การเปลย่ี นแปลง ระบอบการเมอื งการปกครองพ.ศ. ๒๔๗๕ สาเหตุ • ไดร้ บั อิทธิพลทำงด้ำนควำมคดิ แบบประชำธิปไตยจำกตะวันตก • ได้รับอทิ ธิพลจำกกำรเปลยี่ นแปลงกำรปกครองของประเทศตำ่ งๆ ในเอเชยี ขณะนน้ั เช่น ญ่ปี ่นุ ตุรกี เปน็ ตน้ • เพอื่ ต้องกำรให้ประเทศมคี วำมเจริญกำ้ วหน้ำ เนอ่ื งจำกระบอบกำรปกครองเดมิ ล้ำสมยั ตอ้ งเปล่ียนแปลงเพ่ือให้ทดั เทยี ม กับนำนำอำรยประเทศ • ประเทศกำลงั ประสบปัญหำทำงดำ้ นเศรษฐกิจที่ไดร้ บั ผลกระทบมำจำกสงครำมโลกครั้งท่ี ๒ เหตกุ ารณส์ าคัญ วันที่ ๒๔ มิถุนำยน พ.ศ.๒๔๗๕ ในสมัยรัชกำลที่ ๗ คณะรำษฎรได้ทำกำรยึดอำนำจเปล่ียนแปลงกำรปกครองจำก ระบอบสมบรู ณำญำสิทธิรำชย์มำเปน็ กำรปกครองระบอบประชำธปิ ไตยอนั มพี ระมหำกษตั รยิ ท์ รงเป็นประมุขของชำติ
คณะราษฎร พ.ศ. ๒๔๗๕ สมาชกิ คณะราษฎรแบง่ เป็นสายตา่ งๆ สายนายทหารชนั้ ยศสงู สายทหารบกช้ันยศนอ้ ย สายทหารเรอื สายพลเรอื น นำยพันเอกพระยำพหลพลพยหุ เสนำ นำยพนั ตรี หลวงพิบลู สงครำม นำยนำวำตรี หลวงสินธสุ งครำมชัย อำมำตย์ตรี หลวงประดิษฐม์ นูธรรม (พจน์ พหลโยธนิ ) เปน็ หวั หนา้ (แปลก ขติ ตะสังคะ) เป็นหัวหนา้ (สนิ ธ์ุ กมลนาวิน) เปน็ หวั หนา้ (ปรดี ี พนมยงค)์ เป็นหัวหนา้
หลกั ๖ ประการของคณะราษฎร หลักเศรษฐกิจ หลกั ควำมสงบ หลักควำมเสมอภำค หลักเอกรำช หลักเสรีภำพ หลักกำรศึกษำ
พระบาทสมเด็จพระปกเกล้าเจ้าอยู่หวั รชั กาลท่ี ๗ พระราชทาน รัฐธรรมนญู แห่งราชอาณาจักรสยาม (พ.ศ. ๒๔๗๕) ใหแ้ ก่ ปวงชนชาวไทย ๒๗ มิถนุ ายน พ.ศ. ๒๔๗๕ • รัชกำลที่ ๗ ทรงลงพระปรมำภไิ ธย พระรำชบญั ญัตธิ รรมนูญกำรปกครองแผน่ ดินสยำมชัว่ ครำว พทุ ธศักรำช ๒๔๗๕ ๑๐ ธนั วาคม พ.ศ. ๒๔๗๕ • รชั กำลที่ ๗ ทรงพระรำชทำนรัฐธรรมนูญแหง่ รำชอำณำจกั รสยำม พทุ ธศกั รำช ๒๔๗๕ ซึง่ เป็นรัฐธรรมนูญฉบับถำวร ฉบบั แรกของไทย
เหตุการณ์มหาวปิ โยค (๑๔ ตุลาคม ๒๕๑๖) สาเหตุ • เกดิ กระแสตอ่ ตำ้ นรัฐบำล จอมพล ถนอม กติ ติขจร ทท่ี ำกำรรัฐประหำรยึดอำนำจของตนเอง โดยมีกำรยกเลิก รฐั ธรรมนูญ และปกครองประเทศดว้ ยเผด็จกำร • ไดม้ ีกำรรวมตวั ของกลุ่มนิสิต นักศึกษำ อำจำรยแ์ ละประชำชน จำนวน ๑๓ คน เพื่อประกำศเรยี กรอ้ งรฐั ธรรมนูญ • กลมุ่ นิสติ นกั ศกึ ษำ อำจำรย์และประชำชน จำนวน ๑๓ ถูกจบั กมุ และถกู ต้งั ข้อหำว่ำเป็นกบฏ ซึ่งทำใหก้ ระแส ควำมไม่พอใจรฐั บำลเพิม่ มำกข้ึน • กำรชุมนมุ ขยำยตัวออกไปอยำ่ งกว้ำงขวำง จนนำไปสู่กำรปรำบปรำมทร่ี ุนแรง
เหตกุ ารณ์สาคญั ๖ ตุลาคม ๒๕๑๖ ๑๒ ตลุ าคม ๒๕๑๖ กลมุ่ เรียกรอ้ งรัฐธรรมนูญเดนิ แจกใบปลวิ เพอ่ื ศูนย์กลำงนิสิต นักศึกษำแห่งประเทศไทย เรียกรอ้ งรัฐธรรมนญู มผี ู้ถูกจับกมุ ๑๓ คน ใน ได้ออกประกำศเรียกร้องให้ปล่อยตัวผู้ถูกจับกุม ขอ้ หำกบฏ ชกั ชวนใหม้ กี ำรชมุ นมุ ทำงกำรเมือง ทง้ั ๑๓ คน ๑๓ ตลุ าคม ๒๕๑๖ ๑๔ ตลุ าคม ๒๕๑๖ นิสิต นักศึกษำและประชำชน กว่ำ ๕ แสนคน เกิดกำรปะทะกนั ระหวำ่ งทหำรกบั นสิ ิต นกั ศึกษำ และ เดนิ ขบวนส่อู นสุ ำวรยี ์ประชำธิปไตย ประชำชนจนบำดเจ็บและเสียชีวิตเป็นจำนวนมำก ทำ ให้จอมพลถนอม กิตติขจร ลำออกจำกตำแหน่ง นำยกรฐั มนตรี
๖ ตลุ าคเหม ตพ.ุกศ.า๒ร๕ณ๑๙์ สาเหตุ • จอมพลถนอม กติ ติขจร อดตี นำยกรฐั มนตรีที่เดนิ ทำงออกนอกประเทศจำกเหตุกำรณม์ หำวปิ โยค (๑๔ ตลุ ำคม ๒๕๑๖) ได้เดนิ ทำงกลับประเทศไทย • กลุ่มนักศึกษำและประชำชนตอ่ ตำ้ นกำรกลับมำของจอมพลถนอม กติ ตขิ จร • กลุม่ นักศกึ ษำและประชำชนเรยี กร้องประชำธิปไตยดว้ ยกำรชุมนุมประท้วง • เกิดกำรแบง่ แยกประชำชนออกเปน็ ฝำ่ ยซำ้ ย-ฝำ่ ยขวำ โดยฝำ่ ยนักศกึ ษำถูกโจมตีว่ำเป็นฝำ่ ยซำ้ ยฝกั ใฝล่ ทั ธคิ อมมวิ นสิ ต์ • นำไปสกู่ ำรสลำยกำรชมุ นุมในมหำวทิ ยำลยั ธรรมศำสตร์และบรเิ วณท้องสนำมหลวงในตอนเช้ำของวนั ที่ ๖ ตุลำคม พ.ศ. ๒๕๑๙
เหตกุ ารณ์สาคัญ • จอมพล ถนอม กติ ตขิ จร ที่ผนวชเปน็ สำมเณรเดนิ ทำงกลับประเทศไทย • ศูนย์กลำงนิสิตนักศึกษำแห่งประเทศไทยและกลุ่มพลังต่ำงๆ ชุมนุมกันที่ ๑๙ กันยายน ๒๕๑๙ ๒๙ กันยายน ๒๕๑๙ ท้องสนำมหลวง เพ่อื ขับไล่ จอมพล ถนอม ออกนอกประเทศ • นกั ศึกษำเรม่ิ เคล่อื นขบวนมำสู่มหำวทิ ยำลยั ธรรมศำสตร์ ๕ ตลุ าคม ๒๕๑๙ • เจ้ำหน้ำท่ตี ำรวจทำกำรปรำบปรำมประชำชนในมหำวทิ ยำลัยธรรมศำสตร์ ๖ ตุลาคม ๒๕๑๙ ทำใหม้ ีผูบ้ ำดเจ็บลม้ ตำยเป็นจำนวนมำก
เหตกุ ารณ์ พฤษภาทมิฬ พ.ศ. ๒๕๓๕ สาเหตุ • กำรขึ้นดำรงตำแหน่งนำยกรัฐมนตรี ของ พล.อ.สุจินดำ ครำประยรู ท่ไี ม่ไดม้ ำจำกกำรเลอื กต้ังทำให้เกิดกำรชุมนุมประทว้ ง • กำรจัดตั้งรัฐบำลมีกำรสืบทอดอำนำจของคณะ รสช. พล.อ.สจุ นิ ดา คราประยูร
เหตกุ ารณ์สาคัญ • มกี ำรเลือกตั้งทว่ั ไป ๒๒ มีนาคม ๒๕๓๕ • พล.อ.สุจินดำ ครำประยูร ขนึ้ ดำรงตำแหน่งนำยกรัฐมนตรี ๗ เมษายน ๒๕๓๕ • ฝ่ำยคำ้ นจัดอภปิ รำยคัดค้ำนที่มำของนำยกรัฐมนตรีทีล่ ำนพระรูปทรงม้ำ มปี ระชำชนเขำ้ รว่ ม ๒๐ เมษายน ๒๕๓๕ ๔ พฤษภาคม ๒๕๓๕ จำนวนมำก ๑๗ พฤษภาคม ๒๕๓๕ • พล.ต. จำลอง ศรีเมอื ง อดข้ำวประท้วงเพือ่ เรยี กรอ้ งใหแ้ ก้รฐั ธรรมนูญ ๑๘-๑๙ พฤษภาคม ๒๕๓๕ ๒๐ พฤษภาคม ๒๕๓๕ • ประชำชนรวมตัวกนั ทีส่ นำมหลวงเดนิ ไปตำมถนนรำชดำเนิน ๒๔ พฤษภาคม ๒๕๓๕ • รัฐบำลประกำศสถำนกำรณ์ฉกุ เฉนิ และใชก้ ำลังทหำร ตำรวจปรำบปรำมผู้ชมุ นุม • พระบำทสมเดจ็ พระปรมินทรมหำภูมพิ ลอดุลยเดช โปรดเกล้ำฯให้ พล.อ.สจุ ินดำ และ พล.ต.จำลอง เขำ้ เฝำ้ ฯ • พล.อ.สุจินดำ ลำออกจำกตำแหนง่ นำยกรัฐมนตรี
เหตุการณ์ ๑๙ กนั ยายน พ.ศ. ๒๕๔๙ สาเหตุ • พลเอกสนธิ บุญยรัตกลิน ผู้บญั ชำกำรทหำรบกในขณะนน้ั ให้เหตุผลในกำรปฏิรูปกำรปกครอง ดงั น้ี ๑. รัฐบำลโดยนำยกรัฐมนตรีได้ก่อให้เกิดควำมขัดแย้ง และกำรแบ่งฝ่ำย ทำลำยควำมสำมคั คี ๒. รัฐบำลบริหำรรำชกำรส่อไปในทำงทุจรติ ๓. รฐั บำลมีพฤติกรรมแทรกแซงกำรทำงำนและอำนำจองคก์ รอสิ ระ ๔. กำรดำเนินกจิ กรรมทำงกำรเมอื งบำงโอกำสของรัฐบำลหมน่ิ เหม่ตอ่ กำรหมิ่น พระบรมเดชำนภุ ำพ
สถานการณก์ ารเมือง ของประเทศไทยในปจั จุบัน การเมืองของไทยยังมกี ารทจุ รติ คอร์รัปชัน มีการซอ้ื สทิ ธขิ ายเสยี งในช่วงของการเลือกตง้ั การมสี ่วนร่วมทางการเมอื งของภาคประชาชนยังมนี ้อย เกดิ ความขัดแย้งทางการเมืองของกลมุ่ ต่างๆ ขาดความตอ่ เนอื่ งในการพฒั นาประเทศ เนอ่ื งจากการ เปล่ียนแปลงทางการเมือง
แนวทางการเลือกรับ ข้อมูลขา่ วสาร ตอ้ งรจู้ ักวเิ ครำะหแ์ ยกแยะขอ้ มูลข่ำวสำร ที่กอ่ ใหเ้ กิดประโยชน์แก่ตนเอง และผูอ้ ืน่ ได้ เลอื กรับข้อมลู ข่ำวสำรจำกแหลง่ ข่ำว ที่เชื่อถือได้ ใชว้ ิจำรณญำณในกำรอำ่ นและกำรรบั ชม อยำ่ งมเี หตุผล ไมเ่ ข้ำข้ำงฝำ่ ยใดฝ่ำยหนง่ึ
หน้าทพ่ี ลเมอื ง วฒั นธรรมและการดารงชวี ิตในสงั คม ช้นั มัธยมศึกษาปที ี่ ๒ หน่วยกำรเรยี นรู้ที่ หนว่ ยกำรเรียนรู้ท่ี หน่วยกำรเรยี นร้ทู ่ี กลมุ่ สาระการเรียนรสู้ งั คมศกึ ษา ศาสนา และวฒั นธรรม ๑ ๒ ๓ หนว่ ยกำรเรียนรู้ท่ี หนว่ ยกำรเรียนร้ทู ่ี ๔๕ ๑_หลักสูตรวชิ าหนา้ ทพี่ ลเมอื ง ๒_แผนการจดั การเรียนรู้ ๓_PowerPoint_ประกอบการสอน ๔_ใบงาน_เฉลย ๕_ข้อสอบประจาหนว่ ย_เฉลย ๖_การวดั และประเมินผล ๗_เสริมสาระ ๘_สอ่ื เสริมการเรียนรู้ บริษัท อักษรเจริญทัศน์ อจท. จำกัด : 142 ถนนตะนำว เขตพระนคร กรุงเทพฯ 10200 Aksorn CharoenTat ACT.Co.,Ltd : 142 Tanao Rd. Pranakorn Bangkok 10200 Thailand โทรศัพท์ : 02 622 2999 โทรสำร : 02 622 1311-8 [email protected] / www.aksorn.com
๔หนว่ ยการเรียนรู้ที่ สถาบนั ทางสงั คม จดุ ประสงค์การเรียนรู้ • วเิ ครำะหบ์ ทบำท ควำมสำคัญ และควำมสมั พันธ์ของสถำบนั ทำงสงั คมได้
สถาบนั ทางสงั คม
บทบาท ของสถาบนั ทางสงั คม สถาบันครอบครัว สงั คมไทยมกี ำรขยำยตัวของครอบครัวเดีย่ วเพิม่ ขนึ้ เนอ่ื งจำก สภำพสงั คมและวถิ ชี ีวิตทเ่ี ปล่ียนแปลงไป บทบาทสาคญั ของสถาบันครอบครัว ๑ . ให้กำเนิดสมำชิกใหม่ และเล้ยี งดูสมำชิกของครอบครัวให้เจรญิ เตบิ โตอย่ำงมี คุณภำพ ๒ . ทำหนำ้ ที่อบรมขดั เกลำสมำชกิ ให้เปน็ คนดี ๓ . ถำ่ ยทอดวฒั นธรรมให้แก่สมำชิกท่ีกำเนิดใหม่ ๔ . กำหนดแนวปฏบิ ัตเิ กี่ยวกับควำมสัมพนั ธ์ของสมำชกิ ในครอบครวั
สถาบนั การศกึ ษา เป็นแบบแผนกำรคดิ กำรกระทำที่เกี่ยวขอ้ งกบั กำรใหก้ ำรศึกษำและ กำรฝึกอบรมในด้ำนตำ่ งๆ ให้แกส่ มำชกิ ในสังคม บทบาทสาคัญของสถานศกึ ษา ๑ . เสริมสรำ้ งควำมรูใ้ นด้ำนต่ำงๆ ให้แก่สมำชิกในสังคม เพือ่ ใหน้ ำควำมรู้ทไี่ ดร้ ับไป ประกอบอำชีพ พฒั นำชวี ติ และสังคมตอ่ ไป ๒ . สง่ เสริมใหบ้ ุคคลเปน็ คนดี มีศีลธรรม มีค่ำนยิ ม ท่ดี งี ำม และรจู้ ัก ระเบียบแบบแผน ของสงั คม ๓ . ส่งเสริมให้บคุ คลร้จู กั สทิ ธิหน้ำท่ีทต่ี นพึงปฏิบตั ิต่อสังคมและประเทศชำติ
สถาบันศาสนา เปน็ แบบแผนกำรคิดกำรกระทำที่กำหนดแนวทำงกำรปฏบิ ตั ขิ อง สมำชิกในสังคม บทบาทสาคญั ของสถาบันศาสนา ๑ . เป็นศนู ยร์ วมควำมศรทั ธำ ๒ . ควบคุมควำมประพฤติของสมำชกิ ในสงั คมท่ี นอกเหนอื จำกกำรควบคมุ ของ กฎหมำย ๓ . ชว่ ยใหส้ มำชิกในสงั คมมีควำมสงบสุขในจติ ใจ สำมำรถแก้ปญั หำและตดั สินใจ ได้อย่ำงถกู ต้อง ๔ . ชว่ ยปลกู ฝังคำ่ นิยมทีด่ ีงำมใหแ้ กส่ มำชิกในสังคม
สถาบนั เศรษฐกจิ เป็นแบบแผนกำรคิดกำรกระทำทเี่ กย่ี วกับเรื่องกำรผลติ และกำร บรกิ ำร กำรแลกเปลี่ยน จำหนำ่ ย แจกจำ่ ยสินค้ำ และกำรให้บรกิ ำร ต่ำงๆ บทบาทสาคัญของสถาบนั เศรษฐกจิ ๑ . สรำ้ งแบบแผนและเกณฑ์ในกำรผลติ สนิ คำ้ ให้ได้มำตรฐำน ๒ . กำหนดกลไกรำคำท่เี หมำะสม ๓ . ผลติ เคร่ืองอปุ โภคบรโิ ภค เทคโนโลยี และกำรบรกิ ำรต่ำงๆ ๔ . กระจำยสนิ คำ้ และบรกิ ำรแก่สังคม ๕ . เปน็ ตวั บง่ ชีฐ้ ำนะทำงเศรษฐกจิ ของสมำชิกในสงั คม
สถาบันการเมืองการปกครอง เป็นแบบแผนกำรคิดกำรกระทำท่กี ำหนดระบบอำนำจในกำรจัด ระเบยี บภำยในสงั คม และอำนำจในกำรปกปอ้ งควำมมั่นคงจำก สงั คม หรือศัตรูภำยนอก บทบาทสาคญั ของสถาบันการเมอื งการปกครอง ๑ . สรำ้ งควำมมัน่ คงใหแ้ ก่สงั คม ๒ . รกั ษำควำมปลอดภยั ให้แกป่ ระเทศชำติ ๓ . ใหบ้ รกิ ำรสำธำรณะต่ำงๆ แกป่ ระชำชน
สถาบนั นันทนาการ เป็นแบบแผนกำรคิดกำรกระทำทีเ่ กี่ยวกับเรือ่ งกำรผลติ และกำร บรกิ ำร กำรแลกเปลยี่ น จำหน่ำย แจกจ่ำยสนิ ค้ำ และกำรให้บริกำร ต่ำงๆ บทบาทสาคญั ของสถาบนั นันทนาการ ๑ . ทำใหค้ นในสงั คมใช้เวลำว่ำงให้เป็นประโยชน์ในทำงสร้ำงสรรค์ ๒ . ชว่ ยผ่อนคลำยควำมตึงเครียดให้คนในสงั คม ๓ . ช่วยตอบสนองควำมต้องกำรทำงสังคมในรูปแบบควำมบันเทิงต่ำงๆ ซ่งึ กอ่ ให้เกิด ควำมเพลิดเพลนิ และเกิดกำรคิดค้นรปู แบบกำรแสดงใหม่ๆ ข้ึนมำ
สถาบนั สื่อสารมวลชน เปน็ แบบแผนกำรคิดกำรกระทำในเรอ่ื งกำรตดิ ต่อ หรอื สง่ ข่ำวสำร ขอ้ มลู ประสบกำรณ์ บทบำทของสงั คมในดำ้ นตำ่ งๆ ไปสปู่ ระชำชน รวมท้งั ให้ควำมรแู้ ละควำมบันเทิงแกค่ นในสังคม บทบาทสาคัญของสถาบนั สือ่ สารมวลชน ๑ . สง่ ข่ำวสำรในดำ้ นตำ่ งๆ ให้คนในสังคมรบั รู้ ๒ . นำเสนอควำมคดิ ของประชำชนออกไปสสู่ ำธำรณชน ๓ . ถำ่ ยทอดควำมรู้ วัฒนธรรม และควำมบันเทงิ แกป่ ระชำชน
