Important Announcement
PubHTML5 Scheduled Server Maintenance on (GMT) Sunday, June 26th, 2:00 am - 8:00 am.
PubHTML5 site will be inoperative during the times indicated!

Home Explore บทที่ 1 - 5

บทที่ 1 - 5

Published by ourn.warunya, 2019-06-08 22:09:52

Description: บทที่ 1 - 5

Search

Read the Text Version

1 บทท่ี 1 บทนำ 1. หลกั กำรและเหตุผล ภมู ิประเทศและภูมิอากาศในภาคเหนือเป็นเขตรอ้ นและก่ึงร้อนเหมาะสาหรบั การปลูก ลาไย ดงั น้นั ลาไยจงึ เป็ นพชื เศรษฐกิจของภาคเหนือโดยเฉพาะในจงั หวดั เชียงใหม่ และลาพนู ซ่ึง เม่ือถึงฤดูเก็บเก่ียวผลผลิตเกษตรกรส่วนใหญ่จะนาลาไยไปขายสด แต่เน่ืองจากลาไยเป็ นพืชท่ีมี วงจรชีวิตส้นั กอปรกบั ผลผลิตลาไยในช่วงฤดูมีจานวนมาก เกษตรกรจงึ มีการแปรรูปลาไยให้เป็ น สินคา้ ท่ีหลากหลาย ไม่ว่าจะเป็ นลาไยอบแหง้ ลาไยเน้ือทอง เคก้ ลาไย น้าลาไย ฯลฯ และ การ แปรรูปลาไยที่ไดร้ ับความนิยมและสร้างรายไดใ้ ห้แก่เกษตรกรมากที่สุด คือ การทาลาไยอบแห้ง ซ่ึงไดจ้ ากการนาลาไยสดทแี่ ก่จดั มาอบใหแ้ หง้ ท้งั เปลือก โดยการอบแต่ละเตาน้นั สามารถทาไดใ้ น ปริมาณที่มาก และเกบ็ ผลผลิตลาไยทีอ่ บแหง้ ไวไ้ ดน้ าน หรือเก็บไวบ้ ริโภคไดต้ ลอดท้งั ปี และเป็ น สินคา้ ส่งออกท่ีสร้างรายได้แก่ประเทศจานวนมาก ในการผลิตลาไยอบแห้งก่อนจะนาออกขาย เกษตรกรตอ้ งคดั แยกเกรดตามขนาดเพื่อจาหน่าย และแยกลาไยที่มีตาหนิออก เช่น ลาไยท่ีมี ความช้ืน หรือลาไยท่ีเปลือกแตก โดยจะนาลาไยท่ีมีความช้ืนไปอบใหม่จนกว่าจะแห้งสนิทเพ่ือ ป้องกนั การเกิดรา ส่วนลาไยที่แตกก็จะนาไปแกะแล้วขายแต่เน้ือ เพราะหากขายโดยไม่แกะเน้ือ ราคาลาไยอบแหง้ ทีเ่ ปลือกแตกก็จะมีราคาถูก และในกระบวนการแกะลาไยแตกน้ีเอง ส่งผลใหเ้ กิด ขยะที่ได้จากการแกะเปลือกลาไย ซ่ึงถูกนาไปทิ้งขวา้ ง เป็ นเศษซากที่ไม่มีมูลค่า ผูศ้ ึกษาจึงมี แนวคิดวา่ เปลือกลาไยอบแหง้ น่าจะสามารถนามาใชป้ ระโยชน์อื่นได้ จงึ ไดท้ าการศกึ ษาขอ้ มูลจาก เอกสารและส่ือออนไลน์ต่าง ๆ และเล็งเห็นความเป็ นไปไดท้ ี่จะนาเปลือกลาไยมาทาเป็ นกระถาง เพาะกลา้ แทนถุงพลาสติก เน่ืองจากปัจจบุ นั เกษตรกรนิยมนาถุงพลาสติกมาเพาะกลา้ เพราะเห็นวา่ มีราคาถูก แต่ผลเสียท่ีตามมาคือ ถุงพลาสติกยอ่ ยสลายยาก หากนาไปเผาทาลายก็สร้างมลพิษ และเป็นสาเหตุหน่ึงของปัญหาภาวะโลกรอ้ น แนวคดิ ในการนาเปลือกลาไยมาพฒั นาเป็นกระถางจึง เป็นการลดปริมาณการใชถ้ ุงพลาสตกิ และเป็นการเพมิ่ มูลค่าใหแ้ ก่พชื เศรษฐกิจในชุมชน 2. วัตถปุ ระสงค์ของโครงกำร 1. เพอ่ื ศึกษาวธิ ีการทากระถางจากเปลือกลาไยอบแหง้ 2. เพอ่ื ผลิตกระถางทส่ี ามารถยอ่ ยสลายไดเ้ องตามธรรมชาติ

2 3. ประโยชน์ทีไ่ ด้รับ ทาใหท้ ราบถึงวธิ ีการทากระถางจากเปลือกลาไยอบแหง้ ทส่ี ามารถยอ่ ยสลายไดเ้ องตาม ธรรมชาติ 4. ขอบเขตกำรศึกษำค้นคว้ำ ขอบเขตด้ำนประชำกร คณะครูและนกั เรียน แผนกวชิ าพืชศาสตร์ ระดบั ประกาศนียบตั รวชิ าชีพ (ปวช.) และระดบั ประกาศนียบตั รวชิ าชีพช้นั สูง (ปวส.) วทิ ยาลยั เกษตรและเทคโนโลยเี ชียงใหม่ ต. บา้ นกลาง อ.สนั ป่ าตอง จ.เชียงใหม่ จานวน 50 คน ขอบเขตด้ำนเนื้อหำ ตวั แปรตน้ คอื เปลือกลาไย ตวั แปรตาม คอื กระถางจากเปลือกลาไยอบแหง้ 5. นิยำมศัพท์เฉพำะ กระถำง คอื ภาชนะทใ่ี ชเ้ พาะกลา้ ทท่ี าจากจากเปลือกลาไย ลำไย คอื พชื เศรษฐกิจของภาคเหนือ มีลกั ษณะเป็นวงกลมเป็ นพวง ๆ สีน้าตาล สามารถนามาแปรรูปไดก้ ลากหลาย เช่น ลาไยสด อบแหง้ แช่แขง็ และลาไยกระป๋ อง เป็นตน้ เปลือกลำไย คอื เปลือกของลาไยที่ผา่ นการอบแหง้ ไดม้ าหลงั จากท่ีเกษตรกรทาการแกะ แลว้ เอาเน้ือลาไยออก

3 บทที่ 2 เอกสำรและงำนวจิ ยั ทเี่ กย่ี วข้อง การศกึ ษาเร่ือง กระถางจากเปลือกลาไยอบแหง้ ผศู้ กึ ษาไดร้ วบรวมแนวคิดทฤษฎีและ หลกั การตา่ ง ๆ จากเอกสารและงานวจิ ยั ทเี่ กี่ยวขอ้ งดงั ต่อไปน้ี 1. กระถำง 1.1 ความหมายของกระถาง 1.2 ชนิดของกระถาง 1.3 ประโยชน์ของกระถาง 2. เปลือกลำไย 2.1 ความหมายของลาไย 2.2 ประโยชน์ของเปลือกลาไย 2.3 ข้นั ตอนการอบแหง้ 3. กำรอนุรักษ์ทรัพยำกรธรรมชำติและส่ิงแวดล้อม 3.1 ความหมายของการอนุรักษท์ รัพยากรธรรมชาติและส่ิงแวดลอ้ ม 3.2 วธิ ีการอนุรักษท์ รพั ยากรธรรมชาติ 3.3 แนวทางในการดาเนินการเพอ่ื อนุรกั ษส์ ่ิงแวดลอ้ มและทรัพยากรธรรมชาติ 4. แนวคดิ ปรัชญำเศรษฐกิจพอเพยี ง 4.1 ความหมายของปรชั ญาเศรษฐกิจพอเพยี ง 4.2 หลกั ปรัชญาของเศรษฐกิจพอเพยี ง 5. เอกสำรงำนวจิ ยั ท่ีเก่ียวข้อง

4 1. กระถำง 1.1 ควำมหมำยของกระถำง กระถาง ตามพจนานุกรมฉบบั ราชบณั ฑิตยสถาน พ.ศ.2525 หมายถึง \"ภาชนะที่มีปากกวา้ ง รูปแบบตา่ ง ๆ ใชส้ าหรับปลูกตน้ ไมห้ รือใส่น้า\" ทามาจากดิน หรือ พลาสตกิ หรือ เซรามิคมีรู ระบายน้าที่กน้ และมีถาดรองรับน้าเขา้ ชุดกนั ขนาดรูปทรงและสีสนั แตกต่างกนั ไปตามความนิยม ใชส้ าหรับตกแต่งสภาพภายในอาคารใหส้ วยงามเพม่ิ ข้นึ 1.2 ชนิดของกระถำง ส่วนประเภทของกระถำง แยกตำมชนิด ได้ตำมวสั ดแุ ละวธิ ีกำรทำ เช่น 1. กระถำงดินเผำ เป็ นกระถางที่เราใชก้ นั มานาน หาง่าย ราคาไม่แพงมาก ลกั ษณะของ กระถางมีรูพรุนซ่ึงช่วยระบายอากาศ ถ่ายเทความช้ืนของดินและเคร่ืองปลูกไดด้ ี ทาใหร้ ากพชื ไดร้ ับ ออกซิเจนเพียงพอและมีเจริญเติบโตไดด้ ี ทาให้อุณหภูมิของเคร่ืองปลูกไม่สูงเกินไป โดยเฉพาะ อยา่ งยงิ่ ในฤดูร้อนกระถางสามารถทาลายและกาจดั ศตั รูพชื ไดง้ ่ายโดยการตม้ อบไอน้า หรือรมดว้ ย สารเคมีโดยไม่เสียรูปทรง ขอ้ เสีย คือ มีน้าหนักมากและปัจจุบนั ราคาแพงเม่ือเทียบกับกระถาง พลาสติก แตกง่าย เม่ือใชไ้ ปนานๆแลว้ จะมีตะไคร่น้าข้ึนรอบกระถาง (เพราะความช้ืน) ทาให้ดู สกปรก และลา้ งทาความสะอาดยากกวา่ กระถางพลาสติก 2. กระถำงดนิ เผำเคลือบ ลา้ งทาความสะอาดกง็ า่ ย ไม่มีตะไคร่น้าข้นึ รอบกระถาง สีสนั ไม่ เปลี่ยนแปลง 3. กระถำงปูน มีความทนทานมาก รูปทรงทนั สมัยกว่าแบบอ่ืนๆ สามารถทาสีสันได้ หลากหลาย แตก่ ็มีขอ้ เสียบา้ ง เช่น มีน้าหนกั มาก กว่าแบบอื่นๆขนาดและรูปทรงของกระถางขนาด ของกระถางโดยทว่ั ไปจะใชต้ ้งั แต่ขนาด 6 น้ิว (เสน้ ผา่ ศนู ยก์ ลาง) 8 น้ิว 10 น้ิว จนถึงขนาด 12 น้ิว ถา้ เป็นกระถางดินเผาขนาดไม่ควรจะเกิน 12 น้ิว เพราะเกินขนาดท่ดี ินเผาจะยดึ เกาะไดแ้ ขง็ แรงพอ และมกั จะแตกหกั ไดง้ า่ ย ถา้ จาเป็ นตอ้ งใชข้ นาดทใี่ หญก่ วา่ น้ี ควรเลือกกระถางจาพวกกระถาง เคลือบจะดีกวา่ และเราสามารถแยกกระถางตามประเภทตน้ ไมท้ ่ีจะปลูกไดอ้ ีก เช่น 1. ไมใ้ หญ่ เช่นไทร ตะโก จนั ทน์ผา โมก 2. ไมป้ ระดบั เป็นไมข้ นาดเล็ก ความสูงไม่เกิน 1 เมตร 3. ไมน้ ้า มี 2 ลกั ษณะคอื 3.1 ผิวน้า เช่นบวั ต่างๆ กระถางเต้ีย ปากกวา้ ง 3.2 ตน้ สูงเหนือน้า เช่น กกต่างๆ 4. ไม้สะสม ตอ้ งเล้ียงอยา่ งใกล้ชิด ดูแลเป็ นพิเศษ และมกั จะมีราคาแพง เช่น บอนไซ โป๊ ยเซียน

5 5. ไมแ้ ขวน หรือไมเ้ ล้ือย บางชนิด กใ็ ชไ้ มก้ ระถางธรรมดา ปลูกลงดิน ชนิดของกระถำงแยกตำมวิธีกำรปลูก 1. กระถางต้งั ธรรมดา เป็ นกระถางมาตรฐานทวั่ ไป (Standard Pot) เป็ นกระถางท่ีมี ปากกวา้ งกน้ กระถางแคบ โดยท่ีปากกระถางจะมีความกวา้ งของเสน้ ผ่าศูนยก์ ลางเท่ากับความสูง หรือความลึกของกระถาง เช่น กระถาง 6นิ้ว จะมีเสน้ ผา่ ศูนยก์ ลางของปากกระถาง 6น้ิว และมีความ สูงหรือความลึก 6 นิ้ว เช่นเดียวกนั กระถางชนิดน้ีใชป้ ลูกตน้ ไม้ทว่ั ๆไปไม่ว่าจะเป็ น ไมอ้ ายุส้ัน หรือไมป้ ระดบั ที่มีอายยุ าวนาน เช่น กุหลาบ กไ็ ดเ้ พราะมีวสั ดุ หรือเครื่องปลูกมากพอทร่ี ะบบรากจะ เจริญเติบโตได้ ความลึกของกระถางจะช่วยให้สามารถพยงุ พุ่มตน้ ไดด้ ี แต่มักจะมีปัญหาเร่ืองดิน แฉะ หากรูระบายน้าอุดตนั ทาให้ระบบรากมีปัญหาไดก้ ระถางเต้ีย (Azalea Pots)มีลกั ษณะคลา้ ย ทรงกระถางมาตรฐานทว่ั ไปแต่จะมีความลึกน้อยกว่า คือ ความลึกของกระถางเท่ากับพ้ืนที่ของ เสน้ ผ่าศูนยก์ ลางของปากกระถาง เหมาะสาหรับไมด้ อกมีพมุ่ ตน้ และดอกชิดแน่น แต่ตน้ เต้ีย เช่น กล็อกซีเนีย (Gloxinia) และอาฟริกันไวโอเลท (African Violet) เน่ืองจากกระถางชนิดน้ีมี ลกั ษณะเต้ีย กน้ กระถางกวา้ งกวา่ กระถางแบบมาตรฐาน ทาใหต้ น้ ไม่ลม้ ง่ายมีความมน่ั คง และดู สวยงามไม่เปลืองวสั ดุปลูก 2. กระถางถาด (Pans) เป็ นกระถางกน้ ต้นื แบบกระทะ คือ ความลกึ หรือความสูงของ กระถางจะเทา่ กบั คร่ึงหน่ึงของเสน้ ผา่ ศูนยก์ ลางของปากกระถาง เช่น ปากกระถางกวา้ ง 8 นิ้ว แตจ่ ะ ลึกเพยี ง 4 น้ิว เป็นตน้ กระถางถาด หรือ กระถางกน้ ต้นื น้ีเหมาะสาหรับปลูกไมห้ วั และไมป้ ระดบั บางชนิดทม่ี ีพมุ่ เต้ียและแผก่ วา้ ง เช่น ตน้ คริสตม์ าส นอกจากน้ีกระถางยงั ใชเ้ ป็ นภาชนะเพาะเมลด็ พนั ธุไ์ ดด้ ีอีกดว้ ย เนื่องจากมีกน้ ต้นื ทาใหด้ ินเพาะเมลด็ ไม่แฉะ ไม่เปลืองดินเพาะ น้าหนกั เบา เคล่ือนยา้ ยสะดวก และนิยมใชป้ ลูกไมส้ ะสมเช่นบอนไซ 3. กระถางแขวน ถา้ อยา่ งธรรมดา ก็จะมีกระถางแขวนลวด อยา่ งสวยๆหน่อย ก็มีการ ถกั การร้อย และใชว้ สั ดุอ่ืนดดั แปลงไดเ้ ช่น ขวดแกว้ ขวด pet ของเคร่ืองดื่ม recycle หรือกระป๋ อง ต่างๆ 4. กระถางดินเผาแบบมีรูพรุน ใชป้ ลูกไมเ้ ฉพาะอยา่ ง กระถางแบบน้ีทาใหก้ ารระเหย น้าไดง้ ่าย ทาใหเ้ ครื่องปลูกแหง้ เร็วกวา่ กระถางพลาสติก แกว้ หรือโลหะ

6 2. เปลือกลำไย 2.1 ควำมหมำยของเปลือกลำไย เปลือกลำไย คือ คอื เปลือกของลาไยทผ่ี า่ นการอบแหง้ ไดม้ าหลงั จากทเี่ กษตรกรทา การแกะแลว้ เอาเน้ือลาไยอบแหง้ 2.2 กำรใช้ประโยชน์ของเปลอื กลำไย การใช้ประโยชน์ของเปลือกลาไย คือ ลาไยเป็ นพืชเศรษฐกิจ ซ่ึงสร้างรายได้ให้ เกษตรกรได้อย่างมาก และ เป็ นการลดค่าใช้จ่ายในการท่ีได้ผลผลิตในรูปแบบต่าง ๆ เช่น ป๋ ุย เป็นตน้ การอนุรักษท์ รพั ยากรธรรมชาติและสิ่งแวดลอ้ ม รูปท่ี 2.1 ภำพลำไยสด รูปที่ 2.2 ภำพทรัพยำกรธรรมชำติ 3. กำรอนุรักษ์ทรัพยำกรธรรมชำติและส่ิงแวดล้อม 3.1 ควำมหมำยของกำรอนุรักษ์ธรรมชำตแิ ละส่ิงแวดล้อม หมายถึง การอนุรักษ์ทรัพยากรธรรมชาติและสิ่ งแวดล้อม หมายถึง การใช้ ทรัพยากรธรรมชาติและส่ิงแวดลอ้ มอย่างฉลาด โดยใชใ้ ห้น้อย เพื่อให้เกิดประโยชน์สูงสุด โดย คานึงถึงระยะเวลาในการใชใ้ หย้ าวนาน และก่อให้เกิดผลเสียหายต่อสิ่งแวดลอ้ มน้อยท่ีสุด รวมท้งั ต้องมีการกระจายการใช้ทรัพยากรธรรมชาติอย่างท่ัวถึง อย่างไรก็ตาม ในสภาพปั จจุบัน ทรัพ ยากรธรรม ชาติและสิ่ งแวดล้อม มี ค วาม เสื่ อม โท รม ม ากข้ึน ดังน้ั น ก ารอ นุ รัก ษ์ ทรัพยากรธรรมชาติและส่ิงแวดลอ้ มจึงมีความหมายรวมไปถึงการพฒั นาคุณภาพส่ิงแวดลอ้ มดว้ ย การอนุรกั ษท์ รพั ยากรธรรมชาติและสิ่งแวดลอ้ มสามารถกระทาไดห้ ลายวธิ ี ท้งั ทางตรงและทางออ้ ม ดงั น้ี 1. การอนุรกั ษท์ รพั ยากรธรรมชาตแิ ละส่ิงแวดลอ้ มโดยทางตรง ซ่ึงปฏิบตั ิไดใ้ นระดบั บุคคล องคก์ ร และระดบั ประเทศ ทสี่ าคญั คอื

7 1 ) การใชอ้ ยา่ งประหยดั คือ การใชเ้ ท่าทีม่ ีความจาเป็ น เพอื่ ใหม้ ีทรพั ยากรไวใ้ ชไ้ ด้ นานและเกิดประโยชนอ์ ยา่ งคุม้ คา่ มากที่สุด 2 ) การนากลบั มาใชซ้ ้าอีก ส่ิงของบางอยา่ งเมื่อมีการใชแ้ ลว้ คร้ังหน่ึงสามารถที่จะ นามาใชซ้ ้าไดอ้ ีก เช่น ถุงพลาสตกิ กระดาษ เป็ นตน้ หรือสามารถทจ่ี ะนามาใชไ้ ดใ้ หม่โดยผา่ น กระบวนการตา่ งๆ เช่น การนากระดาษท่ีใชแ้ ลว้ ไปผา่ นกระบวนการต่างๆ เพอื่ ทาเป็ นกระดาษแขง็ เป็นตน้ ซ่ึงเป็นการลดปริมาณการใชท้ รัพยากรและการทาลายสิ่งแวดลอ้ มได้ 3 ) การบูรณซ่อมแซม สิ่งของบางอยา่ งเม่ือใชเ้ ป็ นเวลานานอาจเกิดการชารุดได้ เพราะฉะน้นั ถา้ มกี ารบูรณะซ่อมแซม ทาใหส้ ามารถยดื อายกุ ารใชง้ านตอ่ ไปไดอ้ ีก 4 ) การบาบดั และการฟ้ืนฟู เป็ นวธิ ีการทจี่ ะช่วยลดความเสื่อมโทรมของทรพั ยากรดว้ ย การบาบดั ก่อน เช่น การบาบดั น้าเสียจากบา้ นเรือนหรือโรงงานอุตสาหกรรม เป็ นตน้ ก่อนทีจ่ ะ ปล่อยลงสู่แหล่งน้าสาธารณะ ส่วนการฟ้ื นฟเู ป็ นการร้ือฟ้ื นธรรมชาติใหก้ ลบั สู่สภาพเดิม เช่น การ ปลูกป่ าชายเลน เพอื่ ฟ้ื นฟูความ สมดุลของป่ าชายเลนใหก้ ลบั มาอุดมสมบูรณ์ เป็นตน้ 5 ) การใชส้ ่ิงอ่ืนทดแทน เป็ นวธิ ีการท่จี ะช่วยให้มีการใชท้ รพั ยากรธรรมชาตินอ้ ยลง และไม่ทาลายสิ่งแวดลอ้ ม เช่น การใชถ้ ุงผา้ แทนถุงพลาสตกิ การใชใ้ บตองแทนโฟม การใช้ พลงั งานแสงแดดแทนแร่เช้ือเพลิง การใชป้ ๋ ุยชีวภาพแทนป๋ ยุ เคมี เป็ นตน้ 6 ) การเฝ้าระวงั ดูแลและป้องกนั เป็ นวธิ ีการทจ่ี ะไม่ใหท้ รัพยากรธรรมชาติและ ส่ิงแวดลอ้ มถูกทาลาย เช่น การเฝ้าระวงั การทิง้ ขยะ สิ่งปฏิกูลลงแม่น้า คูคลอง การจดั ทาแนวป้องกนั ไฟป่ า เป็นตน้ 3.2 กำรอนุรักษ์ทรัพยำกรธรรมชำติและส่ิงแวดล้อมโดยทำงอ้อม สามารถทาไดห้ ลายวธิ ี ดงั น้ี 1 ) การพฒั นาคุณภาพประชาชน โดนสนบั สนุนการศึกษาดา้ นการอนุรกั ษท์ รัพยากร ธรรมชาตแิ ละส่ิงแวดลอ้ มที่ถูกตอ้ งตามหลกั วชิ า ซ่ึงสามารถทาไดท้ ุกระดบั อายุ ท้งั ในระบบ โรงเรียนและสถาบนั การศึกษาตา่ งๆ และนอกระบบโรงเรียนผา่ นสื่อสารมวลชนตา่ งๆ เพอื่ ให้ ประชาชนเกิดความตระหนกั ถึงความสาคญั และความจาเป็ นในการอนุรกั ษ์ เกิดความรักความหวง แหน และใหค้ วามร่วมมืออยา่ งจริงจงั 2 ) การใชม้ าตรการทางสงั คมและกฎหมาย การจดั ต้งั กลุ่ม ชุมชน ชมรม สมาคม เพอ่ื การอนุรักษท์ รพั ยากรธรรมชาตแิ ละสิ่งแวดลอ้ มต่างๆ ตลอดจนการใหค้ วามร่วมมือท้งั ทางดา้ นพลงั กาย พลงั ใจ พลงั ความคิด ดว้ ยจิตสานึกในความมีคุณคา่ ของส่ิงแวดลอ้ มและทรัพยากรท่ีมีต่อตวั เรา เช่น กลุ่มชมรมอนุรักษท์ รัพยากรธรรมชาตแิ ละสิ่งแวดลอ้ มของนกั เรียน นกั ศกึ ษา ในโรงเรียนและ

8 สถาบนั การศกึ ษาตา่ งๆ มูลนิธิคุม้ ครองสตั วป์ ่ าและพรรณพชื แห่งประเทศไทย มูลนิธิสืบ นาคะ เสถียร มูลนิธิโลกสีเขยี ว เป็นตน้ 3) ส่งเสริมใหป้ ระชาชนในทอ้ งถ่ินไดม้ ีส่วนร่วมในการอนุรักษ์ ช่วยกนั ดูแลรักษาให้ คงสภาพเดิม ไม่ให้เกิดความเส่ือมโทรม เพื่อประโยชน์ในการดารงชีวติ ในทอ้ งถ่ินของตน การ ประสานงานเพ่ือสร้างความรู้ความเขา้ ใจ และความตระหนักระหว่างหน่วยงานของรัฐ องค์กร ปกครองส่วนท้องถ่ินกับประชาชน ให้มีบทบาทหน้าที่ในการปกป้อง คุ้มครอง ฟ้ื นฟูการใช้ ทรัพยากรอยา่ งคุม้ คา่ และเกิดประโยชน์สูงสุด 4) ส่งเสริมการศึกษาวจิ ยั คน้ หาวิธีการและพฒั นาเทคโนโลยี มาใชใ้ นการจดั การกบั ทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดลอ้ มให้เกิดประโยชน์สูงสุด เช่น การใช้ความรู้ทางเทคโนโลยี สารสนเทศมาจดั การวางแผนพัฒนา การพฒั นาอุปกรณ์เคร่ืองมือเครื่องใช้ให้มีการประหยดั พลงั งานมากข้ึน การคน้ ควา้ วิจยั วิธีการจดั การ การปรับปรุง พฒั นาสิ่งแวดลอ้ มใหม้ ีประสิทธิภาพ และยง่ั ยนื เป็นตน้ 5) การกาหนดนโยบายและวางแนวทางของรัฐบาล ในการอนุรักษ์และพัฒนา ส่ิงแวดล้อมท้งั ในระยะสันและระยะยาว เพื่อเป็ นหลกั การให้หน่วยงานและเจา้ หน้าท่ีของรัฐท่ี เก่ียวขอ้ งยดึ ถือและนาไปปฏิบตั ิ รวมท้งั การเผยแพร่ข่าวสารดา้ นการอนุรักษท์ รัพยากรธรรมชาติ และส่ิงแวดลอ้ ม ท้งั ทางตรงและทางออ้ ม ส่ิงแวดล้อมแบ่งออกเป็ นลกั ษณะกว้ำง ๆ ได้ 2 ส่วนคือ - ส่ิงแวดลอ้ มท่เี กิดข้ึนเองตามธรรมชาติ เช่น ป่ าไม้ ภูเขา ดิน น้า อากาศ ทรพั ยากร - ส่ิงแวดลอ้ มทีม่ นุษยส์ ร้างข้ึน เช่น ชุมชนเมือง ส่ิงก่อสรา้ งโบราณสถาน ศิลปกรรม ขนบธรรมเนียม ประเพณี และวฒั นธรรม รูปท่ี 2.3 ส่ิงแวดล้อมทเี่ กดิ ขนึ้ เองตำมธรรมชำติ เช่น ดนิ น้ำ อำกำศ ป่ ำไม้ ทรัพยำกร

9 ส่ิงแวดล้อมทม่ี นุษย์สร้ำงขนึ้ เช่น ชุมชนเมือง ส่ิงก่อสร้ำงโบรำณสถำน ศิลปกรรม รูปท่ี 2.4 ส่ิงแวดล้อมทมี่ นุษย์สร้ำงขนึ้ 3.4 วธิ ีกำรอนุรักษ์ดนิ มีอยสู่ องวธิ ีใหญ่ ๆ คือ โดยวธิ ีการปลูกพชื (Agronomic Methods) และโดยวธิ ีกล (Mechanicel Methods) (ราตรี ภารา, 2540) กำรอนุรักษ์โดยวิธีกำรปลูกพืช วธิ ีการน้ีพชื จะทาหนา้ ที่เป็ นตวั สกดั ก้นั พลงั งานของเม็ดฝนที่ตกลงมาก่อนท่จี ะกระทบกบั ผวิ ดินช่วยลดความเร็วของน้าที่ไหลบ่าและลดอานาจการกดั เซาะของน้าและยงั ช่วยให้ดินมีความ พรุน มากข้นึ น้าสามารถซึมลงไปในดินไดด้ ีข้ึน การควบคุม การเกิดกษยั การกิน โดยอาศยั อาศยั พชื มีอยหู่ ลายวธิ ี ดงั น้ี 1. การปลูกพชื คลุมดิน 2. การปลูกพชื หมุนเวยี น 3. การปลูกพชื สลบั เป็ นแถบ ซ่ึงเป็ นการปลูกพชื ต่างชนิดกนั สลบั กนั เป็ นแถบตาม ความลาดชนั ของพน้ื ที่ 4. การคลุมดิน 5. การปลูกพชื แบบแนวเกษตร

10 3.5 วธิ ีกำรอนุรักษ์ทรัพยำกรนำ้ กำรอนุรักษ์น้ำ หมายถึง การป้องกนั ปัญหาทจ่ี ะเกิดข้นึ กนั กบั น้า และการนาน้ามาใชเ้ พอื่ ใหเ้ กิดประโยชน์ สูงสุดในการดารงชีวติ ของมนุษย์ การอนุรกั ษน์ ้าสามารถดาเนินการได้ ดงั น้ี กำรปลูกป่ ำ โดยเฉพาะการปลูกป่ าบริเวณพน้ื ทีต่ น้ น้า หรือบริเวณพ้นื ที่ภเู ขา เพอื่ ใหต้ น้ น้าเป็นตวั กกั เกบ็ น้าตามธรรมชาติ ท้งั บนดินและใตด้ ินแลว้ ปลดปล่อยออกมาตอ่ เน่ืองตลอดปี กำรพฒั นำแหล่งนำ้ เน่ืองจากปัจจบุ นั แหล่งน้าธรรมชาตติ ่าง ๆ เกิดสภาพต้นื เขินเป็ นส่วนใหญ่ ทาใหป้ ริมาณน้า ท่กี กั ขงั ไวม้ ีปริมาณลดลง การพฒั นาแหล่งน้าเพอ่ื ใหม้ ีน้าเพยี งพอจึงจาเป็ นตอ้ งทาการขดุ ลอกแหล่ง น้าใหก้ วา้ งและลึกใกลเ้ คยี งกบั สภาพเดิมหรือมากกวา่ ตลอดจนการจดั หาแหล่งน้าเพม่ิ เติม กำรสงวนนำ้ ไว้ใช้ เป็ นการวางแผนการใชน้ ้าเพอ่ื ใหม้ ีปริมาณน้าทีม่ คี ุณภาพมาใชป้ ระโยชน์ตลอดปี โดยเฉพาะ ฤดูแลง้ ดว้ ยวธิ ีการต่าง ๆ เช่น การทาบอ่ น้าสระเกบ็ น้า การหาภาชนะขนาดใหญเ่ พอ่ื กกั เก็บน้า ( เช่น โอ่งหรือแทง็ กน์ ้า ) รวมท้งั การสร้างอ่างเกบ็ น้า และระบบชลประทาน กำรใช้นำ้ อย่ำงประหยดั ปัญหาส่วนใหญจ่ ะเกิดข้ึนในชุมชนเมืองใหญ่ ๆ ซ่ึงมีประชากรอาศยั อยอู่ ยา่ งหนาแน่น หรือยา่ นอุตสาหกรรม การป้องกนั ปัญหามลพษิ ของน้า จะตอ้ งอาศยั กฎหมายเป็ นเครื่องมือ และ เจา้ หนา้ ท่ีตอ้ งปฏิบตั ติ ามกฎหมายหรือพระราชบญั ญตั ทิ ี่เกี่ยวขอ้ งกบั ทรพั ยากรน้าอยา่ งเคร่งครัด 4. แนวคดิ ปรัชญำเศรษฐกจิ พอเพียง 4.1 ปรัชญำเศรษฐกจิ พอเพียง เศรษฐกิจพอเพยี ง เป็นปรชั ญาทชี่ ้ีแนวทางการดารงชีวติ ที่พระบาทสมเด็จพระ ปรมินทรมหาภมู ิพลอดุลยเดชมีพระราชดารัสแก่ชาวไทยนบั ต้งั แต่ปี พ.ศ. 2517 เป็นตน้ มา และถูก พดู ถึงอยา่ งชดั เจนในวนั ที่ 4 ธนั วาคม พ.ศ. 2540 เพอ่ื เป็นแนวทางการแกไ้ ขปัญหาเศรษฐกิจของ ประเทศไทย ใหส้ ามารถดารงอยไู่ ดอ้ ยา่ งมน่ั คงและยงั่ ยนื ในกระแสโลกาภิวตั น์และความ เปลี่ยนแปลงต่าง ๆ 4.2 หลกั แนวคดิ หลกั แนวคดิ ของเศรษฐกิจพอเพยี ง การพฒั นาประเทศจาเป็นตอ้ งทาตามลาดบั ข้นั ตอ้ งสรา้ งพ้นื ฐาน คือ ความพอมีพอกิน พอใชข้ องประชาชนส่วนใหญ่เป็ นอมพอควรและปฏิบตั ไิ ด้

11 แลว้ จงึ ค่อยสรา้ งคอ่ ยเสริมความเจริญและฐานะเศรษฐกิจข้นั ท่สี ูงข้ึนโดยลาดบั ตอ่ ไป หากมุ่งแตจ่ ะ ทุ่มเทสร้างความเจริญ ยกเศรษฐกิจข้นึ ใหร้ วดเร็วแตป่ ระการเดียว โดยไม่ใหแ้ ผนปฏิบตั กิ ารสมั พนั ธ์ กบั สภาวะของประเทศและของประชาชนโดยสอดคลอ้ งดว้ ย กจ็ ะเกิดความไม่สมดุลในเรื่องตา่ ง ๆ ข้นึ ซ่ึงอาจกลายเป็นความยงุ่ ยากลม้ เหลวไดใ้ นทสี่ ุด หลกั ปรัชญำเศรษฐกิจพอเพียง กรอบแนวคดิ เป็ นปรัชญาทช่ี ้ีแนะแนวทางการดารงอยแู่ ละปฏบิ ตั ิตนในทางทีค่ วรจะเป็ น โดยมีพน้ื ฐานมาจากวถิ ีชีวติ ดงั่ เดิมของสงั คมไทย สามารถนามาประยกุ ตใ์ ชไ้ ดต้ ลอดเวลาและเป็ น การมองโลกเชิงระบบทม่ี ีการเปลี่ยนแปลงอยตู่ ลอดเวลา มุ่งมน่ั การอดพน้ จากภยั และวกิ ฤติ เพอื่ ความมนั่ คงและความยง่ั ยนื ของการพฒั นา คุณลักษณะ เศรษฐกิจพอเพยี งสามารถนามาประยกุ ตใ์ ชก้ บั การปฏบิ ตั ติ นไดใ้ นทุกระดบั โดยเนน้ การปฏิบตั บิ นทางสายกลาง และการพฒั นาอยา่ งเป็นข้นั ตอน คำนิยำม ความพอเพยี งจะตอ้ งประกอบไปดว้ ยสามลกั ษณะ พรอ้ ม ๆ กนั ดงั น้ี ควำมประมำณ หมายถึง ความพอดีทไี่ ม่นอ้ ยเกินไปและไม่มากเกินไปโดยไม่เบยี ดเบียน ตนเองและผอู้ ื่น เช่นการผลิตและบริโภคทีอ่ ยใู่ นระดบั พอประมาณ ควำมมีเหตุผล หมายถึง การตดั สินใจเกี่ยวกบั ระดบั ของความพอเพยี งน้ัน จะตอ้ งเป็ นไป อยา่ งมีเหตผุ ลโดยพจิ ารณาจากเหตุปัจจยั ท่ีเก่ียวขอ้ งตลอดจนคานึง ถึงผลท่คี าดวา่ จะเกิดข้ึนจากการ กระทาน้นั ๆ อยา่ งรอบคอบ กำรมีภูมิคุ้มกันที่ดีในตัว หมายถึง การเตรียมตัวให้พร้อมรับผลกระทบและการ เปลี่ยนแปลงดา้ นต่าง ๆ ท่จี ะเกิดข้ึนโดยคานึงถึงความเป็ นไปไดข้ องสถานการณ์ ต่าง ๆ ท่ีคาดว่าจะ เกิดข้ึนในอนาคตท้งั ใกล้และไกล เง่ือนไขการตดั สินใจและการดาเนินกิจกรรมต่าง ๆ ให้อยใู่ น ระดบั พอเพยี งน้นั ตอ้ งอาศยั ท้งั ความรู้ และคุณธรรมเป็ นพ้นื ฐาน กล่าวคอื เงื่อนไขควำมรู้ ประกอบดว้ ย ความรอบรู้เกี่ยวกบั วชิ าการต่าง ๆ ที่เก่ียวขอ้ งอยา่ งรอบดา้ น ความรอบคอบที่จะนาความรู้เหล่าน้ันมาพิจารณาให้เช่ือมโยงกัน เพื่อประกอบการวางแผนและ ความระมดั ระวงั ในข้นั ปฏบิ ตั ิ เงื่อนไขคุณธรรม ท่ีจะตอ้ งเสริมสร้างประกอบดว้ ย มีความตระหนักในคุณธรรม มีความ ซ่ือสตั ยส์ ุจริตและมีความอดทน มีความเพยี ร ใชส้ ติปัญญาในการดาเนินชีวติ

12 หลกั แนวคดิ ของเศรษฐกจิ พอเพียง การพฒั นาตามหลกั เศรษฐกิจพอเพียง คอื การพฒั นาทีต่ ้งั อยบู่ นพ้นื ฐานของทางสายกลาง และความไม่ประมาท โดยคานึงถึง ความพอประมาณ ความมีเหตุผล การสรา้ งภมู ิคุม้ กนั ท่ีดีในตวั ตลอดจนใชค้ วามรูค้ วามรอบคอบ และคุณธรรม ประกอบการวางแผน การตดั สินใจและการกระทา ทางสายกลาง พอประมาณ มีเหตุผล มีภูมิคุม้ กนั ใน ตวั ทดี่ ี นาไปสู่ เศรษฐกิจ/สงั คม/สิ่งแวดลอ้ ม/วฒั นธรรม สมดุล/พร้อมรับต่อการเปล่ียนแปลง รูปภำพ 2.5 ปรัชญำเศรษฐกิจพอเพยี ง เศรษฐกิจพอเพยี งเป็นปรชั ญาทย่ี ดึ หลกั ทางสายกลาง ทช่ี ้ีแนวทางการดารงอยแู่ ละ ปฏบิ ตั ขิ องประชาชนในทกุ ระดบั ใหด้ าเนินไปในทางสายกลาง มีความพอเพยี ง และมีความพรอ้ มท่ี จะจดั การต่อผลกระทบจากการเปล่ียนแปลง ซ่ึงจะตอ้ งอาศยั ความรอบรู้ รอบคอบ และระมดั ระวงั ในการวางแผนและดาเนินการทกุ ข้นั ตอน ท้งั น้ี เศรษฐกิจพอเพยี งเป็ นการดาเนินชีวติ อยา่ งสมดุล และยง่ั ยนื เพอ่ื ใหส้ ามารถอยไู่ ดแ้ มใ้ นโลกโลกาภวิ ตั น์ทมี่ ีการแขง่ ขนั สูง 5. งำนวิจัยทเี่ กย่ี วข้อง พงศธร หนูเล็ก, จิราณุวฒั น์ แสงมุกด์ และชินพนั ธุ์ แซ่ซิ้ม (2551) ได้ทาการศึกษา เร่ือง กระถางที่ไดจ้ ากขยุ มะพร้าว เป็ นท่ีทราบกนั ดีว่าวสั ดุท่ีทามาจากพลาสติกน้นั เป็ นวสั ดุท่ียอ่ ยสลาย ยาก และตอ้ งใชเ้ วลาหลายสิบปี ทีเดียวกวา่ พลาสติกเหล่าน้ีจะยอ่ ยสลาย ท่ีสาคญั พลาสติก ยงั เป็ น สาเหตุหน่ึงของการเกิดภาวะโลกรอ้ น ซ่ึงเป็นปัญหาสาคญั ของโลกอยใู่ นขณะน้ีหลายฝ่ ายท้งั ภาครัฐ

13 และเอกชน ตา่ งหนั มาช่วยกนั รณรงคใ์ นเร่ืองของการลดสภาวะโลกร้อนดว้ ยกนั หลายวธิ ี และวธิ ีลด การใชพ้ ลาสติกกเ็ ป็นอีกแนวทางในการรณรงคใ์ นเรื่องดงั กล่าว จงึ สรุปไดว้ า่ ในการศกึ ษาคร้ังน้ี คณะผจู้ ดั ทาไดท้ าการศึกษาและจดั สรา้ งกระถางจากเศษ วสั ดุทางการเกษตรจานวน 5 ชนิดดว้ ยกนั ไดแ้ ก่ กระถางทท่ี าจากแกลบ กระถางทีท่ าจากข้เี ถา้ แกลบ และกระถางทท่ี าจากขยุ มะพร้าว กระถางทท่ี าจากเศษใบไมแ้ ละวชั พชื ต่าง ๆ ซ่ึงผลจากการศกึ ษา พบวา่ กระถางทที่ าจากขยุ มะพรา้ วมีความแขง็ แรงและทนทานท่ีสุด รูปภำพ 2.6 งำนวจิ ัย กระถำงท่ีได้จำกขุยมะพร้ำว คิดชาย อุณหศิริกุล (2552) ไดท้ าการศึกษา เร่ือง กระถางตน้ ไมช้ ีวภาพลดโลกร้อน ที่สามารถลดการใช้ถุงพลาสติกและเป็ นการเพ่ิมป๋ ุย กระถางตน้ ไม้ชีวภาพลดภาวะโลกร้อนมี แนวคิดในการนาเปลือกทุเรียนผลไมข้ ้ึนช่ืออยา่ งหน่ึงของประเทศไทยโดยเฉพาะอยา่ งยง่ิ จงั หวดั จนั ทบุรีมาแปรรูปเพ่อื ให้เกิดประโยชน์จากเปลือกทุเรียนซ่ึงเป็ นขยะไร้ค่าหลงั จากบริโภคเน้ือก็จะ เหลือเปลือกกลายเป็ นขยะแหล่งก่อเช้ือโรคส่งกล่ินเหม็นสร้างมลภาวะให้แก่ชุมชนเพ่อื แก้ปัญหา ดงั กล่าวจงึ มีการนาเปลือกทเุ รียนไปใชป้ ระโยชนค์ อื มาทาเป็นกระถางสาหรบั ปลูกตน้ ไม้ จึงสรุปไดว้ ่าการทาโครงการคร้ังน้ีจะเป็ นการลดขยะเปลือกทุเรียนอยา่ งท่ีบอกมนั จะลด ขยะไดเ้ ลย อยา่ งท่สี องเวลาเพาะตน้ ไมช้ ่วยลดพลาสติกอยา่ งทส่ี ามเป็ นการเพม่ิ ป๋ ุย เพราะกระถางเรา พอปลูกจนโตก็ฝังดินกระถางก็ยอ่ ยเป็นป๋ ุยเพมิ่ ป๋ ุยลงสู่ดินอีกอนั หน่ึงเป็ นการสร้างงานก็คือเปลือก ทุเรียนใครจะทิ้งก็เอามาทา ชุมชนเอามาทากระถางขายเป็ นของที่ระลึกไดด้ ีขายเป็ นของที่ใชจ้ ริง ๆ ก็ได้ ช่วยสร้างงานสร้างรายไดป้ ระเด็นน้ีอยากให้เกิดมากเลยเรื่องสร้างงานสร้างรายไดช้ ุมชน เพราะปกติแรงงานเหลือใชใ้ นภาคเกษตรก็ยงั มีคอ่ นขา้ งมากหมดฤดูกาลเกบ็ เก่ียว ฤดูกาลทาไร่ทานา วา่ งพอมีอาชีพเสริมตรงน้ีจะ

14 ช่วยไดม้ าก อีกอยา่ งหน่ึงคอื เพิม่ มูลค่าของทเุ รียนพอถึงฤดูกาลแลว้ ราคาทเุ รียนตกมากเลยกิโลหน่ึง 5-10 บาท บางทีเจา้ ของสวนไมก้ ลา้ ตดั ตอ้ งเหมาเลยเพราะราคามนั ต่ามาก ถ้ากระถางน้ีดีราคาดีก็ ช่วยชาวสวน ช่วยพยงุ อาชีพของเมืองผลไมใ้ หอ้ ยไู่ ดอ้ ีกอนั หน่ึงถา้ เราลดใชพ้ ลาสติกและไม่ใชค้ วาม รอ้ นทากระถางน้ีก็เป็นการช่วยลดภาวะโลกร้อนเพราะเวลาเราข้ึนรูปเราอดั เยน็ ไม่ตอ้ งใชค้ วามร้อน อยา่ งพลาสตกิ เวลาทาข้นึ มากต็ อ้ งใชค้ วามร้อนก็เท่ากบั ลดภาวะโลกรอ้ นไปส่วนหน่ึง และยงั เป็นอีก ทางเลือกใหม่ในการเลือกใชก้ ระถางในการปลูกหรือเพาะกลา้ ตน้ ไม้ รูปภำพ 2.7 งำนวิจัย กระถำงต้นไม้ชีวภำพลดโลกร้อน เจนจิราทวี ต้งั ตระกูล และพชั รี ยงั ดี (2555) ไดท้ าการศึกษา เรื่อง กระถางชีวภาพ ทาจากผกั ตบชวาสบั ตากแหง้ ผสมกบั แป้งเปี ยกดว้ ยอตั ราส่วน 1:1 และข้ึนรูปเป็ นกระถางดว้ ยแบบ และแกนอดั โดยใชเ้ ครื่องอดั ไฮดรอลกิ แบบมือโยกกระถางทผ่ี ลิตไดน้ าไปทดลองปลูกพชื พบวา่ สามารถคงสภาพอยไู่ ดห้ ลงั จากการผา่ นรดน้าในช่วงระยะเวลา 2 เดือนและตน้ ไมย้ งั คงเตบิ โตเป็น ปกติ รูปภำพ 2.8 งำนวิจัย กระถำงชีวภำพทำจำกผกั ตบชวำสับ

15 บทที่ 3 วธิ ีกำรดำเนนิ งำนตำมโครงกำร การศึกษาเร่ือง กระถางจากเปลือกลาไยอบแหง้ ผศู้ ึกษาไดด้ าเนินการ ดงั ตอ่ ไปน้ี 1. ขอบเขตการศกึ ษา 2. เครื่องมือทใี่ ชใ้ นการศกึ ษา 3. ข้นั ตอนการดาเนินงานและการเกบ็ รวบรวมขอ้ มูล 4. การวิเคราะหแ์ ละสรุปผลขอ้ มูล 1. ขอบเขตกำรศึกษำ ขอบเขตด้ำนประชำกร คณะครูและนกั เรียน แผนกวชิ าพชื ศาสตร์ ระดบั ประกาศนียบตั รวชิ าชีพ (ปวช.) และ ระดบั ประกาศนียบตั รวชิ าชีพช้นั สูง (ปวส.) วทิ ยาลยั เกษตรและเทคโนโลยเี ชียงใหม่ ต.บา้ นกลาง อ.สนั ป่ าตอง จ.เชียงใหม่ จานวน 50 คน ขอบเขตด้ำนเนื้อหำ ตวั แปรตน้ คอื เปลือกลาไย ตวั แปรตาม คือ กระถางจากเปลือกลาไยอบแหง้ 2. เครื่องมือทีใ่ ช้ในกำรศึกษำ เครื่องมือท่ใี ชใ้ นการศึกษาเรื่อง กระถางจากเปลือกลาไยอบแหง้ คอื แบบสอบถามความ คิดเห็นทม่ี ีต่อกระถางจากเปลอื กลาไยอบแหง้ แบ่งเป็ น 3 ตอน ไดแ้ ก่ ตอนที่ 1 ขอ้ มูลทว่ั ไปของผตู้ อบแบบสอบถาม ตอนท่ี 2 การสอบถามความคดิ เห็นที่มีตอ่ กระถางจากเปลือกลาไยอบแหง้ ตอนที่ 3 ขอ้ คดิ เห็นและขอ้ เสนอแนะ แบบสอบถามเป็ นขอ้ คาถามและใหเ้ ลือกแสดงความคิดเห็น ตามมาตราส่วนประมาณค่า (Rating Scale) 5 ระดับ ของลิเคลิร์ท (Likert) โดยกาหนดค่าระดับความคิดเห็นช่วงคะแนนมี ความหมาย ดงั น้ี ระดบั 5 หมายถึง ความพงึ พอใจอยใู่ นระดบั มากที่สุด ระดบั 4 หมายถึง ความพงึ พอใจอยใู่ นระดบั มาก

16 ระดบั 3หมายถึง ความพงึ พอใจอยใู่ นระดบั ปานกลาง ระดบั 2หมายถึง ความพงึ พอใจอยใู่ นระดบั นอ้ ย ระดบั 1หมายถึง ความพงึ พอใจอยใู่ นระดบั นอ้ ยท่ีสุด เกณฑ์ในกำรประเมินค่ำเฉลีย่ และแปรผล 4.51 - 5.00 หมายถึง ความพงึ พอใจอยใู่ นระดบั มากทส่ี ุด 3.51 - 4.50 หมายถึง ความพงึ พอใจอยใู่ นระดบั มาก 2.51 - 3.50 หมายถึง ความพงึ พอใจอยใู่ นระดบั ปานกลาง 1.51 - 2.50 หมายถึง ความพงึ พอใจอยใู่ นระดบั นอ้ ย 1.00 - 1.50 หมายถึง ความพงึ พอใจอยใู่ นระดบั นอ้ ยทสี่ ุด 3. ข้ันตอนกำรดำเนินงำนและกำรเก็บรวบรวมข้อมูล 3.1 ข้นั ตอนกำรดำเนินงำน ผศู้ ึกษาไดว้ างแผนการดาเนินงาน ตามข้นั ตอนดงั น้ี 3.1.1 ศึกษาขอ้ มูลทเ่ี ก่ียวขอ้ งเพอื่ ใชเ้ ป็ นแนวทางการจดั ทากระถางจากเปลือกลาไย อบแหง้ 3.1.2 ประชุมปรึกษาภายในกลุ่มผจู้ ดั ทา 3.1.3 จดั หาวสั ดุ อุปกรณ์ ในการดาเนินงาน ดงั น้ี 1) วตั ถุดิบ - เปลือกลาไย จานวน 500 กรัม - แป้งมนั จานวน 200 กรมั - น้า จานวน 1.5 ลิตร 2) อุปกรณ์ - หมอ้ จานวน 1 ใบ - ทพั พี จานวน 1 อนั - เคร่ืองชง่ั จานวน 1 เครื่อง - กะละมงั จานวน 1 ใบ - เคร่ืองบด จานวน 1 เครื่อง - กระถางแม่พมิ พ์ จานวน 10 ใบ 3.1.4 ดาเนินการผลิตกระถางจากเปลือกลาไยอบแหง้

17 1) นาเปลือกลาไยอบแหง้ ไปตากใหแ้ หง้ 2) นาเปลือกลาไยอบแหง้ ปั่นหรือบดใหล้ ะเอียด 3) นาแป้งมนั จานวน 200 กรัม มาละลายในน้าปริมาณ 1.5 ลิตร คน ใหเ้ ขา้ กนั 4) นาไปต้งั ไฟออ่ น ๆ คอ่ ย ๆ กวน เพอ่ื ใหแ้ ป้งสุกและเขา้ กบั น้าจากน้นั ก็ ทิ้งไวใ้ หเ้ ยน็ 5) นาเปลือกลาไยอบแหง้ ทีล่ ะเอียดจานวน 500 กรมั มาผสมกบั กาวแป้ง จานวน 200 กรมั ใหเ้ ขา้ กนั แลว้ 6) นาไปอดั ใส่กระถางแม่พมิ พใ์ หแ้ น่น 7) นาออกผ่งึ แดดประมาณ 12 ชง่ั โมง 4. กำรเก็บรวบรวมข้อมูล วธิ ีการเก็บรวบรวมขอ้ มูล คณะผูศ้ ึกษาดาเนินการเก็บรวบรวมขอ้ มูลโดยนากระถางจากเปลือกลาไยอบแหง้ ไป ให้กลุ่มตวั อยา่ งทดลองใช้ และขอความร่วมมือในการตอบแบบสอบถามเพื่อนาไปสู่การสรุปผล ขอ้ มูล 5. กำรวเิ ครำะห์และสรุปผลข้อมูล 5.1 สถติ ิทใี่ ช้ในกำรวิเครำะห์ข้อมลู ค่าเฉลี่ย = = ค่าเฉล่ียของคะแนนรวม = ผลรวมของคะแนน N = จานวน ส่วนเบ่ียงเบนมาตรฐาน S.D. = S.D. = ส่วนเบีย่ งเบนมาตรฐาน = ผลรวมของคะแนนลบดว้ ยคะแนนเฉลี่ย

18 N = จานวน 5.2 กำรวเิ ครำะห์ข้อมูล รวบรวมแบบสอบถามที่ไดจ้ ากกลุ่มประชากรท้งั หมด นามาวเิ คราะห์ขอ้ มูล เพ่ือหา ค่าเฉลี่ย (Mean) และส่วนเบี่ยงเบนมาตรฐาน (S.D) โดยการใชโ้ ปรแกรม Microsoft Excel แล้ว นาขอ้ มูลท่ีไดจ้ ากการวเิ คราะห์ตคี วามและสรุปผล ดงั น้ี ตอนที่ 1 ข้อมูลทวั่ ไปของผูต้ อบแบบสอบถาม วิเคราะห์ข้อมูลโดยการแจกแจง ความถี่และหาค่ารอ้ ยละ ตอนท่ี 2 ความคิดเห็นท่มี ีต่อกระถางจากเปลือกลาไยอบแหง้ วเิ คราะห์ขอ้ มูลโดยการ หาค่าเฉลี่ย (Mean) และส่วนเบ่ียงเบนมาตรฐาน (S.D) ตอนที่ 3 ขอ้ คิดเห็นและขอ้ เสนอแนะ ใชว้ ิธีการวิเคราะห์ขอ้ มูลเชิงคุณภาพในการ วเิ คราะหเ์ น้ือหา (Content Analysis)

19 บทที่ 4 ผลกำรวิเครำะห์ข้อมูล การประเมินผลโครงการ กระถางปลูกจากเปลือกลาไย ผศู้ กึ ษาไดน้ าขอ้ มูลท่ไี ดจ้ ากการ เก็บรวบรวมมาวเิ คราะหข์ อ้ มูล โดยแสดงผลการวเิ คราะห์ขอ้ มูลไดด้ งั น้ี ตอนที่ 1 ขอ้ มูลทวั่ ไปของผตู้ อบแบบสอบถาม ตอนที่ 2 ความคดิ เห็นทม่ี ีต่อการทดลองใชพ้ ลาสตกิ กนั เป้ื อนจากผลิตภณั ฑช์ นิดเตมิ ตอนที่ 3 ขอ้ เสนอแนะ ตอนท่ี 1 ขอ้ มูลทวั่ ไปของผตู้ อบแบบสอบถาม ตารางที่ 2 แสดงจานวนและรอ้ ยละขอ้ มลู ทว่ั ไปของผตู้ อบแบบสอบถาม ข้อมูลท่วั ไป จำนวน ร้อยละ 1. เพศ 22 44 1.1 ชาย 28 56 1.2 หญิง 50 100 รวม 18 36 2. อำยุ 25 50 7 14 2.1 ต่ากวา่ 20 ปี 50 100 2.2 20 – 40 ปี 40 80 2.3 40 ปี ข้นึ ไป 10 20 50 100 รวม 3. อำชีพ 3.1 นกั เรียน / นกั ศึกษา 3.2 คณะครู รวม

20 จำกตำรำงท่ี 1 พบว่ำ ผตู้ อบแบบสอบถาม จานวน 50 คน จาแนกไดด้ งั น้ี 1. เพศ 22 คน คดิ เป็นรอ้ ยละ 44.00 1.1 ชาย 28 คน คดิ เป็นร้อยละ 56.00 1.2 หญงิ 18 คน คิดเป็นร้อยละ 36.00 2. อายุ 25 คน คดิ เป็นร้อยละ 50.00 2.1 อายตุ ่ากวา่ 20 ปี 7 คน คดิ เป็นรอ้ ยละ 14.00 2.2 อายุ 20 – 40 ปี 2.3 อายุ 41 ปี ข้ึนไป 40 คน คิดเป็นร้อยละ 80.00 10 คน คิดเป็นร้อยละ 20.00 3. สถานะ 3.1 นกั เรียน / นกั ศึกษา 3.2 ครู ตอนที่ 2 ควำมคดิ เห็นท่มี ีต่อกำรกระถำงเปลือกลำไยอบแห้ง ตำรำงท่ี 3 แสดงความคิดเห็นที่มีต่อการกระถางเปลือกลาไยอบแหง้ ข้อท่ี รำยกำรประเมนิ ระดบั ควำมคดิ เห็น X S.D ควำมหมำย 1 กระถางจากเปลือกลาไยอบแหง้ สามารถใชไ้ ดจ้ ริง 4.54 0.65 มากที่สุด 4.56 0.68 มากทีส่ ุด 2 กระถางจากเปลือกลาไยอบแหง้ เป็นกระถางทสี่ ามารถ ลดการกระทบกระเทอื นของตน้ กลา้ เม่ือนาไปปลูก 4.18 0.66 มาก 3 การผลิตกระถางจากเปลือกลาไยอบแหง้ เป็นการนาเศษ 4.34 0.80 มาก ซากทางการเกษตร มาใชใ้ หเ้ กิดมูลค่า 4.30 0.68 มาก 4 กระถางจากเปลือกลาไยอบแหง้ สามารถยอ่ ยสลายไดเ้ อง ตามธรรมชาติ 5 กระถางจากเปลือกลาไยอบแหง้ มีส่วนช่วยการ เจริญเตบิ โตของตน้ กลา้ ไดด้ ี

21 6 เมื่อนาเปลือกลาไยอบแหง้ มาทาเป็นกระถาง จะช่วยเพม่ิ 4.12 0.69 มาก แร่ธาตุในดินท่ีปลูก ระดับควำมคดิ เห็น ข้อท่ี X S.D ควำมหมำย 4.52 0.54 มากท่สี ุด รำยกำรประเมิน 4.36 0.72 มาก 7 การนาเปลือกลาไยอบแหง้ มาทาเป็นกระถางช่วยลดการ การใชถ้ ุงใชพ้ ลาสติก 4.38 0.60 มาก 4.36 0.66 มาก 8 กระถางจากเปลือกลาไยอบแหง้ เป็ นการส่งเสริมใหม้ ีการ 4.37 0.15 มำก ดารงชีวติ ที่สอดคลอ้ งกบั แนวคดิ เศรษฐกิจพอเพียง 9 กระถางจากเปลือกลาไยอบแหง้ เป็นการนาภูมิปัญญา ทอ้ งถ่ินมาปรบั ใชใ้ นกระบวนการผลิต 10 กระถางจากเปลือกลาไยอบแหง้ สามารถพฒั นาตอ่ ยอด ใหเ้ ป็นผลิตภณั ฑใ์ นชุมชนได้ รวม จากตารางที่ 2 พบวา่ ความคิดเห็นที่มีตอ่ กระถางเปลือกลาไยอบแหง้ ในภาพรวม อยใู่ นระดบั มาก ค่าเฉล่ีย 4.37 ส่วนเบี่ยงเบนมาตรฐาน 0.15 โดยมีระดบั ความคิดเห็นมากที่สุด จานวน 3 รายการ เรียงลาดบั จากมากไปหานอ้ ยไดด้ งั น้ี 1. กระถางจากเปลือกลาไยอบแหง้ เป็นกระถางทสี่ ามารถลดการกระทบกระเทือนของตน้ กลา้ เมื่อนาไปปลูก ( = 4.56) 2. กระถางจากเปลือกลาไยอบแหง้ สามารถใชไ้ ดจ้ ริง ( = 4.54) 3. การนาเปลือกลาไยอบแหง้ มาทาเป็นกระถางช่วยลดการการใชถ้ ุงใชพ้ ลาสติก ( = 4.52) ความคิดเห็นอยใู่ นระดบั มาก จานวน 7 รายการ เรียงลาดบั จากมากไปหานอ้ ยไดด้ งั น้ี 1. กระถางจากเปลือกลาไยอบแหง้ เป็ นการนาภมู ิปัญญาทอ้ งถ่ินมาปรับใชใ้ นกระบวนการ ผลิต ( = 4.38) 2. กระถางจากเปลือกลาไยอบแหง้ เป็ นการส่งเสริมใหม้ ีการดารงชีวติ ท่ีสอดคลอ้ งกบั แนวคดิ เศรษฐกิจพอเพยี ง ( = 4.36)

22 3. กระถางจากเปลือกลาไยอบแหง้ สามารถพฒั นาตอ่ ยอดใหเ้ ป็ นผลิตภณั ฑใ์ นชุมชนได้ ( = 4.36) 4. กระถางจากเปลือกลาไยอบแหง้ สามารถยอ่ ยสลายไดเ้ องตามธรรมชาติ ( = 4.36) 5. กระถางจากเปลือกลาไยอบแหง้ มีส่วนช่วยการเจริญเตบิ โตของตน้ กลา้ ไดด้ ี ( = 4.34) 6. การผลิตกระถางจากเปลือกลาไยอบแหง้ เป็ นการนาเศษซากทางการเกษตร มาใชใ้ หเ้ กิด มูลคา่ ( = 4.28) 7. เม่ือนาเปลือกลาไยอบแหง้ มาทาเป็ นกระถาง จะช่วยเพม่ิ แร่ธาตุในดินทปี่ ลูก ( = 4.18) ตอนท่ี 3 ข้อเสนอแนะ 1. ควรทากระถางใหม้ ีรูปแบบต่างๆ 2. ควรใชว้ สั ดุอ่ืนแทนแป้ง เช่น ดินเหนียวจะทาใหก้ ระถางแขง็ เร็วข้นึ แลtสามารถลด ตน้ ทุนการผลิตลง

23 บทที่ 5 สรุปอภิปรำยผลและข้อเสนอแนะ การศึกษาโครงการ กระถางจากเปลือกลาไยอบแหง้ ผศู้ ึกษาสามารถสรุปผลการศึกษา ดงั น้ี สรุปผลกำรศึกษำ การศึกษาโครงการกระถางจากเปลือกลาไยอบแห้ง มีวตั ถุประสงค์เพ่ือศึกษาวิธีการทา กระถางจากเปลือกลาไยอบแห้ง ซ่ึงเป็ นกระถางที่สามารถยอ่ ยสลายได้เองตามธรรมชาติ กลุ่ม ประชากรท่ีใชใ้ นการศึกษาคร้งั น้ี คอื คณะครูและนกั เรียน แผนกวชิ าธุรกิจเกษตร วทิ ยาลยั เกษตร และเทคโนโลยเี ชียงใหม่ ต. บา้ นกลาง อ.สนั ป่ าตอง จ.เชียงใหม่ จานวน 50 คน เคร่ืองมือที่ใชใ้ น การเกบ็ รวบรวมขอ้ มูล คือ แบบสอบถามความคดิ เห็นท่ีมีต่อกระถางจากเปลือกลาไยอบแหง้ เป็ น แบบสอบถามที่มีขอ้ คาถามให้เลือกแสดงความพึงพอใจ ตามมาตราส่วนประมาณค่า (Rating Scale) 5 ระดับ ของลิเคลิร์ท (Likert) ค่าสถิติท่ีใช้ในการศึกษาคือ ค่าเฉล่ีย (Mean) และส่วน เบย่ี งเบนมาตรฐาน (SD) ผลการศึกษาพบวา่ กระถางจากเปลือกลาไยอบแหง้ เป็ นกระถางท่ชี ่วยลด ปริมาณการใชถ้ ุงพลาสตกิ สามารถนาไปใชไ้ ดจ้ ริง ช่วยลดการกระทบกระเทือนของตน้ กลา้ เม่ือ นาไปปลูกและยอ่ ยสลายไดเ้ องตามธรรมชาติ การนาเปลือกลาไยอบแห้งไปทาเป็ นกระถางมีส่วน ช่วยเพิ่มแร่ธาตุในดินที่ปลูก ใหต้ น้ กลา้ เจริญเติบโตไดด้ ี เป็ นการนาเศษซากทางการเกษตร มาใช้ ให้เกิดมูลค่า เป็ นการนาภูมิปัญญาทอ้ งถ่ินมาปรับใชใ้ นกระบวนการผลิต ส่งเสริมให้มีการ ดารงชีวิตท่ีสอดคล้องกบั แนวคิดปรัชญาของเศรษฐกิจพอเพียง สามารถพฒั นาต่อยอดให้เป็ น ผลิตภณั ฑใ์ นชุมชนได้ ซ่ึงความพงึ พอใจท่ีมีตอ่ กระถางจากเปลือกลาไยอบแห้งในภาพรวม อยใู่ น ระดบั มาก ค่าเฉลี่ย 4.37 ส่วนเบี่ยงเบนมาตรฐาน 0.15 กำรอภปิ รำยผล

24 การศึกษาโครงการกระถางจากเปลือกลาไยอบแห้ง ทาให้ทราบถึงวิธีการทากระถาง จากเปลือกลาไยที่สามารถยอ่ ยสลายไดเ้ องตามธรรมชาติ สามารถใชง้ านไดจ้ ริง เป็นส่งเสริมให้มี การใชว้ สั ดุธรรมชาติทดแทนการใชถ้ ุงพลาสติก อันเป็ นสาเหตุสาคญั ของปัญหาภาวะโลกร้อน เป็นการใชท้ รพั ยากรธรรมชาติท่ีมีอยใู่ ห้คุม้ ค่า บรรลุวตั ถุประสงคข์ องการศกึ ษาและสอดคลอ้ งกบั สมตฐิ านการศกึ ษา ข้อเสนอแนะเพม่ิ เติม 1. ควรทากระถางใหม้ ีรูปแบบต่าง ๆ 2. ควรใชว้ สั ดุอื่นแทนแป้ง เช่น ดินเหนียวจะทาใหก้ ระถางแขง็ เร็วข้นึ และสามารถลด ตน้ ทนุ การผลิตลง ข้อเสนอแนะจำกผู้ศึกษำ ควรมีการศกึ ษาทดลองการนาเอาเศษซากจากธรรมชาตชิ นิดอื่น เช่น ใบไมแ้ หง้ หญา้ แหง้ แกลบ ฯลฯ มาศึกษาและทดลองผลิตเป็ นกระถาง เพ่อื เป็ นการส่งเสริมให้มีการนาเศษซาก ธรรมชาติมาใชใ้ ห้เกิดประโยชน์แทนการใช้พลาสติกให้มากข้ึน เป็ นการลดมลภาวะและรักษา สภาพแวดลอ้ ม

25 บรรณำนุกรม การอนุรกั ษท์ รพั ยากรธรรมชาตแิ ละสิ่งแวดลอ้ ม. 2552.[ระบบออนไลน]์ . แหล่งทม่ี า www.maceducation.com “เกษตรคนเก่ง.” 20 เมษายน 2553.คมชดั ลึก: 8 คิดชาย อุณหศิริกุล. 2552. กระถำงต้นไม้ชีวภำพลดโลกร้อน.[ระบบออนไลน์]. แหล่งทม่ี า http://www.thairath.co.th./ .มหาวทิ ยาลยั ราชภฎั ลาไพบรุ ี. จนั ทบรุ ี. ความรูเ้ กี่ยวกบั กระถาง. 2525. คู่มือควำมรู้เกี่ยวกบั กระถำง. [ระบบออนไลน์]. แหล่งท่มี า http://www.tungsong.com/samunpai/Gratan/Gratanru.html. เจนจิราทวี ต้งั ตระกูล และพชั รี ยงั ดี 2555. กระถำงชีวภำพทำจำกผกั ตบชวำสับตำกแห้ง. [ระบบออนไลน์]. แหล่งที่มา http://158.108.207.2/exhibition/th/index.php?option ชนิดของกระถาง. 2525. ควำมรู้เกี่ยวกบั ชนิดของกระถำง. [ระบบออนไลน]์ . แหล่งทม่ี า http://www.thaikasetsart.com พงศธร หนูเลก็ . 2551. กระถำงต้นไม้จำกขุยมะพร้ำว ไอเดียลดโลกร้อน : นครนายก. คณะคุรุศาสตร์อุตสาหกรรม มหาวทิ ยาลยั เทคโนโลยรี าชมงคล. นสพ.คมชดั ลึก. 2553. เกษตรคนเก่ง. ฉบบั วนั ที่ 20 เมษายน 2553,หนา้ 8. นิดดา หงส์ววิ ตั น์ และคณะ. คุณค่ำอำหำรและกำรกนิ . กรุงเทพ: แสงแดด. 2550 หลกั ปรชั ญาเศรษฐกิจพอเพยี ง. 2554. คู่มือหลกั ปรัชญำเศรษฐกิจพอเพยี ง. [ระบบออนไลน]์ . แหล่งทีม่ า http://www.haii.or.th.

26 ภาคผนวก

27 ภำคผนวก ก โครงร่ำง โครงกำรกระถำงจำกเปลือกลำไยอบแห้ง

28 โครงร่ำงโครงกำร 1. ช่ือโครงกำร กระถางจากเปลือกลาไยอบแหง้ 2. ผู้จดั ทำ 1. นางสาวอรทยั คงคาอมรสุข 2. นางสาวรัชนก สกลทรัพย์ 3. หลกั กำรและเหตผุ ล ภมู ิประเทศและภูมิอากาศในภาคเหนือเป็นเขตรอ้ นและก่ึงร้อนเหมาะสาหรบั การปลูก ลาไย ดงั น้นั ลาไยจึงเป็ นพชื เศรษฐกิจของภาคเหนือโดยเฉพาะในจงั หวดั เชียงใหม่ และลาพนู ซ่ึง เมื่อถึงฤดูเก็บเกี่ยวผลผลิตเกษตรกรส่วนใหญ่จะนาลาไยไปขายสด แต่เน่ืองจากลาไยเป็ นพืชที่มี วงจรชีวติ ส้นั กอปรกบั ผลผลิตลาไยในช่วงฤดูมีจานวนมาก เกษตรกรจึงมีการแปรรูปลาไยใหเ้ ป็ น สินคา้ ท่ีหลากหลาย ไม่ว่าจะเป็ นลาไยอบแหง้ ลาไยเน้ือทอง เคก้ ลาไย น้าลาไย ฯลฯ และ การ แปรรูปลาไยท่ีไดร้ ับความนิยมและสร้างรายไดใ้ หแ้ ก่เกษตรกรมากท่ีสุด คือ การทาลาไยอบแห้ง ซ่ึงไดจ้ ากการนาลาไยสดทแี่ ก่จดั มาอบใหแ้ หง้ ท้งั เปลือก โดยการอบแต่ละเตาน้นั สามารถทาไดใ้ น ปริมาณท่ีมาก และเกบ็ ผลผลิตลาไยที่อบแหง้ ไวไ้ ดน้ าน หรือเก็บไวบ้ ริโภคไดต้ ลอดท้งั ปี และเป็ น สินคา้ ส่งออกที่สร้างรายไดแ้ ก่ประเทศจานวนมาก ในการผลิตลาไยอบแห้งก่อนจะนาออกขาย เกษตรกรตอ้ งคดั แยกเกรดตามขนาดเพ่ือจาหน่าย และแยกลาไยที่มีตาหนิออก เช่น ลาไยที่มี ความช้ืน หรือลาไยท่ีเปลือกแตก โดยจะนาลาไยท่ีมีความช้ืนไปอบใหม่จนกว่าจะแห้งสนิทเพื่อ ป้องกนั การเกิดรา ส่วนลาไยที่แตกก็จะนาไปแกะแลว้ ขายแต่เน้ือ เพราะหากขายโดยไม่แกะเน้ือ ราคาลาไยอบแหง้ ท่เี ปลือกแตกก็จะมีราคาถูก และในกระบวนการแกะลาไยแตกน้ีเอง ส่งผลใหเ้ กิด ขยะท่ีได้จากการแกะเปลือกลาไย ซ่ึงถูกนาไปท้ิงขวา้ ง เป็ นเศษซากท่ีไม่มีมูลค่า ผูศ้ ึกษาจึงมี แนวคดิ วา่ เปลือกลาไยอบแหง้ น่าจะสามารถนามาใชป้ ระโยชนอ์ ่ืนได้ จงึ ไดท้ าการศึกษาขอ้ มูลจาก เอกสารและสื่อออนไลน์ต่าง ๆ และเล็งเห็นความเป็ นไปไดท้ ่ีจะนาเปลือกลาไยมาทาเป็ นกระถาง เพาะกลา้ แทนถุงพลาสตกิ เนื่องจากปัจจุบนั เกษตรกรนิยมนาถุงพลาสตกิ มาเพาะกลา้ เพราะเห็นวา่ มีราคาถูก แต่ผลเสียที่ตามมาคือ ถุงพลาสติกย่อยสลายยาก หากนาไปเผาทาลายก็สร้างมลพิษ

29 และเป็นสาเหตุหน่ึงของปัญหาภาวะโลกร้อน แนวคิดในการนาเปลือกลาไยมาพฒั นาเป็นกระถางจึง เป็นการลดปริมาณการใชถ้ ุงพลาสติก และเป็นการเพม่ิ มูลค่าใหแ้ ก่พชื เศรษฐกิจในชุมชน 4. วตั ถปุ ระสงค์ของโครงกำร 1. เพอื่ ศกึ ษาวธิ ีการทากระถางจากเปลือกลาไยอบแหง้ 2. เพอื่ ผลิตกระถางทสี่ ามารถยอ่ ยสลายไดเ้ องตามธรรมชาติ 5. ประโยชน์ทไ่ี ด้รับ ทาใหท้ ราบถึงวธิ ีการทากระถางจากเปลือกลาไยทส่ี ามารถยอ่ ยสลายไดเ้ องตามธรรมชาติ 6. ขอบเขตกำรศึกษำค้นคว้ำ ขอบเขตด้ำนประชำกร คณะครูและนกั เรียน แผนกวชิ าพชื ศาสตร์ ระดบั ประกาศนียบตั รวชิ าชีพ (ปวช.) และ ระดบั ประกาศนียบตั รวชิ าชีพช้นั สูง (ปวส.)วทิ ยาลยั เกษตรและเทคโนโลยเี ชียงใหม่ ต. บา้ นกลาง อ.สนั ป่ าตอง จ.เชียงใหม่ จานวน 50 คน ขอบเขตด้ำนเนื้อหำ ตวั แปรตน้ คือ เปลือกลาไย ตวั แปรตาม คอื กระถางเพาะกลา้ จากเปลือกลาไย 7. นิยำมศัพท์เฉพำะ กระถำง คอื ภาชนะที่ใชเ้ พาะกลา้ ทีท่ าจากจากเปลือกลาไย ลำไย คือ พชื เศรษฐกิจของภาคเหนือ มีลกั ษณะเป็นวงกลมเป็ นพวง ๆ สีน้าตาล สามารถนามาแปรรูปไดก้ ลากหลาย เช่น ลาไยสด อบแหง้ แช่แขง็ และลาไยกระป๋ อง เป็นตน้ เปลือกลำไย คอื เปลือกของลาไยทผี่ า่ นการอบแหง้ ไดม้ าหลงั จากทเ่ี กษตรกรทาการแกะ แลว้ เอาเน้ือลาไยออก 8. วิธีดำเนินกำรศึกษำ 1. ศกึ ษาวิเคราะหส์ ภาพปัญหาและศึกษาความเป็นไปไดข้ องโครงการ 2. วเิ คราะหส์ ภาพปัญหา

30 3. เสนอโครงการตอ่ ประทานทป่ี รึกษาเพอื่ อนุมตั ิโครงการ 4. ดาเนินงานตามโครงการ 5. เกบ็ รวบรวมขอ้ มูล 6. วเิ คราะห์ขอ้ มูล 7. สรุปและนาเสนอผลการดาเนินงานตามโครงการ 9. เคร่ืองมือที่ใช้ในกำรศึกษำ แบบสอบถามความคดิ เห็นทม่ี ีตอ่ การใชก้ ระถางเปลือกลาไย 10. กำรเก็บรวบรวมข้อมูล 1. จดั ทาแบบสอบถามความคิดเห็นทีม่ ีต่อกระถางจากเปลือกลาไย 2. ขอความอนุเคราะห์จากผเู้ ช่ียวชาญตรวจสอบความสอดคลอ้ งของแบบทดสอบ 3. ทาการปรับปรุงแกไ้ ขแบบสอบถาม 4. นาแบบสอบถามไปใชก้ บั กลมุ่ ตวั อยา่ ง จานวน 50 คน 5. รวบรวมแบบสอบถามและทาการวเิ คราะห์ขอ้ มูล 11. วิเครำะห์ข้อมูล นาผลทไ่ี ดจ้ ากการเก็บรวบรวมขอ้ มูลมาวเิ คราะหเ์ พอื่ หาคา่ เฉลี่ย ( Mean ) และส่วน เบี่ยงเบนมาตรฐาน (SD) แผนงำน แผนกำรดำเนินงำนตลอดโครงกำร ต.ค. พ.ย. ธ.ค. ม.ค. ก.พ. มี.ค. 1. ศกึ ษา วเิ คราะห์ ความเป็ นไปและกาหนดหวั ขอ้ 2. จดั ทาโครงร่าง 3. นาเสนอโครงร่าง 4. โครงร่างฉบบั แกไ้ ข

31 5. ดาเนินกิจกรรมตามโครงการ 6. ส่งผลงาน/ช้ินงาน เพอ่ื ตรวจสอบและทดสอบ 7. ส่งร่าง paper ( 5 บท ) 8. ส่งรูปเล่ม 12. เวลำและสถำนท่ที ่ใี ช้ในกำรดำเนินกำร 1. ระยะเวลำ ระหวา่ งเดือน ตุลาคม 2556 ถึงเดือน กมุ ภาพนั ธ์ พ.ศ. 2557 วิธีกำรดำเนินงำน 2. สถำนท่ี วทิ ยาลยั เกษตรและเทคโนโลยเี ชียงใหม่ เลขท่ี 249 ม. 11 ต.บา้ นกลาง อ.สนั ป่ าตอง จ.เชียงใหม่ 50120 13. งบประมำณเพ่ือใช้ในกำรศึกษำ เงนิ ลงทนุ ของผจู้ ดั ทาโครงการ 2 คน คนละ 1,000 บาท รวมเป็ นเงิน 2,000 บาท

32 ภำคผนวก ข เครื่องมือท่ีใช้ในกำรรวบรวมข้อมูล แบบสอบถำมควำมพงึ พอใจท่ีมตี ่อกระถำงจำกเปลือกลำไยอบแห้ง

33


Like this book? You can publish your book online for free in a few minutes!
Create your own flipbook