Important Announcement
PubHTML5 Scheduled Server Maintenance on (GMT) Sunday, June 26th, 2:00 am - 8:00 am.
PubHTML5 site will be inoperative during the times indicated!

Home Explore Ch 2-2

Ch 2-2

Published by s.petnark, 2017-10-17 10:15:26

Description: Ch 2-2

Search

Read the Text Version

สรุปสาระสาคัญของพระราชบัญญัตวิ ชิ าชีพบัญชี พ.ศ. 2547 พระราชบัญญัติวิชาชีพบัญชี พ.ศ. 2547 มีทั้งหมด 78 มาตรา จัดแบ่งเป็น 9 หมวด และบทเฉพาะกาล สรุปสาระสาคญั ได้ ดังนี้ คานิยามของ “วชิ าชีพบัญชี” “วิชาชพี บญั ช”ี หมายความวา่ วชิ าชพี 6 ดา้ น ไดแ้ ก่ (1) ดา้ นการทาบัญชี (2) ด้านการสอบบัญชี (3) ดา้ นการบัญชีบริหาร (4) ด้านการวางระบบบญั ชี (5) ดา้ นการบญั ชภี าษีอากร (6) ดา้ นการศึกษาและเทคโนโลยีการบญั ชี ทัง้ น้ี ในภายหน้าหากเห็นวา่ มบี ริการเกีย่ วกับการบัญชีด้านใดท่ีมีความสาคัญ รัฐมนตรีว่าการกระทรวงพาณิชย์อาจออกกฎกระทรวงกาหนดบริการเกี่ยวกับการบัญชีด้านนั้นเพ่ิมเติมขึ้นในคานิยามวิชาชีพบัญชีก็ได้ เช่ นการตรวจสอบภายใน เปน็ ตน้ ในเบื้องต้นพระราชบัญญัติวิชาชีพบัญชี พ.ศ. 2547 กาหนดให้ วิชาชีพด้านการทาบัญชี และด้านการสอบบัญชีเป็น “วิชาชีพควบคุม” โดยผปู้ ระกอบวชิ าชีพด้านการทาบัญชีตอ้ งเป็นสมาชิกหรือข้ึนทะเบียนไว้กับสภาวิชาชีพบัญชี จึงจะสามารถประกอบวิชาชีพทาบัญชีได้ และผู้ประกอบวิชาชีพด้านการสอบบัญชีต้องเป็นสมาชิกและได้รับใบอนุญาตจากสภาวิชาชีพบัญชี จึงจะสามารถประกอบวิชาชีพด้านการสอบบัญชีได้ สาหรับวชิ าชีพบัญชีที่เหลอื อีก 4 ด้าน ได้แก่ วิชาชพี ดา้ นการบัญชีบรหิ าร ด้านการวางระบบบัญชี ดา้ นการบัญชภี าษีอากรและด้านการศึกษาและเทคโนโลยีการบัญชี นั้น กฎหมายยังไม่ได้กาหนดให้เป็นวิชาชีพควบคุม ดังน้ัน ผู้ประกอบวิชาชีพบัญชี ท้ัง 4 ด้าน ดังกล่าว จึงสามารถประกอบวิชาชีพบัญชีได้ โดยไม่จาเป็นต้องเป็นสมาชิกหรือข้ึนทะเบยี นไว้กับสภาวิชาชพี บัญชีแต่อย่างใด แตใ่ นภายหน้าหากการประกอบวิชาชีพบัญชีด้านใดด้านหน่ึง (นอกจากดา้ นการทาบัญชแี ละดา้ นการสอบบัญช)ี มผี ลกระทบต่อประโยชน์ส่วนได้เสียของประชาชนหรือเพื่อประโยชน์ที่จะให้มีการคุ้มครองประชาชนและพัฒนาหรือจัดระเบียบการประกอบวิชาชีพบัญชีด้านใด คณะกรรมการกากับดูแลการประกอบวิชาชีพบัญชีจะเสนอแนะให้มีการออกพระราชกฤษฎีกากาหนดให้การประกอบวิชาชีพบัญชีด้านน้ันต้องไดร้ ับใบอนุญาตหรือขน้ึ ทะเบยี นไว้กับสภาวชิ าชีพบัญชีก็ได้ สภาวิชาชีพบญั ชี สภาวิชาชีพบัญชี มีฐานะเป็นนิติบุคคล มีวัตถุประสงค์เพื่อส่งเสริมและพัฒนาวิชาชีพบัญชี และมีอานาจหน้าท่ดี ังตอ่ ไปนี้

(1) สง่ เสริมการศกึ ษา การอบรม และการวจิ ยั เกี่ยวกับวชิ าชีพบัญชี (2) ส่งเสริมความสามัคคแี ละผดงุ เกยี รติของสมาชกิ จดั สวัสดิการและการสงเคราะห์ระหว่างสมาชกิ (3) กาหนดมาตรฐานการบัญชี มาตรฐานการสอบบัญชี และมาตรฐานอืน่ ที่เกยี่ วกบั วชิ าชีพบัญชี (4) กาหนดจรรยาบรรณผูป้ ระกอบวชิ าชพี บัญชี (5) รับขึ้นทะเบียนการประกอบวิชาชีพบัญชี ออกใบอนุญาต พักใช้ หรือเพิกถอนใบอนุญาตผู้ประกอบวิชาชีพบัญชี (6) รับรองปริญญาหรือประกาศนียบัตรในวิชาการบัญชีของสถาบันการศึกษาต่างๆเพ่ือประโยชน์ในการรับสมคั รเปน็ สมาชิก (7) รบั รองความร้คู วามชานาญในการประกอบวชิ าชีพบญั ชี (8) รับรองหลักสูตรการฝึกอบรมเป็นผู้ชานาญการและการศึกษาต่อเนื่องในด้านต่างๆของผู้ประกอบวชิ าชีพบญั ชี (9) ควบคุมความประพฤติและการดาเนินงานของสมาชิกและผู้ข้ึนทะเบียนอันเก่ียวกับ การประกอบวิชาชีพบัญชใี ห้ถกู ต้องตามจรรยาบรรณแห่งวชิ าชพี บัญชี (10) ชว่ ยเหลอื แนะนา เผยแพร่ และใหบ้ รกิ ารวชิ าการแก่ประชาชนเก่ียวกบั วิชาชพี บญั ชี (11) ออกข้อบังคับสภาวชิ าชพี บญั ชี (12) เป็นตวั แทนของผู้ประกอบวชิ าชีพบัญชี (13) ให้คาปรึกษาและเสนอแนะต่อรฐั บาลเกี่ยวกับนโยบายและปญั หาของวชิ าชีพบัญชี (14) ดาเนินการอ่ืนเพื่อให้เป็นไปตามวัตถุประสงค์และอานาจหน้าท่ีของสภาวิชาชีพบัญชีตามพระราชบญั ญตั วิ ชิ าชพี บญั ชี พ.ศ. 2547 โครงสรา้ งองคก์ รในการกากบั ดูแลวิชาชพี บัญชี พระราชบญั ญตั วิ ิชาชพี บัญชี พ.ศ. 2547 ได้กาหนดให้มีการแต่งต้ังคณะกรรมการต่างๆ เพื่อประโยชน์ในการกากับดูแล การพัฒนาความรู้ ส่งเสริมมาตรฐานการประกอบวิชาชีพบัญชีให้มีคุณภาพ และควบคุมจรรยาบรรณของผ้ปู ระกอบวิชาชพี บญั ชี สมาชิกสภาวิชาชพี บญั ชีสมาชกิ สภาวิชาชพี บัญชี แบง่ เป็น 4 ประเภท ดังนี้ (1) สมาชกิ สามัญ (1.1) มอี ายุไมต่ า่ กวา่ 20 ปีบรบิ ูรณ์ (1.2) มีสญั ชาติไทย (1.3) สาเรจ็ การศกึ ษาในระดับไม่ตา่ กว่าปริญญาตรีหรือเทยี บเท่าทางการบัญชี หรือสาขาอื่นตามที่สภาวิชาชพี บัญชีกาหนด (1.4) ไม่เป็นผู้ประพฤติผิดจรรยาบรรณอันนามาซ่ึงความเส่ือมเสียเกียรติศักดิ์แห่งวิชาชีพบัญชี ตามที่กาหนดในข้อบังคับสภาวิชาชีพบัญชี (ต้องโทษจรรยาบรรณตามมาตรา ๔๙ (๔) แห่ง พ.ร.บ.วิชาชีพบัญชี พ.ศ.๒๕๔๗ เวน้ แต่ได้รบั โทษจรรยาบรรณมาแล้วไมน่ ้อยกวา่ 3 ป)ี

(1.5) ไมเ่ คยตอ้ งโทษจาคุกโดยคาพพิ ากษาถงึ ที่สุดใหจ้ าคุกในคดีท่ีเปน็ การประพฤติผิดจรรยาบรรณ อันจะนามาซึง่ ความเส่อื มเสยี เกยี รตศิ ักดิ์แหง่ วิชาชพี ตามที่กาหนดในขอ้ บงั คับสภาวิชาชีพบัญชี (เว้นแต่พ้นโทษมาแล้วไมน่ ้อยกวา่ 5 ปี) (1.6) ไม่เป็นคนไร้ความสามารถหรือคนเสมือนไร้ความสามารถ หรือเป็นโรคตามท่ีกาหนดในข้อบังคับสภาวิชาชีพบญั ชี (โรคท่คี ณะกรรมการเหน็ ว่าจะเปน็ อปุ สรรคตอ่ การประกอบวิชาชีพ) (2) สมาชกิ วสิ ามญั (2.1) กรณีเป็นผู้มีสัญชาติไทย ต้องมีคุณสมบัติและไม่มีลักษณะต้องห้ามตามท่ีกาหนดในข้อบังคับสภาวิชาชีพบัญชี (สาเร็จการศึกษาในระดับไม่ต่ากว่าปริญญาตรีหรือเทียบเท่าในสาขาบริหารธุรกิจ พาณิชยศาสตร์เศรษฐศาสตร์ หรือสาขาอื่นที่คณะกรรมการพิจารณาเห็นว่ามีความเกี่ยวข้องกับการประกอบวิชาชีพบัญชี และไม่เป็นผู้มลี ักษณะต้องห้ามตามข้อ (1) (1.4) (1.5) (1.6)) (2.2) กรณีเป็นผู้ที่ไม่มีสัญชาติไทย ต้องเป็นบุคคลซ่ึงมีสัญชาติของประเทศที่ยินยอมให้ผู้มีสัญชาติไทยประกอบอาชพี สอบบญั ชใี นประเทศนน้ั ได้ ต้องมคี ุณสมบตั ิและไมม่ ีลักษณะต้องหา้ มตามขอ้ (1) (1.1) (1.3) (1.4)(1.5) และ (1.6) (3) สมาชกิ สมทบ ต้องเป็นผู้มีสัญชาติไทย มีคุณสมบัติและไม่มีลักษณะต้องห้ามตามท่ีกาหนดในข้อบังคับสภาวิชาชีพบญั ชี (สาเรจ็ การศึกษาในระดับทต่ี า่ กว่าปริญญาตรี แต่ไม่ตา่ กวา่ ประกาศนยี บตั รวิชาชพี ชัน้ สงู (ปวส.) ทางด้านการบัญชี หรือทางด้านบริหารธุรกิจ (สาขาวิชาการบัญชี) หรืออนุปริญญาทางการบัญชี หรือด้านอ่ืนท่ีมีการสอนวิชาการบัญชีเป็นหลัก หรืออยู่ระหว่างการศึกษาในระดับปริญญาตรีทางด้านการบัญชี หรือทางด้านบริหารธุรกิจ(สาขาวิชาการบัญชี) หรือด้านอื่นที่มีการสอนวิชาการบัญชีเป็นหลัก และไม่เป็นผู้มีลักษณะต้องห้ามตามข้อ (1)(1.4) (1.5) (1.6)) (4) สมาชิกกติ ตมิ ศักดิ์ คือ ผู้ทรงคณุ วฒุ ิซง่ึ ได้รบั เชิญเปน็ สมาชกิ ตามมตขิ องคณะกรรมการสภาวิชาชพี บัญชี สทิ ธิและหน้าท่ขี องสมาชกิ สมาชิกสามญั มสี ิทธแิ ละหนา้ ที่ดงั ตอ่ ไปน้ี (1) แสดงความคดิ เหน็ ในการประชุมใหญ่ (2) ออกเสยี งลงคะแนนในการประชุมใหญ่ (3) เลือกต้ัง รับเลือกตั้ง หรือรับแต่งตั้ง เป็นกรรมการหรือดารงตาแหน่งอื่นอันเกี่ยวกับกิจการของสภาวชิ าชพี บัญชี (4) ชาระค่าบารุงสมาชิกหรือคา่ ธรรมเนยี ม (5) ผดุงไว้ซึ่งเกียรติศักด์ิแห่งวิชาชีพบัญชีและปฏิบัติตนตามบทบัญญัติแห่งพระราชบัญญัติวิชาชีพบัญชีพ.ศ. 2547 (6) สทิ ธิและหน้าท่อี นื่ ตามท่สี ภาวิชาชพี บัญชีกาหนด สมาชิกวิสามัญ สมาชิกสมทบ และสมาชิกกิตตมิ ศกั ด์ิ มีสทิ ธแิ ละหนา้ ทต่ี าม (1) (4) (5) และ (6)

ผปู้ ระสงคส์ มัครเป็นสมาชิกสภาวิชาชพี บัญชีให้ย่นื ใบสมัครพร้อมชาระคา่ บารุงสมาชิกต่อสภาวิชาชีพบัญชีตามแบบ วิธกี าร และเงือ่ นไขที่นายกสภาวชิ าชีพบญั ชกี าหนด ซง่ึ คา่ บารุงสมาชิกและค่าธรรมเนยี ม มดี ังนี้ สมาชิก ค่าบารงุ สมาชิก (ปลี ะ) สามัญ 500 วสิ ามัญ 500 สมทบ 300 มาตรฐานการบัญชี มาตรฐานการบัญชี กาหนดและปรับปรุงโดย“คณะกรรมการกาหนดมาตรฐานการบัญชี” ซึ่งประกอบด้วยผู้ทรงคุณวุฒิที่คณะกรรมการสภาวิชาชีพบัญชีแต่งตั้งจากผู้มีความรู้ความ ชานาญ และประสบการณ์เกี่ยวกับการบัญชี มีจานวนไม่น้อยกว่า 7 คน แต่ไม่เกิน 11 คน และผู้แทนจากกรมการประกันภัย ผู้แทนกรมพัฒนาธุรกิจการค้า ผู้แทนกรมสรรพากร ผู้แทนธนาคารแห่งประเทศไทย ผู้แทนสานักงานการตรวจเงินแผ่นดิน และผู้แทนสานักงานคณะกรรมการกากับหลักทรัพย์และตลาดหลักทรัพย์ร่วมเป็นกรรมการโดยกรรมการผทู้ รงคุณวุฒมิ วี าระการดารงตาแหนง่ คราวละ 3 ปี แนวทางในการกาหนดมาตรฐานการบัญชีของคณะกรรมการฯมดี งั นี้ (1) มาตรฐานการบัญชีตอ้ งจัดทาเปน็ ภาษาไทย (2) มาตรฐานการบัญชีท่ีคณะกรรมการกาหนดมาตรฐานการบัญชีกาหนดและปรับปรุง จะใช้บังคับได้ก็ต่อเมื่อได้รับความเห็นชอบจากคณะกรรมการกากับดูแลการประกอบวิชาชีพบัญชี และประกาศในราชกจิ จานเุ บกษาแลว้ (3) หากคณะกรรมการกาหนดมาตรฐานการบัญชี ได้รับแจ้งจากผู้ทาบัญชี ผู้มีหน้าที่จัดทาบัญชีผู้ใช้ข้อมูลทางการเงิน กรมการประกันภัย กรมพัฒนาธุรกิจการค้า กรมสรรพากร ธนาคารแห่งประเทศไทยสานักงานการตรวจเงินแผน่ ดนิ สานักงานคณะกรรมการกากับหลักทรัพย์และตลาดหลักทรัพย์ หรือหน่วยงานอ่ืนใดว่ามีปัญหาเกี่ยวกับการปฏิบัติตามมาตรฐานการบัญชีท่ีกาหนดไว้ ซึ่งอาจก่อให้เกิดความเสียหาย หรือการปฏิบัติตามมาตรฐานการบัญชีดังกล่าว ทาให้เกิดความเสียหายต่อเศรษฐกิจของประเทศหรือเป็นอุปสรรคต่อการประกอบกิจการ คณะกรรมการฯต้องดาเนินการตรวจสอบและรับฟังความคิดเห็นของผู้ท่ีเกี่ยวข้อง และกาหนดปรับปรงุ หรอื พัฒนามาตรฐานการบัญชโี ดยเรว็ ที่สุด วชิ าชพี บญั ชีควบคมุ วิชาชีพบัญชีควบคุม ในเบ้ืองต้นพระราชบัญญัติวิชาชีพบัญชี พ.ศ. 2547 กาหนดให้มีการควบคุมการประกอบวิชาชพี บญั ชี 2 ด้านก่อน คอื ดา้ นการสอบบญั ชีและดา้ นการทาบัญชี แต่ในภายหน้าหากมีความจาเป็นอาจมกี ารตราพระราชกฤษฎีกากาหนดใหก้ ารประกอบวชิ าชีพด้านนั้นๆ ตอ้ งมกี ารควบคุมเพิม่ ข้นึ ได้ (1) วชิ าชพี ด้านการสอบบญั ชี ผทู้ ่จี ะประกอบวิชาชีพสอบบัญชตี ้องมีคุณสมบัติและไม่มลี กั ษณะต้องหา้ มตามท่ีกฎหมายกาหนดและต้องได้รบั ใบอนญุ าตจากสภาวิชาชพี บญั ชี ใบอนุญาตผู้สอบบัญชีไม่มีอายุแต่ต้องชาระค่าธรรมเนียมใบอนุญาตเป็น

รายปี ปีละ 2,000 บาท ทั้งนี้ใบอนุญาตผู้สอบบัญชีอาจสิ้นผลได้ในหลายกรณี เช่น ขาดจากสมาชิกสภาฯ ขาดคณุ สมบตั ิ ถูกเพกิ ถอนใบอนุญาต ไม่ชาระค่าธรรมเนียม ไม่เข้ารบั การอบรมตามหลกั เกณฑ์ท่ีสภาฯกาหนด เปน็ ต้น (2) วิชาชพี ด้านการทาบญั ชี ผู้ที่จะประกอบวิชาชีพเป็นผู้ทาบัญชีจะต้องเป็นสมาชิกสภาวิชาชีพบัญชีหรือข้ึนทะเบียน กับสภาวิชาชีพบญั ชอี ยา่ งใดอย่างหน่งึ กอ่ นจงึ จะสามารถประกอบวชิ าชีพได้ และตอ้ งมีคณุ สมบัติและไม่มีลักษณะต้องห้ามตามท่ีกฎหมายกาหนด ทั้งน้ีค่าธรรมเนียมการขึ้นทะเบียนผู้ทาบัญชีปีละ 500 หรือ 300 บาท แล้วแต่คุณวุฒิการศึกษา ในการประกอบวิชาชีพการทาบัญชีน้ัน ผู้ทาบัญชีมีหน้าที่ต้องปฏิบัติตามท้ังพระราชบัญญัติการบัญชีพ.ศ. 2543 และพระราชบัญญัติวิชาชีพบัญชี พ.ศ. 2547 โดยเม่ือจะเร่ิมทาบัญชีต้องไปเป็นสมาชิกหรือข้ึนทะเบียนกับสภาวิชาชีพบัญชีก่อน แล้วแจ้งรายละเอียดที่เก่ียวข้องกับการทาบัญชีทางระบบอิเล็กทรอนิกส์ที่เว็บไซต์กรมพัฒนาธรุ กิจการคา้ (www.dbd.go.th) พร้อมด้วยสาเนาหลักฐานภายใน 30วัน นบั แต่วันเริม่ ทาบัญชี จรรยาบรรณของผปู้ ระกอบวชิ าชีพบญั ชี ข้อกาหนดในเรอ่ื งจรรยาบรรณ (1) ผูป้ ระกอบวชิ าชพี บญั ชีหรือผ้ซู ่งึ ขนึ้ ทะเบยี นไว้กบั สภาวิชาชีพบัญชมี ีหน้าที่ต้องปฏิบัติตามจรรยาบรรณของผู้ประกอบวิชาชีพบัญชี และต้องปฏิบัติหน้าท่ีของตนตามมาตรฐานการบัญชี มาตรฐานการสอบบัญชี หรือมาตรฐานอน่ื ใดท่เี กี่ยวข้องตามทก่ี าหนดไวใ้ นพระราชบญั ญัติน้ี (2) สภาวิชาชพี บัญชี เปน็ ผู้จัดทาจรรยาบรรณของผู้ประกอบวิชาชีพบัญชีข้ึนเป็นภาษาไทยและอย่างน้อยต้องประกอบด้วยข้อกาหนดในเรื่อง  ความโปร่งใส ความเปน็ อิสระ ความเทย่ี งธรรมและความซื่อสตั ยส์ จุ ริต  ความรูค้ วามสามารถและมาตรฐานในการปฏิบตั ิงาน  ความรับผิดชอบต่อผรู้ ับบริการและการรกั ษาความลับ  ความรับผิดชอบต่อผู้ถือหุ้น ผู้เป็นหุ้นส่วน หรือบุคคลหรือนิติบุคคลท่ีผู้ประกอบวิชาชีพบัญชี ปฏิบตั ิหน้าที่ให้ (3) การกระทาดงั ต่อไปนี้ ถอื ว่าเปน็ การประพฤติผิดจรรยาบรรณ  ไม่ปฏิบัติตามจรรยาบรรณของผู้ประกอบวชิ าชีพบัญชี  ไม่ปฏิบัติหน้าท่ีของตนตามมาตรฐานการบัญชี มาตรฐานการสอบบัญชี หรือมาตรฐานอื่นใดที่ เกีย่ วขอ้ งท่ีกาหนดตามพระราชบญั ญัตินี้  ผู้สอบบญั ชีรบั อนุญาตรายงานผลการสอบบญั ชโี ดยระบุข้อความใดอนั แสดงว่าตนไมร่ ับผิดชอบใน ผลการตรวจสอบ หรือแสดงความไมช่ ดั เจนในผลการตรวจสอบเพราะเหตุท่ีตนมิได้ปฏิบัติหน้าท่ี โดยครบถว้ นท่ีพึงคาดหวงั ไดห้ รือโดยครบถว้ นตามมาตรฐานการสอบบญั ชี (4) โทษของการประพฤติผิดจรรยาบรรณ ได้กาหนดตามลาดับชัน้ จากโทษเบาถึงโทษหนกั ดงั ต่อไปน้ี (4.1) ตกั เตือนเป็นหนังสอื (4.2) ภาคทณั ฑ์

(4.3) พักใช้ใบอนุญาต พักการข้ึนทะเบียน หรือห้ามการประกอบวิชาชีพบัญชีด้านท่ีประพฤติผิดจรรยาบรรณโดยมีกาหนดเวลา แตไ่ ม่เกิน 3 ปี (4.4) เพกิ ถอนใบอนญุ าต เพิกถอนการขึ้นทะเบียนหรือสัง่ ให้พ้นจากการเป็นสมาชกิ สภาวชิ าชีพบัญชี (5) สิทธิการกล่าวหา เม่ือมีผู้กล่าวหาหรือปรากฏต่อคณะกรรมการจรรยาบรรณว่า ผู้ประกอบวิชาชีพบัญชีหรือผู้ซ่ึงข้ึนทะเบียนไว้กับสภาวิชาชีพบัญชีประพฤติผิดจรรยาบรรณ คณะกรรมการจรรยาบรรณจะดาเนินการสอบสวนพิจารณาโดยเร็ว ท้งั น้ี สิทธกิ ารกล่าวหาดังกลา่ วจะส้ินสุดลงเม่ือพ้นระยะเวลา 1 ปี นับแต่วันท่ีผู้ได้รับความเสียหายหรือผู้กล่าวหารู้เรื่องการประพฤติผิดจรรยาบรรณและรู้ตัวผู้ประพฤติผิดจรรยาบรรณ ท้ังนี้ต้องไม่เกนิ 3 ปี นบั แต่วนั ทีม่ ีการประพฤตผิ ดิ จรรยาบรรณนัน้ (6) ผู้กล่าวหาหรือผู้ซ่ึงถูกคณะกรรมการจรรยาบรรณสั่งลงโทษมีสิทธิอุทธรณ์คาส่ังต่อคณะกรรมการกากบั ดูแลการประกอบวชิ าชีพบัญชีผ่านทางกรมพัฒนาธุรกิจการค้าได้ภายใน 30 วัน นับแต่วันท่ีได้รับคาสั่ง ตามหลักเกณฑ์และวิธีการท่ีคณะกรรมการกากับดูแลการประกอบวิชาชีพบัญชีกาหนด และการอุทธรณ์คาส่ังไม่เป็นการทุเลาการปฏบิ ตั ิตามคาสั่งลงโทษ เว้นแต่คณะกรรมการกากับดูแลการประกอบวิชาชีพบัญชีจะส่ังเป็นอย่างอื่นทัง้ น้ีคาวนิ ิจฉยั ของคณะกรรมการกากับดแู ลการประกอบวิชาชพี บญั ชีให้ถอื เป็นทส่ี ดุ นิติบคุ คลทปี่ ระกอบกจิ การใหบ้ ริการดา้ นวชิ าชีพควบคุม พระราชบัญญัติวิชาชีพบัญชี พ.ศ. 2547 ได้กาหนดให้นิติบุคคลไม่ว่าจะเป็นห้างหุ้นส่วนสามัญนิติบุคคลหา้ งหนุ้ สว่ นจากดั บรษิ ทั จากดั บรษิ ทั มหาชนจากดั ซึง่ ประกอบกจิ การใหบ้ ริการดา้ นการสอบบัญชีหรือด้านการทาบญั ชี ตอ้ งจดทะเบียนต่อสภาวชิ าชีพบญั ชตี ามเง่อื นไข ดงั น้ี (1) นิติบุคคลน้ันต้องจัดให้มีหลักประกันเพื่อประกันความรับผิดต่อบุคคลท่ีสามตามประเภท จานวนหลกั เกณฑ์และวิธีการทกี่ าหนดโดยกฎกระทรวง (2) ในกรณนี ิติบุคคลน้ันประกอบกิจการให้บริการสอบบัญชี บุคคลซึ่งมีอานาจลงนามผูกพันนิติบุคคลในการใหบ้ ริการสอบบญั ชตี ้องเป็นผสู้ อบบัญชีรบั อนญุ าต ในกรณผี ู้สอบบัญชตี อ้ งรบั ผดิ ชอบต่อบคุ คลท่สี าม นติ ิบุคคลซง่ึ ผูส้ อบบัญชีนั้นสังกัดอยู่ ต้องร่วมรับผิดด้วยอย่างลูกหน้ีร่วม และหากยังไม่สามารถชาระค่าเสียหายได้ครบจานวนให้หุ้นส่วนหรือกรรมการผู้มีอานาจผูกพันนิติบุคคลน้ัน ต้องร่วมรับผิดจนครบจานวนเว้นแต่พิสูจน์ได้ว่าตนมิได้มีส่วนรู้เห็นหรือยินยอมในการกระทาผดิ ที่ตอ้ งรบั ผดิ วธิ กี ารเสนอและการพจิ ารณาร่างขอ้ บังคบั ของสภาวิชาชีพบัญชี พระราชบญั ญัตวิ ิชาชีพบัญชี พ.ศ. 2547 กาหนดให้สภาวิชาชีพบัญชีมีอานาจหน้าที่ในการออกข้อบังคับในเรอ่ื งต่างๆ อย่หู ลายมาตรา ด้วยเจตนารมณ์ตอ้ งการใหอ้ งคก์ รวชิ าชีพเป็นผูก้ ากับดแู ลผู้ประกอบวิชาชีพด้วยกันเองโดยร่างข้อบังคับทุกเร่ืองต้องผ่านการอนุมัติของสภาวิชาชีพบัญชี เว้นแต่บางเรื่องที่เห็นว่าเป็นเร่ืองสาคัญหรือมีผลกระทบต่อคนจานวนมาก พระราชบัญญัติน้ีจึงกาหนดให้ข้อบังคับนั้น เม่ือผ่านการอนุมัติของสภาวิชาชีพบัญชีแลว้ กต็ อ้ งไดร้ บั ความเหน็ ชอบจากหน่วยงานกากับ คือ คณะกรรมการกากับดูแลการประกอบวิชาชีพบัญชีก่อน เมื่อนายกสภาวิชาชพี บัญชลี งนามและประกาศในราชกจิ จานุเบกษาแล้วให้ใชบ้ ังคบั ได้

การกากบั ดูแลโดยภาครัฐ ถึงแม้ว่าพระราชบัญญัติจะกาหนดให้มีสภาวิชาชีพบัญชีเป็นศูนย์รวมในการกากับดูแลผู้ประกอบวิชาชีพบัญชีแล้ว แต่ก็ยังมีความจาเป็นท่ีจะต้องมีภาครัฐเข้าไปกากับดูแลองค์กรวิชาชีพอีกช้ันหน่ึงเพ่ือรักษาความเป็นธรรมใหแ้ ก่ผูป้ ระกอบวชิ าชีพ โดยมคี ณะกรรมการกากับดแู ลการประกอบวิชาชีพบัญชีทาหน้าท่ีกากับด้านนโยบายจานวน 14 คน ประกอบด้วยหน่วยงานท้ังภาครัฐและเอกชน และผู้ทรงคุณวุฒิด้านบัญชีและกฎหมาย ทาหน้าที่กากับดแู ลการทางานของสภาวิชาชีพบัญชีเฉพาะเร่ืองท่ีสาคัญและมีผลกระทบต่อสาธารณชน โดยเรื่องที่ต้องผ่านการพจิ ารณาของคณะกรรมการกากบั ดแู ลการประกอบวชิ าชพี บญั ชี คอื (1) ใหค้ วามเห็นชอบข้อบังคับเกี่ยวกบั ค่าธรรมเนียม/ค่าบารุงสมาชิก,หลักเกณฑ์การฝึกอบรม,คุณสมบัติและลักษณะต้องหา้ มของนายกสภาฯ กรรมการสภาฯเป็นต้น (2) พจิ ารณาคาขออุทธรณข์ องผ้ปู ระกอบวชิ าชีพบญั ชซี ่ึงคณะกรรมการจรรยาบรรณส่งั ลงโทษ (3) พจิ ารณาคาขออุทธรณก์ รณีสภาวิชาชีพบญั ชไี ม่ออกใบอนุญาตใหแ้ ก่ผ้ยู ่นื คาขอ (4) ให้ความเห็นชอบมาตรฐานการบัญชีท่ีเสนอโดยสภาวิชาชีพบัญชี นอกจากนี้ คณะกรรมการกากับดูแลการประกอบวิชาชีพบัญชี ยังมีอานาจหน้าท่ีอื่นๆ เช่น เสนอแนะให้มีการตราพระราชกฤษฎีกากาหนดให้การประกอบวิชาชีพบัญชีด้านใดท่ีเห็นว่ามีผลกระทบต่อประโยชน์ได้เสียของประชาชน หรือเพ่อื ประโยชนท์ ีจ่ ะใหม้ กี ารคมุ้ ครองประชาชน และพัฒนาหรือจัดระเบียบการประกอบวิชาชีพบัญชีเพ่อื กาหนดให้การประกอบวิชาชีพบัญชีด้านนั้นต้องได้รับอนุญาต หรือต้องขึ้นทะเบียนไว้กับสภาวิชาชีพบัญชีก็ได้รวมทัง้ สามารถสงั่ ใหส้ มาชกิ กรรมการ หรอื บคุ คลใดมาชแ้ี จงข้อเท็จจรงิ เป็นตน้ ในกรณีท่นี ายกสภาวิชาชีพบญั ชี กรรมการ หรืออนกุ รรมการตามพระราชบัญญัติน้ีไม่ปฏิบัติตามคาสั่งของคณะกรรมการกากับดูแลการประกอบวิชาชีพบัญชี หรือกระทาการอันเป็นการเส่ือมเสียอย่างร้ายแรงแก่สภาวิชาชีพบัญชี คณะกรรมการกากับดูแลการประกอบวิชาชีพบัญชีจะต้องทาการสอบสวนโดยเร็ว และให้เสนอผลการพิจารณาเพอ่ื ใหร้ ฐั มนตรวี ่าการกระทรวงพาณิชย์มีคาสั่งให้นายกสภาวิชาชีพบัญชี กรรมการ หรืออนุกรรมการผนู้ ั้นพ้นจากตาแหนง่ และคาสัง่ นน้ั ให้ถอื เปน็ ที่สุด บทกาหนดโทษ บทกาหนดโทษตามพระราชบัญญัติวิชาชีพบัญชี พ.ศ. 2547 นี้ มีท้ังโทษฐานประพฤติผิดจรรยาบรรณตามที่ได้กล่าวมาแล้ว และโทษทางอาญาซึ่งมีทั้งโทษปรับและจาคุก นอกจากนี้กรณีท่ีเป็นความผิดต่อเนื่องจะมีโทษปรบั รายวนั จนกว่าจะปฏบิ ตั ใิ ห้ถกู ตอ้ ง เช่น - ผู้ใดฝาุ ฝืนประกอบวิชาชพี บัญชดี ้านนนั้ ๆโดยมิได้รบั ใบอนุญาต หรือขึ้นทะเบียนกับสภาวิชาชีพบัญชี ต้องระวางโทษจาคกุ ไม่เกนิ 3 ปี ปรับไม่เกนิ 60,000 บาท หรอื ทั้งจาท้ังปรบั - นิติบุคคลที่ประกอบวิชาชีพควบคุมไม่จดทะเบียนต่อสภาวิชาชีพบัญชีตามเง่ือนไขท่ีกาหนดหรือฝุาฝืนหรือไม่จัดให้มีหลักประกันตามท่ีกฎกระทรวงกาหนด หรือผู้มีอานาจลงนามผูกพันนิติบุคคลในการให้บริการการสอบบัญชีไม่ใช่ผู้สอบบัญชีรับอนุญาตต้องระวางโทษปรับไม่เกิน 300,000 บาท และปรับอีกไม่เกินวันละ10,000 บาท จนกวา่ จะปฏบิ ตั ใิ ห้ถกู ตอ้ ง - สาหรบั ผู้ประกอบวชิ าชพี บัญชีเม่ือประพฤติผิดจรรยาบรรณ นอกจากจะได้รับโทษหนักเบาตามเหตุของการประพฤตผิ ิด ซ่ึงรา้ ยแรงทสี่ ดุ กค็ ือการเพิกถอนใบอนุญาตหรอื เพิกถอนการขน้ึ ทะเบยี นหรอื ส่ังให้พ้นจากการเป็น

สมาชิกสภาวชิ าชีพบัญชี ทาใหไ้ ม่สามารถประกอบอาชีพด้านน้ันๆได้แล้ว หากฝุาฝืนไปประกอบอาชีพทาบัญชีหรือสอบบัญชีระหว่างท่ีถูกลงโทษทางจรรยาบรรณ ก็จะได้รับโทษทางอาญาคือ จาคุกไม่เกิน 3 ปี หรือปรับไม่เกิน60,000 บาท หรือท้ังจาท้งั ปรบั - กรณที ผ่ี ้กู ระทาความผิดซึ่งต้องไดร้ บั โทษตามพระราชบญั ญัติวชิ าชีพบัญชีน้ีเป็นนิติบุคคลให้กรรมการผู้มีอานาจลงนามผูกพันนิติบุคคล หุ้นส่วนผู้จัดการ ผู้แทนนิติบุคคล หรือบุคคลใดซึ่งรับผิดชอบในการดาเนินการของนติ ิบคุ คลน้นั ต้องรับโทษตามทก่ี ฎหมายกาหนดไวข้ า้ งตน้ สาหรับความผิดนั้นๆด้วย เว้นแต่จะพิสูจน์ได้ว่าตนมิได้มีส่วนร้เู หน็ หรือยินยอมในการกระทาความผิดของนติ ิบคุ คลนนั้ ******************* กองกากับบัญชีธรุ กจิ กรมพัฒนาธุรกิจการคา้ กรกฎาคม 2560


Like this book? You can publish your book online for free in a few minutes!
Create your own flipbook