Important Announcement
PubHTML5 Scheduled Server Maintenance on (GMT) Sunday, June 26th, 2:00 am - 8:00 am.
PubHTML5 site will be inoperative during the times indicated!

Home Explore ใบความรู้ เรื่องการตั้งประเด็นปัญหา

ใบความรู้ เรื่องการตั้งประเด็นปัญหา

Published by takzuza_love, 2020-07-07 07:38:21

Description: -ใบความรู้ เรื่องการตั้งประเด็นปัญหา
-แบบฝึกหัด เรื่องการตั้งประเด็นปัญหา

Search

Read the Text Version

ใบความรู้ เร่ือง การตั้งประเดน็ ปัญหา ใช้ประกอบแผนการจดั การเรียนรทู้ ่ี ๒ รายวิชา การศึกษาคน้ ควา้ และการสรา้ งองค์ความรู้ ชั้นมธั ยมศกึ ษาปที ่ี ๒ ภาคเรียนท่ี ๑ ปกี ารศกึ ษา ๒๕๖๓ ความหมายการตั้งประเด็นปัญหา ประเด็น คือ สาระสาคัญของเร่ือง การกาหนดประเด็น คือ เราต้องการรู้ว่าเร่ืองท่ีเราศึกษานั้นมี สาระสาคญั อะไรบา้ ง นักเรยี นมีสถานะเหมือนนกั วิจยั การศึกษาค้นคว้าหาความรู้ด้วยตนเอง เกิดจากความสนใจในเร่ืองท่ีเป็นข้อสงสัยต้องการเรียนรู้ ข้อ สงสัยจะนาไปสูก่ ารศึกษาค้นคว้าหาความรู้ด้วยวิธีการต่างๆ จากแหล่งเรียนรู้ที่หลากหลายเพื่อให้ได้คาตอบของ ข้อสงสยั ก่อนท่ีจะศกึ ษาคน้ คว้าผู้เรียนจะต้องต้ังประเด็นปัญหาจากเร่ืองที่ตนเองสนใจ เพ่ือนาประเด็นปัญหาท่ี ตง้ั ขึ้นไปเปน็ แนวทางในการกาหนดจุดมุ่งหมาย วตั ถุประสงคข์ องการศึกษาตอ่ ไป การศึกษาค้นคว้าหาความรู้ด้วยตนเอง การศกึ ษาคน้ ควา้ ด้วยตนเอง มีข้อดี ดงั นี้ 1. นักเรยี นสามารถกาหนดหวั ข้อหรือเนื้อเร่อื งท่ตี ้องการศึกษาคน้ คว้าได้เอง 2. นักเรียนสามารถกาหนดจงั หวะของการศกึ ษาเรียนร้ไู ด้ดว้ ยตนเอง 3. นักเรียนมีอิสระในการคิดหัวข้อของการศึกษาค้นคว้าตามความสนใจ ความถนัด และความต้องการของ ตนเอง 4. นักเรียนสามารถวางแผนการบรหิ ารจัดการเรยี นรูเ้ พื่อเปา้ หมายความสาเร็จด้วยตนเอง 5. นกั เรยี นมีโอกาสไดศกึ ษาค้นคว้าในเชงิ ลกึ ตามความต้องการและความสนใจของตนเอง 6. นักเรียนได้พัฒนาทักษะท่ีจาเป็นสาหรับศตวรรษท่ี 21 ได้แก่ ทักษะการคิดวิเคราะห์ และแก้ปัญหา ทักษะ การทางานเป็นทีม การช่วยเหลือแบ่งปัน ทักษะการสื่อสาร ทักษะการคิดสร้างสรรค์และผลิตนวัตกรรม ทักษะ การใช้ข้อมูลสารสนเทศ สื่อ และเทคโนโลยี ทักษะการใช้คอมพิวเตอร์ ตลอดจนทักษะชีวิตและการรู้จักพึงพา ตนเอง

วธิ เี ลอื กหัวขอ้ ท่ีต้องการศึกษาให้เหมาะสม การศกึ ษาค้นคว้าและสร้างองค์ความรู้ นักเรียนจะต้องรับผิดชอบในการงานท้ังหมดด้วยตนเอง บนพื้นฐานของ ความสนใจ ความถนัด และความต้องการของตนเอง ดังน้ันนักเรียนจึงจาเป็นต้องวางแผนและแบ่งเวลาใน การศกึ ษาค้นคว้าอย่างเปน็ ระบบ และมีความชดั เจน ในเรอ่ื งของ 1. เลือกหวั ข้อในการศกึ ษาทต่ี รงกบั ความสนใจ ความถนดั และความต้องการของตนเองอยา่ งแทจ้ รงิ 2. ควรเตรียมการในการคัดเลือกหัวข้อหรือประเด็นปัญหาท่ีตนเองสนใจตั้งแต่ต้นปีการศึกษา และดาเนินการ ตามแผนที่ได้วางไว้อย่างเคร่งครดั 3. ควรตัดสินใจเลือกหัวข้อหรือประเด็นปัญหาที่ส่งเสริมเป้าหมายการเรียนรู้ในปัจจุบันหรืออนาคต และเป็น ประโยชน์ในการจัดทาแฟ้มสะสมผลงานเพ่ือการนาเสนอความรู้ความสามารถของตนเองในการศึกษาต่อใน ระดบั ทส่ี งู ขึ้นหรอื การประกอบอาชพี 4. เมื่อกาหนดหัวข้อหรือประเด็นปัญหาท่ีตนเองสนใจศึกษาค้นคว้าได้แล้ว ควรนาเสนอความคิดต่อครูผู้สอนท่ี สนใจประเด็นที่นักเรียนกาหนด เพ่ือเรียนเชิญเป็นอาจารย์ท่ีปรึกษาและนักเรียนควรจัดแบ่งเวลาในการศึกษา ค้นคว้ารายละเอียดของข้อมลู ท่ีเก่ียวข้องกับหัวข้อหรือประเดน็ ปัญหาให้มากและครอบคลมุ ทส่ี ุด 5. ควรจดโน้ตย่อสรุปเร่ืองราว ข้อมูลสารสนเทศ พร้อมทั้งบรรณานุกรมของเอกสาร ตาราบทความวิชาการ ตา่ งๆ ท่ศี ึกษาคน้ คว้าอยา่ งเปน็ ระบบ ทง้ั น้ีเพอ่ื ประโยชนส์ าหรับการอ้างอิงในรายงานการศึกษาค้นคว้าหาความรู้ ด้วยตนเอง 6. ในการเร่ิมต้นศึกษาค้นคว้าด้วยตนเองที่ดี นักเรียนควรจะมีสมุดบันทึก เพื่อจดบันทึกท้ังเอกสารอ้างอิงและ ข้อมลู การอา้ งองิ 7. ควรพูดคุยแลกเปล่ียนความคิดเห็นเกี่ยวกับหัวข้อที่สนใจจะศึกษาค้นคว้ากับเพ่ือนๆและปรึกษาครูท่ีปรึกษา จะช่วยให้ไดห้ ัวข้อหรือประเดน็ ปัญหาทม่ี ีความชัดเจนและครอบคลมุ มากย่ิงขนึ้ 8. จัดทาเค้าโครงหัวข้อหรือประเด็นปัญหา รวมทั้งรายละเอียดของการวางแผนการทางานการศึกษาค้นคว้า เพอ่ื ขอคาแนะนาจากครทู ปี่ รกึ ษาก่อนการพฒั นาช้ินงาน/โครงงานตอ่ ไป จะเหน็ ว่าคนท่ีจะสามารถเรยี นร้แู ละเก็บเก่ียวผลประโยชน์จากการเรียนรู้ในรายวิชาการศึกษาค้นคว้าหาความรู้ ดว้ ยตนเองไดด้ ที ี่สุดคอื คนที่คดิ ตลอดเวลาว่า ตนเองต้องมคี วามขยนั หม่ันเพยี ร อดทน มุ่งมั่นในการทางาน และ ต้องเตรยี มการท้งั กอ่ นการเรียนรู้ ระหว่างการเรียนรู้ และทบทวน ตรวจสอบข้อค้นพบหลังการเรียนรู้กับผู้รู้หรือ ผ้เู ชี่ยวชาญ

ตัวอย่างการตง้ั ประเดน็ ปัญหา การเกบ็ เกี่ยวข้าวจากการใชแ้ กะถึงการใช้รถตัดข้าวกับการเปล่ยี นแปลงความสัมพันธ์ของ ชาวนาบา้ นค่ายเสือ คาถามการวิจยั การเก็บเกีย่ วขา้ วของชาวนาบ้านคา่ ยเสอื จากการใชแ้ กะจนถึงการใชร้ ถตดั ขา้ ว มคี วามเป็นมา อย่างไร กอ่ ให้เกิดความสัมพันธ์ของผเู้ กยี่ วข้องอยา่ งไร เปล่ยี นแปลงมาอย่างไร ด้วยเงอื่ นไขใด ประเดน็ หลกั ๑ การเก็บเก่ยี วข้าวของชาวนาบ้านคา่ ยเสือจากการใช้แกะจนถึงการใช้ รถตดั ขา้ วมีความเปน็ มาอย่างไร ๑. การเกบ็ ขา้ วดว้ ยแกะในหมบู่ ้านมีความเปน็ มาอย่างไร ๒. ลักษณะแกะเป็นอยา่ งไร ๓. ลักษณะการใช้แกะเกบ็ ขา้ วเปน็ อยา่ งไร ๔. ทาไมชาวนาจึงเก็บข้าวดว้ ยวธิ นี ี้ และไมใ่ ช้เคยี วอย่างท่ีอื่น ๕. การใช้แกะเกบ็ ขา้ งมจี ุดเด่นอยา่ งไร ๖. การใชแ้ กะเก็บข้าวมีจดุ อ่อนอย่างไร ๗. รถตดั ข้าวเข้ามาในบา้ นค่ายเสอื ต้ังแตเ่ ม่ือใด ๘. ลกั ษณะการทางานของรถตดั ขา้ วเป็นอย่างไร ๙. ชาวนาเปลย่ี นจากการใชแ้ กะมาใชร้ ถตดั ข้าวอยา่ งไร ฯลฯ

แบบฝึกหัด เร่ือง การตัง้ ประเด็นปัญหา ใช้ประกอบแผนการจัดการเรยี นรทู้ ่ี ๒ รายวิชาการศกึ ษาคน้ คว้าและการสร้างองค์ความรู้ ชนั้ มธั ยมศึกษาปที ี่ ๒ ภาคเรียนท่ี ๑ ปีการศึกษา ๒๕๖๓ คาชี้แจง : ให้นักเรยี นอา่ นและสรปุ เนื้อหาเกย่ี วกบั ปญั หาทตี่ ัวเองสนใจ พรอ้ มตงั้ ช่อื ประเด็นปัญหา ประเดน็ ปัญหาเรือ่ ง.................................................................................. กลุ่มท่.ี .......................... ช้นั ....................... สมาชกิ 1. 1. …………………………………………………… หน้าทรี่ ับผิดชอบ …………………………………………… 2. …………………………………………………… หน้าทรี่ บั ผิดชอบ …………………………………………… 3. …………………………………………………… หน้าท่รี บั ผิดชอบ …………………………………………… 4. …………………………………………………… หนา้ ทร่ี ับผิดชอบ …………………………………………… 5. …………………………………………………… หนา้ ที่รบั ผดิ ชอบ …………………………………………… ประเด็นปัญหา มีดงั น้ี 1. ………………………………………………………………………………………………………………………………………… ………………………………………………………………………………………………………………………………………… 2. ………………………………………………………………………………………………………………………………………… ………………………………………………………………………………………………………………………………………… 3. ………………………………………………………………………………………………………………………………………… …………………………………………………………………………………………………………………………………………


Like this book? You can publish your book online for free in a few minutes!
Create your own flipbook