Important Announcement
PubHTML5 Scheduled Server Maintenance on (GMT) Sunday, June 26th, 2:00 am - 8:00 am.
PubHTML5 site will be inoperative during the times indicated!

Home Explore พระธรรมเทศนา

พระธรรมเทศนา

Published by thiwadon jirapunyo, 2022-02-13 16:27:03

Description: พระธรรมเทศนา

Search

Read the Text Version

กณั ฑ์ท่ี 1 สัมมปั ปธาน ความเพยี รทีต่ ้งั ไว้ชอบ 10 มกราคม 2565 สวํ โร จ ปหานนฺ จ ภาวนาอนุรกฺขณา เอเตปธานา จตั ตาโร เทสิตาทิจฺจ พนฺธุณา เยหิ ภิกฺขอุ ิทาตาปิ ขยทํ ุกขสฺส ปาปเุ ณติ ฯ ณ บดั น้ีอาตมภาพจกั รับประทานแสดงพระสัทธรรมเทศนาพรรณนาถึงศาสนธรรม คาํ ส่ังสอนขององคช์ ินวรพระสัมมาสมั พทุ ธเจา้ ปรารภในมงคลสมยั วนั ธรรมะสวนะเป็นวนั พระ เพื่อเป็ นเคร่ืองประดบั จิต ประคบั ประคองใจของบรรดาพุทธบริษทั ผูต้ ้งั ใจบาํ เพ็ญบุญบาํ เพ็ญ กุศลมีการสมาทานศีล ฟังพระธรรมเทศนาเป็ นลาํ ดบั ต่อไป ก็เพ่ือเพิ่มกาํ ลงั จิต กาํ ลงั ธรรม ใน จรรยาสัมมาปฎิบตั ิ นอ้ มนาํ ธรรมคาํ สอนขององคส์ มเด็จพระทศพลโสภาสไปเป็นเคร่ืองนาํ ทาง ในการพฒั นาชีวิตและสังคมตอ่ ไป กข็ อใหท้ า่ นท้งั หลายสดบั พระธรรมเทศนา จนกวา่ จะสมควร เวลา มนุษยเ์ ราไดด้ าํ เนินชีวิตอย่างปกติสุขให้แก่มนุษยชาติเทพเทวาจงปัดโรคาพาธท้งั หลาย เหล่าน้ีให้เป็นอโรคยาให้กบั มวลมนุษยชาติของพวกเราดงั น้นั …(วนั น้ีถือโอกาสเทศน์ส่งทา้ ยปี เก่าตอ้ นรับปี ใหม่ใหก้ บั บรรดาญาติโยมสาธุชนทุกทา่ นจึงขออวยพรเป็นเบ้ืองตน้ วา่ สวสั ดีปี ใหม่ จงไร้โศก สบแต่โชคดีงามตามสนอง หวงั ส่ิงใดไดส้ มอารมณ์ปอง ทรัพยเ์ นืองนองไหลมาดงั่ วารี Happy New Year เหมือนกนั ทุกคนทุกท่าน ญาติโยมสาธุชนท้งั หลาย) เพ่ือให้สอดคลอ้ งกบั บท อุเทศเทสนาท่ีอาตมภาพยกเป็ นนิกเขปบทเบ้ืองตน้ น้นั ว่า สํวโร จ ปหานนฺ จ ภาวนาอนุรกฺขณา เป็นตน้ ซ่ึงแปลใจความวา่ ปธาน 4 น้ีคือ สังวรปธาน ปหานะปะธาน ภาวนาปะธาน และอนุรักษ์ คณาปะธาน..พระพทุ ธเจา้ ผเู้ ป็ นเผ่าพนั ธุ์พระอาทิตยท์ รงแสดงไวแ้ ลว้ อนั เป็ นเหตุให้ภิกษุในพระ ธรรมวินยั น้ีผูม้ ีความเพียรถึงความสิ้นทุกขด์ งั น้นั พระธรรมเทศนาเรื่องของปะธานท้งั ..4..หรือ สัมมปั ปธาน ความเพียรท่ีต้งั ไวช้ อบ ปรากฎในสังยตุ ตนิกาย มหาวารวรรค น้นั มีความสาํ คญั ผทู้ ่ี พากเพียรสามารถพน้ ทุกขส์ ้ินทุกขแ์ ละก็จะพบความสุขอยา่ งแทจ้ ริงดงั ที่พระพุทธองคท์ รงตรัส ดงั น้นั พระธรรมเทศนาวนั น้ีรวมความมี 4 ขอ้ แต่อาตมภาพจกั แยกเป็ น 2 ภาคดว้ ยกนั ภาคที่ 1 เป็ นการสลดั สละซ่ึงสิ่งที่ผ่านมาก็คือ 2 ขอ้ แรกสังวรปธานและปหานะปะธานเป็ นของท่ีต้อง สลดั ออก ส่วนภาวนาปะธานและอนุรักษค์ ณาปะธานน้นั เป็ นสิ่งท่ีตอ้ งรักษาและพฒั นา ภาคท่ี หน่ึงการสลดั สละซ่ึงสิ่งท่ีผ่านมา กล่าวคือ สังวรปธานน้ันแปลว่า การเพียรระวงั ไม่ให้บาป เกิดข้ึนในสันดานน่ันก็คือไม่ให้ความชั่วเกิดข้ึนขอท่านท้ังหลายมองย้อไปปี ท่ีผ่านๆมา

จนกระทง่ั ถึงวนั น้ี ท่านทาํ กรรมอะไรไปบา้ งอนั ไหนที่เป็ นความชว่ั เราเพียรพยายามไม่ให้มนั เกิดข้ึนพยายาม ปิ ดหูซา้ ยขวา ปิ ดตาสองขา้ ง ปิ ดปากเสียบา้ ง นอนนง่ั สบาย แลว้ มนั กย็ งั เกิดข้ึนทาํ ไงเราจะทาํ อยา่ งไรเพ่อื จะให้เกิดสงั วรเกิดข้ึนท่านบอก อยากปิ ดหู เพราะเบื่อ เสียงรอบขา้ ง เรื่อง ชาวบา้ น นินทา กนั อยู่ได้ อยากปิ ดตา ท่ีกลบั กลอก มาหลอกใจ แสร้งร้องไห้ ตาบวม มาร้อง คราง อยากปิ ดปาก เพราะเบ่ือ ท่ีจะพูด ลมพร่ังพรู ลมปาก ที่ขมหวาน ปิ ดทุกสิ่ง ปิ ดทุกอยา่ ง ปิ ดนานนาน สุขสาํ ราญ กลบั มามอง ยอ้ นดูตน ขยายความไดว้ า่ ปิ ดหูซ้ายขวา... บางคร้ังการรับ ฟังส่ิงใดบ่อย ๆ ท่ีจาํ เจน่าเบื่อหน่าย เช่น คาํ นินทา, คาํ ด่าทอ, การรับฟังคนอื่นพดู เพอ้ เจอ้ ไร้สาระ ขาดดว้ ยเหตุและผล ท่านใหร้ ับฟัง แต่..อยา่ ไส่ใจ ปิ ดตาสองข้าง... การไม่รักมาก ห่วงมาก จ้าํ จ้ี จ้าํ ไชมาก คอยจบั ผิดมากไป โดยไม่ยอมหลบั หูหลบั ตาเสียบา้ ง นนั่ คือสาเหตุที่ทาํ ให้ไม่สบายใจ เกิดทกุ ขใ์ จในภายหลงั ปิ ดปากเสียบ้าง... อาจเขา้ กนั ไดก้ บั พดู ไปสองไพลเบ้ีย น่ิงเสียตาํ ลึงทอง หากมนุษย์ ลด ละ เลิก ในส่ิงเหล่าน้ีได.้ ..นั่งนอน สบาย. ดงั น้นั การสังวรระมดั ระวงั ไม่ให้บาป เกิดข้ึนทางกายวาจาและใจคือการป้องกันน้ีสังวรปธานอุปมาเหมือนบา้ น..บ้านที่เราพกั กาย ทาํ ไมมีประตูทาํ ไมมีร้ัวก็เพ่ือป้องกนั โจรขโมยท่ีเขา้ มาบา้ นเพื่อป้องกนั ลมป้องกนั ฝนเพ่ืออ้ งกนั ภยนั อนั ตรายต่างๆหรือเพ่ือกนั ไม่ใหผ้ ูผ้ า่ นไผา่ นมาเห็นส่ิงไม่เจริญตาในบา้ นเราใช่หรือไม่..เฉก เช่นฉนั ใดใจเราถา้ เราป้องกนั ดีระมดั ระวงั หมนั ดูแลแลว้ เราก็ยอ่ มสามารถที่จะป้องกนั ความชวั่ ไม่ให้เกิดข้ึนแก่จิตใจเราได้ ดังน้ันเราจึงปิ ดประตูความช่ัวทางกาย วาจาและใจด้วยหิริและ โอตตปั ปะหิริก็คือความละอายแก่ใจโอตปั ปะก็คือความเกรงกลวั ต่อความต่อบาปหรือความชวั่ ถา้ เรามีหิริแลว้ มนั จะเกิดความละอายแก่ใจยบั ย้งั ชงั่ ใจความชว่ั น้นั นนั่ ก็หมายความวา่ ใหเ้ รามีสติ รู้จกั คิดวา่ สิ่งน้ีเราไม่ควรทาํ ทาํ แลว้ เกิดเป็ นอนั ตรายต่อคนอ่ืนพูดไปแลว้ ทาํ ใหค้ นอ่ืนเป็ นทุกขท์ าํ ไปแลว้ ทาํ ใหค้ นอื่นลาํ บากเราก็ควรละอายแก่ใจแมแ้ ต่ญาติโยมอยกู่ บั ครอบครัวอยูก่ บั ลูกอยกู่ บั หลานเราเล้ียงดูลูกดูหลานดว้ ยอารมณ์หรือเราเล้ียงลูกหลานดว้ ยทาํ นี่เป็ นส่ิงสาํ คญั สังวรปธาน ตอ้ งระมดั ระวงั ไวแ้ ละประการท่ีจะสามารถชนะไดอ้ ีกหน่ึงก็คือโอตตปั ปะก็คือเกรงกลวั ต่อผล กรรมท่ีทาํ ไว้ สมมุติว่าครอบครัวโยมทะเลาะเบาะแวง้ ไม่ค่อยไวใ้ จกนั ไม่เขา้ ใจกนั ไม่เห็นใจกนั แลว้ ถามว่าชีวิตครอบครัวย่อมจะมีความสุขไดอ้ ยา่ งไรดงั น้ันโยมก็ตอ้ งระมดั ระวงั ไม่ให้บาปอ ปาปธรรมมาทาํ ให้เกิดข้ึนความชวั่ จริงๆน้นั มนั ไม่ใช่ของธรรมดาท่ีเกิดข้ึนในจิตใจเราหรอกแต่ เพราะเราทาํ มนั เองมันจึงเกิดการทาํ บาปไม่ว่าจะทาํ ท่ีแจ้งหรือท่ีลับมันก็เป็ นบาปอยู่เสมอ เหมือนกนั บาปเพราะเราเป็นผทู้ าํ เองบาปจึงเป็นของเราไมไ่ ดอ้ ยใู่ นท่ีแจง้ หรือวา่ อยใู่ นที่ลบั ดงั น้นั การทาํ ความดีมีไดท้ ุกโอกาสแต่ความประมาทมกั จะพลาดทาํ ให้เราทาํ ความดี..ความดีทาํ ให้อ่ิม

ใจในเบ้ืองหลงั ทาํ ให้สมหวงั ในเบ้ืองหน้าความชัว่ ต่างหากทาํ ให้เราขุ่นใจในเบ้ืองหลงั และก็ ผิดหวงั ในเบ้ืองหนา้ ดงั น้นั ตอ้ งสังวรระวงั อย่าให้ปาปธรรมกระทาํ ความชว่ั ให้เกิดข้ึนสมมุติว่า เมื่อวานท่ีผ่านมาเราอาจจะทาํ ความชวั่ ประการใดประการหน่ึงก็ตามเราก็แลไปดา้ นหลงั วา่ นน่ั คือวนั อดีตวนั เก่าๆเวลาเก่าๆเราจะทิ้งไดอ้ ยา่ งไรก็นอ้ มใจนาํ จิตสู่ธรรม..ธรรมคือธรรมชาติ.ขอ้ ที่ สองก็คือ..ปหานปธาน..คือเพียรละบาปท่ีเกิดข้ึนแลว้ คือประหารมนั เสียละทิ้งมนั เสียเม่ือมนั เกิดข้ึนตอ้ งละให้ไดช้ ีวิตคนเรามนั พฒั นาไดป้ รับปรุงเปลี่ยนแปลงไดอ้ นั ไหนที่ผิดก็ปรับปรุง แกไ้ ขให้มนั ดีข้ึนชีวิตท่ีผ่านมาลุ่มๆดอนๆผิดบา้ งถูกบา้ งก็ต้งั ใจใหม่ไดไ้ หมต้งั ปณิธานใหม่ได้ ไหมท่ีจะพฒั นาเพียงตนเองละทิ้งความชวั่ น้นั ความไม่ดีเหล่าน้ันประหารใหม้ นั ส้ินประหารให้ มนั ส้ินซากละทิ้งโดยขาดนน่ั เอง น่ีคือธรรมะ 2 ขอ้ เป็นภาคที่ 1 เป็นการสลดั สละซ่ึงส่ิงท่ีผา่ นมา ส่วนธรรมะอีก 2 ขอ้ ต่อไปดา้ นหน้าน้ีคือเป็ นส่ิงที่ตอ้ งรักษาและพฒั นาต่อยอดในสิ่งที่ดีและมี ประโยชน์ คือภาวนาปธานกห็ มายถึงการใหก้ ุศลมนั เกิดข้ึนในสนั ทะสันดานในชีวิตเราสร้างคุณ งามความดีเหมือนดง่ั ญาติโยมสาธุชนท้งั หลายที่ไดม้ านัง่ ฟังในพระอุโบสถในขณะน้ีหรือฟัง ธรรมะผ่านทางออนไลน์ Facebook Fanpage วดั มชั ฌิมาวาสวรวิหาร ท่ีออนไลน์ขณะน้ีน่ีคือการ ภาวนาแก่ตนเองเพียรสร้างกุศลธรรมให้เกิดข้ึนในจิตในกมลธสันดานตนเองรักษาศีลเจริญจิตต ภาวนาบาํ เพญ็ ทานบารมีให้แก่ชีวิตท่ียงั มนั่ คุณงามความดีท่ียงั ไม่เกิดข้ึนก็พยายามเจริญให้มนั เกิดข้ึนความดีที่ไม่เคยทาํ ก็ทาํ ให้มนั เกิดข้ึนเป็ นแรงจูงใจ กาํ ลงั ใจ ให้กาํ ไรกบั จิตตนบา้ ง สมมุติ ว่าโยมไม่เคยให้ทานเราทาํ ทานไดไ้ หมทาํ ทานดว้ ยอะไรทาํ ทานดว้ ยการให้ให้ความรักแก่คนใน ครอบครัว ใหค้ วามรักแก่ลกู หลาน ใหค้ วามรักแก่สรรพสตั วท์ ้งั หลายกเ็ ป็นปิ ยะทาน ทานอนั เป็ น ท่ีรัก แมก้ ระทงั่ ให้อภยั แก่คนท่ีเป็ นศตั รูของเราให้อภยั แก่คนที่เราเกลียดเขาวนั น้ีหรือปี น้ีจะไม่ เกลียดใครแลว้ ปี ใหม่ปี น้ีจะไม่อคติกบั ใครก็เป็นอภยั ทาน การอคติน้นั จะมองใคร ใหม้ องลึก ถึง กน้ บ้ึง หยง่ั ใหถ้ ึง คุณคา่ ในตวั เขา อยา่ มองแค่ ตาฉนั เห็น เป็นเช่นเดา ตดั สินเอา แคเ่ ห็น เป็นเร่ือง จริง แค่เขาพูด ไพเราะ เสนาะหู ก็เชิดชู เปรมปรี ดีทกุ ส่ิง เขาเอาใจ หลอกๆ บอกเขาจริง ใจไม่น่ิง แน่นหนัก หลกั แกว่งไกว ไม่ตดั สิน คนบนความ อคติ ไร้ซ่ึง วิจารณญาณ เขา้ ขานไข อย่าเอา ความ รัก ชงั ชอบ ตอบหัวใจ จะเหนือใคร ตอ้ งเหนือตน พน้ นินทา แต่ก่อนท่ีจะใหอ้ ะไรใครได้ น้นั ตนเองก็ตอ้ งมีส่ิงน้นั ก่อนคือเขา้ ใจในส่ิงน้นั ๆซ่ะก่อน ดงั น้นั เราเร่ิมตน้ ใหม่เกลียดเขาเราเป็น ทุกขน์ ินทาเขาเราเป็ นทุกข์ญาติโยมสาธุชนทุกท่านคนบางคนมีอคติอยเู่ สมอเรียกวา่ เห็นใครไม่ ชอบ บา้ นเราก็พูดง่ายๆวา่ ไม่ชอบข้ีหนา้ ก็ด่าเขา คนที่ถูกด่าถูกนินทาเขาหาไดท้ ุกขไ์ ม่หากแตค่ น ที่เป็ นทุกขค์ ือใครคือคนท่ีด่าต่างหากเพราะใจมนั เป็ นทุกขใ์ จมนั รุ่มร้อนอยกู่ บั คาํ ด่า นตั ถิ โลเก

อนินทิโต ไม่มีใครไม่ถูกนินทา ดงั น้นั ปี น้ีวนั น้ีตอ้ งภาวนาใหค้ วามดีมนั เกิดข้ึนมากและก็ภาวนา สร้างกุศลธรรมให้เกิดข้ึนกบั ตนเองโดยเอาอิทธิบาทธรรมเป็ นเคร่ืองต้งั ดง่ั คาํ โครงท่ีคุณสุวฒั น์ ศรีประไพ ไวจรรยา วา่ อิทธิบาทสี่สร้าง หรรษาสุขเฮย ฉนั ทะความชอบพา ช่ืนพร้อม วริ ิยะหมน่ั เพียรมา นะยิ่งเจริญแล จิตตะรับรู้พร้อม มนัสห้อมวิมงั สา งานท่ีผ่านมามนั รุ่มดอนๆเพราะ สถานการณ์การระบาดของโรคโควิตแต่ช่วงการระบาดของโรคโควิตก็มีบางคนเอาวิกฤตเป็ น โอกาสสร้างภาวนาภาวนาปธานทาํ ให้เกิดธุรกิจยิ่งใหญ่ทางออนไลน์ทาํ การคา้ การขายในทาง ออนไลน์ไม่จมปลกั ไปกบั ความทุกขไ์ ม่จมปลกั ไปกบั โควิทนายทีนแต่เป็ นการสร้างกาํ ไรสร้าง ธุรกิจแก่ตนเองเรียกว่าเป็ นคนมีภาวนาคือเพียรสรรสร้างความเจริญแลความดีให้เกิดข้ึนแก่ ตนเองน่ีก็คือเอาอิทธิบาทธรรมเป็ นเคร่ืองต้งั แมแ้ ต่ตวั เราเองนี่เราจะประสบความสาํ เร็จอย่างไร ฉนั ทะก็คือความพอใจความรักความมุมานะทาํ ในส่ิงท่ีปราถนาเพ่อื ก่อใหเ้ กิดการเอ้ือในงานที่ตน กระทําเม่ือมีความรักความพอใจก็ใส่(เต็มใจทํา)วิริ ยะก็คือความขยันหมั่นเพียรและเมื่อ ขยนั หมนั่ เพียร(แข็งใจทาํ )จิตตะก็เอาใจใส่อย่สู ม่าํ เสมอ(ต้งั ใจทาํ )และวิมงั สาทบทวนพิจารณา ไตร่ตรอง(เขา้ ใจทาํ )มองไปดา้ นหนา้ วา่ เราจะมีความสุขไปไดอ้ ยา่ งไรดงั น้นั ภาวนาปธานน้ีหยดุ ดู ท่ีตนคน้ ดูท่ีใจดว้ ยสมาธิและปัญญาจิตใจท่ีใสสะอาดเปรียบดัง่ ปราชญ์ผูม้ ีปัญญาน่ีคือภาวนา ปธานการเพียรท่ีจะทาํ ความดีท้งั กายวาจาใจการทาํ คุณงามความดีไมต่ อ้ งกลวั วา่ มนั ไม่เกิดผลเรา ทาํ ความดีเทวดาช่วยคนไม่เห็นเทวดาก็เห็นดงั น้ันโยมอย่าทอ้ ถอยในการท่ีจะทาํ ความดีและ ประการท่ี 4 ก็คืออนุรักขนาปธานคือเพียรรักษากุศลความดีท่ีเกิดไม่ให้เสื่อมไม่ละทิ้งความดี ไม่ให้ความชว่ั เขา้ มาแทนท่ีเพียรสร้างกุศลธรรมเหมือนดง่ั สามเณรท่านหน่ึงท่ีมีจิตใจที่สะอาด เปรียบดง่ั ปราชญ์ผูม้ ีปัญญาจึงขอหยิบยกเอาประวตั ิบางตอนของสามเณรบณั ฑิตท่ีมีหลกั ฐาน อา้ งอิงในพระสุตตนั ตปิ ฎก ขุททกนิกาย บณั ฑิตสามเณร เป็นบุตรตระกูลโยมอุปัฏฐากพระสารี บุตร พ่อแม่ถึงจะมีฐานะไม่ดีนกั แต่มีจิตวิทยาในการเล้ียงดูบุตร ดุจดงั ผูเ้ กิดในตระกูลสูงทวั่ ไป ท้งั สองคนตกลงกนั วา่ จะไม่ขดั ใจลูกในเรื่องการแสดงออกที่ดีงาม จะเล้ียงดูดว้ ยเหตุผล มิใช่ดว้ ย อารมณ์เด็กชายบณั ฑิตจึงเติบโตมาในบรรยากาศที่เอ้ือต่อการเรียนรู้เป็ นอยา่ งดี และโชคดีไดอ้ ยู่ ในสกุลอุปัฏฐากพระสารีบุตร อคั รสาวกดว้ ย จึงมีโอกาสไดพ้ บเห็นพระเถระ และไดร้ ับใชท้ ่าน ตามประสาเด็กความคุน้ เคยทาํ ให้เด็กชายบณั ฑิตอยากจะบวชเป็ นศิษยพ์ ระเถระ วนั หน่ึงจึงเอ่ย ปากขอกบั พ่อแม่ว่า อยากบวชอยู่กบั พระคุณเจา้ สารีบุตร พ่อแม่ก็ยินดีอนุญาตให้ลูกบวชเป็ น ศิษยข์ องท่าน บวชแลว้ ก็ติดตามพระอุปัชฌายไ์ ปบิณฑบาตท่ีหมู่บา้ นท่ีโยมบิดามารดาอยวู่ นั หน่ึง ระหว่างทางไปยงั หมู่บา้ น ผ่านไร่นาของชาวบา้ น สามเณรนอ้ ยเห็นชาวนาไขน้าํ เขา้ นา ผ่านไป

อีกหน่อยเห็นช่างศรกาํ ลงั ดดั ลูกศร ผา่ นไปอีกเห็นช่างไมก้ าํ ลงั ถากไมท้ าํ เฟอร์นิเจอร์ จึงถามตาม ประสาเด็กอยากรู้อยากเห็น พระอุปัชฌายก์ ็อธิบายใหฟ้ ังขณะฟังก็ “ฉุกคิด” ข้ึนในใจวา่ น้าํ ไม่มี จิตใจ คนยงั บงั คบั ใหม้ นั ไหลไปโน่นไปนี่ตามความตอ้ งการของคน ลูกศรก็ไม่มีจิตใจ คนยงั ดดั ให้มนั ตรงได้ ไมไ้ ม่มีจิตใจ คนยงั เอาขวานถากให้มนั เกล้ียงได้ ไฉนเลยเราซ่ึงมีจิตใจแทๆ้ จะ ฝึกฝนใจตนเองไมไ่ ดเ้ ล่าคิดดงั น้นั จึงกล่าวกบั พระอุปัชฌายว์ า่ ท่านขอรับ ถา้ ท่านจะกรุณาใหผ้ ม กลบั ไปวดั บาํ เพ็ญภาวนา จะเป็ นพระคุณอย่างย่ิง พระเถระบอกว่า ตามใจ แลว้ รับบาตรจาก สามเณรเขา้ ไปบิณฑบาตในบ้านแต่รูปเดียวสามเณรกลับถึงวดั