แผนผงั แสดงความสมั พันธ์ ของสถาบนั ทางสังคม สถำบนั ครอบครวั สถำบันศำสนำ สถำบันสือ่ สำรมวลชน สถำบนั เศรษฐกจิ สถาบันทางสงั คม สถำบันกำรเมอื ง กำรปกครอง สถำบนั กำรศึกษำ สถำบนั นันทนำกำร
ความสมั พนั ธ์ ของสถาบันทางสงั คม ความสมั พนั ธ์ทางตรง ควำมสมั พันธท์ ำงตรง เป็นควำมสัมพันธ์ทีม่ ลี กั ษณะเกย่ี วข้องกันโดยตรง ควำมสมั พันธ์ของคนในสังคมจะเก่ียวพันกันเปน็ ลูกโซ่ เปน็ ตำข่ำย ครอบคลมุ ไปท่วั ท้ังสังคม โดยไมแ่ ยกสถำบันออกเป็นสว่ น ๆ ทำให้ สำมำรถมองเห็นสงั คมเปน็ องคร์ วม ความสัมพนั ธท์ างออ้ ม ควำมสัมพนั ธท์ ำงออ้ ม เปน็ ควำมสัมพันธ์ท่ไี มไ่ ดเ้ กีย่ วข้องกนั โดยตรง ปจั จุบันควำมกำ้ วหน้ำด้ำนกำรคมนำคมขนส่งและกำรสือ่ สำร ทำให้สังคมแคบลง คนท่ีไมร่ ู้จกั กนั สำมำรถติดตอ่ สัมพันธก์ ันได้ในสงั คม ออนไลนจ์ นเกิดเปน็ ควำมสัมพันธ์ในรปู แบบต่ำงๆ ตำมมำ
หน้าท่ีพลเมือง วัฒนธรรมและการดรงชวี ิตในสงั คม ช้นั มัธยมศึกษาปที ี่ ๒ หน่วยกำรเรยี นรูท้ ี่ หน่วยกำรเรยี นรูท้ ี่ หน่วยกำรเรยี นรู้ท่ี กลุม่ สาระการเรียนรสู้ งั คมศกึ ษา ศาสนา และวฒั นธรรม ๑ ๒ ๓ หนว่ ยกำรเรียนรู้ที่ หน่วยกำรเรียนร้ทู ่ี ๔๕ ๑_หลกั สูตรวชิ าหนา้ ทีพ่ ลเมอื ง ๒_แผนการจดั การเรียนรู้ ๓_PowerPoint_ประกอบการสอน ๔_ใบงาน_เฉลย ๕_ข้อสอบประจาหน่วย_เฉลย ๖_การวดั และประเมนิ ผล ๗_เสริมสาระ ๘_ส่อื เสรมิ การเรยี นรู้ บริษัท อักษรเจรญิ ทัศน์ อจท. จำกัด : 142 ถนนตะนำว เขตพระนคร กรุงเทพฯ 10200 Aksorn CharoenTat ACT.Co.,Ltd : 142 Tanao Rd. Pranakorn Bangkok 10200 Thailand โทรศพั ท์ : 02 622 2999 โทรสำร : 02 622 1311-8 [email protected] / www.aksorn.com
๕หน่วยการเรยี นรู้ที่ วัฒนธรรมของไทยและวฒั นธรรม ของประเทศในภูมภิ าคเอเชยี จุดประสงคก์ ารเรยี นรู้ • อธิบำยควำมคลำ้ ยคลึงและควำมแตกตำ่ งของวฒั นธรรมไทยและวฒั นธรรมไทยและวฒั นธรรมของประเทศในภูมภิ ำคเอเชยี เพอื่ นำไปสู่ควำมเขำ้ ใจอันดรี ะหว่ำงกนั ได้
วัฒนธรรม ท่ีมำภำพ : Travelandtourworld.com
ความรู้ ทุกสิง่ ที่มนษุ ยส์ ร้ำงขนึ้ และนำมำใช้ในชวี ติ ประจำวนั โดยไดถ้ ำ่ ยทอดจำกบรรพบรุ ุษ มำยงั ชนรุน่ หลัง เกี่ยวกบั วฒั นธรรม วัฒนธรรม
ที่มา ของวฒั นธรรม ลกั ษณะสภำพแวดลอ้ ม ทำงภมู ศิ ำสตร์ อิทธพิ ลทำงศำสนำ และควำมเช่ือ ที่มาของวฒั นธรรม กำรประดิษฐค์ ดิ คน้ สร้ำงสรรค์ ภมู หิ ลงั ทำงประวัติศำสตร์ กำรรบั วฒั นธรรมอื่น มำปรบั ใช้
ลักษณะ ของวฒั นธรรม วฒั นธรรมท่เี กยี่ วข้องกบั พระมหากษัตรยิ ์ พระราชพธิ ฉี ตั รมงคล เป็นพระรำชพิธฉี ลองพระเศวตฉัตร จัดขึ้นในวนั ซึง่ ตรง กบั วันบรมรำชำภเิ ษกของพระมหำกษัตรยิ ์องค์นั้นๆ ซ่งึ ใน ปจั จุบนั ตรงกับวนั ท่ี ๕ พฤษภำคมของทุกปี โดยพสกนิกร และรฐั บำลรว่ มกนั จดั งำน เรยี กวำ่ “รัฐพธิ ีฉัตรมงคล” หรอื “พระราชพธิ ีฉตั รมงคล”
พระราชพิธีพืชมงคลจรดพระนงั คัลแรกนาขวัญ จัดขึ้นในเดือนหกของทุกปี เพ่ือสร้ำงขวัญและกำลังใจ แก่เกษตรกร พระรำชพธิ ปี ระกอบด้วย ๒ พธิ รี วมกัน ได้แก่ • พระราชพิธพี ืชมงคล เป็นพิธีสงฆ์ จดั ขน้ึ ในวนั แรก ภำยในพระอุโบสถวดั พระศรรี ัตนศำสดำรำม • พระราชพธิ จี รดพระนังคัลแรกนาขวัญ เปน็ พธิ ีพรำหมณ์ จัดในวันรุ่งข้นึ ณ มณฑลพิธี ทอ้ งสนำมหลวง
ประเพณีและวฒั นธรรมที่เกี่ยวข้องกับพระพทุ ธศาสนา ประเพณีวนั วสิ าขบูชา กำรบูชำในวันเพญ็ เดือนวสิ ำขะหรือเดือนหก เน่ืองในโอกำสคลำ้ ยวันท่ีพระพุทธเจำ้ ประสตู ิ ตรัสรู้ และเสด็จดบั ขนั ธปรนิ ิพพำน ประสตู ิ ตรสั รู้ ปรินพิ พำน ท่มี ำภำพ : mg.onab.go.th
ประเพณีตกั บาตรเทโว กำรตกั บำตรในวันแรม ๑ คำ่ เดือน ๑๑ ซ่งึ เป็นวนั ทพ่ี ระพุทธเจ้ำเสดจ็ ลงจำกสวรรค์ช้นั ดำวดึงส์ หลงั จำกทรงแสดง พระอภธิ รรมโปรดพระพทุ ธมำรดำ พุทธศำสนิกชนร่วมกันตักบำตรเทโว
วัฒนธรรมทีเ่ กี่ยวขอ้ งกบั ศาสนาอน่ื ๆ พธิ ลี ้างบาป เปน็ พิธีกรรมของศำสนำครสิ ต์ ซ่ึงเชอื่ ว่ำมนุษย์มีบำป ตดิ ตัวมำตง้ั แตก่ ำเนดิ ดังนน้ั เดก็ เกดิ ใหมห่ รือผู้ทีจ่ ะเปน็ ครสิ ตศ์ ำสนิกชนต้องทำพธิ ลี ้ำงบำป เพอ่ื ชำระร่ำงกำย และใจใหบ้ รสิ ุทธิ์
ประเพณกี ารเกดิ เปน็ ประเพณขี องศำสนำอิสลำม มีวตั ถุประสงคเ์ พอื่ ให้ มำรดำและทำรกมสี ขุ ภำพแขง็ แรงและปลอดภัยตง้ั แต่เริ่ม ตั้งครรภ์จนกระทงั่ คลอด โดยหลังจำกคลอดจะทำพธิ อี ะซำน ท่ีหขู วำและอิกอมะฮท์ ่ีหูซำ้ ย เพ่อื ให้เป็นมสุ ลมิ ที่สมบูรณ์ และ หลังจำกคลอดได้ ๗ วัน จะทำพิธีโกนผมไฟ
วัฒนธรรมทีเ่ กยี่ วข้องกับอาชีพ ประเพณกี ารทาขวัญข้าว เปน็ ประเพณีท่ชี ำวนำทำเพอ่ื เรียกขวัญขำ้ ว ให้ขำ้ วงอกงำมอดุ มสมบรู ณ์และไมห่ นีไปจำกทุ่งนำ โดยมกั ทำกันในช่วงหลังออกพรรษำ
ประเพณีบุญวันสารทไทย เปน็ เทศกำลทำบญุ สิน้ เดือนสบิ ของไทย โดยชำวบำ้ น จะนำอำหำร กระยำสำรท กล้วยไขแ่ ละพืชผลทำงกำรเกษตร ทปี่ ลกู ไวไ้ ปตกั บำตรและบูชำส่ิงศกั ดส์ิ ทิ ธิ์ท่ีวัด เพ่อื เฉลิมฉลอง ทีพ่ ืชพันธ์ุธัญญำหำรเหลำ่ นนั้ ใหผ้ ลผลติ เป็นครง้ั แรกในฤดกู ำร เพำะปลูกน้ัน ๆ
ความคล้ายคลงึ และความแตกต่าง ระหวา่ งวัฒนธรรมของประเทศในภูมภิ าคเอเชยี
ลกั ษณะวัฒนธรรมของประเทศในภมู ภิ าคเอเชยี วัฒนธรรมจีน ด้านศาสนาและลัทธคิ วามเชอื่ ชำวจนี สว่ นใหญ่นบั ถอื ลัทธิขงจือ้ ซ่ึงเปน็ ลทั ธิควำมเชื่อทเี่ กิดขึ้นในจนี เน้นหลักควำมรคู้ คู่ ุณธรรม ด้านอาหาร ชำวจีนนยิ มรับประทำนผักและธญั พืชเป็นหลกั ซ่ึงอำหำรทรี่ ้จู ักท่ัวไป เช่น กว๋ ยเตย๋ี ว ตมิ่ ซำ กระเพำะปลำ เป็นตน้ มอี ปุ กรณ์กำรกินท่สี ำคญั คือ ตะเกยี บ
ดา้ นการแตง่ กาย ชำวจนี แตล่ ะชำติพันธ์จุ ะมเี คร่อื งแตง่ กำยเป็นของตนเอง โดยมีชุด ประจำชำตทิ ีเ่ ปน็ เอกลักษณ์ คอื ชดุ กี่เพำ้ หรอื ฉีผำว ดา้ นภาษาและวรรณกรรม ภำษำประจำชำติของจีน คอื ภำษำจนี แมนดำริน ซงึ่ เปน็ ภำษำเขยี น สว่ นภำษำพูดจะมหี ลำกหลำยสำเนียงตำมกลุ่มชำติพนั ธุ์ สว่ นวรรณกรรม ทีส่ ำคญั ของจนี เชน่ สำมกก๊ ไซอ๋ิว เป็นต้น ดา้ นศิลปะและสถาปตั ยกรรม จนี มชี อ่ื เสียงในกำรประดิษฐ์เครอื่ งถว้ ยชำมสงั คโลก และสถำปัตยกรรม ท่ีย่ิงใหญ่ โดดเด่น มเี อกลกั ษณเ์ ฉพำะ
วฒั นธรรมอนิ เดีย ด้านศาสนาและลทั ธคิ วามเช่อื ชำวอินเดียกว่ำร้อยละ 80 นับถอื ศำสนำพรำหมณ์-ฮินดู ส่วนท่ีเหลือ นับถอื พระพทุ ธศำสนำ และศำสนำอิสลำม ตำมลำดบั ด้านอาหาร ชำวอินเดยี เนน้ ใชเ้ ครื่องเทศในกำรปรุงอำหำร มอี ำหำรที่เป็นเอกลักษณ์ และขนึ้ ช่อื คอื โรตี สว่ นกำรรับประทำนจะนยิ มใชม้ ือในกำรรับประทำน อำหำร
การแต่งกาย สตรพี นื้ เมืองของอินเดยี นยิ มน่งุ สำ่ หรีหรอื กระโปรงจบี ดอกแดง หรือ กำงเกงขำยำวสขี ำว ส่วนผู้ชำยจะนงุ่ ผ้ำขำว โพกผ้ำ และนยิ มไว้หนวดเครำ ด้านภาษาและวรรณกรรม อนิ เดียมภี ำษำพูดมำกกว่ำ 2,000 ภำษำ แต่จะใชภ้ ำษำฮนิ ดแี ละภำษำ อังกฤษ เปน็ ภำษำรำชกำร ส่วนวรรณคดที ี่มชี ือ่ เสยี ง เช่น มหำภำรตะ รำมำยณะ หิโตปเทศ นิทำนเวตำล เปน็ ตน้ ดา้ นศิลปะและสถาปัตยกรรม สถำปตั ยกรรมของอินเดียเนน้ กำรแกะสลกั และก่อสรำ้ งศำสนสถำน ทอี่ ลังกำร สว่ นศลิ ปะด้ำนดนตรแี ละนำฏศลิ ปท์ ่ีสำคญั ได้แก่ ภำรตนำฏยมั กถกึ กำลิ และมณีปุระ
วฒั นธรรมอสิ ลาม ด้านศาสนาและลทั ธิความเชอ่ื แหลง่ กำเนิดศำสนำอิสลำมทเี่ มืองมกั กะฮฺ ประเทศซำอุดอิ ำระเบยี ในแตล่ ะ ปจี ะมีชำวมสุ ลิมเดนิ ทำงมำแสวงบุญเปน็ จำนวนมำก ดา้ นอาหาร ชำวมุสลมิ นยิ มรับประทำนเนอื้ สตั ว์ (ยกเว้นเนอ้ื หม)ู ถว่ั และผลไม้ เปน็ หลัก โดยอำหำรท่ีมีช่ือเสียง เชน่ ฟำลำเดล เคบับ ขนมปงั พิต้ำ เป็นต้น
การแต่งกาย กำรแต่งกำยท่เี ป็นเอกลกั ษณ์ของชำวอำหรบั คือ กำรสวมเส้อื คลมุ ท่เี รียกว่ำ บิชตห์ รอื มิซละหุ และเสื้อโตบ๊ หรอื ดชิ ดำชะฮุ โดยสวมเขำ้ ชุดกบั มตุ เรำะหแ์ ละ เสวยี นคำดศีรษะ ด้านภาษาและวรรณกรรม ภำษำสำคญั ที่ใช้กนั คอื ภำษำอำหรบั ส่วนวรรณกรรมทีส่ ำคญั เชน่ พนั หนึ่งทิวำ อำหรับรำตรี เป็นต้น ด้านศลิ ปะและสถาปัตยกรรม ส่วนใหญไ่ ดร้ ับอิทธพิ ลมำจำกศำสนำอสิ ลำม โดยสถำปตั ยกรรมทส่ี ำคญั เช่น วหิ ำรทองแห่งนครเยรูซำเลม็ ประเทศอิสรำเอล เป็นต้น
ความคลา้ ยคลึงและความแตกตา่ ง ของวฒั นธรรมไทยกับวัฒนธรรมของประเทศในภมู ภิ าคเอเชยี วฒั นธรรมด้านท่ีอยอู่ าศัย เรอื นไทย บ้านชาวญี่ปุ่น บ้านชาวอาหรับ คนไทยมักสรำ้ งบำ้ นท่มี เี สำสงู จำกพืน้ มี คนญ่ีป่นุ นยิ มสร้ำงบำ้ นด้วยไม้ ชำวอำหรับในเขตทะเลทรำยจะสร้ำง หนำ้ ตำ่ งหลำยบำน และมชี ำนเรือนโลง่ ภำยในห้องปูดว้ ยเส่อื บ้ำนที่มฝี ำผนังทึบ เพอื่ ป้องกนั ควำม รอ้ นและควำมหนำวเยน็
วฒั นธรรมดา้ นอาหาร ตวั อย่ำงอำหำร ทม่ี ำภำพ : TRONGDEE.com อำหำรของคนเอเชียสว่ นใหญ่ประกอบดว้ ยขำ้ ว เน้อื สตั ว์ และพชื ผัก โดยในภมู ภิ ำคเอเชียตะวนั ออกเฉยี งใต้และเอเชยี ตะวนั ออกจะรบั ประทำนอำหำรที่มีลักษณะคลำ้ ยคลงึ กับไทย สว่ นในภมู ภิ ำคเอเชียตะวนั ตกเฉียงใตจ้ ะแตกต่ำงกบั คนไทย เชน่ คนอำหรบั จะนึ่งขำ้ วผสมกับผกั หลำยชนิด รับประทำนกบั เนื้อแกะและนมแพะ เปน็ ต้น
วฒั นธรรมด้านภาษาและวรรณคดี ตวั อยำ่ งวรรณคดี ประชำกรในทวีปเอเชยี มีภำษำพูดและภำษำเขียนจำนวนมำก โดยประเทศสว่ นใหญ่จะมีภำษำประจำชำตเิ ปน็ ของตน เช่น ภำษำสงิ หลของประเทศศรลี งั กำ ภำษำเขมรของประเทศกัมพชู ำ ภำษำเกำหลขี องประเทศเกำหลี เป็นต้น สำหรับวรรณคดขี องทวปี เอเชียที่มีอทิ ธิพลตอ่ ไทย เช่น สำมก๊กของจนี รำมำยณะของอนิ เดยี เป็นต้น
วฒั นธรรมดา้ นการแต่งกาย ตวั อยำ่ งกำรแต่งกำย ในปจั จุบันกำรแตง่ กำยของประชำกรในทวปี เอเชยี ไม่แตกตำ่ งกนั นัก เน่อื งจำกมลี กั ษณะเป็นชุดแบบสำกล แตก่ ย็ ังมชี ดุ ประจำชำติท่ีแตกต่ำงกันออกไป ซงึ่ มีควำมเป็นเอกลกั ษณ์เฉพำะตัว บง่ บอกควำมเปน็ ชำตินั้นๆ ไดเ้ ปน็ อยำ่ งดี
วฒั นธรรมดา้ นการนบั ถือศาสนา ตัวอย่ำงกำรนบั ถอื ศำสนำต่ำงๆ ทวปี เอเชยี เปน็ แหล่งกำเนิดศำสนำสำคญั ของโลก ไดแ้ ก่ • ศำสนำครสิ ต์และศำสนำอสิ ลำม กำเนิดข้นึ ในเอเชยี ตะวนั ตกเฉยี งใต้ • พระพทุ ธศำสนำ ศำสนำพรำหมณ-์ ฮินดู และศำสนำเชน กำเนดิ ข้ึนในเอเชยี ใต้ • ลัทธิเตำ๋ ลทั ธิขงจ้ือ และลัทธชิ นิ โต กำเนดิ ขึน้ ในเอเชยี กลำง
Search
Read the Text Version
- 1
- 2
- 3
- 4
- 5
- 6
- 7
- 8
- 9
- 10
- 11
- 12
- 13
- 14
- 15
- 16
- 17
- 18
- 19
- 20
- 21
- 22
- 23
- 24
- 25
- 26
- 27
- 28
- 29
- 30
- 31
- 32
- 33
- 34
- 35
- 36
- 37
- 38
- 39
- 40
- 41
- 42
- 43
- 44
- 45
- 46
- 47
- 48
- 49
- 50
- 51
- 52
- 53
- 54
- 55
- 56
- 57
- 58
- 59
- 60
- 61
- 62
- 63
- 64
- 65
- 66
- 67
- 68
- 69
- 70
- 71
- 72
- 73
- 74
- 75
- 76
- 77
- 78
- 79
- 80
- 81
- 82
- 83
- 84
- 85
- 86
- 87
- 88
- 89
- 90
- 91
- 92
- 93
- 94
- 95
- 96
- 97
- 98
- 99
- 100
- 101
- 102
- 103
- 104
- 105
- 106
- 107