ปญั หาและเฉลยข้อสอบ นกั ธรรมชัน้ ตรี - โท - เอก และธรรมศกึ ษาชั้นตรี - โท - เอก พ.ศ. ๒๕๖๐ สานักงานแมก่ องธรรมสนามหลวง
ปญั หาและเฉลยขอ้ สอบ นักธรรมช้นั ตรี - โท - เอก และธรรมศกึ ษาช้นั ตรี - โท - เอก พ.ศ. ๒๕๖๐ สานักงานแม่กองธรรมสนามหลวง เลขท่ี ๒๘๗ อาคารหอสมดุ มหามกุฏราชวิทยาลยั หน้าวดั บวรนเิ วศวหิ าร ถนนพระสุเมรุ แขวงบวรนิเวศ เขตพระนคร กรุงเทพมหานคร ๑๐๒๐๐ โทร. ๐ ๒๖๒๙ ๔๓๐๐, ๐ ๒๖๒๙ ๐๙๖๑-๒ โทรสาร. ๐ ๒๖๒๙ ๒๑๔๒ Website : www.gongtham.net Email : [email protected] Line : @gongtham
เร่ือง ปัญหาและเฉลยข้อสอบนักธรรมชั้นตรี - โท - เอก และธรรมศึกษาช้ันตรี - โท - เอก พ.ศ. ๒๕๖๐ พมิ พ์คร้ังแรก : วันที่ ๑๐ พฤศจิกายน พ.ศ. ๒๕๖๐ จานวน : ๗,๐๐๐ เลม่ จดั พมิ พ์ : สานักงานแมก่ องธรรมสนามหลวง เลขที่ ๒๘๗ อาคารหอสมุดมหามกุฏราชวทิ ยาลยั หนา้ วัดบวรนิเวศวหิ าร ถนนพระสุเมรุ แขวงบวรนเิ วศ เขตพระนคร กรุงเทพมหานคร ๑๐๒๐๐ โทร. ๐ ๒๖๒๙ ๔๓๐๐, ๐ ๒๖๒๙ ๐๙๖๑-๒ โทรสาร. ๐-๒๖๒๙-๒๑๔๒ ทป่ี รกึ ษา สมเด็จพระวนั รตั วัดบวรนิเวศวิหาร พระพรหมมุนี วดั ราชบพิธสถติ มหาสีมาราม ตรวจต้นฉบบั และพิสูจน์อกั ษร : พระเทพเจตยิ าจารย์ วดั โสมนสั วิหาร พระราชสารสุธี วัดตรที ศเทพ พระสุธรี ตั นาภรณ์ วดั สุทัศนเทพวราราม พระมงคลเมธาวัฒน์ วดั นรนาถสุนทริการาม พิมพ์ / รปู เล่ม: พระราชมงคลเมธี วัดสมั พันธวงศ์ พระครูพพิ ธิ วรกจิ จาทร วัดระฆังโฆสติ าราม พิมพ์ท่ี โรงพมิ พส์ านักงานพระพุทธศาสนาแหง่ ชาติ ๓๑๔-๓๑๖ ปากซอยบา้ นบาตร ถ.บารุงเมอื ง เขตปอ้ มปราบศัตรูพ่าย กรงุ เทพฯ ๑๐๑๐๐ นายอนิ ทพร จนั ทร์เอย่ี ม โทร. ๐-๒๒๒๓-๓๓๕๑, ๐-๒๒๒๓-๕๕๔๘
๑ วธิ ตี รวจในสนามหลวง ขอประกาศแก่กรรมการทั้งหลายทราบท่วั กนั การตรวจประโยคธรรม และธรรมศึกษาของสนามหลวงความประสงค์ เพื่อทราบความรู้ของนักเรียนตามความเป็นจริง เป็นทางให้ผู้ศึกษาเจริญ ในวทิ ยาการ และจรยิ สมบตั ิสบื อายุพระพทุ ธศาสนาตอ่ ไป ปัญหาท่ีออกสอบ สนามหลวงแผนกธรรมได้รวบรวมข้ึนจากข้อสอบของ พระกรรมการหลายรูป มีกรรมการตรวจพิเศษคดั เลือกอีกชั้นหนึ่ง ถามความจาบา้ ง ความเข้าใจบ้าง ความคิดบ้าง การตรวจต้องถือแนวนี้เป็นเกณฑ์ตรวจคาถาม ทถ่ี ามความจาตอ้ งตอบใหต้ รงตามแบบ และอาจเหมือนกันไดห้ มดทุกคนทถี่ ามความ เข้าใจในทางที่ถูกมีได้อย่างเดียว แต่โวหารอาจต่างกัน ที่ถามความคิดเหตุผล ย่อมมีได้คนละอย่างตามความคิดของแต่ละคน นี้เป็นประมาณในการตอบ คาเฉลยนั้น เป็นเพียงแนวทางให้กรรมการ ได้ถือเป็นเกณฑ์ในการตรวจ ได้สะดวกเป็นเพียงมติหนึ่งที่อาศัยหลักเป็นสาคัญ จะเกณฑ์ให้นักเรียนตอบ ตรงกันทุกข้อคงเป็นไปไม่ได้ เว้นไว้แต่ใจความสาคัญเท่าน้ัน ส่วนข้อสอบ ของธรรมศึกษาทุกช้ัน เว้นเรียงความแก้กระทู้ธรรม ปัญหาท่ีออกสอบเป็นแบบ ปรนัย คือเลือกคาตอบที่ออกมาแล้วในแต่ละข้อแต่ต้องเป็นคาตอบท่ีถูกต้อง ท่สี ดุ ในแต่ละข้อ ซ่ึงมที ่ถี กู ท่ีสุดเพยี งข้อละคาตอบเดยี วนกั เรยี นจะต้องเลอื กตอบ ข้อที่ถูกเท่าน้ัน เลือกตอบผิดเป็นไม่ได้คะแนน เป็นการถามท้ังความรู้ ความเข้าใจ ความจา และความคิดไปในตัวดว้ ย
๒ การตรวจก็เพ่ือจะรู้ว่านักเรียนมีความรู้หลักธรรมวินัย ควรแก่การดารง พระศาสนาหรือไม่ ควรได้เป็นได้ ควรตกเป็นตก อย่างน้ีเป็นทางเจริญวิทยาการ ของผู้ศึกษาตอ่ ไป ผู้ตรวจพึงตั้งใจอยู่ในมัชฌัตตุเบกขาวางตนเป็นกลาง ถือความจริง เป็นหลักถกู ว่าตามถกู ผิดว่าตามผดิ ไม่ควรถอื อคติอันทาใหเ้ สียความเท่ียงธรรม มุ่งทากจิ พระศาสนาสงเคราะหก์ ลุ บุตรให้ได้ความเสมอภาคท่วั หนา้ กนั ท่านทั้งหลายได้รับอาราธนามาให้เป็นกรรมการนั้น คือเป็นผู้ที่ สนามหลวงเห็นแล้วว่าทรงคุณธรรม ควรแก่ฐานะสมควรจะยกย่องให้เป็นผู้ตรวจ ความรู้ของนักเรียนได้ ขอท่านจงเคารพต่อความเป็นธรรม เพ่ือความเสมอภาค แก่นักเรียนทั้งหลาย ถ้าคณะกรรมการกองใดหรือผู้ใดมีมติไม่ลงกัน หรือขัดข้อง อยา่ งใด หากตกลงกันไม่ได้ ใหห้ ารือประธานในท่ีนน้ั ให้ท่านช้ีขาด และพึงปฏิบัติ ตามโดยธรรม อน่ึงนักเรียนบางคนบางสานักอยากได้จนเกินพอดี ถึงกับทาผิด ระเบียบของสนามหลวง ลืมคิดถึงตนว่าเรียนธรรมสอบธรรมเป็นนักธรรม ขอให้ กรรมการทั้งหลายช่วยสอดส่องตรวจตรากากับไปด้วย ลักษณะของใบตอบที่ สอ่ ทจุ รติ ดงั นี้ ๑. ฉบับเดียวกัน ลายมือไม่เหมือนกัน หรือวันต้นอย่างหน่ึง วันหลัง อยา่ งหนง่ึ ซ่ึงสอ่ วา่ เป็นคนละคนเหลา่ นแ้ี ปลวา่ คนอ่ืนทาให้ ๒. คาตอบทต่ี ้องเรียงคาพดู มากๆ เหมือนกับฉบบั อื่นอนั สอ่ ว่าไม่ใชค่ วามจา ความรู้ อันเป็นสานวนของตนน้ี แปลว่าดูคาตอบของคนอื่นหรือให้คนอ่ืนดู คาตอบ
๓ ๓. ตอบโดยทานองอย่างเขียนคาบอกเหมือนกันจริงๆ เช่น ผิดเหมือนกัน ถูกเหมือนกัน แก้เหมือนกัน ขีดฆ่าเหมือนกัน ตกข้อความเหมือนกัน น้ีแสดงว่า มีผบู้ อกให้ตอบ ๔. ถ้าเห็นว่าทุจริตอย่างใดอย่างหน่ึงจงลงเลข ๐ นาเสนอประธาน กรรมการเก็บรวบรวมไวก้ บั ใบตอบคนเดียวกนั เพ่อื เปน็ หลักฐาน
