๔หนว่ ยการเรยี นร้ทู ่ี สังคมไทย จดุ ประสงคก์ ารเรียนรู้ ๑ . วเิ ครำะห์ปัจจยั ที่กอ่ ให้เกิดปญั หำควำมขัดแยง้ ในประเทศ และเสนอแนวคิดในกำรลดควำมขัดแย้งได้ ๒ . เสนอแนวคดิ ในกำรดำรงชวี ิตอยำ่ งมีควำมสขุ ในประเทศและสังคมโลกได้
ลกั ษณะของสงั คมไทย มพี ระพทุ ธศาสนา มีความรักในถ่ินฐาน เป็นศาสนาหลัก บ้านเกดิ ของตน เคารพเทดิ ทูน สถาบันพระมหากษตั รยิ ์ รักความเปน็ อิสระและ เปน็ สงั คมเกษตรกรรม มคี วามยดึ ม่ัน ในประเพณแี ละ มเี สรีภาพ สว่ นบุคคล วฒั นธรรมไทยอนั ดงี าม
ลกั ษณะของสถาบันทางสังคม สถาบนั ครอบครวั อบรมสัง่ สอนสมำชิกภำยในครอบครวั ให้รู้จักแบบแผนของสงั คม สถาบันการศกึ ษา ถ่ำยทอดควำมรู้และวฒั นธรรมต่ำงๆ ให้แกส่ มำชิกในสังคม สถาบนั ศาสนา เสริมสร้ำงคณุ ธรรมและจริยธรรมทดี่ ีให้คนในสังคม สถาบนั เศรษฐกจิ ตอบสนองควำมต้องกำรของสมำชกิ ในสังคมด้ำนปจั จยั สี่
สถาบันการเมืองการปกครอง รกั ษำควำมสงบเรียบร้อยของสงั คม สถาบนั นนั ทนาการ ใหค้ วำมบนั เทงิ ส่งเสรมิ ให้คนในสงั คมร้จู กั ใช้เวลำวำ่ งใหเ้ ปน็ ประโยชน์ สถาบนั สอ่ื สารมวลชน นำเสนอข่ำวสำรขอ้ มลู ต่ำงๆ ถ่ำยทอดสคู่ นในสงั คม
ปจั จัยทก่ี ่อใหเ้ กิความขดั แย้ง การเมอื งการปกครอง ความแตกตา่ งทางความคิดดา้ นการเมือง ความแตกตา่ งทางด้านเชือ้ ชาติ • ในปจั จุบนั คนไทยสำมำรถแสดงออกทำงกำรเมืองได้ • มผี ลทำใหเ้ กิดควำมขดั แย้งในกำรปกครอง อำจเกดิ อคติ อยำ่ งกวำ้ งขวำง จึงทำให้เกิดภำพควำมขดั แย้งอย่ำง ต่อคนต่ำงเชอ้ื ชำติ และนำไปสปู่ ญั หำทำงกำรเมืองได้ ชดั เจน จนบำงครั้งก็นำไปสู่ควำมรุนแรง
ปัญหาการคอร์รปั ช่นั ความไมเ่ ทา่ เทียมกันในสังคม • เปน็ ปัญหำที่สำคัญอย่ำงมำก เพรำะก่อใหเ้ กิดควำม • ปญั หำควำมเหล่อื มลำ้ ในด้ำนต่ำงๆ สง่ ผลให้คนไทยเกดิ เสียหำยแกป่ ระเทศชำติและประชำชนโดยส่วนรวม ควำมแตกต่ำงกนั จนบำงครัง้ ก่อใหเ้ กิดควำมขดั แย้งและ นำไปสคู่ วำมแตกแยกภำยในสังคมได้ รวย จน
เศรษฐกจิ และสงั คม ความไมเ่ ทา่ เทยี มกันทางเศรษฐกิจ เกดิ การผกู ขาดทางการคา้ • เกดิ กำรแบ่งชนช้นั ทำงสงั คมระหวำ่ งคนรวยกบั คนจน • เม่อื ฐำนะทำงเศรษฐกจิ แตกตำ่ งกันมำกโอกำสทำงกำร และส่งผลใหเ้ กดิ กำรเอำรดั เอำเปรยี บ ครอบครองปจั จยั กำรผลิตโดยเฉพำะท่ดี ินมักเปน็ ของ นำยทนุ เกษตรกรบำงคนไมม่ ที ด่ี ินเปน็ ของตนเอง จงึ เกดิ กำรแย่งชงิ ทรพั ยำกร
ความเช่ือ มคี วามยึดมั่นในศาสนาของตนเอง ความมอี คติ • เปน็ ลกั ษณะของกำรยึดมน่ั ในศำสนำอยำ่ งเครง่ ครดั จน • กำรมีอคติตอ่ คนท่ีนบั ถอื ศำสนำและควำมเชือ่ ท่ีแตกตำ่ ง เกนิ พอดี และไม่เปิดรับศำสนำอ่นื ๆ ไปจำกตน อกี ท้ังไมย่ อมรบั และต่อตำ้ นจำรีตประเพณี ของศำสนำอ่นื
ปัญหาสงั คม และแนวทางแกไ้ ข ปัญหาส่งิ แวดลอ้ ม สาเหตุ ผลกระทบ แนวทางการแกไ้ ข • ประชำกรเพม่ิ ขึน้ อยำ่ งรวดเร็ว • ท่ีอย่อู ำศยั ไม่เพียงพอ • มีมำตรกำรกำรลดอตั รำกำรเพ่ิม • กำรพัฒนำอุตสำหกรรมและกำร • ผู้คนมสี ขุ ภำพไมด่ ี ประชำกร • เกดิ ภัยพบิ ัติทำงธรรมชำติ คมนำคมขนส่ง • รณรงค์กำรขจดั มลพิษทำงอำกำศ • กำรพัฒนำเกษตรกรรม นำ้ และเสียง • รว่ มกันปลูกปำ่
ปัญหายาเสพติด สาเหตุ ผลกระทบ แนวทางการแก้ไข • ควำมอยำกรู้ อยำกลอง และคกึ • ผ้เู สพมสี ขุ ภำพร่ำงกำยและจติ ใจ • ครอบครัวจะตอ้ งสร้ำงควำมรกั คะนองของตวั ผเู้ สพ ไมป่ กติ ควำมเข้ำใจ และร่วมกนั แกไ้ ข ปญั หำด้วยสตปิ ัญญำและควำม • กำรชกั จงู หรอื ถูกหลอกลอ่ ให้ • สูญเสียแรงงำนหรอื บุคลำกร รอบคอบ ทดลองเสพยำ • เกิดปัญหำสังคม เกดิ อำชญำกรรม • ทุกคนควรศกึ ษำใหร้ ู้เท่ำทันถงึ ภยั • กำรหำรำยไดเ้ พิ่มในทำงทผี่ ดิ อันตรำยของยำเสพตดิ • ทุกหน่วยงำนควรส่งเสรมิ กำร ประชำสมั พนั ธใ์ ห้ผู้คนไดร้ ับรู้ถึง ปญั หำและโทษของยำเสพติด
ปญั หาอาชญากรรม สาเหตุ ผลกระทบ แนวทางการแกไ้ ข • เศรษฐกจิ ตกตำ่ ประชำชนยำกจน • ประชำชนเกิดควำมรู้สึกไม่ • บังคบั ใชก้ ฎหมำยอยำ่ งเคร่งครัด แรน้ แค้น และคำ่ ครองชพี สงู ปลอดภัยในชวี ิตและทรพั ยส์ นิ • ลดชอ่ งโอกำสของกำรเกดิ • พ่อแมอ่ บรมสงั่ สอนลูกในทำงท่ีผิด • สงั คมขำดควำมมนั่ คง อำชญำกรรม เชน่ จัดเวรยำมดูแล ถูกเพ่อื นฝงู ชกั จงู ใหก้ ระทำผิด • สง่ ผลใหเ้ สียงบประมำณในกำร ชมุ ชน เพม่ิ แสงสวำ่ งในทเี่ ปน็ จดุ เส่ียง เปน็ ต้น • มคี วำมผิดปกตขิ องต่อมไรท้ อ่ ทมี่ ี ดำเนนิ งำนแกไ้ ขปัญหำ • ดูแลผปู้ ่วยจิตเวชอย่ำงใกล้ชดิ ฮอร์โมนแอนโดรเจนมำกเกนิ ไป อำชญำกรรม เพอื่ ปอ้ งกันไมใ่ หอ้ อกไปก่อ ทำให้มีพฤติกรรม ทกี่ ำ้ วรำ้ ว อำชญำกรรม
คดีอาชญากรรมท้ัง ๕ กลุ่ม เชน่ ฆำ่ โดยเจตนำ วำงเพลิง ปล้นทรัพย์ เป็นตน้ คดีอุกฉกรรจ์ เชน่ ฆำ่ พยำยำมฆ่ำ ทำรำ้ ยร่ำงกำย ขม่ ขืน เปน็ ตน้ และสะเทือนขวญั คดีประทษุ ร้ายต่อชีวติ เช่น ปล้นทรัพย์ ชงิ ทรพั ย์ ลกั ทรพั ย์ กรรโชกทรพั ย์ ทำใหเ้ สียทรพั ย์ และรับของโจร เปน็ ต้น คดปี ระทุษร้ายต่อทรพั ย์ เช่น ขม่ ขนื และฆำ่ โจรกรรมรถ ฉ้อโกง ยักยอก เปน็ ตน้ คดีท่นี า่ สนใจ เชน่ กำรพนันและสลำกกินรวบ ยำเสพตดิ คำ้ ประเวณี และ คดีทรี่ ฐั เปน็ ผู้เสยี หาย เผยแพร่วตั ถุลำมก มอี ำวธุ ปนื ครอบครองโดยผิดกฎหมำย เปน็ ตน้
ปญั หาทุจรติ ฉ้อราษฎร์บงั หลวง สาเหตุ ผลกระทบ แนวทางการแกไ้ ข • คำ่ นยิ มของคนในสงั คมท่ยี กย่องคน • เป็นบอ่ นทำลำยควำมมนั่ คงและ • สร้ำงจิตสำนึกและปลูกจติ สำนึกใน รำ่ รวย โดยไม่สนใจว่ำเงนิ นั้นได้มำ กำรพัฒนำประเทศ ทำให้สงั คม กำรปฏิบตั ิตนของเยำวชนใหอ้ ยบู่ น ดว้ ยวธิ ี กำรใด ขำดควำมม่ันคง พนื้ ฐำนของควำมสุจริต • ควำมบีบคัน้ ทำงเศรษฐกิจ • เกิดผลเสียต่อระบบรำชกำร • ใช้มำตรกำรลงโทษผกู้ ระทำควำม • ขำดกำรลงโทษที่เด็ดขำด • ส่งผลกระทบตอ่ ประชำชน ผิดฐำนทุจรติ คอรัปช่นั อยำ่ งรุนแรง • ควำมยนิ ยอมของประชำชนบำง เปน็ วงกวำ้ ง • ต้องมกี ำรนำเสนอขอ้ มลู ขำ่ วสำรที่ กล่มุ เก่ยี วกับกำรทุจริตอยำ่ งตรงไป ตรงมำ
แนวทางความร่วมมอื ในการลดความขัดแยง้ และสร้างความสมานฉันท์ แนวทางในการลดความขัดแย้ง ฟื้นฟคู วำมไวว้ ำงใจซ่งึ กนั และกนั ระหว่ำงกลมุ่ ลดเงือ่ นไขที่นำไปส่คู วำมรสู้ กึ อคติหรือเกลียดชงั หรือฝำ่ ยต่ำงๆ ในสงั คม ส่งเสริมให้มกี ำรพัฒนำบุคลำกร สรำ้ งควำมรว่ มมือกบั ทุกฝ่ำยท่เี ก่ยี วขอ้ ง พรอ้ มทงั้ จัดกำรควำมขดั แยง้ ดว้ ยสันตวิ ิธี ในกรณีท่สี ถำนกำรณค์ วำมขดั แยง้ มีควำมรนุ แรง หำแนวทำงหรอื วธิ กี ำรขับเคล่ือนใหส้ มำชิก ในชมุ ชนเขำ้ มำมสี ่วนร่วมในกำรแกป้ ญั หำควำมขัดแย้ง
