รสวรรณคดี & รสในวรรณคดี สันสกฤต
รสวรรณคดไี ทย แบ่งเป็น * ชนิด
๑ .เสาวรจนีย์ • อคาือจกจาะรเเปล็นา่ กชามรคชวมาคมวงาามมเขกอ่งงกตลวั้าลขะอคงรกใษนัตเรร5ือิยง์ คอวาาจมเปงา็นมตขวั อลงะปครราทส5ีเาปท็นรมานชษุวงัยห์ อรือมคนวษุ ายม์ เหจรรือิญสรตั ุ่งวเ์รซืองึ5 งกขาอรงชมนี C • บ้านเมือง เชน่ • บทชมนางเงือก ซง5ึ ตดิ ตามพอ่ แมม่ าเพื5อพาพระอภยั มณีหนีนางผีเสอื C สมทุ ร จากเร5ือง พระอภยั มณี • หนอ่ กษัตริย์ทศั นานางเงือกน้อย ดแู ชม่ ช้อยโฉมเฉลาทงัC เผ้าผม • ประไพพกั ตร์ลกั ษณ์ล้าล้วนขาคม ทงัC เนือC นมนวลเปลง่ ออกเตง่ ทรวง • ขนงเนตรเกศกรออ่ นสะอาด ดงั สรุ างค์นางนาฏในวงั หลวง • พระเพลนิ พิศคดิ หมายเสยี ดายดวง แล้วหนกั หนว่ งนกึ ท5ีจะหนีไป • (พระอภยั มณี : สนุ ทรภ)ู่
๒.นารีปราโมทย์ (บทเก2ียว โอโ้ ลม) • คถงึือบกทารสกงั ลวาา่ สวแนสนัC ดดง้วคยวเาชมน่ รัก ทงัC การเกียC วพาราสีกนั ในระยะแรก ๆ หรือการพรรณนาบทโอ้โลมปฏิโลมก่อนจะ • ถงึ ม้วยดนิ สนิ C ฟา้ มหาสมทุ ร ไมส่ นิ C สดุ ความรักสมคั รสมาน • แม้นเกิดในใต้ฟา้ สธุ าธาร ขอพบพานพิศวาสไมค่ ลาดคลา • แม้นเนือC เย็นเป็นห้วงมหรรณพ พ5ีขอพบศรีสวสั ดเิ[ ป็นมจั ฉา • แม้นเป็นบวั ตวั พ5ีเป็นภมุ รา เชยผกาโกสมุ ปทมุ ทอง • เจ้าเป็นถ้าอาไพขอให้พี5 เป็นราชสหี ์สมสเู่ ป็นคสู อง • จะตดิ ตามทรามสงวนนวลละออง เป็นคคู่ รองพิศวาสทกุ ชาตไิ ป • (พระอภยั มณี : สนุ ทรภ)ู่
๓. พิโรธวาทงั (บทตดั พอ้ ) • กรคะือเทกียาบรกเปลรา่ ียวบข้อเปครวยามเสแยี สดดสงีอแาลระมดณา่ ว์ไมา่ อพ่ ยอา่ใงจรตุนงัแ: แรตงเ่ เรช<ือน่ งเลก็ น้อยไปจนถงึ เร<ืองใหญ่ ตงั: แต่ ไมพ่ อใจ โกรธ ตดั พ้อ ประชดประชนั กระทบ • • ครัง: นีเ:สยี รักก็ได้รู้ ถงึ เสยี รู้ก็ได้เชาวน์ท<ีเฉาฉงน • เป็นชายหมิ<นชายต้องอายคน จําจนจําจากอาลยั ลาน • (เจ้าพระยาพระคลงั (หน)) • • บทตดั พ้อที<แสดงทงั: อารมณ์รักและแค้นของ องั คาร กลั ยาณพงศ์ จากบทกวี “เสยี เจ้า” • จะเจ็บจําไปถงึ ปรโลก ฤๅรอยโศกร้ ูร้ างจางหาย • จะเกิดก<ีฟา้ มาตรมตาย อยา่ หมายวา่ จะให้หวั ใจ • (องั คาร กลั ยาณพงศ์)
