดมีใจประกอบ ๒. พูดเร่อื งเชน่ นน้ั ออกไป ด้วยโทสะ มีเจตนาพูดออกไปเพื่อให้ผู้ฟังเจ็บช้ำน้ำใจ คำพูด วจีกรรมเป็นไปในทวาร ๒ ที่จัดว่าเป็นผรุสวาจาหรือไม่นั้นให้ดูที่เจตนาของผู้พูดเป็น สำคัญถ้าพูดมีเจตนาดี เช่น พ่อแม่ด่าว่าบุตรเพื่อต้องการส่ัง กรรม ๔ อย่าง มีมุสาวาทเป็นต้นนี้ บุคคลสามารถทำได้ สอนให้เป็นคนดี เป็นต้น ไม่จัดเป็นผรุสวาจาตรงกันข้ามถ้า ๒ ทวาร คอื พูดดีแต่มีเจตนาร้าย จดั เป็นผรุสวาจา จุดมุ่งหมายของกรรมบถข้อน้ี ๑. ทางวจีทวาร เพราะโดยมากเปน็ ไปทางวาจา เพื่อให้ทุกคนเป็นผู้มีจิตใจงดงาม ละเอียดอ่อน มีแต่ ๒. ทางกายทวาร เช่น การโบกมือ ผงกศีรษะ การเขียน คำพูดท่ไี พเราะเพื่อสมานสามัคคี หนงั สือหลอกลวงคนอนื่ เปน็ ตน้ ผรุสวาจาทีจ่ ะสำเรจ็ เป็นกรรมบถไดน้ นั้ ต้องประกอบด้วย องค์ ๓ คือ _____________ ๑. คนอนื่ ทพ่ี งึ ถูกดา่ ๒. จติ คดิ จะพูดคำหยาบ ๒๐. พดู ให้ผิดจากความเป็นจริง เป็นอกุศลกรรมบถทาง ๓. พดู คำหยาบออกไป อกุศลกรรมบถข้อท่ี ๗ สมั ผปั ปลาปะ วาจาประเภทใด ? คำว่า “พูดเพ้อเจ้อ” หมายถึง เจตนาพูดถ้อยคำอันไม่มี ประโยชน์หรือไร้สาระให้คนอื่นฟัง เช่น พูดเรื่องดูหนังดู ก. มุสาวาท ข. ปิสุณวาจา ละคร เรือ่ งไสยศาสตร์ เป็นตน้ ค. ผรุสวาจา ง. สัมผัปปลาปะ ๒๑. อกุศลกรรมบถข้อมสุ าวาท เกดิ ขึ้นได้ทางใด ? ก. กาย วาจา ข. กาย ใจ ค. วาจา ใจ ง. กาย วาจา ใจ ๒๒. พูดอยา่ งไร เรยี กวา่ พูดส่อเสียด ? ก. พูดโกหก ข. พูดยุแยงให้แตกกัน ค. พดู คำหยาบ ง. พูดเลน่ ๒๓. พดู ยยุ งใหผ้ อู้ ่นื เกดิ ความแตกแยก เป็นอกุศลกรรมบถ ทางวาจาประเภทใด ?