๔ วิธตี รวจประโยคธรรมสนามหลวง ๑. วิธตี รวจนี้เปน็ วธิ ตี รวจให้คะแนน คะแนนเตม็ แตล่ ะข้อมี ๑๐ คะแนน ๒. การจะตรวจใหค้ ะแนนเตม็ หรือไม่ ใหก้ รรมการพจิ ารณาเหน็ ตามสมควร ถ้าไมถ่ ูกเลยใหล้ งเลข ๐ ๓. ข้อใหญ่ท่ีมีข้อย่อยให้ลงคะแนนที่ข้อย่อยแต่ละข้อ แล้วรวมคะแนนไว้ ท่ีเลขหัวข้อใหญน่ ้ันๆ เมอื่ ตรวจขอ้ ย่อยครบในแตล่ ะข้อย่อยใหญ่ ให้รวมคะแนน ไว้คราวหน่ึง แล้วเขียนเลขจานวนคะแนนท่ีได้เฉพาะข้อน้ันๆไว้ท่ีเลขหัวข้อ ของข้อน้ันๆ ๔. เมื่อตรวจครบทั้ง ๑๐ ข้อแล้วให้รวมคะแนนท้ังหมด (๑๐ ข้อ) แล้ว เขยี นไวท้ ่ีมุมขวาดา้ นบนทกุ ฉบบั ๕. ตรวจเสร็จแล้วให้ลงชื่อกากับไว้ที่มุมซ้ายมือด้านบนทุกฉบับ และฉบับแรกของแต่ละปกึ ใหล้ งชอ่ื โดยเขียนตัวบรรจงทกุ ปึก ๖. เฉพาะใบตอบของธรรมศกึ ษาทกุ ช้ัน เวน้ กระทู้ ข้อสอบแตล่ ะวชิ า มี ๕๐ ขอ้ ๆละ ๒ คะแนน ให้ตรวจไปตามใบเฉลยฉบับที่เฉลยไว้ ให้ตรวจแตล่ ะ ฉบบั แล้ว ให้นบั ข้อรวมคะแนน และปฏิบตั เิ ชน่ เดยี วกบั ข้อ ๕ ๗. ในกรณีที่นักเรียนธรรมศึกษากากบาทลงในช่องคาตอบในข้อ เดียวกันหลายคาตอบ ถอื ว่าขอ้ นน้ั ๆ เป็นผิดไมไ่ ดค้ ะแนน หากมรี อยขูดลบขดี ฆ่าไว้ แตพ่ อเป็นหลักฐานให้ทราบว่านกั เรียนตกลงใจตอบคาตอบในขอ้ ไหนได้กใ็ ห้ตรวจ ไปตามนนั้
๕ ๘. การตรวจให้ใชก้ รรมการ ๒ รูปเมอื่ กรรมการรูปท่ี ๑ ตรวจเสรจ็ แลว้ ให้กรรมการ รูปที่ ๒ ตรวจซ้า ถ้าเห็นไม่ร่วมกันให้ตกลงแก้ไขเปลี่ยนแปลงได้ ถ้าเห็นร่วมกันก็ไม่ต้องเปลี่ยนแปลงแก้ไขแล้ว ให้ลงนามกากับไว้ทุกฉบับโดย ปฏิบัติเช่นเดยี วกับกรรมการรปู ที่ ๑
๖ การให้คะแนน ๑. การใหค้ ะแนนนกั ธรรมและธรรมศกึ ษาทกุ ช้นั มหี ลักเกณฑ์ดงั น้ี ๑.๑ สาหรับประโยคนักธรรมทุกชั้นให้ถือ ๔๐๐ คะแนนเป็นเกณฑ์ วิชาทุกวิชา ให้คะแนนเต็ม ๑๐๐ คะแนน เม่ือรวมคะแนน ของท้ัง ๔ วิชาแล้ว ต้องได้คะแนนไม่ต่ากว่า ๒๘๐ คะแนน ถือว่าสอบได้ ต่ากว่า ๒๘๐ คะแนน ถือวา่ สอบตก ๑.๒ สาหรับธรรมศึกษาทุกช้ันให้ถือ ๔๐๐ คะแนน เป็นเกณฑ์ วิชาทุกวิชาให้คะแนนเต็ม ๑๐๐ คะแนน เม่ือรวมคะแนน ของท้ัง ๔ วิชาแล้ว ต้องได้คะแนนไม่ต่ากว่า ๒๐๐ คะแนน ถือว่าสอบได้ ต่ากว่า ๒๐๐ คะแนน ถอื ว่าสอบตก ๑.๓ นักธรรมและธรรมศึกษาทุกช้ัน เม่ือตรวจดูคะแนนของแตล่ ะวิชา ที่ได้แล้วหากมีวิชาใดวิชาหนึ่งได้คะแนนต่ากว่า ๒๕ คะแนน แม้จะรวมครบทุกวิชา แลว้ ได้เกนิ กวา่ เกณฑท์ ี่กาหนด กต็ าม ถือว่าการสอบครัง้ น้ีเป็นการสอบตกดว้ ย ๒. ผู้สอบนักธรรมและธรรมศึกษาทุกช้ัน ต้องสอบทั้ง ๔ วิชาถ้าขาดสอบ วชิ าใดวชิ าหนึ่งสนามหลวงแผนกธรรมไมร่ บั พิจารณา ใหอ้ ยูใ่ นเกณฑส์ อบตก ๓. การตอบสับข้อให้หักคะแนนเสีย ๒ คะแนน เช่นเดิมคือแทนที่จะได้ ๑๐ คะแนนเต็มก็ให้เพียง ๘ คะแนนเท่านั้น หากตอบไม่หมดข้อคงให้คะแนน ไม่เต็มข้อเท่ากับการตอบ ถ้าผู้ตรวจเห็นว่าฉบับใดผิดมากไม่ได้แม้แต่คะแนนเดียว กใ็ หล้ ง ๐ ไว้ด้วย
๗ ๔. วิชาที่ตอบต้องได้คะแนนทุกวิชาจึงจะยอมรับรวมคะแนนให้ หากเกิด วิชาใดวิชาหนึ่งไม่ได้คะแนนแม้แต่คะแนนเดียว หรือได้ต่ากว่า ๒๕ คะแนน ก็ห้ามรวมคะแนนปรับเป็นตก แม้รวมทุกวิชาแล้วจะได้คะแนนสูงถึงเกณฑ์ ท่ีกาหนดไวก้ ็ตาม แนวตรวจกระทู้ธรรม สาหรบั กรรมการพิจารณาให้คะแนน ๑. แตง่ ไดต้ ามกาหนด ๒. อา้ งกระทไู้ ดต้ ามกฎ ๓. เช่อื มกระทไู้ ด้ดี ๔. อธบิ ายความสมกบั กระทู้ที่ได้ตง้ั ไว้ ๕. ใชส้ านวนสภุ าพเรียบรอ้ ย ๖. ใช้ตวั สะกดการนั ตถ์ กู เปน็ สว่ นมาก ๗. สะอาดไม่เปรอะเปื้อน ขอให้กรรมการสนามหลวงแผนกธรรมได้ปฏิบัติให้ชอบด้วยระเบียบ เพอ่ื ใหเ้ ป็นไปตามวตั ถปุ ระสงคข์ องการสอบทุกประการ วธิ ีตรวจน้ใี ห้ใช้เฉพาะในการสอบธรรมสนามหลวง ****************** สานกั งานแมก่ องธรรมสนามหลวง
๘ ปัญหาและเฉลยข้อสอบ นักธรรมชนั้ ตรี - โท - เอก ของสนามหลวงแผนกธรรม พ.ศ. ๒๕๖๐
๙ ปัญหาวชิ าเรียงความกระทู้ธรรม นกั ธรรมชัน้ ตรี สอบในสนามหลวง วันศุกร์ ท่ี ๒๙ กนั ยายน พุทธศักราช ๒๕๖๐ สาธุ ปาเปน ทกุ ฺกร. ความดี อนั คนชัว่ ทายาก. ว.ิ จลุ . ๗/๑๙๕ ขุ. อุ. ๒๕/๑๖๗. -------------------- แต่งอธบิ ายให้สมเหตสุ มผล อ้างสุภาษิตอ่นื มาประกอบด้วย ๑ ข้อ และ บอกชอ่ื คัมภีร์ท่ีมาแหง่ สุภาษติ นน้ั ด้วย สภุ าษติ ที่อ้างมาน้ัน ตอ้ งเรียงเชือ่ มความ ให้สนทิ ตดิ ต่อสมเรือ่ งกับกระท้ตู ัง้ . ชน้ั นี้ กาหนดให้เขียนลงในใบตอบ ตง้ั แต่ ๒ หน้า (เว้นบรรทดั ) ขึ้นไป -------------------- ใหเ้ วลา ๓ ชว่ั โมง
๑๐ ปัญหาและเฉลยวชิ าธรรม นักธรรมช้นั ตรี สอบในสนามหลวง วันเสาร์ ท่ี ๓๐ กนั ยายน พทุ ธศกั ราช ๒๕๖๐ ๑. สังคมทุกวันน้เี กดิ ความวนุ่ วาย เพราะขาดธรรมอะไรบ้าง ? เฉลย เพราะขาดธรรมเป็นโลกบาล ๒ อย่าง คือ ๑. หริ ิ ความละอายแก่ใจในการประพฤตชิ ว่ั ๒. โอตตัปปะ ความเกรงกลัวต่อผลของการประพฤติชวั่ ๒. สติ แปลว่าอะไร ? เพราะเหตไุ รจึงช่อื วา่ เปน็ ธรรมมอี ุปการะมาก ? เฉลย สติ แปลวา่ ความระลกึ ได้ ฯ เพราะช่วยให้สาเรจ็ กิจในทางทดี่ ี ฯ ๓. พระพุทธ พระธรรม พระสงฆ์ ไดช้ ่อื วา่ รตั นะ เพราะเหตไุ ร ? เฉลย เพราะเปน็ ของมคี ุณคา่ และหาได้ยาก เหมอื นเพชรนิลจนิ ดามีค่ามาก นาประโยชน์ และความสขุ มาใหแ้ กผ่ ูเ้ ป็นเจ้าของ ฯ
