Important Announcement
PubHTML5 Scheduled Server Maintenance on (GMT) Sunday, June 26th, 2:00 am - 8:00 am.
PubHTML5 site will be inoperative during the times indicated!

Home Explore หน่วยที่ 1 ความหมายองค์ประกอบศิลป์

หน่วยที่ 1 ความหมายองค์ประกอบศิลป์

Published by popkoklolzz, 2020-03-19 06:29:08

Description: หน่วยที่ 1 ความหมายองค์ประกอบศิลป์

Search

Read the Text Version

หน่วยที่ 1 ความหมายองค์ประกอบศิลป์ 1.1 ความหมายขององค์ประกอบศิลป์ คาว่าองค์ประกอบ ตามความหมายพจนานุกรมราชบณั ฑิตยสถาน คือส่วนต่างๆ ที่ประกอบกนั ทาใหห เกิดรูปร่างใหหมข่ ้ึนโดยเฉพาะ องค์ประกอบศิลป์ หมายถึง สิ่งที่ศิลปิ นและนกั ออกแบบใหชเป็นส่ือใหนการแสดงออกและสราง ความหมาย โดยนามาจดั เขาดวยกนั และเกิดรูปร่างอนั เด่นชดั องค์ประกอบศิลป์ ยงั เป็นเคร่ืองหมายหรือรูปแบบที่นามาจดั รวมกนั แลวเกิดรูปร่างต่างๆที่แสดงออกใหน การส่ือความหมายและความคิดสรางสรรคแ์ ละเป็นศิลปะที่มนุษยส์ รางข้ึนเพอื่ แสดงออกทางอารมณ์ ความรูสึก ความคิดหรือความงดงามซ่ึงประกอบดวยส่วนที่มนุษยส์ รางข้ึนและส่วนที่เป็นการแสดงงออกอนั เป็นผลที่เกิด จากโครงสรางทางวตั ถุต่างๆส่วนประกอบต่างๆของศิลปะ เช่น จุด เสน รูปร่าง ขนานสดั ส่วน น้าหนกั แสงเงา ลกั ษณะพ้นื ผวิ ที่วา่ ง และสี 1.2 ความสาคญั ขององค์ประกอบศิลป์ ใหนการสรางสรรคผ์ ลงานศิลปะใหนสาขาต่างๆไม่วา่ จะเป็นสาขาวจิ ิตรศิลป์ หรือประยกุ ตศ์ ิลป์ ผสู รางสรรคต์ องมี ความรูเบ้ืองตนดานศิลปะมาก่อน และศึกษาถึงหลกั การองคป์ ระกอบพ้นื ฐาน 1.2.1 องค์ประกอบทสี่ าคัญ การจดั วางองคป์ ระกอบเหล่าน้ีน้นั รวมถึงการกาหนดสี ใหนลกั ษณะตา่ งๆ เพิม่ เติมใหหเกิดความเขาใหจ เพื่อ เวลาท่ีสรางผลงานศิลปะจะไดผลงานท่ีมีคุณคา่ ความหมายและความงามเป็นท่ีน่าสนใหจแก่ผพู บเห็น หาก สรางสรรคผ์ ลงานโดยขาดองคป์ ระกอบศิลป์ ผลงานน้นั อาจดูดอยคา่ หมดความหมายหรือไม่หนาสนใหจไปเลย ดงั น้นั จะเห็นไดวา่ องคป์ ระกอบศิลป์ น้นั มีความสาคญั อยา่ งมากใหนการสรางงานศิลปะ องค์ประกอบศิลป์ เป็นเสมือนหวั ใหจดวงหน่ึงของการทางานศิลปะ เพราะใหนงานองคป์ ระกอบศิลป์ หน่ึง ชิ้นจะประกอบไปดวย การร่างภาพ(วาดเสน) การจดั วางใหหเกิดความงาม (จดั ภาพ) และการใหชสี(ทฤษฎีสี)ซ่ึงแต่ ละอยา่ งจะตองเรียนรูสู่รายละเอียดลึกลงไปอีก องคป์ ระกอบศิลป์ จึงเป็นพ้ืนฐานสาคญั ที่รวบรวมความรูหลายๆ อยา่ งไวดวยกนั จึงตองเรียนรูก่อนที่จะศึกษาใหนเรื่องอื่นๆ (อนนั ต์ ประภาโส) องค์ประกอบศิลป์ จัดเป็นวิชาที่มีความสาคัญสาหรับผ้ศู ึกษางานศิลปะ หากว่าความรู้ความเข้าใจในวิชา นีแ้ ลว ผลงานท่ีสรางข้ึนมาก็ยากที่ประสบความสาเร็จ โดยเฉพาะอยา่ งยงิ่ งานศิลปะสมยั ใหหม่ท่ีมีการแสดงเฉพาะ เสนสี แสง เงา น้าหนกั พ้ืนผิว จงั หวะ และบริเวณท่ีวา่ ง มีความจาเป็นอยา่ งยง่ิ ตองนาหลกั กรองคป์ ระกอบศิลป์ มาใหช

1.2.2 หลกั การจัดองค์ประกอบพนื้ ฐาน 1. เอกภาพ(Unity) หมายถึง ความเป็นอนั หน่ึงอนั เดียวกนั ความสอดคลองกลมกลืน เป็นหน่วย เดียวกนั ดวยการจดั องคป์ ระกอบใหหมีความสมั พนั ธ์เก่ียวของกนั เป็นกลุ่มกอนไม่กระจดั กระจาย โดยการจดั ระเบียบของรูปทรง จงั หวะ เน้ือหาใหหเกิดดุลยภาพจะไดส่ืออารมณ์ ความรูสึก ความหมายไดง่ายและรวดเร็ว ภาพทมี่ ีเอกภพ ภาพทไี่ ม่มีเอกภาพ รูปท่ี 1.1 การจัดองค์ประกอบ 2. ดุลยภาพ (Balance) ความสมดุลหรือดุลยภาพ หมายถึง ความเท่ากนั เสมอกนั มีน้าหนกั หรือความ กลมกลืนพอเหมาะพอดี โดยมีแกนสมมติทาหนาที่แบ่งภาพใหหซายขวา บน ล่าง ใหหเทา่ กนั การเท่ากนั อาจไม่ เทา่ กนั จริง ๆ กไ็ ด แต่จะเทา่ กนั ใหนความรูสึกตามท่ีตามองเห็นความสมดุลแบ่งเป็ น 2 ประเภท ดงั น้ี (1) ความสมดุล 2 ขางเทา่ กนั (Symmetrical Balance) หมายถึง การจดั วางองคป์ ระกอบตา่ ง ๆ ของศิลปะ ใหหท้งั 2 ขางแกนสมมติมีขนาด สดั ส่วน และน้าหนกั เทา่ กนั หรือมีรูปแบบเหมือนกนั คลายกนั (2) ความสมดุล 2 ขางไม่เทา่ กนั (Asymmetrical Balance) หมายถึง การจดั องคป์ ระกอบของศิลปะ ท้งั 2 ขางแกนสมมติมีขนาดสัดส่วนน้าหนกั ไม่เท่ากนั ไม่เหมือนกนั ไม่เสมอกนั แตส่ มดุลกนั ใหนความรูสึกความ สมดุล 2 ขางไมเ่ ทา่ กนั คือภาพมีความสมดุลของเน้ือหาและเร่ืองราวแต่ไม่เทา่ กนั ใหนเรื่องขนาด น้าหนกั 3. จุดเด่น (Dominance) หมายถึงส่วนสาคญั ที่ปรากฏชดั สะดุดตาท่ีสุดใหนงานศิลปะ จุดเด่นจะช่วย สรางความน่าสนใหจใหนผลงานใหหภาพเขียนมีความสวยงาม มีชีวติ ชีวายง่ิ ข้ึน จุดเด่นเกิดจากการจดั วางที่ เหมาะสม และรูจกั การเนนภาพ (Emphasis) ท่ีดี จุดเด่น มี 2 แบบ คือ (1) จุดเด่นหลกั เป็นภาพที่มีความสาคญั มากท่ีสุดใหนเร่ืองท่ีจะเขียน แสดงออกถึงเร่ืองราวที่ ชดั เจน เด่นชดั ที่สุดใหนภาพ (2) จุดเด่นรอง เป็นภาพประกอบของจุดเด่นหลกั ทาหนาที่สนบั สนุนจุดเด่นหลกั ใหหภาพมีความ สวยงามยง่ิ ข้ึน เช่น ใหนภาพจุดเด่นรองไดแก่ รูปเรือ 4. ความขัดแย้ง (Contrast) ขดั แยงดวยรูปทรงขดั แยงดวยขนาดขดั แยงดวยเสนขดั แยงดวยผวิ ขดั แยง ดวยสีความขดั แยงท่ีกล่าวมาถูกจดั วางเพ่ือใหหเกิดความงามทางศิลปะ

5. ความกลมกลนื (Harmony) ภาพดานล่างเป็นความกลมกลืนดานเร่ืองราวที่สอดคลองเป็นเรื่องราว เก่ียวกบั ธรรมชาติ และเป็นความกลมกลืนใหนเรื่องสีวรรณะเดียวกนั 1.3 ทศั นศิลป์ ทศั นศิลป์ คือ กระบวนการถ่ายทอดผลงานทางศิลปะ การทางานศิลปะอยา่ งมีจิตนาการความคิด สรางสรรคม์ ีระบบระเบียบเป็ นข้นั เป็นตอนการสรางสรรคง์ านอยา่ งมีประสิทธิภาพสวยงาม มีการปฏิบตั ิงาน ตามแผนและมีการพฒั นาผลงานใหหดีข้ึนตอ่ เนื่อง ทศั นศิลป์ คือการรับรูทางจกั ษุประสาท โดยการมองเห็น สสาร วตั ถุ และสรรพส่ิงตา่ ง ๆ ท่ีเขามากระทบ รวมถึงมนุษย์ และสัตว์ จะดวยการหยดุ น่ิง หรือเคลื่อนไหวก็ตาม หรือจะดวยการปรุงแต่ง หรือไม่ปรุงแตง่ กต็ าม ก่อใหหเกิดปัจจยั สมมุติต่อจิตใหจ และอารมณ์ของมนุษย์ อาจจะเป็นไปใหนทางเดียวกนั หรือไมก่ ็ตาม ทศั นศิลป์ เป็นการแปลความหมายทางศิลปะ ท่ีแตกต่างกนั ไปแต่ละมุมมอง ของแต่ละบุคคล ใหนงาน ศิลปะชิ้นเดียวกนั ซ่ึงไรขอบเขตทางจินตนาการ ไมม่ ีกรอบที่แน่นอน ข้ึนกบั อารมณ์ของบุคคลใหนขณะทศั น์ศิลป์ น้นั แนวคิดทศั นศิลป์ เป็ นศิลปะที่รับรูไดดวยการมอง ไดแก่รูปภาพววิ ทิวทศั นท์ วั่ ไปเป็ นสาคญั อนั ดบั ตนๆ รูปภาพคนเหมือน ภาพลอ ภาพสิ่งของต่างๆก็ลวนแลวแต่เป็นเร่ืองของทศั นศิลป์ ดวยกนั ท้งั สิ้น ซ่ึงถากล่าววา่ ทศั นศิลป์ เป็นความงามทางศิลปะท่ีไดจากการมอง หรือ ทศั นา นน่ั เอง รูปท่ี 1.3 ภาพทศั นศิลป์ แบบไทย

1.4 ทศั นธาตุ 1. จุด (Dot) หมายถึง รอยหรือแตมที่มีลกั ษณะกลมๆ ปรากฏท่ีผวิ พ้ืน ไมม่ ีขนาด ความกวาง ความยาว ความหนา เป็ นส่ิงที่เลก็ ท่ีสุดและเป็นธาตุเร่ิมแรกท่ีทาใหหเกิดธาตุอื่น ๆ ข้ึน จุด เป็นตนกาเนิดของเสน รูปร่าง รูปทรง แสงเงา พ้ืนผวิ ฯลฯ เช่น นาจุดมาวางเรียงตอ่ กนั จะเกิดเป็น เสน และการนาจุดมาวางใหหเหมาะสมก็จะเกิดเป็นรูปร่าง รูปทรง และลกั ษณะผวิ ได 2. เส้น (Line) คือ จุดหลาย ๆ จุดต่อกนั เป็ นสาย เป็นแถวแนวไปใหนทิศทางใหดทิศทางหน่ึงเป็นทางยาว หรือจุดท่ีเคลื่อนท่ีไปใหนทิศทางใหดทิศทางหน่ึงดวยแรงผลกั ดนั หรือรอยขดู ขีดเขียนของวตั ถุเป็นรอยยาว เสนนอน ใหหความรูสึกกวางขวาง เงียบสงบนิ่ง ราบเรียบ ผอ่ นคลายสายตา เสนต้งั ใหหความรูสึกสูงสง่า มน่ั คง แขง็ แรง รุ่งเรือง เสนเฉียง ใหหความรูสึกไม่มน่ั คง เคล่ือนไหวรวดเร็ว แปรปรวน เสนโคง ใหหความรูสึกอ่อนไหว สุภาพอ่อนโยน สบาย นุ่มนวล เยายวน เสนประ ––––––– ใหหความรูสึกไมต่ ่อเนื่อง ไมม่ นั่ คง ไม่แน่นอน 1.4.2 รูปร่างและรูปทรง รูปร่าง (Shape) หมายถึง เสนรอบนอกทางกายภาพของวตั ถุ สิ่งของเครื่องใหช คน สัตว์ และ พืช มี ลกั ษณะเป็น 2 มิติ มีความกวางและความยาว รูปร่าง แบ่งออกเป็ น 3 ประเภท คอื 1.รูปร่างธรรมชาติ (Natural Shape) หมายถึง รูปร่างที่เกิดข้ึนเองตามธรรมชาติ เช่น คน สัตว์ และ พชื เป็นตน 2.รูปร่างเรขาคณติ (Geometrical Shape) หมายถึง รูปร่างท่ีมนุษยส์ รางข้ึนมีโครงสรางแน่นอน เช่น รูป สามเหล่ียม รูปสี่เหลี่ยม และรูปวงกลม เป็นตน

3.รูปร่างอสิ ระ (Free Shape) หมายถึง รูปร่างท่ีเกิดข้ึนตามความตองการของผสู รางสรรค์ ใหห ความรูสึกท่ีเป็นเสรี ไมม่ ีโครงสรางที่แน่นอนของตวั เอง เป็นไปตามอิทธิพลของสิ่งแวดลอม เช่น รูปร่างของ หยดน้า เมฆ และควนั เป็นตน รูปท่ี 1.4 รูปร่างและรูปทรงเลขาคณติ รูปทรง (Form) หมายถึง โครงสรางท้งั หมดของวตั ถุท่ีปรากฎแก่สายตาใหนลกั ษณะ 3 มิติ คือมีท้งั ส่วนกวาง ส่วนยาว ส่วนหนาหรือลึก คือ จะใหหความรูสึกเป็นแท่ง มีเน้ือที่ภายใหน มีปริมาตร และมีน้าหนกั รูปที่ 1.5 รูปมติ แิ ละเงา 1.4.3 สี พนื้ ผวิ การใช้ผวิ น้าหนกั อ่อน-แก่ (Value) หมายถึง จานวนความเขม ความอ่อนของสีต่าง ๆ และแสงเงาตามที่ ประสาทตารับรู เมื่อเทียบกบั น้าหนกั ของสีขาว-ดา ความออ่ นแก่ของแสงเงาทาใหหเกิดมิติ เกิดระยะใหกลไกล และสมั พนั ธ์กบั เร่ืองสีโดยตรง สี (Color) หมายถึง ส่ิงที่ปรากฏอยทู่ วั่ ไปรอบ ๆ ตวั เรา ไมว่ า่ จะเป็นสีท่ีเกิดข้ึนเองใหนธรรมชาติ หรือ สิ่งท่ีมนุษยส์ รางข้ึน สีทาใหหเกิดความรูสึกแตกตา่ งมากมาย เช่น ทาใหหรูสึกสดใหส ร่า เริง ตื่นเตน หมน่ หมอง หรือเศราซึมได เป็นตน

