1.7 สื่อ นวัตกรรมและเทคโนโลยีทางการศกึ ษา สอ่ื (medium,pl.media) เปน็ คำทม่ี ำจำกภำษำลำตินวำ่ “medium” และแปลว่ำ “ระหวำ่ ง (between) หมำยถงึ สงิ่ ใดกต็ ำมทบ่ี รรจุขอ้ มูลเพื่อให้ผสู้ ง่ และผรู้ ับสำมำรถส่ือ สำรกันไดต้ รงตำม วัตถุประสงค์ เมอ่ื มกี ำรนำส่อื มำใช้ในกำรเรียนกำรสอน สื่อการสอน (Instructional Media) หมำยถึง กำรนำส่ือมำใชใ้ นกำรเรียนกำรสอนโดยตรง ซึ่งหมำยถึง กำรนำวสั ดุ เครอื่ งมือและวิธีกำรมำเปน็ สะพำนเชอ่ื มโยงควำมรู้ เนื้อหำไปยงั ผเู้ รยี นได้ เพอ่ื ทำใหเ้ กดิ ควำมเข้ำใจ ส่งิ ที่ถ่ำยทอดซ่ึงกนั และกัน ได้ผลตำมจุดมงุ่ หมำย สอ่ื ชนิดใดกต็ ำมไมว่ ่ำจะเป็นเทปบันทกึ เสียง สไลด์วทิ ยุโทรทศั น์ วีดีทัศน์ แผนภมู ิ ภำพนงิ่ ซึง่ บรรจเุ น้อื หำเกี่ยวกบั กำรเรยี น กำรสอน ประเภทของสอื่ การเรยี นการสอน สอ่ื กำรเรยี นกำรสอนแบง่ ตำมคณุ ลกั ษณะได้ 4 ประเภทคอื 1. สอ่ื ประเภทวัสดุ ไดแ้ ก่ สไลด์ แผ่นใส เอกสำร ตำรำ สำรเคมี สงิ่ พมิ พ์ต่ำง ๆ และคูม่ ือกำรฝกึ ปฏบิ ตั ิ 2. สอ่ื ประเภทอปุ กรณ์ ได้แก่ ของจรงิ หุน่ จำลอง เครอื่ งเลน่ เทปเสียง เครือ่ งเลน่ วดี ิทศั น์ เครื่องฉำยแผ่นใส อปุ กรณ์ และเครอ่ื งมอื ในหอ้ งปฏบิ ัตกิ ำร 3. ส่อื ประเภทเทคนคิ หรอื วธิ ีกำร ได้แก่ กำรสำธิต กำรอภปิ รำยกลมุ่ กำรฝึกปฏบิ ัตกิ ำรฝกึ งำน กำรจัดนทิ รรศกำร และสถำนกำรณจ์ ำลอง 4. สื่อประเภทคอมพวิ เตอร์ ได้แก่ คอมพิวเตอรช์ ว่ ยสอน (CAI) กำรนำเสนอดว้ ยคอมพิวเตอร์ (Computer presentation) กำรใช้ Intranet และ Internet เพอื่ กำรสอ่ื สำร (Electronic mail: E-mail) และกำรใช้ WWW (World Wide Web) ประเภทของส่ือตามแนวคดิ ของ เอดการ์ เดล (Edgar Dale) เอดการ์ เดล (Dale, 1969) ได้จัดแบ่งส่อื กำรสอนเพอื่ เป็นแนวทำงในกำรอธบิ ำยถงึ ควำมสัมพนั ธ์ ระหว่ำงสื่อโสตทัศนปู กรณต่ำงๆ ในขณะเดียวกันก็เปน็ กำรแสดงขั้นตอนของประสบกำรณ์กำรเรยี นรู้ และกำรใชส้ ื่อ แต่ละประเภทในกระบวนกำรเรยี นรู้ด้วย โดยพฒั นำควำมคดิ ของบรุนเนอร์ (Bruner) ซึ่งเปน็ นักจิตวิทยำ นำมำสร้ำงเปน็ “กรวยประสบกำรณ”์ (Cone of Experiences) โดยกำรแบ่งเปน็ ขั้นตอนดังน้ี
1. ประสบกำรณต์ รง เป็นประสบกำรณ์ขั้นที่เป็นรปู ธรรมมำกทสี่ ดุ โดยกำรใหผ้ ู้เรยี นได้รบั ประสบกำรณ์ โดยตรงจำกของจรงิ สถำนกำรณจ์ รงิ หรอื ด้วยกำรกระทำของตนเอง เชน่ กำรจบั ต้องและกำรเห็น เปน็ ต้น 2. ประสบกำรณร์ อง เป็นกำรเรยี นรู้โดยใหผ้ ู้เรยี นเรียนจำกสงิ่ ทใี่ กลเ้ คยี งควำมเปน็ จรงิ ที่สดุ ซงึ่ อำจ เปน็ ของจำลองหรอื กำรจำลองก็ได้ 3. ประสบกำรณน์ ำฏกรรมหรือกำรแสดง เป็นกำรแสดงบทบำทสมมตหิ รอื กำรแสดงละคร เพื่อเป็นกำรจัด ประสบกำรณใ์ ห้แกผ่ ู้เรียนในเรื่องทมี่ ีข้อจำกัดด้วยยุคสมยั เวลำ และสถำนที่ เช่น เหตุกำรณใ์ นประวัติศำสตร์หรือ เรือ่ งรำวทเี่ ป็นนำมธรรม เป็นต้น 4. กำรสำธติ เป็นกำรแสดงหรือกระทำประกอบคำอธบิ ำยเพือ่ ให้เป็นลำดบั ขน้ั ตอนของกำรกระทำนั้น 5. กำรศึกษำนอกสถำนที่ เป็นกำรใหผ้ ู้เรียนได้รบั และเรียนระู้ สบกำรณต์ ำ่ ง ๆ ภำยนอกสถำนท่ีเรยี น อำจเป็น กำรเย่ียมชมสถำนท่ีต่ำง ๆ กำรสมั ภำษณบ์ คุ คลต่ำงๆ เป็นตน้ 6. นิทรรศกำร เปน็ กำรจัดแสดงส่ิงของต่ำง ๆ กำรจดั ป้ำยนเิ ทศ เพือ่ ใหส้ ำรประโยชนแ์ ละควำมรู้ แก่ผู้ชม เป็นกำรใหป้ ระสบกำรณ์แกผ่ ู้ชมโดยกำรนำประสบกำรณห์ ลำยอยำ่ งผสมผสำนกันมำกทสี่ ดุ 7. โทรทัศน์โดยใชท้ ้ังโทรทศั น์กำรศึกษำและโทรทัศน์กำรสอนเพื่อให้ขอ้ มลู ควำมรู้แก่ผเู้ รียนหรอื ผู้ชมที่อยใู่ น ห้องเรียนหรืออยทู่ ำงบ้ำนและใชส้ ง่ ได้ทั้งในระบบวงจรเปิดและวงจรปดิ กำรสอนอำจจะเป็นกำรสอนสดหรอื บันทึกลง วีดีทัศนก์ ็ได้ 8. ภำพยนตร์เป็นภำพทบ่ี ันทกึ เรอื่ งรำวเหตุกำรณล์ งบนฟลิ ม์ เพ่ือใหผ้ ู้เรียนได้รบั ประสบกำรณท์ ั้งภำพและ เสียง โดยใชป้ ระสำทตำและหู 9. กำรบนั ทกึ เสียง วิทยุ ภำพน่ิง กำรบนั ทึกเสยี งอำจเป็นทงั้ ในรปู แผ่นเสียงหรอื เทปบันทกึ เสียง วทิ ยเุ ป็นส่ือท่ี ให้เฉพำะเสยี ง สว่ นภำพน่งิ อำจเป็นรูปภำพ สไลด์ โดยเป็นภำพวำด ภำพลอ่ หรือภำพเสมอื นจรงิ ก็ได้ขอ้ มลู ท่อี ยใู่ นส่ือ ขั้นน้จี ะให้ประสบกำรณแ์ กผ่ ู้เรียนที่ถงึ แมจ้ ะอ่ำนหนงั สือไมอ่ อก แต่ก็สำมำรถจะเขำ้ ใจเนอื้ หำเร่อื งรำวทส่ี อนได้ เน่ืองจำกเป็นกำรนบั หรือดูภำพเท่ำนน้ั ไม่จำเป็นต้องอ่ำน 10. ทัศนสญั ลกั ษณ์ เช่น แผนที่ แผนภูมิ แผนสถติ ิ หรือเครอื่ งหมำยต่ำงๆ ซงึ่ เป็นส่ิงทเี่ ป็นสญั ลกั ษณแ์ ทน ควำมเป็นจรงิ ของสง่ิ ต่ำง ๆ หรือข้อมลู ที่ต้องกำรให้เรยี นรู้ 11. วจนสัญลกั ษณเ์ ปน็ ประสบกำรณข์ ้ันทเี่ ป็นนำมธรรมมำกท่สี ุด ได้แก่ ตัวหนงั สอื ในภำษำเขยี น และเสียงของคำพูดในภำษำพูด สื่อการเรยี นการสอนจาแนกตามคณุ สมบตั ิ Wilbure Young ไดจ้ ัดแบ่งไว้ดงั นี้ 1. ทศั นวสั ดุ (Visual Materials) เชน่ กระดำนดำ กระดำนผ้ำสำลี) แผนภมู ิ รปู ภำพ ฟิลม์ สตรปิ สไลด์ ฯลฯ 2. โสตวสั ดุ (Audio Materisls ) เชน่ เครื่องบนั ทกึ เสยี ง (Tape Recorder) เคร่ืองรบั วิทยุ หอ้ งปฏิบตั กิ ำรทำงภำษำ ระบบขยำยเสียง ฯลฯ 3. โสตทศั นวสั ดุ (Audio Visual Materials) เช่น ภำพยนตร์ โทรทศั น์ ฯลฯ 4. เครือ่ งมอื หรอื อปุ กรณ์ (Equipments) เช่น เครอื่ งฉำยภำพยนตร์ เคร่อื งฉำยฟลิ ม์ สตริปเครือ่ งฉำยสไลด์ 5. กิจกรรมตำ่ ง ๆ (Activities )เช่น นทิ รรศกำร กำรสำธิต ทัศนศึกษำ ฯลฯ สอ่ื การเรยี นการสอนจาแนกตามรปู แบบ (Form)Louis Shores ได้แบง่ ประเภทส่อื กำรสอนตำมแบบไว้ ดงั น้ี 1. สิง่ ตพี มิ พ์ (Printed Materials) เช่น หนังสอื แบบเรยี น เอกสำรกำรสอน ฯลฯ 2 วสั ดกุ กรำฟิก เชน่ แผนภูมิ ( Charts) แผนสถิติ (Graph) แผนภำพ (Diagram) ฯลฯ
3. วัสดฉุ ำยและเคร่ืองฉำย (Projected Materials and Equipment) เชน่ ภำพยนตร์ สไลด์ ฯลฯ 4. วสั ดุถำ่ ยทอดเสียง (Transmission) เช่น วทิ ยุ เคร่อื งบันทกึ เสยี ง สอื่ การเรียนการสอนตามลกั ษณะและการใช้ 1. เครือ่ งมอื หรืออปุ กรณ์ (Hardware) เปน็ ส่ือท่ีประกอบดว้ ยกลไกไฟฟ้ำและอิเลคทรอนิกส์ 2. วสั ดุ (Software) เปน็ สื่อท่มี ขี นำดเลก็ ๆทงั้ หลำย บำงครั้งสำมำรถทำงำนได้ดว้ ยตวั มนั เอง เชน่ แผน่ ใส เอกสำร ตำรำ รูปภำพ ปำ้ ยนเิ ทศ สิ่งพมิ พ์ต่ำงๆ และค่มู อื กำรฝกึ ปฏบิ ตั ิ 3. เทคนิคหรือวิธกี ำร (Techinques or Methods) เปน็ โดยกำรถำ่ ยทอดประกำรณ์ควำมรู้ คณุ ค่าและประโยชน์ของสอ่ื การเรยี นการสอน 1. ชว่ ยใหผ้ ู้เรียนเกดิ กำรเรียนรอู้ ยำ่ งมปี ระสิทธิภำพ ไดแ้ ก่ 1.1 เรียนรู้ไดด้ ขี ้ึนจำกประสบกำรณท์ มี่ ีควำมหมำยในรปู แบบต่ำงๆ 1.2 เรียนรไู้ ดอ้ ย่ำงถกู ตอ้ ง 1.3 เรยี นร้ไู ด้งำ่ ยและเข้ำใจได้ชดั เจน 1.4 เรียนรู้ไดม้ ำกขน้ึ 1.5 เรียนรู้ได้ในเวลำที่จำกดั 2. ช่วยใหส้ ำมำรถเอำชนะข้อจำกดั ต่ำง ๆ ในกำรเรยี นรู้ ไดแ้ ก่ 2.1 ทำส่งิ นำมธรรมใหเ้ ปน็ รปู ธรรมมำกขนึ้ 2.2 ทำส่ิงซบั ซ้อนให้งำ่ ยข้ึน 2.3 ทำสง่ิ เคล่ือนไหวชำ้ ใหเ้ ร็วข้นึ 2.4 ทำสง่ิ เคล่อื นไหวเรว็ ใหช้ ้ำลง 2.5 ทำสิง่ เลก็ ให้ใหญ่ข้นึ 2.6 ทำสิ่งใหญ่ใหเ้ ล็กลง 2.7 นำสงิ่ ทีอ่ ยไู่ กลมำศกึ ษำได้ 2.8 นำส่ิงทีเ่ กดิ ในอดีตมำศึกษำได้ชว่ ยกระตุ้นควำมสนใจของผู้ 2.9 ชว่ ยให้จดจำไดน้ ำน เกดิ ควำมประทบั ใจและมั่นใจในกำรเรียน 2.10 ช่วยให้ผ้เู รยี นได้คดิ และแกป้ ัญหำ 2.11 ชว่ ยแก้ปญั หำเรือ่ งควำมแตกตำ่ งระหวำ่ งบคุ คล คุณคา่ ของส่ือการเรียนการสอนการเรียนการสอน 1.สือ่ กำรเรยี นกำรสอนสำมำรถเอำชนะขอ้ จำกัดเรอ่ื งควำมแตกต่ำงกันของประสบกำรณด์ ้งั เดมิ ของผเู้ รยี น คอื เม่อื ใชส้ ่ือกำรเรยี นกำรสอนแลว้ จะช่วยให้เดก็ ซง่ึ มีประสบกำรณ์เดมิ ตำ่ งกนั เข้ำใจไดใ้ กลเ้ คยี งกัน 2.ขจัดปัญหำเก่ียวกบั เรื่องสถำนที่ ประสบกำรณต์ รงบำงอยำ่ ง หรอื กำรเรยี นรู้ 3.ทำให้เดก็ ไดร้ บั ประสบกำรณ์ตรงจำกสง่ิ แวดลอ้ มและสังคม 4.ส่ือกำรเรยี นกำรสอนทำให้เดก็ มคี วำมคดิ รวบยอดเปน็ อยำ่ งเดยี วกัน 5.ทำใหเ้ ดก็ มีมโนภำพเรม่ิ แรกอยำ่ งถกู ต้องและสมบรู ณ์ 6.ทำให้เดก็ มีควำมสนใจและตอ้ งกำรเรยี นในเรอื่ งตำ่ ง ๆ มำกข้นึ เช่นกำรอำ่ น ควำมคิดรเิ รม่ิ สร้ำงสรรค์ ทัศนคติ กำรแก้ปญั หำ ฯลฯ
7.เปน็ กำรสร้ำงแรงจงู ใจและเรำ้ ควำมสนใจ 8.ช่วยให้ผ้เู รียนไดม้ ปี ระสบกำรณจ์ ำกรูปธรรมสนู่ ำมธรรม นวัตกรรมการศึกษา “นวตั กรรมการศึกษา (Educational Innovation )” หมำยถึง นวตั กรรมท่ีจะชว่ ยให้กำรศกึ ษำ และกำร เรยี นกำรสอนมีประสิทธิภำพดยี ิ่งขนึ้ ผู้เรยี นสำมำรถเกิดกำรเรียนร้อู ย่ำงรวดเรว็ มปี ระสิทธผิ ลสงู กวำ่ เดิม เกิดแรงจูงใจ ในกำรเรียนดว้ ยนวตั กรรมกำรศึกษำ และประหยัดเวลำในกำรเรยี นไดอ้ กี ด้วย ในปจั จบุ ันมีกำรใชน้ วตั กรรมกำรศกึ ษำ มำกมำยหลำยอยำ่ ง ซง่ึ มที ัง้ นวตั กรรมท่ีใชก้ ันอย่ำงแพรห่ ลำยแล้ว และประเภททกี่ ำลงั เผยแพร่ เชน่ กำรเรยี นกำรสอน ท่ใี ช้คอมพิวเตอร์ชว่ ยสอน (Computer Aids Instruction) กำรใช้แผ่นวิดที ัศน์เชงิ โต้ตอบ (Interactive Video) สอื ห ลำยมิติ ( Hypermedia ) และอินเทอรเ์ น็ต [Internet] เหลำ่ น้ี เป็นต้น นวตั กรรมทางการศึกษาต่างๆ ทีก่ ล่าวถงึ กนั มากในปัจจุบัน 1.E-Learning ควำมหมำย e-Learning เปน็ คำท่ีใช้เรียกเทคโนโลยีกำรศกึ ษำแบบใหมท่ ยี่ ังไม่มชี ่ือภำษำไทยทีแ่ นช่ ัด และมผี ูน้ ยิ ำมควำมหมำยไวห้ ลำยประกำร ผศ.ดร.ถนอมพรเลำหจรสั แสง ให้คำนยิ ำม ELearning หรอื Electronic Learning วำ่ หมำยถึง “กำรเรยี นผำ่ นทำงสอื่ อเิ ลคทรอนกิ สซ์ ่งึ ใช้กำรนำเสนอเน้อื หำทำงคอมพิวเตอรใ์ นรูปของสอื่ มลั ตมิ เี ดยี ไดแ้ ก่ ข้อควำมอเิ ลคทรอนกิ ส์ภำพนงิ่ ภำพกรำฟกิ วิดโี อ ภำพเคลอื่ นไหว ภำพสำมมติ ิ ”เชน่ เดียวกับ คุณธดิ ำทิตย์จนั คนำ ทใ่ี หค้ วำม หมำยของ e-learning หมำยถึงกำรศกึ ษำทเ่ี รียนรู้ผำ่ นเครือขำ่ ยอินเตอรเ์ นตโดย ผเู้ รยี นรจู้ ะเรียนรูด้ ้วยตัวเอง ำรเรยี นรู้จะเปน็ ไปตำมปัจจัยภำยใต้ทฤษฎแี หง่ กำรเรยี นรสู้ องประกำรคือเรียนตำมควำมรู้ ควำมสำมำรถของผู้เรียนเอง และ กำรตอบสนองในควำมแตกต่ำงระหวำ่ งบุคคล(เวลำที่แต่ละบคุ คลใช้ ในกำรเรียนร)ู้ กำรเรียนจะกระทำผำ่ นสอื่ บนเครือข่ำยอนิ เตอร์เนตโดยผู้สอนจะนำเสนอข้อมูลควำมรใู้ หผ้ ู้เรยี นได้ ทำกำรศึกษำผำ่ นบรกิ ำร World Wide Web หรอื เวปไซด์ โดยอำจใหม้ ปี ฏิสัมพนั ธ์ (สนทนำ โตต้ อบ ส่งข่ำวสำร) ระหวำ่ งกันจะที่มกี ำร เรียนรู้ในสำมรูปแบบคอื ผู้สอนกับ ผเู้ รยี นผ้เู รยี นกบั ผเู้ รียนอกี คนหนง่ึ หรอื ผเู้ รียน หนงึ่ คนกบั กลมุ่ ของผเู้ รยี นปฏสิ มั พันธน์ ส้ี ำมำรถ กระทำ ผ่ำนเคร่อื งมอื สองลกั ษณะคอื 1) แบบ Real-time ได้แก่กำรสนทนำในลกั ษณะของกำรพมิ พ์ขอ้ ควำมแลกเปลยี่ นขำ่ วสำรกันหรอื ส่งในลกั ษณะของเสยี ง จำกบริกำรของ Chat room 2) แบบ Non real-time ไดแ้ ก่กำรสง่ ขอ้ ควำมถงึ กันผ่ำนทำงบรกิ ำร อิเลคทรอนคิ เมลล์WebBoard News- group เปน็ ต้น 2.หอ้ งเรียนเสมือนจรงิ (Vitual Classroom) ห้องเรียนเสมอื น เปน็ กำรจดั สงิ่ แวดลอ้ มในควำมวำ่ งเปลำ่ (space) โดยอำศยั ศกั ยภำพของเทคโนโลยี คอมพิวเตอร์ เพื่อใหเ้ ปน็ กำรจดั ประสบกำรณเ์ สมอื นจริงแกผ่ ู้เรยี น นอกจำกน้นั ยงั มสี ง่ิ สนับสนุน อ่นื ๆ ท่จี ะชว่ ยทำให้ กำรมปี ฏิสมั พนั ธ์แบบเผชญิ หน้ำ ซง่ึ บำงโอกำสอำจจะเปน็ ไปไม่ไดห้ รอื เปน็ ไปได้ยำกนนั้ สำมำรถกระทำได้เสมอื น บรรยำกำศกำรพบกนั จรงิ ๆ กระบวนกำรทั้งหมดดงั ทก่ี ลำ่ วมำน้ี มิใช่เปน็ กำรเดินทำงไปที่โรงเรยี นหรอื มหำวิทยำลยั แตจ่ ะเปน็ กำรเข้ำถงึ ด้ำนกำรพมิ พ์ กำรอ่ำนข้อควำม หรือข้อมลู ผ่ำนคอมพวิ เตอรท์ เี่ ชื่อมตอ่ เข้ำกับระบบคอมพิวเตอร์ที่ มซี อฟแวร์ เพอ่ื ควบคุมกำรสร้ำงบรรยำกำศแบบห้องเรยี นเสมือน กำรมสี ว่ นร่วม
จะเป็นแบบภำวะต่ำงเวลำ ซึ่งทำใหม้ ผี ูเ้ รยี น ในระบบหอ้ งเรยี นเสมอื นสำมำรถเชอ่ื มตอ่ เข้ำไปศึกษำได้ทกุ ที่ ทกุ เวลำ 3.ส่ือหลายมิติ ส่ือหลำยมติ นิ ้ันเป็นสื่อประสมทพ่ี ัฒนำมำจำกขอ้ ควำมหลำยมติ ิที่ชว่ ยในเร่อื งควำมจำและควำมคดิ ของมนษุ ย์ ทจ่ี ะช่วยใหเ้ รำสำมำรถสืบค้นและเรยี กใช้ขอ้ มูลจำกคอมพิวเตอร์ไดห้ ลำย ๆ ข้อมูลในเวลำเดยี วกนั เหมอื นกับทคี่ นเรำ สำมำรถคดิ เรอื่ งต่ำง ๆ ไดห้ ลำยเรือ่ งในเวลำเดียวกัน ความสาคญั ของนวัตกรรมทางการศกึ ษา นวัตกรรมมคี วำมสำคญั ต่อกำรศกึ ษำหลำยประกำร ทั้งนเี้ นอ่ื งจำกในโลกยุคโลกำภวิ ัตน์Globalization มกี ำรเปล่ยี นแปลงในทกุ ด้ำนอย่ำงรวดเรว็ โดยเฉพำะอย่ำงยงิ่ ควำมก้ำวหน้ำทงั้ ด้ำนเทคโนโลยีและสำรสนเทศ กำรศึกษำจงึ จำเปน็ ตอ้ งมีกำรพัฒนำเปล่ยนแปลงจำกระบบกำรศึกษำท่มี อี ยเู่ ดิม เพอื่ ใหท้ นั สมัยตอ่ กำรเปล่ียนแปลง ของเทคโนโลยี และสภำพสงั คมทเี่ ปล่ียนแปลงไป อกี ทง้ั เพ่อื แก้ไขปญั หำทำงด้ำนกำรศึกษำบำงอย่ำงท่ีเกิดขึน้ อยำ่ งมี ประสทิ ธิภำพเช่นเดยี วกนั กำรเปลี่ยนแปลงทำงดำ้ นกำรศึกษำจึงจำเป็นต้องมกี ำรศึกษำเกีย่ วกบั นวัตกรรมกำรศกึ ษำ ท่จี ะนำมำใช้เพือ่ แกไ้ ขปัญหำทำงดำ้ นกำรศกึ ษำในบำงเร่อื ง เชน่ ปญั หำทเ่ี กี่ยวเนอ่ื งกบั จำนวนผเู้ รยี นทม่ี ำกขึ้น กำรพฒั นำหลักสตู รใหท้ นั สมยั กำรผลติ และพฒั นำสื่อใหม่ ๆ ข้นึ มำเพอ่ื ตอบสนองกำรเรยี นรู้ของมนษุ ย์ใหเ้ พม่ิ มำกขนึ้ ดว้ ยระยะเวลำท่สี ้ันลง กำรใชน้ วตั กรรมมำประยกุ ต์ในระบบกำรบริหำรจดั กำรด้ำนกำรศึกษำก็มสี ว่ นชว่ ยใหก้ ำรใช้ ทรัพยำกรกำรเรียนรเู้ ปน็ ไปอย่ำงมปี ระสทิ ธิภำพ เช่น เกดิ กำรเรียนรู้ด้วยตนเอง ประเภทของนวัตกรรมทางการศึกษา มี 2 ประเภท 1. เทคนคิ และวิธีกำร 2. สิ่งประดิษฐว์ สั ดอุ ปุ กรณ์ คุณคา่ และประโยชน์ของนวตั กรรมการศกึ ษาและการเรยี นการสอน 1. ช่วยพฒั นำศักยภำพ และควำมสำมำรถสงู สดุ ของบคุ คล 2. ชว่ ย ขยำยขอบเขตควำมรู้ และโลกทศั น์ทำงวิชำกำรไดอ้ ย่ำงมีประสทิ ธิภำพ 3. ช่วยลดปัญหำเรื่องควำมแตกตำ่ งระหวำ่ งบุคคล 4. ชว่ ยเปิดโอกำสทำงกำรเรียนให้กบั ผเู้ รยี นอย่ำงทวั่ ถึง 5. ชว่ ยให้คนสำมำรถปรบั ตวั ในสังคมทีเ่ ปล่ียนแปลงอย่ำงรวดเร็วได้ 6. ช่วยใหผ้ ู้เรยี นใช้เวลำว่ำงใหเ้ กิดประโยชน์สงู สุด ในกำรศึกษำหำควำมรู้ เพิม่ เติม ตวั อยา่ งนวัตกรรม – คอมพิวเตอรช์ ่วยสอน (CAI : Computer-Assisted Instruction) – มัลตมิ เี ดีย (Multimedia) – กำรประชมุ ทำงไกล (Tele Conference) – วีดที ัศน์แบบมีปฎสิ มั พนั ธ์ (Interactive Media/Video) – บทเรยี นสำเรจ็ รปู (Programed Instruction) – เครอื่ งชว่ ยสอน(Teaching Machine)
– วทิ ยแุ ละโทรทัศนช์ ่วยสอน (Teaching By Radio and TV) – ชุดกำรสอน (Learning Packages) เทคโนโลยี \"เทคโนโลยี\"หมำยถงึ กำรนำควำมรู้ทำงวทิ ยำศำสตร์ กำรนำแนวคิด หลักกำร เทคนิค วธิ ีกำรกระบวนกำร ตลอดจนผลติ ผลทำงวิทยำศำสตร์มำประยุกต์ใช้ในระบบงำนต่ำงๆ เพ่ือปรบั ปรุงระบบงำนน้ันๆให้ดีขนึ้ และ มปี ระสทิ ธิภำพย่ิงข้ึน การนาเทคโนโลยีมาใชเ้ พื่อก่อให้เกิดประโยชน์และเอ้อื อานวยในด้านต่างๆ ดังนี้ 1. ดำ้ นประสทิ ธิภำพ (Efficiency) 2. ด้ำนประสทิ ธิผล (Effectiveness) 3. ประหยัด (Economy) 4. ปลอดภยั (Safety) ความสาคัญของเทคโนโลยกี ารศึกษา กำรนำเอำเทคโนโลยกี ำรศึกษำมำใช้นน้ั สว่ นใหญ่นำมำใชใ้ นกำรแกป้ ญั หำ ในด้ำนกำรศกึ ษำกเ็ ช่นเดยี วกนั เพรำะปญั หำทำงด้ำนกำรศกึ ษำมำกมำย เชน่ - ปญั หำผสู้ อน - ปัญหำผเู้ รียน - ปญั หำด้ำนเนือ้ หำ - ปญั หำด้ำนเวลำ - ปญั หำเรอ่ื งระยะทำง นอกจำกน้นั กำรนำเทคโนโลยีกำรศกึ ษำมำใชใ้ นกำรเรียนกำรสอนกเ็ พอ่ื เพมิ่ ประสทิ ธิภำพทำงกำรเรียนกำร สอนและเพม่ิ ประสทิ ธผิ ลทำงกำรศกึ ษำอีกด้วย ความสาคัญของเทคโนโลยีการศึกษา 1. เทคโนโลยกี ำรศกึ ษำทำให้กำรเรยี นกำรสอน มคี วำมหมำยมำกขึ้น ทำใหผ้ เู้ รียนสำมำรถเรียนได้กว้ำงขวำง เรียนไดเ้ ร็วขน้ึ ทำใหผ้ สู้ อนมเี วลำใหผ้ เู้ รียนมำกขึน้ 2. เทคโนโลยกี ำรศกึ ษำสำมำรถตอบสนองควำมแตกต่ำงของผู้เรียน ผเู้ รียนสำมำรถเรียนไดต้ ำมควำมสำมำรถ ของผู้เรยี น กำรเรียนกำรสอนจะเปน็ กำรตอบสนองควำมสนใจและควำมต้องกำรของแตล่ ะบคุ คลได้ดี 3. เทคโนโลยกี ำรศึกษำทำให้กำรจดั กำรศกึ ษำ ต้ังบนรำกฐำนของวิธกี ำรทำงวิทยำศำสตร์ ทำใหก้ ำรจดั กำรศกึ ษำเป็นระบบและเปน็ ขั้นตอน 4. เทคโนโลยกี ำรศึกษำช่วยให้กำรศกึ ษำมพี ลงั มำกข้ึน กำรนำเทคโนโลยดี ้ำนสือ่ เป็นเคร่ืองมอื อยำ่ งหนงึ่ ทจี่ ะ ทำใหก้ ำรศกึ ษำมพี ลงั 5. เทคโนโลยกี ำรศกึ ษำทำใหผ้ เู้ รียนสำมำรถเรยี นรู้ได้อย่ำงกวำ้ งขวำง และไดพ้ บกบั สภำพควำมจรงิ ในชวี ติ มำกทส่ี ุด 6. เทคโนโลยกี ำรศกึ ษำทำให้เปิดโอกำสทำงกำรศกึ ษำทงั้ ๆ กำรศึกษำในระบบ กำรศกึ ษำนอกระบบ และ กำรศกึ ษำตำมอธั ยำศยั
บทบาทของเทคโนโลยีการศกึ ษา บทบำทของเทคโนโลยกี ำรศึกษำในกำรเรยี นกำรสอนจึงมีอยู่ 4 บทบำท ดงั นี้ 1. บทบำทด้ำนกำรจดั กำร 2. บทบำทดำ้ นกำรพฒั นำ 3. บทบำทดำ้ นทรพั ยำกร 4. บทบำทดำ้ นผ้เู รยี น ประโยชน์ของเทคโนโลยีการศึกษา เมื่อกล่ำวถงึ ประโยชน์ของเทคโนโลยีกำรศึกษำ สำมำรถแบง่ ออกได้เปน็ ดำ้ นๆดังน้ี 1 ) ประโยชน์สำหรบั ผเู้ รียน ผเู้ รียนจะไดร้ บั ประโยชนด์ งั นี้ - ทำให้ผ้เู รียนมีโอกำสใชค้ วำมสำมำรถของตนเองในกำรเรยี นรู้อยำ่ งเต็มที่ - ผเู้ รียนมีโอกำสตัดสนิ ใจในกำรเลอื กเรียนตำมชอ่ งทำงท่เี หมำะกับควำมสำมำรถของตนเอง - ทำใหก้ ระบวนกำรเรยี นรูง้ ำ่ ยขึน้ - ผเู้ รยี นมีอิสระในกำรเลือก - ผ้เู รยี นสำมำรถเรยี นรใู้ นทกุ เวลำ ทุกสถำนท่ี - ทำใหก้ ำรเรียนมปี ระสทิ ธภิ ำพมำกข้นึ - ลดเวลำในกำรเรยี นรู้และผเู้ รยี นสำมำรถเรยี นรไู้ ดม้ ำกกว่ำเดิมในเวลำเท่ำกนั - ทำให้ผู้เรียนสำมำรถเรยี นรูไ้ ดท้ ้ังในแนวกวำ้ งและแนวลกึ - ชว่ ยให้ผ้เู รียนรู้จกั เสำะหำแหล่งกำรเรียนรู้ - ฝกึ ให้ผเู้ รียน คิดเปน็ และสำมำรถแกป้ ญั หำดว้ ยตนเองได้ 2 ) ประโยชน์สำหรบั ผสู้ อน ผสู้ อนจะไดป้ ระโยชน์ดังนี้ - ทำใหป้ ระสิทธภิ ำพของกำรสอนสงู ขน้ึ - ผสู้ อนสำมำรถจัดกิจกรรมไดห้ ลำกหลำย - ทำใหผ้ ู้สอนมีเวลำมำกขน้ึ จึงใช้เวลำท่ีเหลอื ในกำรเตรียมกำรสอนไดเ้ ตม็ ท่ี - ทำให้กระบวนกำรสอนง่ำยขึ้น - ลดเวลำในกำรสอนนอ้ ยลง - สำมำรถเพ่มิ เนื้อหำและจุดมงุ่ หมำยในกำรสอนมำกขน้ึ - ผู้สอนไมต่ อ้ งใช้เวลำสอนทัง้ หมดอยูใ่ นช้นั เรยี นเพรำะบทบำทส่วนหน่งึ ผ้เู รียนทำเอง - ผูส้ อนสำมำรถแก้ปญั หำควำมไมถ่ นดั ของตนเองได้ - ผู้สอนสำมำรถสอนผเู้ รียนได้เนอ้ื หำทกี่ ว้ำงและลึกซงึ้ กวำ่ เดมิ - ง่ำยในกำรประเมนิ เพรำะกำรใช้เทคโนโลยี มงุ่ ใหผ้ เู้ รียนประเมินตนเองด้วย 3 ) ประโยชน์ต่อกำรจัดกำรศกึ ษำ ในแง่ของกำรจดั กำรศึกษำจะไดร้ บั ประโยชน์ดงั นี้ - สำมำรถเปิดโอกำสของกำรเรยี นรู้ไดอ้ ย่ำงแทจ้ รงิ - ทำใหล้ ดชอ่ งวำ่ งทำงกำรศกึ ษำให้นอ้ ยลง - สำมำรถสร้ำงผเู้ รียนท่มี ปี ระสทิ ธภิ ำพมำกกวำ่ เดิม - ทำใหก้ ำรจัดกำรและกำรบรหิ ำรเป็นระบบมำกขึ้น - ทำใหล้ ดกำรใช้งบประมำณและสำมำรถใชง้ บประมำณท่ีมีอย่ใู ห้คมุ้ ค่ำ - สำมำรถแกป้ ญั หำทำงกำรศกึ ษำไดห้ ลำยประกำร
ความหมายของนวตั กรรมเทคโนโลยกี ารศกึ ษา เทคโนโลยแี ละนวัตกรรมกำรศกึ ษำ หมำยถึง กำรนำควำมกำ้ วหนำ้ ของวิทยำศำสตรเ์ ทคโนโลยี ทั้งวสั ดุ อุปกรณเ์ คร่ืองมือเครื่องจกั รกลไก รวมทง้ั เทคนคิ วิธกี ำรต่ำงๆ มำใช้ประกอบกำรจัดกจิ กรรมกำรเรียนกำรสอน เพ่ือมงุ่ หวังให้กำรเรยี นกำรสอนเกดิ ประสทิ ธิผลสงู สดุ ตอ่ กำรเรยี นรู้ตอ่ ผศู้ ึกษำ ตำมจุดมงุ่ หมำยและวตั ถุประสงค์ของ หลักสตู รนน้ั ๆ บทบาทของเทคโนโลยีและนวตั กรรมทางการศกึ ษากบั การจัดการเรียนการสอน เทคโนโลยแี ละนวตั กรรมทำงกำรศึกษำจงึ มีควำมสำคญั และบทบำทตอ่ กำรจดั กำรเรียนกำรสอน ดงั นี้ 1. ช่วยใหผ้ ้เู รยี นไดก้ ว้ำงขวำงมำกขึ้น 2. สำมำรถสนองเรื่องควำมแตกต่ำงระหว่ำงบุคคล 3. ให้กำรศกึ ษำดีขนึ้ 4. มบี ทบำทสำคัญต่อกำรพฒั นำส่ือกำรสอน 5. ทำใหก้ ำรเรยี นรู้ไมเ่ น้นเฉพำะดำ้ นควำมรู้เพยี งอยำ่ งเดยี ว 6. ช่วยเพ่มิ โอกำสทำงกำรศกึ ษำของผเู้ รียนใหม้ ำกข้ึน ข้อแตกตา่ ง และความสมั พนั ธ์ของเทคโนโลยแี ละนวัตกรรม นวตั กรรม คือ ควำมคิดและนวัตกรรมใหม่ ๆ ท่ีนำมำใชใ้ นกำรปรบั ปรุงเปลี่ยนแปลงกำรดำเนินงำนให้มี ประสิทธิภำพสงู ข้ึน เทคโนโลยี คอื กำรนำเอำขบวนกำรวิธกี ำรและแนวควำมคิดใหม่ ๆ มำใชห้ รือประยุกต์ใช้อย่ำงมรี ะบบเพอื่ ให้ กำรดำเนนิ งำนเป็นไปอย่ำงมปี ระสทิ ธิภำพ ** ควำมสัมพันธข์ องเทคโนโลยแี ละนวตั กรรม คือ กำรใหก้ ำรดำเนนิ งำนเปน็ ไปอย่ำงมปี ระสทิ ธิภำพ โดย ควำมคิดหรือกำรกระทำใหม่ ๆ จะถูกนำมำใช้ก่อนจนกว่ำจะถกู ใหเ้ ป็นส่วนหนงึ่ ของระบบ งำนในปจั จบุ นั ดงั น้ัน ควำมคิดหรือกำรกระทำใหม่ ๆ ที่เรยี กวำ่ นวัตกรรมจะกลำยเปน็ เทคโนโลยีทนั ที
Search
Read the Text Version
- 1 - 8
Pages: