Important Announcement
PubHTML5 Scheduled Server Maintenance on (GMT) Sunday, June 26th, 2:00 am - 8:00 am.
PubHTML5 site will be inoperative during the times indicated!

Home Explore วิจัยชั้นเรียน

วิจัยชั้นเรียน

Published by taweephorn, 2021-03-25 14:44:26

Description: รายงานการวิจัยชั้นเรียน
เรื่อง การวิเคราะห์ผู้เรียนรายบุคคล
ด้วยแบบทดสอบออนไลน์ (Habitscan)
ปีการศึกษา ๒๕๖๓
จัดทำโดย
นายทวีพร ช่อจันทร์
ตำแหน่ง ครู ค.ศ.๑




โรงเรียนบ้านบะยาวบุ่งโง้งสามัคคี
อำเภอหนองพอก จังหวัดร้อยเอ็ด
สำนักงานเขตพื้นที่การศึกษาประถมศึกษาร้อยเอ็ด เขต ๓

Keywords: นายทวีพร ช่อจันทร์

Search

Read the Text Version

รายงานการวิจยั ชัน้ เรียน เร่ือง การวเิ คราะห์ผ้เู รียนรายบคุ คล ด้วยแบบทดสอบออนไลน์ (Habitscan) ปีการศกึ ษา ๒๕๖๓ จัดทำโดย นายทวพี ร ชอ่ จนั ทร์ ตำแหน่ง ครู คศ.๑ โรงเรียนบ้านบะยาวบงุ่ โงง้ สามคั คี อำเภอหนองพอก จงั หวัดร้อยเอด็ สำนกั งานเขตพน้ื ที่การศึกษาประถมศกึ ษาร้อยเอ็ด เขต๓

รายงานการวิจัยชน้ั เรียน เรื่อง การวเิ คราะห์ผเู้ รียนรายบุคคล ดว้ ยแบบทดสอบออนไลน์ (Habitscan) ปีการศกึ ษา ๒๕๖๓ จดั ทำโดย นายทวพี ร ช่อจนั ทร์ ตำแหนง่ ครู ค.ศ.๑ โรงเรียนบา้ นบะยาวบ่งุ โงง้ สามัคคี อำเภอหนองพอก จงั หวดั รอ้ ยเอด็ สำนักงานเขตพืน้ ท่ีการศกึ ษาประถมศกึ ษาร้อยเอ็ด เขต ๓

สารบญั หนา้ ก เร่ือง ข บทคดั ย่อ ค กิตตกิ รรมประกาศ สารบัญ 1 บทท่ี 1 บทนำ 2 2 ความเปน็ มาและความสำคัญของปัญหา 3 วตั ถปุ ระสงค์ของการการศึกษา 4 ขอบเขตของการศกึ ษา นิยามศพั ทเ์ ฉพาะ 5 ประโยชนท์ ่ีคาดวา่ จะไดร้ ับ 8 บทท่ี 2 เอกสารและงานวิจัยที่เก่ียวขอ้ ง 13 หลกั สตู รแกนกลางการศกึ ษาขน้ั พ้นื ฐาน พุทธศักราช 2551 16 หลักสูตรกลุ่มสาระการเรยี นรู้ศิลปะ 17 เอกสารทเ่ี กี่ยวกบั แบบทดสอบ 17 เอกสารเก่ยี วกบั พฤติกรรม 18 งานวจิ ัยทีเ่ กี่ยวขอ้ ง 20 - งานวจิ ัยในประเทศ 21 - งานวิจยั ตา่ งประเทศ 21 บทท่ี 3 วธิ ดี ำเนนิ การศึกษา 21 ประชากรและกลุม่ ตวั อยา่ ง 22 เคร่ืองมอื ทใ่ี ชใ้ นการศึกษา ขน้ั ตอนการดำเนินการทดลอง 23 การเกบ็ รวบรวมข้อมลู 24 สถิตทิ ่ใี ชใ้ นการวเิ คราะห์ขอ้ มูล 28 บทที่ 4 ผลการวเิ คราะห์ข้อมลู 29 ผลการวเิ คราะหข์ ้อมูลภมู ิหลงั ครอบครัว 29 ผลการวเิ คราะหข์ ้อมูลดา้ นผลสัมฤทธิท์ างการเรียน 30 ผลการวเิ คราะห์ข้อมูลดา้ นอาชพี ที่นักเรยี นใฝ่ฝนั ผลการวิเคราะห์ข้อมูลดา้ นความตอ้ งการใหก้ ารจดั กระบวกการเรยี นรู้ ผลการวเิ คราะห์ข้อมลู ต่อความร้สู กึ ท่ีชอบในกลุ่มสาระตา่ งๆ ผลการวเิ คราะห์ข้อมลู ต่อความรู้สึกท่ีไม่ชอบในกลมุ่ สาระต่างๆ

สารบัญ (ต่อ) หนา้ เรือ่ ง บทท่ี 4 ผลการวเิ คราะห์ขอ้ มูล(ตอ่ ) 31 ผลการวิเคราะห์ข้อมูลด้านพฤตกิ รรมของนักเรยี น 33 จากการทำแบบทดสอบออนไลน์ Habitscan 33 ผลการวเิ คราะห์ผู้เรียนตามแบบ SWOT Analysis ผลการวเิ คราะห์ PMIA (Plus, Minus, Interesting point, Approach) 36 บทที่ 5 สรุปผล อภิปรายผล และข้อเสนอแนะ 36 สรุปผล 37 อภปิ รายผลการวิจยั 38 ขอ้ เสนอแนะ เอกสารอา้ งอิง ภาคผนวก ภาคผนวก ก ท่มี าของปัญหา ภาคผนวก ข แบบบันทึกขอ้ มูลสว่ นตัว ภาคผนวก ค นวัตกรรมแบบทดสอบออนไลน์ ภาคผนวก ง แบบสรปุ พฤติกรรมของนกั เรยี น

ชอ่ื เรื่อง เรอ่ื งการวิเคราะหผ์ เู้ รยี นรายบุคคล ด้วยแบบทดสอบออนไลน์ (Habitscan) นกั เรียนชัน้ ประถมศกึ ษาปที ี่ 4 โรงเรียนบา้ นบะยาวบุง่ โงง้ สามัคคี ผู้ศึกษา นายทวพี ร ช่อจันทร์ หน่วยงาน โรงเรยี นบา้ นบะยาวบงุ่ โงง้ สามคั คี ปที ี่รายงาน ปี 2563 บทคัดย่อ การวิเคราะห์ผู้เรียนรายบุคคล ด้วยแบบทดสอบออนไลน์ (Habitscan) นักเรียนชั้นมัธยมศึกษาปีที่ 2/5 ครั้งน้ี มีวัตถุประสงค์เพื่อ 1.เพื่อศึกษารู้จักผู้เรียนเป็นรายบุคคล วิเคราะห์แยกแยะความพร้อมของ ผเู้ รียนรายบคุ คล ระดบั ชั้นประถมศกึ ษาปีท่ี 4 โรงเรยี นบ้านบะยาวบุง่ โงง้ สามคั คี ปีการศกึ ษา 2563 2.เพือ่ ศกึ ษาจดุ เดน่ จุดดอ้ ย ทคี่ วรไดร้ ับการพัฒนาและปรับปรงุ ของนักเรยี นระดับชนั้ มัธยมศกึ ษาปีท่ี 2/5 โรงเรียน อำนาจเจริญ ปีการศกึ ษา 2563 3.เพื่อหาแนวทางการออกแบบการจดั กจิ กรรมการเรียนการสอนให้สอดคลอ้ ง กบั ความสามารถของผู้เรยี นรายบุคคลให้สามารถพฒั นาตามธรรมชาตขิ องแต่ละบุคคลเตม็ ตามศักยภาพ และ หาทางช่วยเหลือผู้เรียนที่มีข้อบกพร่องให้มีความพร้อมที่ดีขึ้น กลุ่มเป้าหมายที่ใช้ในการศึกษาครั้งนี้เป็น นักเรียนชั้นประถมศึกษาปีที่ 4 โรงเรียนบ้านบะยาวบุ่งโง้งสามัคคี อำเภอหนองพอก จังหวัดร้อยเอ็ด สำนกั งานเขตพ้ืนท่ีการศึกษาประถมศกึ ษารอ้ ยเอ็ด เขต 3 ภาคเรียนท่ี 1 ปีการศึกษา 2563 จำนวน 4 คน ซึ่งได้มาโดยการสุ่มแบบเจาะจง ( Purposive Sampling ) เครื่องมือที่ใช้ในการรายงานครั้งนี้ ได้แก่ แบบทดสอบออนไลน์ (Habitscan) จำนวน 60 ขอ้ ซ่งึ มคี วามเหมาะสมในระดับมากท่สี ุด สถติ ิที่ใช้ คือ แบบวิเคราะห์ผู้เรียนรายบุคคล แบบสังเกต แบบสัมภาษณ์ แบบบันทึกวิเคราะห์ข้อมูล ด้วยค่าสถิติร้อยละ ,SWOTanalysis ,PMIA (Plus, Minus, Interesting point, Approach) ผลการศึกษาค้นคว้าพบวา่ 1. สถานภาพของครอบครัวนักเรียนนกั เรียนสว่ นใหญ่ อยู่รว่ มกนั รอ้ ยละ 72.73 2. ลกั ษณะทีพ่ ักของนกั เรียนส่วนใหญ่ พักบา้ นตนเอง ร้อยละ 97.73 3. ฐานะของครอบครวั ของนักเรียนส่วนใหญ่ ปานกลาง รอ้ ยละ 88.64 4. วิชาทีน่ กั เรยี นส่วนใหญช่ อบคอื สขุ ศึกษา รอ้ ยละ 25.00 5. วชิ าทน่ี กั เรยี นสว่ นใหญ่ควรพัฒนาคอื คณิตศาสตร์ รอ้ ยละ 45.45 6. ผลสัมฤทธท์ิ างการเรยี น (GPA) เฉล่ีย ระหว่าง 3.00-4.00 รอ้ ยละ 59.09 เฉลี่ย ระหวา่ ง 2.00-2.99 รอ้ ยละ 31.82 เฉลยี่ ระหวา่ ง 1.00-1.99 รอ้ ยละ 6.82 7. นกั เรยี นสว่ นใหญต่ อ้ งการใหค้ รูดูผลการเรียนรจู้ ากการจดั กระบวนการ ทกั ษะพิสยั รอ้ ยละ 68.17 8. นกั เรียนส่วนใหญม่ เี ปา้ หมายอาชพี คือ พนกั งานอิสระ รอ้ ยละ 38.62 9. นักเรยี นส่วนใหญป่ ระเมนิ พฤตกิ รรมตนเองไดส้ ีเหลอื ง รอ้ ยละ 29.55

กิตติกรรมประกาศ รายงานการพัฒนาความสามารถในการลงน้ำหนักแสงเงาด้วยเส้นและสี สำหรับนักเรียนช้ัน มัธยมศึกษาปีที่ 2/5 เล่มนี้ สำเร็จลงได้ด้วยความกรุณาจาก ว่าที่ร้อยโทวิเศษ แก้วมีศรี ผู้อำนวยการ โรงเรยี นอำนาจเจริญ และรองผูอ้ ำนวยการโรงเรียนอำนาจเจรญิ ที่ให้การสนับสนุน และอำนวยความสะดวก ในการศึกษาคน้ คว้า ใหส้ ำเร็จดว้ ยดี ผู้ศกึ ษาขอขอบพระคุณเป็นอย่างสูงไว้ ณ โอกาสน้ี ขอขอบพระคุณผู้เชี่ยวชาญ ได้แก่ ว่าที่ร้อยโทวิเศษ แก้วมีศรี ผู้อำนวยการโรงเรียนอำนาจเจรญิ และนายไพฑรู ย์ สุนทรกั ษ์ หวั หน้ากลมุ่ สาระการเรยี นรศู้ ิลปะ โรงเรียนอำนาจเจรญิ และคณะครูกลมุ่ สาระการ เรียนรู้ศิลปะ โรงเรียนอำนาจเจริญ ที่ได้ให้คำปรึกษา แนะนำและตรวจสอบแก้ไขเครื่องมือที่ใช้ในการ รายงาน ตลอดจนแนะนำแกไ้ ขขอ้ บกพรอ่ งต่าง ๆ จนงานเสรจ็ สมบูรณ์ดว้ ยดี ขอขอบคุณคณะครู นกั เรยี นโรงเรยี นอำนาจเจริญและผทู้ ่ีมีสว่ นเกี่ยวข้องทุกท่าน ที่ให้ความร่วมมือ ในการทำงานในครั้งน้ี ประโยชน์และคุณค่าของรายงานเลม่ นี้ ผู้ศึกษาขอมอบแด่ผู้มพี ระคุณทุกท่านท่ีช่วยให้ผู้รายงานได้มี โอกาสศึกษาและทำงานจนสำเร็จ

บทท่ี 1 บทนำ ความเป็นมาและความสำคัญของปัญหา พระราชบญั ญัติการศกึ ษาแห่งชาติ พ.ศ. 2542 ทร่ี ะบุไว้ว่า“มาตรา 22”การจัดการศึกษาต้องยดึ หลักว่า ผเู้ รียนทุกคนมคี วามสามารถเรียนรแู้ ละพฒั นาตนเองได้ และถอื วา่ ผู้เรียนมคี วามสำคัญมากท่สี ดุ กระบวนการ จัดการศกึ ษาต้องส่งเสริมใหผ้ ู้เรยี นสามารถพฒั นาตามธรรมชาติ และเต็มตามศกั ยภาพ การวิเคราะห์ผู้เรียน เพื่อศึกษาผู้เรียนเป็นรายบุคคล จึงมีความสำคัญมาก ประโยชน์ของการ วิเคราะห์ผู้เรียน คือการนำข้อมูลไปช่วยเหลือ แก้ไข ส่งเสริม และสนับสนุนให้ผู้เรียนมีการพัฒนาได้อย่าง เหมาะสมตามศักยภาพของแต่ละบุคคล และมคี วามสุข ครูผสู้ อนจึงมีบทบาทสำคัญเกี่ยวกับการจดั การเรียนรู้ ส่งเสริมให้นักเรียนรู้จักแสวงหาความรู้ พัฒนาตนเอง คิดเอง ปฏิบัติเอง เพื่อนำไปสูก่ ารสร้างองค์ความรูด้ ้วย ตนเอง ผู้ศึกษาไดร้ ับมอบหมายให้ทำหนา้ ทป่ี ฏิบตั ิการสอน รายวิชาศลิ ปะ 3 รหสั วชิ า ศ 22101 ระดบั ชั้น มธั ยมศึกษาปีที่ 2 จำนวน ไดด้ ำเนนิ การวิเคราะห์ผ้เู รยี นรายบคุ คลทไ่ี ดร้ ับมอบหมายในการจัดกิจกรรมการ เรียนการสอน ในปกี ารศึกษา 2563 เพือ่ ให้ทราบข้อมลู พ้ืนฐานของผู้เรยี น แล้วนำไปวางแผนในการจดั กิจกรรม การเรียนร้ใู หเ้ หมาะสมและมปี ระสิทธิภาพ ซง่ึ เป็นไปตามมาตรฐานคุณภาพของครูท่กี ระทรวงศึกษาธกิ าร กำหนดไว้ ในดา้ นการจดั การเรียนการสอนทีเ่ น้นผูเ้ รยี นเปน็ สำคญั อยา่ งมปี ระสิทธภิ าพไว้วา่ ในการปฏบิ ัตงิ าน สอนนนั้ ครูจะตอ้ งทำกิจกรรม 7 กจิ กรรม คอื 1. การวเิ คราะหห์ ลกั สูตร 2. การวิเคราะหผ์ เู้ รยี นเปน็ รายบคุ คล 3. การจัดกจิ กรรมการเรยี นรู้ท่หี ลากหลาย 4. การใชเ้ ทคโนโลยเี ป็นแหล่งและส่ือการเรยี นรขู้ องตนเองและนกั เรยี น 5. การวดั ผลและประเมนิ ผลตามสภาพจรงิ อย่างรอบด้าน เน้นองค์รวมและเน้นพฒั นาการ 6. การใช้ผลการประเมนิ เพื่อแกไ้ ขปรับปรงุ และพฒั นาการจดั การเรยี นการสอน เพอื่ พฒั นา ผ้เู รยี นให้เตม็ ศักยภาพ 7. การใชก้ ารวจิ ัยปฏิบัตกิ ารในการพัฒนานวัตกรรม เพือ่ พฒั นาการเรียนรูข้ องนกั เรยี นและการ สอนของตนเอง จากมาตรฐานดังกลา่ ว ครูจงึ ตอ้ งวเิ คราะหผ์ เู้ รียนเปน็ รายบุคคล เพอื่ วางแผนการจดั การเรยี นรใู้ ห้ เหมาะสมกบั ผู้เรียน

ส่ิงทีต่ ้องการทราบ 1.นกั เรียนแตล่ ะคนมลี กั ษณะสำคัญอย่างไร 2.นักเรียนแตล่ ะคนมีจุดเดน่ จดุ ท่คี วรพัฒนาและจดุ ที่ควรปรบั ปรงุ แกไ้ ขในเรอ่ื งใดบ้าง 3.ครคู วรออกแบบการจดั กจิ กรรมการเรยี นการสอนอย่างไรให้สามารถพฒั นาคณุ ภาพของผเู้ รียน รายบคุ คลไดส้ อดคลอ้ งตามสภาพปญั หาของแต่ละบุคคล วัตถปุ ระสงค์ 1.เพอ่ื ศกึ ษารู้จกั ผเู้ รียนเปน็ รายบคุ คล วิเคราะห์แยกแยะความพรอ้ มของผูเ้ รียนรายบุคคล ระดบั ชน้ั มัธยมศึกษาปีที่ 2/5 โรงเรยี นอำนาจเจริญ ปกี ารศึกษา 2563 2.เพอ่ื ศกึ ษาจดุ เด่น จดุ ดอ้ ย ท่ีควรไดร้ บั การพัฒนาและปรบั ปรุงของนักเรยี นระดับชนั้ มัธยมศึกษาปีท่ี 2/5 โรงเรยี นอำนาจเจริญ ปีการศกึ ษา 2563 3.เพือ่ หาแนวทางการออกแบบการจดั กิจกรรมการเรียนการสอนให้สอดคลอ้ งกับความสามารถของผเู้ รยี น รายบคุ คลให้สามารถพฒั นาตามธรรมชาติของแต่ละบคุ คลเตม็ ตามศักยภาพ และหาทางชว่ ยเหลือผ้เู รียนทีม่ ี ข้อบกพร่องใหม้ ีความพรอ้ มทดี่ ขี ึน้ ประโยชน์ทีไ่ ด้รับ 1.ไดข้ ้อมลู พืน้ ฐานของนักเรียน ระดบั ชนั้ มัธยมศกึ ษาปที ่ี 2/5 โรงเรียนอำนาจเจริญ ปีการศึกษา 2563 2.ได้ขอ้ มูลในการพัฒนาและปรับปรุงนกั เรยี น ในระดบั ชั้นมธั ยมศึกษาปที ่ี 2/5 โรงเรียนอำนาจเจรญิ 3.ได้แนวทางการออกแบบการจดั กจิ กรรมการเรยี นรทู้ ตี่ อบสนองความแตกต่างระหว่างบคุ คลในการ จดั การเรยี นรทู้ มี่ ปี ระสิทธิภาพและเหมาะสมตามจุดเนน้ คณุ ภาพผเู้ รยี น ขอบเขตของการวจิ ัย การวิจยั ครั้งน้ีมขี อบเขต ดังนี้ 1. ประชากรและกลุ่มตัวอยา่ ง 1.1 ประชากร ประชากรที่ใช้ในการวิจัยในครั้งนี้ คือ นักเรียนชั้นมัธยมศึกษาปีที่ 2/5 โรงเรียน อำนาจเจริญ อำเภอเมืองอำนาจเจริญ จังหวัดอำนาจเจริญ ที่กำลังเรียนอยู่ใน ภาคเรียนที่ 1 ปีการศึกษา 2563 จำนวน 1 ห้องเรยี น ทง้ั หมดจำนวน 44 คน

1.2 กลมุ่ ตวั อย่าง กลุ่มตัวอย่างที่ใช้ในการวิจัยในครั้งนี้ คือ นักเรียนชั้นมัธยมศึกษาปีที่ 2/5 โรงเรียน อำนาจเจริญ อำเภอเมืองอำนาจเจริญ จังหวัดอำนาจเจริญ ที่กำลังเรียนอยู่ใน ภาคเรียนที่ 1 ปีการศึกษา 2563 ซึง่ ได้จากการสมุ่ ตวั อย่างแบบเจาะจง (Purposive Samping) จำนวน 44 คน 2. ตวั แปรท่ศี ึกษา 2.1 ตัวแปรตน้ ไดแ้ ก่ แบบทดสอบออนไลน์ ผ่านเวบ็ ไซต์ https://www.habitscode.com 2.2 ตวั แปรตาม ไดแ้ ก่ ความสามารถในการทำแบบทดสอบออนไลน์ ผา่ นเวบ็ ไซต์ https://www.habitscode.com ของนกั เรียนชัน้ มธั ยมศึกษาปีที่ 2/5 3. เนื้อหาทใ่ี ช้ในการศึกษา เน้ือหาทีใ่ ช้ในการวจิ ยั ในครงั้ น้ี แบบทดสอบออนไลน์ ผา่ นเว็บไซต์ https://www.habitscode.com คอื โปรแกรมวิเคราะห์นสิ ัยดว้ ยระบบทดสอบบุคลกิ ภาพและสมรรถนะ รายบุคคล โดยเนน้ การคน้ หามติ ิด้านนิสัยเป็นหลกั เพ่ือช่วยสะท้อนตวั ตนของบคุ คลนน้ั ออกมาตามความเป็น จรงิ ว่าแท้จรงิ แล้วบุคคลน้ัน มีนิสยั อยา่ งไร มพี รสวรรคอ์ ะไร มจี ดุ แขง็ จดุ ออ่ นใดบา้ ง มขี อ้ บกพรอ่ งใดทีค่ วร แกไ้ ข มีความชอบเร่อื งอะไร มอี ารมณค์ วามรู้สึกแบบใด เปน็ ตน้ 4. ระยะเวลาทใี่ ชใ้ นการศึกษาค้นควา้ การทดลองในครง้ั นดี้ ำเนินการทดลองในภาคเรียนที่ 1 ปี การศกึ ษา 2563 ใช้เวลาในการดำเนิน กิจกรรมการเรียนการสอนตามเน้ือหา 3 คาบ แบ่งเปน็ ทดสอบกอ่ นเรยี น 1 คาบ และทดสอบหลังเรียน 1 คาบ รวม 5 คาบ คาบละ 50 นาที 5.นยิ ามศัพท์เฉพาะ 5.1 แบบทดสอบออนไลน์ ผ่านเว็บไซต์ https://www.habitscode.com หมายถงึ แบบทดสอบ วเิ คราะหน์ สิ ัยระดบั จิตใต้สำนึก ท่ีมีจำนวน 60 ขอ้ ในแตล่ ะขอ้ มี 3 ตัวเลอื ก 5.2 นกั เรยี นหมายถึง นกั เรยี นชน้ั มธั ยมศกึ ษาปีท่ี 2/5 โรงเรยี นอำนาจเจรญิ สำนักงานเขตพนื้ ที่ การศกึ ษาเขต 29 ปกี ารศึกษา 2563 จำนวน 44 คน 5.3 พฤติกรรม 6 แบบ 6 สี สีเหลือง คอื ผู้เสียสละกลมเกลียว , สีสม้ คือ ผู้สุนทรยี ์ รกั อสิ ระ , สีแดง คือ ผกู้ ล้าหาญ ริเรมิ่ , สีมว่ ง คือ ผู้มีปัญญา ช่างคิด , สนี ้ำเงิน คอื ผู้มีแบบแผน คมุ กฎ , สีเขยี ว คือ ผู้จรงิ ใจ รกั สงบ 5.4 HabitScan คือการวิเคราะห์นสิ ัยและบอกผลการวเิ คราะหจ์ ะบอก ลักษณะการเรียนรู้ นิสัย พรสวรรค์ จุดแข็ง จดุ อ่อน ขอ้ บกพร่องทีค่ วรแก้ไข ความชอบ อารมณ์ความรู้สึก

ประโยชน์ทคี่ าดว่าจะไดร้ บั 1.ได้ข้อมูลพน้ื ฐานของนกั เรยี น ระดบั ช้นั มัธยมศกึ ษาปีท่ี 2/5 โรงเรยี นอำนาจเจริญ ปีการศึกษา 2563 2.ได้ขอ้ มูลในการพฒั นาและปรับปรุงนักเรียน ในระดับชัน้ มธั ยมศกึ ษาปที ่ี 2/5 โรงเรียนอำนาจเจรญิ 3.ไดแ้ นวทางการออกแบบการจัดกจิ กรรมการเรยี นรู้ทต่ี อบสนองความแตกต่างระหวา่ งบุคคลในการ จดั การเรียนรู้ท่ีมปี ระสิทธิภาพและเหมาะสมตามจุดเนน้ คุณภาพผเู้ รยี น กรอบแนวคดิ ในการวิจัย ตวั แปรตาม ตัวแปรต้น ความสามารถในการทาแบบทดสอบ ออนไลน์ ผ่านเวบ็ ไซต์ แบบทดสอบออนไลน์ ผา่ นเวบ็ ไซต์ https://www.habitscode.com https://www.habitscode.com ของ นกั เรียนช้นั มธั ยมศึกษาปี ที่ 2/5 ภาพประกอบ 1 ภาพกรอบแนวคดิ

บทที่ 2 เอกสาร และงานวิจยั ที่เกีย่ วขอ้ ง ในการวจิ ยั ในครั้งนี้ ผวู้ ิจยั ไดศ้ ึกษาเอกสารและงานวจิ ยั ท่ีเกี่ยวขอ้ ง และไดน้ ำเสนอตามหัวขอ้ ต่อไปน้ี 1. หลักสตู รการศกึ ษาข้นั พ้นื ฐาน พทุ ธศกั ราช 2551 1.1 วสิ ยั ทัศนข์ องหลักสตู ร 1.2 หลกั การของหลกั สูตร 1.3 จดุ หมายของหลกั สูตร 1.4 สมรรถนะสำคญั ของผเู้ รียน 1.5 คณุ ลกั ษณะอันพงึ ประสงค์ 1.6 มาตรฐานการเรยี นรู้ 2. กลมุ่ สาระการเรยี นร้ศู ิลปะ 2.1 ทำไมต้องเรียนศิลปะ 2.2 เรยี นรอู้ ะไรในศลิ ปะ 2.3 มาตรฐานการเรยี นร้กู ลุ่มสาระทัศนศิลป์ 2.4 ตวั ชีว้ ดั 2.5 คุณภาพผเู้ รียน 3. เอกสารท่ีเกีย่ วข้องกบั ความรูเ้ ร่ืองศิลปะ 3.1 ความหมายของศิลปะ 3.2 ความหมายของทัศนศลิ ป์ 3.3 ความหมายของทัศนธาตุ 4. แบบทดสอบ 4.1 ความหมายของแบบทดสอบ 4.2 ประเภทของแบบทดสอบ 4.3 การสร้างแบบทดสอบ 4.4 ขอ้ ดแี ละข้อเสียของแบบทดสอบ 5.พฤตกิ รรม 5.1 ความหมายของพฤติกรรม 5.2 พฤตกิ รรมภายนอก 5.3 พฤติกรรมภายใน 6. วจิ ัยทีเ่ กี่ยวข้อง 6.1 วจิ ัยในประเทศ 6.2 วิจัยต่างประเทศ 1.หลักสูตรแกนกลางการศกึ ษาข้ันพื้นฐาน พทุ ธศักราช 2551

หลักสตู รแกนกลางการศกึ ษาข้ันพน้ื ฐาน พทุ ธศกั ราช 2551 เป็นหลักสตู รทพี่ ัฒนามาจากหลักสูตรข้ัน พื้นฐาน พุทธศักราช 2544 ที่จะมีความเหมาะสม ชัดเจน ในการนำหลักสูตรไปใช้ในสถานศึกษา ทั้งการ กำหนดเป้าหมายของหลักสูตรในการพัฒนาคุณภาพผู้เรียน และกระบวนการนำไปสู่การปฏิบัติในระดับเขต พื้นที่การศึกษาและสถานศึกษา โดยได้มีการกำหนดวิสัยทัศน์ จุดหมาย สมรรถนะสำคัญของผู้เรียน คณุ ลกั ษณะอันพึงประสงค์ มาตรฐานการเรียนรูแ้ ละตัวชี้วดั ท่ีชัดเจน เพอ่ื ใช้เป็นทศิ ทางในการจัดทำหลักสูตร การเรียนการสอนในแต่ละระดับนอกจากนั้นได้กำหนดโครงสร้างเวลาเรียนขั้นต่ำของแต่ละกลุ่มสาระการ เรียนรู้ในแต่ละชั้นปีไว้ในหลักสูตรแกนกลาง และเปิดโอกาสให้สถานศึกษาเพิ่มเติมเวลาเรียนได้ตามความ พรอ้ มและจดุ เน้น อกี ท้ังไดป้ รับกระบวนการวดั และประเมินผลผู้เรียน เกณฑ์การจบการศึกษาแต่ละระดับและ เอกสารแสดงหลักฐานทางการศึกษาให้มีความสอดคล้องกับมาตรฐานการเรียนรู้ และมีความชัดเจนต่อการ นำไปปฏบิ ตั ิ (กระทรวงศกึ ษาธกิ าร,2551:2) 1.1 วิสัยทศั นข์ องหลักสูตร หลกั สูตรแกนกลางการศึกษาขนั้ พนื้ ฐาน มงุ่ พัฒนาผเู้ รียนทุกคน ซ่ึงเปน็ กำลังของชาติให้เป็นมนุษย์ท่ีมี ความสมดุลท้งั ด้านร่างกาย ความรู้ คุณธรรม มีจิตสำนกึ ในความเปน็ พลเมืองไทยและเป็นพลเมืองโลก ยึดม่ัน ในการปกครองตามระบอบประชาธิปไตยอันมีพระมหากษัตริย์ทรงเป็นประมุข มีความรู้และทักษะพื้นฐาน รวมทง้ั เจตคติ ทจ่ี ำเปน็ ตอ่ การศึกษาต่อ การประกอบอาชีพและการศกึ ษาตลอดชวี ติ โดยเนน้ ผเู้ รยี นเป็นสำคัญ บนพ้ืนฐานความเชอ่ื วา่ ทกุ คนสามารถเรยี นรแู้ ละพัฒนาตนเองได้เตม็ ศักยภาพ 1.2 หลกั การของหลักสูตร หลกั สตู รแกนกลางการศกึ ษาขั้นพน้ื ฐาน มีหลกั การที่สำคัญดังน้ี 1.เปน็ หลักสตู รทางการศึกษาเพือ่ ความเป็นเอกภาพของชาติ มจี ุดหมายและมาตรฐานการเรียนรู้ เปน็ เปา้ หมายสำหรบั พัฒนาเดก็ และเยาวชนใหม้ ีความรู้ ทกั ษะ เจตคติ และคณุ ธรรมบนพ้ืนฐานของความเป็น ไทยควบคูก่ ับความเปน็ สากล 2.เป็นหลักสตู รการศึกษาเพอ่ื ปวงชนทป่ี ระชาชนทุกคนมโี อกาสไดร้ ับการศึกษาอยา่ งเสมอภาคและมี คุณภาพ 3.เป็นหลักสตู รการศกึ ษาทส่ี นองการกระจายอำนาจ ให้สังคมมสี ว่ นร่วมในการจดั การศกึ ษา ให้ สอดคล้องกับสภาพและความตอ้ งการของท้องถน่ิ 4.เปน็ หลักสูตรการศึกษาท่ีมีโครงสรา้ งยืดหยุ่นท้งั ด้านสาระการเรยี นรู้ เวลาและการจดั การเรียนรู้ 5.เปน็ หลกั สตู รการศึกษาที่เนน้ ผู้เรยี นเปน็ สำคญั 6.เปน็ หลักสูตรการศกึ ษาสำหรบั การศึกษาในระบบนอกระบบ และตามอธั ยาศัยครอบคลุมทุก กล่มุ เปา้ หมาย สามารถเทยี บโอนผลการเรยี นรู้ และประสบการณ์ 1.3 จดุ หมายของหลกั สูตร

หลกั สตู รแกนกลางการศึกษาขนั้ พื้นฐาน มุ่งพฒั นาผ้เู รียนให้เป็นคนดี มีปญั ญา มีความสุข มศี ักยภาพ ในการศึกษาตอ่ และประกอบอาชพี จึงกำหนดเป็นจุดหมายเพอ่ื ใหเ้ กิดกับผเู้ รียน เมอ่ื จบการศกึ ษาข้ันพืน้ ฐาน ดงั นี้ 1.มคี ณุ ธรรม จริยธรรม และค่านิยมทีพ่ งึ ประสงค์ เห็นคณุ ค่าของตนเอง มวี ินัยและปฏิบตั ิตนตาม หลกั ธรรมของพระพทุ ธศาสนา หรือศาสนาที่ตนเองนบั ถอื ยึดหลกั ปรัชญาของเศรษฐกิจพอเพยี ง 2.มคี วามรู้ ความสามารถในการสอ่ื สาร การคิด การแกป้ ญั หา การใชเ้ ทคโนโลยแี ละมที กั ษะชวี ติ 3.มสี ขุ ภาพกายและสขุ ภาพจิตท่ีดี มีสุขนสิ ยั และรักการออกกำลังกาย 4.มคี วามรกั ชาติ มีจติ สำนึกในความเปน็ พลเมอื งไทยและพลโลก ยึดมน่ั ในวถิ ีชีวติ และการปกครอง ตามระบอบประชาธปิ ไตยอนั มีพระมหากษตั รยิ ์ทรงเปน็ ประมุข 5.มจี ิตสำนกึ ในการอนรุ ักษว์ ฒั นธรรมและภมู ิปญั ญาไทย การอนุรกั ษแ์ ละพัฒนาสิ่งแวดลอ้ ม มีจติ สาธารณะทีม่ ุ่งทำประโยชนแ์ ละสร้างสง่ิ ที่ดงี ามในสังคม และอย่รู ่วมกันในสังคมอยา่ งมคี วามสขุ 1.4 สมรรถนะสำคญั ของผู้เรยี น หลักสูตรแกนกลางการศึกษาข้นั พนื้ ฐาน ม่งุ ให้ผเู้ รียนเกดิ สมรรถนะสำคัญ 5 ประการ ดงั นี้ 1. ความสามารถในการสื่อสาร เป็นความสามารถในการรับและส่งสาร มีวัฒนธรรมในการใช้ภาษา ถ่ายทอดความคิด ความรู้ความเข้าใจ ความรู้สึก และทัศนะของตนเองเพื่อแลกเปลี่ยนข้อมูลข่าวสารและ ประสบการณ์อันจะเป็นประโยชน์ต่อการพัฒนาตนเองและสังคม รวมทั้งการเจรจาต่อรองเพื่อขจัดและลด ปัญหาความขัดแย้งตา่ ง ๆ การเลือกรับหรือไมร่ บั ขอ้ มูลข่าวสารดว้ ยหลกั เหตุผลและความถกู ตอ้ ง ตลอดจนการ เลอื กใช้วิธีการส่ือสาร ท่ีมปี ระสทิ ธภิ าพโดยคำนงึ ถึงผลกระทบท่มี ีตอ่ ตนเองและสงั คม 2. ความสามารถในการคิด เป็นความสามารถในการคิดวิเคราะห์ การคิดสังเคราะห์ การคิด อย่าง สร้างสรรค์ การคิดอยา่ งมีวจิ ารณญาณ และการคดิ เป็นระบบ เพื่อนำไปสกู่ ารสร้างองค์ความรู้หรอื สารสนเทศ เพื่อการตัดสนิ ใจเกีย่ วกบั ตนเองและสังคมไดอ้ ยา่ งเหมาะสม 3. ความสามารถในการแก้ปัญหา เป็นความสามารถในการแก้ปัญหาและอุปสรรคต่าง ๆ ที่เผชิญได้ อยา่ งถกู ตอ้ งเหมาะสมบนพ้นื ฐานของหลกั เหตุผล คุณธรรมและขอ้ มูลสารสนเทศ เขา้ ใจความสมั พันธ์และการ เปลี่ยนแปลงของเหตุการณ์ต่าง ๆ ในสังคม แสวงหาความรู้ ประยุกต์ความรู้มาใช้ในการป้องกันและแก้ไข ปัญหา และมีการตดั สนิ ใจท่ีมีประสิทธิภาพโดยคำนึงถึงผลกระทบท่ีเกิดข้นึ ตอ่ ตนเอง สงั คมและสง่ิ แวดลอ้ ม 4. ความสามารถในการใช้ทักษะชีวิต เป็นความสามารถในการนำกระบวนการต่าง ๆ ไปใช้ในการ ดำเนินชีวิตประจำวัน การเรยี นรู้ด้วยตนเอง การเรยี นรูอ้ ย่างตอ่ เนื่อง การทำงาน และการอยู่ร่วมกันในสังคม ด้วยการสรา้ งเสริมความสัมพนั ธอ์ ันดีระหว่างบคุ คล การจดั การปัญหาและความขดั แย้งต่าง ๆ อย่างเหมาะสม การปรับตัวให้ทันกับการเปลี่ยนแปลงของสังคมและสภาพแวดล้อม และการรู้จักหลีกเลี่ยงพฤติกรรมไม่พึง ประสงค์ที่ส่งผลกระทบต่อตนเองและผู้อื่น

5. ความสามารถในการใช้เทคโนโลยี เป็นความสามารถในการเลือก และใช้ เทคโนโลยีด้านต่าง ๆ และมีทักษะกระบวนการทางเทคโนโลยี เพื่อการพัฒนาตนเองและสังคม ในด้านการเรียนรู้ การสื่อสาร การทำงาน การแกป้ ญั หาอย่างสร้างสรรค์ ถกู ต้อง เหมาะสม และมีคุณธรรม 1.5 คุณลกั ษณะอันพึงประสงค์ หลักสูตรแกนกลางการศกึ ษาข้นั พืน้ ฐาน มุง่ พัฒนาผเู้ รยี นให้มคี ุณลักษณะอนั พงึ ประสงค์ เพ่ือให้ สามารถอยู่ร่วมกบั ผู้อนื่ ในสังคมได้อยา่ งมคี วามสขุ ในฐานะเป็นพลเมืองไทยและพลโลก ดงั น้ี 1) รกั ชาติ ศาสน์ กษตั รยิ ์ 2) ซ่อื สัตยส์ ุจรติ 3) มวี ินยั 4) ใฝเ่ รียนรู้ 5) อยู่อย่างพอเพียง 6) มุ่งม่ันในการทำงาน 7) รกั ความเปน็ ไทย 8) มีจิตสาธารณะ นอกจากนี้ สถานศึกษาสามารถกำหนดคุณลักษณะอันพงึ ประสงคเ์ พิม่ เติม ให้สอดคล้องตามบรบิ ทและจุดเนน้ ของตนเอง 1.6 มาตรฐานการเรียนรู้ การพัฒนาผู้เรียนให้เกิดความสมดุล ต้องคำนึงถึงหลักพัฒนาการทางสมองและพหุปัญญา หลักสูตร แกนกลางการศึกษาขั้นพื้นฐาน จึงกำหนดให้ผู้เรียนเรียนรู้ 8 กลุ่มสาระการเรียนรู้ ดังนี้ 1) ภาษาไทย 2) คณิตศาสตร์3) วิทยาศาสตร์ 4) สังคมศึกษา ศาสนา และวัฒนธรรม 5) สุขศึกษาและพลศึกษา 6) ศิลปะ 7) การงานอาชีพและเทคโนโลยี 8) ภาษาต่างประเทศ ในแต่ละกลุ่มสาระการเรียนรู้ได้กำหนด มาตรฐานการเรยี นรู้เป็นเป้าหมายสำคัญของการพฒั นาคุณภาพผู้เรยี น มาตรฐานการเรยี นรู้ระบสุ ิง่ ที่ผู้เรียนพึง รู้ ปฏิบัติได้ มีคุณธรรมจริยธรรม และค่านิยม ที่พึงประสงค์เมื่อจบการศึกษาขั้นพื้นฐาน นอกจากนั้น มาตรฐานการเรียนรูย้ งั เป็นกลไกสำคัญในการขบั เคลื่อนพัฒนาการศกึ ษาทัง้ ระบบ เพราะมาตรฐานการเรียนรู้ จะสะท้อนให้ทราบว่าตอ้ งการอะไร จะสอนอย่างไร และประเมินอยา่ งไร รวมทัง้ เป็นเครือ่ งมือในการตรวจสอบ เพื่อการประกนั คุณภาพการศึกษาโดยใชร้ ะบบการประเมินคณุ ภาพภายในและการประเมินคุณภาพภายนอก ซึ่งรวมถึงการทดสอบระดับเขตพื้นที่การศึกษา และการทดสอบระดับชาติ ระบบการตรวจสอบเพื่อประกัน คุณภาพดังกล่าวเป็นสิง่ สำคญั ที่ชว่ ยสะท้อนภาพการจัดการศึกษาว่าสามารถพัฒนาผู้เรยี นให้มีคุณภาพตามท่ี มาตรฐานการเรยี นรกู้ ำหนดเพียงใด (กระทรวงศึกษาธิการ,2551 : 4-8) 2. กลุ่มสาระการเรยี นรู้ศิลปะ 2.1 ทำไมตอ้ งเรยี นศิลปะ กลุ่มสาระการเรียนรู้ศิลปะเป็นกลุ่มสาระที่ช่วยพัฒนาให้ผู้เรียนมีความคิดริเริ่มสร้างสรรค์ มี จินตนาการทางศิลปะ ชื่นชมความงาม มีสุนทรียภาพ ความมีคุณค่า ซึ่งมีผลต่อคุณภาพชีวิตมนุษย์ กิจกรรม ทางศิลปะช่วยพฒั นาผู้เรียนทั้งดา้ นร่างกาย จิตใจ สติปัญญา อารมณ์ สังคม ตลอดจน การนาไปสูก่ ารพัฒนา สิ่งแวดล้อม ส่งเสริมให้ผู้เรียนมีความเชื่อมั่นในตนเอง อันเป็นพืน้ ฐาน ในการศึกษาต่อหรือประกอบอาชีพได้ (กระทรวงศึกษาธกิ าร,2551 : 182)

2.2 เรียนรูอ้ ะไรในศลิ ปะ กลุ่มสาระการเรียนรู้ศิลปะมุ่งพัฒนาให้ผู้เรียนเกิดความรู้ความเข้าใจ มีทักษะวิธีการทางศิลปะ เกิด ความซาบซึง้ ในคุณค่าของศิลปะ เปิดโอกาสใหผ้ ู้เรยี นแสดงออกอย่างอิสระในศิลปะแขนงตา่ ง ๆ ประกอบด้วย สาระสำคัญ คอื (กระทรวงศกึ ษาธกิ าร,2551 : 182-183) 1. ทศั นศลิ ป์ มคี วามรูค้ วามเข้าใจองค์ประกอบศลิ ป์ ทศั นธาตุ สรา้ งและนาเสนอผลงาน ทางทศั นศิลป์ จากจินตนาการ โดยสามารถใช้อุปกรณ์ที่เหมาะสม รวมทั้งสามารถใช้เทคนิค วิธีการ ของศิลปินในการสร้าง งานได้อย่างมีประสิทธิภาพ วิเคราะห์ วิพากษ์ วิจารณ์คุณค่างานทัศนศิลป์ เข้าใจความสัมพันธ์ระหว่าง ทัศนศิลป์ ประวัติศาสตร์ และวัฒนธรรม เห็นคุณค่างานศิลปะที่เป็นมรดกทางวัฒนธรรม ภูมิปัญญาท้องถน่ิ ภูมปิ ญั ญาไทยและสากล ช่ืนชม ประยุกต์ใชใ้ นชวี ิตประจาวัน 2.ดนตรี มีความรู้ความเข้าใจองค์ประกอบดนตรีแสดงออกทางดนตรีอย่างสร้างสรรค์ วิเคราะห์ วิพากษ์ วจิ ารณ์คณุ ค่าดนตรี ถ่ายทอดความรู้สึก ทางดนตรอี ยา่ งอสิ ระ ช่ืนชมและประยกุ ต์ใช้ในชีวิตประจาวัน เขา้ ใจความสมั พันธ์ระหวา่ งดนตรี ประวตั ศิ าสตร์ และวัฒนธรรม เห็นคุณคา่ ดนตรี ทเี่ ป็นมรดกทางวัฒนธรรม ภูมิปัญญาท้องถิ่น ภูมิปัญญาไทย และสากล ร้องเพลง และเล่นดนตรี ในรูปแบบต่าง ๆ แสดงความคิดเห็น เก่ยี วกบั เสยี งดนตรี แสดงความรู้สกึ ท่ีมีตอ่ ดนตรีในเชิงสนุ ทรยี ะ เขา้ ใจความสัมพันธ์ระหว่างดนตรีกับประเพณี วัฒนธรรม และเหตุการณ์ในประวตั ิศาสตร์ 3.นาฏศิลป์ มีความรู้ความเข้าใจองค์ประกอบนาฏศิลป์ แสดงออกทางนาฏศลิ ป์ อย่างสรา้ งสรรค์ ใช้ ศัพท์เบื้องตน้ ทางนาฏศิลป์ วเิ คราะหว์ พิ ากษ์ วจิ ารณค์ ณุ ค่านาฏศิลป์ ถา่ ยทอดความรู้สึก ความคิดอย่างอิสระ สรา้ งสรรคก์ ารเคลื่อนไหวในรูปแบบต่าง ๆ ประยกุ ต์ใช้นาฏศลิ ป์ ในชีวติ ประจาวนั เขา้ ใจความสมั พนั ธ์ระหว่าง นาฏศิลปก์ บั ประวัติศาสตร์ วัฒนธรรม เห็นคณุ คา่ ของนาฏศิลป์ท่ีเปน็ มรดกทางวฒั นธรรม ภูมิปัญญาท้องถิ่น ภมู ิปญั ญาไทย และสากล 2.3 มาตรฐานการเรยี นรกู้ ลมุ่ สาระทัศนศลิ ป์ กลุ่มสาระการเรียนรู้ศิลปะกำหนดมาตรฐานการเรียนรู้ไว้ทั้งหมด 6 มาตรฐาน ประกอบด้วย สาระ ทัศนศิลป์ 2 มาตรฐาน สาระดนตรี 2 มาตรฐาน และสาระนาฏศิลป์ 2 มาตรฐาน ในสาระทัศนศิลป์กำหนด มาตรฐานไว้ 2 ข้อดงั น้ี (กระทรวงศึกษาธกิ าร,2551 : 18) มาตรฐาน ศ 1.1 สร้างสรรคง์ านทัศนศลิ ป์ตามจนิ ตนาการ และความคดิ สร้างสรรค์ วเิ คราะห์ วิพากษ์ วิจารณ์คุณค่างานทัศนศิลป์ ถ่ายทอดความรู้สึก ความคิดต่องานศิลปะอย่างอิสระ ชื่นชม และประยุกต์ใช้ใน ชวี ิตประจาวัน มาตรฐาน ศ 1.2 เข้าใจความสัมพันธร์ ะหว่างทศั นศลิ ป์ ประวตั ิศาสตร์ และวัฒนธรรม เหน็ คณุ คา่ งาน ทศั นศลิ ป์ที่เปน็ มรดกทางวฒั นธรรม ภูมิปญั ญาท้องถิ่น ภูมิปญั ญาไทยและสากล

2.4 ตัวชี้วัด ตวั ชว้ี ัดในมาตรฐานการเรยี นรสู้ าระทัศนศลิ ป์ ระดบั ช้นั มธั ยมศกึ ษาปีที่ 2 มาตรฐานการเรียนรู้ในแต่ละข้อ มีการกำหนดตัวชี้วัดและสาระการเรียนรู้แกนกลางไว้เพื่อให้การ จดั การเรียนการสอนของสถานศึกษาทุกสถานศึกษาทั่วประเทศเปน็ ไปในทิศทางเดยี วกนั และในมาตรฐานการ เรยี นรู้สาระทศั นศลิ ป์ ระดับชน้ั มัธยมศึกษาปที ี่ 2 ไดม้ กี ารกำหนดตัวชวี้ ดั ไวด้ งั น้ี (กระทรวงศกึ ษาธิการ,2551 : 190-194) สาระที่ 1 ทัศนศลิ ป์ มาตรฐาน ศ 1.1 สรา้ งสรรค์งานทศั นศิลป์ตามจินตนาการและความคดิ สรา้ งสรรค์ วิเคราะห์ วิพากษ์ วิจารณ์คุณค่างานทัศนศลิ ป์ ถา่ ยทอดความร้สู กึ ความคิดตอ่ งานศิลปะอยา่ งอสิ ระ ชนื่ ชมและประยกุ ต์ใชใ้ น ชีวิตประจำวนั ชั้น ตวั ชวี้ ัด สาระการเรียนรู้แกนกลาง ม.2 1. อภปิ รายเก่ียวกับทศั นธาตุในด้านรปู แบบ • รูปแบบของทัศนธาตุและแนวคิดในงาน และแนวคิดของงานทัศนศลิ ป์ท่เี ลอื กมา ทศั นศลิ ป์ 2. บรรยายเกยี่ วกบั ความเหมอื นและความ • ความเหมือนและความแตกต่างของ แตกต่างของรูปแบบการใชว้ ัสดอุ ุปกรณ์ใน รูปแบบการใช้วัสดุ อุปกรณ์ในงานทศั นศลิ ป์ งานทัศนศิลป์ของศิลปิน ของศลิ ปิน 3. วาดภาพดว้ ยเทคนิคที่หลากหลาย ใน • เทคนคิ ในการวาดภาพสอื่ ความหมาย การสอ่ื ความหมายและเรอื่ งราวต่าง ๆ 4. สรา้ งเกณฑใ์ นการประเมิน และวิจารณ์ • การประเมินและวจิ ารณง์ านทศั นศลิ ป์ งานทศั นศิลป์ 5. นำผลการวิจารณ์ไปปรับปรุงแก้ไขและ • การพฒั นางานทัศนศลิ ป์ พัฒนางาน • การจดั ทำแฟ้มสะสมงานทศั นศลิ ป์ 6. วาดภาพแสดงบุคลิกลักษณะ ของตัว • การวาดภาพถา่ ยทอดบคุ ลกิ ลักษณะ ละคร ของตวั ละคร 7. บรรยายวิธกี ารใชง้ านทัศนศลิ ป์ ในการ • งานทศั นศิลปใ์ นการโฆษณา โฆษณาเพอื่ โนม้ นา้ วใจ และนำเสนอตวั อยา่ ง ประกอบ

มาตรฐาน ศ 1.2 เขา้ ใจความสมั พนั ธร์ ะหวา่ งทศั นศิลป์ ประวตั ิศาสตรแ์ ละวฒั นธรรมเหน็ คุณค่า งานทศั นศลิ ปท์ ี่เป็นมรดกทางวัฒนธรรมภูมิปัญญาท้องถิน่ ภูมิปัญญาไทย และสากล ม.2 1. ระบุ และบรรยายเกยี่ วกับวัฒนธรรมต่าง ๆ ที่ • วัฒนธรรมท่ีสะทอ้ นในงานทศั นศลิ ปป์ ัจจุบนั สะท้อนถงึ งานทศั นศิลปใ์ นปัจจบุ นั 2. บรรยายถงึ การเปลีย่ นแปลงของ งาน • งานทศั นศลิ ปข์ องไทยในแต่ละยคุ สมยั ทัศนศลิ ปข์ องไทยในแต่ละยุคสมัยโดยเนน้ ถงึ แนวคิดและเน้ือหาของงาน 3. เปรยี บเทียบแนวคดิ ในการออกแบบงาน • การออกแบบงานทัศนศิลป์ในวฒั นธรรมไทย ทศั นศลิ ป์ท่ีมาจาก วฒั นธรรมไทยและสากล และสากล 2.5 คณุ ภาพผู้เรียน คณุ ภาพผ้เู รยี นเมอ่ื จบช้ันมัธยมศึกษาปีท่ี 2 (ช่วงชั้นที่ 3 ช้ันมัธยมศึกษาปีท่ี 1-3) จบชั้นมธั ยมศกึ ษาปที ่ี 3 รแู้ ละเขา้ ใจเร่ืองทศั นธาตุและหลักการออกแบบและเทคนิคที่หลากหลายในการสร้างงานทัศนศิลป์ ๒ มิติ และ ๓ มติ ิ เพ่ือส่ือความหมายและเรื่องราวต่าง ๆ ได้อย่างมคี ุณภาพ วิเคราะหร์ ปู แบบเน้ือหาและประเมิน คุณค่างานทศั นศิลป์ของตนเองและผู้อื่น สามารถเลือกงานทัศนศิลป์โดยใชเ้ กณฑท์ ีก่ ำหนดข้ึนอย่างเหมาะสม สามารถออกแบบรูปภาพ สัญลักษณ์ กราฟิก ในการนำเสนอข้อมูลและมีความรู้ ทักษะที่จำเป็นดา้ นอาชีพท่ี เกย่ี วขอ้ งกนั กับงานทัศนศลิ ป์ ร้แู ละเขา้ ใจการเปล่ยี นแปลงและพฒั นาการของงานทศั นศิลป์ของชาติและท้องถิ่น แต่ละยุคสมัย เห็น คุณค่างานทศั นศลิ ปท์ ่สี ะท้อนวฒั นธรรมและสามารถเปรยี บเทยี บงานทัศนศิลป์ที่มาจากยุคสมยั และวฒั นธรรม ตา่ ง ๆ 3. เอกสารทีเ่ ก่ยี วขอ้ งกับความรเู้ รือ่ งศลิ ปะ 3.1 ความหมายของศลิ ปะ (Art) สกลธ์ ภู่งามดี (2545 : 54) ไดก้ ลา่ วว่า ศิลปะคือ สงิ่ ทีส่ ือ่ ทางความชอบหรอื ไมช่ อบของผู้ปฏิบัตกิ าร ทางศิลปกรรม ซ่งึ แสดงออกดว้ ยความชำนาญหรือไม่ชำนาญ ทสี่ ะท้อนในรูปแบบของปฏิกริ ิยาการรับร้โู ดย ผู้ชม วนิดา ขำเขยี ว (อา้ งถงึ ใน มยั ตะติยะ 2547 : 20) ได้กล่าววา่ ศิลปะ มาจากคำวา่ “สิปปะ”เป็นภาษา บาลี ทม่ี ีความหมายต่อไปน้ี 1.การแสดงออกซ่ึงความคดิ มนษุ ย์ 2.ส่ือทใ่ี ชต้ ดิ ต่อกนั 3.การแสดงออก

4.การแสดงออก 5.การสรา้ งสรรค์ สุชาติ เถาทอง และคณะ (2545 : 54) ได้กล่าวว่า ศิลปะ หมายถึง ผลแห่งความคดิ สรา้ งสรรค์ของ มนุษยท์ ี่แสดงออกมาในรูปลักษณะตา่ งๆให้ปรากฏซ่งึ สุนทรียภาพ ความประทบั ใจ หรือความสะเทือนอารมณ์ ตามประสบการณ์ รสนิยม ทกั ษะของแตล่ ะบุคคล มัย ตะติยะ (2547 : 22) ไดใ้ ห้ความหมายของ ศิลปะ สง่ิ ทมี่ นษุ ย์สรา้ งสรรค์ขึ้นดว้ ยความประทบั ใจ และสะเทอื นใจจากธรรมชาตแิ ละสงิ่ แวดลอ้ ม ประกอบดว้ ยหลักเกณฑ์ 4 ข้อ ได้แก่ 1.ต้องเปน็ สงิ่ ที่มนุษย์สรา้ ง ดว้ ยสติปัญญาปกติ 2.มคี วามงาม ประณตี คุณค่า และมปี ระโยชน์ตอ่ มนุษย์ 3.มนษุ ย์และสังคมยอมรับ 4.ไมม่ ี พษิ ภัยตอ่ มนษุ ยแ์ ละสังคมน้นั ๆ จากขอ้ ความดังกล่าวข้างต้นพอสรุปไดว้ ่า ศิลปะ หมายถึง การถา่ ยทอดการแสดงของมนุษย์ทเ่ี กิด จากอารมณ์ ความประทับใจ สะเทอื นใจ จากธรรมชาตแิ ละส่ิงแวดลอ้ ม ประสบการณ์และทกั ษะของบุคคล เป็นผลงานท่สี รา้ งสรรค์ 3.2 ความหมายของทศั นศลิ ป์ ชะลดู น่มิ เสมอ (2531 : 4) ไดก้ ลา่ วถึงความหมาย ทัศนศิลป์ วา่ เป็นศิลปะทีร่ ับสมั ผัสด้วยการเหน็ ไดแ้ ก่ จิตรกรรม ประติมากรรม ภาพพมิ พ์ และสถาปตั ยกรรม สกลธ์ ภู่งามดี ( 2545 : 56) ไดก้ ล่าวถงึ ความหมาย ทัศนศิลป์ วา่ เปน็ ผลงานการสรา้ งสรรค์ทางศลิ ปะ เพือ่ สนองการรับรทู้ างประสาทตา เช่น จิตรกรรม ประตมิ ากรรม ภาพพิมพ์ ภาพถ่าย งานสือ่ ผสม ศลิ ปะการจัดวาง และหตั ถศิลป์ บุญเยยี่ ม แยม้ เมอื ง (อา้ งถงึ ในมัย ตะตยิ ะ 2547 : 54) ไดก้ ล่าวถงึ ความหมาย ทัศนศิลป์ ว่าเป็น ผลงานทางศลิ ปะทีม่ นุษยไ์ ดส้ ร้างสรรคข์ น้ึ มา และมนุษย์สามารถท่ีจะรบั ร้ไู ดด้ ว้ ยการผา่ นประสาทสัมผัส ทาง สายตาเป็นอันดบั แรก แล้วเกดิ อารมณค์ วามรู้สึกประการต่อมา เราจึงเรยี กว่างานทัศนศิลปด์ ว้ ยภาษาง่ายๆว่า ศิลปะที่มองเหน็ สชุ าติ เถาทอง (อ้างถงึ ในมยั ตะตยิ ะ 2547 : 54) ได้กลา่ วถึงความหมาย ทัศนศลิ ป์ ไว้ว่า เป็นศลิ ปะ ทม่ี องเห็นและมกี ระบวนการถ่ายทอดทีเ่ ปน็ ลักษณะเฉพาะการเหน็ เป็นกระบวนการที่เกดิ จากความรสู้ กึ การ เลอื กสรร และการรบั รู้ มัย ตะตยิ ะ (2547 : 22) ไดก้ ล่าวถึงความหมาย ทศั นศิลป์ ไวว้ ่า ศลิ ปะท่สี ามารถสมั ผสั รบั รูท้ าง สายตา ลกั ษณคะการมองเห็นรปู ทรงเปน็ สามมติ ิ และอาจสมั ผัสจับตอ้ งได้ คำนึงถงึ คุณคา่ ทางความงาม ความ เชื่อทางศาสนาและสังคมเป็นหลัก สนองมนุษย์ดา้ นจิตใจ และอารมณไ์ ด้แก่ จิตรกรรม ประติมากรรม สถาปัตยกรรม จากทกี่ ล่าวมาขอ้ งต้นสรปุ ได้ว่า ทัศนศิลป์ หมายถึง ศลิ ปะท่ีมนุษย์สร้างข้ึน จากความเชอ่ื ทางศาสนา และสังคม สนองความต้องการด้านจิตใจ อารมณ์ และสมั ผัสรบั รู้ได้ทางสายตา ได้แก่ จิตรกรรม ประติมากรรม และสถาปัตยกรรม

3.3 ความหมายของทศั นธาตุ สาเรงิ ฮวดสงิ โต (2551) ทศั นธาตุ หมายถึง สว่ นประกอบต่างๆ ท่เี ราใช้เขยี นทาให้เกิดภาพต่างๆ ขึ้น หลกั การวาดภาพจะตอ้ งนาเอาทัศนธาตตุ ่างๆ เหล่านีม้ าสร้างงานให้เกิดความสมดุล โดยกาหนดใช้เสน้ แสง- เงา รปู ร่าง รูปทรง ชลดู นมิ่ เสมอ (2553) ทศั นธาตุ หมายถงึ สือ่ สุนทรยี ภาพที่ศิลปนิ นามาประกอบกันใหเ้ ป็นรูปทรง เพือ่ ส่อื ความหมายตามแนวเรื่องหรือแนวคดิ ที่เป็นจดุ หมายนัน้ สชุ าติ เถาทอง (2554) ทศั นธาตุ หมายถึง สว่ นสาคัญท่เี ป็นโครงสร้างของงานทัศนศลิ ป์หรือที่ปรากฏ ในงานออกแบบหรือส่งิ ทเี่ ปน็ สว่ นสาคัญในผลงานทัศนศิลป์ กลา่ วโดยสรุปได้ว่า ทัศนธาตุ หมายถึง ปัจจัยที่ทา ให้เกิดการเรียนรู้ให้เกิดความรู้สึก อารมณ์และสัมผัสทางตา ทาให้เห็นเป็นรูปร่างของสิ่งต่างๆ ประกอบด้วย จุด เส้น สี รปู ร่าง รูปทรง พื้นผิว บริเวณวา่ ง สชุ าติ เถาทอง และคณะ (2545 : 6) ไดก้ ล่าวถึงความหมาย ทศั นธาตุ ไว้วา่ ส่ิงท่เี ป็นปัจจัยของการ เหน็ หรอื สงิ่ ทเี่ ปน็ สว่ นประกอบสำคญั ที่เห็นได้เปน็ เบอ้ื งต้นในงานทศั นศิลป์อนั ประกอบดว้ ย จดุ เส้น รูปร่าง – รูปทรง ท่ีวา่ ง น้ำหนกั ออ่ น – แก่ พ้ืนผิวและสี จากขอ้ มูลดังกล่าวสรุปได้วา่ ทัศนธาตุ หมายถึง ปจั จยั ท่ีทำใหเ้ กดิ การรับรู้ ให้ความรสู้ กึ อารมณ์ และ สัมผสั ได้ทางสายตา ทำใหเ้ หน็ รูปรา่ งของส่งิ ตา่ งๆ ประกอบด้วย จุด เส้น รปู ร่าง – รูปทรง ทว่ี า่ ง นำ้ หนัก ออ่ น – แก่ พ้นื ผิวและสี 4. เอกสารที่เกี่ยวข้องกบั แบบทดสอบ 4.1 ความหมายของแบบทดสอบ ไดม้ ผี ้ใู ห้ความหมายของแบบทดสอบ ไว้ มากมาย ดงั น้ี นิภา เมธธาวีชยั ( 2533, หนา้ 24 ) ไดก้ ล่าวว่า แบบทดสอบ ( Test ) เปน็ ชดุ ของคำถาม หรือ ข้อสอบ ( Item) ที่สร้างขึ้นมาเพื่อเปน็ สิง่ เร้า (Stimulus) ให้ผู้ถูกทดสอบแสดงพฤติกรรม อย่างใดอย่างหนึ่ง เพอ่ื ตอบสนอง (Response) ออกมาโดยผู้ทำการทดสอบสามารถสงั เกตได้หรือวดั ได้ บุญชม ศรีสะอาด (2535, หน้า 50 ) ได้กล่าวว่า แบบทดสอบ คือชุดของคำถาม(Item) หรือ ชุดของงานใด ๆ ที่สร้างขึ้นเพื่อนำไปเร้าหรือชักนำให้กลุ่มตัวอย่างตอบสนองออกมา การตอบอาจอยู่ในรูป ของการเขยี นตอบ การพดู การปฏิบตั ิ ท่สี ามารถสงั เกตได้หรือวดั ใหป้ รมิ าณได้ สมนกึ ภัททยิ ธนี (2537, หนา้ 45 ) ไดก้ ล่าววา่ แบบทดสอบ หมายถงึ ชดุ ของคำถาม (Items) หรืองานชุดใด ๆ ที่สร้างขึ้นเพ่อื นำไปเร้า หรอื ชักนำให้บุคคลแสดงพฤตกิ รรมตอบสนองออกมาและ สามารถสังเกตหรือวัดได้ ภัทรา นิคมานนท์ (2538, หน้า 11 ) ได้กล่าวว่า แบบทดสอบ หมายถึง ชุดของคำถาม (Item) หรือกลุ่มของงานใด ๆ ที่สร้างขึ้นมาแล้วนำไปเร้าให้เด็กหรือผู้สอบแสดงพฤติกรรมตามที่ต้องการ ออกมา โดยผู้สอนสามารถสงั เกตและวัดได้ การตอบสนองโดยการเดา เชน่ ปิดตาเด็กแลว้ ทายกระดาษสีต่าง ๆ เช่นน้ีไมถ่ ือวา่ เป็นการสอบ

สมบรู ณ์ ตนั ยะ (2538, หน้า 139) ได้กล่าววา่ แบบทดสอบ หมายถงึ ชดุ ของคำถามหรือกลุ่ม งานใด ๆ ที่สร้างขึ้นเพ่ือชักนำใหผ้ ู้ถูกทดสอบ แสดงพฤตกิ รรมหรือปฏิกริ ิยาโตต้ อบ ย่างใดอย่างหนึ่งออกมา ใหส้ ามารถสังเกตได้ วัดได้ จากความหมายตามทน่ี ักวิชาการไดก้ ลา่ วไว้ สามารถสรุปไดด้ งั นี้ แบบทดสอบ (Test) หมายถึง ชดุ ของคำถามที่ต้องการเร้าให้ผสู้ อบได้แสดงความรหู้ รือพฤติกรรม ที่เป็นการบ่งบอกถึงความรู้หรือระดับสติปัญญา (Cognitive Domain) ในด้านความจำ ความเข้าใจ การ นำไปใช้ การวิเคราะห์ การสังเคราะห์ และการประเมินค่า โดยรูปแบบในการตอบอาจจะเป็นการให้เลือด ตอบ เขียนตอบ การถามตอบสอบปากเปล่า หรอื การใหน้ ักเรยี นได้ปฏิบัตงิ าน 4.2 ประเภทของแบบทดสอบ การแบ่งประเภทของแบบทดสอบ สามารถแบ่งไดห้ ลายประเภท ขึ้นอยูก่ ับจดุ มุ่งหมาย หรือ การนำแบบทดสอบนน้ั ไปใช้ จึงขอสรุป รปู แบบการแบง่ แบบทดสอบ ดังตอ่ ไปนี้ แบ่งตามสมรรถภาพของการวัด แบ่งได้เปน็ 3 ประเภท ได้แก่ 1. แบบทดสอบวัดผลสัมฤทธิ์ (Achievement Test) เป็นแบบทดสอบที่ใช้วัดผลการเรียนรู้ ทางการเรยี น แบง่ ออกเป็นประเภทได้ดังน้ี 2. แบบทดสอบวัดความถนัด (Attitude Test) เป็นแบบทดสอบที่ต้องการจะดูความถนัด ของผู้สอบเพ่ือนำไปใช้ในการทำนายพฤตกิ รรมในอนาคต 3. แบบทดสอบวัดบุคลกิ ภาพทางสังคม (Personal Social Test) เป็นแบบทดสอบท่ีใช้วัด บุคลกิ ภาพและการปรบั ตวั เข้ากบั สงั คมของบคุ คล แบง่ ตามรูปแบบของการถามตอบ แบง่ ไดเ้ ปน็ 2 ประเภท 1. แบบทดสอบความเรียง (Essay Test) แบบทดสอบประเภทนี้จะกำหนดคำถามให้ผู้ตอบ จะต้องเขียนคำตอบเป็นภาษาร้อยกรองโดยการเรยี บเรียงคำตอบเอง 2. แบบทดสอบแบบตอบสั้นและเลือกตอบ (Short Answer and Multiple Choice) ลกั ษณะของแบบทดสอบประเภทนี้จะกำหนดคำตอบสนั้ ๆ ให้ โดยทั่วไปจะแบง่ เปน็ 4 ประเภท ดังน้ี 1. แบบให้ตอบสั้น เป็นลักษณะของแบบทดสอบที่ผู้ออกจะเวน้ ช่องว่างถ้าผู้สอบได้เพิ่มคำ หรือประโยชนใ์ ห้สมบูรณเ์ หมาะท่ีจะใชก้ ับวชิ าคณติ ศาสตรแ์ ละวิทยาศาสตรม์ ากท่ีสดุ 2. แบบถูก ผิด เป็นแบบทดสอบที่ผู้เขียนกำหนดข้อความมาให้และให้ผู้ตอบทำ เคร่ืองหมายถูกหรือผดิ ตามความรูท้ มี่ อี ย่เู หมาะกบั วัดความจำ 3. แบบจับคู่ เป็นแบบทดสอบที่มีคอลัมภ์ทางซ้ายและทางขวาให้ คอลัมภ์ทางขวาควรมี จำนวนตวั เลอื กมากกว่าคอลัมภ์ทางซา้ ยประมาณ 3-4 ตวั เลอื ก 4. แบบเลอื กตอบ ลักษณะของข้อสอบที่ประกอบด้วยขอ้ คำถาม และตัวเลอื กประมาณ 3 – 5 ตัวเลือกขึ้นอยู่กับวัยของผู้สอบและในตวั เลอื กกจ็ ะมีตัวถูกและตัวลวง โดยตัวที่ถูกที่สุดต้องมีเพียงตัวเดยี ว เท่านนั้

4.3 การสรา้ งแบบทดสอบ การสร้างแบบทดสอบ ผู้วิจัยต้องมีการวางแผนในการสร้างแบบทดสอบ โดยต้องดำเนินการ ตามลำดบั ข้นั ตอนดังตอ่ ไปนี้ 1. กำหนดเนือ้ หาและพฤติกรรมทีต่ ้องการวัด การกำหนดเน้ือหาและพฤติกรรมท่ีตอ้ งการวัดมา จากวัตถุประสงค์การวิจัย ผู้วิจัยตอ้ งมาวเิ คราะห์ลกั ษณะของวัตถุประสงค์การวิจัย และมาตรฐานการเรียนรู้ ด้านพทุ ธพิ ิสยั ที่ต้องการใหเ้ กิดขน้ึ ในตวั ผ้เู รยี น 2. เลอื กชนดิ และรปู แบบของแบบทดสอบ ให้สอดคล้องกับลักษณะคุณสมบัติของส่ิงที่ต้องการ วัดและตรงกบั ขอบเขตดา้ นเนือ้ หาของการวจิ ยั 3. เขยี น (รา่ ง) ขอ้ คำถาม โดยคำนงึ ถงึ ความชัดเจนของคำช้ีแจง ความชดั เจนของข้อคำถาม ลักษณะของตวั เลอื ก 4. จดั พมิ พ์และทำรปู เล่ม โดยต้องมคี ำชี้แจงในการทดสอบให้ชดั เจน 5. ตรวจสอบคุณภาพ ของแบบทดสอบในด้านความเทีย่ งตรง ความเชอ่ื ม่ัน ความยากงา่ ย และ อำนาจจำแนก โดยการนำไปทดลองใช้กับกลุม่ ท่ีมลี กั ษณะเดยี วกบั กลุม่ ตัวอย่าง 6. ตรวจ ปรับปรุง และแก้ไขตามผลการตรวจสอบคุณภาพของเครื่องมือและจัดพมิ พแ์ บบทดสอบที่ สมบูรณ์แบบและเตรยี มแบบทดสอบให้เพยี งพอกับจำนวนกลุ่มตวั อยา่ ง 4.4 ขอ้ ดีและขอ้ เสียของแบบทดสอบ ขอ้ ดีของแบบทดสอบ 1. เกบ็ รวบรวมข้อมลู กบั กลมุ่ ตวั อย่างที่มจี ำนวนมาก ๆ ได้ 2. ผู้ตอบมีเวลาในการที่จะนง่ั พิจารณาคำตอบได้ดกี ว่า และไมร่ สู้ กึ เครียดเน่ืองจากไม่ต้อง เผชิญหน้ากับผู้วจิ ัย 3. วิเคราะห์ข้อมูลไดง้ ่าย เพราะสามารถใช้คอมพวิ เตอรช์ ่วยในการวิเคราะห์ข้อมลู ได้ ข้อสียของแบบทดสอบ 1. มักจะได้ข้อมลู กลับมาน้อย หากผู้ตอบไมใ่ ห้ความสำคญั 2. ไม่สามารถท่ีจะใชเ้ กบ็ กับกลมุ่ ตวั อย่างทีอ่ ่านหนงั สือไม่ออก 5.พฤตกิ รรม 5.1 ความหมายของพฤติกรรม พฤติกรรม หมายถึง ปฏิกิริยาหรือกิจกรรมทกุ ชนิดของสิ่งมีชวี ิตแม้ว่าจะสงั เกตได้หรือไม่ก็ตาม เช่น คน สัตว์ มีนักพฤติกรรมศาสตร์บางคนได้ให้ความหมายไว้ว่า พฤติกรรมมีความหมายกว้างขาวง

ครอบคลุมไปถึงพฤติกรรมของสิ่งที่ไม่มีชีวิตด้วย เช่น การไหลของน้ำ คลื่นของน้ำทะเล กระแสลมที่พัด การปลวิ ของฝุ่นละออง การเดือดของนำ้ เป็นต้น ส่งิ ท่ีกลา่ วมาเป็นการเคล่อื นไหวของสิ่งไม่มชี วี ิต แต่มีการ เปลี่ยนแปลงจากลักษณะหนึ่งไปยังอีกลักษณะหนึ่ง เลยถือว่าคล้าย ๆ กับเป็นปฏิกิริยาหรือเป็นกิจกรรมท่ี ปรากฏออกมาจากสิ่งนั้นจึงนับว่าเป็นกิจกรรมด้วยการศึกษาเรื่องพฤติกรรมส่วนใหญ่จะมุ่งศึกษาเฉพาะ พฤติกรรมของคนส่วนพฤติกรรมของสัตว์กระทำเป็นบางครั้ง เพื่อนำมาเป็นส่วนประกอบให้เข้าใจใน พฤตกิ รรมของคนได้ดยี ิ่งขึ้น 5.2 พฤตกิ รรมภายนอก (Overt Behavior) พฤติกรรมภายนอก หมายถึง ปฏิกิริยาของบุคคลหรือกิจกรรมของบุคคลที่ปรากฏออกมาให้ บุคคลอื่นได้เห็น ทั้งทางวาจาและการกระทำท่าทางอื่นๆ ที่ปรากฏออกมาให้เห็นได้ พฤติกรรมที่ปรากฏ ออกมาให้เห็นภายนอกนั้นเป็นสิ่งที่คนมองเห็นตลอดเวลา เป็นปฏิกิริยาที่คนเราได้แสดงพฤติกรรมออกมา ตลอดเวลา พฤติกรรมภายนอกที่แสดงออกมามีความสำคัญมาก โดยเฉพาะอย่างยิ่งถ้าสังคมใดที่ประเมิน คุณภาพของคนว่าเป็นคนดี มีระเบียบวินัย สุภาพ ซื่อสัตย์ ทารุณ เป็นต้น ล้วนแต่ประเมนิ คุณภาพของ พฤติกรรมภายนอกทง้ั สนิ้ ถา้ ไมแ่ สดงออกมาสังคมกไ็ มท่ ราบว่าบุคคลน้นั เป็นคนอย่างไร พฤติกรรมท่ีคนแสดง ออกมาให้เห็นภายนอกจึงนับว่าเป็นองค์ประกอบที่สำคญั เกย่ี วกับความสมั พันธร์ ะหว่างบุคคลในสังคม สังคม ชอบตดั สนิ คนด้วยพฤตกิ รรมภายนอก ดงั น้ันพฤติกรรมทเี่ ราเห็นได้ทราบอาจไม่ใชพ่ ฤติกรรมทแ่ี ท้จริงของเขา และไม่ใชต่ วั ตนทแ่ี ท้จริง คอื การกระทำไม่ตรงกับความคดิ ความร้สู ึก บางคนอาจสวมหนา้ กากเข้าหากัน หรอื แสดงไปตามบทบาททเี่ ขาเป็นบางคร้งั จึงกำหนดไม่ได้ว่าเปน็ เรือ่ งจริง เพราะไมไ่ ดส้ ะทอ้ นความเปน็ จรงิ ออกมา ทัง้ หมด 5.3 พฤตกิ รรมภายใน (Covert Behavior) พฤติกรรมภายใน หมายถึง กิจกรรมภายในที่เกิดขึ้นในตัวบุคคล ซึ่งสมองทำหน้าที่รวบรวม สะสมและสั่งการ ซึ่งเป็นผลจากการกระทำของระบบประสาทและกระบวนการเปลี่ยนแปลงทางด้านชีวเคมี ของร่างกาย พฤติกรรมภายในมีทั้งรูปธรรมและนามธรรม ที่เป็นรูปธรรมคนอื่นจะสังเกตเห็นไม่ได้แต่จะใช้ เครื่องมือทางการแพทย์ทดสอบได้ สัมผัสได้ เช่น การเต้นของหัวใจการหดและการขยายตัวของกล้ามเนอ้ื การบีบของลำไส้ การสูบฉีดโลหิตไปเลี้ยงร่างกาย เป็นต้น ที่เป็นนามธรรมได้แก่ ความคิด ความรู้สึก เจตคติ ความเชือ่ ค่านยิ ม ซง่ึ จะอย่ใู นสมองของคน บุคคลภายนอกไม่สามรถจะมองเห็นได้ หรือสัมผัสได้ เพราะไม่มีตัวตน และจะทราบว่าเขาคิดอย่างไรก็ต่อเม่ือเขาแสดงออกมา เช่น การแสดงอาฆาตมาดร้าย ใช้คำพูดข่มขู่หรือระทำดังที่คิดไว้ พฤติกรรมภายในจะมีเหมือนกันหมดทุกวัยไม่ว่าเด็กหรือผูใ้ หญ่ เพศชาย เพศหญิง หรือต่างเชื้อชาติ ส่วนที่จะแตกต่างกันจะอยู่ที่จำนวน ปริมาณหรือคุณภาพเท่านั้น พฤติกรรม ภายในมคี วามสำคญั ต่อคน เปน็ คุณสมบตั ทิ ่ีทำให้คนเหนือกว่าสัตว์ คนมีแนวคิดทมี่ ีระบบและคาดการณ์ในสิ่ง ต่างๆ ในอนาคตได้ พฤติกรรมภายในของคนมีความสัมพันธ์กับพฤติกรรมภายนอกที่แสดงออกมา บาง สถานการณก์ ็ไมอ่ าจสอดคลอ้ งกันได้ เชน่ บางคร้งั ไม่พอใจในการกระทำของผู้อ่ืนก็อาจจะทำเฉยเพราะไมก่ ล้า ต่อว่าหรือทำร้ายเขา เพราะถ้ากระทำอะไรลงไปอาจทำให้เกิดการทะเลาะวิวาทกันขึ้นได้ มนุษย์จะแสดง

พฤติกรรมภายในและพฤติกรรมภายนอกตั้งแต่เกดจนตาย พฤติกรรมที่แสดงออกมาอาจเป็นผลสืบ เนื่องมาจากการเลี้ยงดูและอบรมจากครอบครัวหรอื ในทางตรงกันข้ามอาจสืบเน่ืองมาจากการขาดการเล้ยี งดู และอบรมจากครอบครัวหรอื ในทางตรงกันข้ามอาจสืบเนือ่ งมาจากการขาดการเลี้ยงดอู บรมจากครอบครวั จึง ทำให้มีปัญหาอยู่มาก ในแต่ละช่วงของชีวิตจะมีพัฒนาการปรับเปลี่ยนหรือเปลี่ยนแปลงพฤติกรรมไปบ้าง โดยเฉพาะอย่างย่ิงต้องปรบั พฤตกิ รรมใหเ้ ขา้ กบั ขนบธรรมเนียมประเพณแี ละวัฒนธรรมของชุมชนนน้ั ๆ รวมทัง้ การเปลย่ี นแปลงของสังคมในทกุ ๆด้าน เม่อื ขนบธรรมเนียมประเพณเี ป็นตัวกำหนดพฤตกิ รรมของคนจึงทำให้ ตนเปล่ยี นพฤติกรรมได้ยาก เช่น บางชมุ ชนมีพฤติกรรมการรับประทานอาหารสุก ๆ ดิบๆ เปน็ ต้น 6.งานวิจัยที่เกยี่ วขอ้ ง 6.1 วิจัยในประเทศ กฤษฎ์ รงุ่ โรจน์ (2552:5) ไดท้ ำการศึกษาค้นควา้ วิจัยเรือ่ งการศึกษาการปรับพฤตกิ รรมความ รบั ผดิ ชอบในการทำงานของนกั เรียนช้ันมัธยมศกึ ษาปีที่ 2/2 โดยการเสริมแรงทางบวก โรงเรยี นอสั สัมชญั ธนบุรี โดยมีวตั ถปุ ระสงค์เพื่อปรบั พฤตกิ รรมความรับผิดชอบของนักเรยี นโดยการเสรมิ แรงทางบวก จากการ ศกึ ษาวิจัยเรอ่ื งพบวา่ การใหแ้ รงเสรมิ ทางบวกคือ การใหร้ างวลั และคาํ ชมเชย สามารถลดพฤติกรรมการขาด ความรบั ผิดชอบในการทํางานของนักเรยี น ทัง้ 3 คนได้เปน็ อย่างดี เพราะนกั เรียนมคี วามพงึ พอใจท่ี ่ไดร้ ับ รางวลั และคาํ ชมเชยเป็นแรงเสรมิ จึงทําให้มีความกระตือรือรน้ ในการทํางานมากขึ้น เพื่อจะได้รางวัล หรือคํา ชมเชย จึงสามารถนาํ วิธีการน้ไี ปใช้กบการปรับพฤติกรรมของนักเรยี นคนอน่ื ๆ ไดต้ อ่ ไป จันทรอ์ รณุ พนาลยั (2550 : บทคัดย่อ) ได้ทำการศกึ ษาค้นควา้ วิจัยเรื่องการพฒั นาพฤติกรรม จริยธรรม นักเรียนชัน้ มธั ยมศึกษาปที ี่ 3 โรงเรียนยางชมุ น้อยพทิ ยาคม สำนกั เขตพ้ืนท่กี ารศกึ ษาศรสี ะเกษเขต 1 โดยมีวตั ถปุ ระสงค์เพื่อพฒั นาจรยิ ธรรมนกั เรยี นชน้ั มัธยมศกึ ษาปที ี่ 3 ด้านความมีระเบียบวินัยดา้ นความ รบั ผดิ ชอบ ด้านความซื่อสตั ย์ ด้านความอดทน และด้ายความขยันหม่ันเพียร จากการศึกษาวิจยั พบว่า หลังจาก การศกึ ษาพฤติกรรมจากแบบสัมภาษณ์ พบว่านกั เรยี นโรงเรยี นยางชมุ น้อยพทิ ยาคม มีพฤติกรรมดา้ นความมี ระเบียบวนิ ัยมากท่สี ดุ ด้านความอดทน ความซื่อสตั ว์ ด้านความรบั ผดิ ชอบ และด้านความขยันหม่นั เพยี ร ตามลำดับ นักเรยี นมีพฤตกิ รรมก่อนและหลังต่างกันตามคา่ สถิติ .05 ซงึ่ ถือเป็นพฤตกิ รรมทดี่ ขี ึน้ หลงั จากการ เสรมิ แรง จรสั เนาวะเศษ (2547:62) ได้ทำการศึกษาวจิ ยั เรอ่ื งการพฒั นาพฤตกิ รรมการมีวนิ ยั ในตนเอง โดยใช้แบบฝกึ ความมีวินยั ของนักเรยี นชว่ งชั้นท่ี 3 โรงเรียนชมุ ชนบัวคำ อำเภอโพธชิ์ ยั สำนกั งานเขตพ้นื ที่ การศึกษาร้อยเอ็ด เขต 3 มีวตั ถุประสงคเ์ พ่อื เปรยี บเทยี บผลของการมวี นิ ยั ในตนเองกอ่ นและหลังการใช้แบบฝึก ความมีวนิ ยั จากการศึกษาวิจัยพบวา่ นกั เรียนไดร้ บั การฝกึ ความมีวินัยและมีพฤตกิ รรมที่เปลีย่ นไปในทางทดี่ ขี ึ้น โดยมีการใหค้ ะแนน และกลา่ วชมเชย นักเรียนมีความรับผดิ ชอบมากขน้ึ และมีพฤตกิ รรมเปลยี่ นไปในทางทด่ี ขี น้ึ โดยมีคะแนนกอ่ นการฝึกความมีวนิ ัยในตนเองโดยมีคะแนนรวม 264.44 คะแนนค่าเฉลยี่ 3.84 อย่างมีนัยสำคญั

ทร่ี ะดบั .01 (T = 0) โดยจำแนกเปน็ รายละเอียดดงั น้ี ดา้ นการตรงต่อเวลา ดา้ นการเข้าแถว ด้านการทำความ เคารพ ด้านความรับผิดชอบ นกั เรียนทไ่ี ดร้ บั การฝึกมกี ารพัฒนาดา้ นพฤตกิ รรมไปในทางท่ดี ีขึ้น นนั ทกาญจน์ รตั นวิจติ ร (2554:47) ได้ทำการศึกษาค้นความวจิ ัยเรื่องการพฒั นาพฤตกิ รรม ความรับผิดชอบการเข้าหอ้ งเรียนของนกั เรียนโดยใชว้ ิธีการสอนแบบรว่ มแรงร่วมใจและการเรยี นรู้อย่างเป็น ระบบ มีวัตถุประสงคเ์ พื่อสร้างระเบยี บวินยั ท่ีดีให้แกน่ ักเรยี น และให้นักเรียนมคี วามรบั ผิดชอบต่อตนเองและ ผู้อ่นื จากการศึกษาวจิ ัยพบวา่ ภายหลังจากการปรบั พฤตกิ รรมความรบั ผดิ ชอบในการเรียนรายวชิ า ส31101 ของนกั เรียนชน้ั มัธยมศึกษาปที ี่ 4/3 จำนวน 38 คน โดยการสอนแบบร่วมแรงรว่ มใจและการเรียนรู้อยา่ งมี ระบบ พบว่านกั เรยี นมีความรับผิดชอบในการเรยี นและทำงานทไี่ ด้รับมอบหมายได้สำเรจ็ ในทกุ ด้านดีข้นึ ตามลำดบั และในสัปดาห์ที่ 10 พบวา่ นกั เรียนทุกคนมคี วามรบั ผิดชอบดีทุกดา้ น มบี คุ ลิกภาพดีข้ึน ผลการปรับ พฤติกรรมในคร้งั นท้ี ำให้นักเรยี นทุกคนสามารถทำแบบทดสอบหลงั หน่วยการเรยี นทุกหนว่ ยผ่านตามเกณฑท์ ่ี กำหนด สรุปนักเรียนมผี ลสมั ฤทธิ์ทางการเรยี นทด่ี ขี ึ้น พณิ นาภา แสงสาคร (2550:59) ไดท้ ำการศกึ ษาค้นคว้าวิจยั เรอื่ งการพฒั นาพฤตกิ รรมความ รับผดิ ชอบด้านการเรียนบนฐานการฝกึ สติ แผนกวชิ าสงั คมศาสตร์ คณะบรหิ ารธุรกิจและศิลปศาสตร์ มหาวิทยาลยั เทคโนโลยีราชมงคลลา้ นนา วิทยาเขตพายัพ โดยมีวตั ถปุ ระสงคเ์ พ่ือปรับพฤติกรรมความ รับผิดชอบของผเู้ รยี น จากการศกึ ษาวจิ ัยพบวา่ นักเรยี นท่ีไดร้ บั การอบรมตามโปรแกรมฝกึ สถิติเพอ่ื พัฒนา ความรับผดิ ชอบดา้ นการเรียน (MTPEAR) มีค่าเฉลย่ี ของคะแนนสถติ แิ ละพฤตกิ รรมรับผิดชอบด้านการเรียน เมื่อวดั หลงั การอบรมทันทสี ูงกว่าก่อนเข้ารับการอบรมอย่างมนี ยั สำคัญทางสถิติทรี่ ะดบั P<.01 นักศึกษาท่ี ไดร้ บั การอบรมตามโรแกรมพทุ ธวถิ ี (MTPUBM) มีคา่ เฉลีย่ ของคะแนนสถติ เิ มือ่ วดั หลงั การอบรมทนั ที สงู กว่า การเข้าการอบรม อย่างมนี ยั สำคญั ทางสถติ ิทีร่ ะดบั P< .001 อย่างไรกต็ ามพบว่าค่าเฉล่ยี ของคะแนนพฤติกรรม ความรับผดิ ชอบด้านการเรยี นมคี วามแตกตา่ งกนั หลงั จากไดร้ ับการอบรม และมีพฤติกรรมทเี่ ปล่ียนไปในทางที่ ดีขึ้นโดยการกระตุ้น 6.2 งานวจิ ยั ตา่ งประเทศ เครนดนั และบาร์คเลย์ (Cranstion and Barcley 1985 : 136) ได้ให้ความเหน็ วา่ พฤตกิ รรมในการ เรียนของผู้ เรยี นและเจตคติของผู้ เรียนทีมตี อ่ การเรียน การสอน ผู้ สอน และสัมพนั ธภาพกับเพื่อน หมายถึง วิธกี ารเรยี นของผเู้ รยี นทีตอบสนองต่อส่ิงเรา้ ขณะน่ันเอง โคโนเลย์ (Conoley. Jane Close. 1977, Februry . p 37:5977- A ; อ้างอิงจากพระสรวิชญ์ อภปิ ญฺ ฺ โญ) (ดร.นิเวศน์ วงศส์ ุวรรณ. 2553 : 35) ได้ศึกษาผลการใช้การแสดงบทบาทสมมติในการ เรยี นการสอนระดบั ประถมศกึ ษา เพอ่ื วดั พฤติกรรมของเด็กเป็นการพยายามเปล่ยี นพฤตกิ รรมทาง สงั คม โดยการใชก้ ารแสดงละคร เขา้ ช่วยในการสอนทดลองกบั เด็กชั้นประถมศึกษาปีท่ี 3,4 และ 5 จำนวน 142 คน แบง่ ออกเปน็ 3 กลุม่ ผลการ วิเคราะหข์ อ้ มลู พบว่า การใช้การแสดงบทบาทสมมติ เข้าเป็นองคป์ ระกอบในการเรียน มผี ลต่อการ

เปลย่ี นแปลงพฤติกรรมของเดก็ มากกวา่ กลุ่มควบคุม ซ่งึ มคี วามแตกต่างกันอยา่ งมนี ัยสำคญั ทางสถิติ ทำใหเ้ ด็กมี สังคมมิตดิ ีข้ึน และเปล่ียนจากการยึด ตนเองเปน็ ศนู ย์กลางไปส่บู คุ คลอื่น ๆ มากขนึ้ ไดเนอร์ (Diener 1970 : 396-400) ได้ศกึ ษาความคล้ายคลึงและ ความแตกต่างระหวา่ งนิสติ ท่ีมี ผลสมั ฤทธิ์ทางการเรยี นสูงและต่ำ ตัวอยา่ งประชากรทีใช้เป็นนสิ ติ ชั้นปี ที 2, 3 และ 4 จาํ นวน 138 คน ผล การศึกษาพบว่า กลมุ่ ตัวอย่างท้ังสองมพี ฤติกรรมในการเรียนตา่ งกันคือ นิสติ ทมี่ ีผลสัมฤทธ์ิทางการเรยี นสงู มี พฤตกิ รรมในการเรยี นดีกวา่ นิสิตทีมีผลสมั ฤทธิ์ทางการเรยี นต่ำ โพแพม และมัวร์ (Popham andMoore 1960 : 552-554) ทีพบวา่ นสิ ยั ทางการเรียน ทัศนคติใน การเรยี น และการปรบั ตัวทางดา้ นการเรยี น มคี วามสมั พนั ธ์กบั ผลสัมฤทธ์ิทางการเรียน จงึ อาจกล่าวได้ว่า พฤตกิ รรมการเรียนและผลสัมฤทธิ์ทางการเรียนนั้นมีความสัมพนั ธ์กนั อย่างมาก กล่าวคอื ถ้าผ้เู รยี นมพี ฤตกิ รรมหรือนสิ ยั หรือวิธีการเรยี นทีดี เชน่ มีความสนใจ ความเอาใจใส่ การฝกึ ฝน การมี ทศั นคติทีดตี อ่ การเรียน ตอ่ ครู ตอ่ วิชา และ ตอ่ โรงเรียน ก็จะทําใหผ้ ู้เรยี นมีแนวโนม้ ทีจะประสบความสําเรจ็ ใน การเรียนสูง และทําให้ผลสมั ฤทธิ์ทางการเรยี นสงู ด้วย

บทท่ี 3 วธิ ีการดำเนนิ การวจิ ยั ในการวจิ ัยในครง้ั นี้ผู้วจิ ยั ไดด้ ำเนนิ การตามข้นั ตอนดังนี้ 1. ประชากรและกลมุ่ ตวั อยา่ ง 2. ตวั แปรทศี่ กึ ษา 3. ระยะเวลาในการทดลอง 4. เครื่องมือท่ีใช้ในการวจิ ยั 5. ขน้ั ตอนดำเนนิ การทดลอง 6. การเกบ็ รวบรวมขอ้ มูล 7. สถิติทใ่ี ช้ในการวเิ คราะหข์ ้อมูล 1. ประชากรและกลมุ่ ตัวอยา่ ง 1.1 ประชากรทใี่ ช้ในการวิจยั ประชากรทใี่ ช้ในการวิจัยในครัง้ นี้ คอื นักเรียนชนั้ มัธยมศกึ ษาปีท่ี 2/5 โรงเรียนอำนาจเจรญิ อำเภอเมอื งอำนาจเจรญิ จงั หวัดอำนาจเจรญิ ท่ีกำลังเรยี นอยู่ใน ภาคเรียนที่ 1 ปีการศกึ ษา 2563 จำนวน 1 ห้องเรยี น ทง้ั หมดจำนวน 44 คน 1.2 กลุ่มตัวอย่างทีใ่ ชใ้ นการวจิ ัย กลุ่มตัวอย่างที่ใช้ในการวิจัยในครั้งนี้ คือ นักเรียนชั้นมัธยมศึกษาปีที่ 2/5 โรงเรียน อำนาจเจริญ อำเภอเมืองอำนาจเจริญ จังหวัดอำนาจเจริญ ที่กำลังเรียนอยู่ใน ภาคเรียนที่ 1 ปีการศึกษา 2563 ซ่งึ ไดจ้ ากการสุม่ ตวั อย่างโดยใช้วธิ ีการสุ่มแบบไมอ่ าศยั ความน่าจะเปน็ (Non Probability Sampling) แบบเจาะจง (Purposive Samping) จำนวน 44 คน 2. ตวั แปรท่ีศึกษา 2.1 ตัวแปรต้น ไดแ้ ก่ แบบทดสอบออนไลน์ ผ่านเวบ็ ไซต์ https://www.habitscode.com 2.2 ตัวแปรตาม ได้แก่ ความสามารถในการทำแบบทดสอบออนไลน์ ผา่ นเว็บไซต์ https://www.habitscode.com ของนกั เรียนชั้นมธั ยมศกึ ษาปที ี่ 2/5 3. ระยะเวลาที่ใช้ในการทดลอง การทดลองในครั้งน้ีดำเนินการทดลองในภาคเรยี นที่ 1 ปี การศึกษา 2563 ใชเ้ วลาในการดำเนนิ กิจกรรมการเรยี นการสอนตามเน้ือหา 3 คาบ แบ่งเป็น ทดสอบกอ่ นเรยี น 1 คาบ และทดสอบหลังเรียน 1 คาบ รวม 5 คาบ คาบละ 50 นาที

4. เคร่อื งมอื ท่ีใช้ในการวิจยั 1. แบบทดสอบออนไลน์ ผ่านเวบ็ ไซต์ https://www.habitscode.com แบบทดสอบวเิ คราะหน์ สิ ัยและพฤตกิ รรมระดบั จติ ใตส้ ำนึก ทม่ี ีจำนวน 60 ข้อ ในแตล่ ะข้อมี 3 ตัวเลอื ก 2. สอื่ ประกอบการทำแบบทดสอบ ได้แก่ 1. ผลการวิเคราะหพ์ ฤติกรรมผเู้ รยี นสเี หลือง 2. ผลการวิเคราะหพ์ ฤติกรรมผู้เรยี นสีสม้ 3. ผลการวเิ คราะหพ์ ฤตกิ รรมผู้เรียนสีแดง 4. ผลการวเิ คราะหพ์ ฤติกรรมผ้เู รยี นสีเขียว 5. ผลการวิเคราะห์พฤตกิ รรมผเู้ รียนสมี ่วง 6. ผลการวเิ คราะห์พฤตกิ รรมผู้เรียนสนี ้ำเงนิ 3. ผ่านเว็บไซต์ https://www.habitscode.com 5. ข้ันตอนการดำเนินการทดลอง 5.1ให้นักเรียนลงช่ือเข้าใช้ผา่ นเวป็ ไซต์ https://www.habitscode.com 5.2 กรอกเลอื กจังหวัด และสมัครโดยใสข่ ้อมลู ให้ครบถ้วน โดยเฉพาะรหัส 13 หลกั เพอื่ การดผู ลทดสอบย้อนหลงั 5.3 เลือกตอบคำถามแรกทีเ่ ขา้ มาในใจ ตามความรู้สกึ ของเรา จากสง่ิ ท่ชี อบในปัจจุบันเทา่ นัน้ 5.4 มคี ำถาม 60 ขอ้ ในแตล่ ะข้อมี 3 จัวเลอื ก วัดระดับพฤติกรรม จงเลอื กข้อทีใ่ กล้เคยี งกบั เรามากที่สุด 5.5 ระบบประมวลผลเสร็จให้ศกึ ษาอ่านข้อมูลการวิเคราะห์ 6. การเก็บรวบรวมขอ้ มูล 6.1 ศึกษาเอกสารจากผลการแบบทดสอบออนไลน์ ผา่ นเว็บไซต์ https://www.habitscode.com 6.2 ผลการเรยี นปีการศึกษา 2562 6.3 สำรวจข้อมลู รายบุคคล 7. สถติ ิทใี่ ช้ในการวิเคราะหข์ อ้ มูล - SWOT analysis - ค่าร้อยละ - PMIA (Plus, Minus, Interesting point, Approach)

บทที่ 4 ผลการวเิ คราะหข์ อ้ มลู การวเิ คราะห์ผเู้ รยี นรายบุคคลในภาคเรียนท่ี 1 ปีการศึกษา 2563 ไดว้ เิ คราะหข์ อ้ มูลจากนักเรียน ชนั้ มัธยมศกึ ษาปีที่ 2/5 จำนวน 44 คน โดยวิเคราะหต์ ามประเดน็ การวเิ คราะห์ผเู้ รียนรายบุคคล 4 ดา้ นคือ 1) ดา้ นขอ้ มูลภูมหิ ลังครอบครัว 2) ผลสัมฤทธิท์ างการเรยี น 3) ดา้ นความชอบ 4) ด้านพฤติกรรม ไดแ้ บง่ การ นำเสนอดังน้ี 4.1 ผลการวิเคราะห์ขอ้ มูลดา้ นภูมิหลงั ครอบครวั ดังแสดงในตารางที่ 1 ตารางที่ 1 แสดงผลการวิเคราะหข์ อ้ มลู ด้านภมู หิ ลังครอบครัว ขอ้ มูล รายการ จำนวนนกั เรยี น คน รอ้ ยละ 1.สถานภาพบดิ า-มารดา 1.1 อยู่ร่วมกนั 32 72.73 1.2 หยา่ รา้ ง 11 25.00 1.3 แยกกนั อยู่ 1 2.27 1.4 บิดา/มารดาถึงแก่กรรม 00 2. ท่ีพกั ของนกั เรียน 2.1 บ้านพกั ของตนเอง 43 97.73 2.2 พักบ้านญาติ 00 2.3 หอพกั /บา้ นเช่า 1 2.27 2.4 อน่ื ๆ 00 3. อาชีพผู้ปกครอง 3.1 เกษตรกรรม 18 40.91 3.2 รบั ราชการ 13 29.55 3.3 ค้าขาย 6 13.64 3.4 ธุรกจิ ส่วนตัว 3 6.82 3.5 รับจ้างทั่วไป 4 9.08 3.6 อื่น ๆ 00 จากตารางท่ี 1 พบว่า สถานภาพบิดา-มารดา อันดับที่ 1อยรู่ ว่ มกัน รอ้ ยละ 72.73 อันดับท่ี 2 หย่าร้าง รอ้ ยละ 25.00 อันดบั ท่ี 3 แยกกนั อยู่ ร้อยละ 2.27 ที่พักของนกั เรียน อันดับท่ี 1 บ้านพักของตนเอง รอ้ ยละ 97.73 อนั ดบั ท่ี 2 หอพกั /บ้านเชา่ รอ้ ยละ 2.27 อนั ดับที่ 3 พกั บ้านญาตแิ ละอ่นื ๆ ร้อยละ 0 อาชพี ผูป้ กครอง อันดบั ที่ 1 เกษตรกรรม รอ้ ยละ 40.91 อันดบั ท่ี 2 รับราชการ รอ้ ยละ 29.55 อนั ดับท่ี 3 ค้าขาย รอ้ ยละ 13.64 อนั ดบั ที่ 4 ธรุ กิจสว่ นตวั ร้อยละ6.82 อันดบั ที่ 5 รับจา้ งทว่ั ไป รอ้ ยละ 9.08

4.2 ผลการวิเคราะห์ขอ้ มลู ด้านผลสัมฤทธ์ิทางการเรยี น ดังตารางท่ี 2 ตารางท่ี 2 แสดงผลการวิเคราะห์ข้อมูลดา้ นผลสมั ฤทธิ์ทางการเรียน (GPA) ภาคเรยี นท่ี 2 ปกี ารศกึ ษา 2562 ระดับผลการเรียนเฉลย่ี (GPA) ช้ัน/หอ้ ง ตำ่ กว่า1.00 1.00 – 1.99 2.00 – 2.99 3.00-4.00 จำนวน รอ้ ยละ จำนวน รอ้ ยละ จำนวน รอ้ ยละ จำนวน รอ้ ยละ (คน) (คน) (คน) (คน) 2/5 1 2.27 3 6.82 14 31.82 26 59.09 สรปุ 1 2.27 3 6.82 14 31.82 26 59.09 ตาราง แสดงจำนวนและรอ้ ยละนักเรียนตามการจำแนกผเู้ รียนตามกลุ่มความสามารถ ชั้น จำนวน กลุม่ พเิ ศษ กลุ่มออ่ น กลมุ่ ปกติ กลุม่ ปัญญาเลิศ จำนวน รอ้ ยละ จำนวน ร้อยละ จำนวน ร้อยละ จำนวน รอ้ ยละ 2/5 44 1 2.27 3 6.82 14 31.82 26 59.09 สรปุ 44 1 2.27 3 6.82 14 31.82 26 59.09 จากตารางท่ี 2 พบว่า ผลการเรยี นเฉล่ยี (GPA) ภาคเรยี นที่ 2 ปีการศึกษา 2562 อนั ดบั ท่ี 1 กลุม่ ปัญญาเลิศ ร้อยละ 59.09 อนั ดบั ท่ี 2 กลุ่มปกติ รอ้ ยละ 31.82 อันดับท่ี 3 กลมุ่ ออ่ น รอ้ ยละ 6.82 อันดบั ท่ี 4 กลุ่มพิเศษ รอ้ ยละ 2.27

การจำแนกผู้เรียนตามกลุ่ม 1. กลุ่มเกง่ (ปัญญาเลิศ) หมายถงึ นกั เรียนท่มี ีผลการเรียน ในระดับ มากกว่า 3.00 เปน็ ผู้ทมี่ รี า่ งกาย และจติ ใจทีส่ มบรู ณ์ ตามเกณฑ์ทก่ี ำหนด มีความร้พู ื้นฐานพรอ้ มในการพฒั นาในการเรียนรายวิชาน้ี อยา่ ง เตม็ ความสามารถ มจี ำนวนมีจำนวน 26 คนรอ้ ยละ 59.09 ลำดับ ชอ่ื - สกุล เกรดเฉลย่ี 1 เดก็ หญงิ กวสิ รา ภักดี 3.81 2 เด็กหญิงกญั ญาวรี ์ พิมพวงค์ 3.39 3 เด็กชายกิตติพงศ์ จำนงการ 3.20 4 เดก็ หญงิ เขมิกา ศรไี ชย 3.53 5 เดก็ หญงิ จริยาวดี สมคดิ 3.57 6 เด็กชายจิตตพิ ฒั น์ ผงึ่ ผาย 3.12 7 เดก็ หญงิ ณัฐชนันท์พร มัง่ มี 3.46 8 เด็กหญิงณฐั ธดิ า ธุระบญุ 3.85 9 เด็กหญงิ ธัญรตั น์ โคตรอาษา 3.48 10 เดก็ ชายนรากร แก้วบุดดา 3.20 11 เดก็ หญิงปริชญา โคตะการ 3.21 12 เด็กหญงิ ปาลติ า หล่าบรรเทา 3.42 13 เดก็ หญิงพชิ ญรินทร์ ลวดทอง 3.79 14 เด็กชายพีรพัฒน์ จารุไชย 3.01 15 เด็กหญงิ ศศปิ ระภา กำมันตะคณุ 3.53 16 เดก็ หญงิ สายใยรกั สิงห์สา 3.29 17 เด็กหญงิ สนิ ทิ รา ฐติ ธิ นทรัพย์ 3.10 18 เดก็ หญงิ สกุ ัญญา ปะสาวะโท 3.54 19 เดก็ หญงิ สภุ าพร มีดี 3.23 20 เด็กหญิงสุรธิดา การุณพนั ธ์ 3.48 21 เดก็ หญงิ อภิญญา ศรีสขุ 3.71 22 เด็กหญงิ อลิสา ปอ้ งขันธ์ 3.37 23 เด็กหญิงอารญาณยี ์ จันสวา่ ง 3.60 24 เดก็ หญงิ อารษิ า เครอื ดี 3.39 25 เดก็ หญงิ วิภาวี หอมจนั ทร์ 3.86 26 เด็กหญงิ สุณิสา อรบุตร 3.07

แนวทางการจัดกิจกรรมเรยี นเรยี นการสอน สำหรับนักเรียนกล่มุ เกง่ กลุม่ เกง่ : เปน็ กลุม่ ท่ีมีความพร้อมในการจดั กจิ กรรมการเรยี นการสอนเปน็ แกนทค่ี อยชว่ ยเสรมิ เพ่อื น ในการทำการทดลอง การทำใบงาน / ชน้ิ งาน / ผลงานโดยการกระจาย หลกี เลยี่ งการเกาะกลุ่มมากที่สดุ สามารถแกไ้ ขปัญหาที่เกิดข้ึนได้ เป็นตวั อย่างและสามารถแนะนำหรอื อธบิ ายเพอื่ น ๆ ได้ 2. กลุ่มพอใช้ (กลุ่มปกต)ิ หมายถึง นักเรยี นทม่ี ผี ลการเรียน ในระดับ 2.00 - 2.99 เปน็ ผู้ทม่ี รี า่ งกาย และจิตใจ ทีส่ มบูรณ์ ตามเกณฑ์ท่กี ำหนด มคี วามร้พู ้ืนฐานในระดบั หนง่ึ พรอ้ มในการพฒั นาในการเรยี นรายวิชานี้ มี จำนวน 14 คน รอ้ ยละ 31.82 ลำดบั ช่ือ- สกลุ เกรดเฉลี่ย 1 เดก็ ชายจกั รเพชร เดชเสน 2.73 2 เดก็ หญิงณชั ชา ง้าวอ่อน 2.54 3 เด็กชายณฏั ฐพล พงษเ์ ผา่ พงษ์ 2.55 4 เดก็ ชายณฐั ภมู ิ วงศ์พมิ พ์ 2.98 5 เดก็ ชายธีรก์ วิน บวั คำนลิ 2.66 6 เด็กหญงิ ปพชิ ญา ชว่ งโชติ 2.73 7 เดก็ ชายปวรุตม์ เดชเสน 2.79 8 เด็กชายรงั สิมันฒ์ ใจเดด็ 2.75 9 เดก็ หญิงลลติ า มารัตน์ 2.64 10 เดก็ หญิงวลติ า อ่อนชาติ 2.61 11 เด็กชายวรี พฒั น์ นลิ ะภา 2.62 12 เดก็ หญงิ ศศิธร ไชโยธา 2.79 13 เด็กชายหิรัญภพ วรวงษ์ 2.85 14 เด็กหญิงกรภัทร์ นารบี ตุ ร 2.48 แนวทางการจัดกจิ กรรมเรยี นเรยี นการสอน สำหรับนักเรียนพอใช้ เป็นกลมุ่ ทีม่ คี วามพรอ้ มในการจดั กิจกรรมการเรียนการสอนเปน็ บางเร่อื ง ในการทำการทดลองการทำใบงาน / ชิ้นงาน / ผลงาน ตอ้ งอาศัยคำอธิบายเพิม่ เตมิ เป็นบางครั้ง

3. กลุ่มเน้นการพัฒนา (กล่มุ อ่อน) หมายถงึ นกั เรียนทมี่ ผี ลการเรยี น ในระดบั 1.00 – 1.99 เปน็ ผ้ทู ี่มรี ่างกาย และจติ ใจไม่สมบูรณต์ ามเกณฑ์ทกี่ ำหนด มีสภาพครอบครวั ท่ไี มเ่ ออ้ื อำนวยในการเรียน มีความรู้พ้ืนฐานไมถ่ ึง เกณฑ์ท่ีกำหนด พร้อมในการพฒั นาในการเรยี นรายวิชานี้ มจี ำนวน 3 คน ร้อยละ 6.82 ลำดบั ช่ือ- สกุล เกรดเฉลีย่ 1 เด็กชายณฐั พงษ์ เชื้อทอง 1.75 2 เด็กชายเมธัส แสงนวล 1.75 3 เด็กหญิงศุภสตุ า บตุ ตะ 1.76 แนวทางการจดั กิจกรรมเรยี นเรียนการสอน สำหรับนักเรยี นกลุ่มเน้นการพฒั นา กลมุ่ ออ่ น : เปน็ กลุ่มท่ีมีความพรอ้ มในการจัดกิจกรรมการเรยี นการสอนคอ่ นขา้ งน้อย ในการทำการทดลอง การทำใบงาน / ชนิ้ งาน / ผลงานต้องอาศัยคำอธิบาย เพิ่มเตมิ โดยเฉพาะกระบวนการทต่ี ้องมีการ แกโ้ จทยป์ ญั หา ผลงานหรอื ช้นิ งานของตนเอง จะไม่คอ่ ยละเอยี ด มีจดุ บกพรอ่ ง 4. กลมุ่ พิเศษ หมายถงึ นกั เรยี น หมายถงึ นกั เรียนที่มีผลการเรยี น ในระดับต่ำกวา่ 1.00 เปน็ ผู้ทม่ี ี ร่างกาย และจิตใจไม่สมบูรณ์ตามเกณฑท์ ก่ี ำหนด มีสภาพครอบครวั ทไี่ ม่เอื้ออำนวยในการเรยี น มี ความรู้พ้นื ฐานไม่ถึงเกณฑท์ ีก่ ำหนด พรอ้ มในการพฒั นาในการเรียนรายวิชาน้ี มจี ำนวน 1 คน ร้อย ละ 0.28 ลำดบั ช่อื - สกลุ เกรดเฉลีย่ 1 เดก็ ชายพีรพัฒน์ จารไุ ชย 0.28 แนวทางการจดั กจิ กรรมเรียนเรยี นการสอน สำหรบั นักเรียนกลุม่ พเิ ศษ หวั ใจสำคัญ คือ การฟื้นฟใู หเ้ ด็กมีความมม่ันใจในการเรียนกลับคนื มาใหไ้ ด้ และการที่จะทำให้เขาคืนความ ม่ันใจกลบั มา มันไมใ่ ชแ่ ค่ “การพดู ใหก้ ำลังใจ” หรือ “การปลอบโยน” การพดู ใหก้ ำลังใจ ทำให้ผลการเรียนของ เขาดีขนึ้ อย่างมนี ัยสำคญั การแก้ปญั หา จะต้องเป็นกระบวนการทีเ่ ป็นรูปธรรม ท่มี ีเป้าหมายสำคญั คอื “การทำ ให้เขาสามารถคดิ ออก ตอบคำถาม และทำแบบฝึกหดั ใหไ้ ดด้ ้วยตัวของเขาเองอยา่ งคลอ่ งแคลว่ และทำใหเ้ ขามี ความม่ันใจกลบั ข้ึนมา ควรเรม่ิ ต้นด้วยการให้เขาทำแบบฝึกหัดทเ่ี ขาพอจะทำไดด้ ้วยตัวของเขาเอง แต่วา่ ทำได้ ชา้ ให้เขาทำได้เรว็ ขึน้ เรว็ ข้ึนอีก จบั เวลาให้เรว็ ขึน้

4.2 ผลการวเิ คราะหอ์ าชีพท่นี ักเรียนใฝ่ฝันอยากเปน็ ดังตาราง ตาราง แสดงผลการวิเคราะหอ์ าชีพท่ีนกั เรยี นใฝฝ่ นั อยากเปน็ มากที่สุดระดับชัน้ มัธยมศึกษาปที ่ี 2/5 ลำดบั ท่ี เปา้ หมายอาชพี จำนวน(คน) ร้อยละ 1 นกั ธุรกิจ หรอื เจ้าของกิจการ 6 13.64 2 วศิ วกร 1 2.27 3 หมอ 5 11.36 4 พยาบาล 2 4.55 5 อาชพี ที่ใชภ้ าษา 3 6.82 6 อาชพี ที่ใช้ศลิ ปะ 2 4.55 7 อาชพี ทีใ่ ช้คอมพวิ เตอรห์ รือเทคโนโลยี 2 4.55 8 ทหาร 3 6.82 9 นักกฬี า 2 4.55 10 นักวิทยาศาสตร์ 1 2.27 11 พนกั งานอิสระ 17 38.62 จากตาราง พบวา่ อนั ดับที่ 1 พนักงานอสิ ระ ร้อยละ 38.62 อันดบั ท่ี 2 นักธุรกิจหรอื เจ้าของกิจการ ร้อยละ 13.64 อันดับที่ 3 หมอ รอ้ ยละ 11.36 อันดับท่ี 4 อาชีพทใ่ี ชภ้ าษา และทหาร รอ้ ยละ 6.82 อนั ดับที่ 5 พยาบาล , อาชพี ที่ใช้ศลิ ปะ, อาชพี ที่ใชค้ อมพิวเตอร์หรอื เทคโนโลยี,นักกีฬา รอ้ ยละ 4.55 อนั ดบั ท่ี 6 วิศวกร ,นกั วทิ ยาศาสตร์ ร้อยละ 2.2

ตาราง แสดงการวเิ คราะห์ความต้องการให้ครูดูผลจากการจดั กระบวนการเรียนรู้นักเรยี นระดับชัน้ มัธยมศึกษาปที ี่ 2/5 อันดับท่ี การจดั การเรียนรู้ จำนวนนักเรียน(คน) รอ้ ยละ 1 ผลการจัดการเรียนรู้ทางด้านพทุ ธิพิสัย 10 22.73 2 (ดูจากคะแนนจากการสอบ) ผลการจัดการเรียนรู้ด้านทักษะพิสยั (ดูจาก 30 68.17 3 งาน ปฏบิ ตั ิดจู ากชน้ิ งาน ทฤษฎดี ูจากรายงาน หรืองานสว่ นอนื่ ทีม่ อบหมายให้นักเรียนทำ) 4 9.10 ผลการเรียนรู้ดา้ นจติ พสิ ยั (ดจู ากเจตคติท่ี เปลีย่ นแปลงทางดา้ นบวกของนักเรยี น) จากตารางท่ี 8 พบวา่ อันดับท่ี 1 ผลการจัดการเรยี นรู้ดา้ นทกั ษะพสิ ยั (ดูจากงาน ปฏิบัติดูจากชน้ิ งาน ทฤษฎี ดูจากรายงานหรืองานส่วนอื่นที่มอบหมายใหน้ กั เรยี นทำ) จำนวน 30 คน รอ้ ยละ 68.17 อนั ดบั ท่ี 2 ผลการ จดั การเรียนรูท้ างดา้ นพทุ ธิพสิ ยั (ดูจากคะแนนจากการสอบ) จำนวน 10 คน ร้อยละ 22.73 อนั ดีบที่ 3 ผล การเรียนร้ดู ้านจติ พิสัย (ดจู ากเจตคติที่เปลยี่ นแปลงทางดา้ นบวกของนกั เรยี น) จำนวน 4 คน รอ้ ยละ 9.10 ตาราง แสดงความรูส้ ึกชอบต่อวิชาในแต่ละกลุ่มสาระ ของนกั เรียนระดบั ชัน้ มัธยมศึกษาปีที่ 2/5 อันดบั ท่ี กจิ กรรม จำนวนนักเรียน ร้อยละ (คน) 1 ภาษาไทย 2 4.55 2 วทิ ยาศาสตร์ 8 18.18 3 คณติ ศาสตร์ 5 11.36 4 การงาน 0 5 สขุ ศึกษา 11 0 6 ศิลปะ 5 25.00 7 ภาษาองั กฤษ 9 11.36 8 สังคม 4 20.45 9.10

จากตาราง พบว่า วิชาที่ชอบมากที่สดุ อนั ดบั ที่ 1 สขุ ศึกษา รอ้ ยละ 25.00 อนั ดับที่ 2 ภาษาองั กฤษ รอ้ ยละ 20.45 อนั ดับที่ 3 วทิ ยาศาสตร์ ร้อยละ 18.18 อนั ดับท่ี 4 ศลิ ปะและคณิตศาสตร์ รอ้ ยละ 11.36 อนั ดับที่ 5 สงั คม ร้อยละ 9.10 อันดับที่ 6 ภาษาไทย รอ้ ยละ 4.55 อนั ดบั ที่ 7 การงาน ร้อยละ 0 ตาราง แสดงความร้สู ึกไมช่ อบต่อวิชาในแตล่ ะกล่มุ สาระ ของนักเรียนระดับชน้ั มธั ยมศึกษาปีท่ี 2/5 อนั ดบั ที่ กจิ กรรม จำนวนนกั เรียน รอ้ ยละ (คน) 1 ภาษาไทย 4 9.10 2 วทิ ยาศาสตร์ 0 0 3 คณิตศาสตร์ 20 45.45 4 การงาน 0 0 5 สุขศกึ ษา 1 2.27 6 ศิลปะ 0 0 7 ภาษาอังกฤษ 8 18.18 8 สงั คม 11 25.00 จากตาราง พบวา่ วิชาท่ีไม่ชอบมากที่สุด อนั ดบั ท่ี 1 คณิตศาสตร์ รอ้ ยละ 45.45 อันดับท่ี 2 สงั คม ร้อยละ 25.00 อันดบั ที่ 3 ภาษาอังกฤษ ร้อยละ 18.18 อนั ดบั ท่ี 4 ภาษาไทย รอ้ ยละ 9.10 อนั ดับท่ี 5 วิทยาศาสตร์ , การงาน , ศลิ ปะ รอ้ ยละ 0

4.3 ผลการวเิ คราะห์ข้อมูลด้านพฤตกิ รรมจากการทำแบบทดสอบออนไลน์ โปรแกรมวิเคราะห์นิสยั Habitscan ผ่านเวบ็ ไซต์ https://www.habitscode.com ช้ันมัธยมศกึ ษาปที ี่ 2/5 โรงเรียนอำนาจเจริญ ตารางท่ี 1 แสดงผลการวเิ คราะห์ข้อมลู ด้านพฤติกรรม เลขที่ ชือ่ -สกลุ โปรไฟลน์ ิสัยสีหลกั โปรไฟลน์ สิ ัยสีรอง โปรไฟล์นิสยั สีสดุ ทา้ ย 1. เด็กหญิงกวสิ รา ภกั ดี เหลอื ง ส้ม เขียว 2. เดก็ หญิงกญั ญาวีร์ พิมพวงค์ ม่วง เหลอื ง น้ำเงนิ 3. เดก็ ชายกติ ติพงศ์ จานงการ น้ำเงิน เขียว แดง 4. เดก็ หญิงเขมกิ า ศรไี ชย ม่วง แดง ส้ม 5. เด็กหญิงจริยาวดี สมคิด ม่วง เขียว นำ้ เงนิ 6. เดก็ ชายจกั รเพชร เดชเสน นำ้ เงิน เขยี ว แดง 7. เดก็ ชายจิตติพฒั น์ ผึง่ ผาย เหลือง นำ้ เงิน แดง 8. เดก็ หญิงณชั ชา งา้ วออ่ น เหลือง สม้ แดง 9. เดก็ ชายณัฏฐพล พงษ์เผา่ พงษ์ น้ำเงิน เหลือง แดง 10. เดก็ หญิงณฐั ชนนั ทพ์ ร ม่งั มี เขยี ว เหลอื ง ส้ม 11. เดก็ หญิงณฐั ธิดา ธุระบุญ แดง เหลือง สม้ 12. เด็กชายณฐั พงษ์ เชือ้ ทอง เขยี ว สม้ ม่วง 13. เด็กชายณัฐภูมิ วงศพ์ ิมพ์ เขยี ว เหลอื ง แดง 14. เด็กหญิงธญั รตั น์ โคตรอาษา เหลือง สม้ แดง 15. เดก็ ชายธีรก์ วนิ บวั คานิล เหลอื ง นำ้ เงนิ สม้ 16. เดก็ ชายนรากร แกว้ บุดดา นำ้ เงนิ เขยี ว แดง 17. เด็กหญิงปพชิ ญา ช่วงโชติ มว่ ง เขียว น้ำเงนิ 18. เดก็ หญิงปริชญา โคตะการ เหลือง เขยี ว ม่วง 19. เดก็ ชายปวรุตม์ เดชเสน ส้ม น้ำเงนิ เขียว 20. เด็กหญิงปาลติ า หลา่ บรรเทา มว่ ง เหลอื ง เขียว 21. เด็กหญิงพชิ ญรนิ ทร์ ลวดทอง เขยี ว เหลอื ง นำ้ เงนิ 22. เดก็ ชายพรี พฒั น์ จารุไชย แดง ม่วง เขยี ว 23. เดก็ ชายภมู ิพฒั น์ ไวยพนั ธ์ แดง เหลือง ส้ม 24. เด็กชายเมธสั แสงนวล เหลอื ง แดง น้ำเงิน 25. เด็กชายรงั สิมนั ฒ์ ใจเดด็ ส้ม เหลือง มว่ ง 26. เด็กหญิงลลติ า มารตั น์ เขยี ว แดง สม้ 27. เด็กหญิงวลติ า ออ่ นชาติ เหลือง สม้ นำ้ เงิน

เลขที่ ช่ือ-สกลุ โปรไฟล์นสิ ยั สีหลกั โปรไฟล์นิสยั สีรอง โปรไฟล์นิสัยสสี ุดทา้ ย 28. เดก็ ชายวีรพฒั น์ นลิ ะภา นำ้ เงิน เหลอื ง ม่วง 29. เดก็ หญิงศศธิ ร ไชโยธา เขยี ว แดง น้ำเงิน 30. เด็กหญิงศศิประภา กามนั ตะคณุ เหลือง สม้ เขียว 31. เดก็ หญิงศภุ สตุ า บุตตะ เขียว เหลอื ง แดง 32. เดก็ หญิงสายใยรกั สิงหส์ า ส้ม เหลอื ง แดง 33. เดก็ หญิงสินิทรา ฐิตธิ นทรพั ย์ ส้ม เขียว แดง 34. เด็กหญิงสกุ ญั ญา ปะสาวะโท ส้ม แดง น้ำเงิน 35. เดก็ หญิงสภุ าพร มีดี เหลือง ส้ม มว่ ง 36. เดก็ หญิงสรุ ธิดา การุณพนั ธ์ เขียว เหลือง แดง 37. เด็กชายหริ ญั ภพ วรวงษ์ เขยี ว ม่วง แดง 38. เด็กหญิงอภญิ ญา ศรสี ขุ แดง ม่วง เขยี ว 39. เดก็ หญิงอลสิ า ปอ้ งขนั ธ์ น้ำเงิน เหลอื ง เขียว 40. เดก็ หญิงอารญาณีย์ จนั สวา่ ง เหลอื ง น้ำเงิน เขียว 41. เด็กหญิงอารษิ า เครอื ดี น้ำเงนิ เขียว เหลือง 42. เด็กหญิงวภิ าวี หอมจนั ทร์ น้ำเงิน เขียว แดง 43. เด็กหญิงกรภทั ร์ นารบี ตุ ร เหลอื ง สม้ มว่ ง 44. เดก็ หญิงสณุ สิ า อรบุตร เหลอื ง เขยี ว แดง ตารางที่ 1 แสดงผลสรุปข้อมูลด้านพฤตกิ รรม อันดับท่ี สีทีบ่ ่งบอกพฤตกิ รรม จำนวนนักเรียน(คน) ร้อยละ 13 29.55 1 สีเหลอื ง 9 20.45 8 18.48 2 สีเขยี ว 5 11.36 5 11.36 3 สีนำ้ เงนิ 4 9.10 4 สีสม้ 5 สมี ว่ ง 6 สีแดง สรุป สที ่ีไดอ้ นั ดับท่ี 1 สีเหลือง รอ้ ยละ 29.55 อนั ดบั ที่ 2 สีเขียว ร้อยละ 20.45 อันดบั ท่ี 3 สนี ้ำเงนิ รอ้ ย ละ 18.48 อันดบั ท่ี 4 สสี ม้ ร้อยละ 11.36 อันดบั ท่ี 5 สีมว่ ง รอ้ ยละ 11.36 อนั ดับท่ี 6 สีแดง ร้อยละ 9.10

4.4 ผลการวเิ คราะห์ผูเ้ รียนตามแบบ SWOT Analysis ดงั นี้ O จดุ แข็ง โอกาส 1. ครมู เี ป้าหมายในการจัดการเรยี นร้เู พ่ือ 1. โรงเรียนมีเป้าหมายในการพฒั นา พฒั นาคุณภาพนักเรียนโดยเฉพาะอย่างยง่ิ คุณภาพของนักเรยี น จึงมีการ การยกระดับผลสมั ฤทธิ์ทางการเรยี นให้ สนับสนนุ ในทกุ ๆด้าน สูงขึน้ 2. นกั เรียนมีความสนใจในวชิ าสุขศึกษา SW อุปสรรค จุดออ่ น 1. จำนวนนักเรยี น 4 คน 1. ผลการเรียน 4 คน อย่ใู นระดบั 2. นกั เรียนมคี วามสนใจในดา้ น ปานกลาง ค่อนข้างตำ่ ทักษะพสิ ยั สูงแต่ทกั ษะการคิด 2. ผลการสอนนักเรียนไมไ่ ดร้ ับ อยู่ในระดับตำ่ การฝึกทกั ษะการคดิ T 4.5 ผลการวิเคราะห์ PMIA (Plus, Minus, Interesting point, Approach) ตาราง แสดงผลการวิเคราะห์ PMIA ของนักเรียนชั้นมธั ยมศึกษาปที ่ี 2 ห้อง 5 ช้นั /ห้อง จดุ เดน่ จดุ ดอ้ ย จดุ ควรพัฒนา แนวทางพฒั นา 2/5 (Plus) (Approach) (Minus) (Interesting - นักเรยี นมคี วาม - สรา้ งชดุ กิจกรรม สนใจ ตั้งใจเรยี น point) การเรียนรู้เพอื่ ในวิชาสขุ ศึกษา ส่งเสรมิ - นกั เรยี นขาดการ - พฒั นา ความสามารถ ทางการคดิ การคิด กระบวนการคิด - ผลสมั ฤทธ์ขิ อง และผลสัมฤทธิ์ นกั เรียนอยู่ใน ของนกั เรียน ระดบั ปานกลาง คอ่ นข้างตำ่ จากตารางที่ 6 พบวา่ จุดเด่น คอื นกั เรียนมีความสนใจ ตง้ั ใจเรียนในวิชาสุขศกึ ษา จดุ ด้อย คือ นักเรียนขาด การคดิ และ ผลสมั ฤทธิ์ของนักเรยี นอยใู่ นระดบั ปานกลางคอ่ นข้างต่ำ จุดที่ควรพัฒนา คือ พัฒนากระบวนการ คดิ และผลสัมฤทธ์ิของนักเรียน แนวทางพฒั นา คอื สรา้ งชุดกิจกรรมการเรียนร้เู พ่ือส่งเสริมความสามารถ ทางการคิด

ผลการวิเคราะหพ์ ฤติกรรมจากการทำแบบทดสอบออนไลน์ บุคลกิ ภาพของนักเรยี นที่ไดส้ ีเหลอื ง ร้อยละ 29.55 คุณเป็น ผเู้ สียสละ | RELATOR สีเหลือง HBS คุณเปน็ นกั สรา้ งสมั พันธแ์ ตง่ กายชวนมองหา มสี ีสัน คุณเป็นมิตร รา่ เรงิ เข้ากับคนง่าย มีความเปน็ กันเอง มี นำ้ ใจ ช่วยเหลอื ผอู้ ื่น ชอบสร้างสีสันความสนกุ สนาน เข้ากิจกรรมทางสงั คม ยืดหยุน่ เข้าใจความรสู้ ึกของผ้อู ่นื รักสนกุ เบอ่ื งา่ ย คณุ อยากเป็นคนสำคัญ คนสนิท อยูค่ นเดยี วในโลกไมไ่ ด้ ไม่ชอบการทคี่ นอ่ืนไม่รบั ฟงั รวมถงึ การผดิ ใจ และการตัดความสมั พนั ธ์ บคุ ลิกภาพของนักเรียนทไ่ี ด้สีเขียว รอ้ ยละ 20.45 บุคลิกภาพของคุณ คณุ เป็น ผจู้ ริงใจรักสงบ | SINCERE สีเขียว คุณเปน็ นักสนับสนนุ เงียบ สำรวม เขา้ ใจยาก เย็นชา หนา้ ตากังวลสงสยั จงรักภักดี ชวี ิตเรยี บงา่ ย ระมัดระวงั สงบเสง่ยี ม ไมช่ อบการเปล่ียนแปลง คนมคี วามสามารถด้านการปฏิบัตงิ าน รับผดิ ชอบหนา้ ท่ี เปน็ ผู้ตามทด่ี ี เน้นลงมือทำท่จี บั ตอ้ งไดจ้ ริงมากกวา่ พูดชอบอยเู่ บื้องหลัง ทำตามขัน้ ตอนไดจ้ ัดเกบ็ สง่ิ ของและสะสมข้อมูล บุคลกิ ภาพของนกั เรียนทไี่ ด้สนี ำ้ เงนิ รอ้ ยละ 18.48 บคุ ลิกภาพของคุณ คณุ เปน็ ผมู้ แี บบแผน | TRADITION สนี ำ้ เงนิ คณุ เป็นนักจดั การ ชอบสงั เกต มีแบบแผน ขยัน ระมัดระวงั หนกั แนน่ ชัดเจน มีตรรกะเหตผุ ล ทุ่มเท อุทิศตน วางตวั และควบคมุ ตนเองได้ดี มรี ะบบในชวี ิต ไม่ชอบความผดิ พลาด เป็นคนรอบคอบสมำ่ เสมอ มีข้ันตอน จดจำตัวเลขและรายละเอียดไดด้ ี จดั ระบบข้อมูลและสรุปผล วางแผนวจิ ารณ์ประเมิน มคี วามนา่ เช่ือถือ บคุ ลิกภาพของนกั เรียนที่ได้สสี ม้ ร้อยละ 11.36 บุคลกิ ภาพของคุณ คณุ เปน็ ผู้รักสนุ ทรีย์ | AESTHETE สีส้ม คณุ เปน็ นกั แสดง มีบุคลกิ ภาพดี การแตง่ กายดี ภาพลกั ษณน์ ่าตาตอ้ งเดน่ ชัด มีเสนห่ ์ โดดเด่นในเรอ่ื งการแสดง คุณชอบเขา้ สงั คมในงานทีต่ อ้ งพบเจอคนมาก ๆ ชอบการมีชีวิตแบบอิสระ ไมม่ ีการผูกมัด ชอบงานท่ีใช้ ความคดิ สรา้ งสรรค์ มีไอเดยี บรรเจิด อยากสร้างผลงานให้เปน็ ทีย่ อมรบั ไม่ชอบการถูกปฏิเสธ

บคุ ลิกภาพของนักเรียนท่ไี ดส้ ีม่วง ร้อยละ 11.36 คณุ เป็น ผ้ทู รงปญั ญา | EDUCATOR สีมว่ ง คุณเป็นนักการศึกษา ทรงภูมิรู้ ไมเ่ หมือนใคร เปน็ ตัวของตัวเอง คณุ ยงั เก่งในการคดิ เปน็ คนช่างสงสัย มักมี ความใฝ่รู้ รู้ลกึ ร้รู อบ จะรู้สึกปลอดภัยเมอ่ื มคี วามรทู้ ่ีเพียงพอ คณุ คน้ หาความรเู้ ป็นงานอดเิ รก ในตัวของคุณมี ความเป็นเหตุเปน็ ผล เปน็ คนทมี่ องการณ์ไกล รกั การพฒั นาตนเองมากๆ แตถ่ ้ามองจากภายนอกคณุ จะเปน็ คน ท่ีเงยี บ สำรวม เกบ็ ตัว ไม่คอ่ ยสงุ สงิ กบั ผู้คน และไมต่ ้องการให้ใครมากา้ วก่ายในชีวติ ในใจมกั มีคำถามอยู่ ตลอดเวลา ไม่เชื่ออะไรง่ายๆ แตต่ อ้ งมขี ้อเทจ็ จริง ทีย่ ืนยันมาพสิ ูจนก์ ันไดเ้ ทา่ น้ัน มกี ารรักษามาตรฐานและ คุณภาพให้เปน็ ไปตามระบบ หากใครจะมาชักจูง โนม้ น้าว ใหเ้ ชื่อถอื คล้อยตามต้องมีขอ้ มูลพสิ ูจนไ์ ด้จรงิ ๆถงึ ยอมฟัง มักสนใจทฤษฎมี ากกว่าการลงมอื ทำ มกั คิดเชงิ ระบบ อีกท้งั เป็นนักสะสม และคุณไม่ชอบการปิดก้ัน ความรู้ จะต้องรเู้ ร่ืองทส่ี นใจให้ถงึ ที่สุด บุคลกิ ภาพของนกั เรยี นทีไ่ ดส้ ีแดง ร้อยละ 9.10 บคุ ลิกภาพของคุณ คณุ เป็น ผกู้ ลา้ หาญ | COMMANDER สแี ดง คุณเป็นนกั บัญชาการ เป็นคนฉลาดเฉลยี ว หวั ไว มุ่งเปน็ หนง่ึ พดู เก่ง ฉลาด ชัดเจน จรงิ จงั ท่มุ เท ยุตธิ รรม รกั ความกา้ วหน้าและมเี หตุผล อยากรู้อยากลอง มคี วามมทุ ะลุ ไม่ชอบอยูน่ ิ่ง หนุ หันพลันแลน่ ชอบเส่ียงท้าทาย มกั ใช้ชีวติ คดิ เอง อสิ ระ โดดเดน่ ในการเป็นผนู้ ำ มีความกลา้ หาญสามารถปกปอ้ งผู้อนื่ ได้ มคี วามคิดสรา้ งสรรค์ รักสนุกร่าเริง ชอบแข่งขัน เปน็ คนตรงไปตรงมา กล้าตัดสนิ ใจ แก้ไขปญั หาเฉพาะหน้าไดเ้ ป็นอย่างดี มักริเรม่ิ แต่ ไมต่ ดิ ตามผล ชอบแสดงพลงั อำนาจ เบื่อพธิ ีรตี รอง กล้าถกเถียง มคี วามบา้ งาน และผลกั ดันตวั เอง และคณุ มี ความคดิ สร้างสรรค์ ชอบในไอเดยี ใหมๆ่ ไมช่ อบการถูกควบคมุ แทรกแซงสทิ ธิตำแหนง่ ไมไ่ ดร้ ับความเคารพ ยินยอม

บทที่ 5 5.1 สรปุ ผลการวิจยั การวจิ ัยเร่อื งการวเิ คราะห์ผเู้ รียนรายบคุ คล ดว้ ยแบบทดสอบออนไลน์ (Habitscan) สรปุ ผลการวจิ ัย ได้ดังน้ี 1. สถานภาพของครอบครวั นกั เรยี นนักเรียนส่วนใหญ่ อย่รู ่วมกนั ร้อยละ 72.73 2. ลักษณะทพี่ กั ของนักเรยี นส่วนใหญ่ พกั บ้านตนเอง ร้อยละ 97.73 3. ฐานะของครอบครวั ของนกั เรียนส่วนใหญ่ ปานกลาง รอ้ ยละ 88.64 4. วชิ าที่นักเรยี นส่วนใหญช่ อบคอื สุขศึกษา รอ้ ยละ 25.00 5. วชิ าที่นกั เรียนสว่ นใหญค่ วรพฒั นาคือ คณิตศาสตร์ ร้อยละ 45.45 6. ผลสมั ฤทธท์ิ างการเรียน (GPA) เฉลย่ี ระหว่าง 3.00-4.00 ร้อยละ 59.09 เฉลยี่ ระหว่าง 2.00-2.99 ร้อยละ 31.82 เฉลี่ย ระหว่าง 1.00-1.99 รอ้ ยละ 6.82 7. นกั เรยี นสว่ นใหญ่ตอ้ งการใหค้ รูดผู ลการเรยี นร้จู ากการจัดกระบวนการ ทกั ษะพสิ ยั ร้อยละ 68.17 8. นกั เรยี นสว่ นใหญ่มเี ป้าหมายอาชพี คือ พนกั งานอิสระ รอ้ ยละ 38.62 9. นกั เรยี นสว่ นใหญ่ประเมนิ พฤติกรรมตนเองไดส้ ีเหลอื ง ร้อยละ 29.55 5.2 การอภิปรายผลการวจิ ัย จากการวิจัยเรื่องการวิเคราะห์ผู้เรียนรายบุคคล ด้วยแบบทดสอบออนไลน์ (Habitscan) สำหรับ นกั เรยี นชัน้ มธั ยมศึกษาปีท่ี 2/5 โดยทดลองกับชน้ั มธั ยมศกึ ษาปีที่ 2/5 โรงเรียนอำนาจเจริญ สังกัดสำนักงาน เขตพน้ื ที่การศกึ ษามธั ยมศกึ ษาเขต 29 มขี ้อค้นพบทสี่ ามารถอภปิ รายไดด้ งั นี้ จากผลการเก็บรวบรวมขอ้ มลู และวิเคราะห์ขอ้ มูลในทุกด้านของนักเรียน พบว่า นกั เรยี นแตล่ ะคนมี ผลสัมฤทธิท์ างการเรียนที่แตกตา่ งกัน ซ่ึงเกดิ จากระดับของความสามารถในการเรียนร้ทู ่ีแตกต่างกัน ดงั น้ี

1. นกั เรยี นในกลุม่ เกง่ รอ้ ยละ 59.09 เปน็ นกั เรยี นท่มี ีทักษะความสามารถในเรียนรดู้ า้ นความจำ ความเขา้ ใจ การคิดวิเคราะห์ คำนวณ และการประยกุ ตง์ าน ได้เรว็ กวา่ กลุ่มอน่ื ๆ ซ่ึงท่ีมีความพร้อมในการ จดั กิจกรรมการเรียนการสอนเปน็ แกนตวั อยา่ งทค่ี อยช่วยเสริมเพ่อื นในการทำการทดลอง การทำใบงาน / ชิ้นงาน / ผลงาน สามารถแกไ้ ขปัญหาท่ีเกิดขึน้ ได้ และสามารถแนะนำหรืออธบิ ายเพื่อน ๆ ได้ 2.นกั เรยี นในกล่มุ ปานกลาง ร้อยละ 31.82 เป็นนกั เรยี นทมี่ ีทักษะความสามารถในเรยี นรู้ ด้าน ความจำ ความเขา้ ใจ การคิดวิเคราะห์ คำนวณ ในระดบั ปานกลาง มีความพรอ้ มในการจัดกิจกรรมการ เรียนการสอนเป็นบางเรือ่ งในการทำการทดลองการทำใบงาน / ช้นิ งาน / ผลงาน ซงึ่ ตอ้ งอาศยั คำอธิบาย แนะนำเพมิ่ เติมจากครเู ป็นบางคร้ัง 3.นกั เรยี นกลุ่มออ่ น ร้อยละ 6.82 เป็นนักเรียนท่ีมีความพรอ้ มในการเรยี นการสอนคอ่ นข้างน้อย เนือ่ งจากมีระดบั ความสามารถทกั ษะในการทำความเข้าใจในเนอื้ หา การคิดวิเคราะห์ การคำนวณ ได้ชา้ มาก สง่ ผลให้การทดลองทำใบงาน / ชน้ิ งาน / ผลงานตอ้ งอาศยั คำอธบิ ายเพ่มิ เติม โดยเฉพาะกระบวนการทตี่ ้องมี การแก้โจทย์ปัญหาต่าง ๆ จะมจี ดุ บกพรอ่ งมาก 4.นกั เรียนกลมุ่ พเิ ศษ ร้อยละ 2.27 เป็นนกั เรียนท่มี ีปัญหาด้านการเรียนเป็นผ้ทู ่มี รี า่ งกาย และจติ ใจ ไม่สมบรู ณ์ตามเกณฑท์ กี่ ำหนด มีสภาพครอบครัวทไ่ี ม่เอ้ืออำนวยในการเรียน มคี วามรพู้ นื้ ฐานไม่ถึงเกณฑท์ ี่ กำหนด ไม่พร้อมในการพัฒนาในการเรียนรายวชิ าต่างๆ นักเรยี นในกลุ่มทั้ง 4 กล่มุ นคี้ วรไดร้ บั การศกึ ษารายกรณี เพือ่ การพฒั นาและแก้ไขปญั หาทางการ ด้านการเรียน หรอื แกไ้ ขด้านพฤตกิ รรมการเรยี นร้ดู า้ นตา่ ง ๆ หรอื การจัดการเรียนรูร้ ายบคุ คลใหเ้ หมาะสม เพือ่ ให้บรรลุจุดหมายในหลกั สูตร 5.3 ข้อเสนอแนะงานวิจัย 1. ครคู วรมกี ารวางแผนในการเก็บรวบรวมขอ้ มลู ก่อนการจัดกิจกรรมการเรียนร้ใู หไ้ ด้ขอ้ มูลสำคัญในการ วางแผน ควรหาโอกาสได้พบปะ พูดคยุ กบั นกั เรยี น จะได้ขอ้ มลู ทีม่ ีรายละเอียดรายบคุ คลมากขึ้น 2. จดั ทำ เครือ่ งมอื เกบ็ รวบรวมข้อมลู ไว้ก่อนลว่ งหน้า และเก็บรวบรวมข้อมลู ในสัปดาห์แรก ช่ัวโมงแรก ก่อนการจดั กิจกรรมการเรียนรใู้ ห้ครบทุกคน เพ่อื การจดั กลุ่มไดค้ รบถ้วนตามหลกั การวิเคราะห์ผู้เรียน 3. ครูควรสอบถามวธิ ีการเรยี นรู้ที่นกั เรยี นตอ้ งการเรียนเพอื่ ใช้ในการออกแบบการจัดกิจกรรมการเรียนร้ใู ห้ ตามความต้องการของนกั เรียน

เอกสารอ้างอิง ช่ือผ้วู จิ ัย นายพงศศ์ ริ ิ อ่อนคำ การวจิ ัยเรือ่ ง การพัฒนาชดุ การสอนแบบศนู ยก์ ารเรยี นเรอ่ื งภาพ พิมพ์แกะไมส้ ีน้ำ สำหรบั นกั เรยี นชนั้ ประถมศึกษาปีที่ 5 สาขาวิชาทัศนศลิ ปศึกษา มหาวิทยาลัย ศิลปากร ปกี ารศึกษา 2555


Like this book? You can publish your book online for free in a few minutes!
Create your own flipbook