๑๑ ๔. ไตรลักษณ์ ได้แก่อะไรบา้ ง ? เฉลย ๑. อนิจจตา ความเป็นของไม่เทย่ี ง ๒. ทุกขตา ความเป็นทกุ ข์ ๓. อนตั ตตา ความเปน็ ของไม่ใชต่ น ฯ ๕. ผทู้ ่ที างานไมส่ าเร็จผลตามทีม่ งุ่ หมายเพราะขาดคุณธรรมอะไรบ้าง ? เฉลย เพราะขาดอทิ ธิบาท คือคุณเครอื่ งใหส้ าเรจ็ ความประสงค์ ๔ อย่าง คือ ๑. ฉันทะ พอใจรักใคร่ในส่ิงนั้น ๒. วิริยะ เพยี รประกอบสง่ิ นนั้ ๓. จิตตะ เอาใจฝักใฝใ่ นส่งิ น้ันไม่วางธรุ ะ ๔. วมิ งั สา หมนั่ ตรติ รองพจิ ารณาเหตุผลในสง่ิ น้นั ฯ ๖. ธรรมอนั เปน็ เครื่องก้นั จิตไม่ใหบ้ รรลคุ วามดี คอื อะไร ? มีอะไรบ้าง ? เฉลย คอื นวิ รณ์ ๕ ฯ มี ๑. กามฉันท์ พอใจรักใคร่ในอารมณท์ ช่ี อบใจมรี ปู เปน็ ต้น ๒. พยาบาท ปองร้ายผู้อนื่ ๓. ถนี มิทธะ ความที่จติ หดหู่และเคลิบเคลิ้ม ๔. อุทธัจจกุกกจุ จะ ฟ้งุ ซ่านและราคาญ ๕. วจิ ิกิจฉา ลังเลไมต่ กลงใจ ฯ ๗. คาว่า เจรจาชอบ ในมรรคมีองค์ ๘ น้นั คือเจรจาอย่างไร ? เฉลย คือเว้นจากพูดเท็จ เว้นจากพูดส่อเสียด เว้นจากพูดคาหยาบ และเว้นจาก พูดเพอ้ เจอ้ ฯ
๑๒ คิหปิ ฏบิ ัติ ๘. มิตรแท้ทคี่ วรคบ มีก่ีประเภท ? อะไรบ้าง ? เฉลย มี ๔ ประเภท ฯ คือ ๑. มิตรมีอุปการะ ๒. มิตรร่วมสขุ ร่วมทกุ ข์ ๓. มิตรแนะประโยชน์ ๔. มติ รมีความรกั ใคร่ ฯ ๙. อบายมขุ ๔ มีอะไรบา้ ง ? เฉลย มี ๑. ความเปน็ นกั เลงหญงิ ๒. ความเปน็ นกั เลงสรุ า ๓. ความเปน็ นักเลงเล่นการพนัน ๔. ความคบคนชวั่ เป็นมติ ร ฯ ๑๐. ด่ืมน้าเมามโี ทษอย่างไรบา้ ง ? เฉลย มโี ทษ ๖ อย่าง คือ ๑. เสียทรัพย์ ๒. กอ่ การทะเลาะววิ าท ๓. เกิดโรค ๔. ถกู ตเิ ตียน ๕. ไม่รู้จักอาย ๖. ทอนกาลังปัญญา ฯ -------------------- ใหเ้ วลา ๓ ชัว่ โมง
๑๓ ปัญหาและเฉลยวิชาพทุ ธประวตั ิ นกั ธรรมชน้ั ตรี สอบในสนามหลวง วันอาทติ ย์ ท่ี ๑ ตุลาคม พุทธศกั ราช ๒๕๖๐ ๑. ประชาชนในชมพูทวีป มีกจี่ าพวก ? พระพทุ ธเจา้ สบื เช้อื สายมาจาก ชนชาตใิ ด ? เฉลย มี ๒ จาพวก คอื ๑. มลิ กั ขะ เจ้าของถิน่ เดมิ ๒. อริยกะ พวกอพยพมาใหม่ ฯ สบื เชอ้ื สายมาจากชนชาติอริยกะ ฯ
๑๔ ๒. พระนามและนามดงั ต่อไปน้ี เกี่ยวขอ้ งกับเจ้าชายสิทธตั ถะอยา่ งไร ? ก. พระเจา้ สทุ โธทนะ ข. พระนางเจ้าสริ ิมหามายา ค. พระนนั ทะ ง. วิศวามติ ร จ. นายฉันนะ เฉลย ก. พระเจ้าสทุ โธทนะ เปน็ พระราชบิดา ข. พระนางเจ้าสริ ิมหามายา เป็นพระราชมารดา ค. พระนนั ทะ เป็นพระกนิษฐภาดาต่างพระมารดา ง. วิศวามติ ร เป็นครูผสู้ อนศลิ ปวทิ ยาเมือ่ ยังทรงพระเยาว์ จ. นายฉนั นะ เปน็ ผู้ตามเสดจ็ ในคราวออกผนวช ฯ ๓. พระเจ้าสุทโธทนะ มีพระราชโอรสพระราชธิดาก่ีพระองค์ ? มีพระนาม วา่ อะไรบ้าง ? เฉลย มีพระราชโอรส ๒ พระองค์ คอื ๑. พระสิทธตั ถกมุ าร ๒. พระนันทกมุ าร มีพระราชธดิ า ๑ พระองค์ คือพระนางรูปนันทา ฯ ๔. เจา้ ชายสิทธตั ถะทรงปรารภอะไรจึงเสด็จออกบวช ? ทรงบวชได้ก่ีปี จงึ ตรัสรู้ ? เฉลย ทรงปรารภความแก่ ความเจบ็ ความตาย และสมณะ ฯ ๖ ปี จึงตรสั รู้ ฯ
๑๕ ๕. เทศนากัณฑ์แรก ชื่ออะไร ? ปัจฉิมสักขิสาวก คือสาวกองค์สุดท้าย ท่ไี ดเ้ หน็ พระศาสดา ไดแ้ ก่ใคร ? เฉลย เทศนากัณฑแ์ รก ชือ่ ธัมมจักกปั ปวตั ตนสตู ร ฯ ปจั ฉมิ สักขิสาวก ได้แก่ พระสุภัททะ ฯ ๖. ธรรมจักษุ ดวงตาเห็นธรรมน้ัน คือเห็นว่าอย่างไร ? ได้เกิดขึ้นแก่ผ้ใู ด เปน็ คนแรก ? เฉลย เห็นว่า “สง่ิ ใดสง่ิ หนึ่งมีความเกิดขึ้นเป็นธรรมดา สง่ิ นน้ั ท้ังหมดล้วนมี ความดับเป็นธรรมดา” ฯ เกิดแก่โกณฑัญญพราหมณ์เป็นคนแรก ฯ ๗. คฤหัสถท์ ่ีบรรลพุ ระอรหตั ผลคนแรกคอื ใคร ? เพราะฟงั ธรรมอะไร ? เฉลย คอื ยสกุลบุตร ฯ เพราะฟงั อนปุ ุพพกี ถา และอรยิ สจั ๔ ฯ ๘. พระอคั รสาวกทงั้ ๒ องคส์ าเร็จเป็นพระโสดาบัน เพราะฟังธรรมจากใคร ? เฉลย พระสารีบุตร ฟังธรรมจากพระอัสสชิเถระ ฯ พระโมคคัลลานะ ฟังธรรมจากพระสารบี ตุ ร ฯ
๑๖ ศาสนพิธี ๙. วันสาคัญทางพระพุทธศาสนาที่นิยมประกอบพิธีการบูชาเป็นพิเศษ ในปีหนง่ึ ๆ มีวันอะไรบ้าง ? เฉลย วนั วสิ าขบูชา วันอัฏฐมบี ูชา วันมาฆบชู า และวันอาสาฬหบูชา ฯ ๑๐. ปาฏิบุคลิกทาน และ สงั ฆทาน หมายถงึ อะไร ? เฉลย ปาฏิบคุ ลกิ ทาน หมายถึง ทานทีถ่ วายเจาะจงเฉพาะภิกษุรปู ใดรปู หน่งึ สงั ฆทาน หมายถงึ ทานที่ถวายแก่สงฆ์ ไม่เจาะจงภิกษรุ ปู ใดรปู หน่ึง ฯ -------------------- ใหเ้ วลา ๓ ชั่วโมง
๑๗ ปัญหาและเฉลยวิชาวนิ ยั บัญญตั ิ นกั ธรรมช้ันตรี สอบในสนามหลวง วันจันทร์ ท่ี ๒ ตุลาคม พุทธศกั ราช ๒๕๖๐ ๑. นสิ สัย และ อกรณียกจิ คอื อะไร ? ทั้ง ๒ อย่างรวมเรยี กว่าอะไร ? เฉลย นสิ สยั คอื ปจั จัยเครอ่ื งอาศัยของบรรพชิต อกรณยี กิจ คือกิจที่บรรพชติ ไม่ควรทา ฯ ทง้ั ๒ อยา่ ง รวมเรียกวา่ อนศุ าสน์ ฯ ๒. อาบตั ิคอื อะไร ? อาการที่ภกิ ษจุ ะต้องอาบัติ ๖ อย่างนนั้ อย่างไหน เสียหายมากที่สุด ? เฉลย คอื โทษท่เี กดิ เพราะความละเมิดในข้อทพี่ ระพุทธเจ้าห้าม ฯ ต้องดว้ ยไมล่ ะอาย จดั ว่าเสียหายมากท่สี ุด ฯ ๓. สกิ ขา กบั สกิ ขาบท ต่างกันอยา่ งไร ? เฉลย ต่างกนั อยา่ งนี้ สกิ ขา ได้แก่ขอ้ ท่คี วรศกึ ษา คอื ศลี สมาธิ และปญั ญา สกิ ขาบท ได้แกพ่ ระบัญญตั ิมาตราหนง่ึ ๆ ฯ
๑๘ ๔. พูดอย่างไรเรียกวา่ อวดอตุ ตริมนสุ สธรรม ? เฉลย พูดอวดคุณพิเศษอนั ยง่ิ ของมนษุ ย์ คอื พดู วา่ ขา้ พเจา้ ได้ฌาน วิโมกข์ สมาธิ สมาบตั ิ มรรค ผล เรยี กว่า อวดอตุ ตรมิ นสุ สธรรม ฯ ๕. อาบตั ิไม่มมี ูล กาหนดโดยอาการอยา่ งไร ? โจทด้วยอาบัติไม่มมี ูลเป็น อาบัติอะไร ? เฉลย กาหนดโดยอาการ ๓ คอื ไม่ไดเ้ ห็นเอง ๑ ไมไ่ ดย้ ิน ๑ ไมไ่ ด้รงั เกยี จ ๑ ว่าภิกษุนั้นต้องอาบัตชิ อื่ นั้น ฯ โจทด้วยอาบัตปิ าราชกิ ตอ้ งสังฆาทิเสส โจทดว้ ยอาบตั สิ ังฆาทเิ สสต้องปาจติ ตยี ์ โจทด้วยอาบัตอิ ่นื จากนี้ต้องปาจิตตีย์ ในสัมปชานมุสาวาทสิกขาบท ฯ ๖. คาวา่ มาตุคาม ในสังฆาทิเสส สกิ ขาบทที่ ๒ และ ๓ ต่างกันอยา่ งไร ? เฉลย ในสิกขาบทท่ี ๒ หมายรวมท้ังหญิงท่ีรู้เดียงสาและไม่รู้เดียงสา โดยท่ีสุด แม้เกดิ ในวันนน้ั สว่ นในสิกขาบทท่ี ๓ หมายเฉพาะหญงิ ทรี่ ู้เดียงสาแล้วเท่านน้ั ฯ ๗. ภกิ ษตุ ้องอาบัตินิสสัคคยิ ปาจติ ตีย์ หรืออาบัตปิ าจิตตีย์ มวี ธิ ีแสดงอาบัติ ต่างกนั อย่างไร ? เฉลย นสิ สัคคยิ ปาจติ ตีย์ ตอ้ งเสยี สละวตั ถุอนั เป็นเหตุให้ต้องอาบตั นิ ั้นเสียก่อน จึงแสดงอาบัติได้ ส่วนอาบัติปาจิตตีย์นั้น ภิกษุพึงแสดงอาบัติได้เลย ไม่มีวตั ถุใด ๆ ทตี่ ้องสละ ฯ
๑๙ ๘. ในปาจติ ตีย์ ภกิ ษตุ ้องอาบตั เิ พราะพูดเรอื่ งจรงิ มหี รือไม่ ? เพราะเหตใุ ด ? เฉลย มี ฯ เพราะบอกอุตตรมิ นุสสธรรมทมี่ จี ริงแก่อนุปสมั บนั ตามสกิ ขาบทท่ี ๘ แหง่ มสุ าวาทวรรค และเพราะบอกอาบัติช่ัวหยาบของภิกษแุ กอ่ นปุ สัมบัน เว้นไวแ้ ต่ได้รับสมมติ ตามสิกขาบท ท่ี ๙ แห่งมสุ าวาทวรรค ฯ ๙. การน่งุ เปน็ ปริมณฑล คอื การนุง่ อย่างไร ? เฉลย คือ นุ่งเบื้องบนปิดสะดือ แต่ไม่ถึงกระโจมอก เบ้ืองล่างปิดหัวเข่าทั้ง ๒ ลงมาเพยี งครงึ่ แขง้ ไม่คลมุ ขอ้ เท้า ฯ ๑๐. ภิกษฉุ นั พลางพูดพลาง จะต้องอาบตั อิ ะไรหรอื ไม่ ? เฉลย พดู ทั้งที่ยังมอี าหารอยู่ในปาก ตอ้ งอาบตั ทิ กุ กฏ พูดไมม่ อี าหารอยใู่ นปาก ไม่ตอ้ งอาบตั ิ ฯ -------------------- ให้เวลา ๓ ชัว่ โมง
๒๐ ปัญหาวิชาเรียงความแก้กระทธู้ รรม นักธรรมชั้นโท สอบในสนามหลวง วนั อาทติ ย์ ที่ ๕ พฤศจกิ ายน พุทธศักราช ๒๕๖๐ เอโกปิ สทฺโธ เมธาวี อสฺสทฺธาน จ าติน ธมฺมฏฺโ สีลสมฺปนฺโน โหติ อตฺถาย พนฺธุน. ผมู้ ีศรทั ธา มปี ัญญา ตั้งในธรรม ถึงพรอ้ มดว้ ยศีล แม้คนเดยี ว ยอ่ มเป็นประโยชน์แก่ญาตแิ ละพวกพ้องผู้ไม่มีศรัทธา. (ปสฺสิกเถร) ข.ุ เถร. ๒๖/๓๐๖. ------------------- แต่งอธิบายเป็นทานองเทศนาโวหาร อ้างสุภาษิตอ่ืนมาประกอบไม่น้อย กว่า ๒ ข้อ และบอกชื่อคัมภีร์ท่ีมาแห่งสุภาษิตนั้นด้วย ห้ามอ้างสุภาษิตซ้าข้อกัน แต่จะซ้าคัมภีร์ได้ ไม่ห้าม สุภาษิตท่ีอ้างมาน้ัน ต้องเรียงเชื่อมความให้สนิทติดต่อ สมเรื่องกบั กระท้ตู ั้ง. ชน้ั น้ี กาหนดใหเ้ ขยี นลงในใบตอบ ต้งั แต่ ๓ หนา้ (เว้นบรรทัด) ขนึ้ ไป. ------------------- ให้เวลา ๓ ช่วั โมง
๒๑ ปัญหาและเฉลยวชิ าธรรม นกั ธรรมช้นั โท สอบในสนามหลวง วนั จนั ทร์ ที่ ๖ พฤศจกิ ายน พุทธศักราช ๒๕๖๐ ๑. ปฏิสันถาร มอี ะไรบา้ ง ? มปี ระโยชนอ์ ยา่ งไร ? ตอบ มี ๑. อามสิ ปฏิสันถาร ต้อนรับดว้ ยสิ่งของ ๒. ธมั มปฏิสนั ถาร ต้อนรบั โดยธรรม ฯ มีประโยชนอ์ ยา่ งน้ี คอื ๑. เป็นอบุ ายสร้างความสามัคคีและยดึ เหนีย่ วนา้ ใจกนั ๒. เป็นการรักษาไมตรีจิตระหว่างกนั และกันใหม้ นั่ คงย่งิ ขนึ้ ฯ ๒. การพิจารณาสงั ขารทง้ั หลายโดยความเป็นไตรลกั ษณ์ จดั เปน็ กัมมฏั ฐานอะไร ? มีประโยชน์อยา่ งไร ? ตอบ จดั เป็นวิปสั สนากัมมฏั ฐาน ฯ มีประโยชน์ คือทาให้รู้จกั สภาพที่เปน็ จรงิ แหง่ สงั ขารท้งั หลายว่า ไม่เทยี่ ง เปน็ ทุกข์ เปน็ อนัตตา แลว้ เกิดความเบ่อื หน่ายในสังขาร ท้ังหลายเหล่าน้ัน ฯ
๒๒ ๓. ปาฏหิ ารยิ ์มอี ะไรบ้าง ? ทาไมจึงยกย่องอนสุ าสนีปาฏหิ ารยิ ์ว่าอัศจรรย์ ? ตอบ มี ๓ อย่าง คอื ๑. อิทธปิ าฏหิ ารยิ ์ ฤทธ์ิเป็นอศั จรรย์ ๒. อาเทสนาปาฏิหาริย์ รู้ใจเป็นอัศจรรย์ ๓. อนสุ าสนีปาฏิหาริย์ คาสอนเปน็ อศั จรรย์ ฯ เพราะอาจจูงใจผ้ฟู ังให้เห็นคลอ้ ยตาม ละความชัว่ ทาความดี ตั้งแต่ขัน้ ตา่ คือการถงึ สรณะและรักษาศลี ตลอดถึงข้นั สูง คือมรรคผลนพิ พานได้ ฯ ๔. ทิฏฐิ ความเหน็ ผดิ ทา่ นเรียกว่า โอฆะ โยคะ อาสวะ เพราะเหตใุ ด ? ตอบ เรียกว่า โอฆะ เพราะเป็นดุจกระแสน้าอันทว่ มใจสตั ว์ เรียกว่า โยคะ เพราะประกอบสัตว์ไว้ในภพ เรียกว่า อาสวะ เพราะเป็นสภาพหมักหมมอย่ใู นกระแสจิต ฯ ๕. ปัญจขันธ์ พระผู้มพี ระภาคเจ้าตรัสว่าเป็นมาร มอี ธบิ ายว่าอยา่ งไร ? ตอบ มีอธิบายว่า ปัญจขันธน์ ้ัน บางทีทาความลาบาก บางทีทาให้เกดิ ความ เบื่อหน่าย จนถึงฆ่าตัวตายก็มี ฯ ๖. ในวิมตุ ติ ๕ วมิ ุตติอยา่ งไหนเปน็ โลกิยะ อย่างไหนเป็นโลกตุ ระ ? ตอบ ตทังควิมุตติ และวกิ ขมั ภนวมิ ุตติ จัดเป็นโลกยิ ะ สว่ นสมจุ เฉทวมิ ุตติ ปฏิปัสสทั ธวิ มิ ุตติ และนิสสรณวมิ ุตติ จัดเปน็ โลกตุ ระ ฯ
๒๓ ๗. พระพทุ ธคุณ บทวา่ อรห ท่แี ปลวา่ เปน็ ผู้หกั กาแหง่ สังสารจักรนนั้ กาแห่งสงั สารจกั ร ไดแ้ ก่อะไร ? ตอบ ไดแ้ ก่ อวิชชา ตณั หา อุปาทาน และกรรม ฯ ๘. พระสงฆ์ ในบทสงั ฆคุณ ๙ ทา่ นหมายถึงพระสงฆ์เชน่ ไร ? คาวา่ “อุชุปฏปิ นโฺ น เป็นผปู้ ฏิบัติตรง” คอื ปฏิบัติเช่นไร ? ตอบ หมายถึง พระสาวกผไู้ ดบ้ รรลุธรรมวิเศษตงั้ แตโ่ สดาปัตตมิ รรคเป็นต้น ฯ คอื ไมป่ ฏิบัติลวงโลก ไม่มีมายาสาไถย ประพฤตติ รง ตรงตอ่ พระศาสดา และเพอื่ นสาวกดว้ ยกนั ไม่อาพรางความในใจ ไม่มีแง่งอน ฯ ๙. บารมี คอื อะไร ? ทาอย่างไร เรยี กวา่ อธษิ ฐานบารมี ? ตอบ คือปฏปิ ทาอันยงิ่ ยวด หรอื คุณธรรมทีป่ ระพฤติอยา่ งย่ิงยวด ไดแ้ ก่ ความดีทีบ่ าเพ็ญอย่างพิเศษ เพือ่ บรรลเุ ป้าหมายสูงสุด ฯ ความตง้ั ใจม่ันตดั สินใจเด็ดเดี่ยว วางจดุ หมายแหง่ การกระทาของตนไว้ แนน่ อน และดาเนนิ ตามน้นั อย่างแน่วแน่ เรียกวา่ อธิษฐานบารมี ฯ ๑๐. ในกรรม ๑๒ อปุ ัตถัมภกกรรม กบั อุปปฬี กกรรม ทาหน้าท่ตี ่างกนั อยา่ งไร ? ตอบ อุปตั ถมั ภกกรรม ทาหน้าท่ีสนบั สนนุ ผลแห่งชนกกรรม อปุ ปฬี กกรรม ทาหน้าท่บี ีบคั้นผลแห่งชนกกรรม ฯ ให้เวลา ๓ ชั่วโมง
๒๔ ปัญหาและเฉลยวิชาอนุพทุ ธประวตั ิ นักธรรมช้ันโท สอบในสนามหลวง วันองั คาร ท่ี ๗ พฤศจิกายน พทุ ธศักราช ๒๕๖๐ ๑. สัมมาสัมพทุ ธะ ปจั เจกพุทธะ และอนพุ ุทธะ ต่างกนั อย่างไร ? ตอบ สัมมาสมั พทุ ธะ ตรัสรเู้ องโดยชอบ และสอนผู้อ่ืนใหร้ ตู้ าม ปัจเจกพุทธะ ตรัสรู้เฉพาะตน ไมส่ อนผู้อ่ืนให้รู้ตาม อนุพุทธะ ตรสั รูต้ ามที่พระพุทธเจ้าทรงสงั่ สอน และสามารถสอนผู้อื่น ใหร้ ้ตู าม ฯ ๒. พระปัญจวัคคยี ไ์ ด้สาเรจ็ เปน็ พระอรหนั ต์ เพราะฟงั พระธรรมเทศนา ช่อื อะไร ? พระธรรมเทศนานัน้ โดยยอ่ วา่ ด้วยเรื่องอะไร ? ตอบ ชอ่ื อนัตตลักขณสตู ร ฯ วา่ ดว้ ย รปู เวทนา สัญญา สังขาร วญิ ญาณ ไมเ่ ที่ยง เป็นทุกข์ เปน็ อนตั ตา ฯ
๒๕ ๓. อนุปพุ พกี ถา คืออะไร ? ทรงยกขึน้ แสดงด้วยพระพทุ ธประสงค์อยา่ งไร ? ตอบ คือ ถอ้ ยคาทีก่ ล่าวโดยลาดับ ฯ ดว้ ยพระพทุ ธประสงคจ์ ะฟอกจิตกลุ บตุ รให้หา่ งไกลจากความยนิ ดี ในกาม ควรรบั พระธรรมเทศนาให้เกิดธรรมจกั ษุ เหมอื นผา้ ทปี่ ราศจาก มลทนิ ควรรับนา้ ยอ้ มได้ ฉะนั้น ฯ ๔. พระสาวกผู้ไดร้ บั ยกย่องวา่ เป็นผู้มีบริวารมาก คอื ใคร ? ท่านทาอยา่ งไร จงึ มีบริวารมากอย่างนน้ั ? ตอบ คอื พระอรุ เุ วลกสั สปะ ฯ ท่านรู้จกั สงเคราะห์บริวารดว้ ยอามิสบา้ ง ด้วยธรรมบ้าง จึงเป็นที่รักใคร่ นับถือ สามารถยึดเหน่ียวนา้ ใจบริวารไว้ได้ ฯ ๕. ธรรมเสนาบดี และ นวกมั มาธฏิ ฐายี เปน็ นามของพระสาวกองค์ใด ? เพราะเหตุไรจงึ มีนามเชน่ นัน้ ? ตอบ ธรรมเสนาบดี เป็นนามของพระสารีบุตรเถระ เพราะท่านเป็นกาลงั สาคญั ยิ่งในการประกาศพระพทุ ธศาสนา ฯ นวกมั มาธิฏฐายี เปน็ นามของพระโมคคัลลานเถระ เพราะทา่ นเปน็ ผู้ สามารถกากบั ดูแลการก่อสร้าง ฯ
๒๖ ๖. “คนเหล่านท้ี ั้งหมดยงั ไมท่ ันถงึ ๑๐๐ ปี กจ็ กั ไม่มีเหลอื จักลว่ งไปหมด ดูการเล่นไม่มีประโยชน์อะไร ควรขวนขวายหาธรรมเคร่ืองพ้นดีกว่า” นเี้ ปน็ คาพูดของใคร ? พูดกับใคร ? ตอบ ของอปุ ตสิ สมาณพ ฯ พูดกับโกลิตมาณพ ฯ ๗. ธรรมทุ เทศ มอี ะไรบา้ ง ? ใครแสดงแกใ่ คร ? ตอบ มี ๑. โลกคอื หมสู่ ัตว์ อันชรานาเข้าไปใกล้ ไมย่ งั่ ยืน ๒. โลกคือหมู่สัตว์ ไมม่ ีผปู้ ้องกัน ไม่เป็นใหญ่จาเพาะตน ๓. โลกคือหมู่สัตว์ ไมม่ อี ะไรเป็นของ ๆ ตน จาตอ้ งละท้ิงสิง่ ทั้งปวงไป ๔. โลกคือหมู่สัตว์ พร่องอยู่เป็นนติ ย์ ไม่รจู้ ักอ่ิม เป็นทาสแหง่ ตัณหา ฯ พระรฐั บาลแสดงถวายพระเจ้าโกรพั ยะ ฯ ๘. พระมหากัสสปเถระเปน็ ประธานในการทาสงั คายนาคร้ังแรกที่ไหน ? ใชเ้ วลานานเทา่ ไร ? ตอบ ท่ีถา้ สตั ตบณั ณคูหา เวภารบรรพต กรงุ ราชคฤห์ ฯ ใชเ้ วลา ๗ เดือน ฯ
๒๗ ศาสนพธิ ี ๙. กุศลพิธี คืออะไร ? พธิ ที าสามีจิกรรม หมายถงึ อะไร ? ตอบ คอื พิธบี าเพญ็ กศุ ล ฯ หมายถงึ การขอขมาโทษกนั ใหอ้ ภัยกนั ทกุ โอกาส ไม่วา่ จะมีโทษขดั ขอ้ ง หมองใจกนั หรือไม่กต็ าม ถึงโอกาสที่ควรทาสามีจิกรรมกันแล้ว ทุกรูปไมพ่ ึงละโอกาสเสยี ฯ ๑๐. วนั ที่พระพทุ ธเจา้ เสด็จลงจากสวรรค์ชน้ั ดาวดงึ ส์ เรียกว่าวันอะไร ? ตรงกับวันอะไร ? ตอบ เรยี กว่า วันเทโวโรหณะ ฯ ตรงกบั วันมหาปวารณา เพ็ญเดือน ๑๑ ฯ ใหเ้ วลา ๓ ชว่ั โมง
๒๘ ปัญหาและเฉลยวชิ าวินัยบญั ญัติ นกั ธรรมช้นั โท สอบในสนามหลวง วันพุธ ท่ี ๘ พฤศจิกายน พทุ ธศักราช ๒๕๖๐ ๑. สิกขาบทนอกพระปาฏิโมกข์เรยี กว่าอะไร ? ทรงบญั ญัติไว้ เพอื่ ประโยชนอ์ ะไร ? ตอบ เรยี กว่า อภสิ มาจาร ฯ ทรงบัญญตั ไิ วเ้ พ่อื ความเป็นระเบียบเรียบร้อยของภิกษุ และเพอ่ื ความงาม ของพระศาสนา เชน่ เดียวกบั ตระกลู ใหญ่ จาตอ้ งมขี นบธรรมเนยี ม และระเบียบไว้รกั ษาเกยี รติ และความเป็นผู้ดขี องตระกูล ฯ ๒. ภิกษุเชน่ ไรควรได้นิสัยมุตตกะ ? ตอบ ภกิ ษุผู้ควรได้นสิ ัยมตุ ตกะ คอื ๑. เปน็ ผูม้ ีศรัทธา หิริ โอตตัปปะ วิริยะ สติ ๒. เป็นผถู้ ึงพรอ้ มดว้ ยศีล อาจาระ ความเห็นชอบ เคยได้ยิน ไดฟ้ ังมามาก มปี ัญญา ๓. รจู้ กั อาบัติ มิใช่อาบัติ อาบัติเบา อาบัตหิ นกั จาพระปาฏิโมกขไ์ ด้ แม่นยา ทง้ั มีพรรษาพน้ ๕ ฯ
๒๙ ๓. ภิกษเุ ชน่ ไร ชอ่ื ว่า นวกะ มัชฌิมะ เถระ ? ตอบ ภกิ ษุมพี รรษาไมถ่ ึง ๕ ชื่อว่า นวกะ ภกิ ษมุ ีพรรษาตง้ั แต่ ๕ ขึน้ ไป แตย่ ังไม่ถงึ ๑๐ ต้องประกอบดว้ ยคณุ ธรรม ตามพระวนิ ัยชือ่ วา่ มชั ฌิมะ ภิกษมุ ีพรรษาตัง้ แต่ ๑๐ ขึน้ ไป ต้องประกอบด้วยคุณธรรมตามพระวนิ ยั ชื่อว่า เถระ ฯ ๔. ภกิ ษผุ ู้จะไปสอู่ าวาสอืน่ พึงปฏิบัติตนอยา่ งไรบ้าง ? ใหต้ อบมา ๓ ขอ้ ตอบ พงึ ปฏบิ ตั ติ นอย่างนี้ ๑. ทาความเคารพในเจา้ ของถิ่น ๒. แสดงความเกรงใจเจ้าของถนิ่ ๓. แสดงอาการสภุ าพตอ่ เจ้าของถิ่น ๔. แสดงอาการสนิทสนมกับเจ้าของถ่ิน ๕. ถ้าจะอยู่ทีน่ ัน่ ควรประพฤตใิ หถ้ ูกธรรมเนียมของเจ้าของถิน่ ๖. ถอื เสนาสนะแลว้ อย่าดดู าย เอาใจใส่ปัดกวาดให้สะอาดหมดจด ตัง้ เครอ่ื งเสนาสนะใหเ้ ป็นระเบยี บ ฯ
๓๐ ๕. เม่ืออยู่ในกุฎเี ดียวกันกับพระเถระผู้มีพรรษามากกว่า ตามพระวินัย ทา่ นให้ปฏิบัตอิ ย่างไร ? ตอบ ให้ปฏิบัติอย่างน้ี คือ จะทาส่ิงใด ๆ ควรขออนุญาตท่านก่อน เช่น จะสอนธรรม จะอธิบายความ จะสาธยาย จะแสดงธรรม จะเปิดจะปิดไฟ จะเปิดจะปิดประตหู น้าต่าง ห้ามมใิ ห้ทาตามอาเภอใจ ฯ ๖. ธรุ ะเป็นเหตุให้ไปค้างแรมที่อน่ื ด้วยสัตตาหกรณียะ ท่ีกล่าวไว้ในบาลี มีก่ีอย่าง ? อะไรบ้าง ? ตอบ มี ๔ อย่าง ฯ คอื ๑. สหธรรมกิ หรือมารดาบิดาเจ็บไข้ รูเ้ ข้าแล้วไปเพื่อพยาบาล ๒. สหธรรมกิ กระสันจะสกึ รู้เขา้ แล้วไปเพอ่ื ระงบั ๓. มกี จิ สงฆ์เกดิ ขน้ึ เชน่ วิหารชารดุ ไปเพอื่ หาเครื่องทัพพสมั ภาระ มาซ่อมแซม ๔. ทายกตอ้ งการจะทาบุญ สง่ คนมานมิ นต์ ไปเพอ่ื บารุงศรัทธา แมก้ จิ อื่นท่ีอนโุ ลมตามนี้ ท่านก็อนุญาต ฯ ๗. กาลังสวดพระปาฏิโมกขอ์ ยู่ มีภกิ ษอุ ่นื เข้ามา จะพึงปฏิบตั ิอยา่ งไร ? ตอบ ปฏบิ ตั ิอย่างนี้ คอื ถ้าภกิ ษผุ ู้เข้ามาใหมม่ ีจานวนมากกวา่ ต้องเริ่มสวดใหม่ ต้งั แตต่ ้น ถ้ามจี านวนเท่ากันหรอื น้อยกวา่ สว่ นทสี่ วดไปแล้วก็ให้เป็นอัน สวดแล้ว ใหเ้ ธอผ้มู าใหม่ฟังส่วนที่ยงั เหลอื ต่อไป ฯ
๓๑ ๘. อเนสนาได้แก่อะไร ? มีอะไรบ้าง ? ตอบ อเนสนา ไดแ้ ก่ กิรยิ าแสวงหาเลยี้ งชีพในทางไมส่ มควร ฯ มี ๒ อย่าง คอื ๑. การแสวงหาเปน็ โลกวัชชะ มีโทษทางโลก ๒. การแสวงหาเปน็ ปัณณัตติวัชชะ มโี ทษทางพระบัญญตั ิ ฯ ๙. ภตั ตทุ เทสกะ จีวรภาชกะ และอปั ปมัตตกวิสัชชกะ หมายถึงภกิ ษุ ผู้มหี น้าทอี่ ะไร ? ตอบ ภัตตทุ เทสกะ หมายถงึ ภิกษผุ มู้ ีหน้าท่ีแจกภัตตาหาร ตลอดถงึ รบั นิมนต์ ของทายกแล้วจดั สง่ พระไปให้ จีวรภาชกะ หมายถึง ภกิ ษุผมู้ ีหนา้ ทแ่ี จกจีวร อปั ปมตั ตกวิสชั ชกะ หมายถงึ ภกิ ษผุ ูม้ ีหน้าทแ่ี จกเภสัชและบรขิ าร เลก็ น้อย ฯ ๑๐. ภกิ ษผุ ู้ได้ชอ่ื วา่ โคจรสมั ปนั โน ผถู้ ึงพรอ้ มดว้ ยโคจร เพราะปฏิบตั ิ อยา่ งไร ? ตอบ เพราะเว้นอโคจร ๖ จะไปหาใครหรอื จะไปทไ่ี หน เลือกบคุ คล เลือกสถานอันสมควร ไปเปน็ กิจลักษณะในเวลาอนั ควร ไมไ่ ปพร่าเพร่ือ กลับในเวลา ประพฤติตนไมใ่ ห้เปน็ ท่รี ังเกียจของเพอื่ นสหธรรมกิ ฯ ให้เวลา ๓ ชัว่ โมง
๓๒ ปัญหาวชิ าเรยี งความแกก้ ระทู้ธรรม นักธรรมชัน้ เอก สอบในสนามหลวง วันอาทิตย์ ที่ ๕ พฤศจิกายน พทุ ธศกั ราช ๒๕๖๐ ชย เวร ปสวติ ทุกฺข เสติ ปราชิโต อุปสนฺโต สุข เสติ หิตฺวา ชยปราชย. ผชู้ นะย่อมกอ่ เวร ผู้แพ้ย่อมนอนเป็นทุกข์ คนละความชนะ และความแพไ้ ด้แล้ว สงบใจได้ ย่อมนอนเป็นสขุ . (พทุ ฺธ) ขุ. ธ. ๒๕/๔๒. ------------------- แต่งอธิบายเป็นทานองเทศนาโวหาร อ้างสุภาษิตอ่ืนมาประกอบ ไม่น้อย กว่า ๓ ข้อ และบอกช่ือคัมภีร์ท่ีมาแห่งสุภาษิตนั้นดว้ ย ห้ามอ้างสุภาษิตซ้าขอ้ กนั แตจ่ ะซา้ คมั ภีร์ได้ ไม่ห้าม สุภาษติ ทอ่ี ้างมานนั้ ตอ้ งเรียงเชอ่ื มความใหส้ นิทตดิ ต่อ สมเร่อื งกับกระท้ตู ัง้ . ชัน้ นี้ กาหนดให้เขยี นลงในใบตอบ ตง้ั แต่ ๔ หนา้ (เว้นบรรทดั ) ข้นึ ไป. ------------------- ใหเ้ วลา ๓ ช่วั โมง
๓๓ ปญั หาและเฉลยวิชาธรรม นกั ธรรมชัน้ เอก สอบในสนามหลวง วันจนั ทร์ ท่ี ๖ พฤศจิกายน พทุ ธศักราช ๒๕๖๐ ๑. ลกั ษณะเชน่ ใดบ้าง เป็นเครื่องกาหนดใหร้ ู้ว่าสงั ขารทัง้ หลายไมเ่ ทย่ี ง ? จงอธบิ าย ตอบ ๑. กาหนดรู้ในทางง่าย ดว้ ยความเกิดขนึ้ ในเบ้ืองตน้ และความสน้ิ ในเบ้ืองปลาย ๒. กาหนดรู้ในทางละเอียดกวา่ นั้น ด้วยความแปรในระหวา่ งเกิดและดับ ๓. กาหนดรู้ในทางสุขมุ ด้วยความแปรแห่งสังขารในช่ัวขณะหนง่ึ ๆ ไม่คงทอ่ี ยูน่ าน เช่น ความรู้สกึ สุขทุกข์ เป็นต้น ฯ ๒. ทกุ ขลกั ขณะ และ ทุกขานปุ สั สนา เป็นอยา่ งเดียวกนั หรือต่างกนั ? จงอธิบาย ตอบ ต่างกนั คอื ทกุ ขลกั ขณะ ได้แก่ ลักษณะทีเ่ ป็นทกุ ขแ์ ห่งสงั ขาร เพราะถูกบีบค้ัน จากปจั จัยต่าง ๆ ทุกขานปุ ัสสนา ไดแ้ ก่ ปญั ญาพิจารณาเห็นสงั ขารว่าเป็นทกุ ข์ ฯ
๓๔ ๓. ตัณหา เมื่อเกดิ ขนึ้ ยอ่ มเกดิ ทไ่ี หนและเม่อื ดบั ยอ่ มดบั ท่ไี หน ? ตณั หานนั้ ย่อมสิน้ ไปเพราะธรรมอะไร ? ตอบ เมอ่ื เกดิ ข้ึนย่อมเกิดในส่งิ เป็นทร่ี ักท่ียินดีในโลก เมื่อดับย่อมดบั ในสง่ิ เปน็ ท่ีรักที่ยินดีในโลก ฯ เพราะวริ าคะ คอื พระนิพพาน ฯ ๔. พระบาลีวา่ “ปญฺ าย ปริสชุ ฌฺ ติ บคุ คลย่อมหมดจดด้วยปญั ญา” มีอธบิ ายอยา่ งไร ? ตอบ มอี ธิบายว่า ผพู้ ิจารณาเห็นดว้ ยปัญญาวา่ สงั ขารไม่เที่ยง เปน็ ทกุ ข์ เปน็ อนตั ตา เกิดความเบื่อหน่ายแลว้ วางเฉยในสงั ขารน้นั ไมย่ ินดีไม่ยินรา้ ย ได้บรรลอุ ริยมรรคอริยผล ความหมดจดย่อมเกิดด้วยปญั ญาอย่างน้ี ฯ ๕. ในวิมตุ ติ ๕ วมิ ตุ ตใิ ดจัดเปน็ อริยมรรค อรยิ ผล นิพพาน ? ตอบ สมุจเฉทวิมตุ ติ จดั เป็น อริยมรรค ปฏปิ ัสสัทธิวิมุตติ จดั เป็น อริยผล นสิ สรณวิมตุ ติ จัดเป็น นพิ พาน ฯ ๖. จงจัดมรรค ๘ เข้าในวิสุทธิ ๗ มาดู ตอบ สมั มาวาจา สมั มากัมมันตะ สัมมาอาชวี ะ จัดเข้าในสีลวิสุทธิ สัมมาวายามะ สัมมาสติ สัมมาสมาธิ จัดเขา้ ในจิตตวสิ ทุ ธิ สมั มาทิฏฐิ สัมมาสงั กปั ปะ จดั เข้าในทิฏฐวิ สิ ทุ ธิ กังขาวติ รณวสิ ุทธิ มัคคามัคคญาณทัสสนวสิ ุทธิ ปฏิปทาญาณทสั สนวิสทุ ธิ ญาณทสั สนวสิ ุทธิ ฯ
๓๕ ๗. สันติแปลวา่ อะไร ? เป็นโลกิยะ หรอื โลกุตตระ ? ตอบ สนั ติ แปลวา่ ความสงบ ฯ เป็นได้ท้งั โลกยิ ะ และโลกตุ ตระ ฯ ๘. ในสว่ นสงั สารวัฏฏ์ สัตวโลกตายแลว้ มคี ติเป็นอยา่ งไร ? มีอทุ เทสบาลีแสดงไว้อย่างไร ? ตอบ สัตวโลกตายแลว้ มีคติเปน็ ๒ คอื สุคติ และทคุ ติ ฯ มอี ทุ เทสบาลแี สดงว่า จติ ฺเต สงฺกลิ ิฏเฺ ทุคคฺ ติ ปาฏิกงขฺ า เม่ือจติ เศร้าหมองแลว้ ทุคติเปน็ อนั ต้องหวัง จิตฺเต อสงกฺ ลิ ิฏเฺ สคุ ติ ปาฏกิ งขฺ า เมอ่ื จติ ไมเ่ ศร้าหมองแล้ว สุคติเป็นอันหวงั ได้ ฯ ๙. เจรญิ มรณสั สติอย่างไรจงึ จะแยบคาย ? ตอบ เจริญพรอ้ มด้วยองค์ ๓ คอื สติ ระลึกถงึ ความตาย ๑ ญาณ รู้วา่ ความตายจักมีแก่ตน ๑ เกดิ สังเวชสลดใจ ๑ เจริญอย่างน้ี จึงจะแยบคาย ฯ
๓๖ ๑๐. สมถะ กบั วิปัสสนา ให้ผลต่างกนั อยา่ งไร ? ตอบ ใหผ้ ลตา่ งกนั ดังนี้ สมถะ ใหผ้ ลคือทาให้ใจสงบระงับจากนวิ รณ์ทัง้ ๕ สว่ นวิปัสสนา ใหผ้ ลคือทาให้ได้ปัญญาเห็นสภาวธรรม ตามความเปน็ จริง ฯ ใหเ้ วลา ๓ ชวั่ โมง
๓๗ ปัญหาและเฉลยวิชาพุทธานุพทุ ธประวตั ิ นักธรรมชน้ั เอก สอบในสนามหลวง วันอังคาร ที่ ๗ พฤศจิกายน พุทธศกั ราช ๒๕๖๐ ๑. อาสภวิ าจาคือวาจาเชน่ ไร ? มใี จความว่าอย่างไร ? ตอบ คอื วาจาทีเ่ ปล่งอยา่ งองอาจ เปน็ ภาษิตของบรุ ุษพเิ ศษอาชาไนย ฯ มใี จความว่า เราเป็นผ้เู ลศิ เปน็ ผู้ใหญ่ เป็นผูป้ ระเสริฐแห่งโลก ฯ ๒. พระพทุ ธองค์ทรงอธษิ ฐานจาตรุ งคมหาปธาน มีใจความวา่ อยา่ งไร ? ท่ไี หน ? และไดร้ ับผลอย่างไร ? ตอบ มีใจความว่า หากยังไมบ่ รรลุพระสมั มาสัมโพธิญาณแล้วจกั ไม่ลกุ ขึน้ แม้เนอ้ื และเลือดจะแหง้ เหอื ดไป เหลือแต่หนงั เอ็น และกระดูก ก็ตาม ฯ ท่ีตาบลอรุ ุเวลาเสนานคิ ม ภายใตต้ ้นพระศรีมหาโพธ์ิ ฯ ไดร้ ับผลคอื บรรลพุ ระสัมมาสมั โพธิญาณสมดงั พระหฤทัย ฯ
๓๘ ๓. ทางปฏิบัตทิ ส่ี ดุ ๒ อยา่ ง อันบรรพชติ ไมค่ วรเสพน้ันคืออะไรบ้าง ? มอี ธิบายอยา่ งไร ? ตอบ คือ ๑. กามสุขัลลกิ านุโยค ๒. อตั ตกลิ มถานโุ ยค ฯ มอี ธิบายดังน้ี กามสุขัลลกิ านุโยค คอื การประกอบตนใหพ้ วั พนั ดว้ ยสุขในกาม เปน็ ธรรมอันเลว เป็นเหตุต้งั บ้านเรือน เปน็ ของคนมีกิเลสหนา ไมใ่ ชข่ องคนอรยิ ะคือผู้บริสุทธ์ิ ไม่ประกอบดว้ ยประโยชน์ อัตตกลิ มถานโุ ยค คอื การประกอบความเหนด็ เหน่อื ยแก่ตนเปลา่ ให้เกิดทุกขแ์ ก่ผ้ปู ระกอบ ไมท่ าผูป้ ระกอบให้เปน็ อรยิ ะ ไม่ประกอบ ดว้ ยประโยชน์ ฯ ๔. พระพุทธเจ้าเสด็จไปโปรดชฎลิ ๓ พนี่ ้องพรอ้ มบริวาร โดยบังเอิญ หรอื โดยตง้ั พระหฤทัยไวก้ อ่ น ? มหี ลกั ฐานสนับสนนุ คาตอบนั้น อยา่ งไร ? ตอบ โดยตั้งพระหฤทัยไว้กอ่ น ฯ มีหลักฐานปรากฏว่า ในครัง้ ท่ีทรงส่งพระสาวก ๖๐ องค์แรก ไปประกาศพระพทุ ธศาสนาในท่ตี ่าง ๆ ทรงมพี ระดารสั ว่า “แม้เราก็จะไปยังตาบลอุรุเวลาเสนานิคม เพื่อจะแสดงธรรม” ฯ
๓๙ ๕. พระอสั สชแิ สดงธรรมแก่อปุ ตสิ สปรพิ าชกมีความวา่ อย่างไร ? และมีผลอยา่ งไร ? ตอบ มคี วามวา่ ธรรมใดเกิดแต่เหตุ พระศาสดาทรงแสดงเหตขุ องธรรมนั้น และความดบั แห่งธรรมน้ัน พระศาสดาทรงสอนอย่างนี้ ฯ มีผล คือ อุปติสสปริพาชกได้ดวงตาเหน็ ธรรมว่า สิ่งใดสิง่ หนงึ่ มีความเกดิ ข้นึ เป็นธรรมดา ส่ิงนัน้ ทง้ั หมดมีความดบั เปน็ ธรรมดา ฯ ๖. พระมหากัสสปเถระประพฤตธิ ุดงควตั รเพราะเหน็ อานาจประโยชน์ อยา่ งไร ? ตอบ เพราะเห็นอานาจประโยชน์ ๒ อย่างคือ ๑. การอย่เู ป็นสุขในบัดนี้ของตน ๒. เพ่อื อนุเคราะห์ประชุมชนในภายหลัง จะได้เปน็ ทิฏฐานคุ ติ แห่งคนผู้มาเกิดในภายหลัง เมื่อทราบว่า สาวกของ พระพุทธเจา้ ได้ประพฤติอยา่ งน้ี เขาจะไดป้ ระพฤติตาม ซงึ่ เป็นทางอานวยสขุ แก่เขาเอง ฯ ๗. พระพุทธองคท์ รงแสดงสุจรติ ธรรมโปรดพระเจา้ สทุ โธทนะและ พระนางมหาปชาบดีโคตมี ทาใหท้ งั้ ๒ พระองคไ์ ด้บรรลอุ รยิ ผลชั้นไหน ? ตอบ ทาใหพ้ ระเจา้ สุทโธทนะทรงบรรลุสกทาคามิผล และพระนางมหาปชาบดโี คตมที รงบรรลุโสดาปตั ตผิ ล ฯ
๔๐ ๘. พระสารีบุตรนพิ พานทไี่ หน ? ท่านเลอื กสถานทนี่ ้นั เพราะเหตไุ ร ? ตอบ ท่นี าลนั ทคาม แคว้นมคธ ฯ เพราะตงั้ ใจจะโปรดนางสารพี ราหมณผี ูเ้ ป็นมารดาของท่าน ใหพ้ น้ จากมจิ ฉาทฏิ ฐิกอ่ นทที่ ่านจะนิพพาน ฯ ๙. พระปณุ ณมนั ตานีบุตรเป็นชาวเมอื งไหน ? ตง้ั อย่ใู นคณุ ธรรม อะไรบา้ ง ? ตอบ เป็นชาวเมอื งกบิลพสั ด์ุ ฯ ต้งั อยใู่ นคณุ ธรรม ๑๐ ประการ คอื มกั นอ้ ย สนั โดษ ชอบสงดั ไม่ชอบเกย่ี วขอ้ งด้วยหมู่ ปรารภความเพียร บริบรู ณ์ด้วยศลี สมาธิ ปัญญา วมิ ุตติ ความรเู้ ห็น ในวิมตุ ติ ฯ ๑๐. หลังจากพระพุทธเจ้าปรินิพพาน พระสาวกองคใ์ ดเปน็ ประธาน ในการทาปฐมสังคายนา ? เพราะปรารภเหตใุ ด ? ตอบ พระมหากสั สปะ ฯ เพราะปรารภคากล่าวจาบจว้ งพระธรรมวินัยของพระสภุ ัททะ ผู้บวชตอนแก่ ในระหว่างเดนิ ทางมาสกั การะพระพทุ ธสรีระ ฯ ใหเ้ วลา ๓ ชั่วโมง
๔๑ ปญั หาและเฉลยวิชาวนิ ยั บญั ญตั ิ นกั ธรรมช้ันเอก สอบในสนามหลวง วนั พุธ ท่ี ๘ พฤศจิกายน พทุ ธศกั ราช ๒๕๖๐ ๑. สังฆกรรม ๔ นัน้ อยา่ งไหนตอ้ งทาในสีมา อย่างไหนทานอกสมี าก็ได้ ? ตอบ ญัตติกรรม ญตั ติทุตยิ กรรม และญตั ตจิ ตตุ ถกรรม ตอ้ งทาในสีมาเท่านั้น ส่วนอปโลกนกรรม ทานอกสมี าได้ ฯ ๒. สมี า มกี ่ีประเภท ? อะไรบา้ ง ? ตอบ มี ๒ ประเภท ฯ คอื พัทธสมี า และ อพทั ธสมี า ฯ ๓. พระทัพพมลั ลบตุ ร มคี วามดารอิ ยา่ งไร ? พระศาสดาทรงทราบแลว้ ทรงสาธกุ ารตรัสให้สงฆ์สมมติใหท้ า่ นรบั หน้าที่อะไรบา้ ง ? ตอบ ทา่ นดาริว่า ทา่ นอยจู่ บพรหมจรรย์แล้ว ควรจะรับธุระของสงฆ์ จงึ กราบทูลพระศาสดา ฯ ทรงสาธุการแลว้ ตรสั ใหส้ งฆส์ มมตทิ ่าน ใหเ้ ป็นภัตตุทเทสกะ และเสนาสนคาหาปกะ ฯ
๔๒ ๔. กฐิน มีชอ่ื มาจากอะไร ? ผ้าท่ีเป็นกฐินได้มีอะไรบ้าง ? ตอบ มาจากชอื่ ไมส้ ะดงึ ที่ลาดหรอื กางออกสาหรับขงึ จวี รเพื่อเย็บ ฯ มี ๑. ผ้าใหม่ ๒. ผ้าเทยี มใหมค่ ือผ้าฟอกสะอาดแล้ว ๓. ผ้าเก่า ๔. ผ้าบงั สกุ ุล ๕. ผ้าทต่ี กตามร้านตลาดซ่งึ เขานามาถวายสงฆ์ ฯ ๕. อภพั พบุคคลในอุปสมบทกรรมได้แกบ่ ุคคลเชน่ ไร ? โดยวตั ถุมีกอ่ี ยา่ ง ? อะไรบา้ ง ? ตอบ ได้แก่บุคคลที่ไม่สมควรแก่การอุปสมบท อุปสมบทไม่ข้ึน ถูกห้าม อุปสมบทตลอดชวี ิต ฯ โดยวัตถุมี ๓ คอื ๑. พวกทีม่ เี พศบกพร่อง ไม่รู้วา่ เป็นชายหรอื เปน็ หญงิ ๒. พวกประพฤตผิ ดิ พระธรรมวินัย เชน่ ฆา่ พระอรหนั ต์ เป็นต้น ๓. พวกประพฤตผิ ดิ ต่อผ้ใู ห้กาเนดิ ของตน คือ ฆา่ มารดาบดิ า ฯ ๖. อนวุ าทาธิกรณเ์ ชน่ ไร อันภิกษุจะพึงยกขน้ึ พจิ ารณาตดั สินได้ ? ตอบ ตอ้ งเป็นเร่ืองมมี ลู คือ เรอ่ื งทไ่ี ดเ้ หน็ เอง ๑ เรือ่ งที่ไดย้ ินเองหรือมีผบู้ อกและเชือ่ ว่าเป็นจรงิ ๑ เรือ่ งทเี่ วน้ จาก ๒ สถานน้ันแต่รงั เกียจโดยอาการ ๑ ฯ
๔๓ ๗. สัมมขุ าวินัยมอี งค์เท่าไร ? อะไรบา้ ง ? ตอบ มอี งค์ ๔ ฯ คอื ๑. ในทพ่ี ร้อมหน้าสงฆ์ ๒. ในทีพ่ ร้อมหนา้ ธรรม ๓. ในทพ่ี รอ้ มหนา้ วนิ ัย ๔. ในทพ่ี ร้อมหนา้ บุคคล ฯ ๘. วุฏฐานวิธีหมายถึงอะไร ? ในการทาวุฏฐานวิธีแต่ละอย่างน้ัน ตอ้ งการสงฆจ์ านวนเทา่ ไรเปน็ อยา่ งนอ้ ย ? ตอบ หมายถงึ ระเบยี บวธิ ีเป็นเครอ่ื งออกจากอาบัติสงั ฆาทิเสส ฯ อัพภาน ต้องการสงฆ์ ๒๐ รปู เปน็ อยา่ งน้อย นอกนนั้ ต้องการ ตง้ั แต่ ๔ รปู ขึน้ ไป ฯ พระราชบัญญัติ ๙. กรรมการมหาเถรสมาคมซง่ึ สมเดจ็ พระสงั ฆราชทรงแตง่ ตั้ง พน้ จากตาแหนง่ เม่ือใด ? ตอบ พน้ เมอื่ ๑. มรณภาพ ๒. พน้ จากความเปน็ พระภกิ ษุ ๓. ลาออก ๔. สมเดจ็ พระสงั ฆราชมีพระบญั ชาใหอ้ อก ๕. อยู่ครบวาระ ๒ ปี ฯ
๔๔ ๑๐. จงใหค้ วามหมายของคาต่อไปนี้ ก. ทว่ี ดั ข. ท่ีธรณสี งฆ์ ค. ท่ีกลั ปนา ตอบ ก. ท่ีวัด คือท่ีซึ่งตง้ั วดั ตลอดจนเขตของวดั นัน้ ข. ท่ธี รณสี งฆ์ คือทซี่ ่งึ เป็นสมบัตขิ องวดั ค. ทีก่ ลั ปนา คือท่ีซึ่งมผี ู้อุทศิ แต่ผลประโยชนใ์ ห้วัด หรอื พระศาสนา ฯ ใหเ้ วลา ๓ ช่ัวโมง
๔๕ ปัญหาและเฉลยข้อสอบ ธรรมศึกษาช้ันตรี - โท - เอก ของสนามหลวงแผนกธรรม พ.ศ. ๒๕๖๐
๔๖ ปญั หาวชิ าเรยี งความแก้กระทธู้ รรม ธรรมศกึ ษาช้ันตรี สอบในสนามหลวง วันพฤหัสบดี ที่ ๙ พฤศจกิ ายน พทุ ธศกั ราช ๒๕๖๐ ปาเป น รมตี สจุ ิ. ค น ส ะ อ า ด ไ ม่ ยิ น ดี ใ น ค ว า ม ช่ั ว . วิ. มหา. ๕ / ๓๔ ข.ุ อุ. ๒๕ / ๑๖๖ ------------------- แต่งอธิบายให้สมเหตสุ มผล อ้างสุภาษิตอ่ืนมาประกอบดว้ ย ๑ ข้อ และบอกช่ือคมั ภรี ์ ท่ีมาแห่งสุภาษติ น้ันดว้ ย สุภาษิตทีอ่ า้ งมานั้น ต้องเรยี งเชอ่ื มความให้ตดิ ตอ่ สมเรอ่ื ง กับ กระทตู้ ง้ั . ชั้นน้ี กาหนดให้เขียนลงในใบตอบต้งั แต่ ๒ หนา้ (เว้นบรรทดั ) ข้ึนไป ------------------- ให้เวลา ๓ ช่วั โมง
๔๗ ปัญหาและเฉลยวิชาธรรม ธรรมศกึ ษาชน้ั ตรี สอบในสนามหลวง วนั พฤหสั บดี ท่ี ๙ พฤศจิกายน พทุ ธศกั ราช ๒๕๖๐ ๑. ข้อใด เป็นผลของธรรมมอี ุปการะมาก ? ก. ใหอ้ ดทน ข. ใหร้ อบคอบ ค. ให้ฉลาด ง. ให้ซอ่ื สัตย์ เฉลยข้อ ข. ๒. ธรรมคุม้ ครองสังคมให้อยู่เปน็ สุข ตรงกับข้อใด ? ก. ธรรมเปน็ โลกบาล ข. ธรรมมอี ุปการะมาก ค. ธรรมอันทาให้งาม ง. ธรรมเป็นเครอ่ื งเจริญ เฉลยข้อ ก. ๓. งามอะไรไมข่ ึ้นอยกู่ ับกาลเวลา ? ก. เสอ้ื ผ้าอาภรณ์ ข. หนา้ ตา ค. มรรยาท ง. คุณธรรม เฉลยขอ้ ง.
Search
Read the Text Version
- 1
- 2
- 3
- 4
- 5
- 6
- 7
- 8
- 9
- 10
- 11
- 12
- 13
- 14
- 15
- 16
- 17
- 18
- 19
- 20
- 21
- 22
- 23
- 24
- 25
- 26
- 27
- 28
- 29
- 30
- 31
- 32
- 33
- 34
- 35
- 36
- 37
- 38
- 39
- 40
- 41
- 42
- 43
- 44
- 45
- 46
- 47
- 48
- 49
- 50
- 51
- 52
- 53
- 54
- 55
- 56
- 57
- 58
- 59
- 60
- 61
- 62
- 63
- 64
- 65
- 66
- 67
- 68
- 69
- 70
- 71
- 72
- 73
- 74
- 75
- 76
- 77
- 78
- 79
- 80
- 81
- 82
- 83
- 84
- 85
- 86
- 87
- 88
- 89
- 90
- 91
- 92
- 93
- 94
- 95
- 96
- 97
- 98
- 99
- 100
- 101
- 102
- 103
- 104
- 105
- 106
- 107
- 108
- 109
- 110
- 111
- 112
- 113
- 114
- 115
- 116
- 117
- 118
- 119
- 120
- 121
- 122
- 123
- 124
- 125
- 126
- 127
- 128
- 129
- 130
- 131
- 132
- 133
- 134
- 135
- 136
- 137
- 138
- 139
- 140
- 141
- 142
- 143
- 144
- 145
- 146
- 147
- 148
- 149
- 150
- 151
- 152
- 153
- 154
- 155
- 156
- 157
- 158
- 159