๔. สลั ลาปังคพิไสย(บทโศก) • ในบค้ือานกขารนุ กชล้าา่งวอขนั้อแคสวดามงใแหส้เดหงน็ อวาา่ รนมาณงไ์โมศต่ ก้อเศงกร้าารอตาาลมยั ขรนุักแเผชนน่ ไบปทแโศตกท่ ข>ีตอ้องงนไาปงเวพนัราทะอขงนุ จแาผกนเรร>ือ่างยขมนุ นชต้า์สงะขกนุ ดแผกน่อนตลอานจขานุ กแไผปนนพาางนไดา้งร่าวลนั าทตอ้นงหไมน้กี ซ่อง>ึนคร่าครวญอาลยั รักต้นไม้ • • ลําดวนเอย๋ จะดว่ นไปก่อนแล้ว ทงัO เกดแก้วพิกลุ ยี>สนุ่ สี • จะโรยร้างหา่ งกลนิ> มาลี จําปีเอย๋ ก>ีปีจะมาพบ • (พระบาทสมเดจ็ พระพทุ ธเลศิ หล้านภาลยั ) • • ในที>ตา่ งสๆนุขณทระภลคู่ อ่ รงํ>าเครือรผวญา่ นถพงึ รระัชรกาาชลวทงั ี> ๒สนุ ซทง>ึ รสภวู่รซรงึ>ครตําลแกึ ลค้ววเปา็มนหเหลตงั ใุกห็ค้สรนุ่าทครรภวญตู่ ้อองาตลกยั รถะงึ กอาดลีตาทบ>ีเาคกยรเพุ่งเรราือะงไมเ่ ป็นที>โปรดปรานของรัชกาลที> ๓ ต้องระเหด็ เตร็ดเตร่ไปอาศยั • • เคยหมอบใกล้ได้กลนิ> สคุ นธ์ตลบ ละอองอบรสร>ืนช>ืนนาสา • สนิ O แผน่ ดนิ สนิ O รสสคุ นธา วาสนาเราก็สนิ O เหมือนกลน>ิ สคุ นธ์ • (สนุ ทรภู่ : จากนิราศภเู ขาทอง)
รสวรรณคดีสนั สกฤต มีท1งั หมด ๙ รส
รสวรรณคดีสนั สกฤต ๙ รส รสวรรณคดีสนั สกฤต มีปรากฏใน ตํารานาฏยศาสตร์ (นาฏยเวท) ของพระภรตมนุ ี ซงึD กลา่ วถงึ คณุ สมบตั ขิ องตวั ละครสนั สกฤตทีDดีกวา่ ต้อง ประกอบด้วยรส ๙ รส คือ ศฤงคารรส หาสยรส กรุณารส รุทรรส วีรรส ภยานกรส พีภตั สรส อพั ภตู รสและศานตริ ส
๑. ศฤงคารรส(รสแห่งความรัก) เป็นการพรรณวามรักระหวา่ งหนมุ่ สาวระหวา่ งสามี ภรรยา ระหวา่ งผ้ใู หญ่กบั ผ้นู ้อย บดิ ามารดากบั บตุ ร ญาตกิ บั ญาติ ฯลฯ สามารถทําให้ผ้อู า่ น พอใจรัก เหน็ คณุ คา่ ของความรักนกึ อยากรักกบั เขาบ้างเชน่ รัก ฉนั ช้สู าว รักหมคู่ ณะ รักประเทศชาติ เป็นต้น อยา่ งเชน่ เร5ืองลลิ ติ พระลอ เตม็ ไปด้วยรสรัก(บาลี เรียกรสนี C วา่ รตริ ส) จะกลา่ ววา่ ในรสนี Cอาจเทียบได้กบั นารีปราโมทย์ก็วา่ ได้ ..ถงึ ไปก็ไมอ่ ยนู่ าน เยาวมาลย์อยา่ โศกเศร้าหมอง พระจมุ พิตชิดเชยปรางทอง กรประคองนฤมลขนึ C บนเพลาฯ ในบทนี CเนือC ความจะคล้ายกบั ตวั อยา่ งที5ยกไว้ในรสนารีปราโมทย์ คือตนก็ยงั รักจินตะหราอยู่ ไมไ่ ด้หนีหนา่ ยไปไหน ขอจินตะหราอยา่ โศกเศร้าเสยี ใจไปเลย
๒. หาสยรส (รสแห่งความขบขนั ) เป็นการพรรณนาที5ทําให้เกิดความร่าเริง สดช5ืน เสนาะ ขบขนั อาจทําให้ผ้อู า่ น ผ้ดู ยู ิมC กบั หนงั สอื ยิมC กบั ภาพท5ี เหน็ ถงึ กบั ลมื ทกุ ข์ดบั กล้มุ ไปชวั5 ขณะ เชน่ เรื5องระเดน่ ลนั ได เป็นต้น (บาลเี รียกรสนีวC า่ หาสะรส) ตวั อยา่ งเชน่ บ้างบา่ วเข้าคนละบา่ พานายว5ิง ประเจียดเคร5ืองเปลอื C งทิงC ไว้เกลอื5 นกลน่ บ้างหนามเกี5ยวหวั หไู มร่ ู้ตน ซกุ ซนด้นไปแตล่ ําพงั บ้างเททิงC ไถ้ข้าวเขนงปืน รือC ตื5นเสยี งเพ5ือนกนั ข้างหลงั ที5ถกู ปืนป่วยขาละล้าละลงั อตุ สา่ ห์คลานเซซงั ซกุ ไปฯ กวีตงัC ใจจะให้ดแู ล้วตลกขบขนั แม้วา่ เราอาจจะอา่ นแล้วรู้สกึ เฉยๆ ไมข่ ําสกั เทา่ ไหร่ คือเม5ือท้าวกะห มงั กหุ นิงถกู กริชแล้ว โดยปกตเิ ม5ือแมท่ พั ตาย ใครเลา่ จะยงั อยรู่ บตอ่ ก็ได้แตแ่ ตกกระเจิงหนีกนั หวั ซกุ หวั ซนุ บ้าง ก็วิ5งกนั ผ้าผอ่ นหลดุ ลยุ่ หนามทิ5งแทงเก5ียวไปเก5ียวมา บ้างวิ5งบ้างคลาน เหน็ ถงึ ความ ชลุ มนุ วนุ่ วายไปหมด
๓. กรุณารส (รสแห่งความเมตตากรุณาทีJเกิดภายหลงั ความเศร้าโศก) เป็นบทพรรณนาที5ทําให้ผ้อู า่ นหดหเู่ หี5ยวแห้ง เกิดความเหน็ ใจถงึ กบั นําC ตาไหล พลอยเป็นทกุ ข์ เอาใจชว่ ยตวั ละคร เชน่ เหน็ ใจนางสดี า เหน็ ใจจรกา และเหน็ ใจนางวนั ทอง เป็นต้น(บาลเี รียกรสนีวC า่ โสกะรส) แตก่ ารศกึ ครังC นีไC มค่ วรเป็น เกิดเขญ็ เพราะลกู อปั ลกั ษณ์ จะมีคผู่ ้ชู ายก็ไมร่ ัก จงึ หกั ให้สาสมใจ เมื5ออา่ นตรงชว่ งนีแC ล้ว เราจะรู้สกึ สงสารท้าวดาหาขนึ C มาจบั ใจ เพราะท้าวดาหาได้แตต่ ดั พ้อตอ่ วา่ น้อยใจ วา่ ศกึ สงครามนนัC มนั ไมน่ า่ เกิดขนึ C หรอก ถ้าไมใ่ ชเ่ พราะวา่ ลกู ของตนนนัC หน้าตาอปั ลกั ษณ์ ดสู ิ ขนาดวา่ จะแตง่ งานทงัC ที ผ้ชู ายเขายงั ไมร่ ักเลย ซง5ึ เป็นการ กลา่ วประชดประชนั เพราะท้าวดาหานนัC กําลงั น้อยใจ อิเหนา
๔.รุทรรส/เราทรส (รสแห่งความโกรธเคือง) บทบรรยายหรือพรรณนาที5ทําให้ผ้ดู ผู ้อู า่ นขดั ใจฉนุ เฉียว ขดั เคืองบคุ คลบางคนในเร5ือง บางทีถงึ กบั ขว้าง หนงั สอื ทิงC หรือฉีกตอนนนัC ก็มี เชน่ โกรธขนุ ช้าง โกรธชชู ก(บาลเี รียกรสนีวC า่ โกธะ) รสนี Cเทียบได้กบั รส วรรณคดีไทยคือ พิโรธวาทงั เม5ือนนัC ท้าวกะหมงั กหุ นิงนเรนทร์สรู ได้ฟังทงัC สองทตู ทลู ให้อาดรู เดือดใจดง5ั ไฟฟา้ จงึ บญั ชาตรัสด้วยขดั เคือง ดดู เู๋ จ้าเมืองดาหา เราออ่ นง้อขอไปในสารา แตจ่ ะวา่ รับไว้ก็ไมม่ ี เป็นตอนที5ท้าวกะหมงั กหุ นิงก็กําลงั โกรธย5ิงนกั เพราะตนนนัC ยอมออ่ นข้อสง่ คนไปขอเจรจา แตท่ ้าว ดาหานนัC หาได้จะรับไว้แม้แตน่ ิดเดียวเลย คดิ แล้วก็นา่ แค้นใจนกั
๕. วรี รส (รสแห่งความกลา้ หาญ) บทบรรยายหรือพรรณาท5ีทําให้ผ้อู า่ น ผ้ดู ู ผ้ฟู ังพอใจผลงานและหน้าท5ี ไมด่ หู ม5ินงาน อยากเป็นใหญ่ อยาก ร5ํารวย อยากมีช5ือเสยี ง เลยี นแบบสมเดจ็ พระนเรศวร ชอบความมีขตั ตมิ านะของพระมหาอปุ ราชา จากเรื5อง ลลิ ติ ตะเลงพา่ ย (บาลเี รียกรสนีวC า่ อตุ สาหะรส) ...จะตงัC หน้าอาสาชิงชยั มิได้ยอ่ ท้อถอยหลงั ส้ตู ายไมเ่ สยี ดายชีวงั กวา่ จะสนิ C ชีวงั ของข้านีฯC เมื5อได้อา่ นบทนีแC ล้ว บางคนอาจจะเลอื ดรักชาตพิ ลงุ่ พลา่ นเลยเทียว บนข้างต้นนีเCป็นตอนที5เจ้า เมืองในปกครองของท้าวกะหมงั กหุ นิง นนัC รับปากเป็นมนั5 เป็นเหมาะอยา่ งดีวา่ ตนยินดีร่วมรบร่วมตอ่ ส้อู ยา่ ง สดุ กําลงั พร้อมจะส้แู ม้ตวั จะตายก็ยอม
๖. ภยานกรส (รสแห่งความกลวั ตืNนเตน้ ตกใจ) บทบรรยายหรือพรรณาที5ทําให้ผ้อู า่ นผ้ฟู ัง ผ้ดู ู มองเหน็ ทกุ ข์ เหน็ โทษ เหน็ ภยั ในบาปกรรมทจุ ริต เกิดความ สะด้งุ กลวั โรคภยั สตั ว์ร้าย ภตู ผีปีศาจ บางครังC ต้องหยดุ อา่ น รู้สกึ ขนลกุ ซู่ อา่ นเร5ือง ผีตา่ งๆ เหน็ ระตถู อยเท้าก้าวผิด พระกรายกริชแทงอกตลอดหลงั ล้มลงดา่ วดนิ C สนิ C กําลงั มอดม้วยชีวงั ปลดปลงฯ เมื5ออา่ นแล้วคงรู้สกึ องึ C เสยี วสนั หลงั ไปชว5ั ขณะ เราคงจะรู้สกึ วา่ โลกนีนC นัC ล้วนเป็นอนิจจงั จริงๆ เพราะเราได้เหน็ บทสรุปของการไมร่ ู้จกั ที5ตํ5าที5สงู บทสรุปของการลาํ พองตน ตนเองนนัC เป็นดง5ั แสงห5ิงห้อย จะไปแขง่ กบั แสงอาทิตย์ได้เชน่ ไร บทข้างต้นนีบC รรยายไห้เหน็ ภาพได้อยา่ งชดั เจน วา่ ท้าวกะหมงั กหุ นิงนนัC เพียงแคก่ ้าวเท้าผิดเพียงก้าวเดียว ก็ถกู อิเหนาแทงกริชจากอกทะลไุ ปถงึ หลงั ล้มลงนอนดนิ C ลงไปเลยทีเดียว นกึ แล้วคง สยดสยองมิใชน่ ้อย
๗. พีภตั สรส (รสแห่งความชงั ความรังเกียจ) บทบรรยายหรือพรรณนาที5ทําให้ผ้อู า่ นผ้ดู ู ผ้ฟู ังชงั นําC หน้าตวั ละครบ้างตวั เพราะจิต(ของตวั ละคร) บ้าง เพราะความโหดร้ายของตวั ละครบ้างเชน่ เกลยี ดนางผีเสอื C สมทุ ร ในเร5ืองพระอภยั มณีท5ีฆา่ พอ่ เงือก เป็นต้น (บาลเี รียกรสนีวC า่ ชิคจุ ฉะรส) ในตอนที5ศกึ ษานี Cไมพ่ บวา่ มีตอนท5ีให้อารมณ์ได้อยา่ งเกลยี ดชงั เทา่ ไหร่นกั
๘. อพั ภูตรส (รสแห่งความพิศวงประหลาดใจ) บทบรรยายหรือพรรณนาที5ทําให้นกึ แปลกใจ เอะใจ อยา่ งหนกั ต5ืนเต้นนกึ ไมถ่ งึ วา่ เป็นไปได้ เชน่ นนัC หรือ อศั จรรย์คาดไมถ่ งึ ในความสามารถ ในความคมคายของคารม ในอบุ ายหรือในศลิ ปวิทยาคณุ แปลกใจ ในสปุ ฎิบตั ิ (ความประพฤตทิ 5ีดีงาม) แหง่ ขนั ติ เมตตา กตญั cู อนั ยากยิ5งท5ีคนธรรมดาจะทําได้ (รสนีบC าลี เรียก วมิ หะยะรส)
๙. ศานติรส (รสแห่งสงบ) อนั เป็นอดุ มคตขิ องเร5ือง เชน่ ความสงบสขุ ในแดนสขุ าวดี ในเร5ือง วาสฏิ ฐี อนั เป็นผลมงุ่ หมายทางโลก และทาง ธรรม เป็นผลให้ผ้อู า่ น ผ้ดู ู ผ้ฟู ัง เกิดความสขุ สงบ ในขณะได้เหน็ ได้ฟัง ตอนนนัC ด้วย (บาลีเรียกรสนีวC า่ สมะ รส)
รายชื&อจดั ทาํ ๖/๙ เลขท:ี ๒๔ เลขท:ี ๒๖ ๑. นาย กติ ตพิ งษ์ พรประสทิ ธ4ิแสง. เลขท:ี ๒๗ ๒. นาย พงศ์พพิ ฒั น์ พงศ์ศรีเพยี ร. ๓. นาย.ศริ ิกมล ลีนานุวัฒน์. ๔. ๕. ๖.
Search
Read the Text Version
- 1 - 18
Pages: