๕๐ ๒. สาระทีค่ วรเรียนรู้ สำระที่ควรเรียนรู้ เปน็ เรอ่ื งรำวรอบตวั เด็กทีน่ ำมำเปน็ ส่อื กลำงในกำรจัดกิจกรรมให้เดก็ เกดิ แนวคิด หลงั จำกนำสำระที่ควรร้นู ั้น ๆ มำจัดประสบกำรณ์ใหเ้ ด็ก เพ่อื ให้บรรลจุ ดุ หมำยทีก่ ำหนดไว้ ทั้งน้ี ไม่เน้นกำรทอ่ งจำ เน้อื หำ ผูส้ อนสำมำรถกำหนดรำยละเอียดขึ้นเองให้สอดคลอ้ งกบั วยั ควำมต้องกำร และควำมสนใจของเด็ก โดยให้ เด็กได้เรียนรู้ผ่ำนประสบกำรณ์สำคญั ทัง้ น้ี อำจยืดหยุ่นเน้ือหำได้ โดยคำนงึ ถึงประสบกำรณแ์ ละสง่ิ แวดลอ้ มในชีวิต จรงิ ของเด็ก ดังนี้ ๒.๑ เรอื่ งราวที่เกีย่ วกบั ตัวเด็ก เดก็ ควรเรยี นรู้ช่อื นำมสกลุ รปู ร่ำงหนำ้ ตำ อวยั วะต่ำง ๆ วธิ รี ะวัง รักษำร่ำงกำยให้สะอำดและมีสุขภำพอนำมัยที่ดี กำรรับประทำนอำหำรท่ีเป็นประโยชน์ กำรระมัดระวังควำม ปลอดภยั ของตนเองจำกผอู้ ืน่ และภยั ใกล้ตัว รวมทงั้ กำรปฏิบัติต่อผู้อ่นื อย่ำงปลอดภยั กำรรู้จกั ประวัตคิ วำมเป็นมำ ของตนเองและครอบครวั กำรปฏบิ ัตติ นเปน็ สมำชกิ ที่ดีของครอบครัวและโรงเรยี น กำรเคำรพสิทธิของตนเองและ ผู้อื่น กำรรู้จักแสดงควำมคิดเห็นของตนเองและรับฟังควำมคิดเห็นของผู้อ่ืน กำรกำกับตนเอง กำรเล่นและทำส่ิง ต่ำง ๆ ด้วยตนเองตำมลำพังหรือกับผู้อื่น กำรตระหนักรู้เก่ียวกับตนเอง ควำมภำคภูมิใจในตนเอง กำรสะท้อนกำรรับรู้ อำรมณ์และควำมรู้สึกของตนเองและผู้อ่ืน กำรแสดงออกทำงอำรมณ์และควำมรู้สึกอย่ำงเหมำะสม กำรแสดง มำรยำทท่ีดี กำรมีคุณธรรมจรยิ ธรรม ๒.๒ ชดมชนของเรา เด็กควรเรียนรู้เกี่ยวกับครอบครัวสถำนศึกษำ ชุมชน และบุคคลต่ำง ๆ ท่ีเด็ก ตอ้ งเกยี่ วข้องหรอื ใกล้ชิดและมีปฏิสมั พันธ์ในชวี ิตประจำวนั สถำนทส่ี ำคัญ วนั สำคญั อำชีพของคนในชมุ ชน ศำสนำ แหล่งวัฒนธรรมในชุมชน สัญลักษณ์สำคัญของชำติไทยและกำรปฏิบัติตำมวัฒนธรรมท้องถิ่นและควำมเป็นไทย หรือแหล่งเรยี นรูจ้ ำกภูมปิ ญั ญำท้องถ่นิ อืน่ ๆ ๒.๓ ารรมชาติรอบตัว เด็กควรเรียนรู้เกี่ยวกับชื่อ ลักษณะ ส่วนประกอบ กำรเปล่ียนแปลงและ ควำมสัมพันธ์ของมนษุ ย์ สัตว์ พืช ตลอดจนกำรรู้จักเกี่ยวกับดิน น้ำ ท้องฟ้ำ สภำพอำกำศ ภัยธรรมชำติ แรงและ พลงั งำนในชวี ติ ประจำวนั ทีแ่ วดลอ้ มเด็ก รวมทงั้ กำรอนุรักษส์ ่ิงแวดลอ้ มและกำรรกั ษำสำธำรณสมบัติ ๒.๔ ส่งิ ต่าง ๆ รอบตวั เด็ก เดก็ ควรเรียนรู้เกี่ยวกบั กำรใช้ภำษำเพ่อื ส่ือควำมหมำยในชวี ิตประจำวัน ควำมรู้พื้นฐำนเกี่ยวกับกำรใช้หนงั สือและตัวหนังสือ รู้จักช่ือ ลักษณะ สี ผิวสัมผัส ขนำด รูปร่ำง รูปทรง ปริมำตร นำ้ หนัก จำนวน สว่ นประกอบ กำรเปลย่ี นแปลงและควำมสัมพันธ์ของสิ่งตำ่ ง ๆ รอบตวั เวลำ เงนิ ประโยชน์ กำร ใช้งำน และกำรเลือกใช้สิ่งของเคร่ืองใช้ ยำนพำหนะ กำรคมนำคม เทคโนโลยีและกำรสื่อสำรต่ำง ๆ ท่ีใช้อยู่ใน ชวี ิตประจำวันอย่ำงประหยดั ปลอดภัยและรักษำสงิ่ แวดล้อม การจัดประสบการณ์ กำรจดั ประสบกำรณ์สำหรับเด็กแรกเกิดถึง ๖ ปี เป็นกำรจดั กิจกรรมในลักษณะ กำรบรู ณำกำรผ่ำนกำร เล่น กำรลงมือกระทำจำกประสบกำรณ์ตรงอยำ่ งหลำกหลำยโดยคำนึงถึงข้อจำกัดของเด็กพกิ ำรแต่ละคน ให้เกดิ ควำมรู้ ทักษะ คุณธรรม จริยธรรม รวมท้ังเกิดกำรพัฒนำท้ังด้ำนร่ำงกำย อำรมณ์ จิตใจ สังคม และสติปัญญำ ไม่จัดเปน็ รำยวชิ ำ โดยมีหลกั กำร และแนวทำงกำรจัดประสบกำรณ์ ดังน้ี
๕๑ ๑. หลกั การจดั ประสบการณ์ ๑.๑ จัดประสบกำรณ์กำรเล่นและกำรเรียนรู้อย่ำงหลำกหลำย เพ่ือพัฒนำเด็กโดยองค์รวม อย่ำง สมดลุ และต่อเนอื่ ง ๑.๒ เน้นเด็กเป็นสำคัญ สนองควำมต้องกำร ควำมสนใจ ควำมแตกต่ำงระหว่ำงบุคคลและบริบท ของสงั คมทเ่ี ด็กอำศัยอยู่ ๑.๓ จัดให้เด็กไดร้ บั กำรพฒั นำ โดยให้ควำมสำคัญกับกระบวนกำรเรียนรแู้ ละพัฒนำกำรของเด็ก ๑.๔ จัดกำรประเมินพัฒนำกำรให้เป็นกระบวนกำรอย่ำงต่อเนื่อง และเป็นส่วนหน่ึงของกำรจัด ประสบกำรณ์ พรอ้ มทงั้ นำผลกำรประเมินมำพฒั นำเด็กอย่ำงต่อเน่ือง ๑.๕ ใหพ้ ่อแม่ ครอบครวั ชุมชน และทกุ ฝ่ำยท่ีเกีย่ วข้องมีสว่ นรว่ มในกำรพัฒนำเด็ก ๒. แนวทางการจัดประสบการณ์ ๒.๑ จัดประสบกำรณ์ให้สอดคล้องกับจิตวิทยำพัฒนำกำรและกำรทำงำนของสมอง ท่ีเหมำะกับ อำยุ วฒุ ภิ ำวะและระดบั พัฒนำกำร เพือ่ ให้เด็กทกุ คนไดพ้ ัฒนำเต็มตำมศักยภำพ ๒.๒ จัดประสบกำรณ์ให้สอดคล้องกับแบบกำรเรียนรู้ของเด็กพิกำรแต่ละประเภท เด็กได้ลงมือ กระทำ เรียนรู้ผ่ำนประสำทสัมผัสทั้งห้ำ ได้เคลื่อนไหว สำรวจ เล่น สังเกต สืบค้น ทดลอง และคิดแก้ปัญหำด้วย ตนเอง โดยมีแนวกำรจดั กำรเรยี นรู้ของเดก็ พกิ ำรแต่ละประเภท ดังน้ี ๒.๒.๑ เด็กท่ีมีควำมบกพร่องทำงกำรเห็น ควรจัดกำรเรียนรู้ที่เน้นกำรใช้ประสำทสัมผัสท่ี เหลอื อยูใ่ นกำรทำกจิ กรรม ๒.๒.๒ เด็กท่ีมีควำมบกพร่องทำงกำรได้ยิน ควรจัดกำรเรียนรู้ที่เน้นกำรสื่อสำรโดยกำรใช้ ภำษำมอื ภำษำทำ่ ทำง กำรอ่ำนรมิ ฝปี ำก กำรฝกึ พูด ๒.๒.๓ เด็กท่ีมีควำมบกพรอ่ งทำงสติปัญญำ ควรจดั กำรเรยี นรทู้ เ่ี นน้ กำรสอนซำ้ ๆ สอนจำกงำ่ ย ไปยำก เปน็ ขนั้ ตอน และกำรวเิ ครำะห์งำน ๒.๒.๔ เดก็ ทม่ี คี วำมบกพร่องทำงร่ำงกำยหรือกำรเคล่ือนไหวหรือสุขภำพ ควรจัดกำรเรียนรู้ที่ เน้นกำรใชเ้ ทคโนโลยีส่งิ อำนวยควำมสะดวก ๒.๒.๕ เด็กที่มีควำมบกพร่องทำงกำรเรียนรู้ ควรจัดกำรเรียนรทู้ ่ีเนน้ กำรจำ จำกกำรเห็นและ ได้ยิน กำรเรยี งลำดบั กำรจดั ระเบียบตัวเอง ๒.๒.๖ เด็กท่ีมีควำมบกพร่องทำงกำรพูดและภำษำ ควรจัดกำรเรียนรู้ท่ีเน้นกำรออกเสียงให้ ชดั เจน กำรสอื่ สำรทผ่ี ู้อืน่ เข้ำใจได้ ๒.๒.๗ เด็กท่ีมีควำมบกพร่องทำงพฤติกรรมหรืออำรมณ์ ควรจัดกำรเรียนรทู้ ี่เน้นกำรควบคุม พฤตกิ รรมและอำรมณข์ องตนเอง กำรแสดงออกทำงพฤตกิ รรมได้อยำ่ งเหมำะสม ๒.๒.๘ เด็กออทิสติก ควรจัดกำรเรียนรู้ท่ีเน้นกำรสื่อสำร กำรอยู่ร่วมกันในสังคม กำรตอบสนองต่อ ประสำทสัมผัสทัง้ ๗ ๒.๒.๙ เดก็ พกิ ำรซอ้ น ควรจดั กำรเรยี นรู้ท่ีเนน้ ตำมลกั ษณะควำมพกิ ำรแต่ละประเภท ๒.๓ จดั ประสบกำรณ์แบบบรู ณำกำร โดยบูรณำกำรท้ังกิจกรรม ทกั ษะ และสำระกำรเรยี นรู้ ๒.๔ จัดประสบกำรณ์ให้เด็กได้ริเร่ิมคิด วำงแผน ตัดสินใจลงมือกระทำและนำเสนอควำมคิด โดย ผู้สอนหรอื ผู้จดั ประสบกำรณเ์ ป็นผู้สนบั สนุนอำนวยควำมสะดวก และเรียนรรู้ ่วมกบั เดก็ ๒.๕ จัดประสบกำรณ์ให้เด็กมีปฏิสัมพันธ์กับเด็กอ่ืนกับผู้ใหญ่ ภำยใต้สภำพแวดล้อมที่เอื้อต่อกำร เรียนร้ใู นบรรยำกำศทอี่ บอนุ่ มคี วำมสขุ และเรียนรู้กำรทำกิจกรรมแบบรว่ มมือในลักษณะตำ่ ง ๆ กัน
๕๒ ๒.๖ จัดประสบกำรณ์ให้เด็กมีปฏสิ ัมพนั ธ์กับสื่อ เทคโนโลยี ส่ิงอำนวยควำมสะดวก และแหล่งกำร เรยี นรู้ท่ีหลำกหลำยและอยู่ในวถิ ชี วี ิตของเด็ก สอดคล้องกับบรบิ ท สงั คม และวฒั นธรรมท่ีแวดล้อมเดก็ ๒.๗ จัดประสบกำรณ์ที่ส่งเสรมิ ลักษณะนสิ ัยที่ดีและทกั ษะกำรใช้ชีวิตประจำวัน ตำมแนวทำงหลัก ปรัชญำของเศรษฐกิจพอเพียง ตลอดจนสอดแทรกคุณธรรมจริยธรรม และกำรมีวินัยให้เป็นส่วนหนึ่งของกำรจดั ประสบกำรณก์ ำรเรียนรู้อย่ำงต่อเนอื่ ง ๒.๘ จัดประสบกำรณ์ท้ังในลักษณะท่ีมีกำรวำงแผนไว้ล่วงหน้ำและแผนท่ีเกิดข้นึ ในสภำพจริง โดย ไม่ได้คำดกำรณ์ไว้ ๒.๙ จัดทำสำรนิทัศน์ด้วยกำรรวบรวมข้อมูลเก่ียวกับพัฒนำกำรและกำรเรียนร้ขู องเด็กเป็นรำยบุคคล นำมำไตร่ตรองและใช้ให้เปน็ ประโยชน์ตอ่ กำรพัฒนำเด็กและกำรวิจยั ในชนั้ เรียน ๒.๑๐ จัดประสบกำรณ์โดยให้พ่อแม่ ครอบครัว และชุมชนมีส่วนร่วมท้ังกำรวำงแผนกำรสนับสนนุ ส่อื แหลง่ เรียนรู้ กำรเขำ้ รว่ มกิจกรรม และกำรประเมินพัฒนำกำร ๓. การจัดกจิ กรรมประจาวนั กิจกรรมสำหรับเด็กอำยุแรกเกดิ ถึง ๖ ปี สำมำรถนำมำจัดเป็นกิจกรรมประจำวันได้หลำยรูปแบบ เป็น กำรช่วยให้ผู้สอนหรือผู้จัดประสบกำรณ์ทรำบว่ำแต่ละวันจะทำกิจกรรมอะไร เมื่อใด และอย่ำงไร ท้ังนี้ กำรจัด กิจกรรมประจำวันสำมำรถจัดได้หลำยรูปแบบ ข้ึนอยู่กับควำมเหมำะสมในกำรนำไปใช้ของแต่ละหน่วยงำนและ สภำพชมุ ชน ท่สี ำคญั ผู้สอนต้องคำนงึ ถึงกำรจัดกิจกรรมให้ครอบคลมุ พฒั นำกำรทุกด้ำน กำรจัดกจิ กรรมประจำวัน มีหลักกำรจัดและขอบข่ำยของกจิ กรรมประจำวนั ดงั น้ี ๓.๑ หลักการจัดกจิ กรรมประจาวนั ๓.๑.๑ กำหนดระยะเวลำในกำรจัดกิจกรรมแต่ละกิจกรรมให้เหมำะสมกับวัยของเด็กในแต่ ละวัน แต่ยืดหย่นุ ได้ตำมควำมต้องกำรและควำมสนใจของเด็ก เชน่ วัย ๓ - ๔ ปี มีควำมสนใจประมำณ ๘ - ๑๒ นำที วัย ๔ - ๕ ปี มีควำมสนใจประมำณ ๑๒ - ๑๕ นำที วยั ๕ - ๖ ปี มคี วำมสนใจประมำณ ๑๕ - ๒๐ นำที ๓.๑.๒ กจิ กรรมท่ตี ้องใช้ควำมคิดทง้ั ในกล่มุ เล็กและกลมุ่ ใหญ่ ไม่ควรใชเ้ วลำต่อเนอ่ื งนำนเกิน กวำ่ ๒๐ นำที ๓.๑.๓ กิจกรรมที่เด็กมีอิสระเลือกเล่นเสรี เพื่อช่วยให้เด็กรู้จักเลือก ตัดสินใจคิดแก้ปัญหำ คดิ สรำ้ งสรรค์ เช่น กำรเล่นตำมมุม กำรเล่นกลำงแจง้ ฯลฯ ใชเ้ วลำประมำณ ๔๐-๖๐ นำที ๓.๑.๔ กิจกรรมควรมีควำมสมดุลระหว่ำงกิจกรรมในห้องและนอกห้อง กิจกรรมท่ีใช้ กล้ำมเนื้อใหญ่และกล้ำมเน้ือเล็ก กิจกรรมท่ีเป็นรำยบุคคล กลุ่มย่อยและกลุ่มใหญ่ กิจกรรมท่ีเด็กเป็นผู้ริเร่ิมและ ผู้สอน หรือผู้จัดประสบกำรณ์เป็นผู้ริเริ่ม และกิจกรรมที่ใช้กำลังและไม่ใช้กำลัง จัดให้ครบทุกประเภท ทั้งนี้ กจิ กรรมทีต่ อ้ งออกกำลังกำยควรจดั สลับกบั กจิ กรรมท่ไี มต่ ้องออกกำลงั มำกนัก เพื่อเด็กจะได้ไมเ่ หนอ่ื ยเกนิ ไป ๓.๒ ขอบขา่ ยของกิจกรรมประจาวนั กำรเลือกกิจกรรมที่จะนำมำจัดในแต่ละวันสำมำรถจัดได้หลำยรูปแบบ ทั้งน้ี ข้ึนอยู่กับควำม เหมำะสมในกำรนำไปใช้ของแต่ละหน่วยงำนและสภำพชุมชน ที่สำคัญผู้สอนต้องคำนึงถึงกำรจัดกิจกรรมให้ ครอบคลุมพัฒนำกำรทุกดำ้ น ดงั ต่อไปนี้
๕๓ ๓.๒.๑ กำรพัฒนำกล้ำมเนื้อใหญ่ เป็นกำรพัฒนำควำมแข็งแรง กำรทรงตัว กำรยืดหยุ่น ควำมคล่องแคล่วในกำรใช้อวัยวะต่ำง ๆ และจงั หวะกำรเคล่ือนไหวในกำรใชก้ ล้ำมเนื้อใหญ่ โดยจดั กจิ กรรมให้เด็ก ไดเ้ ลน่ อิสระกลำงแจง้ เล่นเครือ่ งเลน่ สนำม ปนี ป่ำยเลน่ อสิ ระ เคลอื่ นไหวร่ำงกำยตำมจงั หวะดนตรี ๓.๒.๒ กำรพัฒนำกล้ำมเน้ือเล็ก เป็นกำรพัฒนำควำมแข็งแรงของกล้ำมเนื้อเล็ก กล้ำมเน้ือ มือ-น้ิวมือ กำรประสำนสัมพันธ์ระหว่ำงกล้ำมเนื้อมือและระบบประสำทตำมือได้อย่ำงคล่องแคล่วและประสำน สัมพันธ์กัน โดยจัดกิจกรรมให้เด็กได้เล่นเครื่องเล่นสัมผัส เล่นเกมกำรศึกษำ ฝึกช่วยเหลือตนเองในกำรแต่งกำย หยิบจบั ชอ้ นสอ้ ม และใชว้ ัสดอุ ปุ กรณ์ศลิ ปะ เช่น สีเทียน กรรไกร พ่กู ัน ดนิ เหนียว ฯลฯ ๓.๒.๓ กำรพัฒนำอำรมณ์ จิตใจ และปลูกฝังคุณธรรม จริยธรรม เป็นกำรปลูกฝังให้เด็กมี ควำมรู้สกึ ท่ีดีตอ่ ตนเองและผู้อ่นื มีควำมเชอื่ มั่น กลำ้ แสดงออก มีวินัย รับผดิ ชอบ ซ่อื สตั ย์ ประหยัด เมตตำ กรณุ ำ เอื้อเฟ้ือ แบ่งปัน มีมำรยำทและปฏิบัติตนตำมวัฒนธรรมไทยและศำสนำที่นับถือโดยจัดกิจกรรมต่ำง ๆ ผ่ำนกำร เล่นให้เด็กได้มีโอกำสตัดสินใจเลือก ได้รับกำรตอบสนองควำมต้องกำร ได้ฝึกปฏิบัติโดยสอดแทรกคุณธรรม จริยธรรม อยำ่ งตอ่ เนือ่ ง ๓.๒.๔ กำรพัฒนำสังคมนิสัย เป็นกำรพัฒนำให้เด็กมีลักษณะนิสัยที่ดี แสดงออกอย่ำง เหมำะสมและอยู่ร่วมกับผู้อื่นได้อย่ำงมีควำมสุข ช่วยเหลือตนเองในกำรทำกิจวัตรประจำวัน มีนิสัยรักกำรทำงำน ระมัดระวังควำมปลอดภัยของตนเองและผู้อื่น โดยรวมท้ังระมัดระวังอันตรำยจำกคนแปลกหน้ำ ให้เด็กได้ปฏิบัติ กิจวัตรประจำวันอย่ำงสม่ำเสมอ รับประทำนอำหำร พักผ่อนนอนหลับ ขับถ่ำย ทำควำมสะอำดร่ำงกำย เล่นและ ทำงำนร่วมกบั ผู้อื่น ปฏิบัติตำมกฎกติกำขอ้ ตกลงของส่วนรวม เกบ็ ของเขำ้ ทเี่ ม่อื เลน่ หรือทำงำนเสรจ็ ๓.๒.๕ กำรพัฒนำกำรคิด เป็นกำรพัฒนำให้เด็กมีควำมสำมำรถในกำรคิดแก้ปัญหำควำมคิด รวบยอด และคดิ เชงิ เหตุผลทำงคณิตศำสตรแ์ ละวิทยำศำสตร์ โดยจัดกจิ กรรมใหเ้ ด็กไดส้ นทนำอภปิ รำยแลกเปลี่ยน ควำมคิดเหน็ เชญิ วิทยำกรมำพดู คุยกบั เด็ก ศกึ ษำนอกสถำนที่ เล่นเกมกำรศกึ ษำ ฝึกกำรแก้ปัญหำในชวี ติ ประจำวนั ฝึกออกแบบและสร้ำงขึน้ งำน และทำกิจกรรมทั้งเป็นกล่มุ ยอ่ ย กลุ่มใหญ่ และรำยบุคคล ๓.๒.๖ กำรพัฒนำภำษำ เป็นกำรพัฒนำให้เด็กใช้ภำษำส่ือสำรถ่ำยทอดควำมรู้สึกนึกคิด ควำมรู้ควำมเข้ำใจในสง่ิ ต่ำง ๆ ทเี่ ดก็ มปี ระสบกำรณ์โดยสำมำรถต้ังคำถำมในส่ิง ทสี่ งสยั ใครร่ ู้ จดั กจิ กรรมทำงภำษำ ให้มีควำมหลำกหลำยในสภำพแวดล้อมท่ีเอ้ือต่อกำรเรียนรู้ มุ่งปลูกฝังให้เด็กได้กล้ำแสดงออกในกำรฟัง พูด อ่ำน เขียน มีนิสัยรักกำรอ่ำน และบุคคลแวดล้อมต้องเป็นแบบอย่ำงที่ดีในกำรใช้ภำษำ ทั้งน้ีต้องคำนึงถึงหลักกำรจัด กจิ กรรมทำงภำษำทเ่ี หมำะสมกับเด็กเปน็ สำคัญ ๓.๒.๗ กำรส่งเสริมจินตนำกำรและควำมคิดสร้ำงสรรค์ เป็นกำรส่งเสริมให้เด็กมีควำมคิด รเิ ริม่ สรำ้ งสรรค์ ได้ถำ่ ยทอดอำรมณ์ควำมร้สู กึ และเหน็ ควำมสวยงำมของสิ่งต่ำง ๆ โดยจัดกิจกรรมศลิ ปะสรำ้ งสรรค์ ดนตรี กำรเคล่ือนไหวและจังหวะตำมจินตนำกำร ประดิษฐ์ส่ิงต่ำง ๆ อย่ำงอิสระ เล่นบทบำทสมมติ เล่นน้ำ เล่น ทรำย เล่นบลอ็ ก และเลน่ กอ่ สรำ้ ง กจิ กรรมพัฒนาผเู้ รียน เป็นกิจกรรมที่ส่งเสริมให้ผู้เรียนได้พัฒนำศักยภำพ ตำมประเภทและสภำพกว่ำพิกำร ตำมบริบทหรือ ควำมพร้อมของศูนย์กำรศึกษำพิเศษท้ังนี้สำนักงำนคณะกรรมกำรกำรศึกษำข้ันพื้นฐำนกำหนดขอบข่ำยกิจกรรม พฒั นำผู้เรยี นซึง่ ศูนยก์ ำรศึกษำพิเศษสำมำรถนำมำปรับใช้และดำเนนิ กำรในรูปแบบกิจกรรมโครงกำรหรือกำรบูรณำกำร กจิ กรรมดงั สำระสำคัญตอ่ ไปนี้ ๑) กจิ กรรมวิชำกำร ๒) กิจกรรมคณุ ธรรม จรยิ ธรรม
๕๔ ๓) กิจกรรมทัศนศกึ ษำ ๔) กจิ กรรมกำรบรกิ ำรเทคโนโลยสี ำรสนเทศและกำรส่ือสำร (ICT) บริการเสรมิ หลกั สตู ร เป็นบริกำรสง่ เสรมิ และพัฒนำศักยภำพสำหรับผเู้ รียนทีม่ คี วำมต้องกำรจำเปน็ พิเศษในด้ำนอ่ืน ๆ ได้แก่ ๑. กำยภำพบำบดั ๒. กจิ กรรมบำบัด ๓. แก้ไขกำรพดู โดยครู ๔. แพทยแ์ ผนไทย ๕. ธำรำบำบัด ๖. กำรบริกำรจิตวิทยำ ๗. ศิลปะบำบดั เทคโนโลยสี ิง่ อานวยความสะดวก ส่อื และแหลง่ เรียนรู้ กำรจัดกำรศึกษำสำหรับเด็กพิกำร ต้องใช้เทคโนโลยีส่ิงอำนวยควำมสะดวก ส่ือ และแหล่งเรียนรู้ที่ สอดคล้องกับควำมต้องกำรจำเป็นพิเศษ ของแต่ละบุคคล รวมทั้งกำรใช้แหล่งเรียนรู้ต่ำง ๆ ที่มีในท้องถ่ินมำใช้ ประกอบในกำรจัดกำรเรียนรู้ ที่สำมำรถส่งเสริมและส่ือสำรให้ผเู้ รียนเกิดกำรเรียนรู้ โดยศนู ย์กำรศึกษำพิเศษ ควร จัดใหม้ อี ยำ่ งพอเพียง เพอ่ื พฒั นำให้เด็กพกิ ำรเกิดกำรเรียนรอู้ ยำ่ งแท้จรงิ เทคโนโลยีสิ่งอำนวยควำมสะดวก สอื่ และแหลง่ เรยี นร้นู ัน้ ผู้สอนสำมำรถจัดทำและพฒั นำขน้ึ เอง หรอื พิจำรณำเลอื กใช้จำกคู่มอื รำยกำรสงิ่ อำนวยควำมสะดวก สอ่ื บริกำร และ ควำมชว่ ยเหลอื อนื่ ใดทำงกำรศึกษำมำใช้ ประกอบในกำรจัดกำรเรียนรู้ สำมำรถสง่ เสริมและส่ือสำร ให้เด็กพิกำรเกดิ กำรเรยี นรู้ โดยศนู ย์กำรศกึ ษำพเิ ศษควร จัดใหม้ อี ยำ่ งพอเพียง เพื่อพฒั นำใหเ้ ดก็ พกิ ำรเกิดกำรเรียนรอู้ ย่ำงแท้จริงควรดำเนินกำรดงั นี้ ๑. จดั ให้มแี หลง่ เรยี นรู้ ศนู ย์สือ่ นวัตกรรม และเครอื ขำ่ ยกำรเรยี นรูท้ ี่มีประสิทธิภำพ ในสถำนศกึ ษำ และชุมชน เพอื่ กำรศกึ ษำ ค้นคว้ำ และกำรแลกเปล่ียนประสบกำรณ์กำรเรียนรู้ ระหวำ่ งสถำนศกึ ษำท้องถิ่น ชุมชน ๒. จัดทำ จัดหำเทคโนโลยีสิ่งอำนวยควำมสะดวก สื่อกำรเรียนรู้สำหรับเด็กพิกำร ส่งเสริมให้ผู้สอน จัดทำ จดั หำสือ่ ที่หลำกหลำย รวมทั้งประยุกต์ใชส้ ่งิ ท่มี ีอยู่ในท้องถน่ิ เปน็ สื่อกำรเรยี นรู้ ๓. เลือกใช้เทคโนโลยีสิ่งอำนวยควำมสะดวก ส่ือกำรเรียนรู้ที่มีคุณภำพ เหมำะสม และหลำกหลำย สอดคล้องกบั วิธีกำรเรยี นร้แู ละควำมแตกตำ่ งของแต่ละบคุ คล ๔. ประเมนิ ควำมเหมำะสมคุณภำพของเทคโนโลยีส่งิ อำนวยควำมสะดวก สื่อ ทเี่ ลือกใชใ้ นกำรจดั กำร เรยี นรู้ ๕. ศึกษำค้นคว้ำ วิจัย เพ่ือพัฒนำเทคโนโลยีส่ิงอำนวยควำมสะดวก ส่ือกำรเรียนรู้ ให้สอดคล้องกับ กำรพฒั นำเด็กพกิ ำร ๖. จัดให้มีกำรกำกับ ติดตำม ประเมินคุณภำพ กำรใช้เทคโนโลยีส่ิงอำนวยควำมสะดวก ส่ือ และ แหลง่ เรยี นรู้อย่ำงสมำ่ เสมอ ในกำรจัดทำ กำรเลือกใช้ และกำรประเมินคุณภำพเทคโนโลยีส่ิงอำนวยควำมสะดวก ส่ือ และแหล่ง เรยี นรู้ที่ใช้ในศนู ยก์ ำรศกึ ษำพิเศษ ควรคำนึงถึงหลักกำรสำคญั เชน่ ควำมสอดคลอ้ งกับหลกั สูตร จุดประสงค์กำร เรยี นรู้ กำรออกแบบกจิ กรรมกำรเรยี นรู้ กำรจัดประสบกำรณ์ เป็นตน้
๕๕ การประเมินพฒั นาการ กำรประเมินพัฒนำกำรเด็กที่มีควำมต้องกำรจำเป็นพิเศษ อำยุแรกเกิดถึง ๖ ปี เป็นกำรประเมิน พัฒนำกำรดำ้ นรำ่ งกำย อำรมณ์ จติ ใจ สงั คม และสตปิ ัญญำของเดก็ โดยใชแ้ บบประเมนิ ที่หลำกหลำย โดยนักสหวิชำชีพ รวมทั้งผู้ปกครองเป็นผู้ให้ข้อมูลและร่วมประเมิน ท้ังน้ีโดยใช้กรอบมำตรฐำน ตัวบ่งช้ี และสภำพท่ีพึงประสงค์ รวมทั้งเทคโนโลยีสิ่งอำนวยควำมสะดวก ตำมควำมต้องกำรจำเป็น ก่อนกำรจัดประสบกำรณ์กำรเรียนรู้เพื่อ นำมำใช้ในกำรวำงแผนกำรจัดกำรศึกษำเฉพำะบุคคล ระหว่ำงกำรจัดประสบกำรณ์กำรเรียนรู้เพ่ือพัฒนำและ ทบทวนแผนให้สอดคล้องกับควำมต้องกำรจำเป็นของแต่ละบุคคล และเม่ือส้ินสุดกำรจัดประสบกำรณ์กำรเรยี นรู้ เพื่อประเมินควำมสำมำรถตำมวัตถุประสงค์กำรเรียนรู้ทีก่ ำหนดไว้ในแผนกำรจัดกำรศึกษำเฉพำะบุคคล ทงั้ น้นี กั สหวิชำชีพ และผู้ปกครองต้องร่วมกันประเมินคุณลักษณะอันพึงประสงค์ ตำมมำตรฐำนและตัวบ่งช้ีท่ีกำหนดไว้ในหลักสูตร ตำมช่วงอำยุ ๑. แนวทางการประเมนิ พัฒนาการ หลักสูตรกำรศึกษำปฐมวัยสำหรับเด็กท่ีมีควำมต้องกำรจำเป็นพิเศษ กำหนดเป้ำหมำยคุณภำพของเด็ก โดยยดึ พัฒนำกำรเดก็ ปฐมวัยด้ำนรำ่ งกำย อำรมณ์ จติ ใจ สงั คม และสตปิ ญั ญำ ดังน้ี ๑.๑ การประเมินพัฒนาการด้านร่างกาย ประกอบด้วย กำรประเมินน้ำหนักส่วนสูง และเส้นรอบ ศรี ษะตำมเกณฑ์ สขุ ภำพอนำมัย สขุ นิสัยท่ีดี กำรรูจ้ ักควำมปลอดภัย กำรเคลื่อนไหว และกำรทรงตวั กำรเลน่ และ กำรออกกำลงั กำย และกำรใชก้ ล้ำมเน้ือเล็กอยำ่ งประสำนสมั พนั ธก์ ัน ๑.๒ การประเมินพัฒนาการด้านอารมณ์ จิตใจ ประกอบด้วย กำรประเมินควำมสำมำรถในกำร แสดงออกทำงอำรมณอ์ ย่ำงเหมำะสมกับวัยและสถำนกำรณ์ ควำมรู้สึกท่ีดีต่อตนเองและผอู้ น่ื มีควำมเหน็ อกเหน็ ใจ ควำมสนใจ ควำมสำมำรถ และมีควำมสุขในกำรทำงำนศิลปะ ดนตรี และกำรเคล่ือนไหว ควำมรับผิดชอบในกำร ทำงำน ควำมซอ่ื สตั ย์สุจรติ และรู้สกึ ถกู ผิด ควำมเมตตำกรุณำ มนี ้ำใจและช่วยเหลือแบง่ ปนั ตลอดจนกำรประหยัด อดออมและพอเพียง ๑.๓ การประเมินพัฒนาการด้านสังคม ประกอบด้วย กำรประเมินควำมมีวินัยในตนเอง กำรช่วยเหลือ ตนเองในกำรปฏิบัติกิจวัตรประจำวัน กำรระวังภัยจำกคนแปลกหน้ำและสถำนกำรณ์ที่เสี่ยงอันตรำย กำรดูแล รักษำธรรมชำตแิ ละสง่ิ แวดล้อม กำรมีสัมมำคำรำวะและมำรยำทตำมวฒั นธรรมไทย รกั ควำมเปน็ ไทย กำรยอมรับ ควำมเหมอื นควำมแตกต่ำงระหว่ำงบคุ คล กำรมปี ฏสิ ัมพันธท์ ่ดี ีกบั ผูอ้ ืน่ กำรปฏิบัตติ นเบอื้ งต้นในกำรเปน็ สมำชิกที่ดี ของสังคมในระบอบประชำธปิ ไตยอันมีพระมหำกษัตรยิ ท์ รงเปน็ ประมุข ๑.๔. การประเมินพัฒนาการด้านสติปัญญา ประกอบด้วย กำรประเมินควำมสำมำรถในกำรสนทนำ โต้ตอบและเล่ำเรือ่ งใหผ้ ู้อืน่ เขำ้ ใจ ควำมสำมำรถในกำรอ่ำน เขยี นภำพ และสัญลกั ษณ์ ควำมสำมำรถในกำรคิดรวบ ยอด กำรคิดเชิงเหตุผล กำรคิดแก้ปัญหำและตัดสินใจ กำรทำงำนศิลปะ กำรแสดงท่ำทำง/เคล่ือนไหวตำม จนิ ตนำกำรและควำมคิดสรำ้ งสรรค์ กำรมเี จตคตทิ ่ดี ตี ่อกำรเรียนรู้และควำมสำมำรถในกำรแสวงหำควำมรู้ ๑.๕ พัฒนาทกั ษะจาเปน็ เฉพาะความพิการแตล่ ะประเภท ๑.๕.๑ การประเมินทักษะจาเป็นเฉพาะความบกพร่องทางการเห็น ประกอบด้วย ควำมสำมำรถในกำรบรู ณำกำรประสำทสัมผัสทีเ่ หลอื อยใู่ นกำรดำรงชวี ติ ควำมสำมำรถในกำรสรำ้ งควำมคุ้นเคยกับ สภำพแวดล้อม และกำรเคลื่อนไหวของคนตำบอด กำรเตรียมควำมพร้อมในกำรอ่ำน และเขียน อักษรเบรลล์
๕๖ ควำมสำมำรถในกำรอ่ำน และเขียนอักษรเบรลล์ พยัญชนะไทยที่มีเซลล์เดียว และตัวเลข และควำมสำมำรถ ในกำรใช้ลูกคิด ๑.๕.๒ การประเมินทักษะจาเป็นเฉพาะความบกพร่องทางการได้ยิน ประกอบด้วย ควำมสำมำรถใช้และดูแลเครื่องช่วยฟงั ควำมสำมำรถใช้กำรได้ยินท่ีหลงเหลืออยู่ในชีวิตประจำวัน ควำมสำมำรถ เปล่งเสียงหรือพูดตำมแบบ ควำมสำมำรถอ่ำนริมฝีปำก ควำมสำมำรถใช้ภำษำท่ำทำงและภำษำมือในกำรส่ือสำร และควำมสำมำรถสะกดนิ้วมอื ๑.๕.๓ การประเมินทักษะจาเป็นเฉพาะความบกพร่องทางสติปัญญา ประกอบด้วย ควำมสำมำรถสื่อสำรได้เหมำะสมกับสถำนกำรณ์ ควำมสำมำรถดูแลตนเองและควำมปลอดภัยในชีวิตประจำวัน กำรมปี ฏสิ ัมพันธท์ ำงสังคมกบั ผู้อื่นอย่ำงเหมำะสม กำรรู้จักใช้ทรัพยำกรในชุมชน ๑.๕.๔ การประเมินทักษะจาเป็นเฉพาะความบกพร่องทางร่างกายหรือการเคลื่อนไหวหรือ สดขภาพ ประกอบด้วย กำรดูแลสุขอนำมัยเพ่ือป้องกันภำวะแทรกซ้อน ควำมสำมำรถใช้และดูแลรักษำอุปกรณ์ เครื่องช่วยในกำรเคล่ือนย้ำยตนเอง ควำมสำมำรถใช้และดูแลรักษำกำยอุปกรณ์เสริม กำยอุปกรณ์ อุปกรณ์ ดัดแปลง ควำมสำมำรถใช้เทคโนโลยีส่ิงอำนวยควำมสะดวก เครื่องช่วยในกำรเรียนรู้ และกำรควบคุมอวัยวะท่ีใช้ ในกำรพดู กำรเค้ยี ว และกำรกลนื ๑.๕.๕ การประเมินทักษะจาเป็นเฉพาะความบกพร่องทางการเรียนรู้ ประกอบด้วย ควำมสำมำรถในกำรรับรู้กำรได้ยิน ควำมสำมำรถในกำรรับรู้กำรเห็น ควำมสำมำรถในกำรจัดลำดับควำมคิด ควำมสำมำรถในกำรจดั ระเบยี บตนเอง และควำมสำมำรถในกำรบอกตำแหนง่ /ทิศทำง ๑.๕.๖ การประเมินทักษะจาเป็นเฉพาะความบกพร่องทางการพูดและภาษา ประกอบด้วย ควำมสำมำรถควบคุมอวัยวะในกำรออกเสียง สำมำรถออกเสียงตำมหน่วยเสียงได้ชัดเจน สำมำรถเปล่งเสียงให้ เหมำะสมกับธรรมชำติของแตล่ ะคน และควำมสำมำรถควบคมุ จังหวะกำรพดู ๑.๕.๗ การประเมินทักษะเปน็ เฉพาะความบกพร่องทางพฤติกรรมหรืออารมณ์ ประกอบดว้ ย ควำมสำมำรถจัดกำรกับอำรมณ์ของตนเอง ควำมสำมำรถควบคุมพฤติกรรมของตนเองได้อย่ำงเหมำะสม และ ควำมสำมำรถปรบั ตวั ในกำรอยรู่ ว่ มกบั สงั คม ๑.๕.๘ การประเมินทักษะจาเป็นเฉพาะบดคคลออทิสติก ประกอบด้วย กำรตอบสนองต่อส่ิงเร้ำ จำกประสำทสัมผัสได้เหมำะสม ควำมสำมำรถในกำรเข้ำใจภำษำและแสดงออกทำงภำษำได้อย่ำงเหมำะสม และ กำรแสดงพฤติกรรมทีเ่ หมำะสมตำมสถำนกำรณ์ ๒. ขั้นตอนการประเมนิ กำรประเมินพัฒนำกำรเพ่ือนำไปใช้ในกำรวำงแผนกำรจัดกำรศึกษำตำมหลักสูตรปฐมวัยสำหรับเด็กที่มี ควำมต้องกำรจำเป็นพิเศษ ควรมีกำรประเมินพัฒนำกำรโดยใช้แบบประเมินท่ีหลำกหลำย โดยนักสหวิชำชีพ รวมทั้งผู้ปกครองเป็นผู้ให้ข้อมูลและร่วมประเมิน ท้ังน้ีโดยใช้กรอบมำตรฐำน ตัวบ่งชี้ และสภำพท่ีพึงประสงค์ รวมท้งั เทคโนโลยสี ง่ิ อำนวยควำมสะดวก ตำมควำมต้องกำรจำเปน็ ทัง้ ก่อน ระหว่ำงและสิ้นสุดกำรจดั ประสบกำรณ์ กำรเรียนรู้ ดงั ตอ่ ไปนี้ ๒.๑. การประเมนิ พัฒนาการในแต่ละช่วงอายด ๒.๑.๑ ศึกษำและทำควำมเขำ้ ใจพัฒนำกำรของเดก็ ในแต่ละช่วงอำยุทุกด้ำน ได้แก่ ดำ้ นร่ำงกำย ด้ำนอำรมณ์ จิตใจ ด้ำนสังคม และด้ำนสติปัญญำ พิจำรณำกิจกรรมในกำรอบรมเลี้ยงดู ลักษณะควำมพิกำรของ เด็กแต่ละประเภท กำรจัดประสบกำรณท์ ่สี ะทอ้ นพัฒนำกำรของเด็ก
๕๗ ๒.๑.๒ วำงแผนเลอื กใช้วิธีกำรและเครือ่ งมือทีเ่ หมำะสมสำหรับใช้บนั ทกึ และประเมนิ พฒั นำกำร โดยใช้แบบประเมนิ ควำมสำมำรถพื้นฐำน เด็กทมี่ คี วำมต้องกำรจำเปน็ พิเศษของศนู ยก์ ำรศึกษำพเิ ศษประจำจังหวัด อุดรธำนี และแบบประเมินหรือแบบทดสอบมำตรฐำนของนักสหวิชำชีพ แบบบันทึกพฤติกรรม เหมำะที่จะใช้ บันทึกพฤติกรรมของเด็ก กำรบันทึกรำยวันเหมำะกับกำรบันทึกกิจกรรมหรือประสบกำรณ์ที่เกิดขึ้นในแต่ละวัน กำรบันทึกกำรเลือกของเด็กเหมำะสำหรับบนั ทึกลักษณะเฉพำะและปฏิกริ ิยำที่เด็กมีต่อสิ่งต่ำง ๆ รอบตัว เป็นต้น ด้วยเหตุนี้จึงเปน็ หน้ำท่ขี องพ่อแมห่ รอื ผู้ดูแลที่จะเลือกใช้เคร่อื งมอื ประเมนิ พัฒนำกำรให้เหมำะสม เพอ่ื จะไดผ้ ลของ พฒั นำกำรทถี่ ูกตอ้ งตำมพัฒนำกำร ๒.๑.๓ ดำเนินกำรประเมินและบันทึกพัฒนำกำรหลังจำกที่ได้วำงแผนและเลือกเคร่ืองมือท่ีจะใช้ ประเมินและบันทึกพัฒนำกำรแล้ว ก่อนจะลงมือประเมินและบันทึกจะต้องอ่ำนคู่มือหรือคำอธิบำยวิธีกำรใช้ เคร่ืองมือน้ัน ๆ อย่ำงละเอียด แล้วจึงดำเนินกำรตำมขั้นตอนที่ปรำกฏในคู่มือ และบันทึกเป็นลำยลักษณ์อักษร ตอ่ ไป ๒.๑.๔ ประเมินและสรุป ในกำรประเมินและสรุปนั้นพ่อแม่ ผู้ปกครองหรือผู้ดูแลจะต้องเก็บ รวบรวมข้อมูลของสิ่งที่ต้องกำรประเมิน เช่น กำรประเมินพัฒนำกำรด้วยวิธีกำรสังเกต เครื่องมือท่ีใช้คือ แบบ สังเกต วิธีกำรสนทนำ เครื่องมือท่ีใช้คือแบบบันทึกกำรสนทนำ อำจเป็นกำรบนั ทึกกำรสนทนำระหวำ่ งเดก็ กับเดก็ หรือเด็กกับครู พิจำรณำผลงำนโดยเปรียบเทียบกับพัฒนำกำร กำรประเมินควรประเมินหลำย ๆ คร้ัง เพ่ือให้ได้ ข้อมลู วำ่ เด็กมพี ัฒนำกำรอย่ำงไร ทำอะไรไดม้ ำกนอ้ ยเพยี งใด และสรุปผล ๒.๑.๕ รำยงำนผลกำรประเมิน เมอ่ื ไดผ้ ลจำกกำรประเมนิ และสรุปพัฒนำกำรของเด็กแล้ว พ่อแม่ หรือ ผู้ดูแลจะต้องตัดสินใจว่ำจะรำยงำนข้อมูลน้ีไปยังผู้ใดและเพื่อจุดประสงค์อะไร และจะต้องใช้รูปแบบใด สำหรับกำรอบรมเล้ียงดูตำมวิถีชีวิตประจำวันโดยพ่อแม่ ผู้ดูแล มีกำรประเมินพัฒนำกำรเพื่อเฝ้ำระวังและเป็น ข้อมูลในกำรพบแพทย์ และอำจนำไปใช้ในกำรอบรมเลี้ยงดูและจัดประสบกำรณ์เพ่ือส่งเสริมกระบวนกำรเรียนรู้ สำหรับผดู้ ูแลเดก็ ในศูนย์กำรศกึ ษำพิเศษ จะตอ้ งรำยงำนต่อผบู้ ริหำรศูนย์กำรศกึ ษำพิเศษ เพอื่ ใหท้ รำบว่ำกิจกรรม หรือประสบกำรณ์ท่ีศูนย์กำรศึกษำพเิ ศษจัดให้เดก็ นั้นส่งเสริมพัฒนำกำรของเด็กทุกด้ำนได้ตำมจุดประสงค์หรือไม่ เพือ่ นำไปปรบั ปรุงแก้ไขกำรจัดกิจกรรมให้เหมำะสมกับเดก็ ต่อไป ๒.๑.๖ ผู้ดูแลเด็กจะต้องรำยงำนผลของกำรประเมินพัฒนำกำรไปยังผู้ปกครองเด็ก ตำมแบบ รำยงำนผลกำรพัฒนำศักยภำพผู้เรียนไปยังผู้ปกครองเด็ก และถ้ำผู้ดูแลเด็กมีข้อเสนอแนะหรือจะขอควำมร่วมมอื จำกผปู้ กครองเกีย่ วกับกำรส่งเสรมิ พัฒนำกำรเดก็ กอ็ ำจเขยี นเพ่มิ เตมิ ลงไปในสมุดรำยงำนได้ และต้องคำนงึ เสมอไม่ วำ่ จะใช้แบบรำยงำนใดขอ้ มลู ควรจะมีควำมหมำย เกดิ ประโยชน์แกเ่ ด็กเปน็ สำคัญ ๒.๑.๗ กำรมีส่วนร่วมของผู้ปกครองเป็นสิ่งสำคัญมำก ผู้ดูแลเด็กต้องตระหนักว่ำกำรทำงำน ร่วมกับผู้ปกครองเกี่ยวกับกำรพัฒนำเด็กเป็นเรื่องสำคัญ ผู้ดูแลเด็กควรยกย่องผู้ปกครองท่ีพยำยำมมีส่วนร่วมใน กำรพฒั นำเด็ก ผดู้ ูแลเด็กจะต้องตอ้ นรับผู้ปกครองท่ีมำศูนย์กำรศกึ ษำพิเศษ ขอบคุณสำหรบั ควำมชว่ ยเหลือ เขยี น จดหมำยถึงผปู้ กครองเพอื่ รำยงำนเร่ืองเดก็ พดู คยุ ดว้ ยตนเองหรือทำงโทรศพั ท์ สิ่งเหลำ่ นจี้ ะทำใหผ้ ู้ปกครองรสู้ ึกถึง ควำมสำคัญของตนเองและตอ้ งกำรที่จะมสี ่วนรว่ มกบั ผ้ดู ูแลเดก็ ในกำรพฒั นำเดก็ ของตน ๒.๒ การประเมนิ มาตรฐาน ตวั บง่ ช้ี สภาพทีพ่ งึ ประสงค์ ผสู้ อนตอ้ งวิเครำะห์มำตรฐำน ตวั บ่งชี้ สภำพที่พงึ ประสงค์ และกำหนดสงิ่ ทีป่ ระเมนิ จำกกำรจดั ประสบกำรณ์ กำรเรยี นรแู้ ละกำรปฏบิ ตั ิกิจวตั รประจำวัน เพื่อวำงแผนกำรประเมนิ พฒั นำกำร ดงั นี้
๕๘ ๒.๒.๑ การวเิ คราะห์มาตรฐาน ตัวบ่งชี้ สภาพทพ่ี ึงประสงค์ กำรนำหลักสูตรสถำนศึกษำไปสู่กำรจัดประสบกำรณ์ ได้มีกำรวิเครำะห์สำระกำรเรียนรู้รำยปที ี่ สอดคล้องของมำตรฐำน ตัวบ่งชี้ สภำพท่ีพึงประสงค์ และสำระกำรเรียนรู้และคุณลักษณะอันพึงประสงค์ เพื่อ กำหนดหนว่ ยกำรเรียนรู้ โดยกำรนำสภำพที่พงึ ประสงค์ทไี่ ดจ้ ำกกำรวิเครำะห์มำกำหนดเปน็ จุดประสงคก์ ำรเรียนรู้ ของหน่วยกำรเรียนรนู้ ั้น ๆ และกำหนดกิจกรรมหลัก ๖ กิจกรรม ได้แก่ กิจกรรมเคลื่อนไหวและจังหวะ กิจกรรม ศิลปะสร้ำงสรรค์ กิจกรรมกำรเล่นตำมมุม กิจกรรมเสริมประสบกำรณ์ กิจกรรมกำรเล่นกลำงแจ้ง เกมกำรศึกษำ หรอื ใชร้ ูปแบบกำรจดั ประสบกำรณต์ ำมทส่ี ถำนศึกษำกำหนดในกำรพัฒนำเดก็ ๒.๒.๒ การกาหนดประเด็นการประเมนิ เป็นกำรกำหนดพัฒนำกำรที่ต้องกำรประเมิน คือ สภำพที่พึงประสงค์ท่ีนำมำกำหนดเป็น จุดประสงค์กำรเรียนรู้ของหน่วยกำรเรียนรู้ซ่ึงครอบคลุมพัฒนำกำรทั้ง ๔ ด้ำน และทักษะท่ีจำเป็นเฉพำะควำม พิกำร ในแต่ละหน่วยกำรเรียนรู้ และเช่ือมโยงไปยังจุดประสงค์ของแผนกำรจัดประสบกำรณ์ในแต่ละวัน ดังนั้น ประเด็นกำรประเมินจึงประกอบไปด้วยจุดประสงค์ของแผนกำรจัดประสบกำรณ์ที่สอดคล้องกับจุดประสงค์กำร เรยี นรู้ของหนว่ ยกำรเรยี นรนู้ น้ั ๆ ๓. วิาีการและเคร่ืองมอื ท่ใี ช้ในการประเมนิ พัฒนาการ เครื่องมือที่ใช้ในกำรประเมินพัฒนำกำรเด็ก ครูผู้สอนต้องวำงแผนและกำหนดวิธีกำรประเมินให้ เหมำะสมกบั กิจกรรม ใช้กำรสังเกตพฤติกรรม กำรประเมินผลงำน/ชิน้ งำน กำรพูดคยุ หรอื สมั ภำษณเ์ ด็ก วธิ ีกำรที่ ครผู ้สู อนเลอื กใชต้ ้องมำกกว่ำ ๒ วิธีกำร หรอื ใชว้ ิธีกำรท่หี ลำกหลำย เช่น ๑) กำรสงั เกตและกำรบันทกึ ๒) กำรบันทกึ กำรสนทนำ ๓) กำรสมั ภำษณ์ ๔) สำรนิทัศนส์ ำหรับเด็กเพอ่ื กำรประเมินพฒั นำกำร ๕) กำรประเมินกำรเจริญเตบิ โต ๖) กำรประเมนิ ผลงำนและช้นิ งำน ๗) ฯลฯ ๔. เกณฑก์ ารประเมิน ในกำรวัดและประเมินผลมีวธิ ีกำรและเกณฑก์ ำรประเมินดังน้ี ๑. วธิ ีกำรวดั และประเมินผล ใช้กำรสังเกตพฤติกรรม หรือวิธีกำรอนื่ ใดทเ่ี หมำะสมกับศกั ยภำพของแต่ละ บุคคล เช่น กำรสัมภำษณ์ กำรประเมินแฟ้มสะสมผลงำน เป็นต้น และประเมินผลกำรเรียนรู้ตำมจุดประสงค์ เชิงพฤติกรรมของพัฒนำกำรแต่ละด้ำนท่ีกำหนดในแผนกำรจัดกำรศึกษำเฉพำะบุคคล หรือแผนให้บริกำร ชว่ ยเหลือเฉพำะครอบครวั ๒. เกณฑ์ในกำรประเมินผล ซึ่งจะนำไปสู่กำรสรุปผลกำรเรียนรู้ของผู้เรียน ดำเนินกำรประเมิน จุดประสงค์เชิงพฤติกรรมท่ีกำหนดในแผนกำรจัดกำรศึกษำเฉพำะบุคคลหรือ แผนให้บริกำรช่วยเหลือเฉพำะ ครอบครวั คณุ ลักษณะอนั พงึ ประสงค์ และกิจกรรมพัฒนำผ้เู รยี น โดยมีเกณฑด์ ังต่อไปนี้ ๑) ด้ำนพัฒนำกำร ตดั สินคุณภำพผเู้ รยี นเปน็ ๕ ระดับ คือ ดีเยี่ยม ดมี ำก ดี พอใช้ และควรส่งเสริม ๒) ดำ้ นคณุ ลักษณะอนั พงึ ประสงค์ ตดั สินเปน็ ๕ ระดบั คือ ดเี ย่ยี ม ดีมำก ดี พอใช้ และควรสง่ เสรมิ ๓) ด้ำนกิจกรรมพฒั นำผูเ้ รียน ตดั สินเป็น ผ่ำน และ ไม่ผ่ำน
๕๙ คณด ลักษณะอันพึงประสงค์ หลักสูตรกำรศึกษำปฐมวัยสำหรับเด็กที่มีควำมต้องกำรจำเป็นพิเศษ สำหรับเด็กอำยุแรกเกิด - ๖ ปี ศูนย์กำรศึกษำพิเศษประจำจังหวัดอุดรธำนี พุทธศักรำช ๒๕๖4 (ฉบับปรับปรุง พุทธศักรำช 2565) ได้กำหนด คุณลักษณะอนั พงึ ประสงค์ ดังน้ี ๑. รำ่ งกำยเจรญิ เตบิ โตและมสี ุขลักษณะนิสยั ทีด่ ี ๒. กลำ้ มเนือ้ มัดใหญ่และกลำ้ มเนอ้ื มัดเล็กแขง็ แรง และใช้ได้อยำ่ งประสำนสมั พนั ธก์ ัน ๓. รำ่ เริง แจ่มใส มคี วำมสุขและมีควำมรสู้ ึกที่ดตี ่อตนเองและผอู้ ื่น ๔. มคี ณุ ธรรม จริยธรรม มีวินยั ในตนเองและมีควำมรับผิดชอบ ๕. ช่วยเหลอื ตนเองได้เตม็ ตำมศักยภำพ ๖. สนใจต่อกำรเรยี นรสู้ ง่ิ ต่ำง ๆ รอบตัว ๗. เลน่ และทำกจิ กรรมร่วมกับผ้อู นื่ ได้อยำ่ งมคี วำมสขุ ๘. ใชภ้ ำษำสื่อสำรไดอ้ ย่ำงเหมำะสม ๙. มคี วำมสำมำรถในกำรคดิ และกำรแก้ไขปัญหำได้อย่ำงเหมำะสม ๑๐.มคี วำมสำมำรถในกำรดำรงชวี ิตประจำวันไดเ้ ต็มศักยภำพ ๕. การดาเนนิ การเกบ็ รวบรวมขอ้ มลู เม่ือผู้สอนวำงแผนกำรประเมินพัฒนำกำรแล้วควรทำกำรสังเกตพฤติกรรมของเด็กเป็นรำยบุคคล หรือรำยกลุ่ม ด้วยวิธีกำรท่ีหลำกหลำย เช่น กำรพูดคุย หรือสัมภำษณ์เด็ก หรือกำรประเมินผลงำน/ชิ้นงำน ของ เดก็ อยำ่ งเปน็ ระบบ เพ่ือรวบรวมขอ้ มลู พฒั นำกำรของเดก็ ให้ครอบคลมุ เด็กทุกคนแลว้ สรุปลงในแบบบันทึกผลกำร ประเมนิ สภำพท่พี งึ ประสงค์ ในกำรเก็บรวบรวมข้อมูลผลกำรประเมินพัฒนำกำรเด็กตำมสภำพที่พึงประสงค์ ผู้สอนควรเก็บ รวบรวมข้อมูลเป็นรำยบุคคล โดยสภำพท่ีพึงประสงค์ ๑ ข้อ ควรได้รับกำรประเมินพัฒนำกำรอย่ำงน้อย ๒ คร้ัง ต่อ ๑ ภำคเรียน ระยะแรกควรเป็นกำรประเมินเพื่อควำมก้ำวหน้ำ ไม่ควรเป็นกำรประเมินเพ่ือตัดสินพฒั นำกำรของเดก็ ดังน้ัน กำรเก็บรวบรวมข้อมูลผลกำรประเมนิ พัฒนำกำรตำมสภำพท่ีพึงประสงค์จึงเป็นกำรสะสมเพ่ือยืนยันว่ำเด็ก เกิดพัฒนำกำรตำมสภำพท่พี งึ ประสงค์น้ัน ๆ ชัดเจนและมคี วำมนำ่ เชอ่ื ถอื ๖. การสรปด ผลการประเมนิ พฒั นาการเด็ก ศูนย์กำรศึกษำพเิ ศษ ควรสรปุ ผลกำรประเมินพัฒนำกำรเด็กรำยตัวบ่งชี้ รำยมำตรฐำน คุณลกั ษณะที่พึง ประสงค์ และในภำพรวมของพัฒนำกำรรำยด้ำน ภำคเรียนละ ๑ คร้ัง สำหรับแนวทำงกำรสรุปผลกำรประเมิน พัฒนำกำรเด็กตำมสภำพที่พึงประสงค์ในแต่ละตัวบ่งชี้ ควรใช้ฐำนนิยม (Mode) ไม่ควรนำค่ำระดับคุณภำพของ สภำพท่พี งึ ประสงค์มำหำค่ำเฉลี่ย ในกรณมี ีฐำนนยิ มมำกกวำ่ ๑ ฐำนนิยม คือ มีระดับคณุ ภำพซำ้ มำกกว่ำ ๑ ระดบั คุณภำพ กำรสรุปผลกำรประเมินพัฒนำกำรเด็กในแต่ละตัวบ่งชี้ให้อยู่ในดุลยพินิจของสถำนศึกษำ โดยคำนึงถึง ปรัชญำกำรศึกษำ และหลักกำรของหลักสูตรกำรศึกษำปฐมวัยสำหรับเด็กที่มีควำมต้องกำรพิเศษ รวมทั้งกำรนำ ขอ้ มูลผลกำรประเมินไปใชเ้ พอ่ื พัฒนำเดก็ ตอ่ ไป ๗. การรายงานผลการประเมนิ พัฒนาการและการนาขอ้ มูลไปใช้ กำรรำยงำนผลกำรประเมินพัฒนำกำรเป็นกำรส่ือสำรให้พ่อแม่ ผู้ปกครองและผู้เก่ียวข้องได้ทรำบ ควำมกำ้ วหนำ้ ในกำรเรียนรู้ของเด็ก ซึ่งสถำนศึกษำตอ้ งสรปุ ผลกำรประเมนิ พัฒนำกำรและจัดทำเอกสำรรำยงำนให้ ผู้ปกครองทรำบเป็นระยะ ๆ หรืออย่ำงน้อยภำคเรียนละ ๑ ครั้ง กำรรำยงำนผลกำรประเมินพัฒนำกำรสำมำรถ รำยงำนเป็นระดับคุณภำพตำมพฤตกิ รรมท่แี สดงออกถงึ พัฒนำกำรแต่ละด้ำน ท่สี ะทอ้ นมำตรฐำนคุณลกั ษณะท่ีพึง
๖๐ ประสงค์ท้งั ๑๓ ขอ้ ตำมหลักสตู รกำรศกึ ษำปฐมวัยสำหรับเด็กทม่ี ีควำมตอ้ งกำรจำเป็นพิเศษ ตง้ั แต่แรกเกิด - ๖ ปี ศูนยก์ ำรศกึ ษำพิเศษประจำจงั หวดั อดุ รธำนี พุทธศักรำช ๒๕๖4 (ฉบบั ปรบั ปรงุ พุทธศักรำช 2565) แนวทางการใช้หลกั สตู รการศกึ ษาปฐมวยั สาหรบั เดก็ ทม่ี คี วามต้องการจาเปน็ พเิ ศษ ศนู ยก์ ารศกึ ษาพิเศษประจาจงั หวัดอดดราานี พทด าศักราช ๒๕๖4 (ฉบับปรบั ปรงด พดทาศักราช 2565) ๑. ศกึ ษาหลักสตู ร ศกึ ษำมำตรฐำน ตัวบ่งชี้ สภำพทีพ่ งึ ประสงค์ ในแตล่ ะช่วงอำยจุ ริงหรอื อำยุพฒั นำกำรของเดก็ ๒. รวบรวมขอ้ มูลเกย่ี วกับตัวเด็ก ประวตั คิ รอบครวั ประวัติทำงกำรแพทย์ ประวตั ิทำงกำรศึกษำ ประเภทควำมพกิ ำร ๓. ประเมินพัฒนาการเดก็ ๓.๑ ใช้แบบประเมิน DSPM แบบประเมินพัฒนำกำรเด็กที่มีควำมต้องกำรจำเป็นพิเศษอำยุแรกเกดิ ถึง ๖ ปี ศูนย์กำรศึกษำพิเศษประจำจังหวัดอุดรธำนี ต้นปีกำรศึกษำหรือตั้งแต่เร่ิมเข้ำรับบริกำรโดยครูและ ผ้ปู กครอง ๓.๒ ใช้แบบประเมนิ หรือแบบทดสอบมำตรฐำนท่ีหลำกหลำย โดยนักสหวิชำชพี ๓.๓ รวบรวมขอ้ มูลท่ไี ดจ้ ำกกำรประเมินมำจดั ทำแผนกำรจัดกำรศึกษำเฉพำะบคุ คล (IEP) ๔. จดั ทาแผนการจดั การศึกษาเฉพาะบคด คล (IEP) ๔.๑ กำรจัดทำแผนกำรจดั กำรศกึ ษำเฉพำะบคุ คล (IEP) ควรมกี ำรแต่งตง้ั คณะกรรมกำรจัดทำ แผนกำรจดั กำรศกึ ษำเฉพำะบุคคล และตรวจสอบหรือประเมินพฒั นำกำร ๔.๒ กำรจดั ทำแผนกำรจดั กำรศกึ ษำเฉพำะบุคคล (IEP) มีองค์ประกอบดงั น้ี ๔.๒.๑ ข้อมูลทั่วไป ๔.๒.๒ ขอ้ มลู ดำ้ นกำรแพทย์หรือดำ้ นสุขภำพ ๔.๒.๓ ขอ้ มูลดำ้ นกำรศกึ ษำ ๔.๒.๔ ข้อมูลอ่นื ๆ ทจ่ี ำเปน็ ๔.๒.๕ กำรกำหนดแนวทำงกำรศึกษำและกำรวำงแผนกำรจดั กำรศึกษำพเิ ศษ ๔.๒.๖ ควำมตอ้ งกำรดำ้ นสง่ิ อำนวยควำมสะดวก เทคโนโลยีสิ่งอำนวยควำมสะดวก ส่ือ บริกำร และควำมช่วยเหลืออ่นื ใดทำงกำรศึกษำ ๔.๒.๗ คณะกรรมกำรจดั ทำแผน ๔.๒.๘ ควำมเห็นของบิดำ มำรดำ ผ้ปู กครอง หรอื ผเู้ รยี น ๕. จัดทาแผนการสอนเฉพาะบคด คล (IIP) นำจุดประสงค์เชิงพฤติกรรม (เป้ำหมำยระยะส้ัน) ท่ีกำหนดในแผนกำรจัดกำรศึกษำเฉพำะบุคคล มำดำเนินกำรจัดทำแผนกำรสอนเฉพำะบุคคล โดยกำรวิเครำะห์งำนหรือกิจกรรมกำรเรียนรู้ ด้วยกำรเรียงลำดับ กจิ กรรมที่งำ่ ยไปสกู่ จิ กรรมที่ยำกขึน้ หรือกิจกรรมทเ่ี ป็นรูปธรรมไปสู่กจิ กรรมทีเ่ ปน็ นำมธรรม ให้เหมำะสมกับควำม ต้องกำรจำเป็นพเิ ศษของผ้เู รยี นแตล่ ะบุคคล ๖. จัดทาแผนการจดั ประสบการณ์ ๖.๑ ศึกษำมำตรฐำน ตวั บง่ ชี้ และสภำพที่พึงประสงค์ ตำมชว่ งอำยุของเดก็ เพอื่ นำมำจัดทำแผนกำรจัด ประสบกำรณ์
๖๑ ๖.๒ จัดทำแผนกำรจัดประสบกำรณ์อย่ำงหลำกหลำย ครอบคลุมสภำพท่ีพึงประสงค์ ซ่ึงเปล่ียนเป็น จุดประสงคก์ ำรเรียนรใู้ ห้ครบทุกสภำพที่พึงประสงคใ์ นชว่ งอำยจุ ริงหรอื อำยุพฒั นำกำร ๗. จดั กจิ กรรมการเรียนรู้ ๗.๑ จัดกิจกรรมตำมแผนกำรจัดประสบกำรณ์โดยใช้กิจกรรมหลัก ๖ กิจกรรม ได้แก่ กิจกรรม เคลื่อนไหวและจังหวะ กิจกรรมศิลปะสร้ำงสรรค์ กิจกรรมกำรเล่นตำมมุม กิจกรรมเสริมประสบกำรณ์ กิจกรรม กำรเล่นกลำงแจ้ง เกมกำรศึกษำ หรือใช้รูปแบบกำรจัดประสบกำรณ์ตำมที่ศูนย์กำรศึกษำพิเศษกำหนดใน กำร พัฒนำเดก็ ๗.๒ ในกำรจัดกิจกรรมให้คำนึงถงึ แผนกำรจัดกำรศกึ ษำเฉพำะบุคคล (IEP) ของเดก็ แตล่ ะคน เพอื่ ให้ สอดคล้องกบั ควำมต้องกำรจำเปน็ ตำมทีว่ ำงแผนไว้ ๗.๓ ในบำงทกั ษะท่จี ำเปน็ เฉพำะควำมพกิ ำรหรอื บำงทักษะทีเ่ ปน็ ปญั หำของเดก็ อำจต้องจัดกำรเรียน กำรสอนเป็นรำยบคุ คล ๘. ประเมนิ พัฒนาการ ๘.๑ ประเมินตำมแผนกำรสอนเฉพำะบุคคล (IIP) ซ่ึงมี ๕ ระดับ เป็นระบบตัวเลข คือ ๕, ๔, ๓, ๒, ๑ หรือ เป็นระบบท่ีใช้คำสำคญั เชน่ ดีเยีย่ ม, ดีมำก, ด,ี พอใช้, ควรส่งเสรมิ หรอื ตำมทสี่ ถำนศึกษำกำหนด อย่ำงนอ้ ย ภำคเรยี นละ ๑ ครง้ั ๘.๒ ประเมนิ อำยพุ ฒั นำกำรเมือ่ ส้ินปกี ำรศกึ ษำ เพือ่ เปรยี บเทียบกับต้นปกี ำรศกึ ษำ ๙. สรปด และรายงานผล ๙.๑ สรุปผลกำรประเมนิ เป้ำหมำยระยะส้นั และระยะยำวในแผนกำรจัดกำรศึกษำเฉพำะบุคคล (IEP) และ รำยงำนผู้บรหิ ำร และผู้ปกครอง ๙.๒ สรุปผลกำรประเมนิ พฒั นำกำรทง้ั ๔ ด้ำน ตำมมำตรฐำน ตวั บง่ ชี้ และสภำพท่ีพงึ ประสงค์ในช่วงอำยุ ของเดก็ ทุกมำตรฐำนและรำยงำนผบู้ ริหำร และผปู้ กครอง ๙.๓ สรปุ ผลกำรประเมนิ อำยพุ ฒั นำกำรเด็ก และรำยงำนผูบ้ ริหำร และผ้ปู กครอง การสร้างรอยเช่อื มตอ่ ระหวา่ งการศกึ ษาระดบั ปฐมวยั กบั ระดบั ประถมศกึ ษาปที ี่ ๑ กำรสรำ้ งรอยเช่อื มตอ่ ระหว่ำงกำรศกึ ษำระดับปฐมวัยกับระดับประถมศกึ ษำปีที่ ๑ โรงเรยี นเฉพำะควำม พิกำร หรือโรงเรียนจัดกำรเรียนรวม หรือศูนย์กำรศึกษำพิเศษในระดับท่ีสูงขึ้น มีควำมสำคัญอย่ำงย่ิง ส่งผลดีต่อ กำรเรียนร้ขู องเดก็ ปฐมวยั ในกำรปรับตัวรบั กำรเปลยี่ นแปลงไดเ้ ปน็ อย่ำงดี สำมำรถพัฒนำกำรเรยี นรู้ไดอ้ ย่ำงรำบร่นื กำรเชื่อมต่อของกำรศึกษำระดับปฐมวัยกับระดับประถมศึกษำปีที่ ๑ หรือระดับที่สูงข้ึน จะประสบผลสำเร็จได้ บุคลำกรทกุ ฝำ่ ยท่ีเกี่ยวข้องตอ้ งดำเนนิ กำรดงั ต่อไปนี้ ๑. ผบู้ ริหารสถานศกึ ษา ผู้บริหำรสถำนศึกษำเป็นบุคคลสำคัญท่ีมีบทบำทเป็นผู้นำในกำรสร้ำงรอยเช่ือมต่อระหว่ำงหลักสตู ร กำรศึกษำปฐมวัยกบั หลักสูตรแกนกลำงกำรศึกษำขั้นพนื้ ฐำนในช้ันประถมศึกษำปีท่ี ๑ โดยต้องศึกษำหลักสตู รท้ัง สองระดับ เพื่อทำควำมเข้ำใจและจัดระบบกำรบริหำรงำนด้ำนวิชำกำรที่จะเอ้ือต่อกำรเชื่อมต่อกำรศึกษำ โดย ดำเนินกำรดงั น้ี
๖๒ ๑.๑ จัดประชุมผู้สอนระดับปฐมวัยและผู้สอนระดับประถมศึกษำ ร่วมกันสร้ำงควำมเข้ำใจรอย เชื่อมต่อของหลกั สูตรท้งั สองระดับให้เปน็ แนวปฏิบัตขิ องสถำนศึกษำ เพือ่ ผ้สู อนท้ังสองระดับจะได้เตรียมกำรสอน ไดส้ อดคลอ้ งกบั เดก็ วัยนี้ ๑.๒ จัดหำเอกสำรหลักสูตรและเอกสำรทำงวิชำกำรของทั้งสองระดับมำไวใ้ ห้ผู้สอนและบุคลำกร อ่นื ๆ ไดศ้ ึกษำทำควำมเขำ้ ใจ อย่ำงสะดวกและเพยี งพอ ๑.๓ จดั กจิ กรรมให้ผู้สอนทั้งสองระดบั มีโอกำสแลกเปลี่ยนและเผยแพร่ควำมรใู้ หม่ๆ รว่ มกัน ๑.๔ จัดหำสอ่ื วสั ดุอปุ กรณ์ และจัดสภำพแวดลอ้ มท่ีสง่ เสริมกำรสรำ้ งรอยเชื่อมต่อ ๑.๕ จดั กิจกรรมให้ควำมรู้ กจิ กรรมสมั พันธ์ในรปู แบบต่ำง ๆ และจัดทำเอกสำรเผยแพร่ให้กับพ่อ แม่ ผู้ปกครองอย่ำงสม่ำเสมอ เพ่ือให้พ่อแม่ ผู้ปกครองเข้ำใจกำรศึกษำทั้งสองระดับและให้ควำมร่วมมือในกำร ชว่ ยเหลือเด็กให้สำมำรถปรบั ตัวเข้ำกับสภำพแวดลอ้ มใหม่ไดด้ ี ในกรณีท่ีโรงเรียนไม่มีช้ันประถมศึกษำปีที่ ๑ ในสถำนศึกษำของตนเอง ผู้บริหำรสถำนศึกษำควร ประสำนกบั สถำนศึกษำที่คำดว่ำเด็กจะไปเข้ำเรียน เพ่ือสร้ำงควำมเข้ำใจให้พอ่ แม่ ผปู้ กครอง ในกำรช่วยเหลอื เด็ก สำมำรถปรบั ตวั เข้ำกับสถำนศึกษำใหมไ่ ด้ ๒. ผสู้ อนระดับปฐมวยั ผู้สอนระดับปฐมวัยต้องศึกษำหลักสูตรแกนกลำงกำรศึกษำข้ันพื้นฐำน กำรจัดกำรเรียนกำรสอนใน ชั้นประถมศกึ ษำปที ี่ ๑ และสร้ำงควำมเข้ำใจให้กบั พ่อแม่ ผปู้ กครองและบคุ ลำกรอ่นื ๆ รวมท้งั ช่วยเหลอื เด็กในกำร ปรับตวั ก่อนเลอื่ นขึน้ ช้นั ประถมศึกษำปที ่ี ๑ โดยผู้สอนควรดำเนินกำร ดังน้ี ๒.๑ เกบ็ รวบรวมขอ้ มูลเกี่ยวกับตวั เด็กเปน็ รำยบุคคลเพื่อสง่ ต่อผู้สอนช้ันประถมศึกษำปีที่ ๑ ซึง่ จะ ทำให้ผู้สอนระดบั ประถมศกึ ษำสำมำรถใช้ข้อมลู น้ันช่วยเหลอื เด็กในกำรปรบั ตัวเขำ้ กับกำรเรียนรู้ใหม่ตอ่ ไป ๒.๒ พูดคุยกับเด็กถึงประสบกำรณ์ที่ดี ๆ เกย่ี วกับกำรจดั กำรเรยี นรู้ในระดับช้นั ประถมศึกษำปีที่ ๓ เพอ่ื ใหเ้ ด็กเกิดเจตคตทิ ่ีดตี ่อกำรเรียนรู้ ๒.๓ จดั ให้เดก็ ไดม้ โี อกำสทำควำมร้จู กั กับผ้สู อน ตลอดจนกำรสำรวจสภำพแวดล้อมและบรรยำกำศ ของหอ้ งเรยี นชั้นประถมศึกษำปีที่ ๑ ๒.๔ จดั สื่อ วัสดอุ ุปกรณ์ หนงั สือท่ีเหมำะสมกับวยั เด็กที่สง่ เสริมให้เด็กได้เรยี นรแู้ ละมปี ระสบกำรณ์ พ้ืนฐำนทีส่ อดคล้องกับรอยเชื่อมต่อในกำรเรยี นระดับชั้นประถมศึกษำปที ่ี ๑ ๓. ผ้สู อนระดบั ประถมศึกษา ผสู้ อนระดับประถมศึกษำตอ้ งมีควำมรู้ ควำมเข้ำใจในพัฒนำกำรเดก็ ปฐมวัย และมีเจตคติทด่ี ีต่อกำร จัดประสบกำรณ์ตำมหลักสูตรกำรศึกษำปฐมวัย เพื่อนำมำเป็นข้อมูลกำรพัฒนำกำรจัดกำรเรียนรู้ระดับชั้น ประถมศึกษำปีที่ ๑ ให้ต่อเนื่องกับกำรพฒั นำเดก็ ในระดบั ปฐมวยั โดยควรดำเนินกำร ดังน้ี ๓.๑ จัดกิจกรรมให้เด็ก พ่อแม่ และผู้ปกครอง มีโอกำสได้ทำควำมรู้จักคุ้นเคยกับผู้สอนและ หอ้ งเรียนช้นั ประถมศึกษำปีท่ี ๑ กอ่ นเปดิ ภำคเรยี น ๓.๒ จดั สภำพห้องเรยี นให้ใกลเ้ คียงกับห้องเรียนระดับปฐมวัย โดยจัดให้มมี มุ ประสบกำรณ์ภำยใน ห้อง เพ่อื ใหเ้ ด็กไดม้ ีโอกำสทำกจิ กรรมได้อย่ำงอิสระ เช่น มมุ หนังสอื มมุ ของเล่น มุมเกมกำรศกึ ษำ เพื่อช่วยให้เด็ก ช้ันประถมศึกษำปที ่ี ๑ ได้ปรบั ตวั และเรยี นรจู้ ำกกำรปฏบิ ตั ิจรงิ ๓.๓ จัดกจิ กรรมรว่ มกันกับเดก็ ในกำรสรำ้ งข้อตกลงเกย่ี วกับกำรปฏิบัติตน ๓.๔ จัดกจิ กรรมชว่ ยเหลอื สง่ เสริมกำรเรียนรู้ใหก้ บั เดก็ ตำมควำมแตกต่ำงระหว่ำงบคุ คล ๓.๕ เผยแพร่ขำ่ วสำรด้ำนกำรเรยี นรู้และสร้ำงควำมสมั พนั ธท์ ี่ดกี บั เดก็ พ่อแม่ ผู้ปกครอง และชมุ ชน
๖๓ ๔. พ่อแม่ ผู้ปกครอง พอ่ แม่ ผูป้ กครองเปน็ ผู้มีบทบำทสำคญั ในกำรอบรมเล้ียงดูและสง่ เสริมกำรศกึ ษำของบุตรหลำน และ เพอื่ ช่วยบตุ รหลำนของตนเองในกำรศึกษำต่อช้ันประถมศกึ ษำปที ี่ ๑ ควรดำเนินกำรดังน้ี ๔.๑ ศกึ ษำและทำควำมเขำ้ ใจหลักสูตรของกำรศึกษำท้งั สองระดบั ๔.๒ จัดหำหนังสือ อุปกรณท์ ่เี หมำะสมกบั วยั เดก็ ๔.๓ มปี ฏิสมั พันธ์ทดี่ ีกับบุตรหลำน ใหค้ วำมรกั ควำมเอำใจใส่ ดแู ลบตุ รหลำนอย่ำงใกลช้ ดิ ๔.๔ จดั เวลำในกำรทำกิจกรรมร่วมกับบตุ รหลำน เช่น เล่ำนทิ ำน อ่ำนหนังสือร่วมกัน สนทนำ พูดคยุ ซกั ถำมปญั หำในกำรเรยี น ใหก้ ำรเสรมิ แรงและให้กำลงั ใจ ๔.๕ รว่ มมอื กับผสู้ อนและสถำนศึกษำในกำรช่วยเตรยี มตัวบตุ รหลำน เพื่อชว่ ยใหบ้ ตุ รหลำน ปรบั ตวั ไดด้ ีข้นึ ๕. คณะสหวชิ าชีพ คณะสหวิชำชีพ เป็นคณะผู้ให้บริกำรประกอบด้วย แพทย์ พยำบำล นักจิตวิทยำ นักอรรถบำบัด นักโภชนำกำร นักกิจกรรมบำบัด นักกำยภำพบำบัด นักสังคมสงเครำะห์ แพทย์แผนไทย และครูกำรศึกษำพเิ ศษ มสี ่วนรว่ มในกำรประเมนิ รวมทัง้ เป็นทีป่ รึกษำในกำรพฒั นำเดก็ การให้บรกิ ารชว่ งเช่ือมต่อหรอื การสง่ ต่อ บริการช่วงเชอื่ มตอ่ หมำยถงึ กำรเตรยี มผู้เรียนเพื่อให้เกิดควำมคุ้นเคยหรือเกิดกำรปรับตัวให้คุ้นเคยกับ กิจกรรมใหม่ สภำพแวดล้อมใหม่ หลักสูตรหรือโปรแกรมพัฒนำใหม่ ก่อนท่ีจะเปลี่ยนผ่ำนไปสู่กิจกรรม สภำพแวดล้อม หลักสูตรหรือกิจกรรมนั้น ๆ โดยศูนย์กำรศึกษำพิเศษ ควรจัดทำแผนบริกำรช่วงเชื่อมต่อให้กับ ผู้เรยี นด้วย การส่งตอ่ หมำยถงึ กำรประสำนควำมรว่ มมอื ในกำรพัฒนำผเู้ รยี นท้ังภำยในศูนย์กำรศกึ ษำพิเศษประจำ จังหวัดอุดรธำนี และระหว่ำงศูนย์กำรศึกษำพิเศษประจำจังหวัดอุดรธำนีกับหน่วยงำนอื่น ๆ เพื่อให้ผู้เรียนได้รับ บรกิ ำรท่เี หมำะสมตำมศกั ยภำพของแตล่ ะบุคคล ประกอบดว้ ย การส่งต่อภายใน คือ กำรประสำนกำรส่งต่อภำยในศูนย์กำรศึกษำพิเศษประจำจังหวัด อุดรธำนี เพือ่ ให้ผู้เรียนได้รับบริกำรท่ีเหมำะสม สอดคลอ้ งตำมศักยภำพของผ้เู รียนแต่ละบุคคล ประกอบดว้ ย กำร สง่ ต่อระดับชั้นเรยี น ระดับกำรจัดกำรศกึ ษำ กำรส่งตอ่ ระดบั หลกั สูตร โปรแกรมพัฒนำ หรือกำรเปล่ียนรปู แบบกำร รับบรกิ ำร การส่งตอ่ ภายนอก คือ กำรประสำนระหว่ำงศนู ย์กำรศึกษำพิเศษประจำจงั หวดั อดุ รธำนี กับ หน่วยงำนอ่ืน ๆ ท่ีเกี่ยวข้อง เพื่อให้ผู้เรียนได้รับบริกำรท่ีเหมำะสม สอคล้องตำมศักยภำพผู้เรียนแต่ละบุคคล โดยกำหนดรูปแบบกำรสง่ ตอ่ ดงั นี้ ๑. ด้ำนกำรศึกษำ เป็นกำรส่งต่อเพื่อให้ผู้เรียนได้รับบริกำรด้ำนกำรศึกษำที่สูงขึ้น ได้แก่ กำรส่งต่อศูนย์พัฒนำเด็กเล็ก ระหว่ำงศูนยก์ ำรศึกษำพิเศษด้วยกัน ส่งต่อโรงเรยี นเฉพำะควำมพิกำร หรือโรงเรยี น เรยี นรวม ตำมศักยภำพของผู้เรยี นแต่ละบุคคล ๒. ด้ำนกำรแพทย์ เป็นกำรส่งต่อเพ่ือขอคำปรึกษำ / ควำมคิดเห็นของแพทย์ ตรวจ วนิ ิจฉยั ทำงกำรแพทย์ แก้ไขควำมพิกำรหรือฟนื้ ฟูสมรรถภำพตำมควำมต้องกำรจำเป็นของแต่ละบคุ คลให้สำมำรถ ดำรงชวี ติ ไดอ้ ย่ำงเหมำะสม ๓. ด้ำนสังคม เป็นกำรส่งต่อเพื่อให้ผู้เรียนได้รับบริกำรทำงสังคมสงเครำะห์ตำมควำม ต้องกำรจำเป็นของแต่ละบคุ คล ได้แก่ กำรขอรบั สวัสดิกำรหรอื บริกำรตำมสทิ ธทิ พี่ ึงได้รับตำมกฎหมำย
๖๔ ๔. ด้ำนอำชีพ เป็นกำรประสำนระหว่ำงศูนย์กำรศึกษำพิเศษประจำจังหวัดอุดรธำนีกับ ผ้ปู ระกอบกำร เพอ่ื สง่ ต่อผเู้ รียนเข้ำสู่กำรประกอบอำชีพ การกากับ ตดิ ตาม ประเมนิ และรายงาน กำรจัดกำรศึกษำปฐมวัยมีหลักกำรสำคัญในกำรให้สังคม ชุมชน มีส่วนร่วมในกำรจัดกำรศึกษำและ กระจำยอำนำจกำรศึกษำลงไปยังท้องถ่ินโดยตรง โดยเฉพำะสถำนศึกษำหรือสถำนพัฒนำเด็กปฐมวัย ซึ่งเป็น ผู้จัดกำรศึกษำในระดับน้ี ดังน้ัน เพ่ือให้ผลผลิตทำงกำรศึกษำปฐมวัยมีคุณภำพตำมมำตรฐำน คุณลักษณะท่ีพึงประสงค์ และสอดคล้องกบั ควำมตอ้ งกำรของชุมชนและสังคม จำเป็นตอ้ งมรี ะบบกำรกำกับ ตดิ ตำม ประเมินและรำยงำนท่ี มีประสิทธิภำพ เพื่อให้ทุกกลุ่มทุกฝ่ำยท่ีมีส่วนร่วมรับผิดชอบในกำรจัดกำรศึกษำ เห็นควำมก้ำวหน้ำ ปัญหำ อุปสรรค ตลอดจนกำรให้ควำมร่วมมือ ช่วยเหลือ ส่งเสริม สนับสนุน วำงแผน และดำเนินงำนกำรจัดกำรศึกษำ ปฐมวยั ใหม้ ีคณุ ภำพอยำ่ งแทจ้ ริง กำรกำกับ ติดตำม ประเมินและรำยงำนผลกำรจัดกำรศึกษำปฐมวัยเป็นส่วนหนึ่งของกระบวนกำร บริหำรกำรศกึ ษำ กระบวนกำรนเิ ทศ และระบบกำรประกันคุณภำพกำรศึกษำ ท่ีตอ้ งดำเนนิ กำรอย่ำงตอ่ เนอื่ ง เพ่อื นำไปสู่กำรพัฒนำคณุ ภำพและมำตรฐำนกำรศกึ ษำปฐมวัย สร้ำงควำมมั่นใจให้ผู้เกีย่ วข้อง โดยต้องมีกำรดำเนนิ กำร ท่เี ป็นระบบเครือข่ำยครอบคลมุ ทั้งหน่วยงำนภำยในและภำยนอก ในรปู แบบของคณะกรรมกำร ท่มี ำจำกบคุ คลทุกระดับ และทุกอำชีพ กำรกำกับ ติดตำม และประเมินผลต้องมีกำรรำยงำนผลจำกทุกระดับให้ทุกฝ่ำย รวมทั้งประชำชน ทั่วไปทรำบ เพื่อนำข้อมูลจำกรำยงำนผลมำจัดทำแผนพัฒนำคุณภำพกำรศึกษำของสถำนศึกษำหรือสถำนพัฒนำ เดก็ ปฐมวัยต่อไป
๖๕ ภาคผนวก
สาระที่ควรเรยี นรทู้ ี่ ๑ กาหนดการสอนต เรอ่ื งราวท่เี กี่ยวกับตวั เดก็ (พฤษภาคม 2565 สาระทคี่ วรเรยี นรู้ท่ี ๒ ชมุ ชนของเรา ๑. นแี่ หละตัวฉนั ๑. ครอบครวั สขุ สนั ต์ ๒. โรงเรยี นของฉนั ๒. รา่ งกายของฉนั ๓. อาชีพในฝัน ๓. หนนู ้อยสขุ ภาพดี ๔. รกั ความเป็นไทย ๕. แหลง่ เรียนรูใ้ นชมุ ชน ๔. กินดมี ีสขุ ๕. ปลอดภัยไว้ก่อน ๖. ครอบครัวของฉนั ๗. หนนู อ้ ยนา่ รกั ๘. ใจเขาใจเรา ๙. หนูทาได้ ๑๐. รูเ้ ขารเู้ รา ๑๑. เดก็ ดีมีมารยาท
ตามหน่วยการเรียนรู้ ๑ 5 – เมษายน 2566) สาระทีค่ วรเรียนรทู้ ่ี ๔ สาระทีค่ วรเรียนร้ทู ่ี ๓ ส่ิงตา่ งๆ รอบตวั เด็ก ธรรมชาตริ อบตวั ๑. อักษรหรรษา ๑. ฤดหู รรษา ๒. สีสนั สดใส ๒. สัตว์โลกนา่ รู้ ๓. ผวิ สัมผสั นา่ รู้ ๓. ผัก ผลไม้ ๔. ขนาด รูปร่าง รปู ทรง ๔. โลกสวยด้วยมอื เรา ๕. จานวน ตวั เลข ๕. เวลา ๖. ของเลน่ ของใช้ใน ชีวิตประจาวนั ๗. นาฬิกาพาเพลนิ ๘. การเงินพอเพยี ง ๙. การคมนาคมและ ยานพาหนะ ๑๐. เทคโนโลยีและการ สือ่ สาร
หนว่ ยการเรียนรู้ สรปด สาระท 1. น่ีแหละตัวฉนั 2. รา่ งกายของฉัน สาระทคี่ วรเรียนรูท้ ่ี 1 3. หนูน้อยสขด ภาพดี แนวทางการจดั กจิ กรรม กำรแนะนำช่ือตนเอง (ช่อื เล่น ช่อื -นำมสกลุ จ 4. กินดีมสี ดข - กำรรู้จกั อวยั วะบนใบหนำ้ - กำรรจู้ ักอวัยวะภำยนอกรำ่ งกำย - กำรรู้จกั รปู ร่ำงของมนุษย์ - กำรรู้เร่ืองเพศ - กำรร้จู ักวธิ กี ำรล้ำงมือ เชด็ มอื ลำ้ งหนำ้ แป เชด็ ตัว สระผม อำบนำ้ ทำควำมสะอำดหลงั ข กำรดแู ลควำมสะอำดอวยั วะเพศ ล้ำงเทำ้ ตดั - กนิ อำหำรครบ 5 หมู่ - มีสขุ ลกั ษณะทีด่ ีในกำรรบั ประทำนอำหำร - เรียนรรู้ สชำตอิ ำหำร - กำรด่มื นำ้ สะอำด
๒ ะทคี่ วรเรียนรู้ เรื่องราวทเี่ กยี่ วกบั ตัวเดก็ ตวั บ่งชท้ี ี่ อายพด ฒั นาการ สภาพท่พี งึ ประสงค์ 9.1 จริง) 9.1 6 - 9 เดือน หันหำเมื่อเรียกช่อื ปรงฟัน 1.2 1 ปี – 1 ปี ช้สี ่วนตำ่ ง ๆ ของร่ำงกำยตำมคำบอกอย่ำง ขบั ถำ่ ย ดเล็บ 1.2 6 เดอื น น้อย 1 ส่วน 2 - 3 ปี ช้สี ่วนต่ำง ๆ ของรำ่ งกำยตำมคำบอกอย่ำง นอ้ ย 7 สว่ น แรกเกดิ – 3 ปี 1. มภี มู ิตำ้ นทำนโรค ไม่ปว่ ยบอ่ ย ขับถ่ำยเปน็ เวลำ รบั ประทำนอำหำร นอนและพักผ่อน เหมำะสมกบั วยั 2. กจิ กรรมกำรเคล่ือนไหวสอดคล้องตำม พัฒนำกำร 3 - 4 ปี 1. รับประทำนอำหำรทมี่ ีประโยชนแ์ ละดมื่ น้ำ ทีส่ ะอำดเม่อื มีผู้ช้แี นะ 2. ลำ้ งมือก่อน - หลงั รับประทำนอำหำรและ หลงั จำกขับถ่ำย กำรใช้ห้องน้ำ ห้องสว้ มเมือ่ มีผู้ชี้แนะ 3. ดูแลสขุ ภำพชอ่ งปำกและฟันโดยมผี ูช้ ีแ้ นะ 4. นอนพกั ผ่อนเปน็ เวลำ 5. ออกกำลงั กำยอย่ำงสม่ำเสมอ
หนว่ ยการเรียนรู้ แนวทางการจัดกิจกรรม 5. ปลอดภยั ไวก้ ่อน - กำรเลน่ เครอ่ื งเลน่ อย่ำงปลอดภัย - กำรปฏบิ ัติตนใหเ้ กิดควำมปลอดภัยใน ชีวิตประจำวัน
๓ ตัวบง่ ชที้ ่ี อายดพฒั นาการ สภาพที่พงึ ประสงค์ 1.3 4 - 5 ปี 1. รับประทำนอำหำรท่ีมีประโยชนแ์ ละดืม่ นำ้ สะอำดดว้ ยตนเอง 2. ลำ้ งมอื ก่อน-หลังรบั ประทำนอำหำรและ หลังจำกขับถ่ำย กำรใช้ห้องน้ำ ห้องส้วมได้ด้วย ตนเอง 3. ดูแลสขุ ภำพชอ่ งปำกและฟนั โดยกำร บว้ นปำก/แปรงฟนั ไดด้ ว้ ยตนเอง 4. นอนพักผ่อนเปน็ เวลำ 5. ออกกำลงั กำยเป็นเวลำ 5 - 6 ปี 1. รับประทำนอำหำรท่มี ีประโยชน์ตำมหลกั โภชนำกำรอำหำรหลกั 5 หมแู่ ละดื่มน้ำ สะอำดได้ด้วยตนเอง 2. ล้ำงมือก่อน - หลังรับประทำนอำหำรและ หลงั จำกขบั ถ่ำย กำรใช้หอ้ งนำ้ ห้องส้วมได้ ดว้ ยตนเอง 3. ดูแลสขุ ภำพช่องปำกและฟนั โดยกำรแปรง ฟันได้ดว้ ยตนเอง 4. นอนพักผอ่ นเป็นเวลำ 5. ออกกำลังกำยเปน็ เวลำ 3 - 4 ปี 1. เล่นและทำกิจกรรมอย่ำงปลอดภัยเม่ือมผี ู้ ช้แี นะ
หน่วยการเรียนรู้ แนวทางการจดั กิจกรรม 6. ครอบครวั ของฉนั - กำรเล่นและทำกจิ กรรมรว่ มกบั ผูอ้ ่นื อย่ำง ปลอดภัย - รูจ้ กั สมำชกิ ในครอบครวั 7. หนนู อ้ ยนา่ รกั กำรปฏิบตั ติ นในครอบครวั กำรปฏิบัตติ นในโรงเรียน
๔ ตัวบง่ ช้ีที่ อายดพัฒนาการ สภาพทีพ่ งึ ประสงค์ 3.2 4 - 5 ปี 1. เล่นและทำกิจกรรมอย่ำงปลอดภยั ด้วย 4.1 3.2 ตนเอง 4.1 5 - 6 ปี 1. เล่น ทำกิจกรรม และปฏิบัติตอ่ ผอู้ ่นื อยำ่ ง 5.1 ปลอดภยั 2 - 4 เดือน 1. ผูกพนั กบั พอ่ แม่ หรอื ผเู้ ล้ยี งดูใกลช้ ิด 2. ยม้ิ ทักทำยเมอ่ื เหน็ หนำ้ คนคุ้นเคย 9 เดอื น – 1 ปี แสดงควำมสนใจติดผเู้ ลี้ยงดตู นเองมำกกว่ำคนอื่น 4 - 6 เดือน จำหน้ำแม่และคนคุ้นเคยได้ 2 - 4 เดอื น 1. ผกู พันกบั พอ่ แม่ หรือผเู้ ลยี้ งดใู กลช้ ิด 2. ยม้ิ ทักทำยเมอื่ เหน็ หน้ำคนคุ้นเคย 2 - 4 เดือน 1. มีปฏิกิรยิ ำโตต้ อบดว้ ยกำรเคล่อื นไหว รำ่ งกำยเมื่อเหน็ หรือไดย้ นิ เสยี งคนและส่ิงที่ คุ้นเคย 4 - 6 เดอื น 1. ยิม้ ทักทำยแสดงอำกำรดใี จ เมือ่ เห็นสิ่งที่ ตวั เองพอใจ 2. จำหน้ำแม่และคนคุ้นเคยได้ 3. เล่นของเล่นที่มเี สียงได้ 3 - 4 ปี 1. บอกหรอื ชี้ไดว้ ่ำสง่ิ ใดเป็นของตนเองและ สิ่งใดเป็นของผอู้ ื่น 4 - 5 ปี 1. ขออนุญำตหรือรอคอยเมื่อตอ้ งกำรส่ิงของ ของผอู้ ่นื เม่ือมีผ้ชู ้แี นะ
หน่วยการเรียนรู้ แนวทางการจดั กจิ กรรม 8. ใจเขาใจเรา เคำรพสิทธติ นเอง
๕ ตัวบง่ ชท้ี ี่ อายดพฒั นาการ สภาพทีพ่ งึ ประสงค์ 5.2 5 - 6 ปี 1. ขออนญุ ำตหรอื รอคอยเมอื่ ตอ้ งกำรส่ิงของ 5.4 10.3 ของผอู้ ่ืนดว้ ยตนเอง 3 - 4 ปี 1. แสดงควำมรักเพ่ือนและมเี มตตำ สัตวเ์ ล้ยี ง 2. แสดงควำมมนี ำ้ ใจ ช่วยเหลอื แบง่ ปัน บุคคลอ่ืน 4 - 5 ปี 1. แสดงควำมรกั เพือ่ นและมเี มตตำสัตว์เลยี้ ง 2. แสดงควำมมนี ้ำใจ ช่วยเหลอื แบ่งปนั บคุ คลอืน่ 5 - 6 ปี 1. แสดงควำมรกั เพ่ือนและมีเมตตำ สัตว์เลี้ยง 2. แสดงควำมมนี ้ำใจ ชว่ ยเหลอื แบ่งปัน บคุ คลอ่ืน 3 - 4 ปี 1. ทำงำนท่ไี ด้รบั มอบหมำยจนสำเรจ็ เมอื่ มี ผู้ชว่ ยเหลอื 4 - 5 ปี 1. ทำงำนท่ไี ด้รับมอบหมำยจนสำเร็จ เม่ือมีผู้ ช้แี นะ 5 - 6 ปี 1. ทำงำนทไ่ี ด้รบั มอบหมำยจนสำเรจ็ ด้วย ตนเอง 4 - 5 ปี 1. ตัดสินใจในเร่อื งง่ำย ๆ และเร่มิ เรยี นรผู้ ลท่ี เกดิ ขึ้น 2. ระบุปญั หำ และแกป้ ัญหำโดยลองผิดลองถกู 5 - 6 ปี 1. ตดั สินใจในเร่อื งงำ่ ย ๆ และยอมรบั ผลที่ เกิดข้นึ
หนว่ ยการเรยี นรู้ แนวทางการจัดกจิ กรรม เคำรพสิทธิคนอน่ื แสดงควำมเหน็ ของตนเอง รับฟังควำมเห็นผู้อ่ืน
๖ ตัวบง่ ชที้ ี่ อายพด ฒั นาการ สภาพทพ่ี ึงประสงค์ 5.3 9.3 2. ระบปุ ญั หำสร้ำงทำงเลอื กและเลอื กวธิ ี 12.2 แก้ปญั หำ 8.3 3 - 4 ปี 1. แสดงสหี น้ำหรอื ท่ำทำงรบั รคู้ วำมรสู้ กึ ผอู้ ่ืน 4 - 5 ปี 1. แสดงสหี นำ้ และท่ำทำงรับรคู้ วำมรสู้ กึ ผ้อู นื่ 5 - 6 ปี 1. แสดงสีหนำ้ และท่ำทำงรับรู้ควำมรูส้ ึกผอู้ น่ื อย่ำงสอดคลอ้ งกับสถำนกำรณ์ 5 - 6 ปี 1. บอกควำมตอ้ งกำรของตนเองได้ 2. ตอบคำถำมเกี่ยวกับเรอื่ งเล่ำหรอื นิทำน 3. เลำ่ เร่อื งเป็นประโยคอยำ่ งต่อเนือ่ ง 3 - 4 ปี 1. ใช้ประโยคคำถำมวำ่ “ใคร” “อะไร” ในกำรค้นหำคำตอบ 4 - 5 ปี 1. ค้นหำคำตอบของข้อสงสัยตำ่ ง ๆ ตำม วธิ ีกำรทม่ี ผี ชู้ แ้ี นะ 2. ใช้ประโยคคำถำมว่ำ “ที่ไหน” “ทำไม” ในกำรค้นหำคำตอบ 5 - 6 ปี 1. ค้นหำคำตอบของขอ้ สงสยั ตำ่ ง ๆ ตำม วธิ ีกำรของตนเอง 2. ใช้ประโยคคำถำมว่ำ “เม่อื ไร” “อยำ่ งไร” ในกำรค้นหำคำตอบ 3 - 4 ปี 1. ปฏิบตั ิตำมข้อตกลงเมอ่ื มีผชู้ ้แี นะ 2. ปฏิบัติตนเปน็ ผนู้ ำและผตู้ ำมเมอ่ื มีผู้ชแี้ นะ
หนว่ ยการเรยี นรู้ แนวทางการจัดกจิ กรรม กำรกำกบั ตนเอง
๗ ตัวบง่ ชที้ ี่ อายดพัฒนาการ สภาพทพ่ี ึงประสงค์ 3. ยอมรับกำรประนปี ระนอมแก้ไขปัญหำเมอ่ื มผี ู้ชีแ้ นะ 4 - 5 ปี 1. มีสว่ นรว่ มสร้ำงข้อตกลงและปฏบิ ตั ติ ำม ข้อตกลงเม่ือมีผชู้ ี้แนะ 2. ปฏบิ ัติตนเปน็ ผูน้ ำและผตู้ ำมได้ดว้ ยตนเอง เม่อื มีผชู้ ี้แนะ 3. ประนีประนอมแกไ้ ขปญั หำโดยปรำศจำก กำรใชค้ วำมรุนแรง เม่อื มีผ้ชู ี้แนะ 5 - 6 ปี 1. มสี ว่ นร่วมสรำ้ งข้อตกลงและปฏิบตั ิตำม ข้อตกลงดว้ ยตนเอง 2. ปฏิบตั ติ นเปน็ ผนู้ ำและผู้ตำมได้เหมำะสม กับสถำนกำรณ์ 3. ประนปี ระนอมแกไ้ ขปญั หำโดยปรำศจำก กำรใช้ควำมรนุ แรงดว้ ยตนเอง 6.2 3 - 4 ปี 1. เกบ็ ของเล่นของใช้เข้ำที่เมอ่ื มีผูช้ แ้ี นะ 2. เขำ้ แถวตำมลำดบั ก่อนหลงั ได้เมอื่ มีผชู้ ี้แนะ 4 - 5 ปี 1. เก็บของเล่นของใช้เขำ้ ทีด่ ้วยตนเอง 2. เขำ้ แถวตำมลำดบั ก่อนหลงั ได้ดว้ ยตนเอง 5 - 6 ปี 1. เกบ็ ของเลน่ ของใช้เขำ้ ท่ีอยำ่ งเรยี บรอ้ ย ด้วยตนเอง 2. เขำ้ แถวตำมลำดับกอ่ นหลงั ได้ดว้ ยตนเอง
หน่วยการเรยี นรู้ แนวทางการจดั กจิ กรรม 9. หนทู าได้ - กำรเล่นกบั คนอน่ื - กำรเลน่ อิสระ - กำรทำกิจกรรมตำ่ ง ๆ ด้วยตนเอง - กำรทำกิจกรรมกลุ่ม
๘ ตัวบ่งชีท้ ี่ อายดพฒั นาการ สภาพท่พี ึงประสงค์ 8.1 3 - 4 ปี 1. เล่นและทำกิจกรรมร่วมกบั เดก็ ทแ่ี ตกต่ำง - 8.2 ไปจำกตน 8.2 4 - 5 ปี 1. เล่นและทำกิจกรรมร่วมกบั เด็กทแ่ี ตกต่ำง ไปจำกตน 5 - 6 ปี 1. เลน่ และทำกิจกรรมรว่ มกับเด็กที่แตกต่ำง ไปจำกตน -- 4 - 5 ปี 1. เล่นหรือทำงำนรว่ มกับเพอื่ นเปน็ กลุม่ เมือ่ มี ผ้ชู ้ีแนะ 2. ยม้ิ ทกั ทำยหรือพดู คุยกบั ผู้ใหญแ่ ละบุคคล ทีค่ นุ้ เคยได้ด้วยตนเอง 3 - 4 ปี 1. เล่นร่วมกบั เพื่อนเม่อื มผี ้ชู ้แี นะ 2. ย้มิ หรือทักทำยผู้ใหญ่และบุคคลทค่ี ุ้นเคย เมือ่ มผี ู้ช้แี นะ 4 - 5 ปี 1. เลน่ หรือทำงำนรว่ มกบั เพ่อื นเปน็ กลมุ่ เม่ือมี ผูช้ แ้ี นะ 2. ยม้ิ ทักทำยหรือพดู คยุ กบั ผู้ใหญแ่ ละบุคคล ทีค่ ุ้นเคยไดด้ ว้ ยตนเอง 5 - 6 ปี 1. เล่นหรือทำงำนร่วมมอื กับเพ่ือนอยำ่ งมี เปำ้ หมำย 2. ยิ้ม ทกั ทำยและพดู คยุ กับผูใ้ หญแ่ ละบุคคล ทีค่ นุ้ เคยได้เหมำะสมกบั สถำนกำรณ์
หน่วยการเรียนรู้ แนวทางการจัดกจิ กรรม 10. รูเ้ ขารเู้ รา - กำรเล่นบทบำทสมมติ - กำรรจู้ กั อำรมณ์ของตวั เอง - กำรแสดงออกทำงอำรมณ์อย่ำงเหมำะสมตำ สถำนกำรณ์ - กำรแสดงออกทำงท่ำทำงหรือพูดแสดงควำม ชมตนเองและผู้อืน่ 11. เด็กดมี มี ารยาท - รู้จกั กำรทักทำยผู้อ่ืน - รจู้ กั กำรขอโทษผ้อู น่ื - รจู้ ักกำรแสดงควำมขอบคุณผอู้ ่นื - รูจ้ กั มำรยำทที่ดใี นสังคม - ปลูกฝงั คณุ ธรรมพนื้ ฐำน
๙ ตัวบ่งชท้ี ่ี อายพด ฒั นาการ สภาพทพ่ี ึงประสงค์ -- - 3.1 แรกเกิด – 3 ปี อำรมณ์ดี ยม้ิ แยม้ หวั เรำะง่ำย แววตำมี ำม ควำมสขุ 3 - 4 ปี 1. แสดงอำรมณ์ควำมรสู้ ึกได้เหมำะสมกบั มช่นื บำงสถำนกำรณ์ 4 - 5 ปี 1. แสดงอำรมณค์ วำมรู้สึกไดต้ ำม สถำนกำรณ์ 5 - 6 ปี 1. แสดงอำรมณ์ ควำมรูส้ กึ ได้สอดคล้องกบั สถำนกำรณ์อย่ำงเหมำะสม 7.3 3 - 4 ปี 1. ปฏบิ ตั ิตนตำมมำรยำทไทยได้เมอ่ื มีผู้ชีแ้ นะ 2. กลำ่ วคำขอบคุณและขอโทษเมือ่ มีผู้ชแี้ นะ 3. หยุดยืนเม่ือได้ยนิ เพลงชำติไทยและเพลง สรรเสรญิ พระบำรมี 4 - 5 ปี 1. ปฏบิ ตั ติ นตำมมำรยำทไทยได้ดว้ ยตนเอง 2. กลำ่ วคำขอบคุณและขอโทษด้วยตนเอง 3. ยนื ตรงเมือ่ ไดย้ นิ เพลงชำติไทยและเพลง สรรเสริญพระบำรมี 5-6 ปี 1. ปฏบิ ตั ิตนตำมมำรยำทไทยไดต้ ำม กำลเทศะ 2. กล่ำวคำขอบคุณและขอโทษดว้ ยตนเอง 3. ยืนตรงและรว่ มรอ้ งเพลงชำติไทยและเพลง สรรเสริญพระบำรมี
หนว่ ยการเรียนรู้ สาระทค่ี วรเรยี นรทู้ 1. ครอบครัวสขด สันต์ แนวทางการจัดกจิ กรรม 2. โรงเรยี นของฉนั 1.สมำชกิ ในครอบครวั 2.บคุ คลทคี่ นุ้ เคย 1.ชอื่ โรงเรยี น 2.ช่ือห้องเรยี น 3.สมำชิกในโรงเรยี น 4.สถำนที่ในโรงเรียน 3. อาชพี ในฝนั 1.ครู 2.ตำรวจ 3.พยำบำล 4.ทหำร 5.แม่ค้ำ 6.ชำวนำ 7.ชำวสวน 8.บุรุษไปรษณีย์
๑๐ ที่ 2 ชมด ชนของเรา ตวั บ่งชท้ี ่ี อายดพฒั นาการ สภาพทพี่ งึ ประสงค์ - - - 1.รจู้ ักสมำชิกในครอบครัว ไดแ้ ก่ พอ่ แม่ พี่ - นอ้ ง ปู่ ย่ำ ตำ ยำย 2.รจู้ ักบคุ คลที่คุน้ เคย ไดแ้ ก่ ลงุ ปำ้ นำ้ อำ เพอ่ื น เพอื่ นบ้ำน - 1.รจู้ ักชื่อโรงเรยี น 2.รูจ้ กั ชอ่ื หอ้ งเรียน 3.รู้จกั สมำชกิ ในโรงเรยี น ไดแ้ ก่ ผอู้ ำนวยกำร คณุ ครู เพือ่ นร่วมห้องเรียน 4.รูจ้ กั สถำนทใ่ี นโรงเรียน ได้แก่ โรงอำหำร หอ้ งน้ำ สนำมเดก็ เลน่ ศำลำพระ ลำนกระตุ้นพฒั นำกำร ห้องสมดุ ฯ - ร้จู ักอำชพี ต่ำงๆ ได้แก่ ครู ตำรวจ พยำบำล ทหำร แม่คำ้ ชำวนำ ชำวสวน บรุ ุษไปรษณีย์ ฯลฯ
หน่วยการเรียนรู้ แนวทางการจัดกจิ กรรม 4. รกั ความเป็นไทย 1.กำรแสดงควำมเคำรพธงชำติ 2.วนั สำคัญทำงศำสนำพุทธ 3.วันขึ้นปีใหม่ 4.วันเด็ก 5.วันสงกรำนต์ 6.วันพอ่ 7.วันแม่ 8.วันลอยกระทง 9.วันครสิ มำสต์ 10.วันสถำปนำเมอื งอุดรธำนี 11.ประเพณบี ุญบ้ังไฟ 1.กำรแสดงควำมเคำรพธงชำติ 2.วันสำคัญทำงศำสนำพุทธ 3.วันข้นึ ปีใหม่ 4.วนั เดก็ 5.วันสงกรำนต์ 6.วนั พอ่ 7.วันแม่ 8.วนั ลอยกระทง 9.วันครสิ มำสต์ 10.วนั สถำปนำเมอื งอดุ รธำนี 11.ประเพณีบญุ บั้งไฟ
๑๑ ตัวบง่ ชที้ ี่ อายดพฒั นาการ สภาพทพ่ี งึ ประสงค์ 7.3 3 - 4 ปี แสดงควำมเคำรพธงชำติ เม่ือไดย้ ินเพลง ชำติ และเพลงสรรเสริญพระบำรมไี ด้ เมื่อมี ผู้ช้ีแนะได้ 7.3 4 - 5 ปี แสดงควำมเคำรพธงชำติ เม่อื ไดย้ ินเพลง ชำติ และเพลงสรรเสรญิ พระบำรมีได้ ด้วยตนเอง
หนว่ ยการเรียนรู้ แนวทางการจดั กิจกรรม 5.แหล่งเรยี นรูใ้ นชมด ชน 1.กำรแสดงควำมเคำรพธงชำติ 2.วันสำคัญทำงศำสนำพทุ ธ 3.วนั ขนึ้ ปีใหม่ 4.วนั เดก็ 5.วนั สงกรำนต์ 6.วนั พอ่ 7.วันแม่ 8.วนั ลอยกระทง 9.วันคริสมำสต์ 10.วันสถำปนำเมอื งอดุ รธำนี 11.ประเพณีบญุ บั้งไฟ 1.สวนสำธำรณะหนองประจักษ์ 2.วดั 3.ศำลเจำ้ ปู่ยำ่ 4.พพิ ธิ ภัณฑอ์ ุดรธำนี 5.พิพิธภณั ฑบ์ ้ำนเชียง
๑๒ ตวั บง่ ชที้ ่ี อายพด ัฒนาการ สภาพทพ่ี งึ ประสงค์ 7.3 5 - 6 ปี ยนื ตรง ร่วมร้องเพลงธงชำติไทย และเพลง สรรเสรญิ พระบำรมี - - ร้จู ักแหล่งเรยี นร้ตู ่ำงๆ ได้แก่ สวนสำธำรณะ หนองประจักษ์ วดั ศำลเจ้ำปู่ย่ำ พิพธิ ภณั ฑ์ อดุ รธำนี พพิ ธิ ภัณฑบ์ ำ้ นเชยี ง ฯลฯ
หนว่ ยการเรียนรู้ สาระทคี่ วรเรยี นรทู้ 1. ฤดูหรรษา แนวทางการจดั กจิ กรรม 1.ฤดรู ้อน 2.ฤดูฝน 3.ฤดูหนำว 2. สตั วโ์ ลกน่ารู้ 1.สตั วบ์ ก 2.สตั วน์ ำ้ 3.สตั ว์เลอ้ื ยคลำน 4.สตั ว์ปีก
๑๓ ที่ 3 ารรมชาตริ อบตัว ตวั บ่งชท้ี ี่ อายดพฒั นาการ สภาพทพ่ี งึ ประสงค์ 10.2 3 - 4 ปี 1. ระบุผลท่ีเกิดขึ้นในเหตุกำรณ์หรือกำร กระทำเมื่อมผี ูช้ ี้แนะ 4 - 5 ปี 1. ระบุสำเหตหุ รอื ผลที่เกดิ ขึ้นในเหตกุ ำรณ์ หรือกำรกระทำเม่อื มีผู้ช้ีแนะ 2. คำดเดำ หรือคำดคะเนสิ่งที่อำจจะ เกิดขน้ึ 5 - 6 ปี 1. อธบิ ำยเชอื่ มโยงสำเหตุและผลทเี่ กิดขน้ึ ในเหตกุ ำรณห์ รือกำรกระทำด้วยตนเอง 2. คำดเดำ หรือคำดคะเน สิ่งท่ีอำจจะ เกดิ ขึน้ หรอื มีสว่ นร่วมในกำรลงควำมเห็น จำกข้อมูล 10.1 4 - 5 ปี 1. บอกลกั ษณะ และสว่ นประกอบของสง่ิ ตำ่ ง ๆ จำกกำรสงั เกตโดยใช้ประสำทสัมผัส 2. จับค่แู ละเปรยี บเทียบควำมแตกตำ่ งหรือ ควำมเหมือนของสิ่งต่ำง ๆ โดยใช้ ลักษณะทส่ี งั เกตพบเพียงลักษณะเดยี ว
หนว่ ยการเรียนรู้ แนวทางการจดั กิจกรรม 3. ผกั ผลไม้ 1.ชอ่ื ของผกั /ผลไม้ 2.สีของผัก / ผลไม้ 3.รสชำติผัก ผลไม้ / ขม /หวำน / เปรยี้ ว 4.ลกั ษณะ ผัก ผลไม้ 5. ประโยชนผ์ ัก ผลไม้
๑๔ ตัวบง่ ชท้ี ี่ อายดพฒั นาการ สภาพทพี่ งึ ประสงค์ 3. จำแนกและจดั กลุ่มส่งิ ต่ำง ๆ โดยใช้อยำ่ ง นอ้ ยหนง่ึ ลักษณะเปน็ เกณฑ์ 4. เรียงลำดบั ขนำดของส่งิ ของ อย่ำงนอ้ ย 3 ลำดบั 10.1 อำยุ 3 - 4 ปี 1.บอกลกั ษณะของส่ิงต่ำงๆจำกำรสงั เกต โดยใชป้ ระสำทสัมผสั 2.จับคหู่ รอื เปรยี บเทยี บส่ิงต่ำงๆโดยใช้ ลกั ษณะหรือหนำ้ ที่กำรใชง้ ำนต่ำงเพยี ง ลักษณะเดยี ว 3.คัดแยกสิ่งต่ำงๆตำมลกั ษณะหนำ้ ทีห่ รือ กำรใชง้ ำน อำยุ 4 - 5 ปี 1.บอกลกั ษณะและส่วนประกอบของส่ิง ต่ำงๆของสงิ่ ต่ำงๆจำกกำรสังเกตโดยใช้ ประสำทสัมผัส 2.จบั คู่และเปรยี บเทยี บควำมแตกหรอื ควำม เหมือนของส่งิ ตำ่ งๆโดยใช้ลกั ษณะทีส่ ังเกต พบเพยี งลักษณะเดียว 3.คดั แยกและจดั กลมุ่ โดยใชอ้ ยำ่ งน้อย 1 ลักษณะเปน็ เกณฑ์
หนว่ ยการเรยี นรู้ แนวทางการจัดกจิ กรรม 4. โลกสวยด้วยมือเรา 1.แยกขยะเปยี ก แหง้ อันตรำย 2.เศรษฐกิจพอเพยี ง ปลูกผัก รดนำ้
๑๕ ตัวบ่งชท้ี ่ี อายดพฒั นาการ สภาพทีพ่ ึงประสงค์ 4. เรียงลำดับขนำดของส่งิ ของอยำ่ งน้อย 3 ลำดับ 1.บอกลกั ษณะส่วนประกอบกำร อำยุ 5 - 6 ปี เปล่ียนแปลงหรอื ควำมสัมพนั ธข์ องส่งิ ต่ำงๆ จำกกำรสังเกตโดยใช้ประสำทสัมผสั 2.จับค่แู ละเปรยี บเทยี บควำมแตกและควำม เหมือนของสง่ิ ตำ่ งๆโดยใชล้ กั ษณะทสี่ ังเกต พบ 2 ลักษณะขึน้ ไป 3.คัดแยกและจัดกลุ่มโดยใช้อยำ่ งน้อย 2 ลักษณะเป็นเกณฑ์ 4. เรียงลำดับขนำดของส่ิงของอย่ำงนอ้ ย 4 ลำดบั 7.2 อำยุ 3 - 4 ปี 1.มสี ่วนรว่ มดูแลรักษำธรรมชำติและ ส่ิงแวดล้อมโดยกำรช่วยเหลือ 2.เก็บและทง้ิ ขยะได้ถกู ทีโ่ ดยกำรชว่ ยเหลอื อำยุ 4 - 5 ปี 1.มสี ่วนรว่ มดูแลรักษำธรรมชำตแิ ละ สิง่ แวดล้อมเมอ่ื มผี ู้ช้ีแนะ 2.เก็บและทงิ้ ขยะได้ถกู ที่ เมอ่ื มผี ชู้ ีแ้ นะ
หน่วยการเรียนรู้ แนวทางการจดั กจิ กรรม 5. เวลา 1.กิจวัตรประจำวนั กลำงวัน กลำงคืน - กลางวนั 2.ลกั ษณะกลำงวนั กลำงคนื - กลางคนื
๑๖ ตวั บง่ ชที้ ่ี อายดพฒั นาการ สภาพท่ีพงึ ประสงค์ 10.2 อำยุ 5 - 6 ปี 1.ดแู ลรกั ษำธรรมชำตแิ ละส่ิงแวดล้อมดว้ ย ตนเองและเปน็ แบบอย่ำง 2.เก็บและทิ้งขยะไดถ้ กู ที่ ด้วยตนเองและเป็นแบบอยำ่ ง 3 - 4 ปี 1. ระบุผลทเี่ กิดขน้ึ ในเหตกุ ำรณ์หรือกำร กระทำเม่ือมผี ชู้ ้ีแนะ 4 - 5 ปี 1. ระบุสำเหตุหรือผลที่เกดิ ขึน้ ในเหตุกำรณ์ 5 - 6 ปี หรือกำรกระทำเมื่อมีผูช้ ้แี นะ 2. คำดเดำ หรือคำดคะเนสิง่ ที่อำจจะ เกดิ ขึ้น 1. อธิบำยเช่อื มโยงสำเหตุและผลทเี่ กิดขน้ึ ในเหตกุ ำรณ์หรอื กำรกระทำด้วยตนเอง 2. คำดเดำ หรือคำดคะเน ส่ิงทอี่ ำจจะ เกิดขึ้น หรอื มสี ่วนร่วมในกำรลงควำมเห็น จำกข้อมูล
หนว่ ยการเรยี นรู้ สาระทีค่ วรเรียนรู้ท่ี 4 1. อกั ษรหรรษา แนวทางการจัดกิจกรรม 2. สสี ันสดใส 1. พยญั ชนะไทย 2. ตัวอกั ษรภำษำอังกฤษ 3. ผวิ สมั ผัสนา่ รู้ 3. สระและวรรณยกุ ต์ 4. ขนาด รูปรา่ ง รปู ทรง 4. อกั ษรเบรลล์ 5. จานวน ตวั เลข 1. แมส่ ี (แดง เหลอื ง นำ้ เงิน) 2. กำรรบั รู้ เรอื่ งสี 3. จำแนกสี 4. จดั หมวดหมู่สี 1. บอกลักษณะพนื้ ผวิ (ผวิ เรยี บ ผวิ ขรุขระ ) 1. บอกลักษณะขนำด รปู ร่ำง รปู ทรง 2. จำแนกลกั ษณะขนำด รปู ร่ำง รูปทรง 3. จับค/ู่ กลุ่ม รปู ร่ำง รปู ทรง 1. รู้จกั จำนวนตัวเลข 2. นบั จำนวนตวั เลขได้ 3. เปรียบเทยี บจำนวน
๑๗ 4 สงิ่ ตา่ งๆ รอบตวั เดก็ ตัวบ่งชที้ ี่ อายดพฒั นาการ สภาพทพ่ี ึงประสงค์ 9.4 3 - 4 ปี 1. อำ่ นภำพ และเข้ำใจควำมหมำยของภำพ - 4 - 5 ปี 2. ขดี เขยี นอย่ำงอิสระ 5 - 6 ปี 3. อำ่ นภำพสัญลักษณ์ คำ ด้วยกำรชหี้ รอื กวำดตำมอง จดุ เร่ิมตน้ และจุดจบของ ขอ้ ควำม -- -- - 2.2 2- 3 ปี 1. เลยี นแบบลำกเสน้ เปน็ วงตอ่ เน่อื งหรอื 3- 4 ปี เสน้ ตรงแนวด่งิ 10.1 4- 5 ปี 2. เขยี นรูปวงกลมตำมแบบได้ 5- 6 ปี -- -
Search
Read the Text Version
- 1
- 2
- 3
- 4
- 5
- 6
- 7
- 8
- 9
- 10
- 11
- 12
- 13
- 14
- 15
- 16
- 17
- 18
- 19
- 20
- 21
- 22
- 23
- 24
- 25
- 26
- 27
- 28
- 29
- 30
- 31
- 32
- 33
- 34
- 35
- 36
- 37
- 38
- 39
- 40
- 41
- 42
- 43
- 44
- 45
- 46
- 47
- 48
- 49
- 50
- 51
- 52
- 53
- 54
- 55
- 56
- 57
- 58
- 59
- 60
- 61
- 62
- 63
- 64
- 65
- 66
- 67
- 68
- 69
- 70
- 71
- 72
- 73
- 74
- 75
- 76
- 77
- 78
- 79
- 80
- 81
- 82
- 83
- 84
- 85
- 86
- 87
- 88
- 89
- 90
- 91
- 92
- 93
- 94
- 95
- 96
- 97
- 98
- 99
- 100
- 101
- 102
- 103
- 104
- 105
- 106
- 107
- 108
- 109
- 110
- 111