๕๒ ก. มุสาวาท ข. ปิสณุ วาจา อกศุ ลกรรมบถข้อที่ ๘ อภิชฌา คำว่า “เจตนาเป็นเหตุละโมบ” หมายถึง ความโลภอยาก ค. ผรสุ วาจา ง. สัมผปั ปลาปะ ได้ในเมื่อเห็นสิ่งของ ๆ ผู้อื่นแล้ว เพ่งเล็งโดยน้อมเข้ามาหา ๒๔. พดู เอาดีใส่ตัว เอาชว่ั ใสผ่ ู้อนื่ เพราะไม่งดเวน้ ตนว่า ทำอย่างไรหนอ ของนี้จะพึงเป็นของเรา ชื่อว่า อภิชฌา ท่ถี งึ ความเปน็ กรรมบถ อกุศลกรรมบถใด ? แต่ถ้าเห็นสมบัติของคนอื่นแล้ว ไม่คิดเอามาเป็นของตน ก. มสุ าวาท ข. ปิสุณวาจา เพยี งแต่ยินดีว่า ผู้ใชส้ อยสมบัติเช่นนี้มบี ุญหนอ เราควรได้ใช้ สอยสักชั่วคราว หรือว่า เราควรได้รับของเช่นเดียวกันนี้ ค. ผรุสวาจา ง. สัมผปั ปลาปะ อยา่ งน้ี เป็นเพียงกรรมเทา่ นนั้ ไม่ถึงกรรมบถ โลภะกับอภชิ ฌาตา่ งกัน ๒๕. คำพูดใด ผู้พูดมเี จตนามุ่งทำรา้ ยจิตใจผฟู้ ัง ? ๑. โลภะ ความอยากได้ในทางทุจริต แต่ยังไม่คิดตัดสินใจ ก. มสุ าวาท ข. ปิสุณวาจา จะลงมอื กระทำ ค. ผรสุ วาจา ง. สมั ผปั ปลาปะ ๒. อภิชฌา ความอยากไดใ้ นทางทุจริต ตดั สินใจจะลงมือ กระทำ ๒๖. เจตนาเปน็ เหตใุ หพ้ ูดคำหยาบ เรียกว่าอะไร ? จุดม่งุ หมายของกรรมบถข้อนี้ ก. มุสาวาท ข. ปสิ ุณวาจา เพือ่ ใหท้ กุ คนยินดีแต่ของท่ีตวั เองมีอยู่ ถา้ ไม่ใช่ของตัวเอง ไมเ่ อา ค. ผรุสวาจา ง. สัมผัปปลาปะ อภิชฌา จะสำเร็จเป็นกรรมบถได้ ต้องประกอบด้วยองค์ ๒๗. ข้อใด ถือว่าผู้พูดมีเจตนาม่งุ ทำลายจติ ใจผู้ฟงั ? ๒ คอื ก. พดู เทจ็ ข. พูดคำหยาบ ๑. สงิ่ ของ ของบคุ คลอ่นื ๒. การน้อมมาเพือ่ เปน็ ของตน ค. พดู ส่อเสียด ง. พดู เพ้อเจอ้ อกุศลกรรมบถขอ้ ที่ ๙ พยาบาท คำว่า “เจตนาเป็นเหตุปองร้าย “ หมายถึง การคิด ๒๘. คำพูดเชน่ ไร เรียกวา่ ผรสุ วาจา ? กระทำให้ผู้อื่นประสบกับความพินาศ การผูกใจเจ็บและคิด จะแก้แคน้ ช่อื วา่ พยาบาท ถ้าผูกใจเจ็บเฉยๆ ไม่คดิ จะทำให้ ก. ไพเราะเสนาะหู ข. สอ่ เสียด เขาฉิบหาย ไม่จัดเปน็ พยาบาท จดุ มงุ่ หมายของกรรมบถขอ้ นี้ ค. โกหก ง. หยาบคาย เพือ่ ตอ้ งการให้ทุกคนรจู้ ักการให้อภัยซ่งึ กันและกัน ไม่ผูก โกรธ ให้รู้จักการมเี มตตาจติ ๒๙. คำดุดา่ เชน่ ไร ไม่ถือเปน็ ผรสุ วาจา ? พยาบาท จะสำเร็จเป็นกรรมบถได้ ตอ้ งประกอบด้วยองค์ ๒ คือ ก. ด่าเพราะสงั่ สอน ข. ด่าเพราะเกลียด ๑. มีสตั วอ์ ่นื ค. ดา่ เพราะโกรธ ง. ด่าเพราะชัง ๓๐. พูดอยา่ งไร เรียกว่า สมั ผัปปลาปะ ? ก. พดู โกหก ข. พดู คำหยาบ ค. พดู ส่อเสยี ด ง. พดู ไร้สาระ ๓๑. การกล่าวถ้อยคำอนั ไร้ประโยชน์สำหรบั ผูฟ้ ัง เรยี กวา่ อะไร ? ก. มุสาวาท ข. ปิสณุ วาจา ค. ผรุสวาจา ง. สมั ผัปปลาปะ ๓๒. ขอ้ ใด เป็นผลกรรมเกดิ จากการกลา่ วมุสาวาท ? ก. มีอายุสนั้ ข. ทรัพยว์ ิบัติ ค. มีศตั รรู อบด้าน ง. ถูกกลา่ วตใู่ สร่ ้าย

๕๓ ๒. คดิ จะให้สัตว์น้ันถงึ ความพนิ าศ หรือผิดเพราะล่วงละเมิดต่อบุคคลที่ตนไม่มีสิทธิ์ที่จะทำ อกุศลกรรมบถขอ้ ที่ ๑๐ มจิ ฉาทิฏฐิ เช่นนัน้ ก็ตาม คำว่า “เจตนาเปน็ เหตใุ ห้เหน็ ผิด” หมายถึง ความเห็นผิด ๔. เป็นผมู้ กั กล่าวเท็จ คอื ตนไมร่ ้บู อกว่ารู้ ไม่เห็นบอกว่า เพราะไม่มีการถือเอาตามความเป็นจริง คัดค้านข้อประพฤติ เห็น หรือรู้บอกว่าไม่รู้ เห็นบอกว่าไม่เห็น เป็นผู้กล่าวเท็จทัง้ ปฏิบตั ขิ องสัตบุรุษท้งั หมด ๆ ที่รู้ เพราะเหตุแห่งตน เพราะเหตุแห่งบุคคลอื่น หรือ เพราะเหน็ แก่อามสิ สินจ้าง ๑. การให้ทานไม่มีผล ๒. การเซ่นสรวงไม่มีผล (การยกย่องบูชาบุคคลที่ควร ๕. เป็นผู้พูดทำลายความสามัคคี ฟังจากฝ่ายนี้ไปบอก บูชา) ฝ่ายโน้น หรือฟังจากฝ่ายโน้นมาบอกฝ่ายนี้ เพื่อให้เขาแตก ๓. การบูชาไมม่ ผี ล (การสงเคราะห์กนั ) สามัคคีกัน หรือเพื่อจะทำตนให้เป็นที่รักของฝ่ายใดฝ่ายหนึ่ง ๔. ผลวบิ ากกรรมดีและกรรมชั่วไมม่ ี ชอบสรา้ งความแตกแยก หรือสง่ เสรมิ ใหค้ นแตกแยก ชอบต้ัง ๕. โลกน้ไี ม่มี (ไมม่ ีทีม่ า) พรรคต้ังพวก ๖. โลกหนา้ ไม่มี ๗. มารดาไม่มคี ุณ ๖. เป็นผู้พูดวาจาที่แผ่ ไปเผาผลาญหัวใจของผู้ฟัง เป็น ๘. บิดาไมม่ ีคุณ คำพูดบาดหู หยาบคาย เผ็ดร้อน กระทบกระเทียบเปรียบ ๙. โอปปาตกิ ะไม่มี (ผ้ทู ีเ่ กดิ แล้วโตในทนั ที) เปรย ทำให้ผูฟ้ งั เกิดความโกรธ และฟงุ้ ซา่ น ๑๐. สมณพราหมณ์ผู้ปฏิบัติดี ปฏิบัติชอบ รู้แจ้งเองแล้ว แสดงโลกนี้ และโลกหน้าไดแ้ จ่มแจ้งไม่มี (พระอรหันต์ผู้หมด ๗. เป็นผู้พูดทำลายความสุข และประโยชน์ที่สัตบุรุษพึง กเิ ลสแล้วไมม่ )ี ได้รับ คือ พูดคำที่กำจัดทางแห่งประโยชน์และความสุขนั้น มิจฉาทิฏฐิ จะสำเร็จเป็นกรรมบถได้ ต้องประกอบด้วย ไม่รู้กาลเทศะ พูดปราศจากอรรถ ธรรมหรือวินัย อย่างใด องค์ ๒ คอื อย่างหนึ่ง ซึ่งเป็นเครื่องแสดงเหตุผลเพื่อให้เข้าใจประโยชน์ ๑. เรอ่ื งไม่จริง ในโลกน้ี และประโยชนใ์ นโลกหน้า ๒. เร่อื งไม่จรงิ นน้ั ไมเ่ ป็นไปตามท่มี จิ ฉาทิฏฐิยดึ ถือ โทษของอกุศลกรรมบถ ๑๐ ๘. เป็นผู้มากไปด้วยความละโมบ จ้องหาทางเอาของคน บุคคลผู้ประกอบ คอื ประพฤติหรือกระทำอกุศลกรรมบถ อื่นมาเป็นของตน ๑๐ อย่างน้ี ยอ่ มตกนรก ๑. เป็นผู้มักฆ่าสัตว์ คิดแต่ประหัตประหาร ไม่มีความ ๙. เป็นผู้มีใจพยาบาท มีความคิดประทุษร้ายว่า ขอสัตว์ เมตตากรณุ าต่อสตั ว์ทงั้ ปวง เหล่านี้จงถูกฆ่า ถูกจองจำ จงหายสาบสูญ จงพินาศ จงอย่า ๒. มักเป็นผู้ถือเอาสิ่งของที่เจ้าของเขาไม่ได้ให้ ไม่ว่าของ อยู่ในโลกน้ี นั้นจะอยู่ในบ้านของเขา หรือที่ไหน ๆ ก็ตาม เป็นผู้ถือเอา สิ่งของนนั้ ด้วยจิตคดิ ขโมย ๑๐. เป็นผู้มีความเห็นผิด มีทัศนะที่วิปริตว่า การให้ทาน ๓. เป็นผู้มักประพฤติผิดในกาม จะเป็นผิดเพราะการ ไม่มีผล การบูชาไม่มีผล การเซ่นสรวงไม่มีผล ผลวิบากกรรม นอกใจคู่ครองของตน ผิดเพราะล่วงละเมิดคู่ครองของผู้อ่ืน ดีและกรรมชั่วไม่มี โลกนี้ไม่มี โลกหน้าไม่มี มารดาไม่มีคุณ บิดาไม่มีคุณ สัตว์โอปปาติกะไม่มี สมณพราหมณ์ผู้ปฏิบัติดี ปฏิบัติชอบ รู้แจ้งเองแล้ว แสดงโลกนี้ และโลกหน้าได้แจ่ม แจง้ ไมม่ ี _____________

๕๔ ๓๓. ขอ้ ใด จัดเปน็ อกุศลกรรมบถเกดิ ข้ึนทางใจ ? ๔๓. ข้อใด เปน็ ความชว่ั เกิดจากความคดิ ? ก. อภิชฌา ข. อนภิชฌา ก. อทินนาทาน ข. มสุ าวาท ค. อพยาบาท ง. สมั มาทิฏฐิ ค. ผรสุ วาจา ง. พยาบาท ๓๔. ขอ้ ใด จัดเป็นอกุศลกรรมบถเกิดขน้ึ ทางใจ ? ๔๔. ความเหน็ ใด ปฏิเสธกรรมและผลของกรรม ? ก. อภชิ ฌา ข. พยาบาท ก. อภชิ ฌา ข. อนภิชฌา ค. มิจฉาทิฏฐิ ง. ถูกทุกข้อ ค. สัมมาทิฏฐิ ง. มิจฉาทฏิ ฐิ ๓๕. มจี ิตคิดละโมบอยากไดข้ องผอู้ ่นื เรยี กวา่ อะไร ? ๔๕. การเห็นผิดจากคลองธรรม เรยี กว่าอะไร ? ก. อภชิ ฌา ข. พยาบาท ก. อภชิ ฌา ข. อนภิชฌา ค. มจิ ฉาทฏิ ฐิ ง. ถกู ทกุ ข้อ ค. สัมมาทิฏฐิ ง. มิจฉาทฏิ ฐิ ๓๖. การเพ่งเล็งอยากไดข้ องผู้อืน่ จดั เปน็ อกศุ ลกรรมบถใด ? ๔๖. ความเห็นใด ไม่จัดเปน็ มิจฉาทิฏฐิ ? ก. อภชิ ฌา ข. พยาบาท ก. โลกหนา้ ไมม่ ี ข. บาปบุญไม่มี ค. มิจฉาทฏิ ฐิ ง. ถกู ทุกข้อ ค. ตายแล้วสญู ง. ผลทานมีจริง ๓๗. เม่ืออภิชฌาเกิดขึน้ ในใจ เป็นเหตุใหก้ ระทำ ๔๗. คนมิจฉาทฏิ ฐิ มีลักษณะเชน่ ไร ? อกุศลกรรมบถใด ? ก. ชอบดา่ ข. อยากได้ ก. ปาณาติบาต ข. อทนิ นาทาน ค. มักโกรธ ง. เห็นผิดเป็นชอบ ค. มจิ ฉาทฏิ ฐิ ง. พยาบาท ๔๘. ความเหน็ วา่ บาปบุญไมม่ จี ริง เรยี กว่าอะไร ? ๓๘. คิดจะทำลายประโยชน์สขุ ผอู้ ่ืนใหพ้ ินาศไป เรยี กวา่ ก. อจุ เฉททฏิ ฐิ ข. อกิรยิ ทฏิ ฐิ อะไร ? ค. นัตถกิ ทิฏฐิ ง. สสั สตทิฏฐิ ก. อภิชฌา ข. พยาบาท ๔๙. เหน็ ว่าทำความชวั่ ไม่บาป เปน็ มจิ ฉาทฏิ ฐปิ ระเภทใด ? ค. โมหะ ง. โลภะ ก. อุจเฉททิฏฐิ ข. อกิรยิ ทฏิ ฐิ ๓๙. คิดปองร้ายผู้อ่ืน เรยี กว่าอะไร ? ค. นัตถกิ ทิฏฐิ ง. สัสสตทิฏฐิ ก. พยาบาท ข. อภชิ ฌา ๕๐. ความเห็นวา่ มอี ัตตาและโลกเท่ยี งแทย้ ง่ั ยืน เรียกวา่ ค. กายกรรม ง. มโนกรรม อะไร ? ๔๐. ความคดิ ปองร้ายผู้อืน่ โดยตรงเกดิ จากอกศุ ลมลู ใด ? ก. อุจเฉททิฏฐิ ข. อกริ ยิ ทฏิ ฐิ ก. โลภะ ข. โทสะ ค. นัตถิกทฏิ ฐิ ง. สัสสตทิฏฐิ ค. โมหะ ง. ถกู ทกุ ขอ้ บทท่ี ๓ กุศลกรรมบถ ๔๑. ความพยาบาทเกดิ ขึ้นเพราะกิเลสใด ? กุศลกรรมบถ ๑๐ ก. โลภะ ข. โทสะ ๑. ปาณาติปาตา เวรมณี เวน้ จากทำชีวติ สัตวใ์ หต้ กล่วง ค. โมหะ ง. ถกู ทุกขอ้ ๒. อทินนาทานา เวรมณี เว้นจากถือเอาสิ่งของที่เจ้าของ ๔๒. ข้อใด เพียงแคค่ ิดก็เปน็ ความชวั่ แล้ว ? ไมไ่ ดใ้ หด้ ว้ ยอาการแห่งขโมย ก. อทนิ นาทาน ข. มสุ าวาท ๓. กาเมสมุ ิจฉาจารา เวรมณี เว้นจากประพฤตผิ ดิ ในกาม ค. ผรุสวาจา ง. พยาบาท

๕๕ ทั้ง ๓ นี้ จัดเป็นกายกรรม เพราะเป็นไปทางกายทวาร ๒. เจตนางดเวน้ จากการทำความช่ัว ตรงกบั คำใด ? โดยมาก ก. เวรมณี ข. ศีล ๔. มสุ าวาทา เวรมณี เว้นจากการพดู เทจ็ ๕. ปสิ ุณาย วาจาย เวรมณี เว้นจากพูดส่อเสยี ด ค. สิกขาบท ง. วริ ัติ ๖. ผรุสาย วาจาย เวรมณี เวน้ จากพูดคำหยาบ ๗. สัมผัปปลาปา เวรมณี เวน้ จากพดู เพ้อเจอ้ ๓. กศุ ลกรรมบถ ๑๐ ประการ จัดเข้าในไตรสกิ ขาใด ? ทั้ง ๔ นี้ จัดเป็นวจีกรรม เพราะเป็นไปทางวจีทวาร โดยมาก ก. ศลี ข. สมาธิ ๘. อนภชิ ฌา ไมโ่ ลภอยากได้ของเขา ๙. อพยาปาท ไมพ่ ยาบาทปองรา้ ยเขา ค. ปญั ญา ง. ถกู ทุกขอ้ ๑๐. สัมมาทฏิ ฐิ เห็นชอบตามคลองธรรม ทั้ง ๓ นี้ จัดเป็นมโนกรรม เพราะเป็นไปทางมโนทวาร ๔. กศุ ลกรรมบถใด เปน็ การทำความดที างกาย ? โดยมาก กุศลกรรมบถ แปลได้ ๒ นยั ก. เวน้ มสุ าวาท ข. เวน้ ปสิ ุณวาจา ค. เว้นอทินนาทาน ง. เว้นสัมผัปปลาปะ ๕. ขอ้ ใด เปน็ การทำความดีทางวาจา ? ก. เว้นมุสาวาท ข. เวน้ ปิสุณวาจา ค. เวน้ สมั ผัปปลาปะ ง. ถกู ทกุ ขอ้ ๖. กุศลกรรมบถใด เป็นการทำความดีทางใจ ? ก. เว้นปาณาติบาต ข. เวน้ มุสาวาท ๑. แปลว่า ทางเกิดแห่งกุศลกรรมที่ส่งผลในปฏิสนธิกาล ค. เวน้ ผรุสวาจา ง. เวน้ พยาบาท ได้ ๗. เวรย่อมระงับดว้ ยการไม่จองเวร เป็นกุศลกรรมบถใด ? ๒. แปลว่า กุศลกรรมที่เป็นเหตุเกิดในสุคติภูมิ และ ความสขุ ในสคุ ติภมู นิ ้นั ก. อภิชฌา ข. อนภิชฌา อานสิ งส์ของกุศลกรรมบถ ๑๐ ค. พยาบาท ง. อพยาบาท ทำใหไ้ ด้มนษุ ย์สมบตั ิ สวรรคส์ มบัติ และนพิ พานสมบัติ กุศลกรรมบถ ๑๐ ประการนี้ จัดว่าเป็นศีล บุคคลผู้รักษา ๘. ขอ้ ใด เปน็ กรรมบถเกดิ ขึ้นทางใจอยา่ งเดยี ว ? ศลี กระทำให้บรสิ ุทธิบ์ ริบรู ณ์ ยอ่ มไดอ้ านิสงส์ ดังน้ี ๑. สเี ลน สคุ ตึ ยนฺติ คนทั้งหลายไปสสู่ คุ ตไิ ดเ้ พราะศลี ก. ปาณาติบาต ข. อทินนาทาน ๒. สีเลน โภคสมฺปทา คนทั้งหลายถึงพร้อมด้วยโภค ทรพั ย์เพราะศลี ค. กาเมสุมจิ ฉาจาร ง. อพยาบาท ๓. สีเลน นพิ ฺพุตึ ยนฺติ คนท้ังหลายบรรลนุ ิพพานได้เพราะ ศลี ๙. ขอ้ ใด ไมใ่ ช่ธรรมจรยิ สมจรยิ าทางกาย ? ก. เว้นฆา่ สตั ว์ ข. เวน้ ลักทรพั ย์ ค. เวน้ ทำผดิ ในกาม ง. เว้นพูดเทจ็ ๑๐. ความคิดไมผ่ ูกอาฆาตพยาบาทจองเวร เกิดขึน้ จากกุศล มลู ใด ? ก. อโลภะ ข. อโทสะ _____________ ค. อโมหะ ง. ถูกทุกขอ้ ๑. กายกรรม ๓ จะสำเร็จความเปน็ กรรมบถได้เพราะ ๑๑. การงดเวน้ จากการฆา่ สตั ว์ เป็นกุศลกรรมบถประเภท อะไร ? ใด ? ก. เจตนา ข. อารมณ์ ก. กายกรรม ข. วจีกรรม ค. เวทนา ง. มูลเหตุ ค. มโนกรรม ง. ถกู ทกุ ขอ้

๕๖ ๑๒. เวน้ จากการพยาบาท เปน็ กศุ ลกรรมบถประเภทใด ? ก. เว้นมสุ าวาท ข. เว้นปิสุณวาจา ก. กายกรรม ข. วจกี รรม ค. เวน้ ผรุสวาจา ง. เวน้ สมั ผปั ปลาปะ ค. มโนกรรม ง. ถกู ทุกขอ้ ๒๒. บคุ คลประพฤติเช่นไร ไดช้ อ่ื ว่าเป็นสมั มาทฏิ ฐิ ? ๑๓. ขอ้ ใด เปน็ กศุ ลกรรมบถเกิดขนึ้ ทางใจ ? ก. ไม่โลภอยากได้ ข. ไม่คิดรา้ ยคนอน่ื ก. สมั มาทิฏฐิ ข. อภิชฌา ค. ไม่พดู สอ่ เสียด ง. ไมเ่ นรคณุ พอ่ แม่ ค. พยาบาท ง. มิจฉาทิฏฐิ ๒๓. ขอ้ ใด เป็นกุศลกรรมบถเกดิ ขึ้นเฉพาะทางกายอย่าง ๑๔. เมื่ออนภิชฌาเกดิ ข้ึนบ่อย ๆ เป็นเหตใุ ห้กระทำกศุ ล เดยี ว ? กรรมบถใด ? ก. เว้นปาณาตบิ าต ข. เว้นอทินนาทาน ก. เวน้ ฆา่ สัตว์ ข. เวน้ ลกั ทรพั ย์ ค. เวน้ กาเมสมุ ิจฉาจาร ง. เว้นมุสาวาท ค. เว้นทำผดิ ในกาม ง. ถกู ทกุ ข้อ ๒๔. สมั มาทฏิ ฐิ ตรงข้ามกับอกุศลกรรมบถใด ? ๑๕. อนภิชฌา อพยาบาท สมั มาทฎิ ฐิ เปน็ กศุ ลกรรมบถ ก. อภชิ ฌา ข. พยาบาท ประเภทใด ? ค. มจิ ฉาทฏิ ฐิ ง. ถกู ทกุ ขอ้ ก. กายกรรม ข. วจกี รรม ๒๕. ความเหน็ ทเี่ ปน็ สมั มาทฏิ ฐิ เกดิ ขึ้นจากกุศลมูลใด ? ค. มโนกรรม ง. ถกู ทกุ ข้อ ก. อโลภะ ข. อโทสะ ๑๖. การไม่เพ่งเลง็ อยากได้ของผู้อ่นื เรยี กว่าอะไร ? ค. อโมหะ ง. ถกู ทุกขอ้ ก. อภิชฌา ข. อนภิชฌา ๒๖. การไมเ่ บยี ดเบียนผอู้ นื่ ใหเ้ ดือดร้อน ตรงกบั อุปนิสยั ค. มิจฉาทฏิ ฐิ ง. สมั มาทฏิ ฐิ ใด ? ๑๗. อนภชิ ฌา มีความหมายตรงกบั ข้อใด ? ก. ทานปู นสิ ยั ข. สีลูปนสิ ยั ก. ไมโ่ ลภอยากได้ ข. ไมพ่ ูดมาก ค. ภาวนปู นิสัย ง. ถูกทุกข้อ ค. ไม่คิดมาก ง. ไม่โกรธมาก ๒๗. ความเห็นใด เป็นสมั มาทฏิ ฐิ ? ๑๘. อนภชิ ฌา ตรงขา้ มกบั อกุศลกรรมบถใด ? ก. บาปบญุ มีจริง ข. บาปบุญไม่มจี ริง ก. อภิชฌา ข. พยาบาท ค. โลกหน้าไมม่ ี ง. ตายแลว้ สญู ค. มิจฉาทิฏฐิ ง. ถกู ทุกข้อ ๒๘. กุศลกรรมบถ ๑๐ ประการ จัดเขา้ ในอุปนสิ ยั ขอ้ ใด ? ๑๙. การงดเว้นกาเมสุมจิ ฉาจาร ช่วยแก้ปญั หาเรอ่ื งใด ? ก. ทานปุ นิสยั ข. สลี ปุ นสิ ัย ก. ทำร้ายกนั ข. ลักขโมย ค. ภาวนปุ นิสัย ง. ถูกทกุ ข้อ ค. ประพฤตนิ อกใจคคู่ รอง ง. ให้ร้ายกัน ๒๙. อปุ นิสัยใด ทำความโลภใหเ้ บาบางลง ? ๒๐. ข้อใด เปน็ ธรรมจรยิ สมจรยิ าทางวาจา ? ก. ทานปุ นิสยั ข. สีลปุ นสิ ัย ก. เวน้ ฆา่ สัตว์ ข. เวน้ ลกั ทรพั ย์ ค. ภาวนุปนสิ ัย ง. ถูกทกุ ข้อ ค. เวน้ พูดส่อเสยี ด ง. ไมค่ ิดร้ายผู้อ่ืน ๓๐. ในกรรมบถ ๒ อย่างน้ัน กศุ ลกรรมบถ เรียกวา่ อะไร ? ๒๑. คำพดู ยยุ งปลุกปนั่ ใหแ้ ตกสามัคคี แกไ้ ด้ด้วยกุศล ก. ทุจริต ข. สจุ ริต กรรมบถใด ? ค. กุศลมลู ง. อกุศลมลู

๕๗ ๓๑. ขอ้ ใด เป็นอานิสงสแ์ หง่ การประพฤติกศุ ลกรรมบถ ? ก. เกดิ เปน็ มนุษย์ ข. เกดิ เปน็ เปรต ค. เกิดเปน็ อสรุ กาย ง. เกิดเปน็ สัตว์ ๓๒. ขอ้ ใด เป็นผลสูงสดุ ในการประพฤติกศุ ลกรรมบถ ๑๐ ประการ ? ก. ทำดี ข. พดู ดี ค. คดิ ดี ง. มจี ิตหลุดพน้ _____________



๕๙

๖๐

๖๑

๖๒

๖๓

๖๔

๖๕

๖๖

๖๗

๖๘

๖๙

๗๐

๗๑

๗๒

๗๓

๗๔

๗๕

๗๖

๗๗

๗๘

๗๙

๘๐

๘๑

๘๒

๘๓

๘๔ บรรณานุกรม คณาจารย์มหาวทิ ยาลัยมหาจุฬาลงกรณราชวิทยาลัย. คมู่ ือนกั ธรรมและธรรมศกึ ษาชัน้ เอก วิชากระทธู้ รรม. กรุงเทพมหานคร : ไทยรายวันการพิมพ์, ๒๕๕๒. คณาจารยส์ ำนกั พมิ พเ์ ลีย่ งเชยี ง. หนังสือเรียนและแนวขอ้ สอบธรรมศึกษาช้นั เอก. กรุงเทพมหานคร : แอลซีพี ฐิตพิ ร การพิมพ.์ พระมหาไพโรจน์ ปุญฺญภาโส. ภิกขฺ ุปาฏโิ มกบฺ าลิ (ฉบบั ท่องจำ) พิมพ์ครง้ั ที่ ๑. กรงุ เทพมหานคร : รงุ่ ศิลป์การพิมพ์, ๒๕๕๘. พระมหาอารยี ์ พลาธโิ ก (ปัญจพล). คมู่ ือเตรยี มสอบธรรมศกึ ษาชน้ั เอก พิมพค์ ร้งั ที่ ๗ . กรงุ เทพมหานคร : สุขมุ วิท การพิมพ.์ สำนกั งานแมก่ องธรรมสนามหลวง. ปญั หาและเฉลยข้อสอบนักธรรมชั้นเอกและธรรมศึกษาชั้นตรี โท เอก พ.ศ. ๒๕๖๑. กรุงเทพมหานคร : โรงพมิ พ์สำนักงานพระพุทธศาสนาแห่งชาติ, ๒๕๖๑. ______________________. ปญั หาและเฉลยขอ้ สอบนักธรรมช้ันเอกและธรรมศกึ ษาชัน้ ตรี โท เอก พ.ศ. ๒๕๖๓. กรุงเทพมหานคร : โรงพมิ พ์สำนกั งานพระพุทธศาสนาแห่งชาต,ิ ๒๕๖๓.


Like this book? You can publish your book online for free in a few minutes!
Create your own flipbook