ก็เขา้ ห้องปิ ดประตูน่ังสมาธิ ภาวนา ท่ามกลางบรรยากาศอนั สงบสงดั เพราะพระเณรออกไปจากวดั หมด จิตของสามเณรก็ เป็นสมาธิแนวดิ่ง ฝ่ ายพระสารีบุตรเถระเป็ นห่วงวา่ เวลาจะล่วงเลยเพลไป เม่ือไดภ้ ตั ตาหารแลว้ ก็รีบกลบั วดั พระพุทธองคเ์ สด็จมาดกั หนา้ พระเถระ ที่ซุม้ ประตูพระเชตวนั วหิ าร เพราะทรงทราบ ว่า สามเณรกาํ ลงั จะอยูใ่ นภาวะจิตเป็ นสมาธิแนวดิ่ง ถา้ พระสารีบุตรเขา้ ไปในเวลาดงั กล่าว จะ ขดั จังหวะไดพ้ ระพุทธองค์จึงตรัสถามปริศนา 4 ขอ้ ให้พระสารีบุตรตอบ พระเถระกราบทูล วิสัชนาไดถ้ ูกตอ้ ง เม่ือพระสารีบุตรวิสัชนาปัญหา 4 ขอ้ จบลง ก็พอดีสามเณรบณั ฑิตไดบ้ รรลุ พระอรหัตพร้อมปฏิสัมภิทา พระพุทธองค์ตรัสว่า สารีบุตรไปเถิด สามเณรศิษยข์ องเธอคงหิว แลว้ พระเถระก็รีบเขา้ วดั ไปว่ากนั ว่า วนั น้ันพระเถระมาสายผิดปกติ กว่าจะฉันเสร็จแลว้ นาํ อาหารมาให้สามเณร เวลาก็ล่วงเลยไปมากแล้ว คือตกบ่ายแล้ว แต่พระคมั ภีร์ก็เขียนไวว้ ่า เดือดร้อนถึงทา้ วอมรินทร์เทวราช ตอ้ งส่ังให้สุริยเทพบุตรฉุดร้ัง “สุริยมณฑล” ให้อย่กู บั ท่ีอย่า เพิ่งให้เลยเท่ียงวนั จนกว่าสามเณรจะฉันขา้ วเสร็จ ว่าอย่างน้ันพอสามเณรฉันเสร็จ ลา้ งบาตร เทา่ น้นั พระอาทิตยท์ ี่ดูยงั ไม่เท่ียงวนั ก็โคจรปรู๊ดปร๊าดตกบา่ ยทนั ที คงประมาณบา่ ยสองบา่ ยสาม กระมงั ทาํ เอาพระคุณเจา้ อื่นๆ ประหลาดใจทนั ทีวา่ เอะ๊ วนั น้ีตะวนั บา่ ยคลอ้ ยรวดเร็วนกั สามเณร พ่ึงจะฉันเสร็จเม่ือก้ีน้ีเองพระพุทธองค์ตรัสปรารภสามเณรบัณฑิตว่า สามเณรบัณฑิตเป็ น แบบอยา่ งของผฉู้ ลาด ที่มองสิ่งแวดลอ้ มรอบตวั แลว้ เกิดแง่คิดในการปฏิบตั ิธรรมจนสาํ เร็จพระ อรหนั ต์ แลว้ พระองคไ์ ดต้ รัสคาถาประพนั ธ์ความวา่ อุทกญฺหิ นยนฺติ เนตฺติกา อุสุการา นมยนฺติ เตชนํ ทารุ นมยนฺติ ตจฺฉกา อตฺตานํ ทมยนฺติ ปณฺ ฑิตา แปลวา่ อนั คนไขน้าํ ท้งั หลายย่อมไขน้าํ , ช่างศรท้ังหลายย่อมดัดศร ช่างถากท้งั หลายย่อมถากไม้, บัณฑิตท้ังหลายย่อมฝึ กตน. เรื่อง สามเณรบณั ฑิตที่ประสบผลสัมฤทธ์ิระดบั สูงสุด (เป็นพระอรหนั ต)์ แต่อายยุ งั นอ้ ย บางทีบางคน คิดว่า ไม่น่าเป็ นไปได้ ถา้ วดั กนั แค่ระยะเวลาส้ันๆ ชวั่ ชีวิตเดียว ก็อาจคิดอย่างน้นั ได้ แต่ถา้ นบั รวมตน้ ทุนท่ีสะสมในชาติปางก่อนดว้ ย ก็ไม่แปลก สามเณรท่านอาจมี บุญเก่าสะสมไวม้ าก ตก

มาชาติน้ีจึงแทบไม่ตอ้ งพากเพียรพยายามมาก เพียงฝึ กฝนนิดหน่อยเท่าน้นั ก็ถึงจุดหมายสูงสุด แห่งชีวิต ดงั่ ศาสนพุทธพจน์วา่ วิริเยน ทุกฺขมจฺเจติ บุคคลจะล่วงทุกขไ์ ด้ เพราะความเพียรจะได้ ชื่อว่ามีความสุขอยา่ งแทจ้ ริงในชีวติ ใหร้ ักษาความดีเหมือนดง่ั เกลือท่ีรักษาความเคม็ สาธุชนท่าน ใดที่เพียรกระทาํ ความดีใหเ้ กิดข้ึนและรักษาพร้อมต่อยอดความดีน้นั ใหต้ ลอดไปอนั ไหนท่ีมนั ไม่ ดีกท็ ิ้งไปกบั ปี เก่าปหานปธานทิ้งไปกบั วนั เวลาเก่าความดีท่ีไม่เกิดข้ึนก็ภาวนาใหม้ นั เกิดข้ึนเพียร ใหม้ นั เกิดข้ึนบาํ เพญ็ ใหม้ นั เกิดข้ึนเม่ือมนั เกิดข้ึนแลว้ ก็จงอนุรักขนาปธานเพียรสร้างรักษาไวใ้ ห้ มนั อยกู่ บั ตนกบั ตวั จนชว่ั วนั ตาย..ทา่ นสาธุชนท้งั หลายจึงจะไดช้ ื่อวา่ ปฏิบตั ิตามหลกั สมั มปั ปธาน 4 คือความเพียรชอบ 4 ประการคือสังวรปธาน ปหารปธาน ภาวนาปธานและอนุรักคณา ปธาน ดอกไมบ้ านเองเม่ือถึงเวลาความดีที่สั่งสมมาถึงเวลามนั ก็จะส่งผลใหแ้ ก่บรรดาสาธุชน สมสมัยได้เวลาขอยุติพระธรรมเทศนาลงคงไวแ้ ต่เพียงเท่าน้ี...เทศนาปริโยสาเนใน อวสานเป็ นท่ีสุดแห่งพระธรรมเทศนาน้ีดว้ ยเดชะบารมีแห่งคุณพระศรีรัตนตรัยและบุญกุศลท่ี พระจอมไตรตรัสไวว้ ่า สัพพะระติง ธมั มะระติ ชินาติ ความยนิ ดีในธรรม ชนะความยนิ ดีท้งั ปวง จงมารวมกนั เป็ นตบะเดชะภารวะปัจจยั พร้อมกบั อานุภาพของ...พระประธานในพระอุโบสถ… ในพระวิหาร...พระบรมสารีริกธาตุบนพระเจดียเ์ ขาตงั กวนอาํ นวยอวยพรให้ทุกท่านจงแคลว้ คลาดปลอดภยั จากทุกข์โศกโรคภยั ท้งั ปวงโดยเฉพาะภยั จากโรคโควิทและทุพภิกขภยั ความ ยากจนเจริ ญย่ิงด้วยอายุวรรณะสุขะพละปฏิภาณธนสารสมบัติปรารถนาสิ่งใดที่ชอบ ประกอบดว้ ยธรรมก็ขอให้ความปรารถนาน้ันๆจงพลนั สําเร็จสมมโนรถมุ่งมาดปรารถนาทุก ประการ รับประทานแสดงพระธรรมเทศนาพอสมควรแก่เวลา ขอสมมติยุติลงคงไวแ้ ต่เพียง เทา่ น้ี เอวงั กม็ ีดว้ ยประการ ฉะน้ี.


Like this book? You can publish your book online for free in a few minutes!
Create your own flipbook