Important Announcement
PubHTML5 Scheduled Server Maintenance on (GMT) Sunday, June 26th, 2:00 am - 8:00 am.
PubHTML5 site will be inoperative during the times indicated!

Home Explore 3. แนวทางการปฏิบัติสำหรับบุคลากรทางการแพทย์และสาธารณสุข ที่สัมผัส

3. แนวทางการปฏิบัติสำหรับบุคลากรทางการแพทย์และสาธารณสุข ที่สัมผัส

Published by Airborne Isolation room 3/2, 2022-05-24 02:36:23

Description: แนวทางการปฏิบัติสำหรับบุคลากรทางการแพทย์และสาธารณสุข
ที่สัมผัสที่สัมผัสผู้ป่วยยืนยัน COVID-19
ฉบับปรับปรุง วันที่ 5 มีนาคม พ.ศ. 2565

Search

Read the Text Version

หนา้ ที่ 1 แนวทางการปฏิบัติสำหรบั บคุ ลากรทางการแพทยแ์ ละสาธารณสขุ ที่สัมผัสผู้ป่วยยืนยัน COVID-19 ฉบบั ปรับปรงุ วันท่ี 5 มีนาคม พ.ศ. 2565 ด้วยสถานการณก์ ารระบาดของ COVID-19 พบว่ามบี คุ ลากรทางการแพทยแ์ ละสาธารณสขุ สมั ผสั โรค และจำนวนหนึง่ เกิดการติดเชื้อหลงั การสมั ผสั โรค ส่งผลใหม้ กี ารกักตวั บุคลากรทางการแพทย์และสาธารณสุขท่ี ตดิ เช้ือหรอื มปี ระวตั ิสัมผัสความเสย่ี งสงู ทำให้ขาดแคลนบคุ ลากรทางการแพทยแ์ ละสาธารณสุขด่านหน้า จึงมี ความจำเปน็ ทจ่ี ะต้องมแี นวทางปฏบิ ัติ เพื่อให้บคุ ลากรทางการแพทยแ์ ละสาธารณสขุ มีความปลอดภยั และ ส่งผลกระทบตอ่ หน่วยงานนอ้ ยท่ีสดุ ปัจจุบนั บุคลากรทางการแพทย์และสาธารณสขุ ส่วนใหญไ่ ด้รับวคั ซนี แลว้ โดยบางสว่ นได้รับครบถว้ น สว่ นท่เี หลือจะทยอยรบั วคั ซีนตามกำหนดระยะเวลาไปตามลำดบั การทบ่ี คุ ลากรทางการแพทยแ์ ละสาธารณสุข ไดร้ บั วัคซีนอยา่ งท่วั ถึง เปน็ ประโยชน์ในการลดความจำเปน็ ในการกักตัวบุคลากรทางการแพทยแ์ ละ สาธารณสุขเปน็ อย่างมาก อย่างไรก็ตามวัคซีนที่ไดร้ บั มิไดป้ อ้ งกันการตดิ เช้อื แต่ลดความรนุ แรงของโรคทจ่ี ะ เกดิ จากการติดเชือ้ ไวรสั สรปุ ประเดน็ ทป่ี รบั ในแนวทางการปฏบิ ัตสิ ำหรับบุคลากรทางการแพทยแ์ ละสาธารณสุขทส่ี มั ผสั ผปู้ ่วยยืนยัน COVID-19 ฉบบั ปรับปรุง วนั ท่ี 5 มนี าคม พ.ศ. 2565 คอื 1) คำนยิ ามของบคุ ลากรทางการแพทยแ์ ละสาธารณสุขท่ไี ดร้ ับวคั ซีน 2) แนวทางปฏิบัติกรณีบุคลากรทางการแพทย์และสาธารณสุขในกรณีเป็นผู้สัมผัสเสี่ยงสูง และกรณเี ป็นผู้สัมผัสเสีย่ งต่ำ คำนิยามเฉพาะกรณบี ุคลากรทางการแพทยแ์ ละสาธารณสขุ ผ้สู มั ผัส หมายถงึ ผทู้ ี่มีกจิ กรรมรว่ มกบั ผปู้ ่วยยืนยนั หรอื ผ้ปู ่วยเขา้ ข่าย แบง่ ออกเปน็ 2 กลมุ่ คือ 1. ผู้สมั ผสั มีประวัติสมั ผัสผู้ป่วยนอกเหนือจากการปฏิบตั หิ น้าที่ เชน่ การสมั ผสั ในชมุ ชน หรอื บคุ คลใน บ้านในช่วง 10 วัน ก่อนเรมิ่ ปว่ ย 2. ผ้สู มั ผสั ทอ่ี าจรบั เชื้อจากผู้ป่วย ไดแ้ ก่ ผทู้ ่ีสมั ผสั ผูป้ ่วยนบั ต้ังแต่ก่อนมอี าการประมาณ 2-3 วัน จนถึง ตลอดช่วงระยะเวลาแยกโรคของผ้ปู ่วยรายนัน้ ผู้สัมผสั ใกลช้ ดิ ไดแ้ ก่ 2.1 ผทู้ อ่ี ยู่ใกล้หรอื มกี ารพดู คุยกบั ผู้ปว่ ย เป็นเวลานานกวา่ 5 นาที หรอื ถูกไอจามรดจากผู้ป่วย 2.2 ผทู้ ีอ่ ยใู่ นบริเวณท่ปี ิด การถ่ายเทอากาศไมด่ ี (poor ventilation) รว่ มกบั ผปู้ ่วย เปน็ เวลา นานกวา่ 30 นาที เชน่ ในรถปรับอากาศ รถตู้ หรอื หอ้ งปรบั อากาศ แนวทางการปฏิบัติสำหรบั บคุ ลากรทางการแพทยแ์ ละสาธารณสุขที่สมั ผัสผ้ปู ่วยยืนยัน COVID-19 ฉบบั ปรับปรุง วันที่ 5 มนี าคม พ.ศ. 2565

หน้าที่ 2 การประเมนิ ความเสย่ี งของผู้สมั ผัสใกล้ชดิ ผูส้ มั ผัสความเสีย่ งสงู หมายถึง ผู้ท่มี ีโอกาสในการรบั เชือ้ จากผปู้ ว่ ยผา่ นทางการสมั ผัสสารคัดหล่งั ของระบบ ทางเดนิ หายใจของผู้ป่วย ตามนิยามข้อ 2.1 โดยไม่ไดส้ วมอปุ กรณ์ปอ้ งกนั ตนเอง (personal protective equipment: PPE) ที่เหมาะสม คือ ตามแนวทางการใช้อุปกรณ์ป้องกนั การตดิ เชื้อสว่ นบุคคล กรมการแพทย์ ร่วมกบั คณะทำงานดา้ นการรกั ษาพยาบาล กระทรวงสาธารณสุข คณะแพทย์จากมหาวทิ ยาลัยและสมาคม วชิ าชพี ตา่ ง ๆ (ฉบับที่ 20 เมษายน 2563) หรือตามนยิ ามขอ้ 2.2 ผูส้ ัมผสั ความเส่ยี งตำ่ หมายถึง ผสู้ มั ผัสที่มโี อกาสตำ่ ในการรบั หรอื แพรเ่ ชื้อกับผ้ปู ่วย ไดแ้ ก่ ผู้สัมผัสใกล้ชิดทีไ่ ม่ เขา้ เกณฑผ์ ู้สัมผสั ใกลช้ ดิ เสย่ี งสูง หมายเหตุ: แต่ละสถานพยาบาลสามารถปรบั นิยามให้เหมาะสมกับบริบทของตนเองโดยอาศยั หลักการ ดงั กลา่ วขา้ งต้น บคุ ลากรทางการแพทย์และสาธารณสุขที่ไมไ่ ด้สัมผัสโรค ไดแ้ ก่ 1. บคุ ลากรทางการแพทยแ์ ละสาธารณสุขทีป่ ฏิบตั งิ านกบั ผู้ป่วยโดยสวมชดุ อุปกรณ์ป้องกนั การตดิ เช้ือ สว่ นบคุ คลอยา่ งถูกต้อง ไม่ถือเปน็ ผสู้ มั ผสั โรค ไม่ว่าจะเปน็ การปฏิบัตงิ านในสถานพยาบาลต้นสังกดั ของตนเองหรือไปเปน็ หน่วยสนบั สนุนสถานพยาบาลอน่ื ในพน้ื ทีก่ ารระบาดท่รี อ้ งขอ 2. บุคลากรทางการแพทย์และสาธารณสุขท่ไี มไ่ ด้ทำงานใกล้ชดิ กับผปู้ ่วย หรืออยู่ห่างจากผู้ปว่ ยเปน็ ระยะทางเกินกวา่ 1 เมตร ในสถานทที่ ม่ี ีการระบายอากาศดี 3. บคุ ลากรทางการแพทยแ์ ละสาธารณสุขทไ่ี มม่ ปี ระวัตสิ มั ผัสโรคจากชุมชน คำนิยามของบุคลากรทางการแพทย์และสาธารณสขุ ที่ได้รบั วคั ซีน กลมุ่ บคุ ลากรทางการแพทย์และสาธารณสุขทีไ่ ดร้ บั วคั ซนี แลว้ มภี มู คิ ้มุ กนั ระดับหนง่ึ คือ 1. ผู้ทไี่ ดร้ ับวคั ซนี เขม็ กระตนุ้ (Booster) มาแลว้ ต้งั แต่ 2 สปั ดาห์ ขึ้นไป วัคซนี เขม็ กระตุน้ คือวัคซนี ทไ่ี ด้ หลงั จากทบ่ี คุ คลนั้นไดร้ ับวคั ซีนชดุ แรก (primary vaccine series) ครบถ้วนแลว้ และวัคซนี เขม็ กระตุน้ คือ Oxford/AstraZeneca ChAdOx1-S หรือ mRNA (Pfizer หรือ Moderna) อย่างใดอยา่ งหนงึ่ อยา่ งน้อย 1 เขม็ (ทง้ั นี้ ยกเว้นการฉดี Oxford/AstraZeneca ChAdOx1-S เข็มที่ 3 ในผ้ทู ีไ่ ด้วัคซีนนมี้ ากอ่ น 2 เขม็ ไม่ถือว่าเข็มที่ 3 เป็นการฉดี กระตุ้น) Primary vaccine series ได้แก่ a) วัคซีน Sinovac, Sinopharm, Oxford/AstraZeneca ChAdOx1-S หรือ mRNA (Pfizer หรือ Moderna) อย่างใดอย่างหนง่ึ จำนวน 2 เข็ม b) วคั ซีนสตู รไขว้ ได้แก่ Sinovac, Sinopharm, Oxford/AstraZeneca ChAdOx1-S หรือ mRNA เปน็ เข็มแรก และเข็มที่สองคือ Oxford/AstraZeneca ChAdOx1-S หรือ mRNA อย่างใดอย่างหนงึ่ 2. ผู้ทเี่ คยติดเช้อื แล้ว หลังการตดิ เชื้อไดร้ ับวัคซีนครบตามแนวทางของกรมควบคมุ โรค กระทรวง สาธารณสุข เกณฑท์ ่ีกำหนดน้ีใชเ้ ฉพาะกรณสี ำหรบั การประเมนิ ความเสี่ยงและความจำเปน็ ในการกักตัวบุคลากรทาง การแพทย์และสาธารณสุขเท่านน้ั แนวทางการปฏิบัตสิ ำหรบั บุคลากรทางการแพทยแ์ ละสาธารณสุขท่ีสัมผัสผปู้ ว่ ยยืนยัน COVID-19 ฉบับปรับปรุง วนั ท่ี 5 มนี าคม พ.ศ. 2565

หนา้ ท่ี 3 กลุม่ บคุ ลากรทางการแพทย์และสาธารณสขุ ทไี่ ด้รบั วคั ซนี บางส่วน คือ บุคลากรทางการแพทย์และ สาธารณสขุ อ่นื ๆ ทีไ่ มเ่ ข้าเกณฑต์ าม 1a/1b/2 กลุ่มบุคลากรทางการแพทยแ์ ละสาธารณสุขที่ไมไ่ ดร้ ับวัคซีน คอื บคุ ลากรทางการแพทย์และสาธารณสขุ อ่นื ๆ ทีไ่ ม่เคยไดร้ ับวัคซีน COVID-19 แนวทางการปฏบิ ัตทิ ั่วไปเพ่อื ป้องกนั การแพร่ระบาดของโรคในสถานพยาบาล 1. ต้องจดั ให้มีกระบวนการคดั กรองผ้มู ารบั บริการ ณ จดุ ทางเข้าสถานพยาบาล โดยการซกั ถามประวตั ิ สมั ผัสโรค และอาการของผมู้ ารับบริการรวมทั้งผู้ตดิ ตามทกุ คน โดยอาจใชแ้ บบสอบถามท่จี ัดทำข้ึนใหใ้ ช้ งานไดง้ ่าย เหมาะสมกับบรบิ ทของสถานพยาบาลนั้น ๆ 2. จดั ใหจ้ ดุ บริการทกุ จดุ ในสถานพยาบาลมกี ารระบายอากาศทดี่ ี 3. พิจารณาลดหรือหา้ มญาตเิ ขา้ เยย่ี มผู้ป่วยในโรงพยาบาล ตามสถานการณก์ ารระบาดของโรค 4. กำหนดให้บคุ ลากรทางการแพทย์และสาธารณสขุ ทกุ คน ผู้มารบั บริการและผ้ตู ดิ ตามทกุ คน สวม หน้ากากอนามยั ตลอดเวลาที่อยใู่ นสถานพยาบาล และล้างมือบอ่ ย ๆ โดยเฉพาะก่อนรบั ประทานอาหาร หลังออกจากหอ้ งนำ้ รวมท้งั ในกิจกรรมการดแู ลผู้ปว่ ยตามหลักการ 5-moment ที่องคก์ ารอนามยั โลก แนะนำ 5. ขอใหส้ ถานพยาบาลกำหนดเปน็ นโยบายให้บคุ ลากรทกุ คนถอื ปฏบิ ัตโิ ดยเคร่งครดั ในเรือ่ งดงั ต่อไปนี้ 5.1 การงดเวน้ การรับประทานอาหารร่วมกันเป็นกลุ่ม 5.2 การงดกจิ กรรมอนื่ ใดทุกรปู แบบทีอ่ าจจะต้องมีการถอดหน้ากากในขณะอยรู่ ่วมกนั ข้อปฏบิ ตั นิ ี้ ให้ครอบคลุมถงึ สมาชิกในครอบครัวของบคุ ลากรดว้ ย 6. ในกรณีที่ต้องปฏิบตั กิ ารตรวจการรักษาพยาบาล เป็นเวลานานกว่า 15 นาที ขึน้ ไป อาจจะพจิ ารณาใช้ หน้ากากชนิด N-95 หรอื สวมหนา้ กาก 2 ชน้ั คือ สวมหนา้ กากผ้าทับบนหนา้ กากอนามัยใหห้ นา้ กาก อนามยั กระชบั ใบหนา้ ให้แนน่ ข้นึ ได้ หรอื ใช้ตัวลอ็ คสายคลอ้ งหน้ากาก (toggle) หรือผูกเป็นปม (knot) หรือใช้เทปปิดรอบหน้ากากทกุ ด้านแล้วแตค่ วามถนดั ของแต่ละคน 7. การทำหตั ถการประเภททท่ี ำใหเ้ กิดฝอยละอองขนาดเล็ก (aerosol-generating procedures) บคุ ลากร ทางการแพทยแ์ ละสาธารณสขุ ตอ้ งสวมหน้ากากชนดิ N-95 เป็นอยา่ งนอ้ ย และพจิ ารณาสวม Face shield 8. กำหนดใหผ้ ปู้ ว่ ยในทุกคนสวมหน้ากากอนามัยตลอดเวลา ยกเวน้ ผ้ปู ่วยท่ีใสท่ อ่ หลอดลมคอชว่ ยหายใจ และขณะรับประทานอาหาร ดืม่ นำ้ และแปรงฟัน 9. การเฝ้าระวงั ในบคุ ลากรทางการแพทยแ์ ละสาธารณสุขและผปู้ ว่ ย ถา้ บคุ ลากรทางการแพทยแ์ ละ สาธารณสุขมอี าการของการตดิ เชือ้ ทีร่ ะบบทางเดนิ หายใจ ควรพิจารณาให้พกั จากการปฏบิ ตั งิ านและ ไปรับการตรวจวินิจฉัยหาสาเหตโุ ดยเร็ว รวมท้ังตรวจหาการตดิ เชอื้ SARS-CoV-2 ตามความเหมาะสม ท้งั นี้ การเฝ้าระวงั โดยการตรวจหาเช้ือ SARS-CoV-2 เป็นประจำในบุคลากรทางการแพทย์และสาธารณสุข ทป่ี ฏิบตั ิงานและมคี วามเสีย่ งสงู รวมทั้งพนักงานทจ่ี า้ งมาจากภายนอก (outsource) จะมีสว่ นชว่ ยให้ สามารถวินจิ ฉยั ได้เร็วข้ึน เชน่ ตรวจ ATK ทุก 2 สปั ดาห์ หรืออาจจะปรับความถ่ีของการตรวจตามขอ้ มลู การระบาดในสถานพยาบาลน้นั 10. สำหรับการเฝา้ ระวังในกล่มุ ผ้ปู ่วย อาจพจิ ารณาตรวจหาการติดเชอ้ื SARS-CoV-2 ในผูป้ ว่ ยท่นี อนพกั รกั ษาตวั ในโรงพยาบาลดว้ ยสาเหตุใด ๆ และมีไขโ้ ดยไมท่ ราบสาเหตุ มอี าการของการตดิ เช้ือทีร่ ะบบทางเดิน หายใจ รวมท้งั pneumonia ทไี่ มท่ ราบสาเหตุ โดยอาจพิจารณาสมุ่ ตรวจทกุ สปั ดาห์ รวมถึงการเฝา้ ระวงั ใน กล่มุ ผดู้ แู ลทีเ่ ฝา้ ผูป้ ว่ ย แนวทางการปฏิบัตสิ ำหรบั บคุ ลากรทางการแพทย์และสาธารณสุขทสี่ ัมผสั ผู้ปว่ ยยนื ยัน COVID-19 ฉบบั ปรับปรงุ วนั ท่ี 5 มีนาคม พ.ศ. 2565

หน้าท่ี 4 11. ส่งเสรมิ ใหบ้ คุ ลากรทางการแพทย์และสาธารณสขุ รับการฉีดวคั ซนี ปอ้ งกัน COVID-19 ให้ครบถ้วนทุกคน หากไม่มีขอ้ หา้ ม 12. กรณที ีม่ บี ุคลากรทางการแพทยแ์ ละสาธารณสขุ สัมผัสโรค ใหพ้ จิ ารณาประเมนิ ความเส่ยี ง การตรวจ หาเชอ้ื SARS-CoV-2 และการกักตวั บคุ ลากรทางการแพทยแ์ ละสาธารณสุขอยา่ งเหมาะสมโดยบคุ คล หรอื หนว่ ยงานทไ่ี ด้รับมอบหมาย และหากมรี ายละเอยี ดท่ีแตกตา่ งจากท่แี นะนำไวใ้ นประกาศฉบับน้ี ควรพิจารณาปรกึ ษาผูเ้ ชยี่ วชาญด้านการปอ้ งกนั การติดเช้ือ เพอื่ ให้บุคลากรทางการแพทยแ์ ละสาธารณสุข มีความปลอดภยั และสถานพยาบาลสามารถดำเนนิ ภารกิจบริการประชาชนต่อไปไดโ้ ดยเกิดผลกระทบ นอ้ ยทส่ี ดุ การเฝา้ ระวังในโรงพยาบาล เพอ่ื ใหส้ ามารถตรวจจับการติดเชื้อในกลมุ่ เส่ียงตอ่ การแพร่ระบาดของโรค ไดแ้ ก่ 1) บุคลากรทางการแพทยแ์ ละสาธารณสขุ ทป่ี ฏิบัติงานด่านหน้า 2) บุคลากรทางการแพทยแ์ ละสาธารณสขุ ทปี่ ฏบิ ตั ิงานฝา่ ยสนบั สนนุ (Back office) 3) ผูป้ ว่ ยด้วยโรคอนื่ ๆ ท่ี admit ในโรงพยาบาล 4) กลุม่ อ่ืน ๆ ท่เี ขา้ ขา่ ยผปู้ ่วย PUI ตามคำนยิ ามของกรมควบคมุ โรค 5) กล่มุ อ่นื ๆ ทเี่ ปน็ subcontract ผูร้ ับเหมาช่วง ฯลฯ การดำเนนิ การระดับโรงพยาบาล 1. พิจารณาตามสถานการณใ์ นหน่วยงานและในพื้นทีต่ ้งั 2. ในช่วง 2 สปั ดาห์ท่ีผ่านมาถ้าไม่พบผปู้ ว่ ยรายใหม่ ใหเ้ ฝ้าระวงั ในกลมุ่ เจา้ หนา้ ที่โดยจดั ใหม้ กี ารคดั กรอง อาการกอ่ นเขา้ ปฏิบตั ิงานอยา่ งสมำ่ เสมอ และอาจพจิ ารณาสมุ่ ตรวจหาผูต้ ดิ เชื้อด้วย ATK ทกุ สอง สัปดาห์ เปน็ แบบ proxy เกบ็ ตัวอยา่ งในกลุ่มบางคน ตามจำนวนสดั สว่ น แบบ proportional to size และปฏบิ ตั ติ ามคำแนะนำตามความเส่ยี งของบคุ ลากรทางการแพทยแ์ ละสาธารณสขุ โดยเฉพาะใน กลุม่ ท่ไี มส่ ามารถทำงานท่บี ้านได้ ต้องมาทำงานทกุ วัน 3. ในกลมุ่ ผปู้ ว่ ย ward อน่ื ๆ ทม่ี ิใชโ่ ควดิ -19 ใหพ้ จิ ารณาทำการสุม่ ตรวจทกุ สปั ดาห์ ถา้ พบผูต้ ดิ เชือ้ ให้ ทำการสอบสวนโรค และควบคุมการแพร่ระบาดตามแนวทางการควบคมุ ป้องกันโรค 4. กลมุ่ ญาตผิ ปู้ ่วยทเ่ี ฝ้าดแู ลช่วยเหลือผูป้ ่วย ใหท้ ำการคดั กรองอาการ และอาจพิจารณาสมุ่ ตรวจด้วย ATK ตามความเหมาะสมทกุ สปั ดาห์ แนวทางการปฏิบัติสำหรบั บุคลากรทางการแพทยแ์ ละสาธารณสุขทสี่ มั ผัสผปู้ ่วยยนื ยัน COVID-19 ฉบบั ปรบั ปรงุ วันท่ี 5 มีนาคม พ.ศ. 2565

หนา้ ท่ี 5 กรณีบคุ ลากรทางการแพทย์และสาธารณสขุ เปน็ ผสู้ ัมผัสเส่ยี งสงู บุคลากรทางการแพทยแ์ ละสาธารณสุขทไ่ี ดร้ บั วคั ซนี ตามมาตรฐานและวคั ซนี เขม็ กระตุ้นแล้ว มแี นวทางการปฏิบตั ิ ตามรปู ท่ี 1 ดงั นี้ 1. ให้เก็บสงิ่ สง่ ตรวจหาเช้ือ SARS-CoV-2 ด้วยวธิ ี ATK หรือ RT-PCR จำนวน 3 ครง้ั คอื ที่ D0, D5, D10 หลงั วนั สมั ผัสผู้ปว่ ยยืนยนั 2. สามารถปฏบิ ตั ิงานไดต้ ามปกติ โดยปฏิบตั ิตามหลกั การ DMHTT อยา่ งเครง่ ครดั ต้องสวมหน้ากาก อนามัยตลอดเวลาทีอ่ ย่รู ่วมกับผูอ้ ่นื ไมร่ ับประทานอาหารร่วมกับผูอ้ ืน่ รวมทง้ั พจิ ารณาให้เลยี่ งการ ปฏบิ ตั ิงานในลกั ษณะทมี่ กี ารอยู่ใกล้ชดิ กบั บุคคลอ่ืนอย่างใกล้ชดิ เปน็ เวลานาน หากสภาวะแวดลอ้ ม ของที่ทำงาน หรือลกั ษณะงานทำให้ไม่สามารถปฏิบตั ิตามหลัก DMHTT ได้ อาจพจิ ารณาใหก้ กั ตวั ตามความเหมาะสม 3. ถ้ามีอาการของการติดเชือ้ ทรี่ ะบบทางเดินหายใจ หรอื อาการอน่ื ๆ ของ COVID-19 ก่อนถึง D10 ของ การสัมผสั โรค ให้บุคลากรทางการแพทยแ์ ละสาธารณสุขนน้ั ไปรบั การตรวจหาเชอ้ื SARS-CoV-2 และ หนว่ ยงานอาจพจิ ารณาให้กักตัวบุคลากรทางการแพทยแ์ ละสาธารณสุขตามความเหมาะสม 3.1 กรณีทีผ่ ลตรวจเปน็ ลบให้ปฏิบัติงานได้โดยยึดหลักปฏิบัติตาม DMHTT อยา่ งเครง่ ครัด (ข้อ 2) 3.2 ถ้าผลตรวจเป็นบวก ใหป้ ฏิบตั ติ ามแนวทางการรกั ษาของ CPG ของกรมการแพทย์ กระทรวง สาธารณสุข และแยกกกั ตวั อย่างน้อย 7 วนั ถ้าไม่มอี าการแลว้ หรืออาจมอี าการไอเล็กน้อย ให้กลับมาปฏิบตั ิงานได้ โดยปฏิบัตติ ามหลัก DMHTT อยา่ งเคร่งครดั ตอ่ อยา่ งน้อยอีก 3 วัน รวมเปน็ 10 วัน หลังจากน้ันปฏบิ ัตติ นแบบวถิ ีใหม่ 3.3 ในระหว่าง 10 วัน หลังการสมั ผสั ให้รายงานอาการตอ่ ผู้รบั ผิดชอบทไ่ี ด้รับมอบทุกวัน (อาจเปน็ หัวหนา้ งาน หรอื พยาบาล ICN) 3.4 เมือ่ พ้นระยะ 10 วัน ให้ปฏบิ ตั ิตนตามคำแนะนำแบบ new normal และ DMHTT กรณบี คุ ลากรทางการแพทยแ์ ละสาธารณสุขได้รบั วัคซีนไมค่ รบตามเกณฑ์หรอื ไมไ่ ดร้ บั วัคซีน มแี นวทางการปฏิบตั ิ ตามรปู ที่ 2 ดงั นี้ 1. ให้เกบ็ สง่ิ สง่ ตรวจ หาเชือ้ SARS-CoV-2 ดว้ ยวิธี ATK หรือ RT-PCR จำนวน 3 ครง้ั คอื ที่ D0, D5 และ D10 หลังวันสัมผัสผปู้ ่วยยนื ยัน 2. ระหว่างรอผลใหพ้ กั จากการปฏบิ ตั ิงาน และกักตวั ในสถานท่ีทีเ่ หมาะสม 1.1 กรณีท่ีผลตรวจเป็นลบ ให้กกั ตัวจนครบ 10 วัน หลงั การสมั ผสั ครัง้ สุดทา้ ย 1.2 ถ้าผลตรวจเปน็ บวก ใหป้ ฏิบัติตามแนวทางการรกั ษาของ CPG ของกรมการแพทย์ กระทรวง สาธารณสขุ และแยกกักตัวอยา่ งนอ้ ย 7 วนั ถา้ ไม่มอี าการแลว้ หรืออาจมีอาการไอเลก็ น้อย ให้ กลับมาปฏิบตั ิงานได้ โดยปฏบิ ตั ติ ามหลกั DMHTT อย่างเครง่ ครดั ตอ่ อยา่ งน้อยอีก 3 วนั รวมเปน็ 10 วนั หลงั จากนน้ั ปฏบิ ัติตนแบบวถิ ใี หม่ 2. ในระหว่างการกักตวั ใหต้ รวจหาเช้อื SARS-CoV-2 ซำ้ คร้ังท่ี 2 คือ D5 ถ้ามอี าการของการติดเชอื้ ที่ ระบบทางเดนิ หายใจ หรอื อาการอนื่ ๆ ของ COVID-19 กอ่ นครบกำหนด 10 วัน (D10) ของการสมั ผสั โรค ให้บคุ ลากรทางการแพทย์และสาธารณสขุ นน้ั ไปรบั การตรวจหาเชอ้ื SARS-CoV-2 2.1 กรณีทผี่ ลตรวจเปน็ ลบ ใหก้ กั ตัวจนครบ 10 วัน หลังการสมั ผสั ครงั้ สดุ ทา้ ย แนวทางการปฏิบตั สิ ำหรบั บคุ ลากรทางการแพทยแ์ ละสาธารณสุขท่สี มั ผสั ผูป้ ่วยยนื ยนั COVID-19 ฉบบั ปรบั ปรงุ วนั ที่ 5 มีนาคม พ.ศ. 2565

หนา้ ที่ 6 2.2 ถา้ ผลตรวจเป็นบวก ใหป้ ฏิบัติตามแนวทางการรกั ษาของ CPG ของกรมการแพทย์ กระทรวง สาธารณสขุ และแยกกกั ตัวอย่างน้อย 7 วนั ถา้ ไมม่ อี าการแลว้ หรืออาจมีอาการไอเล็กนอ้ ย ให้ กลบั มาปฏบิ ตั ิงานไดโ้ ดยปฏบิ ัตติ ามหลกั DMHTTอย่างเครง่ ครดั อยา่ งนอ้ ย 3 วนั รวมเป็น10 วนั หลงั จากนั้นปฏิบตั ิตนแบบวิถีใหม่ 3. ถ้าไม่มอี าการใด ๆ ให้ตรวจหาเช้อื SARS-CoV-2 ซำ้ อกี คร้งั ท่ี 3 คือ D10 ของการสัมผสั โรคครงั้ สดุ ทา้ ย 3.1 ถา้ ผลตรวจเปน็ ลบ ใหก้ ลบั เข้าปฏบิ ตั งิ านตามปกติ 3.2 ถา้ ผลตรวจเปน็ บวก ใหป้ ฏบิ ตั ติ ามแนวทางการรักษาของ CPG ของกรมการแพทย์ กระทรวง สาธารณสุขและแยกกักตวั อย่างน้อย 7 วนั ถ้าไม่มีอาการแล้วหรืออาจมีอาการไอเลก็ นอ้ ย ให้ กลบั มาปฏิบตั งิ านไดโ้ ดยปฏบิ ตั ิตามหลัก DMHTT อย่างเครง่ ครัด อย่างนอ้ ย 3 วนั รวมเป็น 10 วนั หลังจากนนั้ ปฏิบตั ติ นแบบวถิ ใี หม่ กรณีบุคลากรทางการแพทยแ์ ละสาธารณสุขเปน็ ผ้สู ัมผัสเส่ียงตำ่ มแี นวทางการปฏิบตั ิ ตามรปู ท่ี 3 ดังน้ี 1. ให้ปฏิบตั ิงานตามปกติ ไมต่ อ้ งกักตวั และยดึ ถอื แนวทาง DMHTT อยา่ งเคร่งครัด 2. ในระหวา่ ง 10 วนั ของการสัมผสั โรค ถา้ มอี าการของการติดเช้ือที่ระบบทางเดินหายใจ หรืออาการอ่ืน ๆ ของ COVID-19 ให้บคุ ลากรทางการแพทย์และสาธารณสขุ น้ันไปรับการตรวจหาเชื้อ SARS-CoV-2 และให้ กักตัวในสถานท่ที เ่ี หมาะสมระหวา่ งรอผลการตรวจ 2.1 กรณีทีผ่ ลตรวจเป็นลบ สามารถปฏบิ ตั งิ านไดต้ ามปกติ โดยปฏิบตั ิตามหลักการ DMHTT และ ป้องกนั การแพร่กระจายเชือ้ อย่างเครง่ ครัด 3.3 ถา้ ผลตรวจเปน็ บวก ให้ปฏิบตั ติ ามแนวทางการรักษาของ CPG ของกรมการแพทย์ กระทรวง สาธารณสุข และแยกกักตัวอย่างนอ้ ย 7 วนั ถ้าไม่มอี าการแล้วหรอื อาจมีอาการไอเลก็ น้อยให้ กลับมาปฏิบตั งิ านไดโ้ ดยปฏิบตั ติ ามหลกั DMHTTอย่างเครง่ ครัด ตอ่ อย่างน้อยอกี 3 วนั รวมเปน็ 10 วนั หลงั จากนั้นปฏิบัติตนแบบวิถีใหม่ กรณผี ู้ท่ีเคยเป็น COVID-19 มากอ่ น และหายปว่ ยแลว้ ไม่เกิน 3 เดือน 1. การตรวจหาเช้อื ซ้ำในระยะเวลา 3 เดือน หลังจากหายป่วย อาจพบ RNA ทห่ี ลงเหลือจากการติดเชื้อ ครง้ั แรก ไมไ่ ดแ้ ปลว่าเป็นการตดิ เชือ้ คร้งั ใหม่ จึงไมจ่ ำเปน็ ต้องทำการตรวจหาเชื้อหลงั สมั ผสั ในชว่ ง ระยะเวลา 3 เดือน 2. ให้ถือวา่ มภี มู ิคุ้มกนั โรคแล้วระดับหนง่ึ จึงใหป้ ฏบิ ตั งิ านไดต้ ามปกติ ไม่ตอ้ งกกั ตัว และใหป้ ฏบิ ตั ติ นตาม หลัก DMHTT 3. ถา้ มีอาการไขห้ รอื อาการอื่น ๆ ให้ตรวจวนิ จิ ฉยั และรักษาตามปกติตามหลักการดูแลรกั ษาผปู้ ่วยทีม่ ีอาการ นั้น ๆ อย่างไรกต็ าม ผทู้ ีห่ ายจากโรคใหม่ ๆ อาจมีอาการไอ มีเสมหะหลงเหลอื ไดบ้ า้ ง อาการดงั กล่าวนี้ ไม่ใชอ่ าการทแ่ี สดงว่าบุคคลนั้นกำลงั เปน็ COVID-19 ในระยะ active 4. หลงั จากหายจาก COVID-19 แล้ว 3-6 เดอื น อาจจะเกดิ การติดเช้ือข้นึ มาใหมไ่ ด้ บุคคลเหล่านจ้ี งึ ควร ไดร้ บั การฉดี วัคซีนปอ้ งกัน COVID-19 เพื่อกระตนุ้ ภูมิคุ้มกันตอ่ COVID-19 จำนวน 1 เขม็ ดว้ ยวคั ซีนชนดิ ใดกไ็ ด้ แนวทางการปฏิบตั สิ ำหรับบุคลากรทางการแพทย์และสาธารณสุขที่สัมผสั ผปู้ ว่ ยยนื ยัน COVID-19 ฉบับปรบั ปรงุ วันที่ 5 มนี าคม พ.ศ. 2565

หน้าท่ี 7 กรณบี ุคลากรทางการแพทยแ์ ละสาธารณสขุ ทีไ่ มไ่ ด้สมั ผัสโรค ให้ปฏบิ ัตงิ านตามปกติ และยดึ หลกั การป้องกันโรค DMHTT เชน่ เดียวกับบคุ คลอื่น ๆ รปู ที่ 1 แนวทางการปฏิบัติสำหรับบคุ ลากรทางการแพทย์และสาธารณสุขทไ่ี ด้รับวัคซีนมาตรฐานและ รับเขม็ กระตนุ้ สมั ผัสผปู้ ว่ ยยนื ยัน COVID-19 กรณเี ปน็ ผสู้ มั ผสั เส่ียงสูง (High risk) หมายเหตุ ห้ามรับประทานอาหารร่วมกันเปน็ กลุ่ม งดกจิ กรรมท่ีอาจจะต้องมีการถอดหนา้ กากขณะอยู่ร่วมกันทกุ กรณี แนวทางการปฏิบัตสิ ำหรบั บุคลากรทางการแพทยแ์ ละสาธารณสุขท่ีสัมผสั ผ้ปู ่วยยนื ยัน COVID-19 ฉบบั ปรบั ปรงุ วนั ท่ี 5 มีนาคม พ.ศ. 2565

หนา้ ท่ี 8 รูปที่ 2 แนวทางการปฏิบตั ิสำหรบั บคุ ลากรทางการแพทยแ์ ละสาธารณสขุ ท่ีได้รบั วัคซีนบางสว่ น หรือไม่ไดร้ ับวัคซนี สัมผสั ผู้ปว่ ยยนื ยนั COVID-19 กรณีเป็นผสู้ มั ผสั เส่ยี งสงู (High risk) หมายเหตุ ไม่ว่าจะมีหรือไม่มอี าการ ถ้าผลการตรวจ ATK ที่ D0, D5 เป็นลบ บุคลากรยังจะต้องปฏบิ ัติตนตามแนว ทางการปอ้ งกันการแพร่เชอ้ื กรณีท่อี าจจะมีการติดเชื้อหลังสมั ผัสโรคอย่างเครง่ ครดั จนกว่าจะตรวจคร้ัง สดุ ทา้ ยท่ี D10 แลว้ ไดผ้ ลเปน็ ลบจึงจะกลับเข้าสู่สภาวะปกติแบบวถิ ึใหม่ (New normal) ได้ รูปที่ 3 แนวทางการปฏบิ ัติสำหรบั บคุ ลากรทางการแพทย์และสาธารณสขุ ทสี่ มั ผสั ผู้ปว่ ยยนื ยัน COVID-19 กรณีเป็นผ้สู มั ผสั เสย่ี งต่ำ (Low Risk) หมายเหตุ กรณใี นชว่ ง 10 วัน หากมีอาการติดเชอื้ ในระบบทางเดนิ หายใจ ให้ตรวจ RT-PCR หรอื ATK และกกั ตวั ใน สถานที่เหมาะสมระหว่างรอผลการตรวจ แนวทางการปฏิบตั สิ ำหรับบคุ ลากรทางการแพทยแ์ ละสาธารณสุขทสี่ มั ผสั ผปู้ ว่ ยยนื ยัน COVID-19 ฉบบั ปรับปรุง วันที่ 5 มนี าคม พ.ศ. 2565