แนวทางในการแกไ้ ขปัญหาความขดั แยง้ การเจรจาต่อรอง • เป็นกระบวนกำรพูดคุย ให้แก่บุคคลหรือกลุ่มบุคคลท้ังสองฝ่ำย เพื่อแก้ไข ปัญหำ ด้วยควำมสมัครใจ ไม่มีกำรบังคับ ไม่มีรูปแบบกำรเจรจำ วิธีกำรน้ีเป็น วิธกี ำรทส่ี ะดวกและรวดเร็ว การไกล่เกล่ีย • เป็นกระบวนกำรท่ีมีบุคคลท่ีสำมเป็นคนกลำงเข้ำให้คำแนะนำ และช่วยเหลือ คูก่ รณีในกำรเจรจำต่อรอง • เป็นกระบวนกำรทค่ี ู่กรณตี กลงให้บุคคลที่สำมเข้ำมำเป็นผู้ช้ีขำดข้อพิพำท โดย ตอ้ งปฏิบตั ติ ำมระเบียบ กฎหมำยและวิธกี ำรทกี่ ำหนด ฟ้องคดตี ่อศาล • เป็นกระบวนกำรตำมกฎหมำยที่คู่กรณีนำคดีขึ้นฟ้องร้องต่อศำลเพื่อระงับ ขอ้ พิพำท
การสร้างความสมานฉนั ทใ์ นชมุ ชน • ตงั้ องคก์ รท่ีประกอบด้วยภำครฐั และภำคประชำสงั คม เพื่อทำหน้ำท่สี ง่ เสรมิ สนั ติวธิ ี • ใหส้ ถำนศกึ ษำเป็นศนู ยก์ ลำงในกำรสรำ้ งควำมสำมคั คใี นชมุ ชน • ให้ประชำชนเข้ำรว่ มทำกิจกรรม เพอื่ พูดคยุ แลกเปล่ียนและรับฟงั ควำมคิดเห็นระหวำ่ งกัน
ปจั จยั สง่ เสริม การดารงชีวติ ใหม้ ีความสขุ แนวทางในการลดความขัดแย้ง กำรอยู่ร่วมกนั อยำ่ ง มีขนั ติธรรม กำรบรโิ ภคดว้ ย กำรใช้ชีวติ ตำม ปัญญำ ปรชั ญำเศรษฐกจิ พอเพยี ง กำรมองโลกในแงด่ ี กำรเหน็ คณุ คำ่ ใน ตวั เอง
หน้าท่ีพลเมือง วัฒนธรรมและการดารงชวี ติ ในสงั คม ชน้ั มธั ยมศึกษาปีท่ี ๓ หนว่ ยกำรเรียนรทู้ ่ี หนว่ ยกำรเรียนรู้ที่ หนว่ ยกำรเรยี นรู้ท่ี กลุม่ สาระการเรยี นรสู้ งั คมศกึ ษา ศาสนา และวัฒนธรรม ๑ ๒ ๓ หน่วยกำรเรียนรู้ที่ หนว่ ยกำรเรยี นรู้ที่ ๔๕ ๑_หลักสตู รวชิ าหนา้ ทพ่ี ลเมอื ง ๒_แผนการจัดการเรยี นรู้ ๓_PowerPoint_ประกอบการสอน ๔_ใบงาน_เฉลย ๕_ขอ้ สอบประจาหนว่ ย_เฉลย ๖_การวดั และประเมนิ ผล ๗_เสรมิ สาระ ๘_ส่ือเสริมการเรยี นรู้ บริษัท อกั ษรเจริญทัศน์ อจท. จำกัด : 142 ถนนตะนำว เขตพระนคร กรุงเทพฯ 10200 Aksorn CharoenTat ACT.Co.,Ltd : 142 Tanao Rd. Pranakorn Bangkok 10200 Thailand โทรศัพท์ : 02 622 2999 โทรสำร : 02 622 1311-8 [email protected] / www.aksorn.com
๕หน่วยการเรยี นรทู้ ่ี การเมืองการปกครองในยุคปัจจบุ ัน จดุ ประสงคก์ ารเรียนรู้ ๑ . อธบิ ำยระบอบกำรปกครองแบบตำ่ งๆ ทใี่ ชใ้ นยุคปัจจบุ ันได้ ๒ . วเิ ครำะห์ เปรียบเทยี บระบอบกำรปกครองของไทยกบั ประเทศอื่นๆ ท่มี กี ำรปกครองระบอบประชำธิปไตยได้ ๓ . วเิ ครำะหร์ ฐั ธรรมนญู ฉบบั ปัจจุบนั ในมำตรำต่ำงๆ ท่เี กี่ยวขอ้ งกับกำรเลอื กตงั้ กำรมีส่วนร่วมและกำรตรวจสอบกำรใชอ้ ำนำจรัฐได้ ๔ . วิเครำะห์ประเด็นปญั หำที่เปน็ อปุ สรรคต่อกำรพัฒนำประชำธปิ ไตยของประเทศไทยและเสนอแนวทำงแก้ไขได้
รูปแบบการปกครอง ในยคุ ปจั จุบนั การปกครองระบอบประชาธิปไตย การปกครองระบอบประชาธปิ ไตยในระบบรัฐสภา ประมขุ ของรัฐ แบบพระมหากษตั รยิ ภ์ ำยใต้รฐั ธรรมนญู พระมหำกษตั ริยท์ รงมีฐำนะเปน็ ประมขุ ของรัฐ แบบประธานาธบิ ดีเป็นกำรปกครองในลักษณะ “สำธำรณรฐั ” เปน็ ระบบรฐั สภำทีม่ ปี ระธำนำธบิ ดี เปน็ ประมุขของรฐั ซ่ึงมีทง้ั ทีม่ ำจำกกำรเลอื กตั้ง โดยตรงจำกประชำชนและกำรเลือกทำงอ้อมจำก รัฐสภำ ประเทศไทยมกี ารปกครองระบอบประชาธปิ ไตยอนั มพี ระมหากษัตริยท์ รงเปน็ ประมขุ
การปกครองระบอบประชาธปิ ไตยในระบบประธานาธบิ ดี ประมุขของรฐั คอื ผูท้ ด่ี ำรงตำแหน่งประธำนำธบิ ดี เป็นทง้ั ประมุขของรฐั และประมขุ ฝำ่ ยบรหิ ำรอยใู่ น บุคคลคนเดียวและมำจำกกำรเลอื กตง้ั ของประชำชน มอี ำนำจในกำรปกครองประเทศอยำ่ งแทจ้ ริง รัฐสภา เปน็ สถำบนั นติ ิบญั ญัติอำจมสี ภำเดียวหรอื สอง สภำก็ได้ขน้ึ อยู่กับวิธกี ำรของแต่ละประเทศ สมำชิกสภำ มำจำกกำรเลือกตงั้ ของประชำชน
การปกครองระบอบประชาธปิ ไตยในระบบกง่ึ ประธานาธิบดีกง่ึ รัฐสภา ประธานาธบิ ดฟี รังซัวส์ ออร์ลองด์ ประมขุ ของรฐั ประธำนำธบิ ดอี ยู่ในฐำนะประมขุ ของรฐั รว่ มบริหำรประเทศกบั แหง่ สาธารณรฐั ฝรง่ั เศส คณะรฐั มนตรีในฐำนะประธำนทปี่ ระชมุ คณะรฐั มนตรี ซง่ึ เทำ่ กบั วำ่ ประธำนำธบิ ดเี ปน็ ประมุขฝำ่ ยบริหำรอีกตำแหน่งดว้ ย คณะรัฐมนตรี ประกอบดว้ ยนำยกรัฐมนตรแี ละรฐั มนตรี ซง่ึ ได้รบั กำรแต่งตั้ง จำกประธำนำธบิ ดี และประธำนำธิบดีมอี ำนำจถอดถอนผู้ดำรงตำแหน่ง ดังกลำ่ วออกจำกตำแหน่งได้ รฐั สภา เป็นสภำนติ ิบัญญัติทม่ี ำจำกกำรเลอื กตั้งโดยประชำชน ซง่ึ โดยทว่ั ไป จะเป็นระบบสองสภำ ทำหน้ำที่ควบคมุ ฝ่ำยบริหำรหรือรัฐมนตรี หลักการใชอ้ นาจ ๑. หลกั การแยกอานาจ ๒. หลักการเชอื่ มโยงอานาจ
การปกครองระบอบเผด็จการ ระบอบเผดจ็ การแบบอานาจนยิ ม มุ่งควบคุมกจิ กรรม ทางการเมอื งเปน็ หลกั ไมม่ นี โยบายควบคมุ สถาบันทางสังคม มีการใช้อานาจรฐั เขา้ แทรกแซง กาหนดบทบาทและควบคมุ พฤตกิ รรมของพลเมอื งอยา่ งชดั เจน ครอบงากระบวนการยตุ ธิ รรม
ระบอบเผด็จการเบด็ เสรจ็ ยดึ มั่นในอดุ มการณ์ของผนู้ า ให้การยกยอ่ งผนู้ า มพี รรคการเมืองเพยี งพรรคเดยี ว มีการผูกขาดและแทรกแซงสื่อมวลชนทกุ ประเภท มุ่งเน้นหลกั กาลงั อานาจ ประชาชนเปน็ เพียงกลไกของรัฐ
การปกครองระบอบประชาธปิ ไตยในประเทศไทย การใช้อานาจนิตบิ ญั ญัติทางรัฐสภา อานาจหนา้ ท่ีในการเสนอชือ่ บุคคล • โดยบุคคลท่ีได้รับกำรเสนอช่ือจะต้องเป็นผู้ท่ีได้รับเสียงข้ำงมำกจำก เปน็ นายกรฐั มนตรี สมำชิกสภำผู้แทนรำษฎรเหน็ สมควรใหเ้ ป็นนำยกรัฐมนตรี อานาจหน้าที่ในการตรากฎหมาย • โดยกำรทำงำนร่วมกันระหว่ำงสภำผู้แทนรำษฎรและสมำชิกวุฒสิ ภำ หำกตรำกฎหมำยเห็นชอบจำกสภำผู้แทนรำษฎรแลว้ ก็สง่ ต่อไปยังสมำชิก วฒุ ิสภำ วำ่ มมี ติใหผ้ ำ่ นหรอื ไม่ โดยวฒุ สิ ภำมอี ำนำจในกำรยบั ยั้งร่ำงกฎหมำย อานาจหน้าที่ • มสี ิทธิอภปิ รำยลงมตไิ มไ่ วว้ ำงใจนำยกรฐั มนตรี และคณะรัฐมนตรี ในการควบคุมรฐั บาล
การใช้อานาจบรหิ ารทางคณะรฐั มนตรี ในกำรบริหำรรำชกำรแผน่ ดินและทำกำรบริหำรรำชกำรแผ่นดนิ ใหเ้ ป็นไปตำมนโยบำยทแ่ี ถลงไว้ตอ่ รัฐสภำ กาหนดนโยบาย เพ่ือให้ประชำชนไดร้ บั ควำมปลอดภัยและสำมำรถดำเนนิ ชีวติ ไดอ้ ย่ำงสงบสุข รกั ษากฎหมายและ ความสงบเรยี บรอ้ ย เพื่อใหข้ ้ำรำชกำรประจำนำนโยบำยไปปฏิบัตใิ ห้เกิดผลดี ควบคมุ ข้าราชการ เพอ่ื ใหด้ ำเนินงำนไปได้อย่ำงสอดคลอ้ งและมปี ระสิทธิภำพ ประสานงานกบั เพอ่ื ใหก้ ระทรวง กรม ถือปฏิบัติ กระทรวงต่างๆ ออกมตติ า่ งๆ
การใช้อานาจตุลาการทางศาล พจิ ำรณำวนิ จิ ฉัยคดีเกย่ี วกับควำมชอบด้วยรัฐธรรมนูญ ศาลรัฐธรรมนูญ เป็นศำลแรกในกำรดำเนนิ คดี พจิ ำรณำคดแี พง่ และคดีอำญำ ศาลยตุ ธิ รรม ศาลชนั้ ต้น ศาลอุทธรณ์ พจิ ำรณำคดขี น้ั สดุ ท้ำย ศาลฎกี า ศาลปกครอง พิจำรณำคดเี กี่ยวกับกำรใชอ้ ำนำจปกครองตำมกฎหมำย ศาลทหาร พจิ ำรณำพิพำกษำคดี ท่ีผกู้ ระทำผิดอยูใ่ นอำนำจศำลทหำร
เปรียบเทียบการปกครองของไทยกับประเทศอืน่ ท่ปี กครองแบบประชาธปิ ไตย รปู ของรัฐ • ประเทศฟิลิปปินส์และประเทศไทย เป็น “รัฐเดี่ยว” หรือ “เอกรัฐ” เช่น เดียวกัน แต่ฟิลิปปินส์เป็น “สำธำรณรัฐ” สว่ นประเทศไทยเป็น “รำชอำณำจักร” ประเทศมำเลเซียและสำธำรณรัฐอินเดีย เป็น “รัฐรวม” แบบ “สหพันธรัฐ” กล่ำวคือ ประเทศมำเลเซยี ประกอบด้วย ๑๓ รฐั ในขณะท่ีประเทศอินเดยี ประกอบดว้ ย ๓๑ รัฐ รูปแบบการปกครอง • ประเทศมำเลเซีย อินเดีย และไทย มีกำรปกครองในระบอบประชำธิปไตยในระบบรัฐสภำ ประเทศฟิลิปปินส์มีกำร ปกครองระบอบประชำธิปไตยในระบบประธำนำธิบดี ทง้ั นี้ขนึ้ อยกู่ บั เง่ือนไขควำมเป็นมำและประวัตศิ ำสตร์ของชำติ นนั้ ๆ ประมขุ ของรฐั • ประเทศมำเลเซยี และประเทศไทย มีพระมหำกษตั ริยท์ รงเปน็ พระประมุขของรฐั ภำยใต้รัฐธรรมนญู • พระมหำกษัตริย์หรือพระรำชำธิบดีของมำเลเซียได้รับเลือกจำกท่ีประชุมสุลต่ำน ส่วนประเทศไทยพระมหำกษัตริย์ทรงครองรำชย์ โดยนยั แหง่ กฎมณเฑียรบำลวำ่ ด้วยกำรสืบรำชสนั ตตวิ งศ์ • ประเทศฟลิ ิปปนิ สแ์ ละประเทศอินเดีย ประมุขของรัฐ คอื ประธำนำธบิ ดี ซงึ่ มำจำกกำรเลอื กตั้ง
ประมขุ ฝ่ายบรหิ าร • ประเทศมำเลเซียและประเทศไทย มีประมุขฝ่ำยบรหิ ำร คือ นำยกรัฐมนตรี • ประเทศฟิลปิ ปินสแ์ ละประเทศอินเดีย มปี ระมขุ ฝ่ำยบรหิ ำร คอื ประธำนำธบิ ดี รฐั สภา • ระบบรัฐสภำของท้ัง ๔ ประเทศเป็นระบบสองสภำหรือสภำคู่ประกอบด้วยสภำผ้แู ทนรำษฎรและวฒุ สิ ภำ พรรคการเมอื ง • พรรคกำรเมืองท้งั ๔ ประเทศ จัดเป็นระบบหลำยพรรค คณะผูบ้ รหิ ำรโดยทว่ั ไป จงึ มีลักษณะเป็นรัฐบำลผสม ซ่งึ เปน็ ลกั ษณะกำรเมืองกำรปกครองของประเทศทอ่ี ยู่ในช่วง “กำรพฒั นำประชำธปิ ไตย”
การเลือกต้งั การมีส่วนรว่ มทางการเมอื งของประชาชนไทยและการตรวจสอบอานาจรฐั • เป็นกำรเลือกต้ังท่ีให้สิทธิเสรีภำพแก่ประชำชนอย่ำงเต็มท่ี และเปน็ ไปตำมกำหนดเวลำท่ีบัญญัตไิ วใ้ นรฐั ธรรมนูญ • เปน็ กำรเลอื กต้งั ท่ใี หใ้ ช้วิธีออกเสียงลงคะแนนโดยเลอื กตั้งทำกำร ลงคะแนนเสยี งดว้ ยตนเอง และไม่เปดิ เผยใหผ้ ูอ้ ื่นทรำบ • เป็นกำรเลือกต้ังที่มีกำรโฆษณำประชำสัมพันธ์ เพ่ือชักชวน ให้ประชำชนออกไปใชส้ ทิ ธิเลือกตัง้ • เป็นกำรเลือกต้ังที่มีควำมยุติธรรมต่อบุคคลทุกฐำนะ ทุกคน ต่ำงมีสทิ ธิเท่ำเทยี มกนั ในกำรออกไปใช้สทิ ธิเลอื กตงั้
การมสี ว่ นร่วมทางการเมืองของประชาชน • ประชำชนมีสว่ นรว่ มในกำรกำหนดนโยบำย และวำงแผนพฒั นำเศรษฐกจิ และสงั คม • ประชำชนมสี ่วนรว่ มในกำรส่งเสรมิ และสนบั สนุน กำรตรวจสอบกำรใช้อำนำจรัฐ ทกุ ระดับ ในรูปแบบองค์กรวชิ ำชีพ หรอื ตำมสำขำอำชพี หรอื รปู แบบอน่ื • ประชำชนมีส่วนรว่ มในกำรสง่ เสริมและสนบั สนุน กำรวำงแผนพฒั นำเศรษฐกจิ และสงั คมรวมท้งั กำรจัดทำบรเิ วณสำธำรณะ • ประชำชนมีส่วนร่วมในกำรไปใช้สิทธเิ ลอื กต้ังโดยสุจรติ และเทีย่ งธรรม
การตรวจสอบทรัพยส์ นิ การตรวจสอบการใชอ้ านาจรัฐ การตรวจสอบการกระทาท่ีเป็น • ดำรงตำแหน่งทำงกำรเมอื ง หรอื ผ้บู รหิ ำรทอ้ งถนิ่ ตอ้ งยน่ื บญั ชี การขัดตอ่ ผลประโยชน์ แสดงรำยกำรทรพั ย์สินต่อคณะกรรมกำรป้องกนั และปรำบปรำม (ป.ป.ช) • ผู้ดำรงตำแหน่งทำงกำรเมือง หรือผู้บริหำรท้องถ่ินต้องไม่ก้ำวก่ำย หรือแทรกแซง เพ่ือผลประโยชน์ของตนเอง ของผู้อื่น หรือ ของพรรคกำรเมอื ง การถอดถอนจากตาแหนง่ • ผู้ดำรงตำแหน่งทำงกำรเมืองที่มีพฤติกรรมร่ำรวยผิดปกติ ส่อไป ในทำงท่ีทุจริตต่อหน้ำที่ ต่อตำแหน่งรำชกำรหรือส่อว่ำจงใจใช้ การดาเนินคดอี าญา อำนำจท่ขี ดั ต่อกฎหมำย ผดู้ ารงตาแหนง่ ทางการเมอื ง • ดำรงตำแหน่งทำงกำรเมือง หรือผู้บริหำรท้องถ่ินกระทำควำมผิด ตอ่ ตำแหนง่ หนำ้ ที่หรือทุจริตต่อหน้ำท่ีตำมกฎหมำยอ่ืน ศำลฎีกำมี อำนำจพิจำรณำพพิ ำกษำ
ปญั หาที่เป็นอปุ สรรค ต่อการพัฒนาประชาธิปไตยของไทย การซ้อื สทิ ธขิ ายเสียง การทจุ รติ การรฐั ประหาร ความตระหนกั ในหนา้ ที่ ของผูม้ ีบทบาทในการ บรหิ ารประเทศ
ความตระหนกั ในหน้าที่ ของผู้มบี ทบาทในการบรหิ ารประเทศ ปลูกฝังคา่ นยิ มเกี่ยวกับประชาธิปไตยให้กับเยาวชน • สถำบันครอบครัวจะต้องปลูกฝังแนวคิดประชำธิปไตยให้ลูกตั้งแต่ยังเป็นเด็ก เช่น กำรรับฟังควำมคิดเห็นของเด็ก ให้โอกำสแสดงควำมคิดเห็นได้อย่ำงเสรี รู้จักใชส้ ิทธิ และมคี วำมรบั ผิดชอบ เปน็ ตน้ • สถำบันทำงกำรศึกษำควรถ่ำยทอดควำมรู้ต่ำงๆ ที่เก่ียวกับประชำธิปไตยให้แก่ เด็กและเยำวชน เช่น กำรจัดกิจกรรมกำรเลือกต้ังประธำนนักเรียน กำรให้ เขำ้ รว่ มชมรมตำ่ งๆ ได้อยำ่ งเสรี เป็นตน้
Search