สีและการนาไปใช้ 1.วรรณะของสี (Tone) จากวงจรสีธรรมชาติ ใหนทางศิลปะไดมีการแบง่ วรรณะของสีออกเป็น 2 วรรณะ คือ สีวรรณะรอน ไดแก่สีที่ใหหความรูสึกอบอุน่ หรือรอน เช่น สีเหลือง สมเหลือง สม สม แดง แดง ม่วงแดง เป็นตน ส่วนสีวรรณะเยน็ ไดแก่ สีที่ใหหความรูสึกเยน็ สงบ สบาย เช่น สีเขียว เขียว เหลือง เขียวน้าเงิน น้าเงิน ม่วงน้าเงิน ม่วง เป็นตน 2.ค่าของสี (Value of color) หมายถึง สีใหดสีหน่ึงทาใหหค่อย ๆ จางลงจนขาวหรือสวา่ งและทาใหหค่อย ๆ เขมข้ึนจนมืด 3.สีเอกรงค์ (Monochrome) หมายถึง สีที่แสดงอิทธิพลเด่นชดั ออกมาเพียงสีเดียว หรือใหชเพยี งสีเดียวใหน การเขียนภาพโดยใหหคา่ ของสีออ่ น กลาง แก่ คลายกบั ภาพถ่าย ขาว ดา 4.สีส่วนรวม (Tonality) หมายถึง สีใหดสีหน่ึงท่ีใหหอิทธิพลเหนือสีอ่ืนท้งั หมด เช่น การเขียนภาพ ทิวทศั น์ ปรากฏสีส่วนรวมเป็นสีเขียว สีน้าเงิน เป็นตน 5.สีทป่ี รากฏเด่น (Intensity) 6.สีตรงข้ามกนั หรือสีตัดกนั (Contrast) หมายถึง สีที่อยตู่ รงกนั ขามใหนวงจรสีธรรมชาติ เช่นสีแดงกบั สี เขียว สีน้าเงินกบั สีสม สีมว่ งกบั สีเหลือง 1.4.4 บริเวณว่าง (Space) หมายถึง บริเวณท่ีเป็นความวา่ งไม่ใหช่ส่วนท่ีเป็นรูปทรงหรือเน้ือหาใหนการจดั องคป์ ระกอบใหดก็ตามถาปล่อยใหหมีพ้นื ที่วา่ งมากและใหหมีรูปทรงนอย การจดั น้นั จะใหหความรูสึกอางอาง โดด เด่ียว 1.4.5 พนื้ ผวิ (Texture) หมายถึง พ้นื ผวิ ของวตั ถุตา่ ง ๆ ที่เกิดจากธรรมชาติและมนุษยส์ รางสรรคข์ ้ึน พ้ืนผวิ ของวตั ถุท่ีแตกตา่ งกนั ยอ่ มใหหความรูสึกท่ีแตกต่างกนั ดวย สรุปสาระสาคัญ การจดั องคป์ ระกอบศิลป์ การจะวางวตั ถุ การใหชพนที่ สัดส่วน การกาหนดเสน สี แสง เงา การจดั วาง ตาแหน่งวตั ถุ และการใหชชนิดของการจดั วตั ถุแบบต่าง ๆ ลวนแลวแต่เป็นองคป์ ระกอบศิลป์ ก่อใหหเกิดการลงตวั ของชิ้นงาน


Like this book? You can publish your book online for free in a few minutes!
Create your own flipbook