Important Announcement
PubHTML5 Scheduled Server Maintenance on (GMT) Sunday, June 26th, 2:00 am - 8:00 am.
PubHTML5 site will be inoperative during the times indicated!

Home Explore tax1

tax1

Published by s.petnark, 2017-10-17 06:13:07

Description: tax1

Search

Read the Text Version

บทท่ี 1 ความรู้ท่วั ไปเก่ียวกับการบัญชีภาษีอากร โดย ผู้ช่วยศาสตราจารย์สุวมิ ล กิตตสิ ุวรรณ์ ในปัจจบุ นั การดาเนินธุรกิจมีการแข่งขนั สูง เน่ืองจากลกู ค้าหรือผ้บู ริโภคเป็ นผ้ทู ่ีมีอานาจในการกาหนดคณุ ภาพ รูปแบบ ตลอดจนราคาของสินค้า ดงั นนั้ กิจการตา่ งๆจึงต้องปรับองค์กรของตนเองให้ทนั ต่อการเปล่ียนแปลงของพฤติกรรมผ้บู ริโภคเสมอ จึงสามารถจะอย่รู อดได้ การท่ีกิจการต้องปรับตวัเพ่ือให้องค์กรอย่รู อดได้นนั้ ส่ิงสาคญั คือ องค์กรต้องมีข้อมูลท่ีแสดงถึงผลการดาเนินงานของกิจการ เพ่ือเป็ นการสะท้อนให้ผ้บู ริหารองค์กรได้ทราบวา่ การดาเนินงานของธุรกิจตามแผนที่วางไว้นนั้ บรรลเุ ป้ าหมายหรือไม่ และในขณะเดียวกันองค์กรต้องทราบถึงฐานะทางการเงินขององค์กรว่าเป็ นอย่างไร เพ่ือท่ีจะนาทรัพยากรท่ีมีอยู่ในองค์กรมาดาเนินงานให้เกิดประสิทธิภาพและประสิทธิผลสูงสุด ในขณะที่องค์กรดาเนินงานนนั้ คงปฏิเสธไมไ่ ด้วา่ องค์กรเหล่านนั้ มีสว่ นทาให้สะภาพแวดล้อมโดยทว่ั ไปเสื่อมสนิ ้ ลง ก่อให้เกิดมลพิษในด้านต่าง ซ่ึงภาครัฐจะต้องทะนบุ ารุงสิ่งเหล่านี ้ตลอดจนต้องดแู ลประชาชนให้มีความเป็ นอย่ทู ี่ดีสง่ เสริมการเจริญเติบโตทางเศรษฐกิจของประเทศ ให้การศกึ ษาแก่ประชาชน ให้ประชาชนมีความรู้เท่าทนักระแสโลกท่ีเปลี่ยนแปลงไป ซ่ึงส่ิงเหล่านีล้ ้วนแล้วแต่ต้องใช้เงินทงั้ สิน้ ดงั นนั้ ภาครัฐจึงต้องมีการจดั เก็บภาษีอากรเพื่อนามาใช้จ่ายในรายจ่ายดงั กล่าว การจดั เก็บภาษีอากรจึงต้องมีเกณฑ์ในการจดั เก็บท่ีเป็ นธรรมตอ่ ธุรกิจทกุ ประเภท ซ่ึงในปัจจบุ นั (ปี พ.ศ.2556) มีจดั เก็บภาษีเงินได้นิติบุคคลในฐานการเสียภาษีเงินได้นิตบิ คุ คลจากฐานภาษีตา่ งๆดงั นี ้จากฐานกาไรสทุ ธิของกิจการ จากฐานยอดรายได้ก่อนหกั รายจ่ายจากฐานเงินได้ท่ีจา่ ยจากหรือในประเทศ (มาตรา70) จากฐานการจาหนา่ ยกาไรไปนอกประเทศ (มาตรา70ทว)ิ การที่กิจการมีหน้าท่ีต้องเสียภาษีเงินได้ตามประมวลรัษฎากรกาหนด กิจการจะต้องเสียภาษีเงินได้ให้ถกู ต้องและครบถ้วน แต่ด้วยวตั ถปุ ระสงค์ในการจดั เก็บภาษีอากรและวตั ถปุ ระสงค์ในการจดั ทางบการเงิน มีวตั ถุประสงค์ที่แตกต่างกัน จึงส่งผลให้มีเกณฑ์การรับรู้รายได้ เกณฑ์การรับรู้รายจ่ายแตกตา่ งกัน ดงั นนั้ เม่ือกิจการต้องเสียภาษีเงินได้ จึงต้องทาการปรับเกณฑ์จากหลกั การบญั ชีไปส่เู กณฑ์ตามประมวลรัษฎากรกาหนด จงึ เป็นที่มาของบญั ชีภาษีอากร การภาษีอากร (Taxation) ตามหนงั สือภาษีอากร ตามประมวลรัษฎากร 2556 จดั ทาโดยกลมุ่ นกั วิชาการภาษีอากร กรมสรรพากร ให้ความหมายของคาวา่ ภาษีอากร คือ ส่ิงที่รัฐบาลบงั คบั เก็บจากราษฎรและนาไปใช้เพ่ือประโยชน์ส่วนรวม โดยมิได้มีสิ่งตอบแทนโดยตรงแก่ผ้เู สียภาษีอากร นอกจากนีย้ งัหมายถึง เงินได้หรือทรัพยากรท่ีเคล่ือนย้ายจากภาคเอกชนไปส่ภู าครัฐบาล แตไ่ ม่รวมถึงการก้ยู ืมหรือขายสินค้า หรือให้บริการในราคาทนุ โดยรัฐบาล

วัตถุประสงค์ในการเก็บภาษีอากร ตามหนงั สือภาษีอากร ตามประมวลรัษฎากร 2556 จดั ทาโดยกล่มุนกั วชิ าการภาษีอากร กรมสรรพากร ได้กล่าวไว้ว่า 1. เป็นการหารายได้ เพื่อนาไปเป็นคา่ ใช้จา่ ยของรัฐบาล 2. เป็ นเคร่ืองมือที่สาคญั ของรัฐบาลในการสง่ เสริมความเจริญเติบโตของธุรกิจ การกระจาย รายได้ รักษาเสถียรภาพทางเศรษฐกิจ ช่วยควบคมุ การบริโภคของประชาชน และสนอง นโยบายบางประการของรัฐบาลด้วยลักษณะของภาษีอากรท่ีดี ตามหนังสือภาษีอากร ตามประมวลรัษฎากร 2556 จัดทาโดยกลุ่มนกั วิชาการภาษีอากร กรมสรรพากร ได้กล่าวไว้ว่า 1. มีความเป็ นธรรม ภาษีอากรท่ีดีควรจัดเก็บจากประชาชนหรือผู้ประกอบการ โดยพิจารณาถึงความสามารถในการเสียภาษีอากรของประชาชนแตล่ ะคน หรือผ้ปู ระกอบการ ประกอบกบั การพจิ ารณาถงึ ผลประโยชน์ท่ีประชาชนแตล่ ะคนได้รับเน่ืองจากการดแู ลค้มุ ครองของรัฐบาล 2. มีความแน่นอนและชัดเจน ภาษีอากรที่ดีประชาชนสามารถเข้าใจความหมายได้โดยง่าย และเป็นการป้ องกนั มิให้เจ้าพนกั งานใช้อานาจหน้าที่โดยมชิ อบ 3. มีความสะดวก ภาษีอากรที่ดีควรคานงึ ถึงวิธีการและการกาหนดเวลาในการเสียภาษีอากรของผ้เู สียภาษีอากรเป็นสาคญั 4. มีความเป็ นกลางทางเศรษฐกิจ ภาษีอากรท่ีดีจะจดั เก็บโดยให้มีผลกระทบต่อการทางานของกลไกตลาดให้น้อยท่ีสดุ หรือไมก่ ระทบเลย 5. อานวยรายได้ ภาษีอากรท่ีดีควรเป็ นรายได้ที่เพียงพอต่อการใช้จ่ายเพ่ือดาเนินกิจการตามหน้าที่ของรัฐบาล 6. มีประสิทธิภาพ ภาษีอากรที่ดีจะต้องพิจารณาถงึ คา่ ใช้จา่ ยในการจดั เก็บภาษีให้น้อยท่ีสดุ โดยพิจารณาทงั้ ผ้จู ดั เก็บภาษีอากรและผ้เู สียภาษีอากร 7. มีความยืดหยุ่น ภาษีอากรท่ีดีต้องสามารถปรับเปล่ียนได้ตามความเหมาะสมกับสถานการณ์ที่เปลี่ยนแปลงไป

โครงสร้ างของกฎหมายภาษีอากร ในท่ีนีจ้ ะกล่าวถึงโครงสร้างของกฎหมายภาษีอากรประกอบด้วยการมีหวั ข้อที่สาคญั อนัเป็นโครงสร้างของกฎหมายภาษีอากรในทกุ ฉบบั ซงึ่ ประกอบด้วบหวั ข้อดงั นี ้ 1. ผ้มู ีหน้าท่ีเสียภาษีอากร 2. ฐานภาษีอากร 3. อตั ราภาษีอากร 4. การประเมินการจดั เก็บภาษีอากร 5. การอทุ ธรณ์ภาษีอากร 6. เบยี ้ ปรับ เงินเพิ่มและโทษ ในแตห่ วั ข้อข้างต้นมีรายละรายเอียดดงั นี ้ 1. ผู้มีหน้ าท่ีเสียภาษีอากร เป็ นการกาหนดว่า ใครเป็ นผู้มีหน้าที่เสียภาษีอากรในกฎหมายฉบบั นนั้ ๆ ซง่ึ มกั จะได้แก่ บคุ คลธรรมดาและหรือนิตบิ คุ คล 2. ฐานภาษีอากร เป็ นการกาหนดว่า สิ่งที่จะนามาใช้เป็ นฐานในการคานวณกบั อตั ราภาษีอากรท่ีกาหนด เช่น ภาษีมูลค่าเพิ่ม สาหรับธุรกิจซือ้ มาขายไป ฐานภาษีอากรท่ีจะนามาใช้ในการคานวณภาษีซือ้ หรือภาษีขาย คือ มูลค่าของสินค้าท่ีโอนความเส่ียงและผลคอบแทนให้กับผู้ซือ้ แล้วด้วยราคาตลาดที่ตกลงซือ้ ขายกนั (เชน่ ราคาขายสินค้าชนิดหน่งึ 10 บาทตอ่ หนว่ ย ขายไปจานวน 1,000 หนว่ ยดงั นนั้ ฐานภาษีอากรในการคานวณภาษีมลู คา่ เพิม่ (ภาษีขาย) จงึ เทา่ กบั 10,000 บาท) 3. อัตราภาษีอากร คือ อตั ราท่ีกฎหมายภาษีอากรฉบบั นนั้ ๆ กาหนดให้เสียภาษีอากรตามอตั ราท่ีระบุไว้ในกฎหมายภาษีอากรนนั้ ดงั นนั้ มูลคา่ ของภาษีอากรท่ีเสียจงึ เท่ากบั ฐานภาษีอากรคณูด้วยอตั ราภาษีอากรนนั้ (เชน่ ราคาขายสินค้าชนิดหนงึ่ 10 บาทตอ่ หนว่ ย ขายไปจานวน 1,000 หน่วย อตั ราภาษีมลู คา่ เพิ่มเท่ากับ 7% ดงั นนั้ ในการคานวณภาษีมลู คา่ เพ่ิม (ภาษีขาย) จึงเท่ากบั 10,000×7% =700บาท) อยา่ งไรก็ตามอัตราภาษีอากร สามารถแบง่ ได้ 3 ประเภท ดงั นี ้ 3.1 อัตราภาษีอากรแบบคงท่ี เป็นอตั ราภาษีอากรท่ีกาหนดไว้อตั ราหนง่ึ ซึ่งคงท่ี เช่นอตั ราภาษีเงินได้นิติบุคคล 20% สาหรับธุรกิจขนาดใหญ่ ดงั นนั้ ไม่ว่าธุรกิจขนาดใหญ่จะมีฐานกาไรสทุ ธิเท่าใดก็ตาม อัตราภาษีเงินได้นิติบุคคลเท่ากับ 20% เสมอ ภาษีมูลค่าเพิ่มซ่ึงปัจจุบนั (ปี พ.ศ.2556) มีอตั ราภาษี 7% ของฐานภาษี (อย่ใู นช่วงของการประกาศยกเว้น) ดงั นนั้ ไม่ว่าฐานภาษีจะมีมูลค่าเท่าใดก็ตาม การคานวณภาษีมลู คา่ เพิ่มคงใช้อตั รา 7% เสมอ 3.2 อัตราภาษีแบบก้าวหน้า เป็ นการกาหนดอตั ราภาษีหลาย ๆ อตั รา ขึน้ อย่ฐู านภาษีที่เปล่ียนแปลงไป กล่าวคือ ถ้าฐานภาษีอากรมีมูลคา่ ท่ีเพิ่มขึน้ อตั ราภาษีอากรก็จะเพิ่มขึน้ ด้วย เช่นอตั ราภาษีเงินได้บคุ คลธรรมดา

3.3 อัตราภาษีแบบถดถอย เป็ นอตั ราภาษีอากรท่ีกาหนดไว้หลายอตั ราขนึ ้ อยกู่ ับฐานภาษีที่เปลี่ยนแปลงไป กล่าวคือ ถ้าฐานภาษีอากรมีมูลค่าท่ีเพิ่มขึน้ อตั ราภาษีอากรลดลง เช่น อตั ราภาษีบารุงท้องที่ 4. การประเมินการจัดเก็บภาษีอากร ในปัจจบุ นั กฎหมายภาษีอากรมกั จะกาหนดให้ผู้มีหน้าที่เสียภาษีอากรเป็ นผู้ดาเนินการประเมินตนเองเพ่ือเสียภาษีอากรให้ถูกต้องตามวิธีการและข้อกาหนดที่กฎหมายกาหนดไว้ เพื่อให้ผ้มู ีหน้าท่ีเสียภาษีอากรดาเนินการเสียภาษีอากรให้ถกู ต้องสมบรู ณ์ตามท่ีกฎหมายกาหนดไว้ อย่างไรก็ตามกฎหมายภาษีอากรยังกาหนดให้เจ้าพนักงานประเมินมีอานาจประเมินผ้มู ีหน้าที่ภาษีอากรอีกด้วย จงึ ถือว่าเป็ นการตรวจสอบอีกขนั้ ตอนหนง่ึ วา่ ผ้มู ีหน้าท่ีภาษีอากรได้ทาการเสียภาษีอากรตามวิธีการและข้อกาหนดที่กฎหมายกาหนดไว้ถูกต้องหรือไม่ หากไม่ถูกต้องหรือไม่สมบรู ณ์ เจ้าพนกั งานประเมินมีอานาจประเมินให้ผ้มู ีหน้าท่ีเสียภาษีอากรต้องรับผิดชาระเงินเพิ่มและหรือเบีย้ ปรับเพิ่มขนึ ้ แล้วแตก่ รณี นอกจากนีเ้ จ้าพนกั งานมีอานาจตรวจค้น ยึดทรัพย์อายดั หลกั ฐานต่าง ๆ ในบางกรณีได้ ในบางกรณีแม้ยงั ไม่ถึงกาหนดเวลาชาระภาษีอากร เจ้าพนกั งานประเมินอาจดาเนินการประเมินล่วงหน้าให้ผ้มู ีหน้าที่เสียภาษีอากรต้องชาระภาษีอากรก่อนถึงกาหนดเวลาก็ได้ แตต่ ้องเป็นไปตามข้อกาหนดของกฎหมาย นอกจากนี ้กฎหมายภาษีอากรยังกาหนดให้ผู้จ่ายเงินได้ เป็ นผู้ดาเนินการหักภาษีจากจานวนเงินที่จา่ ย แล้วนาสง่ ตอ่ เจ้าพนกั งานภายในกาหนดเวลา เชน่ ภาษีหกั ณ ที่จา่ ย เพ่ือประโยชน์ในการตรวจสอบไต่สวนประเมินภาษีอากรและป้ องกันการหลีกเลี่ยงการเสียภาษีอากร กฎหมายภาษีอากรยงักาหนดให้ผ้มู ีหน้าที่เสียภาษีอากรปฏิบตั ิดงั นี ้การจดทะเบียนการค้า การมีเลขประจาตวั เสียภาษีอากรการจดั ทาบญั ชีเอกสารและหลกั ฐานตา่ ง ๆ เป็นต้น 5. การอุทธรณ์ ภาษีอากร เป็ นข้อกาหนดให้ผู้เสียภาษีอากรปฏิบัติหากเกิดปัญหาข้อเท็จจริงหรือข้อกฎหมายข้อแย้งพิพาทกนั ระหวา่ งผ้เู สียภาษีอากรกบั ผ้จู ดั เก็บภาษีอากร เก่ียวกบั จานวนภาษีอากรท่ีต้องเสียหรืออานาจการประเมินเรียกเก็บภาษีอากรของเจ้าพนกั งาน ซง่ึ ผ้มู ีหน้าที่เสียภาษีอากรต้องการให้มีการพิจารณาทบทวนการประเมินภาษีอากรของเจ้าพนกั งานได้ โดยผ้เู สียภาษีอากรสามารถอทุ ธรณ์การประเมนิ ตอ่ คณะกรรมการพิจารณาอทุ ธรณ์ก่อนภายใน 30 วนั นบั แตว่ นั ได้รับแจ้งการประเมินเรียกเก็บภาษีอากร ผ้เู สียภาษีอากรจะนาคดขี นึ ้ สศู่ าลทนั ทีไมไ่ ด้ 6. เบีย้ ปรับ เงินเพ่ิมและโทษ เป็ นการกาหนดเบีย้ ปรับ เงินเพ่ิม และโทษสาหรับผู้ที่ชาระภาษีอากรท่ีไม่ครบถ้วนถกู ต้องตลอดจนไม่ชาระภาษีอากร กฎหมายกาหนดให้อานาจเจ้าพนกั งานดาเนินการยึดทรัพย์สนิ ของผ้คู ้างภาษีอากร ไปขายทอดตลาดเพ่ือนาเงินไปชาระภาษีอากรท่ีค้างอยู่ โดยไม่ต้องฟ้ องศาล นอกจากนีย้ งั อาจจะต้องรับโทษทางอาญา

ประเภทภาษีอากร ประเภทภาษีอากร จาแนกตามลักษณะการรับภาระภาษีอากร สามารถจาแนกได้2 ประเภท คอื ภาษีทางตรง และภาษีทางออ้ม โดยมีรายละเอียดดงั นี ้ 1. ภาษีทางตรง หมายถึง ภาษีอากรท่ีไม่สามารถผลกั ภาระภาษีให้แก่ผ้อู ื่น เป็ นภาษีที่ภาระภาษีตกแก่บคุ คลท่ีกฎหมายกาหนดให้เป็ นผ้เู สียภาษี เชน่ ภาษีเงินได้บคุ คลธรรมดา (เป็ นภาษีเงินได้ที่บุคคลธรรมดา ผู้ซึ่งมีเงินได้ตามเกณฑ์ที่กฎหมายภาษีกาหนดให้เป็ นผู้เสียภาษีเงินได้บุคคลธรรมดา)ภาษีเงินได้นิติบคุ คล (เป็ นภาษีเงินได้ท่ีนิติบคุ คล ผู้ซง่ึ มีเงินได้ตามเกณฑ์ที่กฎหมายภาษีกาหนดให้จะต้องเสียภาษีเงินได้นติ บิ คุ คล) 2. ภาษีทางอ้อม หมายถึง ภาษีอากรท่ีสามารถผลักภาระภาษีให้แก่ผู้อ่ืนได้ง่าย ผู้ท่ีได้รับการผลกั ภาระให้เสียภาษีอากรนนั้ ต้องเป็ นผ้ทู ี่กฎหมายภาษีอากรกาหนดเท่านนั้ ภาษีทางอ้อมได้แก่ภาษีมูลคา่ เพิ่ม ภาษีธุรกิจเฉพาะ ภาษีศลุ กากร และภาษีสรรพสามิต เป็ นต้น ตวั อย่างการผลกั ภาระภาษีเช่นภาษีมลู ค่าเพิ่ม เป็ นภาษีทางอ้อมที่ผ้มู ีเงินได้ (ผ้ขู ายสินค้า/บริการ) สามารถผลกั ภาระภาษีมูลคา่ เพ่ิม(ภาษีขาย) ให้แก่ผ้บู ริโภค (ผ้ซู ือ้ สนิ ค้านนั้ ) ตามที่กฎหมายภาษีอากรกาหนดประมวลรัษฎากร ประมวลรัษฎากรเป็ นชื่อของกฎหมายภาษีอากรฉบบั หน่ึง เดิมเป็ นที่รวมของกฎหมายภาษีอากรสาคญั หลายประเภท แตป่ ัจจบุ นั เป็นท่ีรวมของกฎหมายภาษีอากรเพียง 4 ประเภท ได้แก่ 1. ภาษีเงินได้ ได้แก่ ภาษีเงินได้บคุ คลธรรมดา และภาษีเงินได้นิตบิ คุ คล 2. ภาษีมลู คา่ เพ่มิ 3. ภาษีธุรกิจเฉพาะ 4. อากรแสตมป์ สาหรับรายละเอียดของภาษีแตล่ ะประเภทข้างต้นจะกลา่ วอยา่ งละเอียดในแตล่ ะบทถดั ไปยกเว้นอากรแสตมป์

แผนภูมิแสดงประเภทรายรับของรัฐบาล เงินกู้ ภาษีทางตรง - ภาษีเงินได้การขายหลกั ทรัพย์ - ภาษีทรัพยส์ ินสินทรัพยแ์ ละบริการ ภาษีการขาย/บริการ (ทวั่ ไป)เงินคงคลงั รายรับของรัฐบาล - ภาษีมลู คา่ เพม่ิ - ภาษีธุรกิจเฉพาะ - อากรแสตมป์รายไดร้ ัฐพาณิชย์ ภาษีการขายเฉพาะ เช่น รายไดอ้ ื่น เช่น แสตมป์ ฤชากร คา่ ปรับ - ภาษีสรรพสามิต - ภาษีศุลกากร - คา่ ภาคหลวง - คา่ จดทะเบียนอสงั หาริมทรัพย์ - รายไดโ้ รงงานยาสูบ - สลากกินแบง่ - ค่าใบอนุญาตที่มา : กลมุ่ นกั วิชาการภาษีอากร ภาษีอากรตามประมวลรัษฎากร 2556แนวความคดิ พืน้ ฐานทางการบัญชี การบัญชี (Accounting) คือ ศลิ ปะของการเก็บรวบรวม จดั จาแนก บนั ทกึ อยา่ งเป็ นระเบียบเพ่ือทาการสรุปข้อมูลอนั เก่ียวกบั เหตกุ ารณ์ทางเศรษฐกิจในรูปตวั เงิน ผลงานขนั้ สุดท้ายที่ได้คืองบการเงิน โดยมงุ่ เน้นท่ีจะให้ประโยชน์ในการตดั สินใจทางเศรษฐกิจและมองหาทางเลือกทางธุรกิจอยา่ งมีเหตผุ ล การบญั ชีแบ่งออกเป็ นหลายสาขา เช่น การบญั ชีการเงิน การบญั ชีบริหาร และการบญั ชีรัฐบาล เป็นต้น จากคานิยามดงั กล่าวข้างต้น การได้มาของตวั เลขในการจดบนั ทึกและจัดจาแนกนนั้จะต้องมีการวางกฎกติกาไว้ เพื่อเป็ นข้อยุติในการได้มาของข้อมูลในงบการเงิน ซึ่งข้อมูลเหล่านีเ้ ป็ นข้อมลู จากการดาเนินงานของกิจการ และกิจการดาเนินงานอย่ภู ายใต้สิ่งแวดล้อมทางธุรกิจที่ไม่แน่นอนตลอดจนกิจการแต่ละกิจการอยู่ในแต่ละอุตสาหกรรมที่ต่างกัน ดงั นัน้ จะทาอย่างไรท่ีจะให้ผู้ใช้งบ

การเงินทุกกลุ่มเมื่ออ่านงบการเงินแล้วมีความเข้าใจตรงกัน จึงต้องมีขอบเขตที่เป็ นกฎกติกาพืน้ ฐานเพ่ือให้เข้าใจตรงกนั ซง่ึ พืน้ ฐานดงั กลา่ วท่ีรู้จกั กนั คอื แมบ่ ทการบญั ชี แม่บทการบัญชี (Accounting Framework) หรือแม่บทการบญั ชีสาหรับการจัดทาและนาเสนอของงบการเงิน เป็ นสง่ิ ท่ีกาหนดขนึ ้ เพ่ือวางแนวคดิ ท่ีเป็ นพืน้ ฐานในการจดั ทาและนาเสนองบการเงินแก่ผ้ใู ช้งบการเงินที่เป็ นบุคคลภายนอก ตามสมาคมนกั บญั ชีและผ้สู อบบญั ชีรับอนญุ าตแห่งประเทศไทย ได้กาหนดวตั ถปุ ระสงคข์ องแมบ่ ทการบญั ชีไว้ดงั นี ้ 1. เป็ นแนวทางสาหรับคณะกรรมการมาตรฐานการบญั ชีในการพัฒนามาตรฐานการบญั ชีในอนาคตและในการทบทวนมาตรฐานการบญั ชีที่มีในปัจจบุ นั 2. เป็ นแนวทางสาหรับคณะกรรมการมาตรฐานการบญั ชีในการปรับข้อกาหนดมาตรฐานและการปฎิบตั ิทางบญั ชีที่เก่ียวข้องกับการนาเสนองบการเงินให้สอดคล้องกัน โดยถือเป็ นหลกั เกณฑ์ในการลดจานวนทางเลือกของวิธีบนั ทกึ บญั ชีท่ีเคยอนญุ าตให้ใช้ 3. เป็ นแนวทางสาหรับผ้จู ดั ทางบการเงินในการนามาตรฐานการบญั ชีมาปฏิบตั ิรวมทงั้เป็นแนวทางในการปฏิบตั สิ าหรับเร่ืองที่ยงั ไมม่ ีมาตรฐานการบญั ชีรองรับ 4. เป็ นแนวทางสาหรับผลสอบบัญชีในการแสดงความเห็นต่องบการเงินว่าได้จัดมาตรฐานการบญั ชีหรือไม่ 5. ช่วยให้ผู้ใช้งบการเงินสามารถเข้าใจความหมายของข้อมูลที่แสดงในงบการเงินซึ่งจดั ทาขนึ ้ ตามมาตรฐานการบญั 6. ให้ผ้สู นใจได้ทราบข้อมลู เก่ียวกบั แนวทางในการกาหนดมาตรฐานการบญั ชีของคณะกรรมการมาตรฐานการบญั ชีขอบเขตของแม่บทการบัญชี แมบ่ ทการบญั ชีเก่ียวข้องกบั เร่ืองตอ่ ไปนี ้ 1. วตั ถปุ ระสงค์ของงบการเงิน 2. ลกั ษณะเชงิ คณุ ภาพที่กาหนดวา่ ข้อมลู ในงบการเงินมีประโยชน์ 3. องค์ประกอบของงบการเงินและคานิยาม การรับรู้รายการ การวดั มลู คา่ ของ องค์ประกอบ งบการเงิน 4. แนวคดิ เกี่ยวกบั ทนุ และการรักษาระดบั ทนุ

วัตถุประสงค์ของงบการเงนิ วตั ถุประสงค์ของการจัดทางบการเงิน เพ่ือให้ข้อมูลเก่ียวกับฐานะทางการเงิน ผลการดาเนินงาน และการเปล่ียนแปลงฐานะทางการเงินของกิจการ อนั เป็ นประโยชน์ตอ่ ผ้ใู ช้งบการเงินในการนางบการเงินไปใช้ตดั สนิ ใจเชิงเศรษฐกิจ ข้อมลู ในงบการเงินต้องเป็นประโยชน์ตอ่ ผ้ใู ช้งบการเงินทกุ ประเภท (ผ้ลู งทนุ ลกู จ้าง ผ้ใู ห้กู้ผ้ขู ายสินค้าและเจ้าหนีอ้ ่ืน ลูกค้า รัฐบาลและหน่วยงานราชการ และสาธารณชน ในลักษณะร่วมกันกล่าวคือ งบการเงินไม่อาจตอบสนองความต้องการข้อมลู ของงบการเงินตอ่ ผ้ใู ช้งบการเงินได้ทุกกลมุ่ แต่ข้อมลู ท่ีปรากฎในงบการเงินนนั้ จะเป็ นข้อมลู ส่วนใหญ่ท่ีผ้ใู ช้งบการเงินต้องการ แม้จะมีข้อมลู บางส่วนท่ีบางกลมุ่ ผ้ใู ช้งบการเงินต้องการมากกวา่ นี ้ ซึ่งผ้ใู ช้งบการเงินเหล่านนั้ จะต้องพยายามค้นหาเอง เนื่องจากแม่บทการบญั ชีได้ระบวุ ่าข้อมลู ใดในงบการเงินท่ีสามารถตอบสนองความต้องการของผ้ลู งทนุ ได้ก็สามารถตอบสนองความต้องการของผ้ใู ช้งบการเงินกลมุ่ อ่ืนได้เชน่ กนั ฝ่ ายบริหารมีหน้าท่ีรับผิดชอบในการจัดทาและนาเสนองบการเงินของกิจการ นั่นหมายความว่าฝ่ ายบริหารของกิจการมีหน้าที่รับผิดชอบในการกาหนดวา่ ข้อมลู ใดควรแสดงไว้ในงบการเงินนน่ั เอง นอกจากนีย้ ังกล่าวไว้ว่า งบการเงินแสดงตัวผลการบริหารของฝ่ ายบริหารหรือความรับผิดชอบของฝ่ ายบริหารในการบริหารทรัพยากรของกิจการ ผู้ใช้งบการเงินสามารถประเมินผลการบริหารงานหรือความรับผิดชอบของฝ่ ายบริหาร เพ่ือใช้ในการตดั สินใจเชิงเศรษฐกิจ ซ่ึงการตดั สินใจเชิงเศรษฐกิจนีอ้ าจรวมถึงการตดั สินใจขายหรือถือเงินลงทุนในกิจการต่อไป หรือการตดั สินใจโยกย้ายหรือเปล่ียนผ้บู ริหาร จากท่ีกล่าวมาแล้วข้างต้น วตั ถุประสงค์ของการจัดทางบการเงินเพื่อให้ข้อมูลเกี่ยวกับฐานะทางการเงิน ผลการดาเนินงาน และการเปล่ียนแปลงฐานะการเงินของกิจการ ซ่ึงจะแสดงไว้ในงบดลุงบกาไรขาดทนุ และงบแสดงการเปลี่ยนแปลงฐานะทางการเงิน ตามลาดบั โดยมีรายละเอียด ดงั นี ้ งบแสดงฐานะการเงิน ให้ข้อมูลเก่ียวกับทรัพยากรทางเศรษฐกิจที่กิจการควบคมุอยู่ โครงสร้ างทางการเงิน สภาพคล่อง ความสามารถในการชาระหนี ้ และความสามารถในการปรับตวั เข้าหาสภาพแวดล้อมที่เปลี่ยนแปลงไป งบกาไรขาดทุนเบ็ดเสร็จ(งบกาไรขาดทุน) ให้ข้อมูลเก่ียวกบั ผลการดาเนินงานและความแปรผนั ของผลการดาเนินงานของกิจการ งบแสดงการเปล่ียนแปลงฐานะการเงิน ให้ข้อมูลเกี่ยวกับการเปลี่ยนแปลงฐานะการเงินของกิจการเป็ นประโยชน์ตอ่ การประเมินกิจกรรมการดาเนินงาน กิจกรรมการลงทนุ และกิจกรรมการจัดหาเงิน ในรอบระยะเวลาที่นาเสนอรายงานข้อมูลดังกล่าว เป็ นประโยชน์ต่อผู้ใช้งบการเงินในการ

ประเมินความสามารถของกิจการในการก่อให้เกิดเงินสดและรายการเทียบเท่าเงินสด ตลอดจนความจาเป็นในการใช้กระแสเงินสดนนั้ (เน่ืองจากในการจดั ทางบแสดงการเปล่ียนแปลงฐานะทางการเงิน คาว่าเงินทนุ มีหลายความหมาย เชน่ ในความหมายของทรัพยากรทางการเงินทงั้ หมด เงินทนุ ในความหมายของเงินทุนหมุนเวียน เงินทุนในความหมายของเงินสดหรือสินทรัพย์ที่มีสภาพคล่อง สาหรับแม่บทการบญั ชี มไิ ด้กาหนดคานิยามของคาวา่ เงินทนุ ) นอกจากนีแ้ ล้วงบการเงินยงั หมายความรวมถึง หมายเหตปุ ระกอบงบการเงิน รายละเอียดประกอบ และข้อมลู อ่ืน งบแตล่ ะงบแม้ว่าจะให้ข้อมูลที่มีลกั ษณะแตกตา่ งกนั ตามท่ีได้กล่าวมาแล้วข้างต้น แต่งบแต่ละงบจะให้ข้อมูลที่สมั พนั ธ์กนั เนื่องจากส่วนประกอบเหลา่ นนั้ ในแตล่ ะงบสะท้อนให้เห็นลกั ษณะที่แตกตา่ งของรายการหรือเหตกุ ารณ์ทางบญั ชีตา่ งๆ ไมไ่ ด้ให้ข้อมลู ที่เดด็ ขาดจากกนั ในแตล่ ะงบ ข้อสมมติ เพื่อให้การจดั ทางบการเงินบรรลวุ ตั ถปุ ระสงค์ข้างต้น แม่บทการบญั ชีได้กาหนดข้อสมมตไิ ว้ 2 ข้อดงั นี ้ 1. เกณฑ์คงค้าง (Accrual Basis) จะบันทึกรายการค้าต่างๆที่เกิดขึน้ ของงวดบญั ชีหนึ่งหรือของรอบระยะเวลาบญั ชีหนงึ่ โดยไมค่ านงึ ว่า รายการค้าดงั กล่าวเหล่านนั้ ได้รับเป็ นเงินสดหรือจา่ ยเป็นเงินสดหรือไม่ 2. การดาเนินงานต่อเน่ือง (Going Concern) เป็ นการกาหนดวา่ กิจการโดยทวั่ ไปจะดาเนินงานอยา่ งตอ่ เนื่องและดารงอยตู่ อ่ ไปในอนาคต ดงั นนั้ หากกิจการใดมีเจตนาหรือความจาเป็นท่ีจะเลิกกิจการหรือลดขนาดของการดาเนินงานอย่างมีนยั สาคญั กิจการนนั้ จะต้องออกงบการเงินที่จดั ทาขึน้ตามเกณฑ์อื่น และต้องเปิดเผยหลกั เกณฑ์ที่ใช้ในการจดั ทางบการเงินนนั้ ด้วยลักษณะเชิงคุณภาพของงบการเงนิ ลกั ษณะเชิงคณุ ภาพของงบการเงินที่เป็ นไปตามวตั ถุประสงค์ของงบการเงิน แม่บทการบญั ชีได้กาหนดไว้ คือ ต้องมีลักษณะหลัก 4 ประการ ได้แก่ ความเข้าใจได้ ความเก่ียวข้องกบั การตดั สินใจ ความเช่ือถือได้ และการเปรียบเทียบกนั ได้ โดยมีรายละเอียดดงั นี ้ 1. ความเข้าใจได้ (Understandability) หมายถึง ข้อมูลในงบการเงินต้องสามารถเข้าใจได้ในทนั ทีท่ีผ้ใู ช้งบการเงินใช้ข้อมลู นนั้ ดงั นนั้ จึงมีข้อสมมติท่ีว่าผ้ใู ช้งบการเงินมีความรู้ตามควรเก่ียวกบั ธุรกิจ กิจกรรมเชิงเศรษฐกิจและการบญั ชี รวมทงั้ มีความตงั้ ใจตามควรท่ีจะศกึ ษาข้อมลู ดงั กลา่ วและหากข้อมูลใดที่เก่ียวข้องกบั การตดั สินใจเชิงเศรษฐกิจ นกั บญั ชีก็ควรจะบนั ทึกและให้ข้อมูลเหล่านนั้ปรากฏในงบการเงิน ไม่ควรละเว้นที่จะแสดงในงบการเงินด้วยเหตผุ ลที่ว่าข้อมูลดงั กล่าวยากเกินกว่าที่ผ้ใู ช้งบการเงินจะเข้าใจ

2. ความเก่ียวข้องกับการตัดสินใจ (Relevance) ต้องเป็ นข้อมลู ที่เกี่ยวข้องกบั การตดั สินใจของผู้ใช้งบการเงิน ซึ่งข้อมูลนัน้ ต้องช่วยให้ผู้ใช้งบการเงินสามารถประเมินเหตุการณ์ในอดีตปัจจบุ นั และอนาคต รวมทงั้ ยืนยนั หรือชีข้ ้อผิดพลาดของผลการประเมินที่ผ่านมาของผ้ใู ช้งบการเงินได้ อยา่ งไรก็ตามลกั ษณะของข้อมูลที่มีความเกี่ยวข้องกับการตดั สินใจถือเป็ น คุณลักษณะหลัก แตค่ วามมีนัยสาคัญ (Materiality ) ก็มีความสาคญั เชน่ กนั จงึ ถือเป็น คุณลักษณะรอง หลักการมีนัยสาคัญ นกั บญั ชีจะต้องพจิ ารณาวา่ รายการค้ารายการใดที่มิได้แสดงไว้ในงบการเงินและจะทาให้ผู้ใช้งบการเงินเข้าใจผิด แสดงว่า รายการนัน้ มีนัยสาคญั ต่องบการเงินการพิจารณาว่ารายการใดมีนยั สาคญั ตอ่ งบการเงินนนั้ ให้พิจารณาจากความสาคญั ท่ีมีตอ่ การตดั สินใจของผู้ใช้งบการเงิน กล่าวคือ หากเหตุการณ์ (รายการ) นัน้ ผู้ที่เก่ียวข้องกับงบการเงินไม่มีโอกาสรับทราบ อาจตดั สินใจผิดไปจากกรณีท่ีรับทราบเหตุกรณี (รายการ) นัน้ ในทางปฎิบัติพิจารณาว่ารายการใดมีนยั สาคญั ต่องบการเงินนนั้ ไม่อาจจะพิจารณาได้จากรายการนนั้ โดยเอกเทศ หากแต่ควรพิจารณาจากขนาดจานวนเงินท่ีเกี่ยวข้อง แล้วนาไปเปรียบเทียบกับรายการอ่ืนที่เก่ียวข้องกนั นกั บญั ชีบางท่านจะใช้ตวั เลขของเปอร์เซนต์ เช่น 5% , 10% ของรายการค้าท่ีเก่ียวข้อง แต่นกั บญั ชีบางท่านมีประสบการณ์การทาบัญชีมานานก็อาจมีความคิดแตกต่างกันไปก็ได้ เช่น กิจการ ก. มีผลการการดาเนินงานกาไรสุทธิ 100,000 บาท มีรายได้อื่น 1,000 บาท แต่กิจการ ข. มีผลการดาเนินงานกาไรสุทธิ 20,000 บาท มีรายได้อื่น 5,000 บาท ดงั นนั้ รายได้อื่นของกิจการ ก. ไม่มีนยั สาคญั เม่ือนามาเปรียบเทียบกบั กาไรสทุ ธิของกิจการ คือมีเพียง 1% เท่านนั้ แตส่ าหรับกิจการ ข. รายได้อื่นมีนยั สาคญั คือมีถึง 25% ของกาไรสุทธิ ในกรณีเช่นนี ้ นักบญั ชีมองว่ารายได้อื่นมีความสมั พันธ์ตอ่ กาไรสุทธิของกิจการดงั นนั้ เม่ือนกั บญั ชีได้สงั เกตเุ ห็นเหตกุ ารณ์ใดซง่ึ มีนยั สาคญั ตอ่ การตดั สินใจของผ้ทู ี่เกี่ยวข้องแล้ว นกั บญั ชีต้องรายงานเหตกุ ารณ์นนั้ ด้วยความระมดั ระวงั 3. ความเช่ือถือได้ (Reliability) ต้องเป็ นข้ อมูลที่ปราศจากความผิดพลาดที่มีนยั สาคญั และความลาเอียงที่ทาให้ผ้ใู ช้ข้อมลู นนั้ สามารถเช่ือถือได้วา่ ข้อมลู ดงั กลา่ ว เป็นตวั แทนอนั เท่ียงธรรม ซง่ึ จะมีคณุ สมบตั ดิ งั นี ้ 3.1 การเป็ นตัวแทนอันเท่ียงธรรม หมายถึง ข้อมูลท่ีแสดงในงบการเงินให้แสดงตามความเป็ นจริงท่ีควรแสดง แต่ให้พึงระวงั ว่าข้อมูลทางการเงินบางรายการอาจไม่เป็ นตวั แทนอนัเที่ยงธรรมของรายการท่ีต้องการให้แสดง ทงั้ นีม้ ิได้มีสาเหตมุ าจากความลาเอียงแตอ่ ย่างใด หากเกิดจากความซบั ซ้อนในการวดั ค่าของรายการและเหตกุ ารณ์ทางบญั ชี เช่น คา่ ความนิยมของกิจการท่ีเกิดขึน้ มาจากการดาเนินงาน จะนาหลกั เกณฑ์ใดมาประเมินได้อยา่ งชดั เจนวา่ กิจการมีคา่ ความนิยมท่ีเกิดจากการดาเนินงาน หากกิจการยงั ไมข่ ายกิจการไป 3.2 เนือ้ หาสาคัญกว่ารูปแบบ นักบัญชีควรเสนอรายการค้าในงบการเงินตามความเป็ นจริงทางการเงิน แต่รูปแบบทางกฎหมายไม่ใช่ก็ตาม ทงั้ นี ้ เพ่ือให้ผ้ใู ช้งบการเงินได้ทราบ

ข้อมลู เกี่ยวกบั กิจกรรมทางเศรษฐกิจได้ชดั เจน และใกล้เคียงความเป็นจริงย่งิ ขนึ ้ ตวั อยา่ งเชน่ กิจการแห่งหนึ่งได้ทาสญั ญาซือ้ ขายอาคารหลงั หนึ่งเพ่ือทาเป็ นสานกั งาน และยงั อย่ใู นระหว่างผ่อนชาระอยู่ ดงั นนั้อาคารหลงั นีจ้ ะเป็ นกรรมสิทธ์ิของกิจการแห่งนีก้ ็ตอ่ เม่ือผ่อนชาระเสร็จแล้วแตป่ ัจจบุ นั ได้เปิ ดสานกั งานที่อาคารหลังนีแ้ ล้ว ดงั นนั้ การลงบัญชีของกิจการแห่งนีจ้ ะนับอาคารหลงั นีเ้ ป็ นสินทรัพย์ของกิจการ และทางด้านผ้ขู ายก็จะบนั ทึกบญั ชีเป็ นการขายอาคารไปแล้ว และไม่นบั รวมเป็ นสินค้าคงเหลือในงวดบญั ชีนนั้ด้วย แม้วา่ ตามกฎหมายแล้วกรรมสทิ ธ์ิในตวั อาคารยงั เป็นของผ้ขู ายก็ตาม 3.3 ความเป็ นกลาง เป็ นข้อมลู ท่ีมีความเป็ นกลางหรือปราศจากความลาเอียงงบการเงินจะขาดความเป็ นกลาง หากการเลือกข้อมูลหรือการแสดงข้อมูลในงบการเงินนนั้ มีผลทาให้ผ้ใู ช้งบการเงินต้องตดั สนิ ใจหรือใช้ดลุ ยพนิ ิจตามเจตนาของกิจการ 3.4 ความระมัดระวัง คือในกรณีที่อาจเลือกวิธีปฎิบตั ิทางการบญั ชีได้มากกว่าหน่ึงวิธี เช่น การคานวณค่าเส่ือมราคาสินทรัพย์ถาวร หรือการตีราคาสินค้าคงเหลือ เป็ นต้น นักบญั ชีควรเลือกวิธีท่ีแสดงสินทรัพย์ รายได้ หนีส้ ิน และคา่ ใช้จา่ ย ที่ใกล้เคียงกบั ความเป็ นจริงมากท่ีสดุ หากกรณีท่ีต้องประมาณกาไรหรือขาดทนุ ให้ยึดหลกั การว่า ไม่คาดการณ์จะได้กาไร แต่จะรับรู้การขาดทุนไว้อย่างเต็มที่ในกรณีที่สงสยั ให้ตดั เป็ นค่าใช้จ่ายในทันที ที่จาเป็ นต้องมีหลกั เกณฑ์ในข้อนีก้ ็คือ ในการดาเนินกิจการนัน้ มักจะอยู่ในสภาพแวดล้อมท่ีเปลี่ยนแปลงตลอดเวลา การจัดทางบการเงินจึงจาเป็ นต้องระมดั ระวงั แต่การใช้หลกั ความระมดั ระวงั นีม้ ิได้อนญุ าตให้กิจการตงั้ สารองลบั หรือตงั้ คา่ เผื่อไว้สงู เกินไปเพราะจะทาให้งบการเงินขาดความนา่ เชื่อถือ 3.5 ความครบถ้วน หมายถึง ข้อมลู ในงบการเงินนนั้ ต้องครบถ้วน ภายใต้ข้อจากัดของความมีนยั สาคญั และต้นทนุ ในการจดั ทาต้องไมส่ งู กวา่ ประโยชน์ท่ีได้รับ 4. การเปรียบเทียบได้ (Comparability) เนื่องจากผู้ใช้งบการเงินจาเป็ นต้องได้รับข้อมูลเกี่ยวกับนโยบายการบญั ชีที่ใช้ในการจัดทางบการเงิน รวมทงั้ การเปล่ียนแปลงนโยบายการบญั ชีและผลกระทบจากการเปลี่ยนแปลงดังกล่าว ผู้ใช้งบการเงินต้องสามารถระบุความแตกต่างระหว่างนโยบายการบญั ชีที่กิจการใช้สาหรับรายการและเหตกุ ารณ์ทางบญั ชีที่คล้ายคลงึ กนั ในรอบระยะเวลาบญั ชีที่ต่างกัน และความแตกต่างระหว่างนโยบายการบญั ชีที่ใช้ของกิจการแต่ละกิจการได้ การปฎิบตั ิตามมาตรฐานการบัญชีท่ีรวมถึงการเปิ ดเผยนโยบายการบัญชีจะช่วยให้งบการเงินมีคุณสมบัติในการเปรียบเทียบได้ ดงั นนั้ จงึ สง่ ผลให้ 1) การวัดมูลค่าและการแสดงผลกระทบทางการเงินของรายการและเหตกุ ารณ์ทางบญั ชีที่มีลักษณะคล้ายคลึงกันจึงจาเป็ นต้องปฏิบัติอย่างสม่าเสมอ ไม่ว่าจะเป็ นปฎิบัติภายในกิจการเดยี วกนั แตต่ า่ งรอบระยะเวลาหรือเป็นการปฎิบตั ขิ องกิจการแตล่ ะกิจการ 2) งบการเงินจะต้องแสดงข้อมลู ของรอบระยะเวลาบญั ชีท่ีผา่ นมาด้วยเพื่อประโยชน์ในการเปรียบเทียบ

อย่างไรก็ตาม มิได้หมายความวา่ ข้อมลู ต้องอยใู่ นรูปแบบเดียวกนั ตลอดไป และมิใชข่ ้ออ้างที่จะไมท่ าตามมาตรฐานการบญั ชีที่เหมาะสมกวา่ มาถือปฎิบตั ิข้อจากัดของข้อมูลท่ีมีความเก่ียวข้องกับการตัดสินใจและความเช่ือถอื ได้ ในการจัดทาและนาเสนองบการเงินนัน้ ต้องใช้เวลาและค่าใช้จ่ายเพ่ือให้ได้มาซ่ึงงบการเงินที่มีลกั ษณะเชิงคณุ ภาพ อยา่ งไรก็ตามในการจดั ทาและนาเสนองบการเงินมีข้อจากดั หลายปัจจยั ที่ต้องคานงึ ถึงคือ การนาเสนองบการเงินต้องทนั ตอ่ เวลา ข้อมลู ที่ปรากฎในงบการเงินนนั้ ต้องมีความสมดลุระหวา่ งประโยชน์ท่ีได้รับกบั ต้นทนุ ที่เสียไป และมีความสมดลุ ของงบการเงินท่ีมีลกั ษณะเชงิ คณุ ภาพ 1. ทันต่อเวลา ตามความเป็ นจริงแล้วผ้จู ดั ทางบการเงินและนาเสนองบการเงินต้องการได้ข้อมลู ท่ีปรากฎในงบการเงินที่ทนั ตอ่ เวลากบั ความเช่ือถือได้ของข้อมลู ที่นาเสนอ แตใ่ นโลกของความเป็ นจริงข้อมูลบางรายการต้องใช้ เวลาในการจัดทา ซ่ึงหากรอข้อมูลดังกล่าว จะทาให้การนาเสนองบการเงินล่าช้าไป ซึ่งจะส่งผลเสียหายต่อผ้ใู ช้งบการเงินในการตดั สินใจเชิงเศรษฐกิจในเวลานนั้ ดงั นนั้ ในการจัดทาและนาเสนองบการเงิน ผู้จัดทาต้องพิจารณาถึงความต้องการของผู้ใช้งบการเงินในการตดั สนิ ใจเชงิ เศรษฐกิจเป็นหลกั 2. ความสมดุลระหว่างประโยชน์ท่ีได้รับกับต้นทุนท่ีเสียไป กล่าวคือ ความสมดุลระหว่างประโยชน์ที่ได้รับกบั ต้นทุนท่ีเสียไปถือเป็ นข้อจากัดที่สาคญั ของการจดั ทาและนาเสนองบการเงินมากกว่าจะถือเป็ นลักษณะเชิงคุณภาพ ดังนัน้ การประเมินประโยชน์ท่ีได้รับกับต้นทุนท่ีจ่ายไปจึงจาเป็ นต้องใช้ดลุ ยพินิจเป็ นหลกั โดยเฉพาะผ้ทู ่ีได้รับประโยชน์จากข้อมลู ไม่ต้องรับผิดชอบตอ่ ต้นทนุ ในการจดั หาข้อมลู นนั้ และข้อมลู นนั้ อาจให้ประโยชน์แก่บคุ คลอื่น นอกเหนือจากผ้ทู ่ีกิจการต้องการเสนอข้อมลู นนั้ 3. ความสมดุลของลักษณะเชิงคุณภาพ ตามที่กล่าวมาแล้วข้างต้น ลกั ษณะเชิงคุณภาพหลักของงบการเงินมี 4 ประการได้แก่ ความเข้าใจ ความเกี่ยวข้องกับการตัดสินใจความเช่ือถือได้ และการเปรียบเทียบกันได้ ในทางปฎิบตั ิการสร้ างความสมดุลระหว่างลักษณะเชิงคณุ ภาพตา่ งๆ ถือเป็นสิ่งจาเป็นที่ผ้จู ดั ทางบการเงินต้องทาแตค่ วามสมั พนั ธ์ระหวา่ งลกั ษณะเชงิ คณุ ภาพจะแตกต่างกันไปในแต่ละกรณี ดังนัน้ ผู้จัดทางบการเงินต้องใช้ดุลยพินิจเย่ียงผู้ประกอบวิชาชีพในการตดั สินใจเลือกความสมดลุการแสดงข้อมูลท่ีถกู ต้องเท่าท่คี วร การนาลกั ษณะเชิงคณุ ภาพและมาตรฐานการบญั ชีท่ีเหมาะสมมาปฎิบตั ิจะส่งผลให้งบการเงินแสดงข้อมลู ที่ถกู ต้องและยตุ ธิ รรมได้หรือ งบการเงินให้ข้อมลู ที่ถกู ต้องตามควรนนั้ เอง

องค์ประกอบของงบการเงนิ และคานิยาม องค์ประกอบของงบการเงิน คือ รายการและเหตุการณ์ทางการเงินท่ีถูกจัดตามลกั ษณะเชิงเศรษฐกิจโดยนาหลกั การบญั ชีไปเป็นเกณฑ์ในการจดั แบง่ เป็ นประเภท ดงั นนั้ องคป์ ระกอบซ่งึเก่ียวข้องโดยตรงกบั การวดั ฐานะของการเงินในงบแสดงฐานะการเงิน ได้แก่ สินทรัพย์ หนีส้ ิน และสว่ นของเจ้าของ องค์ประกอบซง่ึ เกี่ยวข้องโดยตรงกับการวดั ผลการดาเนินงานในงบกาไรขาดทนุ เบด็ เสร็จ(งบกาไรขาดทนุ ) ได้แก่ รายได้และคา่ ใช้จ่าย งบแสดงการเปลี่ยนแปลงฐานะการเงินสะท้อนถึงองค์ประกอบในงบกาไรขาดทุน และการเปลี่ยนแปลงองค์ประกอบในงบแสดงฐานะการเงิน แม่บทการบญั ชีให้คานยิ ามองค์ประกอบตา่ งๆไว้ดงั นี ้ สินทรัพย์ หมายถึง ทรัพยากรท่ีอย่ใู นความควบคมุ ของกิจการ ทรัพยากรดงั กลา่ วเป็ นผลของเหตกุ ารณ์ในอดีต ซงึ่ กิจการคาดวา่ จะได้รับประโยชน์เชิงเศรษฐกิจจากทรัพยากรนนั้ ในอนาคต หนีส้ ิน หมายถึงภาระผูกพันในปัจจุบันของกิจการ ภาระผูกพันดังกล่าว เป็ นของเหตกุ ารณ์ในอดีต ซึง่ การชาระภาระผกู พนั นนั้ คาดว่าจะสง่ ผลให้กิจการสูญเสียทรัพยากรที่มีประโยชน์ในเชงิ เศรษฐกิจ ส่วนของเจ้าของ หมายถึงส่วนได้เสียคงหลือในสินทรัพย์ของกิจการหลงั จากหกั หนีส้ ินทงั้ สนิ ้ ออกแล้ว รายได้ หมายถึง การเพิ่มขึน้ ของประโยชน์เชิงเศรษฐกิจในรอบระยะเวลาบญั ชีในรูปกระแสเข้าหรือการเพิม่ คา่ ของสินทรัพย์หรือการลดลงของหนีส้ ิน อนั สง่ ผลให้สว่ นของเจ้าของเพ่ิมขนึ ้ ทงั้ นี ้ไมร่ วมถงึ เงินทนุ ท่ีได้รับจากผ้มู ีสว่ นร่วมในสว่ นของเจ้าของ ค่าใช้จ่าย หมายถึง การลดลงของประโยชน์เชิงเศรษฐกิจในรอบระยะเวลบัญชีในรูปกระแสออกหรือการลดคา่ ของสินทรัพย์ หรือการเพ่ิมขนึ ้ ของหนีส้ ินอนั สง่ ผลให้ส่วนของเจ้าของลดลง ทงั้ นี ้ไมร่ วมถงึ การแบง่ ปันสว่ นทนุ ให้กบั ผ้มู ีสว่ นร่วมในสว่ นของเจ้าของการรับรู้องค์ประกอบของงบการเงนิ การรับรู้รายการ หมายถึง การรวมรายการเข้าเป็ นสว่ นหนึง่ ของงบแสดงฐานะการเงินและ งบกาไรขาดทนุ เบ็ดเสร็จ(งบกาไรขาดทุน) หากรายการนนั้ เป็ นไปตามคานิยามขององค์ประกอบและเข้าเกณฑ์การรับรู้รายการทงั้ 2 ข้อนี ้ 1. มีความเป็ นไปได้ค่อนข้างแน่ที่ประโยชน์เชิงเศรษฐกิจในอนาคตของรายการค้าดงั กลา่ วจะเข้าหรือออกจากกิจการ

2. รายการดงั กลา่ วมีราคาทนุ หรือมลู คา่ ท่ีสามารถวดั ได้อยา่ งนา่ เช่ือถือ หากกิจการใดมิได้รับรู้รายการในงบแสดงฐานะการเงิน และ งบกาไรขาดทนุ เบ็ดเสร็จ(งบกาไรขาดทุน) ทงั้ ที่เข้าเกณฑ์การรับรู้รายการ ถือเป็ นข้อผิดพลาดที่ไม่อาจแก้ไขได้ด้วยการเปิ ดเผยข้อมลู ในหมายเหตปุ ระกอบงบการเงินหรือคาอธิบายเพิ่มเตมิการวัดมูลค่าขององค์ประกอบงบการเงนิ การวัดมูลค่า คอื การกาหนดมลู คา่ ที่เป็ นตวั เงินเพ่ือรับรู้องค์ประกอบของงบการเงินในงบดุลและงบกาไรขาดทุน ส่วนใหญ่กิจการจะใช้เกณฑ์ในการวัดมูลค่าเพื่อจดั ทางบการเงิน คือ ราคาทนุ เดิม และใช้ร่วมกบั เกณฑ์อื่นๆ เพ่ือความเหมาะสม เช่น สินค้าคงเหลือแสดงด้วยราคาทนุ หรือมลู ค่าสทุ ธิท่ีจะได้รับแล้วแตร่ าคาใดจะต่ากวา่ หลกั ทรัพย์ในความต้องการของตลาดอาจแสดงด้วยราคาตลาดและหนีส้ ิน เงินบานาญแสดงด้วยมูลคา่ ปัจจบุ นั เป็ นต้น เกณฑ์ท่ีสามารถเลือกใช้ในการวดั มูลค่า ได้แก่ราคาทนุ เดมิ ราคาทนุ ปัจจบุ นั มลู คา่ ท่ีจะได้รับ และมลู คา่ ปัจจบุ นั ซึ่งแมบ่ ทการบญั ชีได้กาหนดนิยามไว้ดงั นี ้ ราคาทุนเดมิ ให้ความหมายถึงการบนั ทึกสินทรัพย์ด้วยเงินสดหรือรายการเทียบเท่าเงินสดที่จา่ ยไปหรือบนั ทึกด้วยมลู คา่ ยตุ ธิ รรมของสง่ิ ท่ีนาไปแลกสินทรัพย์นนั้ และการบนั ทกึ หนีส้ ินด้วยจานวนเงินท่ีได้รับจากการก่อภาระผกู พนั หรือบนั ทึกด้วยจานวนเงินสดหรือรายการเทียบเท่าเงินสดท่ีคาดว่าต้องจา่ ยเพื่อชาระหนีส้ ินที่เกิดจากการดาเนินงานตามปกตขิ องกิจการ เชน่ ภาษีเงินได้ ราคาทุนปัจจุบัน ให้ความหมายของการแสดงสินทรัพย์ด้วยจานวนเงินสดหรือรายการเทียบเท่าเงินสดท่ีต้องจ่ายในขณะนัน้ เพื่อให้ได้มาซึ่งทรัพย์สินชนิดเดียวกันหรือราคาทุนปัจจุบัน ให้ความหมายของการแสดงสินทรัพย์ด้ วยจานวนเงินสดหรื อรายการเทียบเท่าเงินสดที่ต้ องจ่ายในขณะนนั ้เพ่ือให้ได้มาซ่ึงทรัพย์สินชนิดเดียวกนั หรือสินทรัพย์ที่เท่าเทียมกนั และการแสดงหนีส้ ินด้วยจานวนเงินสดหรือรายการเทียบเทา่ เงินสดที่ต้องใช้ชาระภาระผกู พนั ในขณะนนั้ มูลค่าท่ีได้รับ ให้ความหมายถึงการแสดงสินทรัพย์ด้วยจานวนเงินสดหรือรายการเทียบเท่าเงินสดที่อาจได้มาในขณะนนั้ หากกิจการขายสินทรัพย์โดยมิใชก่ ารบงั คบั ขายและการแสดงหนีส้ ินด้วยมลู ค่าที่ต้องจา่ ยคืนหรือด้วยจานวนเงินสดหรือรายการเทียบเท่าเงินสดที่คาดวา่ จะต้องจา่ ยเพ่ือชาระหนีส้ ินที่เกิดจากดาเนินงานปกติ มูลค่าปัจจุบัน ให้ความหมายถึงการแสดงสนิ ทรัพย์ด้วยมลู คา่ ปัจจบุ นั ของกระแสเงินสดรับสทุ ธิในอนาคตซง่ึ คาดว่าจะได้รับในการดาเนินงานตามปกตขิ องกิจการ และการแสดงหนีส้ ินด้วยมลู ค่าปัจจบุ นั ของกระแสเงินสดจ่ายสทุ ธิซง่ึ คาดว่าจะต้องจา่ ยในการชาระหนีส้ ินภายใต้การดาเนินงานตามปกติของกิจการ

แนวคดิ เก่ียวกับทุน แมบ่ ทการบญั ชีได้ระบถุ ึงแนวคดิ เก่ียวกบั ทนุ เป็น 2 รูปแบบ คือ 1. ทนุ ทางการเงนิ เป็ นแนวคดิ ของทนุ ที่ใช้หนว่ ยวดั เป็ นเงินตรา ซงึ่ โดยทว่ั ไปแล้วกิจการสว่ นใหญ่จะใช้แนวคิดนีใ้ นการจดั ทางบการเงิน ทนุ ทางการเงินรวมมถึงเงินท่ีลงทนุ หรืออานาจซือ้ ท่ีลงทนุ มีความหมายเทียบเทา่ กบั สนิ ทรัพย์สทุ ธิหรือสว่ นของเจ้าของ 2. ทุนการผลิต เป็ นแนวคิดของทุนที่วดั ไปในรูปของกาลงั การผลิตท่ีสามารถใช้ในการผลิตหรือท่ีใช้ผลิตจริง และสามารถวดั ได้ในรูปของผลผลติ เป็ นต้นว่าจานวนที่ผลิตได้ตอ่ วนั โดยใช้ราคาทนุปัจจบุ นั เป็นเกณฑ์ในการวดั คา่ ดงั นนั้ กิจการควรนาแนวคดิ เก่ียวกบั ทนุ ท่ีเหมาะสมมาใช้ในการจดั ทางบการเงิน โดยคานงึ ถึงความต้องการของผ้ใู ช้งบการเงินเป็นหลกัแนวคิดเก่ียวกับการรักษาระดบั ทุนและการวัดผลกาไร การรักษาระดบั ทุนทางการเงนิ ตามแนวคดิ นีก้ าไรเกิดขนึ ้ เม่ือจานวนท่ีเป็นตวัเงินของสินทรัพย์สทุ ธิเม่ือสนิ ้ รอบระยะเวลาบญั ชีสงู กวา่ จานวนท่ีเป็นตวั เงินของสินทรัพย์สทุ ธิ เม่ือเร่ิมรอบระยะเวลาบญั ชี จานวนท่ีเพิม่ ขนึ ้ จะต้องไมร่ วมรายการที่เกิดขนึ ้ ระหวา่ งกิจการกบั เจ้าของในระหว่างรอบบญั ชีนนั้ เชน่ การแบง่ ปันสว่ นทนุ ให้กบั เจ้าของหรือเงินทนุ ท่ีได้รับจากเจ้าของ การรักษาระดบั ทนุ ทางการเงินสามารถวดั คา่ ได้ในลกั ษณะของหน่วยเงินตามอานาจซือ้ เดมิ หรือหนว่ ยเงินตามอานาจซือ้ คงท่ี การรักษาระดับทุนทางการผลติ ตามแนวคดิ นีก้ าไรเกิดขนึ ้ เม่ือกาลงั การผลิตที่กิจการสามารถใช้ในการผลิตหรือที่ใช้ผลติ จริงเม่ือสิน้ รอบระยะเวลาบญั ชีสงู กวา่ กาลังการผลติ เม่ือเร่ิมรอบระยะเวลาบญั ชี ซง่ึ กาลงั การผลิตอาจแสดงในรูปของทรัพยากรหรือเงินทนุ ท่ีต้องจา่ ยเพ่ือให้ได้กาลงัการผลิตนนั้ ทงั้ นีไ้ มร่ วมการแบง่ ปันสว่ นทนุ ให้กบั เจ้าของหรือเงินทนุ ท่ีรับจากเจ้าของในรอบระยะเวลาเดียวกนั จากข้อความดงั กล่าวข้างต้น จะเห็นได้ว่า แนวคิดเกี่ยวกบั การรักษาระดบั ทุน เป็ นการเชื่อมโยงระหว่างแนวคิดเกี่ยวกับทนุ กับแนวคิดเกี่ยวกับการรักษาระดบั ทุนเข้าด้วยกนั ซึ่งจะทาให้คิดถึงกาไรหรือขาดทนุ ที่เกิดขนึ ้ กลา่ วคือ ถ้าระดบั ทนุ สงู กวา่ เดมิ ก็มีกาไรแตถ่ ้าระดบั ทนุ ต่ากวา่ เดมิ ก็ขาดทนุ จากแนวคิดเกี่ยวกับทุน การรักษาระดบั ทุน และการวดั ผลกาไร จึงสรุปได้ว่า การท่ีกิจการต้องการรักษาระดบั ทุนไว้นนั้ ไม่จาเป็ นต้องอย่ใู นรูปของทนุ ที่เป็ นตวั เงินที่กิจการมีอยู่ ณ ตอนต้นงวดเสมอไป แต่อาจอยใู่ นรูปจานวนเงินท่ีมีอานาจซือ้ เทา่ กบั ทนุ ท่ีมีอยู่ ณ ตอนต้นงวด หรืออาจอยใู่ นรูปของกาลงั การผลติ ที่ทนุ ณ ตอนต้นงวดสามารถจดั หาได้ การเลือกแนวคดิ เก่ียวกบั การรักษาระดบั ทนุ ที่

ตา่ งกัน จะทาให้กิจการรับรู้กาไร และวัดผลกาไรจากการเปล่ียนแปลงราคาสินทรัพย์และหนีส้ ินต่างกันด้วยกล่าวโดยสรุป แม่บทการบญั ชีเป็ นพืน้ ฐานในการจดั ทาและนาเสนองบการเงินตอ่ ผ้ใู ช้งบการเงินท่ีเป็ นบุคคลภายนอก ดงั นนั้ ไม่ว่าผ้จู ัดทาตลอดจนผ้ใู ช้งบการเงินจะต้องเข้าใจแม่บทการบญั ชีก่อน จึงจะจดั ทางบการเงินหรือวเิ คราะห์งบการเงินได้อยา่ งถกู ต้อง แมบ่ ทการบญั ชีจะกลา่ วถึง 4 หวั ข้อหลกั ดงั นี ้ 1. วัตถุประสงค์ของงบการเงิน กล่าวคือ งบการเงินมีวัตถุประสงค์เพื่อให้ข้อมูลเกี่ยวกับฐานะการเงิน ผลการดาเนินงาน และการเปล่ียนแปลงฐานะการเงินของกิจการ อันเป็ นประโยชน์ตอ่ ผ้ใู ช้งบการเงินทกุ ประเภทในการนาไปใช้ในการตดั สินใจเชิงเศรษฐกิจ ซ่ึงข้อมลู ท่ีปรากฏในงบการเงินนัน้ จัดทาขึน้ ภายใต้ข้อสมมติ 2 ข้อ คือ เกณฑ์คงค้าง (Accrual Basis) และผลการดาเนินงานตอ่ เนื่อง (Going Concern) 2. ลักษณะเชิงคุณภาพท่ีกาหนดว่าข้อมูลในงบการเงินมีประโยชน์ ซึ่งลกั ษณะเชิงคณุ ภาพของงบการเงิน ประกอบด้วย ลกั ษณะเชิงคณุ ภาพหลกั ซึ่งมี 4 ประการ ได้แก่ ความเข้าใจได้ ความเก่ียวข้องกับการตดั สินใจ ความเช่ือถือได้ และการเปรียบเทียบกันได้ โดยที่ความเก่ียวข้องกบั การตดั สินใจจะมองในแง่ของความมีนยั สาคญั เป็ นหลกั สาหรับความเชื่อถือได้ของข้อมลู นนั้จะพิจารณาภายใต้ปัจจยั ดงั นี ้ ตวั แทนอนั เที่ยงธรรม เนือ้ หาสาคญั กว่ารูปแบบ ความเป็ นกลาง ความระมดั ระวงั และความครบถ้วน 3. องค์ประกอบของงบการเงินและคานิยาม การรับรู้รายการ การวัดมูลค่าขององค์ประกอบงบการเงิน เป็ นการกล่าวถึง งบการเงินท่ีประกอบไปด้วยรายการใดบ้าง กาหนดคานิยามของรายการดงั กล่าว พร้อมทงั้ ระบถุ ึงรายการดงั กล่าว จะรับรู้อย่างไร และบญั ชีการวดั ของมลู ค่าของรายการดงั กลา่ วอยา่ งไร 4. แนวคิดเก่ียวกับทุนและการรักษาระดับทุน เป็ นการมองกาไรในทางทฤษฎีของเศรษฐศาสตร์ และนามาเช่ือมโยงกบั แนวคดิ เพื่อวดั ผลกาไรโดยแม่บทการบญั ชีสามารถสรุปได้เป็นรูปแบบ ดงั นี ้

แม่บทการบัญชีสาหรับในการจัดทาและนาเสนองบการเงนิ ลกั ษณะของงบการเงินวตั ถุประสงค์ ใหข้ อ้ มูลที่มีประโยชน์ตอ่ การตดั สินใจเชิงเศรษฐกิจข้อสมมติ เกณฑค์ งคา้ ง การดาเนินงาน ตอ่ เนื่องข้อจำกดั ทนั ต่อเวลา ความสมดุลระหวา่ งประโยชน์ ความสมดุลของ ที่ไดร้ ับกบั ตน้ ทุนท่ีเสียไป ลกั ษณะเชิงคุณภาพลกั ษณะเชิงคุณภำพ ถูกตอ้ งและยตุ ิธรรมหรือถูกตอ้ ง ตามควรลกั ษณะหลกั เขา้ ใจ เกี่ยวขอ้ งกบั การ เชื่อถือ เปรียบเทียบกนัลกั ษณะรอง ได้ ตดั สินใจ ได้ ได้ นยั สาคญัตวั แทนอนั เที่ยงธรรม เน้ือหาสาคญั ความเป็นกลาง ความระมดั ระวงั ความครบถว้ น กวา่ รูปแบบควทาี่มมาหม: าแยมขบ่ อทงกบาัญรบชญัีกชารี เสงมนิ าคมนกั บญั ชีและผสู้ อบบญั ชีรับอนุญาติแห่งประเทศไทย การบัญชีการเงิน (Financial Accounting) หมายถึง การจัดทาบัญชีให้ เป็ นไปตามหลกั การบญั ชีที่รับรองทวั่ ไป (Generally Accepted Accounting Principles) ผลที่ได้คือ งบการเงินท่ีเป็ นประโยชน์ตอ่ บคุ คลภายนอกและบคุ คลภายในกิจการ สาหรับบคุ คลภายในใช้เพื่อประโยชน์ในการตดิ ตาม

และประเมินผลการดาเนินงานของกิจการ ทงั้ ทางด้านฐานะการเงิน จุดอ่อนจดุ แข็งในการดาเนินงานของกิจการ และบุคคลภายนอกใช้เป็ นข้อมูลในการตัดสินใจเกี่ยวกับการลงทุนในกิจการนัน้ การให้กู้ยืมตลอดจนการจดั เก็บภาษีของรัฐบาลความหมายของบัญชีภาษีอากร บญั ชีภาษีอากร (Tax Accounting) หมายถึง การนางบกาไรขาดทนุ ที่จดั ทาขนึ ้ ตามหลกั การบญั ชีท่ีรับรองทว่ั ไป ซึ่งเป็นไปตามมาตรฐานบญั ชีที่เกี่ยวข้องตลอดจนแมบ่ ทการบญั ชี แล้วนามาปรับให้เป็นไปตามประมวลรัษฎากรและกฎหมายภาษีอากรตา่ ง ๆ เพ่ือให้ได้งบกาไรขาดทนุ เพ่ือเสียภาษีเงินได้ท่ีถกู ต้องตอ่ การเสียภาษีอากรกฎหมายท่เี ก่ียวกับบัญชีการเงนิ และบัญชีภาษีอากร กฎหมายท่ีเก่ียวกับบัญชีการเงนิ ประกอบด้วย กฎหมายวา่ ด้วยการบญั ชี ประมวลกฎหมายแพ่งและพาณิชย์ พระราชบญั ญัตบิ ริษัทมหาชนจากดั พ.ศ. 2535 และกฎหมายว่าด้วยธนาคารพาณิชย์ ธรุ กิจเงินทนุ ธุรกิจหลกั ทรัพย์ และธุรกิจเครดติ ฟองซิเอร์ กฎหมายท่ีเก่ียวกับบัญชีภาษีอากร ประกอบด้วย ประมวลรัษฎากร กฎหมายวา่ ด้วยป่ าไม้ กฎหมายวา่ ด้วยการค้าของเก่าท่ีเป็ นโบราณวตั ถหุ รือศลิ ปวตั ถุ กฎหมายวา่ ด้วยภาษีสรรพสามิต และกฎหมายวา่ ด้วยการสง่ เสริมการลงทนุการจัดทาบัญชีตามกฎหมายว่าด้วยการบัญชี กฎหมายว่าด้วยการบญั ชี ปัจจุบันที่ใช้คือ พระราชบญั ญัติการบัญชี พ.ศ. 2543 ซึ่งมีผลบงั คบั ใช้ตงั้ แตว่ นั ท่ี 10 สิงหาคม 2543 จงึ ส่งผลให้ยกเลิกกฎหมายบญั ชีหรือประกาศของ คณะปฏิวตั ิ ฉบบัที่ 285 (พ.ศ.2515) สาหรับประเทศไทยมีกฎหมายวา่ ด้วยการบญั ชี(ยพุ ดี ศิริวรรณ . 2552 การบัญชีภาษีอากร.กรุงเทพฯ: ห้างห้นุ สว่ นจากดั จาปาทองปริน้ ตงิ ้ .หน้า 1-2) ดงั นี ้ พ.ศ. 2482 – พ.ศ. 2496 มีพระราชบญั ญตั กิ ารบญั ชี (ฉบบั ท่ี 1) ประกาศใช้ เพ่ือบงั คบั ให้ผ้ปู ระกอบการมีหน้าที่จดั ทาบญั ชี พ.ศ. 2496 – พ.ศ.2515 มีพระราชบญั ญตั กิ ารบญั ชี (ฉบบั ที่ 2) ประกาศใช้ ซงึ่ ฉบบั นีไ้ ด้มีการปรับปรุงแก้ไขจากฉบบั ท่ี 1

พ.ศ. 2515 – พ.ศ.2543 คณะปฏิวตั ไิ ด้ประกาศยกเลิกพระราชบญั ญตั กิ ารบญั ชี ทงั้ 2 ฉบบั และได้ออกประกาศของคณะปฏิวตั ิ ฉบบั ท่ี 285 ขนึ ้ ใช้แทน ซงึ่ ประกาศของคณะปฏิวตั ิ ฉบบั ท่ี 285 ลงวนั ท่ี 24 พฤศจกิ ายน 2515พ.ศ. 2543 รัฐบาลได้ออกพระราชบญั ญตั กิ ารบญั ชี พ.ศ.2543 โดยให้ยกเลิกประกาศของคณะปฏิวตั ิ ฉบบั ที่ 285 พระราชบญั ญัติการบญั ชี พ.ศ. 2543 ได้ออกมาบงั คบั ใช้เป็ นกฎหมายว่าด้วยการบญั ชีเพ่ือให้การจดั ทาบญั ชีของธุรกิจถกู ต้อง ซึ่งสง่ ผลให้ข้อมลู ในงบการเงินเชื่อถือได้ จะก่อให้เกิดประโยชน์ตอ่ผ้ใู ช้งบการเงินอย่างย่ิง โดยพระราชบญั ญัตกิ ารบญั ชีฉบบั นี ้กาหนดหน้าท่ี ความรับผิดชอบของบคุ คลท่ีเก่ียวข้ องในการจัดทาบัญชีของธุรกิจเป็ น 2 ส่วน คือ ผู้มีหน้ าที่จัดทาบัญชี และผู้ทาบัญชี โดยมีรายละเอียด ดงั นี ้ ส่วนท่1ี ผู้มีหน้าท่จี ัดทาบัญชี ในสว่ นนีจ้ ะประกอบด้วย 1.ความหมายของผ้มู ีหน้าที่จดั ทาบญั ชี 2.หน้าท่ีความรับผิดชอบของผ้มู ีหน้าที่จดั ทาบญั ชี 1.ความหมายของผ้มู ีหน้าที่จดั ทาบญั ชี ผู้มีหน้าท่ีจัดทาบัญชี หมายถึง ผู้มีหน้าท่ีจดั ให้มีการทาบญั ชีตามพระราชบญั ญตั นิ ี ้คือ 1.1 ห้างหุ้นส่วนจดทะเบียน หมายถึง ห้างหุ้นส่วนจากัด และห้างหุ้นส่วนสามญั นติ บิ คุ คล ผ้ทู ่ีจดั ทาบญั ชี ได้แก่ ห้นุ สว่ นผ้จู ดั การ 1.2 บริษทั จากดั ผ้ทู ่ีจดั ทาบญั ชี ได้แก่ กรรมการผ้จู ดั การ 1.3 บริษัท มหาชน จากดั ผ้ทู ่ีจดั ทาบญั ชี ได้แก่ กรรมการผ้จู ดั การ 1.4 นิติบุคคลที่ตัง้ ขึน้ ตามกฏหมายของต่างประเทศท่ีประกอบธุรกิจในประเทศไทย ผ้ทู ่ีจดั ทาบญั ชี ได้แก่ ผ้จู ดั การกิจการในประเทศไทย 1.5 กิจการร่วมค้าตามประมวลรัษฎากร ผู้ที่จัดทาบัญชี ได้แก่ หุ้นส่วนผ้จู ดั การ หรือบคุ คลซง่ึ รับผิดชอบในการดาเนนิ การของกิจการร่วมค้าที่ประกอบกิจการในประเทศไทย 1.6 สถานท่ีประกอบธุรกิจเป็ นประจา (หมายถึง สถานที่ท่ีมีวตั ถปุ ระสงค์ในการแยกสถานประกอบการออกไปจากสานักงานใหญ่ โดยมีสถานที่และพนักงานประจา และมีวตั ถปุ ระสงคใ์ นการดาเนนิ กิจการท่ีจะก่อให้เกิดรายได้) ผ้ทู ี่จดั ทาบญั ชี ได้แก่ ผ้จู ดั การสาขา 1.7บุคคลธรรมดา ห้างหุ้นส่วนสามญั ตามที่รัฐมนตรีประกาศกาหนด ผู้ที่จัดทาบญั ชี ได้แก่ ผู้ผลิต ผู้นาเข้า ผู้ส่งออก ผู้จาหน่าย หรือผู้มีไว้เพ่ือจาหน่าย สินค้าประเภทเทปเพลงวีดีโอเทป และซีดี

2.หน้าท่ีความรับผิดชอบของผู้มีหน้าท่ีจัดทาบัญชี ตามพระราชบัญญัติการบญั ชี พ.ศ. 2543 ได้กาหนดหน้าท่ีและความรับผิดชอบไว้ดงั นี ้ 2.1 จดั ให้มีการทาบญั ชี 2.2 จดั ให้มีผ้ทู าบญั ชี 2.3 สง่ มอบเอกสารตา่ งๆที่ใช้ประกอบการลงบญั ชีให้ผ้ทู าบญั ชี 2.4 การจดั ทาและจดั สง่ งบการเงิน 2.1จัดให้มีการทาบัญชี ผู้มีหน้าทีจัดทาบัญชีจะต้องควบคุมดูแลให้มีการปฏิบตั ติ ามรายละเอียด หลกั เกณฑ์และวิธีการที่กาหนด ซงึ่ เป็ นไปตามพระราชบญั ญัตกิ ารบญั ชี พ.ศ.2543 ดงั นี ้ 2.1.1 การจดั ทาบญั ชี 2.1.2 การจัดทาบัญชีต้องเป็ นไปตามความเป็ นจริงและเป็ นไปตามมาตรฐานการบัญชีท่ีกาหนดไว้ 2.1.3 สถานท่ีเก็บบญั ชีและเอกสารประกอบการลงบญั ชี 2.1.4 บญั ชีหรือเอกสารตา่ ง ๆ ท่ีใช้ประกอบการบนั ทกึ บญั ชีสญู หายหรือเสียหาย 2.1.5 ระยะเวลาในการจดั เก็บบญั ชีและเอกสารตา่ ง ๆ ที่ใช้ประกอบการบนั ทกึ บญั ชี 2.1.6 นิติบคุ คลตา่ งประเทศ กิจการร่วมค้าฯ และบุคคลธรรมดาที่จะต้องจดั ทาบญั ชีตามท่ีรัฐมนตรีกาหนด เม่ือกิจการเหลา่ นีต้ ้องการเลกิ กิจการ 2.1.7 การปิดบญั ชี 2.1.1 การจัดทาบัญชี ในหวั ข้อนีจ้ ะกลา่ วถึงรายละเอียดของ ก. กาหนดวนั เร่ิมทาบญั ชี ข.ประเภทบญั ชีท่ีต้องจดั ทา ค.การบนั ทกึ รายการในบญั ชี แตล่ ะหวั ข้อมีรายละเอียด ดงั นี ้ ก.กาหนดวันเร่ิมทาบัญชี ตามพระราชบญั ญัติการบญั ชี พ.ศ.2543 ได้กาหนดวันเร่ิมทาบญั ชีไว้ดงั นี ้ 1) ห้างห้นุ สว่ นจากดั ห้างห้นุ สว่ นสามญั นิตบิ คุ คล บริษัทจากดั หรือบริษัท มหาชนจากดั ให้เริ่มทาบญั ชีนบั ตงั้ แตว่ นั ที่ได้รับการจดทะเบียนเป็ นนิตบิ คุ คลตามกฎหมาย 2) นติ ิบคุ คลท่ีตงั้ ขนึ ้ ตามกฎหมายของตา่ งประเทศและประกอบธุรกิจในประเทศไทยกิจการร่วมค้าตามประมวลรัษฎากร สถานที่ประกอบธุรกิจเป็ นประจา ให้เร่ิมทาบญั ชีนบั ตงั้ แตว่ นั ท่ีเริ่มมีรายการค้าท่ีเก่ียวข้องกบั การประกอบธุรกิจ ข. ประเภทบัญชีท่ีต้องจัดทา ให้จดั ทาบญั ชีรายวนั และบญั ชีแยกประเภท ตามประกาศของกรมพฒั นาธุรกิจการค้า ที่ออกตามความในพระราชบญั ญัตกิ ารบญั ชี พ.ศ. 2543 กาหนดใน

มาตรา 7 (1)สาหรับห้างหุ้นส่วนจากัด ห้างหุ้นส่วนสามัญนิติบุคคล บริษัทจากัด หรือบริษัท มหาชนจากดั นิตบิ คุ คลที่ตงั้ ขนึ ้ ตามกฎหมายของตา่ งประเทศและประกอบธุรกิจในประเทศไทย กิจการร่วมค้าตามประมวลรัษฎากร ให้จัดทาบัญชีรายวันและบัญชีแยกประเภท ดงั นี ้ จัดทาบัญชีรายวัน ประกอบด้วย บญั ชีเงินสด บญั ชีรายวนั ซือ้ -ขาย บญั ชีสินค้าคงเหลือ และบญั ชีรายวนั อ่ืนที่จาเป็น บัญชีแยกประเภท ประกอบด้วย บญั ชีแยกประเภทรายได้ รายจา่ ย สินทรัพย์หนีส้ ิน ทนุ ลกู หนี ้ เจ้าหนี ้ และบญั ชีแยกประเภทอื่นที่จาเป็น ค.การบันทึกรายการในบัญชี ตามพระราชบัญญัติการบัญชี พ.ศ. 2543 ได้กาหนดการลงรายการในบญั ชีไว้ดงั นี ้ 1) จะต้องบนั ทกึ รายการในบญั ชีเป็ นภาษาไทย หากมีความประสงค์จะลงรายการในบญั ชีเป็ นภาษาตา่ งประเทศ ต้องมีภาษาไทยกากบั หรือประสงค์จะลงรายการในบญั ชีเป็ นรหสั บญั ชีให้กิจการนนั้ จดั ทาคมู่ ือคาแปลรหสั บญั ชีที่เป็นภาษาไทยกากบั ไว้ด้วย 2) จะต้องบนั ทึกรายการด้วยหมึก พิมพ์ดีด ตีพิมพ์ หรือทาด้วยวิธีอื่นท่ีให้ผลในทานองเดียวกนั 3) จะต้องมีข้อความและรายการในบญั ชี ตามประกาศของกรมพฒั นาธุรกิจการค้าที่ออกตามความในพระราชบญั ญัติการบญั ชี พ.ศ. 2543 กาหนดในมาตรา 7 (2) สาหรับห้างห้นุ สว่ นจากดัห้างหุ้นส่วนสามญั นิติบุคคล บริษัทจากัด หรือบริษัทมหาชนจากัด นิติบุคคลท่ีตงั้ ขึน้ ตามกฎหมายของตา่ งประเทศและประกอบธรุ กิจในประเทศไทย กิจการร่วมค้าตามประมวลรัษฎากร จะต้องมีข้อความและรายการในบญั ชี ช่ือบญั ชี วนั เดอื นปี ของรายการค้า หน้าบญั ชี จานวนเงิน 4) การลงรายการในบัญชีจะต้องลงรายการภายในระยะเวลาท่ีกาหนด ตามประกาศของกรมพฒั นาธุรกิจการค้า ที่ออกตามความในพระราชบญั ญัติการบญั ชี พ.ศ.2543 กาหนดในมาตรา 7 (3)สาหรับห้างหุ้นส่วนจากัด ห้างหุ้นส่วนสามัญนิติบุคคล บริษัทจากัด หรื อบริษัท มหาชนจากัด นิติบุคคลท่ีตงั้ ขึน้ ตามกฎหมายของต่างประเทศและประกอบธุรกิจในประเทศไทย กิจการร่วมค้าตามประมวลรัษฎากร การลงรายการในบญั ชีจะต้องลงรายการภายในระยะเวลาที่กาหนด ดงั นี ้ บัญชีเงนิ สด บัญชีธนาคารและบัญชีรายวันของกิจการ ต้องลงรายการให้แล้วเสร็จภายใน 15 วนั นบั แตว่ นั เกิดรายการนนั้ บัญชีสินค้าคงเหลือ ต้องลงรายการให้แล้วเสร็จภายใน 15 วนั นบั แต่วันสิน้เดอื นของเดือนท่ีเกิดรายการนนั้ บัญชีแยกประเภท ต้องผ่านรายการให้แล้วเสร็จภายใน 15 วันนับแต่วนั สิน้เดอื นของเดือนท่ีเกิดรายการนนั้ รายการคงเหลือของบัญชี ต้องลงรายการให้แล้วเสร็จภายใน 60 วนั นบั แตว่ นัสิน้ งวดบญั ชี

2.1.2 การจัดทาบัญชีต้องเป็ นไปตามความเป็ นจริงและเป็ นไปตามมาตรฐานการบัญชีท่ีกาหนดไว้ เพ่ือให้สามารถจัดทางบการเงินท่ีมีวัตถุประสงค์ในการให้ข้อมูลเกี่ยวกับฐานะการเงิน ผลการดาเนินงาน และการเปล่ียนแปลงฐานการเงินของกิจการ ซ่ึงจะเป็ นประโยชน์ต่อผู้ใช้งบการเงินทุกประเภท สาหรับเอกสารประกอบการลงบญั ชีจะต้องเป็ นเอกสารท่ีถูกต้องและครบถ้วนตามความเป็ นจริง ได้แก่ บนั ทึก หนงั สือ หรือเอกสารใดๆ ท่ีใช้เป็ นหลกั ฐานในการลงรายการในบญั ชีโดยเป็ น 3ประเภท คือ (1) เอกสารท่ีจดั ทาขนึ ้ โดยบคุ คลภายนอกสง่ ให้กิจการ (2) เอกสารท่ีจัดทาขึน้ โดยผู้มีหน้าที่จดั ทาบญั ชี เพ่ือออกให้บุคคลภายนอกที่กิจการดาเนนิ ธรุ กิจด้วย (3) เอกสารที่จดั ทาขนึ ้ โดยผ้ทู ่ีมีหน้าท่ีจดั ทาบญั ชี เพ่ือใช้ในกิจการ การลงรายการในบัญชีต้องให้ความสาคัญกับเอกสารลาดับที่ (1) ก่อน ลาดับท่ี (2)แล้วแตก่ รณี เว้นแตไ่ มม่ ีเอกสารดงั กล่าว จึงให้ใช้เอกสารในลาดบั ท่ี (3) โดยมีข้อความ ตามประกาศของกรมพฒั นาธรุ กิจการค้า ที่ออกตามพระราชบญั ญัติการบญั ชี พ.ศ.2543 กาหนดในมาตรา 7 (4) 2.1.3 สถานท่ีเก็บบัญชีและเอกสารประกอบการลงบัญชี จะต้องเก็บไว้ที่สถานประกอบธรุ กิจ ซง่ึ หมายถึง ก) สถานที่ทาการ ข) สถานที่ผลติ สินค้าหรือเก็บสินค้าเป็นประจา ค) สถานท่ีใช้ทางานเป็นประจา ง) สถานที่ในราชอาณาจกั รท่ีได้มีการเช่ือมโยงเครือขา่ ยคอมพิวเตอร์ เพื่อจดั ทาบญั ชีไปยงั สถานที่ตาม ก-ค แล้ว หากกิจการใดนาบญั ชีและเอกสารต่าง ๆ ท่ีใช้ประกอบการบนั ทึกบญั ชีไปเก็บไว้ในที่อ่ืนนอกเหนือจาก ข้อ ก – ค. ต้องขออนุญาตต่อสารวตั รใหญ่บญั ชีหรือสารวตั รบญั ชี (\"สารวตั รใหญ่บญั ชี\"หมายความวา่ อธิบดี และให้หมายความรวมถงึ ผ้ซู ่ึงอธิบดีมอบหมายด้วย \"สารวตั รบญั ชี\" หมายความวา่ ผู้ซงึ่ อธิบดีแตง่ ตงั้ ให้เป็นสารวตั รบญั ชีประจาสานกั งานบญั ชีประจาท้องท่ี \"อธิบดี\" หมายความวา่ อธิบดีกรมทะเบียนการค้า ) 2.1.4 บัญชีหรือเอกสารต่าง ๆ ท่ีใช้ ประกอบการบันทึกบัญชีสูญหายหรือเสียหาย จะต้องแจ้งตอ่ สารวตั รใหญ่บญั ชีหรือสารวตั รบญั ชี ภายใน 15 วนั นบั แตว่ นั ที่ทราบหรือควรทราบถึงการสญู หายหรือเสียหายนนั้ 2.1.5 ระยะเวลาในการจัดเก็บบัญชีและเอกสารต่าง ๆ ท่ีใช้ประกอบการบันทึกบัญชี จะต้องจดั เก็บไว้ 5 ปี นบั แตว่ นั ปิดบญั ชีนนั้

2.1.6 นิติบุคคลต่างประเทศ กิจการร่วมค้าฯ และบุคคลธรรมดาท่ีจะต้องจัดทาบัญชีตามท่ีรัฐมนตรีกาหนด เม่ือกิจการเหล่านีต้ ้องการเลิกกิจการ กิจการเหล่านีจ้ ะต้องส่งมอบบญั ชีและเอกสารตา่ ง ๆ ท่ีใช้ประกอบการลงบญั ชี ภายใน 90 วนั นบั ตงั้ แตว่ นั เลกิ กิจการนนั้ 2.1.7 การปิ ดบัญชี ทุกกิจการที่ต้องจดั ทาบัญชีตามพระราชบญั ญัติการบัญชี พ.ศ.2543 จะต้องทาการปิดบญั ชี ตามเง่ือนไขดงั นี ้ ก) ปิดบญั ชีทกุ 12 เดอื น ข) กิจการใดท่ีปิดบญั ชีไมค่ รบ 12 เดอื น ต้องเป็นไปตามเงื่อนไข ดงั นี ้ 1. เป็นรอบระยะเวลาบญั ชีรอบแรกที่เปิ ดกิจการ 2. เป็ นรอบระยะเวลาบัญชีที่กิจการขออนุญาตเปล่ียนวันสิน้ สุดรอบระยะเวลาบญั ชีตอ่ สารวตั รใหญ่บญั ชีหรือสารวตั รบญั ชี ค) สถานที่ประกอบธุรกิจเป็ นประจา ซ่ึงมีหน้ าท่ีต้ องจัดทาบัญ ชีตามพระราชบญั ญตั กิ ารบญั ชี พ.ศ.2543 จะต้องปิดบญั ชีพร้อมกบั สานกั งานใหญ่ 2.2 จัดให้มีผู้ทาบัญชี ผ้ทู าบญั ชีจะต้องมีคณุ สมบตั ใิ นการทาบญั ชีตามพระราชบญั ญัตกิ ารบญั ชี พ.ศ. 2543 กาหนดไว้ โดยจะกลา่ วอยา่ งละเอียดในหวั ข้อถดั ไป (สว่ นที่ 2 ผ้ทู าบญั ชี) 2.3 ส่งมอบเอกสารต่างๆท่ีใช้ประกอบการลงบัญชีให้ผู้ทาบัญชี เอกสารตา่ งๆ ท่ีใช้ประกอบการลงบญั ชี เชน่ ใบเสร็จรับเงิน ใบกากบั ภาษี ใบสง่ ของ และเอกสารสญั ญาตา่ ง ๆ ท่ีใช้ประกอบการลงบญั ชี เป็ นต้น ผ้ทู าบญั ชีจะต้องบนั ทกึ บญั ชีให้ถกู ต้องตามความเป็นจริงและเป็นไปตามมาตรฐานการบญั ชีพร้อมทงั้ จดั ทางบการเงิน (“งบการเงิน\" หมายความวา่ รายงานผลการดาเนนิ งานฐานะการเงินหรือการเปล่ียนแปลงฐานะการเงินของกิจการ ไมว่ า่ จะรายงานโดยงบดลุ งบกาไรขาดทนุ งบกาไรสะสม งบกระแสเงินสด งบแสดงการเปล่ียนแปลงสว่ นของผ้ถู ือห้นุ งบประกอบหรือหมายเหตปุ ระกอบงบการเงินหรือคาอธิบายอื่นซง่ึ ระบไุ ว้วา่ เป็นสว่ นหนงึ่ ของงบการเงิน \"มาตรฐานการบัญชี\" หมายความวา่หลกั การบญั ชีที่รับรองทวั่ ไปหรือมาตรฐานการบญั ชีทว่ั ไปหรือมาตรฐานการบญั ชีเฉพาะเร่ือง ที่กาหนดตามกฎหมายวา่ ด้วยการนนั้ ) 2.4 การจัดทาและจัดส่งงบการเงนิ งบการเงินที่จดั ทาโดยผู้ทาบญั ชี จะต้องผ่านการตรวจสอบจากผ้สู อบบญั ชีรับอนุญาตก่อนที่จะยื่นงบการเงินตอ่ กรมพฒั นาธุรกิจการค้า กระทรวงพาณิชย์ โดยมีข้อยกเว้นวา่ งบการเงินของห้างหุ้นส่วนจากัด ห้างหุ้นส่วนสามัญนิติบุคคล ที่มีทุนจดทะเบียนชาระแล้วไม่เกิน 5ล้านบาทและไม่เคยมีรายได้ในรอบระยะเวลาบญั ชี 30 ล้านบาท และไม่เคยมีทรัพย์สินรวมในรอบระยะเวลาบญั ชีใดถึง30ล้านบาท ในการยื่นงบการเงินทกุ ครัง้ ตอ่ กรมพฒั นาธุรกิจการค้า กระทรวงพาณิชย์ ไม่ต้องผ่านการตรวจสอบจากผู้สอบบญั ชีรับอนุญาต อย่างไรก็ตามในการยื่นเสียภาษีเงินได้ประจาปี ต่อกรมสรรพากร ของห้าง

ห้นุ สว่ นจากดั ห้างห้นุ สว่ นสามญั นิตบิ คุ คลดงั ที่กล่าวมาแล้วนนั้ จะต้องผา่ นการตรวจสอบจากผ้สู อบบญั ชีภาษีอากร หรือ ผ้สู อบบญั ชีรับอนญุ าต ระยะเวลาในการนาส่งงบการเงนิ สามารถแบง่ ได้ดงั นี ้ ก. ห้างหุ้นส่วนจากัด ห้างหุ้นส่วนสามัญนิติบุคคล นิติบุคคลต่างประเทศฯ และ กิจการร่วมค้าตามประมวลกฎหมายรัษฎากร ให้จดั สง่ งบการเงินภายใน 5 เดือน นบั แตว่ นั ปิดบญั ชี ข. บริษัทจากัด และบริษัทมหาชน จากัด ให้จัดส่งงบการเงินภายใน 1 เดือนนับ ตงั้ แตง่ บการเงินได้รับอนมุ ตั จิ ากท่ีประชมุ ผ้ถู ือห้นุ การจัดส่งงบการเงนิ ให้จดั สง่ สถานท่ีจดั ทาบญั ชีโดยแบง่ เป็น ก. สถานที่จดั ทาบญั ชีอยใู่ นเขตกรุงเทพมหานคร ให้จดั สง่ ที่สานกั งานกลาบญั ชีกรม พฒั นาธรุ กิจการค้ากระทรวงพาณิชย์ ข. สถานที่จัดทาบญั ชีอยู่นอกเหนือจากรุงเทพมหานคร ให้จดั ส่งท่ีสานักงาบญั ชี ประจาท้องท่ีสานกั งานทะเบยี นการค้าจงั หวดั การจดั ทางบการเงินจะต้องเป็นไปตามรายการยอ่ ที่ประกาศของกรมพฒั นาธรุ กิจการค้า การจัดทางบการเงินตามแบบที่กฎหมายกาหนดของกิจการค้าทวั่ ไป ซ่ึงเป็ นไปตามประกาศกรมพฒั นาธรุ กิจการค้า เร่ือง กาหนดรายการยอ่ ที่ต้องมีในงบการเงิน ซงึ่ ใช้สาหรับ 1. ห้างห้นุ สว่ นจดทะเบียน 2. บริษทั จากดั 3. บริษัทจากดั มหาชน 4. นิตบิ คุ คลท่ีตงั้ ขนึ ้ ตา่ มกฎหมายตา่ งประเทศ 5. กิจการร่วมค้าตามประมวลรัษฎากร ส่วนท่ี 2 ผู้ทำบัญชี ในสว่ นนีจ้ ะประกอบด้วย 1.ความหมายของผ้ทู าบญั ชี 2.คณุ สมบตั แิ ละเงื่อนไขในการเป็นผ้ทู าบญั ชี 3. หน้าท่ีของผ้ทู าบญั ชี 4. บทกาหนดโทษของผ้ทู าบญั ชี แตล่ ะหวั ข้อมีรายละเอียดดงั นี ้ 1.ความหมายของผู้ทาบัญชี ผ้ทู าบญั ชี หมายถึง ผ้รู ับผิดชอบในการทาบญั ชีของผ้มู ีหน้าที่จดั ทาบญั ชี ซงึ่ อาจจะเป็นกรณีใดกรณีหนง่ึ ดงั ตอ่ ไปนี ้ 1) กรณีท่ีเป็ นพนักงานของผู้มีหน้ าท่ีจัดทาบัญชี หมายถึง พนักงานที่มีตาแหน่งเป็ นผ้อู านวยการฝ่ ายบญั ชี สมุห์บญั ชี หัวหน้าแผนกบญั ชี หรือผ้ดู ารงตาแหน่งท่ีเรียกช่ืออย่างอื่นแต่

หน้าที่ความรับผิดชอบเช่นเดียวกับผู้ดารงตาแหน่งที่กล่าวมาแล้วข้างต้น หรืออาจกล่าวได้ว่าผู้มีหน้าที่รับผดิ ชอบสงู สดุ เก่ียวกบั การจดั ทาบญั ชีของกิจการนนั้ 2) กรณีท่ีผู้ทาบัญชีให้กิจการเป็ นสานักงานบริการรับทาบัญชี ดงั นนั้ ผู้ทาบญั ชีของกิจการจงึ หมายถึงบคุ คลดงั ตอ่ ไปนี ้ 2.1 หวั หน้าสานกั งาน สาหรับสานกั งานที่มไิ ด้จดั ตงั้ ในรูปของคณะบคุ คล 2.2 ผ้เู ป็ นห้นุ ส่วนซง่ึ รับผิดชอบในการให้บริการรับทาบญั ชี สาหรับสานกั งานท่ีจดั ตงั้ในรูปของคณะบคุ คล 3) นักบัญชี ซงึ่ รับจ้างทาบญั ชีอสิ ระ 4) ผู้ทาบัญชีตามข้อ 1) ถึง 3) รับทาบญั ชีเกินกวา่ 100 ราย ต้องมีผ้ชู ่วย ผู้ทาบญั ชีซง่ึ ผ้ชู ว่ ยผ้ทู าบญั ชี จะมีหน้าท่ีและความรับผิดชอบเชน่ เดียวกบั ผ้ทู าบญั ชีตามกฎหมาย 2.คุณสมบัติและเง่ือนไขในการเป็ นผู้ทาบัญชี ตามพระราชบัญญัติการบัญชี พ.ศ.2543กาหนดคณุ สมบตั ิและเงื่อนไขการเป็ นผ้ทู าบญั ชี โดยมีผลบงั คบั ใช้ตงั้ แต่วนั ที่ 10 สิงหาคม 2544 ซึง่ คณุ สมบตั ิและเง่ือนไขการเป็นผ้ทู าบญั ชี ได้กลา่ วถงึ ประเดน็ สาคญั คอื ก.คณุ สมบตั แิ ละเง่ือนไขการเป็นผ้ทู าบญั ชี ข.หน้าที่ของผ้ทู าบญั ชี ค.กาหนดบทลงโทษของผ้ทู าบญั ชี แตล่ ะหวั ข้อมีรายละเอียดดงั นี ้ ก. คุณสมบัตแิ ละเง่อื นไขการเป็ นผู้ทาบัญชี ประกอบด้วย 1) คณุ สมบตั ขิ องผ้ทู าบญั ชีในด้านวฒุ กิ ารศกึ ษา 2) คณุ สมบตั ขิ องผ้ทู าบญั ชีในด้านอ่ืน ๆ 3) เง่ือนไขการเป็นผ้ทู าบญั ชี 1) คุณสมบัติของผู้ทาบัญชีในด้านวุฒิการศึกษา ตามพระราชบญั ญัติการบญั ชีพ.ศ. 2543 ได้กาหนดคณุ สมบตั ดิ ้านวฒุ ิการศกึ ษาของผ้ทู าบญั ชีตามประเภทของการจดทะเบียนและขนาดของธุรกิจเป็นสาคญั ซง่ึ แบง่ ออกเป็น 3 กลมุ่ คือ กลุ่ม 1 ห้างหุ้นส่วนจดทะเบียน และบริษัทจากดั ท่ีจดั ตงั้ ขึน้ ตามกฎหมายไทย ในรอบปี ท่ีผา่ นมา ณ วนั ปิดบญั ชี กิจการมีทนุ จดทะเบยี นไมเ่ กิน 5 ล้านบาท สินทรัพย์รวมไมเ่ กิน 30 ล้านบาท และรายได้รวมไมเ่ กิน 30 ล้านบาท ผู้ทาบัญชี ต้องมีคุณวุฒิการศึกษาไม่ต่ากว่าอนุปริญญา หรือประกาศนียบัตรวิชาชีพชนั้ สูง (ปวส.) ทางการบญั ชี หรือเทียบเท่าจากสถาบนั การศึกษา โดยทบวงมหาวิทยาลัย สานักงานคณะกรรมการข้าราชการพลเรือน (ก.พ.) หรือกระทรวงศึกษาธิการ เทียบว่าไม่ต่ากว่าอนุปริญญา หรือประกาศนียบตั รวชิ าชีพชนั้ สงู (ปวส.) ทางการบญั ชี

กลุ่ม 2 ห้างห้นุ ส่วนจดทะเบียน และบริษัทจากดั ที่มีทนุ จดทะเบียน สินทรัพย์รวมหรือรายได้รวม รายการใดรายการหน่ึง เกินกว่าท่ีกาหนดไว้ในกลุ่ม 1 บริษัทมหาชนจากดั ที่ จดั ตงั้ ขนึ ้ตามกฎหมายไทย นิติบคุ คลที่ตงั้ ขึน้ ตามกฎหมายต่างประเทศท่ีประกอบธุรกิจในประเทศ กิจการร่วมค้าตามประมวลรัษฎากร ผ้ปู ระกอบธุรกิจธนาคาร เงินทุนหลกั ทรัพย์ เครดิตฟอร์ซิเอร์ ประกันชีวิต ประกันวนิ าศภยั และผ้ปู ระกอบธรุ กิจซง่ึ ได้รับการสง่ เสริมการลงทนุ ตามกฎหมายวา่ ด้วยการสง่ เสริมการลงทนุ ผู้ทาบัญชี ต้องมีคุณวุฒิการศึกษาไม่ต่ากว่าปริญญาตรีทางการบัญชี หรือเทียบเทา่ จากสถาบนั การศกึ ษา โดยทบวงมหาวิทยาลยั สานกั งานคณะกรรมการข้าราชการพลเรือน (ก.พ.)หรือกระทรวงศกึ ษาธิการ เทียบวา่ ไมต่ ่ากวา่ ปริญญาตรีทางการบญั ชี กลุ่ม 3 กรณีท่ีเป็ นผู้ทาบัญชีของบุคคลธรรมดาหรือห้ างหุ้นส่วนที่มิได้ จดทะเบียน ซง่ึ รัฐมนตรีประกาศกาหนดให้เป็ นผ้มู ีหน้าท่ีจดั ทาบญั ชี คณุ วฒุ ิของผ้ทู าบญั ชีดงั กลา่ วให้เป็ นไปตามที่กาหนดไว้ในกลมุ่ 1 กลมุ่ 2 แล้วแตว่ า่ อยใู่ นเง่ือนไขของกลมุ่ ใด สาหรับกรณีท่ีมีสถานท่ีประกอบการเป็ นประจาแยกจากสานกั งานใหญ่ ตงั้ เป็ นการถาวรมิใช่เป็ นครัง้ คราว โดยมีวตั ถุประสงค์ทาธุรกรรมท่ีจะก่อให้เกิดรายได้ จะต้องมีผู้ทาบญั ชีท่ีมีวุฒิการศึกษาเชน่ เดยี วกบั ผ้ทู าบญั ชีของสานกั งานใหญ่ ในรอบปี แรกของการเร่ิมดาเนินธรุ กิจ คณุ สมบตั ิของผ้มู ีหน้าที่จดั ทาบญั ชีให้พิจารณาโดยเกณฑ์ทนุ จดทะเบียนตามท่ีกาหนดไว้ใน กลมุ่ 1 กลมุ่ 2 และกลมุ่ 3 เป็นสาคญั จากกลุ่ม 1 ณ วนั ท่ีกิจการมีทุนจดทะเบียน สินทรัพย์รวม หรือรายได้รวมของ ผู้มีหน้าท่ีจดั ทาบญั ชีเปลี่ยนแปลงในทางที่เพ่ิมขนึ ้ ผ้ทู าบญั ชียงั คงสามารถทาบญั ชีตอ่ ไปได้อีก 2 ปี นบั ตงั้ แตว่ นั สิน้รอบปี บญั ชีท่ีมีการเปลี่ยนแปลง 2) คุณสมบัตขิ องผู้ทาบัญชีในด้านอ่ืน มีรายละเอียดดงั นี ้ 2.1 มีภมู ิลาเนาหรือถ่ินท่ีอยใู่ นราชอาณาจกั ร 2.2 มีความรู้ภาษาไทยเพียงพอที่จะทาหน้าที่เป็นผ้ทู าบญั ชีได้ 2.3 ไมเ่ คยต้องโทษโดยคาพพิ ากษาถึงท่ีสดุ ให้จาคกุ เนื่องจากได้กระทาความผดิ ตามกฎหมายวา่ ด้วยการบญั ชี หรือกฎหมายว่าด้วยผ้สู อบบญั ชี หรือกฎหมายวา่ ด้วยวิชาชีพบญั ชี เว้นแตพ่ ้นระยะเวลาที่ถกู ลงโทษมาแล้วเป็นเวลาไมน่ ้อยกวา่ สามปี 3) เง่อื นไขการเป็ นผู้ทาบัญชี 3.1 แจ้งรายละเอียดท่ีเก่ียวข้องกับการทาบญั ชีตามแบบ ส.บช. 5 ท่ีแนบท้ายประกาศของกรมพฒั นาธุรกิจการค้า พ.ศ. 2543 เร่ือง กาหนดคณุ สมบตั แิ ละเง่ือนไขเป็ นผ้ทู าบญั ชี พร้อมด้วยหลกั ฐานตามท่ีระบไุ ว้ในแบบ ส.บช. 5 ต่ออธิบดีภายในหกสิบวนั นบั แตว่ นั ท่ี 10 สิงหาคม 2544 หรือนบั แตว่ นั เริ่มทาบญั ชี เว้นแตผ่ ้ทู าบญั ชีท่ีระบไุ ว้ตามมาตรา 42 วรรคสอง ที่ได้ยื่นแบบ ส.บช. 5-ก ไว้แล้ว

ในกรณีท่ีมีการเปลี่ยนแปลงรายการที่แจ้งไว้ใน ส.บช.5 หรือ ส.บช. 5-ก ผ้ทู าบญั ชีต้องแจ้งรายการเปลี่ยนแปลงนัน้ โดยย่ืนแบบ ส.บช. 5 ใหม่ ต่ออธิบดีภายในหกสิบวัน นับแต่วันที่มีการเปลี่ยนแปลง 3.2 ต้องเข้ารับการอบรมความรู้เกี่ยวกับวิชาชีพบญั ชี อย่างน้อยหน่ึงครัง้ ในทุกรอบสามปี จากสถาบนั วิชาชีพบญั ชีหรือสถาบันการศึกษาหรือหน่วยงานท่ีอธิบดีให้ความเห็นชอบ โดยเป็นไปตามหลกั เกณฑ์วิธีการ และระยะเวลาท่ีอธิบดปี ระกาศกาหนด 3.3 ผู้ทาบญั ชีที่รับทาบญั ชีของผู้มีหน้าที่จดั ทาบญั ชีปี ละเกินกว่าหน่ึงร้ อยรายต้องจดั ให้มีผ้ชู ่วยผ้ทู าบญั ชีโดยมีคณุ วฒุ ิการศึกษาเช่นเดียวกบั ผ้ทู าบญั ชีอยา่ งน้อยหน่ึงคนในทุก ๆ หน่ึงร้อยราย ในกรณีท่ีเกินหนึ่งร้อยรายแรก เศษของหน่ึงร้อยรายถ้าเกินกว่าห้าสิบรายให้นบั เป็ นหนึ่งร้อย การนบั จานวนรายกรณีที่เป็ นสานกั งานใหญ่ และมีสถานประกอบการเป็นประจาหลายแห่ง ให้นบั เป็ น 1 รายไมต่ ้องนบั จานวนของสถานที่ประกอบการเป็นประจา ข.หน้าท่ีของผู้ทาบัญชี โดยมีรายละเอียดดงั นี ้ 1) ผู้ทาบญั ชีต้องจัดทาบญั ชีเพ่ือให้แสดงผลการดาเนินงาน ฐานะการเงิน หรือการเปล่ียนแปลงฐานะการเงินของ “ผ้มู ีหน้าที่จดั ทาบญั ชี” ให้ถกู ต้องตามความเป็ นจริง โดยทาตามมาตรฐานการบญั ชีที่กาหนดไว้ และมีเอกสารท่ีต้องใช้ประกอบการลงบญั ชีอยา่ งถกู ต้องครบถ้วน มาตรฐานการบัญชี หมายถงึ หลกั การบญั ชีและวิธีปฏิบตั ทิ างการบญั ชีท่ีรับรองทวั่ ไป หรือมาตรฐานการบญั ชีท่ีกาหนดตามกฎหมายว่าด้วยการนนั้ สาหรับกรณีที่ยงั ไม่มีมาตรฐานการบญั ชีท่ีกฎหมายกาหนด ให้ถือเอามาตรฐานการบัญชีที่กาหนดโดยสมาคมนักบัญชีและผู้สอบบญั ชีรับอนญุ าตแห่งประเทศไทย ซง่ึ คณะกรรมการควบคมุ การประกอบวชิ าชีพสอบบญั ชีได้มีมติให้ประกาศใช้แล้วเป็น “มาตรฐานการบญั ชี” ตามพระราชบญั ญตั นิ ี ้ 2)การลงรายการบัญชีให้ ลงเป็ นภาษาไทย หากประสงค์จะลงรายการเป็ นภาษาต่างประเทศให้มีภาษาไทยกากับไว้ด้วย หรือหากประสงค์จะลงรายการเป็ นรหสั บญั ชีให้มีคมู่ ือคาแปลรหสั บญั ชีท่ีเป็นภาษาไทยไว้ด้วย 3)การลงรายการบญั ชีให้เขียนด้วยหมึก พิมพ์ดีดหรือตีพิมพ์หรือทาด้วยวิธีอ่ืนใดท่ีได้ผลแบบเดียวกนั ค. บทกาหนดโทษผู้ทาบัญชี (1) ไม่ปฏิบตั ิตามมาตรา7(1) (2) (3) (4) หรือ (6) มีโทษปรับไม่เกินหนึ่งหมื่นบาท(มาตรา7(1)คือ ชนดิ ของบญั ชีที่ต้องจดั ทา 7 (2)คอื ข้อความและรายการที่ต้องมีในบญั ชี 7 (3)คอื ระยะเวลาที่ต้องลงรายการในบญั ชี 7 (4)คือเอกสารที่ต้องใช้ประกอบการลงบญั ชี 7 (6) คือคณุ สมบตั แิ ละเงื่อนไขของการเป็นผ้ทู าบญั ชี )

(2) ไม่ปฏิบัตติ ามมาตรา 21 คอื ในการลงรายการในบญั ชี ผ้ทู าบญั ชีต้องปฏิบตั ิดงั ตอ่ ไปนี(้ 1) ลงรายการเป็นภาษาไทย หากลงรายการเป็ นภาษาตา่ งประเทศให้มีภาษาไทยกากบั หรือลงรายการเป็นรหสั บญั ชีให้มีคมู่ ือคาแปลรหสั ท่ีเป็นภาษาไทยไว้(2) เขียนด้วยหมกึ ดีดพิมพ์ ตีพิมพ์ หรือทาด้วยวธิ ีอื่นใดท่ีได้ผลในทานองเดยี วกนั มีโทษปรับไม่เกนิ ห้าพันบาท อย่างไรก็ตามยงั มีบทกาหนดโทษท่ีสาคญั ในพระราชบญั ญัตฉิ บบั นีท้ ี่กาหนดบทลงโทษ“ผ้กู ระทาความผิด” ซ่ึงอาจเป็ น “ผู้มีหน้าท่ีจดั ทาบญั ชี” หรือ “ผู้ทาบญั ชี” ก็ตาม หากผู้นนั้ ลงรายการเท็จแก้ไข ละเว้น การลงรายการในบญั ชีและงบการเงิน หรือแก้ไขเอกสารที่ต้องใช้ประกอบการลงบญั ชีเพื่อให้ข้อมลู เป็นเทจ็ จะต้องถกู ลงโทษ คือ จาคกุ ไมเ่ กินสองปี หรือปรับไมเ่ กิน ส่ีหม่ืนบาท หรือทงั้ จาทงั้ ปรับ นอกจากนีพ้ ระราชบญั ญัตินีย้ งั กาหนดให้ความรับผิดชอบในการจัดทาบญั ชีของ “ผู้มีหน้าที่จดั ทาบญั ชี” โดยกาหนดโทษสาหรับกรณีดงั กล่าวไว้ ถ้าหากผ้กู ระทาความผิดเป็ น “ผ้มู ีหน้าที่จดั ทาบญั ชี” จะมีโทษจาคกุ ไมเ่ กินสามปี หรือปรับไมเ่ กินหกหม่ืนบาท หรือทงั้ จาทงั้ ปรับ

อานาจหน้าท่ใี นการตรวจสอบ สำรวตั รใหญ่บัญชี (อธิบดีพฒั นำธุรกจิ กำรค้ำ) สำนักงำนกลำงบัญชี กรมพฒั นำธุรกจิ กำรค้ำ กระทรวงพำณชิ ย์สำนักงำนบญั ชีท้องที่ สำรวตั รบัญชี(เจ้ำหน้ำทกี่ รมพฒั นำธุรกจิสำนักงำนทะเบียนกำรค้ำจังหวดั กำรค้ำและสำนักงำนพำณชิ ย์จังหวดั ) มีอานาจตรวจสอบบัญชีและเอกสารประกอบการลงบัญชี  เข้าไปในสถานท่ีทาการฯ  ยดึ อายดั บญั ชีและเอกสารประกอบการลงบญั ชี  สง่ั ให้ไปให้ถ้อยคา หรือสง่ บญั ชีและเอกสารประกอบการลงบญั ชีเพื่อตรวจสอบ บทกาหนดโทษ กรณีขดั ขวางการปฏิบตั งิ านของเจ้าหน้าที่ จาคกุ ไมเ่ กินหนง่ึ ปี หรือปรับไมเ่ กินสองหมื่นบาท หรือทงั้ จาทงั้ ปรับ กรณีฝ่ าฝื นคาสง่ั ฯ จาคกุ ไมเ่ กินหนง่ึ เดือน หรือปรับไมเ่ กินสองพนั บาท หรือทงั้ จาทงั้ ปรับท่ีมา : สุมนา เศรษฐนันท์ สานักกากับดูแลธุรกิจ กรมทะเบียนการค้า คู่มือประกอบการอบรมโครงการอบรมผ้ทู าบญั ชีเพ่ือให้มีคณุ สมบตั ิตามที่กาหนดในพระราชบญั ญัติการบญั ชี พ.ศ. 2543 มาตรา42 วรรคสอง หน้า 1-9การจัดทาบัญชีตามประมวลกฎหมายแพ่งและพาณิชย์ บริษัทและห้างหุ้นส่วนนิติบุคคลตามประมวลกฎหมายแพ่งและพาณิชย์ มีหน้าที่จดั ทาบญั ชีจดั ให้มีการตรวจสอบบญั ชี พร้อมทงั้ ส่งงบดลุ และงบกาไรขาดทนุ ให้นายทะเบียนภายในกาหนดเวลาโดยมีรายละเอียดดงั นี ้ 1. ต้องจัดให้มีบัญชีเก่ียวกับ จานวนเงินท่ีได้รับ หรือได้จ่ายทัง้ รายการอันเป็ นเหตุให้ได้รับหรือจา่ ยเงินทกุ รายไป บญั ชีสนิ ทรัพย์ และหนีส้ นิ ของบริษัท 2. ต้องจัดทางบดุลของกิจการอย่างน้อยหนึ่งครัง้ ทุกรอบสิบสองเดือน โดยท่ีงบดลุ นัน้ต้องแสดงรายการอย่างย่อของทรัพย์สิน และหนีส้ นิ ของบริษัทและบญั ชีกาไรขาดทนุ ด้วย งบดลุ ท่ีจดั ทาขนึ ้ ดงั กล่าวจะต้องมีผ้สู อบบญั ชีคนหน่ึงหรือหลายคนตรวจสอบ แล้วนาเสนอเพ่ืออนุมตั ิในที่ประชุมใหญ่

ภายใน 4 เดือน นบั ตงั้ แตว่ นั ท่ีลงในงบดลุ นนั้ หลงั จากนนั้ กรรมการมีหน้าท่ีส่งสาเนางบดลุ ทกุ ฉบบั ไปยงันายทะเบยี นไมช่ ้ากวา่ หนงึ่ เดือนนบั ตงั้ แตว่ นั ท่ีซง่ึ งบดลุ นนั้ ได้รับอนมุ ตั จิ ากท่ีประชมุ ใหญ่ 3. บุคคลใดปรารถนาจะได้สาเนางบดลุ ฉบบั หลงั สดุ จากบริษัทใด ๆ ก็ชอบ ที่จะซือ้ เอาโดยราคาไมเ่ กินกวา่ ฉบบั ละห้าสบิ สตางค์การจัดทาบัญชีตามพระราชบัญญัตหิ ลักทรัพย์และตลาดหลักทรัพย์ ตามข้อบงั คับตลาดหลักทรัพย์แห่งประเทศไทย เรื่อง การจัดทาและส่งงบการเงินและรายการเก่ียวกบั ฐานะการเงิน และผลการดาเนินงานของบริษัทจดทะเบียน พ.ศ.2544 ซง่ึ ประกาศ ณ วนั ที่22 มกราคม 2544 ลงนามโดยนายอมเรศ ศิลาออ่ น ซึ่งดารงตาแหน่งประธานกรรมการตลาดหลกั ทรัพย์แหง่ ประเทศไทย ประกาศดงั กลา่ วมีสาระสาคญั 9 ข้อ ดงั นี ้ โดยท่ีสานักงานคณะกรรมการกากับหลักทรัพย์และตลาดหลักทรัพย์ และตลาดหลกั ทรัพย์แห่งประเทศไทยต่างมีอานาจหน้าท่ีในการกากับดูแลให้บริษัทที่ระดมทุนในตลาดทุนทาการเปิ ดเผยข้อมลู ที่จาเป็ นตอ่ การตดั สินใจของผ้ลู งทนุ ให้ถูกต้องครบถ้วน และเป็ นไปตามระยะเวลาท่ีกาหนดและโดยท่ีสานกั งานคณะกรรมการกากบั หลกั ทรัพย์และตลาดหลกั ทรัพย์ และตลาดหลกั ทรัพย์แหง่ ประเทศไทยได้มีการทาความตกลงร่วมกนั โดยการกาหนดให้สานกั งานคณะกรรมการกากบั หลกั ทรัพย์และตลาดหลกั ทรัพย์ เป็ นผ้ดู แู ลตดิ ตามให้การเปิ ดเผยข้อมลู ของบริษัทตา่ ง ๆ ในตลาดทนุ มีความเพียงพอและเป็นไปตามมาตรฐานเดยี วกนั เพ่ือดาเนินการให้เป็ นไปตามวตั ถปุ ระสงค์และความตกลงร่วมกนั ดงั กลา่ ว อาศยั อานาจตามความในมาตรา 56 ประกอบมาตรา 199 แห่งพระราชบัญญัติหลักทรัพย์และตลาดหลักทรัพย์พ.ศ.2535 คณะกรรมการตลาดหลกั ทรัพย์แหง่ ประเทศไทยออกข้อกาหนดไว้ดงั ตอ่ ไปนี ้ ข้อ 1 ข้อบังคับนีใ้ ห้ใช้บังคบั สาหรับการจัดทางบการเงินและรายงานเกี่ยวกับฐานะการเงินและผลการดาเนินงานของบริษทั จดทะเบยี นท่ีนาสง่ หลงั วนั ท่ี 1 กมุ ภาพนั ธ์ 2544 เป็นต้นไป ข้อ 2 ให้ยกเลิกข้อบงั คบั ตลาดหลักทรัพย์แห่งประเทศไทย เรื่อง การจดั ทาและส่งงบการเงินและรายงานเกี่ยวกบั ฐานะการเงินและผลการดาเนินงานของบริษัทจดทะเบียน พ.ศ. 2542 ลงวนั ท่ี22 พฤศจิกายน 2542 ข้อ 3 ในข้อบงั คบั นี ้ “ตลาดหลกั ทรัพย์” หมายความวา่ ตลาดหลกั ทรัพย์แหง่ ประเทศไทย “สานกั งาน” หมายความวา่ สานกั งานคณะกรรมการกากบั หลกั ทรัพย์และตลาดหลกั ทรัพย์

“บริษัทจดทะเบียน” หมายความว่า บริษัทท่ีมีหุ้นสามัญจดทะเบียนในตลาดหลกั ทรัพย์ “ประกาศคณะกรรมการ ก.ล.ต.” หมายความว่า ประกาศคณะกรรมการกากับหลกั ทรัพย์และตลาดหลกั ทรัพย์ว่าด้วยหลกั เกณฑ์ เงื่อนไข และวิธีการรายงานการเปิ ดเผยข้อมูลเก่ียวกับฐานะการเงินและผลการดาเนินงานของบริษัทท่ีออกหลกั ทรัพย์ “ผ้สู อบบญั ชี” หมายความวา่ ผ้สู อบบญั ชีที่ได้รับความเหน็ ชอบจากสานกั งาน ข้อ 4 ให้บริษัทจดทะเบียนจดั ทาและส่งงบการเงินและรายงานเก่ียวกับฐานะการเงินและผลการดาเนินงานของบริษัทจดทะเบียนตามรายการดงั ตอ่ ไปนี ้ (1) งบการเงินรายไตรมาสที่ผ้สู อบบญั ชีได้สอบทานแล้ว (2) งบการเงินประจางวดการบญั ชีท่ีผ้สู อบบญั ชีได้ตรวจสอบและ แสดงความเหน็ แล้ว (3) แบบแสดงรายการข้อมลู ประจาปี (4) รายงานประจาปี ท่ีเสนอตอ่ ผ้ถู ือห้นุ ให้บริษัทจดทะเบยี นจดั ทาและสง่ งบการเงินและรายงานเก่ียวกบั ฐานะการเงินและผลการดาเนินงานตอ่ สานกั งานตามมาตรา 56 แหง่ พระราชบญั ญตั หิ ลกั ทรัพย์และตลาดหลกั ทรัพย์ พ.ศ.2535 อยู่แล้ว บริษัทจดทะเบยี นนนั้ ไมต่ ้องจดั ทาและสง่ งบการเงินและรายงานดงั กล่าวตอ่ สานกั งานตามข้อบงั คบั นี ้ ข้อ 5 ให้บริษัทจดทะเบียนจดั สง่ สาเนางบการเงินและรายงานเก่ียวกบั ฐานะการเงิน และผลการดาเนินงานตามข้อ 4 ตอ่ ตลาดหลกั ทรัพย์ด้วย ข้อ 6 ในกรณีที่ผลการดาเนินงานตามงบกาไรขาดทนุ ของบริษัทจดทะเบียนเปลี่ยนแปลงจากงวดเดียวกนั ของปี ก่อนเกินร้อยละ 20 ให้บริษัทจดทะเบียนจดั ทารายงานชีแ้ จงสาเหตกุ ารเปล่ียนแปลงดงั กลา่ ว และสง่ มายงั ตลาดหลกั ทรัพย์พร้อมงบการเงินที่บริษทั จดทะเบียนต้องสง่ ตามข้อบงั คบั นี ้ ข้อ 7 ให้บริษัทจดทะเบียนจดั ทารายงานสรุปผลการดาเนินงานของบริษัทจดทะเบียนตามแบบท่ีตลาดหลักทรัพย์กาหนด และส่งมายังตลาดหลักทรัพย์พร้ อมกับงบการเงินของบริษัทจดทะเบยี นต้องสง่ ตามข้อบงั คบั นี ้ ข้อ 8 ให้บริษัทจดทะเบียนจัดส่งงบการเงินและรายงานดังต่อไปนี ้ต่อตลาดหลักทรัพย์ภายในเวลาที่กาหนดไว้ในประกาศคณะกรรมการ ก.ล.ต. โดยผ่านส่ืออิเล็กทรอนิกส์ตามข้อกาหนดของตลาดหลกั ทรัพย์วา่ ด้วยการรายงานและการจดั สง่ สารสนเทศของบริษัทจดทะเบียนโดยผ่านสื่ออเิ ล็กทรอนกิ ส์ (1) งบการเงินและรายงานเก่ียวกับฐานะการเงินและผลการดาเนินงานตามข้อ 4ยกเว้นรายงานประจาปี ที่เสนอตอ่ ผ้ถู ือห้นุ (2) รายงานชีแ้ จงสาเหตกุ ารเปลี่ยนแปลงตามข้อ 6 (3) รายงานสรุปผลการดาเนินงานตามข้อ 7

ข้อ 9 ให้บริษัทจดทะเบียนจดั ส่งรายงานประจาปี ที่เสนอตอ่ ผ้ถู ือห้นุ ให้แก่ผ้ถู ือห้นุ พร้อมกับหนังสือเรียกประชุมสามัญประจาปี ผู้ถือหุ้น และส่งให้แก่บริษัทหลักทรัพย์ท่ี เป็ นสมาชิกของตลาดหลกั ทรัพย์ทกุ รายโดยผา่ นนายทะเบยี นหลกั ทรัพย์ของบริษัทจดทะเบียน ประกาศตลาดหลกั ทรัพย์แหง่ ประเทศไทย เร่ือง แบบรายงานสรุปผลการดาเนินงานของบริษัทจดทะเบียน พ.ศ. 2544 อาศยั อานาจตามความในข้อ 7 แหง่ ข้อบงั คบั ตลาดหลกั ทรัพย์แห่งประเทศไทย เรื่อง การจดั ทาและสง่ งบการเงินและรายงานเก่ียวกบั ฐานะการเงินและผลการดาเนินงานของบริษัทจดทะเบียน พ.ศ.2544 ลงวนั ที่ 22 มกราคม 2544 ที่ได้กลา่ วอยา่ งละเอียดมาแล้วข้างต้น ตลาดหลกั ทรัพย์ได้ออกประกาศ เร่ือง แบบรายงานสรุปผลการดาเนินงานของบริษัทจดทะเบียน พ.ศ. 2544 โดยประกาศใช้บังคับตัง้ แต่วันท่ี 1 กุมภาพันธ์ 2544 เป็ นต้นไป และให้บริษัทจดทะเบียนจัดทารายงานสรุปผลการดาเนนิ งานของบริษัทจดทะเบียนตามแบบท้ายประกาศนี(้ภาคผนวก)การจัดทาบัญชีตามประมวลรัษฎากร ผ้มู ีหน้าท่ีจดั ทาบญั ชี นอกจากต้องจดั ทาบญั ชีตามพระราชบญั ญัติการบญั ชีแล้ว อธิบดีกรมสรรพากรยงั ประกาศให้ผ้เู สียภาษีจดั ทาบญั ชี เพื่อประโยชน์ในการจดั เก็บภาษีอากร ดงั นี ้ 1. บญั ชีแสดงรายได้หรือรายรับเป็นประจาวนั 2. บญั ชีพิเศษ ก.บญั ชีพิเศษแสดงการหกั ภาษี ณ ที่จา่ ย และการนาสง่ ภาษี ข.บญั ชีพเิ ศษแสดงรายการและปริมาณข้าวเปลือก ตวั ข้าว ปลายข้าว และรา ค.บญั ชีพิเศษแสดงการจา่ ยเงินให้ผ้ปู ระกอบโรคศลิ ป์ ง.บญั ชีพิเศษแสดงทะเบียนรถยนต์ รายการได้มาหรือจาหน่ายไป ซ่ึงรถยนต์เก่าของผ้ทู าการค้าของเกา่ ประเภทรถยนต์ 3. จดั ทาบญั ชีงบดลุ บญั ชีทาการ และบญั ชีกาไรขาดทนุ ในรายระยะเวลาบญั ชี ในกรณีของบริษัทหรือห้างห้นุ ส่วนนิติบุคคลท่ีดาเนินกิจการขนส่งผ่านประเทศตา่ งๆให้ทาบญั ชีรายรับก่อนหกั รายจ่ายเก่ียวกับคา่ โดยสาร คา่ ระวาง ค่าธรรมเนียม และประโยชน์อื่นใดท่ีต้องเสียภาษีแทนบญั ชีงบดลุ บญั ชีทาการและบญั ชีกาไรขาดทนุ ในรอบระยะเวลาบญั ชีเฉพาะกิจการขนสง่ สาหรับผู้ประกอบการจดทะเบียนภาษีมูลค่าเพ่ิม จะต้องจดั ทารายงานเก่ียวกบั การเสียภาษีมูลค่าเพิ่ม โดยให้ จัดทาเป็ นรายสถานประกอบการ รายงานที่ผู้ประกอบการจดทะเบียนภาษีมลู คา่ เพ่มิ ต้องจดั ทามีดงั นี ้ ก.รายงานภาษีซือ้ ข.รายงานภาษีขาย

ค.รายงานสนิ ค้าและวตั ถดุ บิ สาหรับวิธีการลงรายการในรายงานให้ เป็ นไปตามหลักเกณฑ์ วิธีการและเงื่อนไขเก่ียวกบั การจดั ทารายงาน การลงรายการในรายงาน ตามประกาศทางอธิบดีกรมสรรพากร เกี่ยวกับภาษีมลู คา่ เพ่มิ จะกลา่ วอยา่ งละเอียดในบทภาษีมลู คา่ เพม่ิ ตอ่ ไป การจัดเก็บรักษารายงาน รายงานภาษีซือ้ รายงานภาษีขาย และรายงาน สินค้าและวัตถุดิบ จะต้องเก็บรักษาไว้พร้ อมกับเอกสารหลักฐานประกอบการจัดทารายงาน ดงั กล่าวในสถานประกอบการที่จดั ทารายงานนนั้ เป็ นเวลาไม่น้อยกวา่ 5 ปี นบั ตงั้ แตว่ นั ท่ีได้ยื่นแบบแสดงรายการภาษี หรือวนั ทารายงานแล้วแต่กรณี นอกจากนีย้ งั มีระยะเวลาในการจดั เก็บรักษารายงานที่แตกตา่ งกนั ออกไปอีกสาหรับผ้ปู ระกอบการจดทะเบียนภาษีมลู คา่ เพิ่มชวั่ คราว ผ้ปู ระกอบการ จดทะเบียนเลิกประกอบกิจการและกรณีท่ีอธิบดีเห็นสมควรให้เก็บซง่ึ สามารถแยกเป็นประเดน็ ได้ดงั นี ้ 1. ผู้ประกอบการจดทะเบียนภาษีมูลค่าเพิ่มชั่วคราว ให้ จัดเก็บรายงานภาษีซือ้รายงานภาษีขาย และรายงานสินค้าและวตั ถดุ บิ พร้อมทงั้ เอกสารหลกั ฐานประกอบการจดั ทา รายงานให้เป็นไปตามหลกั เกณฑ์ วิธีการและระยะเวลาท่ีอธิบดีกาหนด ทงั้ นีต้ ้องไมเ่ กินกวา่ 5 ปี 2. ผ้ปู ระกอบการจดทะเบียนเลิกประกอบกิจการ ผ้มู ีหน้าท่ีจดั ทาบญั ชี จะต้องเก็บรักษารายงานภาษีซือ้ รายงานภาษีขาย และรายงานสินค้าและวัตถุดิบ พร้ อมทัง้ เอกสารหลักฐานท่ีใช้ประกอบการจดั ทารายงานดงั กลา่ ว เป็นระยะเวลา 2 ปี นบั ตงั้ แตว่ นั เลิกกิจการ 3. อธิบดีกรมสรรพากรเห็นสมควรให้ผู้ประกอบการบางรายหรือบางประเภทธุรกิจท่ีควรจดั เก็บรักษารายงานภาษีซือ้ รายงานภาษีขาย และรายงานสินค้าและวตั ถดุ ิบ ไว้นานเกินกว่า 5 ปี แต่ทงั้ นีไ้ มเ่ กิน 7 ปี นบั ตงั้ แตว่ นั ที่จดั ทารายงานดงั กลา่ วนนั้ สาหรับผู้ประกอบการจดทะเบียนภาษีธุรกิจเฉพาะ จะต้องจัดทารายงานแสดงรายรับก่อนหกั รายจ่ายที่ต้องเสียภาษี และรายรับท่ีไม่ต้องรวมคานวณเพ่ือเสียภาษี ตามที่อธิบดีกาหนดให้จดั ทาเป็นรายสถานประกอบการ การลงรายงานในรายงานต้องลงรายการภายใน 3 วนั ทาการนบั ตงั้ แต่วนั ที่มีรายรับนนั้ เว้นแตอ่ ธิบดีกาหนดเป็นอยา่ งอื่น การจัดเก็บรักษารายงาน การจดั เก็บรักษารายงานและเอกสารหลกั ฐานท่ีใช้ประกอบการลงรายงาน จะต้องจดั เก็บรักษาไว้ไม่น้อยกว่า 5 ปี ณ สถานประกอบการท่ีได้จดั ทารายงานนนั้ผู้ตรวจสอบและผู้รับอนุญาต ตามมาตรา 11 แห่งพระราชบญั ญัติการบญั ชี พ.ศ. 2543 ได้กาหนดว่า งบการเงินต้องได้รับการตรวจสอบและแสดงความเห็นชอบโดยผู้สอบบญั ชีรับอนุญาต เว้นแต่งบการเงินของผู้มีหน้าที่จดั ทาบญั ชีซึ่งเป็ นห้างหุ้นส่วนจดทะเบียนที่ตงั้ ขึน้ ตามกฎหมายไทยที่มีทุน สินทรัพย์ หรือรายได้รายการใดรายการหนงึ่ หรือทกุ รายการไมเ่ กินที่กาหนดโดยกฎกระทรวง”

ดงั นนั้ จึงมีห้างห้นุ ส่วนจดทะเบียนท่ีมีคณุ สมบตั ิดงั นี ้ ทนุ จดทะเบียนไม่เกิน 5 ล้านบาทมีสินทรัพย์รวมไม่เกิน 30 ล้านบาท และมีรายได้รวมไม่เกิน 30 ล้านบาท งบการเงินไม่ต้องผ่านการตรวจสอบและแสดงความเห็นชอบโดยผู้สอบบญั ชีรับอนุญาตตามพระราชบญั ญัติการบญั ชี พ.ศ. 2543สามารถยื่นตอ่ กระทรวงพาณิชย์ได้เลย แตเ่ ม่ือเสียภาษีเงินได้ต้องยื่นงบการเงินตอ่ กรมสรรพากรโดยต้องผ่านการตรวจสอบและแสดงความเห็นชอบของผู้สอบบญั ชีภาษีอากรซึ่งเป็ นไปตามมาตรา 3 สัตตแห่งประมวลรัษฎากร อธิบดีกรมสรรพกรได้ออกประกาศเกี่ยวกับการตรวจสอบและรับรองบญั ชี เรื่องกาหนดระเบียบเกี่ยวกบั การตรวจสอบและรับรองบญั ชีตามมาตรา 3 สตั ตแห่งประมวลรัษฎากรแก้ไขเพิ่มเติมซ่ึงประกาศ ณ วนั ที่ 12 มีนาคม 2544 ได้กาหนดหลกั เกณฑ์ในการตรวจสอบและรับรองบญั ชีซึ่งบริษัทและห้างห้นุ สว่ นนิตบิ คุ คลจะต้องจดั ทาและยื่นพร้อมกบั แบบแสดงรายการภาษีเงินได้ตามประมวลรัษฎากรให้กระทาโดยบคุ คลที่เรียกวา่ ผ้ตู รวจสอบและผ้รู ับรองบญั ชี ได้แก่บคุ คลดงั นี ้ 1. ผู้สอบบัญชีรับอนุญาต ( CPA: Certified Public Accountants) ตามกฎหมายเกี่ยวกับการสอบบญั ชีซึ่งถือวา่ ได้รับอนญุ าตจากอธิบดีกรมสรรพากรให้เป็ นผ้ตู รวจสอบและรับรองบญั ชีสาหรับบริษทั และห้างห้นุ สว่ นนติ บิ คุ คล 2. ผ้สู อบบญั ชีภาอากร (TA: Tax Auditor) ท่ีขอขึน้ ทะเบียนและได้รับใบอนญุ าตจากอธิบดีให้เป็ นผู้ตรวจสอบและรับรองบญั ชีเฉพาะห้ างหุ้นส่วนจดทะเบียนตงั้ ขึน้ ตามกฎหมายไทยที่ได้รับยกเว้นไมต่ ้องจดั ให้งบการเงินได้รับการตรวจสอบและแสดงความเห็นชอบโดยผ้สู อบบญั ชีรับอนญุ าตตามพระราชบญั ญตั กิ ารบญั ชี พ.ศ. 2543ภาระหน้าท่ีของผู้มีหน้าท่ีเสียภาษี ผู้มีเงินได้ที่เป็ นบุคคลธรรมดาโดยมีอาชีพรับจ้าง มีรายได้เป็ นรายเดือน หรือรายวันจะต้องย่ืนแบบ ภ.ง.ด. 91 เพื่อเสียภาษีเงินได้ของตนเอง สาหรับผ้มู ีเงินได้ หรือผ้ปู ระกอบการท่ีดาเนินธุรกิจมีหน้าที่เสียภาษีอากร มีหน้าที่ในการจดั ทาบญั ชีตามพระราชบญั ญัตกิ ารบญั ชี พ.ศ. 2543 ตามประกาศอธิบดีกรมสรรพากรท่ีออกตามความในมาตรา 17 วรรคสอง มาตรา 87 เกี่ยวกับภาษีมูลค่าเพ่ิม และมาตรา 91/17 เกี่ยวกับภาษีธุรกิจเฉพาะนอกจากจดั ทาบญั ชีหรือรายงานตามที่กล่าวมาข้างต้น กิจการหรือผ้มู ีเงินได้ยงั ต้องมีภาระหน้าที่เกี่ยวกบัการย่ืนแบบแสดงรายการภาษี ดงั นี ้ 1. การยื่นแบบแสดงรายการภาษีเงินได้บคุ คลธรรมดา ซงึ่ สามารถแบง่ ได้เป็น ก. ภาษีเงินได้บคุ คลธรรมดาประจาปี จะต้องยืน้ แบบแสดงรายการภาษีเงินได้ภายในเดอื นมีนาคมของทกุ ปี โดยผ้มู ีเงินได้หลายประเภทแล้วเป็ นผ้ปู ระกอบธุรกิจเจ้าของคนเดียวหรือห้างห้นุ สว่ นสามญั หรือคณะบคุ คลที่มิใช่นิติบุคคลให้ย่ืนแบบ ภ.ง.ด. 90 แต่หากเป็ นผ้ปู ระกอบการรายย่อยโดยไม่มีเงินได้ประเภทอ่ืนซง่ึ เสียภาษีเหมานนั้ ให้ย่ืนแบบ ภ.ง.ด. 95

ข. ภาษีเงินได้บคุ คลธรรมดาครึ่งปี สาหรับผ้มู ีเงินได้ในการเชา่ ทรัพย์สิน การประกอบวิชาชีพอิสระ การรับเหมา และการประกอบธุรกิจพาณิชย์ การเกษตร การอตุ สาหกรรม การขนสง่ เงินได้ที่ได้รับมาในคร่ึงปี แรก(1 มกราคม ถึง 30 มิถุนายน) ต้องนามาคานวณภาษีเงินได้คร่ึงปี พร้ อมยื่นแบบภ.ง.ด. 94 ภายในเดอื นกนั ยายนของทกุ ปี 2. การย่ืนแบบแสดงรายการภาษีเงินได้นติ บิ คุ คล จะต้องยื่นแบบแสดงรายการภาษีเงินได้นิติบุคคลประจาปี ภายใน 150 วนั นับแต่วันสิน้ รอบระยะเวลาบญั ชี นอกจากนีย้ งั ต้องย่ืนภาษีเงินได้นิติบคุ คลคร่ึงรอบระยะเวลาบญั ชีภายใน 2 เดอื น นบั แตว่ นั สดุ ท้ายของคร่ึงรอบระยะเวลาบญั ชี 3. การย่ืนแบบแสดงรายการภาษีมลู คา่ เพมิ่ ต้องยื่นชาระภายในวนั ที่ 15 ของเดอื นถดั ไป 4. การยื่นแบบแสดงรายการภาษีธรุ กิจเฉพาะ ต้องยื่นชาระภายในวนั ท่ี 15 ของเดอื นถดั ไป


Like this book? You can publish your book online for free in a few minutes!
Create your own flipbook