๕๒ กฎกระทรวง ฉบับท่ี ๑๒๖ (พ.ศ. ๒๕๐๙) ออกตามความในประมวลรัษฎากร ว่าด้วยการยกเว้นรษั ฎากร อาศัยอาํ นาจตามความในมาตรา ๔ และมาตรา ๑๓๔ (๔) แห่งประมวลรัษฎากรซง่ึ แกไ้ ขเพิม่ เติมโดยพระราชบัญญัติแก้ไขเพม่ิ เติมประมวลรษั ฎากร (ฉบบั ที่ ๘) พ.ศ. ๒๔๙๔ และมาตรา ๔๒ (๑๗) แห่งประมวลรษั ฎากร ซึง่ แก้ไขเพิ่มเติมโดยพระราชบญั ญตั แิ ก้ไขเพม่ิ เตมิ ประมวลรษั ฎากร(ฉบบั ที่ ๑๐) พ.ศ. ๒๔๙๖ รฐั มนตรวี า่ การกระทรวงการคลังออกกฎกระทรวงไวด้ งั ต่อไปนี้ ขอ้ ๑ ใหย้ กเลกิ (๑) กฎกระทรวง ฉบบั ที่ ๑๑๐ (พ.ศ. ๒๕๐๐) ออกตามความในประมวลรัษฎากรวา่ ด้วยการยกเว้นรัษฎากร (๒) กฎกระทรวง ฉบับท่ี ๑๒๔ (พ.ศ. ๒๕๐๖) ออกตามความในประมวลรัษฎากรว่าดว้ ยการยกเว้นรัษฎากร (๓) กฎกระทรวง ฉบบั ท่ี ๑๒๕ (พ.ศ.๒๕๐๗) ออกตามความในประมวลรษั ฎากรวา่ ดว้ ยการยกเว้นรษั ฎากร ข้อ ๒ ให้กาํ หนดเงินได้ต่อไปนเี้ ป็นเงนิ ไดต้ าม (๑๗) ของมาตรา ๔๒ แห่งประมวลรษั ฎากร ซ่ึงแก้ไขเพิ่มเตมิ โดยพระราชบัญญตั ิแก้ไขเพ่ิมเติมประมวลรัษฎากร (ฉบบั ท่ี ๑๐) พ.ศ. ๒๔๙๖ “(๓๖) เงนิ หรอื ผลประโยชนใ์ ด ๆ ท่ไี ดร้ บั จากกองทุนสํารองเลย้ี งชีพตามกฎหมายว่าด้วยกองทุนสํารองเลย้ี งชีพ ดงั ต่อไปนี้ (ก) เงินหรือผลประโยชน์ใด ๆ ท่ีได้รับเนอ่ื งจากลูกจ้างออกจากงานเพราะตายทุพพลภาพหรอื เกษยี ณอายตุ ามข้อบังคับของกองทุนสํารองเลี้ยงชีพนน้ั (ข) เงินหรือผลประโยชนใ์ ด ๆ ท่มี สี ิทธไิ ด้รับจากกองทนุ สํารองเลย้ี งชีพ เน่อื งจากลูกจ้างออกจากงานในกรณีอื่นนอกจาก (ก) แตเ่ ม่ือออกจากงานแลว้ ได้คงเงนิ หรือผลประโยชนน์ น้ั ไวท้ ้งัจาํ นวนในกองทุนสาํ รองเล้ยี งชพี และตอ่ มาไดร้ บั เงินหรอื ผลประโยชนห์ ลังจากลกู จ้างผนู้ ั้นตาย ทพุ พลภาพหรือครบกําหนดเวลาเกษียณอายตุ ามข้อบังคับของกองทนุ สํารองเล้ยี งชพี นั้น ทั้งนี้ ตามหลักเกณฑ์ เงื่อนไขและวธิ กี ารทอี่ ธิบดีกรมสรรพากรกําหนด”(แก้ไขเพิม่ เติมโดยกฎกระทรวง ฉบบั ที่ ๒๗๗ (พ.ศ. ๒๕๕๓) ใชบ้ งั คบั สาํ หรบั เงนิ ได้พึงประเมินท่ไี ดร้ ับตง้ั แต่วนั ที่ ๑ มกราคม พ.ศ. ๒๕๕๓ เปน็ ตน้ ไป) “(๔๔) เงินหรือผลประโยชน์ใด ๆ ทไี่ ดร้ ับจากกองทนุ บําเหน็จบํานาญขา้ ราชการตามกฎหมาย ว่าดว้ ยกองทุนบาํ เหน็จบาํ นาญขา้ ราชการ ดงั ตอ่ ไปน้ี (ก) เงินหรือผลประโยชนใ์ ด ๆ ที่ได้รับ เนอ่ื งจากสมาชิกกองทุนบําเหน็จบาํ นาญข้าราชการออกจากราชการเพราะตาย เหตุทุพพลภาพ เหตุทดแทน หรือเหตุสูงอายุ ศูนยว์ ิเคราะหข์ อ้ มลู การเสียภาษีเงนิ ไดบ้ คุ คลธรรมดา
๕๓ (ข) เงินหรอื ผลประโยชน์ใด ๆ ท่มี ีสิทธิไดร้ บั จากกองทนุ บําเหนจ็ บํานาญขา้ ราชการเนอ่ื งจากสมาชิกกองทนุ บาํ เหนจ็ บาํ นาญขา้ ราชการออกจากราชการในกรณีอ่ืนนอกจาก (ก) แต่เมือ่ ออกจากราชการแล้วได้คงเงนิ หรือผลประโยชนน์ ั้นไวท้ ง้ั จํานวนในกองทนุ บําเหนจ็ บํานาญขา้ ราชการ และต่อมาได้รับเงินหรอื ผลประโยชนห์ ลังจากสมาชกิ ผูน้ น้ั ตาย ทุพพลภาพ หรืออายุครบหกสบิ ปบี รบิ ูรณ์ ท้ังนี้ ตามหลักเกณฑ์ เง่อื นไข และวธิ ีการทอี่ ธิบดีกรมสรรพากรกําหนด”(แก้ไขเพิ่มเติมโดยกฎกระทรวง ฉบบั ที่ ๒๗๗ (พ.ศ. ๒๕๕๓) ใช้บังคบั สําหรบั เงนิ ได้พึงประเมินที่ได้รับตัง้ แต่วันที่ ๑ มกราคม พ.ศ. ๒๕๕๓ เป็นต้นไป) “(๕๑) ค่าชดเชยท่ลี กู จ้างได้รบั ตามกฎหมายว่าด้วยการคุ้มครองแรงงานและคา่ ชดเชยที่พนักงานไดร้ ับตามกฎหมายว่าดว้ ยพนักงานรฐั วสิ าหกจิ สมั พันธ์ แตไ่ มร่ วมถึงคา่ ชดเชยท่ีลูกจ้างหรอื พนักงานไดร้ บั เพราะเหตุเกษยี ณอายหุ รือสิ้นสดุ สัญญาจ้าง ทง้ั น้ีเฉพาะคา่ ชดเชยสว่ นที่ไม่เกินค่าจ้างหรือเงนิ เดือนคา่ จ้างของการทาํ งานสามรอ้ ยวนั สุดทา้ ยแตไ่ มเ่ กนิ สามแสนบาท”(แก้ไขเพิ่มเติมโดยกฎกระทรวง ฉบับท่ี ที่ ๒๑๗ (พ.ศ.๒๕๔๒) ใช้บงั คับสําหรับเงนิ ไดพ้ ึงประเมินที่ได้รับต้ังแต่๑ มกราคม ๒๕๔๑ เปน็ ตน้ ไป) “(๕๗) เงินหรอื ผลประโยชนใ์ ด ๆ ที่ครใู หญ่หรอื ครูโรงเรยี นเอกชนได้รับจากกองทุนสงเคราะหต์ ามกฎหมายว่าด้วยโรงเรยี นเอกชน เมอ่ื ครูใหญ่หรือครโู รงเรยี นเอกชนออกจากงานเพราะเหตุสูงอายุ ทุพพลภาพ หรือตาย ท้งั นี้ ตามหลักเกณฑ์ เง่อื นไข และวธิ ีการท่ีอธิบดีกรมสรรพากรกาํ หนด”(แก้ไขเพิม่ เติมโดยกฎกระทรวง ฉบับท่ี ๒๓๓ (พ.ศ.๒๕๔๔) ใชบ้ งั คบั ๑ มกราคม ๒๕๔๓ เปน็ ตน้ ไป) “(๖๔) บาํ เหน็จดาํ รงชพี ตามกฎหมายวา่ ด้วยบําเหน็จบาํ นาญข้าราชการ และกฎหมายวา่ด้วยกองทุนบําเหน็จบาํ นาญข้าราชการ ทั้งน้ี ต้งั แต่วันที่ ๑๑ พฤศจกิ ายน พ.ศ.๒๕๔๖”(แก้ไขเพิ่มเติมโดยกฎกระทรวง ฉบับท่ี ๒๔๕ ใช้บังคบั ๑๐ มีนาคม ๒๕๔๗ เป็นตน้ ไป) “(๗๓) เงินที่มีลักษณะเดียวกับบาํ เหน็จดาํ รงชีพตามกฎหมายว่าด้วยบําเหน็จบํานาญข้าราชการและกฎหมายว่าดว้ ยกองทุนบําเหนจ็ บํานาญข้าราชการ ซงึ่ พนักงานการทา่ เรอืแหง่ ประเทศไทย พนักงานการรถไฟแห่งประเทศไทย และพนักงานธนาคารออมสนิ ไดร้ ับ โดยมอี ตั ราและวธิ ีการคํานวณเชน่ เดียวกบั บําเหน็จดาํ รงชีพตามกฎหมายวา่ ด้วยบาํ เหนจ็ บํานาญข้าราชการและกฎหมายว่าด้วยกองทนุ บําเหน็จบาํ นาญข้าราชการ ท้ังนี้ ตงั้ แตว่ นั ที่ ๑๐ มีนาคม ๒๕๔๗เป็นตน้ ไป”(แก้ไขเพมิ่ เติมโดยกฎกระทรวง ฉบบั ที่ ๒๕๘ (พ.ศ.๑๐ มนี าคม ๒๕๔๙) ใช้บังคบั ๑๐ มีนาคม ๒๕๔๗ เปน็ต้นไป) “(๗๙) เงินได้ทม่ี ลี ักษณะเดียวกบั บําเหนจ็ ดํารงชพี ตามกฎหมายว่าด้วยบาํ เหนจ็ บํานาญข้าราชการและกฎหมายว่าด้วยกองทนุ บาํ เหนจ็ บํานาญข้าราชการ ซึ่งเจา้ หน้าท่สี ภากาชาดไทยไดร้ ับ โดยมีอตั ราและวิธีการคาํ นวณเช่นเดยี วกบั บาํ เหนจ็ ดํารงชีพตามกฎหมายว่าดว้ ยบาํ เหน็จบํานาญขา้ ราชการและกฎหมายว่าดว้ ยกองทนุ บําเหนจ็ บํานาญขา้ ราชการ”(แก้ไขเพม่ิ เติมโดยกฎกระทรวง ฉบบั ที่ ๒๖๘ (พ.ศ.๒๕๕๒) ใชบ้ ังคับ ๖ มนี าคม ๒๕๕๒ เปน็ ตน้ ไป) ศนู ย์วเิ คราะหข์ อ้ มูลการเสยี ภาษเี งนิ ได้บคุ คลธรรมดา
๕๔ กฎกระทรวง ฉบับท่ี ๒๗๒ (พ.ศ. ๒๕๕๒ ) ออกตามความในประมวลรษั ฎากร ว่าดว้ ยการยกเวน้ รัษฎากร อาศยั อาํ นาจตามความในมาตรา ๔ แหง่ ประมวลรัษฎากร ซ่งึ แกไ้ ขเพ่ิมเติมโดยพระราชบญั ญัติแก้ไขเพิม่ เติมประมวลรษั ฎากร (ฉบับท่ี ๒๐) พ.ศ. ๒๕๑๓ และมาตรา ๔๒(๑๗) แหง่ ประมวลรัษฎากร ซง่ึ แก้ไขเพ่ิมเติมโดยพระราชบญั ญตั ิแก้ไขเพ่มิ เติมประมวลรษั ฎากร (ฉบับท่ี ๑๐) พ.ศ. ๒๔๙๖ อันเป็นกฎหมายทมี่ ีบทบญั ญตั บิ างประการเก่ียวกับการจาํ กัดสิทธิและเสรภี าพของบุคคล ซ่ึงมาตรา ๒๙ประกอบกบั มาตรา ๓๓ และมาตรา ๔๑ ของรฐั ธรรมนูญแหง่ ราชอาณาจักรไทย บญั ญตั ิให้กระทําไดโ้ ดยอาศยั อาํ นาจตามบทบญั ญัติแห่งกฎหมาย รัฐมนตรีว่าการกระทรวงการคลังออกกฎกระทรวงไว้ ดงั ตอ่ ไปนี้ ข้อ ๑ กาํ หนดใหเ้ งินได้ดังตอ่ ไปน้เี ปน็ เงนิ ไดพ้ ึงประเมินที่ได้รับยกเว้นไมต่ ้องรวมคาํ นวณเพื่อเสียภาษีเงินได้ (๑) เงินชว่ ยเหลอื ผู้ซึ่งออกจากราชการตามมาตรการปรบั ปรงุ อัตรากาํ ลังของสว่ นราชการตามพระราชกฤษฎีกาเงินช่วยเหลือผ้ซู งึ่ ออกจากราชการตามมาตรการปรบั ปรุงอัตรากําลังของส่วนราชการ พ.ศ. ๒๕๕๑ (๒) เงนิ หรือผลประโยชนใ์ ด ๆ ท่ีสมาชิกกองทุนบาํ เหน็จบํานาญขา้ ราชการไดร้ บัจากกองทุนบาํ เหนจ็ บํานาญข้าราชการตามกฎหมายว่าด้วยกองทนุ บาํ เหนจ็ บาํ นาญขา้ ราชการ เมอ่ื ออกจากราชการตาม (๑) ข้อ ๒ กฎกระทรวงนี้ให้ใชบ้ งั คับสําหรบั เงนิ ได้พึงประเมนิ ประจาํ ปี พ.ศ. ๒๕๕๑ ถึง พ.ศ.๒๕๕๕ ให้ไว้ ณ วันที่ ๒๐ กรกฎาคม พ.ศ. ๒๕๕๒ กรณ์ จาตกิ วณชิ รัฐมนตรวี า่ การกระทรวงการคลัง ศนู ย์วเิ คราะห์ข้อมลู การเสยี ภาษีเงนิ ไดบ้ คุ คล
๕๕ ประกาศอธิบดกี รมสรรพากร เกี่ยวกับภาษีเงนิ ได้ (ฉบบั ท่ี 45)เรือ่ ง กําหนดหลกั เกณฑ์ วธิ ีการ และเงือ่ นไข ของเงินได้พงึ ประเมนิ ตามมาตรา 40(1) และ (2) แหง่ประมวลรัษฎากร ซง่ึ นายจ้างจา่ ยใหค้ รง้ั เดียวเพราะเหตุออกจากงาน ตามมาตรา 48 (5) และมาตรา 50(1) แหง่ ประมวลรษั ฎากร ---------------------------------------------------------- อาศยั อาํ นาจตามความในมาตรา 48(5) และมาตรา 50(1) แห่งประมวลรัษฎากรซง่ึ แก้ไขเพ่มิ เติมโดยพระราชกําหนดแกไ้ ขเพิ่มเตมิ ประมวลรัษฎากร (ฉบับท่ี 16) พ.ศ. 2534 อธบิ ดีกรมสรรพากรกาํ หนดลักษณะของเงนิ ได้พึงประเมินตามมาตรา 40(1) และ (2) แห่งประมวลรษั ฎากร ซึง่เป็นเงนิ ทีน่ ายจา้ งจา่ ยให้ครงั้ เดียวเพราะเหตุออกจากงาน และจา่ ยตามหลักเกณฑ์ วธิ ีการ และเง่ือนไขดังต่อไปน้ี ขอ้ 1 เงินได้พึงประเมินตามมาตรา 40(1) และ (2) ซึ่งเป็นเงินที่นายจา้ งจ่ายให้คร้งั เดยี วเพราะเหตอุ อกจากงานใหห้ มายถึงเงินไดด้ งั น้ี (ก) เงินไดท้ ่ีคํานวณตามหลกั เกณฑ์ และวิธกี ารเชน่ เดียวกับวิธกี ารคํานวณบาํ เหนจ็ ตามกฎหมายวา่ ดว้ ยบําเหนจ็ บาํ นาญขา้ ราชการ (ข) เงินทจี่ ่ายจากกองทนุ ตามกฎหมายวา่ ด้วยกองทุนสํารองเลย้ี งชพี หรือกองทุนตามกฎหมายวา่ ดว้ ยกองทนุ บําเหน็จบํานาญขา้ ราชการ (ค) เงนิ ชดเชยตามกฎหมายแรงงาน (ง) เงนิ ได้พึงประเมินทจ่ี ่ายให้คร้ังเดียวเพราะเหตุออกจากงานทีม่ วี ธิ ีการคาํ นวณแตกต่างไปจากวิธกี ารตาม (ก) ขอ้ 2 เงนิ ได้พงึ ประเมนิ ตามข้อ 1 ทผี่ มู้ ีเงนิ ได้จะเลอื กเสียภาษแี ยกตา่ งหากจากเงนิ ได้อืน่ ตามมาตรา 48(5) แหง่ ประมวลรัษฎากรได้ จะต้องมเี งื่อนไขดังน้ี (ก) เปน็ เงินได้ทจี่ า่ ยให้เนื่องจากออกจากงานทม่ี ีระยะเวลาทาํ งานไม่น้อยกว่า 5 ปี (ข) ในกรณีทีม่ กี ารจา่ ยเงินได้ตามข้อ 1 จากผ้จู า่ ยรายเดียวกันหลายครั้ง ไมว่ ่าจะแบ่งจ่ายจากเงนิ ประเภทเดยี วกันหรือหลายประเภท ผู้มีเงินได้จะเลือกเสยี ภาษตี ามมาตรา 48(5)แหง่ ประมวลรัษฎากร ไดเ้ ฉพาะเงินได้ที่ได้จ่ายในปีภาษีแรกทม่ี ีการจ่ายเงนิ ได้ดงั กล่าวเท่าน้ัน ความในวรรคหนึ่งมิใหใ้ ชบ้ ังคบั แกก่ รณีที่มีการจ่ายเงินได้ตามขอ้ 1 ให้แก่ข้าราชการซ่ึงได้ลาออกจากราชการตามโครงการท่ีจัดตงั้ ข้นึ ตามมตคิ ณะรัฐมนตรี ซง่ึ มีวัตถุประสงค์ในการให้เงินช่วยเหลือแก่ขา้ ราชการซง่ึ ลาออกจากราชการก่อนเกษยี ณอายุ (ค) ผูม้ เี งนิ ไดจ้ ะเลือกเสียภาษีในกรณนี ไ้ี ด้เฉพาะกรณีท่ีผ้มู ีเงนิ ได้ไมน่ ําเงินไดพ้ ึงประเมนิดงั กล่าวไปรวมคํานวณภาษตี ามมาตรา 48 (1) และ (2) แห่งประมวลรัษฎากร ไมว่ ่าทงั้ หมดหรอื บางสว่ น ศูนย์วเิ คราะหข์ อ้ มูลการเสียภาษเี งินได้บุคคลธรรมดา
๕๖ ขอ้ 3 การเลอื กเสียภาษีตามมาตรา 48 (5) แหง่ ประมวลรัษฎากร สาํ หรับเงนิ ไดต้ ามข้อ 1 ให้เป็นไปตามหลักเกณฑ์ วธิ ีการ และเงื่อนไข ดังน้ี (1) กรณไี ด้รบั เงนิ ที่นายจ้างจา่ ยให้คร้งั เดียวเพราะเหตุออกจากงานตามข้อ 1 (ก) และหรอื(ข) และหรือ (ค) ให้นาํ เงินได้พึงประเมนิ ดงั กล่าวมาเลอื กเสียภาษโี ดยหักค่าใชจ้ า่ ยตามเกณฑ์ท่ีกําหนดในมาตรา 48 (5) แหง่ ประมวลรษั ฎากร ได้ท้ังจํานวน (2) กรณไี ด้รับเงินที่นายจา้ งจ่ายให้ครงั้ เดียวเพราะเหตุออกจากงานนอกจากกรณีตามขอ้ 1(ก) และหรอื (ข) และหรือ (ค) ประเภทเดียวหรอื หลายประเภทก็ตาม โดยจ่ายให้พรอ้ มกัน หรือทยอยจ่ายให้แต่อยใู่ นปภี าษเี ดยี วกัน หากเงนิ ไดพ้ ึงประเมนิ นรี้ วมกนั แลว้ ไมเ่ กินกวา่ จาํ นวนเงนิ เดือนเดือนสุดทา้ ยคูณด้วยปที ที่ ํางาน ใหน้ าํ เงนิ ได้พึงประเมนิ ดงั กลา่ วมาเลือกเสยี ภาษี โดยหกั ค่าใชจ้ ่ายตามเกณฑท์ ี่กําหนดในมาตรา48 (5) แห่งประมวลรัษฎากรไดท้ งั้ จาํ นวน ในกรณเี งินได้ตามวรรคหน่ึงมจี าํ นวนเกนิ กวา่ เกณฑท์ ี่กาํ หนดไว้ตามวรรคหน่ึงใหน้ ําเงินไดพ้ ึงประเมินดงั กล่าวมาเลือกเสยี ภาษี โดยหกั คา่ ใชจ้ ่ายตามเกณฑ์ท่ี กาํ หนดในมาตรา 48 (5) แหง่ ประมวลรษั ฎากร ได้เฉพาะสว่ นทีไ่ ม่เกินกว่าจาํ นวนเงนิ เดอื นสดุ ท้ายคณู ดว้ ยจํานวนปที ี่ทํางาน ความในวรรคหนงึ่ มใิ หใ้ ชบ้ ังคบั แก่กรณีขา้ ราชการซึ่งไดล้ าออกจากราชการตามโครงการท่ีจดั ตั้งขนึ้ ตามมติคณะรฐั มนตรี ซึง่ มีวตั ถุประสงค์ในการใหเ้ งินช่วยเหลอื แกข่ า้ ราชการซึ่งลาออกจากราชการก่อนเกษยี ณอายุ และไดร้ ับเงินท่นี ายจา้ งจ่ายให้ครง้ั เดียวเพราะเหตุออกจากงานตามโครงการดังกลา่ ว โดยใหน้ ําเงนิ ได้พึงประเมนิ ดงั กล่าวมาเลือกเสียภาษโี ดยหักคา่ ใช้จ่ายตามเกณฑ์ทก่ี าํ หนดในมาตรา48(5) แหง่ ประมวลรัษฎากร ได้ท้งั จาํ นวน (3) กรณีไดร้ ับเงนิ ทนี่ ายจา้ งจา่ ยให้ครั้งเดยี วเพราะเหตุออกจากงานตามข้อ 1 (ก) และหรือ(ข) และหรอื (ค) และยงั ได้รับเงินที่นายจา้ งจา่ ยให้ครง้ั เดยี วเพราะเหตุออกจากงาน ประเภทอน่ื ๆ ตาม (ง)อีก โดยจา่ ยใหพ้ ร้อมกนั หรอื ทยอยจา่ ยให้แต่อยใู่ นปีภาษีเดยี วกันใหน้ ําเงนิ ได้พงึ ประเมินน้ันมาเลอื กเสียภาษีโดยหกั คา่ ใช้จา่ ยตามเกณฑท์ ่ีกําหนดในมาตรา 48(5) แหง่ ประมวลรัษฎากร ได้เฉพาะส่วนทไ่ี ม่เกนิ เงินได้ตามข้อ 1(ก) และหรือ (ข) และหรือ (ค) และหรอื (ง) โดยหากเงนิ ที่นายจา้ งจา่ ยให้ครั้งเดยี วเพราะเหตอุ กจากงานตาม (ง) มจี าํ นวนเกนิ กวา่ เงินเดือนเดือนสุดทา้ ยคูณด้วยปีทท่ี ํางานกใ็ ห้นําเงินได้ตาม (ง) มาคํานวณเพ่ือหักค่าใชจ้ า่ ยได้เพยี งจํานวนเงินเดอื นเดือนสดุ ท้ายคูณดว้ ยปีท่ีทํางาน ในกรณีเงนิ ได้ตาม (ง) มจี าํ นวนไม่เกนิ กว่าเงนิ เดือนเดือนสดุ ท้ายคณู ดว้ ยปีที่ทาํ งาน ใหน้ ําเงนิ ได้พึงประเมนิ ตาม (ง) มาคาํ นวณเพ่ือหกั คา่ ใชจ้ ่ายได้ทั้งจํานวน ความในวรรคหน่ึงมิใหใ้ ช้บังคบั แกก่ รณีข้าราชการซง่ึ ไดล้ าออกจากราชการตามโครงการทีจ่ ดั ตัง้ ขึน้ ตามมติคณะรัฐมนตรี ซึง่ มีวตั ถุประสงค์ในการให้เงินช่วยเหลอื แกข่ า้ ราชการซึ่งลาออกจากราชการกอ่ นเกษยี ณอายุ โดยไดร้ บั เงินท่นี ายจ้างจ่ายให้คร้ังเดยี วเพราะเหตุออกจากงานตามข้อ (1) ก และยงั ไดร้ บัเงินทีน่ ายจา้ งจ่ายให้ครง้ั เดียวเพราะเหตุออกจากงานตามโครงการดงั กล่าวอีก โดยใหน้ ําเงินได้พงึ ประเมนิดงั กล่าวมาเลอื กเสียภาษี โดยหกั คา่ ใชจ้ ่ายตามเกณฑ์ท่ีกําหนดในมาตรา 48(5) แหง่ ประมวลรัษฎากร ได้ทั้งจาํ นวน ศูนย์วเิ คราะห์ข้อมลู การเสยี ภาษเี งินไดบ้ คุ คลธรรมดา
๕๗ (4) เงนิ เดอื นเดอื นสุดทา้ ยคณู ดว้ ยปที ่ีทํางานตาม (2) และ (3) หมายความถึง จาํ นวนเงนิ เดอื นสําหรับระยะเวลาเต็มเดือนเดือนสุดทา้ ยคูณด้วยจํานวนปที ่ีทํางาน ซึ่งเงินเดอื นสําหรับระยะเวลาเตม็ เดอื นเดอื นสุดท้ายน้ี จะต้องไมเ่ กนิ เงนิ เดือนถวั เฉล่ียของ 12 เดอื นสุดท้ายก่อนออกจากงานบวกด้วยร้อยละ 10 ของเงนิ เดือนถัวเฉลี่ยน้นั ข้อ 4 การคาํ นวณหักภาษเี งินได้ ณ ทจ่ี ่าย ตามมาตรา 50(1) แหง่ ประมวลรษั ฎากร สําหรบั เงินได้พงึ ประเมินทีเ่ ป็นเงนิ ซ่ึงนายจา้ งจ่ายให้ครั้งเดยี วเพราะเหตอุ อกจากงานตามขอ้ 1 ให้นาํ เงินได้พึงประเมินดังกล่าวมาคาํ นวณภาษตี ามหลักเกณฑ์ วธิ ีการ และเงื่อนไขทีก่ าํ หนดไว้ตามข้อ 2 และขอ้ 3 ข้อ 5 ในกรณเี งินได้พงึ ประเมินที่เปน็ เงินซ่ึงนายจ้างจา่ ยให้คร้ังเดียวเพราะเหตอุ อกจากงานตามขอ้ 1 ผ้มู ีเงนิ ไดจ้ ะเลือกเสยี ภาษีตามมาตรา 48(5) แหง่ ประมวลรษั ฎากร ตามหลักเกณฑ์ วิธีการ และเงื่อนไขตามขอ้ 2 และข้อ 3 ดงั กลา่ วขา้ งต้น โดยให้คํานวณและชาํ ระภาษีถ้ามีพร้อมกบั การยืน่ แบบแสดงรายการภาษเี งนิ ไดบ้ ุคคลธรรมดา ในกรณีเงนิ ไดพ้ ึงประเมนิ ตามวรรคหน่ึงท่ีเปน็ เงินซึ่งนายจ้างจา่ ยให้ครั้งเดียวเพราะเหตุออกจากงาน ท่ไี ด้รับจากนายจา้ งต่างรายกัน ผมู้ ีเงนิ ไดจ้ ะเลือกเสยี ภาษีตามมาตรา 48(5) แหง่ ประมวลรัษฎากร ตามหลักเกณฑ์ วธิ ีการ และเงอ่ื นไขตามข้อ 2 และข้อ 3 ดังกลา่ วขา้ งตน้ โดยนาํ เงินได้พึงประเมินดงั กล่าวรวมกนั แลว้ ให้คํานวณและชําระภาษถี ้ามี พร้อมกับการยื่นแบบแสดงรายการภาษเี งนิ ไดบ้ ุคคลธรรมดา แต่สําหรบั จํานวนปที ท่ี ํางาน ใหถ้ อื จํานวนปที ี่ทํางานกับนายจา้ งในรายท่มี จี ํานวนปีท่ีทํางานมากทสี่ ุด ข้อ 6 ประกาศนใ้ี ห้ใชบ้ งั คับสําหรับเงนิ ได้พึงประเมนิ ประจํา พ.ศ. 2535 ทจี่ ะตอ้ งยืน่ รายการในพ.ศ. 2536 เปน็ ตน้ ไป ประกาศ ณ วันท่ี 24 กันยายน พ.ศ. 2535 โกวทิ ย์ โปษยานนท์ อธบิ ดีกรมสรรพากร ศูนยว์ เิ คราะหข์ อ้ มลู การเสยี ภาษีเงนิ ไดบ้ ุคคลธรรมดา
๕๘ ประกาศอธิบดีกรมสรรพากร เกี่ยวกับภาษเี งินได้ (ฉบบั ท่ี 99)เรอ่ื ง กําหนดหลกั เกณฑ์ เง่ือนไข และวธิ กี าร สําหรับกรณคี รูใหญ่หรือครโู รงเรยี นเอกชน ออกจากงานเพราะเหตสุ งู อายุ ทุพพลภาพ หรือตาย อาศยั อํานาจตามความในข้อ 2(57) แห่งกฎกระทรวง ฉบบั ท่ี 126 (พ.ศ. 2509) ออกตามความในประมวลรษั ฎากร ว่าด้วยการยกเว้นรษั ฎากร ซงึ่ แกไ้ ขเพ่ิมเตมิ โดยกฎกระทรวง ฉบบั ที่ 233 (พ.ศ. 2544)ออกตามความในประมวลรัษฎากร วา่ ดว้ ยการยกเว้นรัษฎากร อธิบดี กรมสรรพากรกาํ หนดหลักเกณฑ์เง่ือนไข และวธิ กี าร เกี่ยวกบั กรณคี รูใหญ่หรือครูโรงเรียนเอกชน ออกจากงานเพราะเหตุสงู อายุ ทพุ พลภาพหรอื ตาย ดงั ต่อไปนี้ ข้อ 1 เงนิ หรอื ผลประโยชนใ์ ด ๆ ทค่ี รูใหญ่หรือครโู รงเรียนเอกชนได้รับจาก กองทุนสงเคราะหต์ ามกฎหมายว่าดว้ ยโรงเรยี นเอกชน เม่อื ครูใหญห่ รอื ครโู รงเรยี นเอกชนออกจากงานเพราะเหตสุ ูงอายุ ทุพพลภาพ หรือตาย ท่จี ะได้รบั ยกเว้นไม่ต้องรวมคาํ นวณเพือ่ เสยี ภาษเี งนิ ไดบ้ ุคคลธรรมดาน้ัน ต้องเป็นไปตามหลักเกณฑ์ เงอ่ื นไข และวธิ กี าร ดังนี้ (1) กรณเี หตสุ งู อายุ ครใู หญห่ รือครโู รงเรยี นเอกชนตอ้ งออกจากงานเมื่อมีอายไุ ม่ต่าํ กวา่ 55 ปีบริบูรณ์ และมีระยะเวลาทํางานกับโรงเรยี นเอกชนที่ทาํ งานอยกู่ ่อนออกจากงานไมน่ ้อยกว่า 5 ปีบรบิ รู ณ์ (2) กรณีทุพพลภาพ ต้องเป็นกรณีท่ีแพทยท์ ่ีทางราชการรบั รองได้ตรวจและแสดงความเหน็ วา่ครใู หญห่ รอื ครูโรงเรยี นเอกชนผู้นนั้ ไม่สามารถประกอบอาชพี ครูตอ่ ไปได้ (3) กรณีตาย ไมว่ า่ การตายน้ันจะเกิดจากการปฏบิ ตั งิ านหรือไม่ท้ังน้ี ครูใหญห่ รือครูโรงเรียนเอกชนต้องมีการสง่ เงินสมบทเขา้ กองทนุ สงเคราะหต์ ามกฎหมายวา่ ดว้ ยโรงเรยี นเอกชน และต้องมีหลักฐานจากโรงเรียนเอกชนเพื่อรับรองวา่ ครใู หญห่ รือครโู รงเรียนเอกชนออกจากงานเพราะเหตุสงู อายุ ทุพพลภาพ หรอื ตาย แลว้ แต่กรณมี าแสดงดว้ ย ข้อ 2 ประกาศนใี้ ห้ใช้บงั คบั สําหรบั เงินได้พึงประเมินท่ไี ด้รับตงั้ แตว่ ันท่ี 1 มกราคม พ.ศ. 2543 เปน็ต้นไป ให้ไว้ ณ วันที่ 29 พฤศจกิ ายน พ.ศ. 2544 นายศภุ รัตน์ ควัฒนก์ ลุ อธบิ ดกี รมสรรพากร ศนู ย์วเิ คราะหข์ ้อมลู การเสียภาษเี งนิ ได้บุคคลธรรมดา
๕๙ ประกาศอธบิ ดีกรมสรรพากร เกย่ี วกบั ภาษเี งินได้ (ฉบับที่ ๑๘๘) เรือ่ ง กาํ หนดหลักเกณฑ์ เงื่อนไข และวธิ ีการ เพ่ือการยกเวน้ ภาษเี งินได้ สาํ หรับเงินหรอื ผลประโยชน์ใด ๆ ทไี่ ดร้ ับจากกองทุนสาํ รองเล้ียงชีพ ตามกฎหมายว่าด้วยกองทนุ สาํ รองเลีย้ งชีพ ----------------------------------------- อาศยั อํานาจตามความในขอ้ ๒ (๓๖) แห่งกฎกระทรวง ฉบับที่ ๑๒๖ (พ.ศ. ๒๕๐๙) ออกตามความในประมวลรัษฎากร วา่ ดว้ ยการยกเวน้ รษั ฎากร ซง่ึ แกไ้ ขเพิ่มเตมิ โดยกฎกระทรวง ฉบับท่ี ๒๗๗(พ.ศ. ๒๕๕๓) ออกตามความในประมวลรัษฎากร ว่าดว้ ยการยกเว้นรษั ฎากร อธบิ ดีกรมสรรพากร กาํ หนดหลกั เกณฑ์ เงอ่ื นไข และวธิ ีการ เพอื่ การยกเวน้ ภาษเี งนิ ไดส้ ําหรับเงนิ หรือผลประโยชนใ์ ด ๆ ทไ่ี ด้รบั จากกองทนุ สํารองเล้ียงชีพตามกฎหมายว่าด้วยกองทุนสาํ รองเลี้ยงชพี เนอ่ื งจากลกู จา้ งออกจากงานเพราะตายทพุ พลภาพ หรือเกษียณอายุตามขอ้ บังคบั ของกองทนุ สาํ รองเล้ยี งชีพ หรอื ลกู จ้างออกจากงานกรณีอ่ืนแต่ได้คงเงินหรอื ผลประโยชน์นัน้ ไว้ทง้ั จํานวนในกองทุนสํารองเล้ยี งชพี และต่อมาไดร้ ับเงินหรอื ผลประโยชน์หลังจากลูกจ้างผนู้ ้นั ตาย ทุพพลภาพ หรอื ครบกําหนดเกษียณอายุตามข้อบงั คับของกองทุนสาํ รองเล้ยี งชีพดงั ตอ่ ไปน้ี ข้อ ๑ ใหย้ กเลิกประกาศอธบิ ดีกรมสรรพากร เกี่ยวกับภาษเี งินได้ (ฉบบั ที่ ๕๒) เรอื่ งกําหนดหลกั เกณฑ์ เงื่อนไขและวิธกี าร สาํ หรับกรณลี กู จา้ งออกจากงานเพราะเกษยี ณอายุ ทุพพลภาพ หรอืตาย ลงวนั ท่ี ๑๖ กุมภาพนั ธ์ พ.ศ. ๒๕๓๘ ข้อ ๒ ในประกาศน้ี “กองทุนสํารองเลีย้ งชีพ” หมายความว่า กองทุนสํารองเลี้ยงชีพตามกฎหมายวา่ ด้วยกองทนุ สาํ รองเล้ียงชพี “กองทุนบาํ เหน็จบาํ นาญขา้ ราชการ” หมายความวา่ กองทุนบําเหน็จบํานาญข้าราชการตามกฎหมายวา่ ด้วยกองทนุ บําเหนจ็ บาํ นาญข้าราชการ ข้อ ๓ เงนิ หรือผลประโยชน์ใด ๆ ทไ่ี ดร้ ับจากกองทนุ สํารองเลีย้ งชีพเนื่องจากลูกจ้างออกจากงานเพราะตาย ทพุ พลภาพ หรอื เกษียณอายุตามข้อบงั คบั ของกองทุนสาํ รองเลี้ยงชีพ ทีจ่ ะไดร้ บั ยกเวน้ ไม่ต้องรวมคาํ นวณเพ่ือเสยี ภาษีเงนิ ได้บคุ คลธรรมดาน้นั ตอ้ งเป็นไปตามหลักเกณฑ์ เง่ือนไข และวิธกี าร ดังนี้ (๑) กรณลี กู จ้างออกจากงานเพราะตาย ตอ้ งมหี ลกั ฐานท่ีแสดงถึงการตาย ศูนยว์ ิเคราะหข์ อ้ มลู การเสียภาษเี งนิ ไดบ้ ุคคลธรรมดา
๖๐ (๒) กรณีลูกจา้ งออกจากงานเพราะทุพพลภาพต้องมีหลกั ฐานจากแพทย์ ซึ่งไดข้ ้ึนทะเบยี นรับใบอนุญาตประกอบวิชาชีพเวชกรรมได้ตรวจและแสดงความเห็นว่าทพุ พลภาพ (๓) กรณีลกู จา้ งออกจากงานเพราะเกษยี ณอายุ ต้องเกษียณอายตุ ามข้อบงั คบั ของกองทุนสํารองเลย้ี งชีพท่มี ีอยูใ่ นเวลาทีอ่ อกจากงาน โดยการเกษยี ณอายุตามข้อบงั คับนนั้ ลูกจ้างต้องมีอายไุ ม่ตํา่ กวา่ ๕๕ ปบี รบิ ูรณ์ และต้องเป็นสมาชิกกองทุนสํารองเล้ียงชีพ ดังนี้ (ก) กรณเี ป็นสมาชกิ กองทนุ สาํ รองเล้ยี งชพี มาโดยตลอด ต้องเป็นสมาชิกมาแลว้ไม่น้อยกวา่ ๕ ปีต่อเน่ืองกัน ถ้าเปน็ สมาชิกยังไม่ถงึ ๕ ปตี ่อเนือ่ งกัน ต้องเปน็ สมาชิกไปจนมรี ะยะเวลาการเป็นสมาชิกไมน่ ้อยกวา่ ๕ ปตี อ่ เนอื่ งกนั หรือ” (ข) กรณีเปน็ สมาชกิ กองทนุ สํารองเล้ียงชพี และเคยเป็นสมาชิกกองทนุ บําเหนจ็บํานาญข้าราชการ โดยไดโ้ อนเงนิ หรือผลประโยชน์ทีไ่ ด้คงไว้ทง้ั จํานวนจากกองทุนบําเหน็จบํานาญขา้ ราชการไปยังกองทุนสํารองเลีย้ งชพี แล้วการเป็นสมาชกิ กองทุนบาํ เหนจ็ บํานาญข้าราชการเม่อื รวมกับการเป็นสมาชกิ กองทุนสาํ รองเลยี้ งชพี แลว้ ตอ้ งไมน่ ้อยกวา่ ๕ ปี การเป็นสมาชิกกองทนุ สาํ รองเลีย้ งชีพตาม (ก) และ (ข) ถ้ามีการโอนเงินหรอื ผลประโยชน์ระหวา่ งกองทนุ สํารองเลี้ยงชพี ให้นบั อายุการเป็นสมาชกิ กองทุนสํารองเล้ียงชพี ต่อเนื่องกัน ท้งั นี้ การรบั เงนิ หรือผลประโยชนใ์ ด ๆ จากกองทนุ สาํ รองเลยี้ งชพี ตามวรรคหนึง่ ใหเ้ ปน็ ไปตามกฎหมายว่าดว้ ยกองทุนสํารองเลย้ี งชพี ข้อ ๔ เงนิ หรอื ผลประโยชน์ใด ๆ ทมี่ ีสทิ ธิได้รับจากกองทุนสาํ รองเล้ียงชีพเน่อื งจากลกู จา้ งออกจากงานในกรณอี ืน่ นอกจากตามข้อ ๓ แลว้ ได้คงเงินหรือผลประโยชน์น้ันไวท้ งั้ จํานวนในกองทุนสาํ รองเลย้ี งชีพและต่อมาได้รับเงินหรือผลประโยชนห์ ลงั จากลูกจ้างผนู้ น้ั ตาย ทพุ พลภาพ หรือครบกําหนดเวลาเกษยี ณอายตุ ามข้อบงั คบั ของกองทุนสาํ รองเล้ียงชีพ ทจี่ ะไดร้ ับยกเว้นไม่ต้องรวมคาํ นวณเพ่อื เสียภาษีเงนิ ได้บคุ คลธรรมดาน้ัน ต้องเป็นไปตามหลกั เกณฑ์ เง่ือนไข และวิธีการ ดงั นี้ (๑) กรณีได้รับเงินหรอื ผลประโยชน์หลงั จากลกู จา้ งผ้นู น้ั ตาย ตอ้ งมีหลกั ฐานที่แสดงถงึ การตาย (๒) กรณไี ด้รบั เงนิ หรือผลประโยชนห์ ลังจากลกู จา้ งผนู้ ้ันทุพพลภาพตอ้ งมีหลักฐานจากแพทย์ซ่งึ ได้ข้ึนทะเบียนรบั ใบอนุญาตประกอบวชิ าชพี เวชกรรมได้ตรวจและแสดงความเหน็ ว่าทุพพลภาพ (๓) กรณไี ด้รบั เงนิ หรือผลประโยชนห์ ลังจากลกู จา้ งผนู้ ั้นครบกําหนดเวลาเกษียณอายุตามข้อบงั คบั ของกองทนุ สํารองเลี้ยงชีพ ตอ้ งเป็นการรับเงนิ หรือผลประโยชนห์ ลงั จากลูกจา้ งผู้นน้ั ครบกําหนดเวลาเกษยี ณอายตุ ามข้อบังคบั ของกองทุนสํารองเลี้ยงชพี ที่มีอยใู่ นเวลาที่ลูกจ้างผนู้ ้ันออกจากงาน โดยการเกษียณอายตุ ามข้อบังคับของกองทุนสํารองเล้ียงชีพนัน้ ลกู จา้ งต้องมีอายุไมต่ ํ่ากวา่ ๕๕ ปีบริบูรณ์ และต้องเปน็ สมาชกิ กองทนุ สํารองเลีย้ งชีพ ดังนี้ ศูนย์วิเคราะห์ขอ้ มูลการเสยี ภาษเี งนิ ไดบ้ ุคคลธรรมดา
๖๑ (ก) กรณเี ปน็ สมาชกิ กองทนุ สํารองเลีย้ งชพี มาโดยตลอด ต้องเปน็ สมาชิกมาแลว้ ไม่น้อยกวา่ ๕ ปีต่อเนื่องกนั ถ้าเปน็ สมาชิกยังไม่ถึง ๕ ปตี อ่ เนอ่ื งกัน ต้องเปน็ สมาชิกไปจนมรี ะยะเวลาการเป็นสมาชกิ ไมน่ ้อยกว่า ๕ ปตี อ่ เน่ืองกนั หรอื ” (ข) กรณเี ป็นสมาชกิ กองทนุ สาํ รองเลี้ยงชีพและเคยเป็นสมาชิกกองทนุบาํ เหนจ็ บาํ นาญข้าราชการ โดยได้โอนเงินหรือผลประโยชน์ท่ไี ด้คงไว้ท้งั จํานวนจากกองทนุ บําเหน็จบํานาญข้าราชการไปยังกองทนุ สํารองเลย้ี งชพี แล้ว การเป็นสมาชิกกองทุนบาํ เหนจ็ บํานาญขา้ ราชการเมอ่ื รวมกับการเปน็ สมาชกิ กองทนุ สาํ รองเลี้ยงชพี แล้ว ต้องไมน่ ้อยกว่า ๕ ปี การเปน็ สมาชกิ กองทุนสาํ รองเล้ยี งชพี ตาม (ก) และ (ข) ถ้ามีการโอนเงินหรอื ผลประโยชนร์ ะหวา่ งกองทุนสํารองเลีย้ งชีพให้นบั อายุการเป็นสมาชิกกองทนุ สํารองเล้ยี งชพีต่อเนือ่ งกนั ทงั้ น้ี การรบั เงนิ หรือผลประโยชนใ์ ด ๆ จากกองทุนสํารองเลยี้ งชีพตามวรรคหน่ึงให้เป็นไปตามกฎหมายว่าดว้ ยกองทนุ สํารองเลยี้ งชีพ ขอ้ ๕ ประกาศน้ใี ห้ใชบ้ งั คบั สาํ หรบั เงนิ ไดพ้ งึ ประเมินท่ีได้รับตั้งแตว่ ันท่ี ๑ มกราคม พ.ศ.๒๕๕๓ เป็นต้นไป ประกาศ ณ วันที่ ๒๖ ตุลาคม พ.ศ. ๒๕๕๓ สาธิต รังคสริ ิ (นายสาธิต รังคสิร)ิ อธบิ ดกี รมสรรพากร ศนู ย์วิเคราะห์ข้อมลู การเสียภาษีเงนิ ไดบ้ ุคคลธรรมดา
๖๒ ประกาศอธิบดีกรมสรรพากร เกยี่ วกับภาษีเงินได้ (ฉบับที่ ๑๘๙) เร่ือง กาํ หนดหลักเกณฑ์ เงื่อนไข และวิธกี าร เพอ่ื การยกเว้นภาษีเงนิ ได้ สาํ หรับเงินหรอื ผลประโยชน์ใดๆ ท่ีได้รับจากกองทุนบาํ เหน็จบํานาญขา้ ราชการ ตามกฎหมายว่าดว้ ยกองทนุ บาํ เหน็จบํานาญข้าราชการ ------------------------------------------- อาศยั อํานาจตามความในข้อ ๒ (๔๔) แห่งกฎกระทรวง ฉบบั ท่ี 126 (พ.ศ. 2509) ออกตามความในประมวลรษั ฎากร วา่ ด้วยการยกเวน้ รัษฎากร ซ่ึงแกไ้ ขเพิม่ เติมโดยกฎกระทรวง ฉบบั ที่ ๒๗๗(พ.ศ. ๒๕๕๓) ออกตามความในประมวลรษั ฎากร ว่าดว้ ยการยกเวน้ รษั ฎากร อธบิ ดี กรมสรรพากร กําหนดหลักเกณฑ์ เงื่อนไข และวิธีการ เพื่อการยกเวน้ ภาษเี งินได้สําหรบั เงินหรอื ผลประโยชน์ใดๆท่ไี ดร้ ับจากกองทนุ บําเหน็จบาํ นาญข้าราชการตามกฎหมายว่าดว้ ยกองทุนบาํ เหนจ็ บาํ นาญข้าราชการ เนื่องจากสมาชิกออกจากราชการเพราะตาย เหตุทุพพลภาพ เหตุทดแทน เหตสุ งู อายุ หรอื สมาชกิ ออกจากราชการในกรณีอน่ื แต่ไดค้ งเงินหรือผลประโยชน์นนั้ ไวท้ ัง้ จาํ นวน ในกองทนุ บาํ เหนจ็ บํานาญขา้ ราชการและต่อมาไดร้ บั เงินหรอื ผลประโยชนห์ ลงั จากสมาชกิ ผูน้ นั้ ตาย ทพุ พลภาพ หรืออายุครบหกสบิ ปบี ริบรู ณ์ดงั ตอ่ ไปนี้ ข้อ ๑ ใหย้ กเลิกประกาศอธิบดีกรมสรรพากร เกย่ี วกับภาษเี งินได้ (ฉบบั ที่ ๗๐) เรอื่ งกําหนดหลกั เกณฑ์ เง่ือนไข และวิธกี าร สาํ หรบั กรณีสมาชิกกองทนุ บาํ เหนจ็ บาํ นาญข้าราชการออกจากราชการ เพราะเหตุสูงอายุ เหตทุ พุ พลภาพ เหตทุ ดแทน หรือตาย ลงวนั ที่ ๑๙ มกราคม พ.ศ. ๒๕๔๑ ข้อ ๒ ในประกาศน้ี “กองทนุ บาํ เหน็จบํานาญข้าราชการ” หมายความวา่ กองทุนบาํ เหนจ็ บาํ นาญขา้ ราชการตามกฎหมายว่าด้วยกองทุนบําเหนจ็ บํานาญขา้ ราชการ ข้อ ๓ เงินหรือผลประโยชนใ์ ด ๆ ที่ได้รบั จากกองทนุ บาํ เหน็จบํานาญขา้ ราชการเนื่องจากสมาชิกกองทุนบําเหน็จบาํ นาญขา้ ราชการออกจากราชการเพราะตาย เหตทุ พุ พลภาพ เหตุทดแทนหรือเหตสุ ูงอายุ ที่จะได้รบั ยกเวน้ ไม่ตอ้ งรวมคํานวณเพอ่ื เสยี ภาษเี งินได้บุคคลธรรมดานั้น ตอ้ งเปน็ ไปตามหลกั เกณฑ์ เงอ่ื นไข และวิธกี าร ดงั นี้ (๑) กรณตี าย สาํ หรบั สมาชกิ ทอ่ี อกจากราชการเพราะถึงแก่ความตายในระหว่างรับราชการ (๒) กรณีเหตทุ ุพพลภาพ สาํ หรับสมาชกิ ท่อี อกจากราชการเพราะปว่ ยเจ็บ ทุพพลภาพ ซ่ึงแพทยท์ ่ีทางราชการรับรองได้ตรวจและแสดงความเหน็ ว่า ไม่สามารถท่ีจะรบั ราชการในตาํ แหน่งหน้าท่ีซง่ึ ปฏบิ ัติอย่นู ั้นตอ่ ไปได้ ศนู ยว์ ิเคราะหข์ อ้ มูลการเสยี ภาษีเงนิ ได้บุคคลธรรมดา
๖๓ (๓) กรณีเหตุทดแทน สาํ หรบั สมาชกิ ทีอ่ อกจากราชการเพราะทางราชการเลกิหรือยบุ ตาํ แหน่ง หรอื มีคําสั่งให้ออกโดยไม่มีความผิด หรือทหารซึ่งออกจากกองหนนุ เบีย้ หวัด (๔) กรณีเหตุสงู อายุ (ก) สําหรบั สมาชกิ ท่ีออกจากราชการเมื่ออายุครบหกสิบปบี ริบรู ณ์แล้ว หรือลาออกเมื่ออายุครบห้าสบิ ปีบริบูรณแ์ ลว้ (ข) สาํ หรับสมาชกิ ที่ลาออกจากราชการเม่ือมีเวลาราชการยส่ี ิบห้าปขี ้นึ ไปแต่อายไุ ม่ครบห้าสบิ ปีบริบูรณ์ และไดล้ าออกจากราชการตามโครงการทจ่ี ัดตัง้ ขึ้นตามมติคณะรัฐมนตรีซึ่งมีวตั ถุประสงคใ์ นการให้เงินชว่ ยเหลือแก่ข้าราชการซงึ่ ลาออกจากราชการก่อนเกษยี ณอายุ ทั้งนี้ การรบั เงินหรอื ผลประโยชนใ์ ดๆ จากกองทนุ บําเหน็จบํานาญข้าราชการตามวรรคหนึง่ ให้เป็นไปตามกฎหมายว่าดว้ ยกองทนุ บาํ เหน็จบาํ นาญขา้ ราชการ ข้อ ๔ เงนิ หรือผลประโยชนใ์ ดๆ ท่มี สี ิทธไิ ด้รบั จากกองทนุ บําเหนจ็ บาํ นาญขา้ ราชการเนอื่ งจากสมาชกิ กองทนุ บาํ เหน็จบํานาญขา้ ราชการออกจากราชการในกรณอี ืน่ นอกจากขอ้ ๓ แต่เม่ือออกจากราชการแลว้ ได้คงเงินหรือผลประโยชน์นั้นไว้ทั้งจํานวนในกองทนุ บาํ เหนจ็ บํานาญขา้ ราชการ และต่อมาไดร้ บั เงินหรือผลประโยชนห์ ลงั จากสมาชิกผนู้ นั้ ตาย ทุพพลภาพ หรืออายุครบหกสิบปีบริบูรณ์ท่จี ะไดร้ ับยกเวน้ ไมต่ ้องรวมคํานวณเพื่อเสียภาษีเงนิ ได้บคุ คลธรรมดาน้นั ต้องเปน็ ไปตามกฎหมายว่าดว้ ยกองทนุบาํ เหน็จบาํ นาญข้าราชการ ข้อ ๕ ประกาศนี้ใหใ้ ช้บังคับสาํ หรบั เงนิ ได้พงึ ประเมินทไ่ี ดร้ ับต้ังแตว่ ันท่ี ๑ มกราคม พ.ศ.๒๕๕๓ เป็นตน้ ไป ประกาศ ณ วันท่ี ๒๖ ตลุ าคม พ.ศ. ๒๕๕๓ สาธติ รังคสริ ิ (นายสาธติ รงั คสริ )ิ อธบิ ดกี รมสรรพากร ศูนยว์ ิเคราะห์ขอ้ มูลการเสยี ภาษีเงนิ ไดบ้ คุ คลธรรมดา
Search