แนวปฏบิ ตั ใิ นการดูแลผูป้ ่วยจัดทา่ prone position ตกึ แยกโรค 3/2
แนวปฏบิ ตั ใิ นการดแู ลผปู้ ว่ ยจดั ทา่ prone position การดูแลก่อนการจดั ทา่ นอน ควา่ (pre-prone positioning) เป็นระยะทีเนน้ การดแู ลของพยาบาลในหอผู้ปว่ ย วิกฤตเพือลดภาวะแทรกซ้อนจากการจัดท่านอนคว่า 1. เตรยี มอปุ กรณ์ชว่ ยชวี ิต อุปกรณใ์ ส่ tube ในกรณีtube เลอื นหรือหลดุ (Emergency cart) 2. ตรวจดูความยาวของ corrugate tube ของเครืองชว่ ยหายใจให้ยาวพอในการท่า prone positioning (ควรยาวเท่ากับความกว้างของเตียงผ้ปู ว่ ย) 3. Remove อุปกรณ์ในปากไดแ้ ก่ oropharyngeal airway device 4. Suction ผปู้ ว่ ยให้เรียบร้อย (ใช้ close suction) และตรวจสอบตา่ แหนง่ ของ ET tube fixed tube ให้ มันคง และดูแล cuff pressure 5. Pre-oxygenate ด้วย การเพิม FiO2 เป็น 100% ประมาณ 10 นาทกี ่อนท่า 6. Dressing ตา และส่วนของรา่ งกายทีจะเกดิ แผลกดทับได้แก่ ปลายคาง iliac crest และหัวเข่า (ดูแล ดวงตา และผวิ หนงั ดวงตาควรปดิ ตาตลอดเวลาเพือไม่ใหเ้ กิด cornea ulcer ผิวหนังป้องกันการเกิดแผลกดทบั ไดแ้ ก่ ปลายคาง หน้าอก iliac crest และหวั เข่า ทาสารให้ความชุม่ ชืนบริเวณหน้า 7. Check สายต่าง ๆ เช่น arterial line, central line, intercostal chest drain ตา่ แหน่งของ infusion pump ความยาวของสายต่าง ๆ ใหย้ าวพอในการพลิกท่าคว่า 8. สายและท่อทีไมจ่ ่าเปน็ ให้ปลดออกชวั คราวและปิดไว้เช่นสาย CVP, IV line drip antibiotic or KVO, non-invasive BP 9. ตดิ electrode ทีแขนทัง้ สองขา้ ง 10. Check NG tube และ NPO อยา่ งน้อย 2 ชวั โมง กอ่ นการจดั ทา่ นอนคว่า 11. ดูแลใหผ้ ปู้ ว่ ยไดร้ บั ยากล่อมประสาท ยาลดความปวดและยากดเส้นประสาทอยา่ งเพียงพอ 12. เตรยี มอปุ กรณห์ มอนในการ support ช่วงทอ้ งพ้นจากพื้นทีนอนในทา่ นอนคว่า
การดแู ลขณะจดั ทา่ นอนควา่ (prone positioning) เปน็ ระยะทีเนน้ จัดท่านอน เฝ้าติดตามผปู้ ่วย อยา่ งต่อเนือง และประเมนิ ความสา่ เร็จของการจดั ท่านอนคว่า โดยมีรายละเอียดดังน้ี 1. ทีมผู้ดูแลรักษาอยู่ประจ่าต่าแหน่ง โดยแพทย์ ยืนอยู่ต่าแหน่งหัวเตียงคอยระวังท่อ ช่วยหายใจ พยาบาลยืนด้านข้างของผู้ป่วยข้างละ 2 คน พยาบาลคนที 1 ยืนกลางล่าตัว เตรียมดูด เสมหะ คอยติดตาม สัญญาณชีพ ถัดมาพยาบาล คนที 2 ยืนตรงช่วงล่างของล่าตัว ตรวจสอบเส้น ให้น่้า เกลือทางหลอดเลือดด่า เส้น เลือดแดงที แทงไว้ สายระบายตา่ ง ๆ และขอ้ ตอ่ ทีเสยี งต่อการ หักหรอื เกิดแผลกดทบั 2. จัดท่านอนให้ถูกต้องตามหลักกายวิภาค โดยใช้มือ (manual positioning) หรือใช้ เตียงอัตโนมัติ (automated bed) โดยหากใช้เตียง หมุนต้องมีสายรัดผู้ป่วยตรงต่าแหน่ง ศีรษะ ทรวงอก และกระดูกเชิงกราน ถ้าใช้มือหมุน ผู้ดูแลยืน ประจ่าต่าแหน่งทีเหนือศีรษะและทั้งสองข้างของ ล่าตัวของผู้ป่วย วางหมอนรองตรง ตา่ แหน่งทีป้องกันการกดทับ ใช้ผ้าห่อตัว ขยับตวั ผู้ป่วยมาชิด ข้างเตียงด้านใดด้านหนงึ และพลิกตัวผู้ป่วยให้อยู่ใน ท่านอนคว่า ตะแคงใบหนา้ ไปด้านใดด้านหนึง และสลับดา้ นทกุ 2 ชัวโมง จัดแขนข้างหนึงงอวาง เหนือศีรษะ แขน อกี ข้างวางแนบชิดล่าตัวและสลับกนั ทุก 2 ชัวโมงเพือให้ลา่ ตัวทุกส่วน อยูใ่ นตา่ แหน่งทีถูกต้อง ไม่มกี ารหัก บิดหรือ งอ และผดิ รปู ของข้อต่อต่าง ๆ และป้องกันการเกดิ แผลกดทบั เมือผูป้ ว่ ยถูกจัดใหอ้ ยู่ในทา่ นอนควา่ 3. พยาบาลต้องพลิกตะแคงตัวผู้ป่วยทุก 2 ชัวโมง เปลียนต่าแหน่ง ECG จากด้านหน้ามาติดทางด้านหลัง ล่าตัว เพือการประเมนิ และตดิ ตาม คลืนไฟฟา้ หัวใจ และป้องกันการกดทบั ของผวิ หนงั 4. ประเมินการตอบสนองของผู้ปว่ ย ตอ่ การรกั ษาด้วยการจัดทา่ นอนคว่า โดยประเมิน สญั ญาณชีพทุก 30 นาที และดูผลกา๊ ซในเลอื ดแดง (arterial blood gas) ภายหลังจัดทา่ นอนควา่ 1 ชวั โมง ค่า P/F ratio ตอ้ งเพิมข้ึน มากกว่าเดิม 20 มลิ ลิเมตรปรอท และแรงดันกา๊ ซออกซเิ จนในเลือด แดง (PaO2) เพิมขึ้นมากกว่าเดิม 10 มลิ ลเิ มตร ปรอท ให้จัดท่านอนคว่าต่อจนครบ 6 ชัวโมง และ ประเมิน ABG ซ่้า อีกคร้ัง ถ้ามีการตอบสนอง ต่อการรักษา ให้ จัดทา่ นอนควา่ จนครบอย่างน้อย 16 ชัวโมง 5. ประเมินว่ามีภาวะแทรกซ้อนเกิดข้ึน หรือไม่ และจัดท่าผู้ป่วยกลับมาอยู่ในท่านอนหงายประมาณ 4 ชัวโมง ประเมิน ABG ซ่้า ถ้าหาก ค่า P/F ratio < 150 mmHg ให้จัดท่านอนคว่า อีกคร้ัง แต่ถ้าหากค่า P/F ratio > 150 mmHg ให้ยุติการรกั ษาด้วยการนอนคว่า และตดิ ตามประเมนิ ค่า ABG ทกุ 1 ชัวโมง จนกระทังคงที
การดูแลหลังจัดท่านอนคว่า (post-prone positioning) เป็นระยะหลังจากยุติการรักษาด้วยการจัดท่านอนคว่า โดยผู้ป่วยกลับ มาอยูใ่ นท่านอนหงาย ต้องเน้นการประเมิน สัญญาณชีพ กา๊ ซในเลอื ดแดงอย่างใกล้ชดิ และ ตอ่ เนอื ง จนกระทังคงที และดูแลผปู้ ว่ ยหากมภี าวะ แทรกซอ้ นเกดิ ขน้ึ 1. ประเมินสัญญาณชีพทุก 30 นาท 2 ครั้ง และทุก 1 ชัวโมง จนกระทังคงที และ เปลียนต่าแหน่ง ECG กลบั มาตดิ บริเวณด้านหนา้ ของลา่ ตวั เพอื การตดิ ตามและประเมนิ ผ้ปู ่วยอยา่ ง ต่อเนอื ง 2. ตรวจสอบการจัดท่านอนหงายให้ถูก ต้องตามหลักกายวิภาคอีกครั้ง ตรวจสอบท่อช่วย หายใจไม่ให้ เลือนหลุด หรือหักและพับงอ ตรวจ สอบเส้นเลือด สายน้่า เกลือ และสายระบาย ต่าง ๆ รวมท้ังตรวจสอบเครือง มอนเิ ตอร์และ อปุ กรณ์อืน ๆ ใหม้ ีระบบการท่า งานตามปกติ เพอื ความปลอดภัยและไมเ่ กดิ อันตรายต่อผูป้ ว่ ย 3. ใหก้ ารดแู ลหากมภี าวะแทรกซอ้ น เกดิ ข้นึ ดงั น้ี ภาวะแทรกซ้อนต่อทางเดิน หายใจ พยาบาลต้องดูแลทางเดินหายใจให้โล่ง ดูด เสมหะเท่าทีจ่า เป็น ตรวจสอบ ตา่ แหนง่ ของทอ่ ชว่ ยหายใจทมี ุมปาก เพอื ไม่ให้เกดิ การเลอื นหลุดของท่อช่วยหายใจ แผลกดทับ ซึงเป็นการ บาดเจ็บเฉพาะทีของผิวหนังหรือเนื้อเยือใต้ผิวหนัง โดยเฉพาะบริเวณปุ่ม กระดูกหรือบริเวณทีมีอุปกรณ์ ทางการแพทย์กดทับ การดูแลแผลกดทับ พยาบาล ต้องประเมิน และให้การดแู ลตามระดบั ความรุนแรง ของแผล การพลิกตะแคง ตัวผู้ป่วยทุก 2 ชัวโมง มีหมอน รองตามปุ่มกระดูก เพือลดการกดทับและช่วยให้การไหลเวียนโลหิตดี ข้ึน การดูแลเรืองการ รบั ประทานอาหารทมี ีโปรตนี วติ ามินเอและซสี งู เพอื ช่วยสง่ เสรมิ การหายของ แผล ระบบไหลเวียนโลหิตไม่คงที คือ มีความดันโลหิตต่าลงและหัวใจเตน้ ผิดจังหวะ พยาบาลต้องดูแล การให้สารน่้าตามแผนการรักษา มีการบันทึกปริมาณสารน้่าอย่างเคร่งครัด และช่วย แพทย์ใน การประเมนิ CVP และ PPV รวมทัง้ ติดตามคลนื ไฟฟ้าหัวใจและผล การตรวจทางห้องปฏบิ ัติการ สายระบายเลือนหลดุ ต้องมี การตอ่ สายกลับตา่ แหน่งเดมิ โดยใช้เทคนิค ปราศจากเชื้อและยึดตรึง สายระบายตา่ ง ๆ ใหแ้ นน่ และตรวจสอบต่าแหน่งของสายอยา่ งน้อยทุก 8 ชัวโมง เพอื ป้องกัน การเลือนหลุด
ประโยชนต์ ่อผปู้ ว่ ยในจดั ทา่ นอน Prone position ช่วยลดการบาดเจ็บหรืออักเสบของปอดจากการใชเ้ ครอื งช่วยหายใจ ชว่ ยเพิมประสทิ ธิภาพการแลกเปลียนแก๊สของปอด เปน็ การรักษาเพือประดบั ประคองรอใหป้ อดฟื้นตัวดขี ึน้ ภาวะแทรกซอ้ นทอี าจเกดิ ขึน้ แผลกดทบั ET tube หลุด ปญั หาเกยี วกบั การไหลเวียนของเลอื ด เสน้ ประสาท ใบหน้าบวม กระจกตาถลอก เอกสารอา้ งองิ 1. การดูแลของพยาบาลในหอผปู้ ่วยวกิ ฤตเพือลดภาวะแทรกซ้อนจาก การจดั ทา่ นอนควา่ ในผู้ปว่ ยซงึ มีภาวะ ทางเดินหายใจล้มเหลวเฉยี บพลัน สืบคน้ ไดจ้ าก https://he02.tci-thaijo.org › article › download 2. https://www.hospital.tu.ac.th/nursing/Covid-19
Search
Read the Text Version
- 1 - 6
Pages: