ส่ิงมีชีวติ กับส่งิ แวดล้อม ส่ิงมีชีวติ กบั กระบวนการดาํ รงชีวติ ส่ิงมีชีวติ กับส่ิงแวดล้อม ส่ิงมีชีวติ คือ สง่ิ มีชีวิตมีคณุ สมบตั ติ อ่ ไปนี ้ 1. กินอาหารได้ 2. หายใจได้ 3. สบื พนั ธ์ไุ ด้ 4. ตอบสนองสง่ิ เร้าได้ 5. เคลอื่ นไหวได้ 6. เจริญเตบิ โตได้ 7. ขบั ถ่ายได้ ประชากร ( population ) หมายถงึ กลมุ่ สง่ิ มีชีวิตชนิดเดียวกนั อาศยั อยใู่ นสถานท่ีเดยี วกนั ในชว่ ง เวลาหนง่ึ กลุ่มส่ิงมีชวี ติ ( community ) หมายถงึ สง่ิ มีชีวติ ตงั้ แต่ 2 ชนิดขนึ ้ ไป หรือ สง่ิ มชี ีวิตหลาย ๆ ชนิดมา อาศยั อยรู่ วมกนั ส่ิงแวดล้อม ( environment ) คอื สรรพสง่ิ ทงั้ หลายท่ีอยรู่ อบ ๆ ตวั เรา แบง่ เป็น 2 ประเภท ดงั นี ้ 1. ส่ิงแวดล้อมทางชวี ภาพ ( biological environment ) หมายถึง สงิ่ แวดล้อมที่มีชีวติ 2. ส่ิงแวดล้อมทางกายภาพ ( physical environment ) หมายถงึ สงิ่ แวดล้อมท่ีไมม่ ีชีวติ แหล่งท่อี ยู่ ( habitat ) หมายถงึ แหลง่ ที่อยอู่ าศยั ของสง่ิ มีชีวิตหรือสถานท่ีซงึ่ สง่ิ มีชีวิตอาศยั อยใู่ น สภาพธรรมชาติ ประโยชน์ท่สี ่ิงมีชีวติ ได้จากแหล่งท่อี ย่อู าศัย ได้แก่ - อาหาร - ที่อยอู่ าศยั - แหลง่ แพร่พนั ธ์ุ - ท่ีหลบภยั - เป็ นท่ีเลยี ้ งดตู วั ออ่ น
2 ความสัมพันธ์ของส่ิงมีชวี ติ กับส่ิงแวดล้อม Organism Population Community + Environment Ecosystem Biosphere ( โลกของสง่ิ มีชีวิต ) กลุ่มส่ิงมีชวี ติ ในระบบนิเวศต่าง ๆ แบ่งเป็ น 1. ผู้ผลิต ( Producer ) 2. ผู้บริโภค ( Consumer ) 2.1 Herbivores 2.2 Carnivores 2.3 Omnivores 2.4 Scavenger 3. ผู้ย่อยสลาย ( Decomposer ) ระบบนิเวศ ( Ecosystem ) องค์ประกอบของระบบนิเวศต่าง ๆ ระบบนิเวศมีองค์ประกอบ 2 สว่ น 1. องค์ประกอบทางกายภาพ ( physical components ) คือ องค์ประกอบที่ไมม่ ชี ีวติ ได้แก่ แสง ดนิ นํา้ อณุ หภมู ิ 2. องค์ประกอบทางชีวภาพ ( biological components ) คือ องค์ประกอบท่ีมีชีวติ ได้แก่ คน สตั ว์ โพรทสิ ต์ แบคทีเรีย และ ฟังไจ
3 ตวั อย่างระบบนิเวศในประเทศไทย 1. ระบบนิเวศแหล่งนํา้ จดื 2. ระบบนิเวศป่ าดบิ แล้ง 3. ระบบนิเวศทะเล 4. ระบบนิเวศขอนไม้ผุ 5. ระบบนิเวศป่ าชายเลน 6. ระบบนิเวศนาข้าว 7. ระบบนิเวศป่ าไม้ 8. ระบบนิเวศบนบก 9. ระบบนิเวศชุมชนเมือง 10. ระบบนิเวศทุ่งหญ้า สง่ิ มีชีวิตที่สามารถดํารงชีวติ ได้ในสภาวะแวดล้อมตา่ ง ๆ แสดงถึงการปรับตวั เข้ากบั สง่ิ แวดล้อมได้ดี การปรับตวั ของสง่ิ มีชีวติ แบง่ ได้เป็ น 3 ประเภท ดงั นี ้ 1. การปรับตวั ทางด้านรูปร่าง 2. การปรับตวั ทางด้านสรีรวทิ ยา 3. การปรับตวั ทางด้านพฤตกิ รรม ห่วงโซ่อาหาร ( Food chain ) หมายถงึ ความสมั พนั ธ์ระหวา่ งสงิ่ มีชีวติ กบั สงิ่ มีชีวติ ในระบบนิเวศ ในแงข่ องการกินกนั เป็น ทอด ๆ หรือ ในแง่การถ่ายทอดพลงั งานเป็นช่วง ๆ พืช แมลง นก คน สายใยอาหาร ( Food web ) หมายถงึ ความสมั พนั ธ์ของสงิ่ มีชีวิตในหว่ งโซห่ ลาย ๆ หว่ งโซ่ ตวั อยา่ งเชน่ พืช แมลง นก คน หนอน ไก่
4 ปิ รามดิ การถ่ายทอดพลังงานในส่ิงมีชวี ติ ในระบบนิเวศแห่งหน่ึง
5 การหมุนเวียนสารและการถ่ายทอดพลังงานในระบบนิเวศ พลงั งานความร้อน พลงั งานจากดวงอาทิตย์ อนินทรียสาร พลงั งานความร้อน ผ้ยู อ่ ยสลายอินทรียสาร ผ้ผู ลติ พลงั งานความร้อน ผ้บู ริโภค พลงั งานความร้อน ความสัมพันธ์ระหว่างส่ิงมีชีวิตกับส่ิงมีชีวิตในสายใยอาหารในระบบนิเวศต่าง ๆ สง่ิ มีชีวิตถือเป็นปัจจยั ทางชีวภาพ หรือ สง่ิ แวดล้อมทางชีวภาพ สง่ิ มชี ีวติ อาจ สมั พนั ธ์กบั สงิ่ มีชีวิตชนิดเดยี วกนั เอง หรือ อาจสมั พนั ธ์กบั สง่ิ มีชีวติ คนละชนิดกนั 1. ภาวะการได้ประโยชน์ร่วมกนั ( Protocooperation ) - นกเอีย้ งกบั ควาย - แมลงกบั ดอกไม้ 2. ภาวะพง่ึ พากนั ( Mutualism ) - รากบั สาหร่าย - แบคทีเรียในปมรากถวั่ 3. ภาวะองิ อาศยั ( Commensalism ) - ปลาฉลามกบั เหาฉลาม - กล้วยไม้กบั ต้นไม้ 4. ภาวะปรสติ ( Parasitism ) - พยาธิกบั คน 5. ภาวะลา่ เหย่ือ ( Predation ) - นกอนิ ทรีกบั ปลา - กบกบั แมลง
6 กราฟแสดงความสัมพันธ์ระหว่างประชากรแมวป่ ากับกระต่ายป่ า กระบวนการเปล่ียนแปลงแทนท่ี การเปล่ียนแปลงแทนที่ ( succession ) หมายถงึ เกิดขนึ ้ เองตามธรรมชาติ สาเหตขุ องการเปลยี่ นแปลงแทนที่ เกิดจากการกระทําของคน การเปล่ยี นแปลงที่เกิดช้า ๆ เชน่ แมน่ ํา้ ลาํ คลองตืน้ เขนิ การเปลยี่ นแปลงที่เกิดอยา่ งรวดเร็ว เชน่ ไฟป่ า พายุ นํา้ ทว่ ม ดนิ ถลม่ เป็นต้น การเปล่ียนแปลงแทนท่ขี องกลุ่มส่ิงมีชีวติ ( Community succession ) 1. การเปลี่ยนแปลงแทนที่แบบปฐมภมู ิ ( Primary succession ) - เริ่มจากบริเวณท่ีไมม่ ีสง่ิ มีชีวติ มาก่อน เร่ิมมีกลุ่มบุกเบกิ ( Pioneer community ) ทําให้สง่ิ แวดล้อมเหมาะสม กลมุ่ สงิ่ มีชีวิตอ่ืน Climax community 2. การเปลีย่ นแปลงแทนท่ีแบบทตุ ยิ ภมู ิ ( Secondary succession ) - เร่ิมจากกลมุ่ สง่ิ มีชีวติ เดมิ ถกู ทําลายไป แตส่ ง่ิ มีชีวิตบางชนิดและสารอินทรีย์ที่ สงิ่ มีชีวติ ต้องการเหลืออยู่ เปลีย่ นแปลงจนกระทง่ั กลมุ่ สง่ิ มีชีวติ ขนั้ สดุ
7 กลมุ่ สงิ่ มชี ีวติ บกุ เบกิ พวกแรก ( Pioneer species ) ....................................................................... ................................................................................................................................................. กลมุ่ สง่ิ มชี ีวิตขนั้ สดุ หรือ ชมุ ชีพขนั้ สดุ ( climax community ) ....................................................... ................................................................................................................................................. คนกับทรัพยากรธรรมชาตแิ ละส่ิงแวดล้อม การทาํ ลายชัน้ โอโซน - นกั วทิ ยาศาสตร์ค้นพบรูโหวข่ อง O3 เหนือทวีปแอนตาร์กตกิ าหลงั จากนนั้ พบบริเวณ ตอนใต้ของทวีปออสเตรเลีย - นกั วทิ ยาศาสตร์พบคลอรีนมอนอกไซด์จํานวนมากบริเวณรูโอโซน - นกั วทิ ยาศาสตร์พบวา่ ชนั้ โอโซนในบรรยากาศที่ปกคลมุ โลกมีความหนา ลดลงไปมาก ปรากฏการณ์เรือนกระจก ( greenhouse effect ) หมายถงึ การที่รังสี หรือ ความร้อนถกู กกั เก็บไว้ ในบรรยากาศโดยก๊าซเรือนกระจก ทําให้โลกมีอณุ หภมู สิ งู ขนึ ้ ตาราง แสดงปริมาณแก๊สหลักท่กี ่อให้เกดิ ปรากฏการณ์เรือนกระจก แก๊ส ปริมาณ ( % ) คาร์บอนไดออกไซด์ 57 คลอโรฟลอู อโรคาร์บอน 24 มีเทน 13 ไนตรัสออกไซด์ 6 ท่มี า : BP Education Program ผลกระทบท่เี กดิ จากการเพ่มิ ขึน้ ของอุณหภมู ขิ องโลก 1. นํา้ แขง็ ขวั้ โลกจะหลอมเหลว ระดบั นํา้ ทะเลจะสงู ขนึ ้ ทําให้เกิดภาวะนํา้ ทว่ มขนึ ้ ทวั่ ไป 2. ในฤดรู ้อนจะเกิดความแห้งแล้งจนไมส่ ามารถทําการเกษตรได้ ( พืน้ ท่ีบางแหง่ กลายเป็ น ทะเลทราย )
8 อนั ตรายจากการได้รับรังสี UV 1. มะเร็งผวิ หนงั 2. มะเร็งท่ีเรตนิ า เกิดต้อกระจก 3. ระบบภมู คิ ้มุ กนั ถกู ทําลาย 4. สารพนั ธกุ รรมถกู ทําลาย 5. โปรตีนในร่างกาย และ ถกู ทําลาย 6. สงิ่ มีชีวิตขนาดเลก็ ตาย 7. การเจริญเตบิ โตของพืชช้าลง 8. ผลผลติ ทางการเกษตรและป่ าไม้ลดลง 9. ทําให้เกิดหมอกควนั เคมี ทําลายวสั ดทุ ี่ทําจากสารสงั เคราะห์ 10. วสั ดตุ า่ ง ๆ ท่ีทําจากสารสงั เคราะห์จะแตกหกั เสยี หายงา่ ย สี ซีดจางเร็ว ภาวะโลกร้อน ( global warming ) การพัฒนาท่ยี ่งั ยืน ( Sustainable development ) การพัฒนาท่ยี ่งั ยนื หมายถึง การพฒั นาท่ีมีการคาํ นงึ ถึงความเสยี หายของสงิ่ แวดล้อม มี การป้ องกนั ปัญหาที่เกิดแกส่ ง่ิ แวดล้อม หรือ ถ้าจําเป็ นจะต้องเกิดความเสยี หาย ก็จะต้องทําใน ขอบเขตที่เสยี หายน้อยท่ีสดุ ทกุ คนต้องสร้างความร่วมมือกนั รักษาสง่ิ แวดล้อมให้คงอยู่ ควบคไู่ ปกบั การพฒั นาทางวตั ถุ การพัฒนาท่ยี ่ังยนื ประอบด้วย 1. ความอดุ มสมบรู ณ์ของทรัพยากรธรรมชาตแิ ละการใช้ทรัพยากร 2. เศรษฐกิจที่มน่ั คงของชมุ ชน 3. คณุ ภาพชีวติ ท่ีดขี องประชากรในชมุ ชน ให้มกี ารอยดู่ กี ินดี อยใู่ นที่อากาศดี ปราศจากมลภาวะ การพฒั นาต้องควบคไู่ ปกบั การอนรุ ักษ์ทรัพยากรธรรมชาติ และ สง่ิ แวดล้อมซง่ึ ปัจจยั สาํ คญั ที่สดุ คือ มนษุ ย์
9 การพฒั นาที่ยงั่ ยนื ต้องอาศยั ความร่วมมือจากภาครัฐและภาคเอกชน ในสงั คมท่ีมีการพฒั นาที่ยง่ั ยืน มีแนวปฏิบตั ดิ งั นี ้ 1. ลดการใช้พลงั งานและการใช้พลงั งานอยา่ งมีประสทิ ธิภาพ 2. เปลย่ี นพฤตกิ รรมในการอปุ โภค บริโภคเพ่ือลดปริมาณขยะและของเสยี ตา่ ง ๆ ซงึ่ ได้แก่ การลดการใช้ การใช้ซาํ ้ และ การนํากลบั มาผลติ ใช้ใหม่ การลดการใช้ ( Reduce ) การลดการทิง้ ขยะ - ซอื ้ เฉพาะสงิ่ ของที่ต้องการใช้เทา่ นนั้ - หลีกเล่ยี งการซอื ้ สนิ ค้าที่มีการบรรจหุ ีบหอ่ มาก เกินจําเป็ น - ซอื ้ สนิ ค้าที่มอี ายกุ ารใช้งานนานกวา่ การใช้ซาํ้ ( Reuse ) มีแนวทางดงั นี ้ - นําเสอื ้ ผ้าเกา่ ไปบริจาค - ใช้กระดาษทงั้ สองหน้า - นําข้าวของเคร่ืองใช้ท่ียงั ดอี ยู่ แตไ่ มต่ ้องการใช้ ไปบริจาค - ใช้ถงุ บรรจสุ นิ ค้าเป็นถงุ ใสข่ ยะ - ใช้ภาชนะบรรจอุ าหารท่ีใช้บรรจอุ าหารซาํ ้ ได้ หลายครัง้ การนํากลับมาผลิตใช้ใหม่ ( Recycling ) การนําวสั ดใุ ช้แล้วกลบั ไปเข้า กระบวนการผลติ ใหมใ่ ห้เป็ นของใหมท่ ่ี อาจเหมือนเดมิ หรือ อาจไม่ เหมือนเดมิ ก็ได้ 3. สงวนรักษาแหลง่ ทรัพยากรธรรมชาติ 4. ใช้เทคโนโลยีอยา่ งชาญฉลาด เพ่ือให้ได้ทงั้ ผลผลติ ทางอตุ สาหกรรม และ รักษาไว้ซง่ึ คณุ ภาพของสง่ิ แวดล้อม
Search
Read the Text Version
- 1 - 9
Pages: