เลม่ ๑๓๕ ตอนที่ ๙๒ ก หนา้ ๑ ๑๑ พฤศจกิ ายน ๒๕๖๑ ราชกิจจานุเบกษา พระราชบญั ญัติ วิธกี ารงบประมาณ พ.ศ. ๒๕๖๑ สมเด็จพระเจ้าอยู่หวั มหาวชิราลงกรณ บดนิ ทรเทพยวรางกรู ใหไ้ ว้ ณ วันที่ ๘ พฤศจิกายน พ.ศ. ๒๕๖๑ เป็นปที ่ี ๓ ในรชั กาลปจั จุบนั สมเด็จพระเจ้าอยู่หัวมหาวชิราลงกรณ บดินทรเทพยวรางกูร มีพระราชโองการโปรดเกล้าฯ ให้ประกาศวา่ โดยท่ีเป็นการสมควรปรบั ปรงุ กฎหมายว่าดว้ ยวิธกี ารงบประมาณ จึงทรงพระกรุณาโปรดเกล้าฯ ให้ตราพระราชบัญญัติข้ึนไว้โดยคําแนะนําและยินยอมของ สภานิตบิ ญั ญตั แิ หง่ ชาตทิ าํ หน้าท่ีรัฐสภา ดังต่อไปนี้ มาตรา ๑ พระราชบัญญัติน้เี รยี กวา่ “พระราชบัญญตั ิวธิ ีการงบประมาณ พ.ศ. ๒๕๖๑” มาตรา ๒ พระราชบัญญัติน้ีให้ใช้บังคับตั้งแต่วันถัดจากวันประกาศในราชกิจจานุเบกษา เปน็ ต้นไป มาตรา ๓ ให้ยกเลิก (๑) พระราชบัญญัติวธิ กี ารงบประมาณ พ.ศ. ๒๕๐๒ (๒) พระราชบญั ญัติวิธีการงบประมาณ (ฉบบั ที่ ๒) พ.ศ. ๒๕๐๓ (๓) พระราชบัญญัตวิ ธิ กี ารงบประมาณ (ฉบับที่ ๓) พ.ศ. ๒๕๑๑ (๔) ประกาศของคณะปฏวิ ัติ ฉบบั ที่ ๒๐๓ ลงวนั ที่ ๓๑ สงิ หาคม พุทธศักราช ๒๕๑๕ (๕) พระราชบัญญัตวิ ิธีการงบประมาณ (ฉบับท่ี ๔) พ.ศ. ๒๕๑๗
เลม่ ๑๓๕ ตอนที่ ๙๒ ก หน้า ๒ ๑๑ พฤศจกิ ายน ๒๕๖๑ ราชกจิ จานุเบกษา (๖) พระราชบัญญัติวิธีการงบประมาณ (ฉบับที่ ๕) พ.ศ. ๒๕๓๔ (๗) พระราชบัญญัตวิ ิธกี ารงบประมาณ (ฉบบั ท่ี ๖) พ.ศ. ๒๕๔๓ มาตรา ๔ ในพระราชบัญญตั นิ ้ี “งบประมาณรายจ่าย” หมายความว่า จํานวนเงินอยา่ งสูงที่อนุญาตใหจ้ ่ายหรือให้กอ่ หนี้ผูกพันได้ ตามวัตถุประสงคแ์ ละภายในระยะเวลาทีก่ ําหนดไว้ในกฎหมายวา่ ด้วยงบประมาณรายจ่าย “งบประมาณรายจ่ายข้ามปี” หมายความว่า งบประมาณรายจ่ายที่มีระยะเวลาการใช้ได้เกิน ปงี บประมาณตามวตั ถปุ ระสงค์และระยะเวลาท่ีกําหนดไว้ในกฎหมายว่าด้วยงบประมาณรายจา่ ย “กฎหมายว่าด้วยงบประมาณรายจ่าย” หมายความว่า พระราชบัญญัติงบประมาณรายจ่ายประจําปี พระราชบัญญตั งิ บประมาณรายจ่ายเพ่ิมเติม หรือพระราชบญั ญตั โิ อนงบประมาณรายจ่าย แล้วแต่กรณี “ปีงบประมาณ” หมายความว่า ระยะเวลาต้ังแต่วันท่ี ๑ ตุลาคมของปีหน่ึง ถึงวันท่ี ๓๐ กนั ยายนของปถี ัดไป และให้ใชป้ ี พ.ศ. ที่ถดั ไปน้ันเปน็ ช่ือสําหรบั ปงี บประมาณนัน้ “เงินนอกงบประมาณ” หมายความว่า บรรดาเงินท้ังปวงทหี่ น่วยงานของรฐั จดั เก็บหรือได้รับไว้ เป็นกรรมสิทธิ์ตามกฎหมาย ระเบียบ ข้อบังคับ หรือจากนิติกรรมหรือนิติเหตุ หรือกรณีอื่นใด ที่ต้อง นาํ ส่งคลัง แตม่ กี ฎหมายอนญุ าตใหส้ ามารถเกบ็ ไว้ใชจ้ ่ายได้โดยไม่ตอ้ งนําสง่ คลัง “หนี้” หมายความว่า ข้อผูกพันท่ีจะต้องจ่ายหรืออาจจะต้องจ่ายเป็นเงิน ส่ิงของหรือบริการ ไม่ว่าจะเป็นข้อผูกพันอันเกิดจากการกู้ยืม การคํ้าประกัน การซ้ือหรือการจ้างโดยใช้เครดิตหรือ จากการอนื่ ใด “เงินจัดสรร” หมายความว่า ส่วนหนึ่งของงบประมาณรายจ่ายท่ีแบ่งสรรให้จ่าย หรือ ใหก้ อ่ หน้ผี กู พันในระยะเวลาหนึง่ “หน่วยรับงบประมาณ” หมายความว่า หน่วยงานของรัฐท่ีขอรับหรือได้รับจัดสรร งบประมาณรายจ่าย และใหห้ มายความรวมถงึ สภากาชาดไทยดว้ ย “หน่วยงานของรัฐ” หมายความว่า (๑) สว่ นราชการ (๒) รฐั วสิ าหกจิ (๓) หน่วยงานของรัฐสภา ศาลยุติธรรม ศาลปกครอง ศาลรัฐธรรมนูญ องค์กรอิสระ ตามรัฐธรรมนูญ และองคก์ รอัยการ
เล่ม ๑๓๕ ตอนท่ี ๙๒ ก หน้า ๓ ๑๑ พฤศจกิ ายน ๒๕๖๑ ราชกิจจานุเบกษา (๔) องคก์ ารมหาชน (๕) ทุนหมุนเวยี นทมี่ ีฐานะเป็นนติ บิ คุ คล (๖) องคก์ รปกครองสว่ นทอ้ งถ่นิ (๗) หน่วยงานอนื่ ของรฐั ตามทก่ี ฎหมายกําหนด “ส่วนราชการ” หมายความว่า กระทรวง ทบวง กรม หรือส่วนราชการที่เรียกชื่ออย่างอ่ืน และมีฐานะเป็นกรม และให้หมายความรวมถึงจังหวัดและกลุ่มจังหวัดตามกฎหมายว่าด้วยระเบียบ บริหารราชการแผน่ ดินดว้ ย “รฐั วิสาหกิจ” หมายความวา่ (๑) องค์การของรัฐบาลตามกฎหมายว่าด้วยการจัดต้ังองค์การของรัฐบาล กิจการของรัฐซ่ึงมี กฎหมายจดั ต้ังข้ึน หรือหน่วยงานธรุ กจิ ท่ีรัฐบาลเปน็ เจา้ ของ (๒) บริษัทจํากัดหรือบริษัทมหาชนจํากัดท่ีส่วนราชการหรือรัฐวิสาหกิจตาม (๑) มีทุนรวมอยู่ด้วย เกินรอ้ ยละห้าสบิ (๓) บริษัทจํากัดหรือบริษัทมหาชนจํากัดท่ีส่วนราชการและรัฐวิสาหกิจตาม (๑) หรือ (๒) หรือที่รัฐวสิ าหกจิ ตาม (๑) และ (๒) หรอื ทรี่ ฐั วสิ าหกิจตาม (๒) มที นุ รวมอยูด่ ว้ ยเกนิ รอ้ ยละห้าสบิ “องค์กรปกครองส่วนท้องถิ่น” หมายความว่า องค์การบริหารส่วนจังหวัด เทศบาล องค์การ บริหารส่วนตําบล กรงุ เทพมหานคร เมอื งพัทยา และองค์กรปกครองส่วนท้องถิ่นอืน่ ทีม่ ีกฎหมายจัดต้ัง “คลัง” หมายความว่า ที่เก็บรักษาเงินแผ่นดินของกระทรวงการคลัง และให้หมายความรวมถึง บญั ชีเงนิ ฝากที่ธนาคารแหง่ ประเทศไทยเพื่อการน้ีด้วย “ผู้อาํ นวยการ” หมายความว่า ผอู้ าํ นวยการสาํ นักงบประมาณ “รัฐมนตรี” หมายความว่า รัฐมนตรีวา่ การกระทรวงการคลงั มาตรา ๕ ให้นายกรัฐมนตรแี ละรัฐมนตรีว่าการกระทรวงการคลังรักษาการตามพระราชบัญญัตินี้ และใหม้ ีอาํ นาจออกระเบียบเพ่ือปฏบิ ตั กิ ารให้เป็นไปตามพระราชบัญญตั ินี้ หมวด ๑ บททั่วไป มาตรา ๖ การจัดทํางบประมาณ การบริหารงบประมาณรายจ่าย การควบคุมงบประมาณ และการประเมินผลและการรายงาน ต้องปฏิบัติตามพระราชบัญญัติน้ี และสอดคล้องกับกฎหมาย ว่าด้วยวินัยการเงินการคลังของรัฐ
เลม่ ๑๓๕ ตอนที่ ๙๒ ก หน้า ๔ ๑๑ พฤศจกิ ายน ๒๕๖๑ ราชกิจจานุเบกษา มาตรา ๗ ให้หน่วยรับงบประมาณใช้จ่ายงบประมาณตามกฎหมายว่าด้วยงบประมาณรายจ่าย อย่างเคร่งครัด โดยต้องเป็นไปอย่างมีประสิทธิภาพสูงสุดเพื่อประโยชน์ของประเทศชาติและประชาชน เปน็ สาํ คญั การโอนงบประมาณรายจ่าย ให้กระทําได้เฉพาะกรณีมีความจําเป็นตามท่ีกําหนดไว้ใน พระราชบญั ญัตนิ ้เี ท่าน้ัน มาตรา ๘ ให้รฐั มนตรี รัฐมนตรีเจ้าสังกัด หรอื รฐั มนตรีซึ่งกฎหมายกาํ หนดให้มีหน้าท่ีกาํ กับ หรือควบคุมกิจการของหน่วยรับงบประมาณ หรือรัฐมนตรีผู้รักษาการตามกฎหมาย ผู้อํานวยการ และ หัวหน้าหน่วยรับงบประมาณควบคุมการใช้จ่ายงบประมาณให้เป็นไปอย่างโปร่งใสและตรวจสอบได้ และ ใหม้ กี ารตดิ ตาม ตรวจสอบ และประเมินผลการดาํ เนินงานเพ่อื ใหก้ ารใชจ้ ่ายงบประมาณเกดิ ผลสัมฤทธ์สิ ูงสดุ มาตรา ๙ เพ่ือประโยชน์เก่ียวกับการงบประมาณ ให้หัวหน้าหน่วยรับงบประมาณมอบหมาย ผู้บริหารของหน่วยรับงบประมาณคนใดคนหนึ่งรับผิดชอบประสานงานเกี่ยวกับงบประมาณของหน่วยรับ งบประมาณน้นั โดยให้แจ้งสํานักงบประมาณทราบด้วย หมวด ๒ ลกั ษณะของงบประมาณ มาตรา ๑๐ งบประมาณประจาํ ปีท่เี สนอต่อรฐั สภา อยา่ งนอ้ ยต้องมเี อกสารประกอบ ดงั ตอ่ ไปน้ี (๑) คําแถลงประกอบงบประมาณแสดงฐานะและนโยบายการคลังและการเงิน สาระสําคัญ ของงบประมาณ และความสมั พนั ธร์ ะหวา่ งรายรับและงบประมาณรายจ่ายท่ขี อตั้ง (๒) รายรบั รายจ่ายเปรียบเทยี บระหว่างปีทล่ี ว่ งมาแลว้ ปปี ัจจบุ ัน และปที ี่ขอตั้งงบประมาณรายจา่ ย (๓) คาํ อธบิ ายเกย่ี วกบั ประมาณการรายรบั (๔) คําช้ีแจงเกี่ยวกับงบประมาณรายจ่ายท่ีขอตั้ง ซ่ึงรวมถึงการแสดงผลสัมฤทธิ์และประโยชน์ ทค่ี าดว่าจะได้รบั จากการใชจ้ า่ ยงบประมาณ และความสอดคลอ้ งกับยุทธศาสตรช์ าติ (๕) รายงานเกีย่ วกับสถานะทางการเงินโดยรวมของรัฐวิสาหกจิ (๖) รายงานเกี่ยวกับสถานะเงินนอกงบประมาณและแผนการใช้จ่ายเงินนอกงบประมาณ โดยรวมของหนว่ ยรับงบประมาณ (๗) คําอธบิ ายเก่ียวกบั หนี้ของรัฐบาลทงั้ ท่ีมีอย่แู ล้วในปจั จุบนั และหน้ที เี่ สนอเพ่ิมเตมิ
เล่ม ๑๓๕ ตอนท่ี ๙๒ ก หน้า ๕ ๑๑ พฤศจิกายน ๒๕๖๑ ราชกิจจานุเบกษา (๘) ผลการดาํ เนนิ งานและการใชจ้ า่ ยงบประมาณของปงี บประมาณที่ลว่ งมาแล้ว (๙) ร่างพระราชบญั ญัติงบประมาณรายจา่ ยประจาํ ปี มาตรา ๑๑ ในการเสนองบประมาณต่อรัฐสภานั้น ถ้าประมาณการรายรับประเภทรายได้ ตามท่ีมีกฎหมายให้อาํ นาจจัดเก็บอยแู่ ลว้ เป็นจํานวนต่าํ กวา่ งบประมาณรายจ่ายทั้งส้ินท่ีขอตัง้ ให้แถลงวธิ ีหาเงิน สว่ นทขี่ าดดุลต่อรฐั สภาด้วย แต่ถา้ เปน็ จาํ นวนสงู กว่าก็ให้แถลงวธิ ที ่จี ะจัดการแก่ส่วนทีเ่ กนิ ดุลนน้ั ด้วย ในกรณีที่ต้องมีการกู้เงินเพ่ือชดเชยการขาดดุลงบประมาณ ให้เป็นไปตามหลักเกณฑ์ที่บัญญัติ ไวใ้ นกฎหมายว่าด้วยวินัยการเงินการคลังของรฐั และกฎหมายว่าดว้ ยการบริหารหนส้ี าธารณะ มาตรา ๑๒ ในกรณีที่พระราชบัญญัติงบประมาณรายจ่ายประจําปีออกใช้ไม่ทันปีงบประมาณใหม่ ให้ใช้งบประมาณรายจ่ายประจําปงี บประมาณท่ีล่วงแล้วไปพลางก่อนได้ ท้ังนี้ ตามหลักเกณฑ์และเงื่อนไขที่ ผอู้ ํานวยการกําหนดโดยอนมุ ตั ินายกรัฐมนตรี มาตรา ๑๓ การเสนองบประมาณรายจ่ายเพ่ิมเติมต่อรัฐสภา ให้คณะรัฐมนตรีเสนอร่าง พระราชบัญญัติงบประมาณรายจ่ายเพิ่มเติม โดยให้แสดงเหตุผลและเงินท่ีพึงได้มาสําหรับจ่ายตาม งบประมาณรายจา่ ยเพิม่ เตมิ ท่ขี อต้งั ด้วย วิธีการจัดทาํ งบประมาณรายจ่ายเพ่มิ เติม ใหเ้ ป็นไปตามทีผ่ อู้ าํ นวยการกาํ หนด มาตรา ๑๔ งบประมาณรายจ่ายท่ีกาํ หนดในพระราชบัญญัติงบประมาณรายจ่ายประจําปีหรือ พระราชบญั ญตั ิงบประมาณรายจา่ ยเพิม่ เติม อาจจําแนกได้ดงั ต่อไปน้ี (๑) งบประมาณรายจา่ ยงบกลาง (๒) งบประมาณรายจ่ายของหน่วยรับงบประมาณ (๓) งบประมาณรายจ่ายบูรณาการ (๔) งบประมาณรายจ่ายบคุ ลากร (๕) งบประมาณรายจ่ายสําหรบั ทุนหมนุ เวยี น (๖) งบประมาณรายจ่ายเพ่ือการชําระหนี้ภาครฐั (๗) งบประมาณรายจ่ายเพื่อชดใชเ้ งนิ คงคลงั (๘) งบประมาณรายจา่ ยเพอ่ื ชดใชเ้ งินทุนสาํ รองจา่ ย
เล่ม ๑๓๕ ตอนที่ ๙๒ ก หนา้ ๖ ๑๑ พฤศจกิ ายน ๒๕๖๑ ราชกจิ จานุเบกษา การจําแนกรายจ่ายใดเป็นงบประมาณรายจ่ายตามประเภทท่ีกําหนดในวรรคหนึ่ง ให้เป็นไป ตามทผี่ อู้ าํ นวยการกําหนด มาตรา ๑๕ งบประมาณรายจ่ายงบกลาง ได้แก่ งบประมาณรายจ่ายท่ีต้ังไว้เพ่ือจัดสรรให้แก่ หนว่ ยรับงบประมาณใชจ้ ่าย โดยแยกตา่ งหากจากงบประมาณรายจา่ ยของหน่วยรับงบประมาณ และให้มี รายการเงนิ สาํ รองจ่ายเพือ่ กรณีฉกุ เฉินหรือจาํ เป็นด้วย มาตรา ๑๖ งบประมาณรายจ่ายบูรณาการ ได้แก่ งบประมาณรายจ่ายท่ีต้ังไว้สําหรับแผนงาน บูรณาการท่ีคณะรัฐมนตรีอนุมัติ โดยมหี น่วยรบั งบประมาณต้ังแตส่ องหน่วยขึน้ ไปร่วมกันรับผิดชอบดําเนินการ งบประมาณรายจ่ายที่ต้ังไว้สําหรับแผนงานบูรณาการตามวรรคหน่ึง ต้องสอดคล้องกับ ยุทธศาสตร์ชาติ มาตรา ๑๗ งบประมาณรายจ่ายบุคลากร ได้แก่ งบประมาณรายจ่ายท่ีกําหนดให้จ่าย เพอื่ การบรหิ ารงานบุคลากรภาครัฐ มาตรา ๑๘ งบประมาณรายจ่ายข้ามปีจะมีได้ในกรณีที่คาดว่าจะใช้งบประมาณรายจา่ ยให้เสร็จทัน ภายในปงี บประมาณไม่ได้ โดยต้องกาํ หนดเวลาสน้ิ สุดไวด้ ้วย การจัดทํางบประมาณรายจ่ายข้ามปีให้เป็นไปตามหลักเกณฑ์และวิธีการที่ผู้อํานวยการกําหนด โดยความเหน็ ชอบของคณะรัฐมนตรี หมวด ๓ หน้าท่แี ละอํานาจของผ้อู าํ นวยการ มาตรา ๑๙ ให้ผู้อํานวยการมีหน้าที่และอํานาจจัดทํางบประมาณกับปฏิบัติการอย่างอื่น ตามท่บี ญั ญตั ิไวใ้ นพระราชบญั ญตั ิน้ี และให้มีหน้าทีแ่ ละอาํ นาจเกี่ยวกบั การงบประมาณ ดงั ต่อไปนด้ี ้วย (๑) กําหนดยุทธศาสตร์การจัดสรรงบประมาณรายจ่ายประจําปี โดยความเห็นชอบของ คณะรฐั มนตรี เพื่อให้หนว่ ยรับงบประมาณใชเ้ ป็นแนวทางในการจัดทําคาํ ขอตัง้ งบประมาณรายจ่ายประจาํ ปี (๒) กําหนดหลกั เกณฑ์และวิธีการจัดทาํ กรอบประมาณการรายจา่ ย เพื่อใหก้ ารจดั ทํางบประมาณ สอดคลอ้ งกบั หลักการตามมาตรา ๒๓ (๓) เรียกให้หน่วยรับงบประมาณเสนอประมาณการรายรับและรายจ่ายและสถานะเงินนอก งบประมาณตามแบบและหลักเกณฑ์ พร้อมด้วยรายละเอียดท่ีผู้อาํ นวยการกําหนด
เลม่ ๑๓๕ ตอนท่ี ๙๒ ก หน้า ๗ ๑๑ พฤศจกิ ายน ๒๕๖๑ ราชกิจจานุเบกษา (๔) วิเคราะห์งบประมาณและการจ่ายเงินของหน่วยรับงบประมาณ รวมทั้งเสนอความเห็นต่อ คณะรัฐมนตรีเกีย่ วกบั งบประมาณของหนว่ ยงานของรฐั สภา ศาลยุติธรรม ศาลปกครอง ศาลรฐั ธรรมนูญ องคก์ รอสิ ระตามรัฐธรรมนญู และองคก์ รอยั การดว้ ย (๕) กาํ หนด เพ่มิ หรอื ลดเงนิ จัดสรรตามความจาํ เป็นของการปฏิบัตงิ าน (๖) กําหนดระยะเวลาของเงินจัดสรร (๗) ติดตามและประเมินผลการดําเนินงานตามแผนการปฏิบัติงานและแผนการใช้จ่ายงบประมาณ ของหนว่ ยรบั งบประมาณ (๘) ปฏิบัติหน้าท่ีตามท่ีกฎหมายอื่นบัญญัติให้เป็นหน้าที่และอํานาจของผู้อํานวยการ หรือ ตามทีค่ ณะรฐั มนตรหี รอื นายกรฐั มนตรีมอบหมาย มาตรา ๒๐ ให้ผู้อํานวยการเสนองบประมาณประจําปีต่อนายกรัฐมนตรี เพ่ือคณะรัฐมนตรี เสนอต่อรัฐสภาเป็นเวลาอยา่ งน้อยสามเดือนกอ่ นวนั เรมิ่ ปีงบประมาณนนั้ มาตรา ๒๑ เพื่อปฏิบัติการตามพระราชบัญญัตินี้ ให้ผู้อํานวยการมีอํานาจเรียกให้หน่วยรับ งบประมาณช้ีแจงข้อเท็จจริงตามท่ีเห็นสมควร และให้ผู้อํานวยการหรือพนักงานเจ้าหน้าที่ที่ผู้อํานวยการ มอบหมายมีอํานาจที่จะเข้าตรวจสรรพสมุด บัญชี เอกสาร และหลักฐานต่าง ๆ ของหน่วยรับ งบประมาณได้ มาตรา ๒๒ ให้พนักงานเจ้าหน้าท่ีท่ีผู้อํานวยการมอบหมายตามมาตรา ๒๑ เป็นเจ้าพนักงาน ตามประมวลกฎหมายอาญา หมวด ๔ การจัดทํางบประมาณ มาตรา ๒๓ การจัดทาํ งบประมาณต้องคาํ นึงถึงประมาณการรายรับและฐานะทางการคลังของ ประเทศ ความจําเป็นในการพัฒนาประเทศตามยุทธศาสตร์ชาติ แผนพัฒนาเศรษฐกิจและสังคมแห่งชาติ เสถียรภาพทางเศรษฐกิจภายในและภายนอกประเทศ ความเป็นธรรมทางสังคม นโยบายรัฐบาล และ ภารกิจของหน่วยรับงบประมาณ เพื่อให้เกิดประสิทธิภาพและความคุ้มค่าในการใช้จ่ายงบประมาณและ เกดิ ผลสมั ฤทธ์ใิ นการบริหารจัดการภาครัฐ
เลม่ ๑๓๕ ตอนที่ ๙๒ ก หนา้ ๘ ๑๑ พฤศจกิ ายน ๒๕๖๑ ราชกจิ จานุเบกษา มาตรา ๒๔ ในการจัดทํางบประมาณประจําปี ให้สํานักงบประมาณเป็นหน่วยงานหลัก โดยร่วมกับกระทรวงการคลัง สํานักงานคณะกรรมการพัฒนาการเศรษฐกิจและสังคมแห่งชาติ และ ธนาคารแห่งประเทศไทย เพือ่ ดําเนินการดงั ต่อไปนี้ (๑) กําหนดนโยบายงบประมาณประจําปี ประมาณการรายได้ วงเงินงบประมาณรายจ่าย และวิธีการเพ่ือชดเชยการขาดดุลงบประมาณ หรือการจัดการในกรณีท่ีประมาณการรายได้สูงกว่าวงเงิน งบประมาณ (๒) กําหนดสัดส่วนงบประมาณรายจ่ายเพ่ือการลงทุนและงบประมาณรายจ่ายเพื่อการชาํ ระหนี้ ภาครฐั ต่อกรอบวงเงนิ งบประมาณรายจา่ ยประจําปี (๓) กําหนดกรอบประมาณการรายจ่าย ประมาณการรายรับ และฐานะการคลังของรัฐบาล เป็นการลว่ งหนา้ ไมน่ อ้ ยกว่าสามปี เม่ือได้ดําเนินการตาม (๑) แล้ว ให้ผู้อํานวยการเสนอต่อคณะรัฐมนตรีเพ่ือพิจารณา ใหค้ วามเหน็ ชอบ ส่วนท่ี ๑ การขอตง้ั งบประมาณรายจ่าย มาตรา ๒๕ ภายใต้บังคับมาตรา ๒๘ ให้รัฐมนตรีเจ้าสังกัด หรือรัฐมนตรีซ่ึงกฎหมายกําหนด ให้มีหน้าที่กํากับหรือควบคุมกิจการของหน่วยรับงบประมาณ หรือรัฐมนตรีผู้รักษาการตามกฎหมาย มีหน้าท่ีรับผิดชอบในการย่ืนคําขอต้ังงบประมาณรายจ่ายของหน่วยรับงบประมาณนั้นต่อผู้อํานวยการ ตามหลกั เกณฑ์ วิธีการ และระยะเวลาทีผ่ ูอ้ ํานวยการกําหนด การย่ืนคําขอตั้งงบประมาณรายจ่ายตามวรรคหนึ่ง อย่างน้อยต้องแสดงวัตถุประสงค์ แผนการปฏิบัติงานและแผนการใช้จ่ายงบประมาณ และให้จัดส่งรายงานเก่ียวกับเงินนอกงบประมาณ ตามหลกั เกณฑ์และวธิ กี ารท่ผี ูอ้ าํ นวยการกาํ หนดด้วย มาตรา ๒๖ ในกรณีท่ีหน่วยรับงบประมาณจะต้องมีการก่อหน้ีผูกพันงบประมาณมากกว่า หนึ่งปีงบประมาณสําหรับรายการงบประมาณที่มีวงเงินต้ังแต่หน่ึงพันล้านบาทข้ึนไป ให้หน่วยรับงบประมาณ เสนอคณะรฐั มนตรีพจิ ารณาอนุมัติก่อนทจ่ี ะมีการย่ืนคาํ ขอตงั้ งบประมาณรายจ่ายตอ่ ผอู้ าํ นวยการ
เล่ม ๑๓๕ ตอนท่ี ๙๒ ก หน้า ๙ ๑๑ พฤศจกิ ายน ๒๕๖๑ ราชกจิ จานุเบกษา มาตรา ๒๗ การขอต้ังงบประมาณรายจ่ายของจังหวัดและกลุ่มจังหวัด ให้ผู้ว่าราชการจังหวัด และผู้ว่าราชการจังหวัดที่เป็นหัวหน้ากลมุ่ จังหวดั มีหน้าที่รับผิดชอบในการรวบรวมคาํ ขอต้ังงบประมาณรายจ่าย และยื่นต่อรัฐมนตรีเจ้าสังกัดเพ่ือเสนอต่อผู้อํานวยการ ทั้งน้ี ตามหลักเกณฑ์ วิธีการ และระยะเวลาที่ ผอู้ าํ นวยการกาํ หนด มาตรา ๒๘ การขอต้ังงบประมาณรายจ่ายของรัฐสภา ศาลยุติธรรม ศาลปกครอง ศาลรัฐธรรมนูญ องค์กรอิสระตามรัฐธรรมนูญ และองค์กรอัยการ ให้หน่วยงานของรัฐสภา ศาลยุติธรรม ศาลปกครอง ศาลรัฐธรรมนูญ องค์กรอิสระตามรัฐธรรมนูญ และองค์กรอัยการ ทําหน้าท่ีของหน่วยรับงบประมาณ โดยจะตอ้ งย่นื คาํ ขอต้งั งบประมาณรายจา่ ยต่อคณะรฐั มนตรีภายในระยะเวลาทค่ี ณะรัฐมนตรีกําหนด ให้นําความในมาตรา ๒๕ วรรคสอง มาใช้บังคับกับการยื่นคําขอตั้งงบประมาณรายจ่าย ตามมาตรานี้ดว้ ย มาตรา ๒๙ การขอตัง้ งบประมาณรายจา่ ยเพื่อสนับสนุนองค์กรปกครองสว่ นท้องถ่นิ เปน็ เงนิ อดุ หนนุ สําหรับการดําเนินการโดยท่ัวไปหรือสําหรับการดําเนินการในเร่ืองใดเรื่องหนึ่งเป็นการเฉพาะ ให้องค์กรปกครอง ส่วนท้องถิ่นย่ืนคําขอต้ังงบประมาณรายจ่ายต่อรัฐมนตรีว่าการกระทรวงมหาดไทยเพื่อเสนอต่อผู้อํานวยการ ทงั้ น้ี ตามหลกั เกณฑ์ วิธีการ และระยะเวลาทีผ่ ู้อํานวยการกาํ หนด การจัดสรรงบประมาณเป็นเงินอุดหนุนสําหรับการดําเนินการโดยท่ัวไปขององค์กรปกครองส่วนท้องถ่ิน ให้สํานักงบประมาณพิจารณาจัดสรรงบประมาณให้สอดคล้องกับกฎหมายว่าด้วยการกําหนดแผนและ ข้ันตอนการกระจายอํานาจใหแ้ ก่องคก์ รปกครองสว่ นทอ้ งถิ่น มาตรา ๓๐ การยื่นคําขอต้ังงบประมาณรายจ่ายประจําปีนั้น ถ้าหน่วยรับงบประมาณมิได้ยื่น ภายในกําหนดระยะเวลาตามท่ีผู้อํานวยการกําหนด หรือย่ืนคําขอโดยไม่มีรายงานเกี่ยวกับเงินนอก งบประมาณตามมาตรา ๒๕ และมาตรา ๒๘ ให้ผู้อํานวยการตั้งงบประมาณรายจ่ายประจําปีให้ได้ ตามท่เี หน็ สมควร ส่วนที่ ๒ งบประมาณรายจา่ ยบูรณาการ มาตรา ๓๑ เพ่อื ประโยชน์ในการจัดทํางบประมาณรายจ่ายบูรณาการ ให้มีการจัดทําแผนงาน บูรณาการซ่ึงประกอบด้วย เป้าหมายร่วม วัตถุประสงค์ งบประมาณรายจ่ายที่ต้องใช้ในการดําเนินการ
เลม่ ๑๓๕ ตอนที่ ๙๒ ก หนา้ ๑๐ ๑๑ พฤศจิกายน ๒๕๖๑ ราชกจิ จานุเบกษา ระยะเวลาการดําเนินการที่ชัดเจน สามารถวัดผลสัมฤทธิ์ได้ รวมท้ังภารกิจของหน่วยรับงบประมาณ ทีเ่ ป็นเจ้าภาพหลักและหนว่ ยรบั งบประมาณทเี่ กี่ยวข้อง เพอื่ ใหเ้ กิดความรวดเรว็ ประหยดั และลดความซ้าํ ซ้อน ท้งั นี้ ตามหลกั เกณฑแ์ ละวธิ ีการทีผ่ ูอ้ ํานวยการกาํ หนดโดยความเหน็ ชอบของคณะรัฐมนตรี มาตรา ๓๒ เม่ือคณะรัฐมนตรีอนุมัติแผนงานบูรณาการแล้ว การจัดทํางบประมาณรายจ่าย ตามแผนงานบรู ณาการ ให้เป็นไปตามหลักเกณฑ์และวิธีการท่ผี ู้อาํ นวยการกําหนด หมวด ๕ การบริหารงบประมาณรายจา่ ย มาตรา ๓๓ เว้นแต่จะมีกฎหมายบัญญัติไว้เป็นอย่างอื่น การบริหารงบประมาณรายจ่าย ตามกฎหมายว่าด้วยงบประมาณรายจา่ ย ให้เป็นไปตามระเบียบทีผ่ ู้อํานวยการกําหนด มาตรา ๓๔ เพื่อประโยชน์ในการบริหารงบประมาณรายจ่าย ให้หน่วยรับงบประมาณ จดั ทาํ แผนการปฏิบัติงานและแผนการใชจ้ ่ายงบประมาณตามกฎหมายว่าด้วยงบประมาณรายจ่ายเสนอต่อ ผอู้ าํ นวยการตามระเบยี บทผี่ ้อู ํานวยการกําหนด มาตรา ๓๕ งบประมาณรายจ่ายของหน่วยรับงบประมาณที่กําหนดไว้ตามกฎหมายว่าด้วย งบประมาณรายจ่าย จะโอนหรอื นําไปใชส้ ําหรบั หนว่ ยรบั งบประมาณอื่นมไิ ด้ เว้นแต่ (๑) มีพระราชบัญญัติให้โอนหรือนาํ ไปใช้ได้ (๒) ในกรณีที่มีพระราชกฤษฎีการวมหรือโอนส่วนราชการเข้าด้วยกันไม่ว่าจะมีผลเป็นการจัดตั้ง ส่วนราชการข้ึนใหม่หรือไม่ก็ตาม ให้โอนงบประมาณรายจ่ายของส่วนราชการท่ีถูกโอนหรือรวมเข้าด้วยกันน้ัน ไปเป็นของส่วนราชการท่ีรับโอนหรือที่รวมเข้าด้วยกัน หรือส่วนราชการที่จัดต้ังขึ้นใหม่ แล้วแต่กรณี ทั้งน้ี ตามที่กาํ หนดในพระราชกฤษฎกี าดงั กลา่ ว (๓) การโอนงบประมาณรายจา่ ยบรู ณาการภายใต้แผนงานบรู ณาการเดียวกัน (๔) การโอนงบประมาณรายจ่ายบคุ ลากรภายใต้แผนงานบคุ ลากรภาครัฐ การโอนงบประมาณรายจ่ายตาม (๓) และ (๔) ให้กระทําได้เท่าท่ีจําเป็นและไม่เกิดผลเสียหาย ต่อการดําเนินการตามแผนงานบูรณาการและแผนงานบุคลากรภาครัฐ ท้ังน้ี ตามระเบียบท่ีผู้อํานวยการกําหนด โดยความเห็นชอบของคณะรฐั มนตรี
เลม่ ๑๓๕ ตอนท่ี ๙๒ ก หน้า ๑๑ ๑๑ พฤศจกิ ายน ๒๕๖๑ ราชกิจจานุเบกษา มาตรา ๓๖ งบประมาณรายจ่ายของหน่วยรับงบประมาณท่ีกําหนดไว้ในแผนงานหรือรายการใด ตามกฎหมายว่าด้วยงบประมาณรายจ่าย หรือพระราชกฤษฎกี าตามมาตรา ๓๕ (๒) จะโอนหรอื นําไปใช้ ในแผนงานหรือรายการอ่ืนมิได้ เว้นแต่จะได้รับอนุมัติจากผู้อํานวยการ แต่ผู้อํานวยการจะอนุมัติมิได้ ในกรณีที่เป็นผลให้เพิ่มรายจ่ายประเภทเงินราชการลับ หรือเป็นแผนงานหรือโครงการใหม่ เว้นแต่ จะไดร้ ับอนมุ ตั จิ ากคณะรัฐมนตรี รายจ่ายรายการต่าง ๆ ท่ีกําหนดไว้ในงบประมาณรายจ่ายงบกลาง ให้ผู้อํานวยการมีอํานาจจัดสรร ให้หน่วยรับงบประมาณเบิกจ่ายโดยตรง หรือเบิกจ่ายในรายการต่าง ๆ ของหน่วยรับงบประมาณนั้น ๆ ไดต้ ามความจําเป็น ในกรณีท่ีมีความจําเป็นผ้อู ํานวยการโดยอนุมัตนิ ายกรัฐมนตรจี ะโอนงบประมาณรายจ่ายงบกลาง รายการใดรายการหนงึ่ ไปเพิม่ รายการอ่ืน ๆ ในงบกลางดว้ ยกันก็ได้ หมวด ๖ การควบคมุ งบประมาณ มาตรา ๓๗ ให้รฐั มนตรีเป็นผู้รับผิดชอบควบคุมการเบิกจ่ายเงนิ งบประมาณรายจ่ายของหน่วยรับ งบประมาณให้เป็นไปตามพระราชบัญญัติน้ี และกฎหมายว่าด้วยงบประมาณรายจ่าย และเพื่อการน้ี ให้รัฐมนตรีโดยความเห็นชอบของคณะรัฐมนตรีมีอํานาจออกระเบียบกําหนดหลักเกณฑ์ วิธีการ และเง่อื นไขเก่ียวกับการเบกิ จ่ายเงนิ ดังกล่าวด้วย เพื่อประโยชน์ในการควบคุมงบประมาณรายจ่าย ให้รัฐมนตรีมีอํานาจเรียกให้หน่วยรับงบประมาณ เสนอข้อเท็จจริงตามที่เห็นสมควร และให้มีอํานาจมอบหมายให้พนักงานเจ้าหน้าที่เข้าตรวจสรรพสมุด บัญชี เอกสาร และหลักฐานต่าง ๆ ของหน่วยรับงบประมาณได้ โดยให้ถือว่าพนักงานเจ้าหน้าท่ี ท่ีรฐั มนตรีมอบหมายเปน็ เจา้ พนกั งานตามประมวลกฎหมายอาญาด้วย มาตรา ๓๘ ใหร้ ัฐมนตรีเจ้าสงั กดั หรือรฐั มนตรีซ่ึงกฎหมายกําหนดใหม้ ีหน้าที่กาํ กับหรอื ควบคุม กิจการของหน่วยรับงบประมาณ หรือรัฐมนตรีผู้รักษาการตามกฎหมาย มีหน้าท่ีรับผิดชอบในการกํากับ หรือควบคุมการใช้จ่ายงบประมาณของหน่วยรับงบประมาณให้มีการใช้จ่ายงบประมาณภายในวงเงิน งบประมาณรายจา่ ยที่ได้รับจัดสรร และเป็นไปตามกฎหมายว่าด้วยวินยั การเงินการคลงั ของรัฐอย่างเคร่งครดั
เล่ม ๑๓๕ ตอนที่ ๙๒ ก หนา้ ๑๒ ๑๑ พฤศจิกายน ๒๕๖๑ ราชกจิ จานุเบกษา ในกรณีของหน่วยงานของรัฐสภา ศาลยุติธรรม ศาลปกครอง ศาลรัฐธรรมนูญ องค์กรอิสระ ตามรัฐธรรมนูญ และองค์กรอัยการ ให้ผู้รักษาการตามกฎหมายว่าด้วยการน้ันมีหน้าท่ีรับผิดชอบ ในการกาํ กับหรอื ควบคมุ การใช้จ่ายงบประมาณของหน่วยรับงบประมาณให้เปน็ ไปตามวรรคหนึ่ง มาตรา ๓๙ ให้หัวหน้าหน่วยรับงบประมาณมีหน้าที่ควบคุมการใช้งบประมาณรายจ่ายให้เป็นไป ตามแผนงานหรือรายการและภายในวงเงินงบประมาณรายจ่ายตามท่ีกําหนดไว้ในกฎหมายว่าด้วย งบประมาณรายจา่ ย หรือตามท่ีมกี ารโอน หรอื ได้รบั จัดสรรตามพระราชบัญญัตนิ ้ี มาตรา ๔๐ หน่วยรับงบประมาณจะจ่ายเงินหรือก่อหนี้ผูกพันได้แต่เฉพาะตามท่ีกําหนดไว้ ในกฎหมายว่าด้วยงบประมาณรายจ่ายหรือตามพระราชบัญญตั ินี้ หรอื ตามอํานาจทม่ี ีอยู่ตามกฎหมายอืน่ การจ่ายเงนิ หรือก่อหน้ผี ูกพนั ตามวรรคหนึง่ ต้องเปน็ ไปตามแผนการปฏบิ ตั งิ านและแผนการใชจ้ า่ ย งบประมาณท่ีได้รับความเห็นชอบจากผู้อํานวยการตามมาตรา ๓๔ โดยต้องได้รับอนุมัติเงินจัดสรร จากผู้อํานวยการก่อนการจ่ายเงินหรือก่อหน้ีผูกพัน เว้นแต่กรณีท่ีเป็นรายจ่ายตามงบประมาณรายจ่ายบุคลากร และรายจ่ายอื่นที่ผู้อํานวยการกําหนดโดยความเห็นชอบของคณะรัฐมนตรี ให้หน่วยรับงบประมาณจ่ายเงิน หรือก่อหนผ้ี กู พนั ได้โดยไมต่ อ้ งขออนมุ ตั เิ งนิ จัดสรร ในกรณีท่ีมีความจําเป็นและเร่งด่วน คณะรัฐมนตรีมีอํานาจอนุมัติให้หน่วยรับงบประมาณจ่ายเงิน หรอื ก่อหนีผ้ กู พันงบประมาณรายจา่ ยกอ่ นได้รบั เงินจดั สรรตามวรรคหนึ่ง มาตรา ๔๑ รายการงบประมาณรายจ่ายตามกฎหมายว่าด้วยงบประมาณรายจ่ายท่ีจะต้อง ก่อหน้ีผูกพันข้ามปีงบประมาณ ให้ผู้อํานวยการรวบรวมรายการงบประมาณรายจา่ ยท่ีจะต้องกอ่ หน้ีผกู พัน และวงเงินท่ีคาดว่าจะตอ้ งก่อหนี้ผูกพันงบประมาณรายจ่ายในปีต่อ ๆ ไป รวมท้ังจํานวนเงินเผื่อเหลอื เผือ่ ขาด เสนอให้คณะรัฐมนตรีพิจารณาอนุมัติการก่อหน้ีผูกพันภายในหกสิบวันนับแต่วันท่ีกฎหมายว่าด้วย งบประมาณรายจ่ายมีผลใช้บังคับ และเม่ือคณะรัฐมนตรีอนุมัติแล้ว ให้หน่วยรับงบประมาณดําเนินการ ตามระเบยี บที่ผูอ้ าํ นวยการกาํ หนดโดยความเห็นชอบของคณะรฐั มนตรี มาตรา ๔๒ ในกรณีที่มีความจําเป็นและเร่งด่วนเพื่อประโยชน์ในการบริหารราชการแผ่นดิน และมิใช่กรณีตามมาตรา ๔๑ คณะรัฐมนตรีมีอํานาจอนุมัติให้หน่วยรับงบประมาณก่อหน้ีผูกพันเกินกว่า หรือนอกเหนอื ไปจากทก่ี าํ หนดไวใ้ นกฎหมายวา่ ดว้ ยงบประมาณรายจ่ายได้ เมื่อคณะรัฐมนตรีอนุมัติการก่อหนี้ผูกพันตามวรรคหน่ึงแล้ว ให้หน่วยรับงบประมาณดําเนินการ กอ่ หนผ้ี กู พันงบประมาณรายจา่ ยตามระเบียบทีผ่ อู้ ํานวยการกําหนดในมาตรา ๔๑ ดว้ ยโดยอนโุ ลม
เล่ม ๑๓๕ ตอนท่ี ๙๒ ก หนา้ ๑๓ ๑๑ พฤศจกิ ายน ๒๕๖๑ ราชกิจจานุเบกษา มาตรา ๔๓ การขอเบิกเงินจากคลังตามงบประมาณรายจ่ายประจําปีงบประมาณใด ให้กระทําได้ แตเ่ ฉพาะภายในปงี บประมาณน้ัน ในกรณีท่ีไม่สามารถเบิกเงินจากคลังได้ภายในปีงบประมาณ ให้ขยายเวลาขอเบิกเงินจากคลังได้ เฉพาะในกรณีที่หน่วยรับงบประมาณได้ก่อหน้ีผูกพันไว้ก่อนส้ินปีงบประมาณ และได้มีการกันเงินไว้ ตามระเบียบเกย่ี วกับการเบิกจ่ายเงินจากคลังแลว้ การขยายเวลาขอเบิกเงินจากคลังตามวรรคสอง ให้ขยายออกไปได้อีกไม่เกินหกเดือนของ ปงี บประมาณถัดไป เว้นแต่มีความจาํ เป็นต้องขอเบกิ เงินจากคลงั ภายหลังเวลาดังกล่าว ให้ขอทําความตกลง กบั กระทรวงการคลงั เพอ่ื ขอขยายเวลาออกไปได้อกี ไม่เกินหกเดอื น มาตรา ๔๔ ในกรณีท่ีเป็นงบประมาณรายจ่ายข้ามปี การขอเบิกเงินจากคลังให้กระทําได้ แต่เฉพาะภายในเวลาที่กําหนดไว้ในกฎหมายว่าด้วยงบประมาณรายจ่าย เว้นแต่เป็นงบประมาณรายจ่ายข้ามปี ที่ได้ก่อหน้ีผูกพันไว้ก่อนสิ้นกําหนดเวลา และได้มีการกันเงินไว้ตามระเบียบเก่ียวกับการเบิกจ่ายเงินจากคลัง ก็ให้ขยายเวลาขอเบิกเงินจากคลังต่อไปได้อีกไม่เกินหกเดือน แต่หากมีความจําเป็นต้องขอเบิกเงินจากคลัง ภายหลงั เวลาดังกลา่ ว ให้ขอทําความตกลงกับกระทรวงการคลงั เพือ่ ขอขยายเวลาออกไปไดอ้ ีกไม่เกินหกเดอื น มาตรา ๔๕ ให้มีเงินทุนจํานวนหน่ึงโดยให้รัฐมนตรีจ่ายจากคลัง เรียกว่า “เงินทุนสํารองจ่าย” เป็นจํานวนห้าหม่ืนล้านบาท เงินทุนนี้ให้นําไปจ่ายได้ในกรณีที่มีความจําเป็นและเร่งด่วนเพื่อประโยชน์แก่ ราชการแผ่นดิน และงบประมาณรายจ่ายงบกลาง รายการเงินสํารองจ่ายเพ่ือกรณีฉุกเฉินหรือจําเป็น ไม่เพียงพอ ท้ังนี้ โดยอนุมัติคณะรัฐมนตรี และเมื่อได้จ่ายเงนิ ไปแลว้ ให้ต้ังงบประมาณรายจ่ายเพ่ือชดใช้ ในกฎหมายว่าด้วยงบประมาณรายจ่ายเพอื่ สมทบเงนิ ทุนน้ันไวจ้ ่ายต่อไปในโอกาสแรก หมวด ๗ การประเมินผลและการรายงาน สว่ นที่ ๑ การประเมนิ ผล มาตรา ๔๖ ให้ผู้อํานวยการจัดวางระบบการติดตามและประเมินผลการดําเนินงานตามแผน การปฏิบัติงานและแผนการใช้จ่ายงบประมาณของหน่วยรับงบประมาณท่ีได้รับการจัดสรรงบประมาณ
เล่ม ๑๓๕ ตอนท่ี ๙๒ ก หนา้ ๑๔ ๑๑ พฤศจิกายน ๒๕๖๑ ราชกิจจานุเบกษา เพื่อการวัดผลสัมฤทธิ์หรือประโยชน์ท่ีจะได้รับจากการใช้จ่ายงบประมาณ โดยในระบบการติดตามและ ประเมินผลการดําเนินงานให้ประกอบด้วย การติดตามและประเมินผลก่อนการจัดสรรงบประมาณ ระหวา่ งการใชจ้ า่ ยงบประมาณ และภายหลงั จากการใช้จ่ายงบประมาณ มาตรา ๔๗ ให้หน่วยรับงบประมาณจัดให้มีระบบการติดตามและประเมินผล การดําเนินงาน ตามแผนการปฏิบัติงานและแผนการใช้จ่ายงบประมาณภายในหน่วยรับงบประมาณตามหลักเกณฑ์และ วิธีการที่ผู้อํานวยการกําหนด และให้ถือว่าการประเมินผลเป็นส่วนหนึ่งของกระบวนการบริหารงบประมาณ ท่ตี อ้ งดําเนนิ การอย่างตอ่ เนื่องและเปิดเผยตอ่ สาธารณชนดว้ ย มาตรา ๔๘ ในกรณีท่ีการประเมินผลสัมฤทธ์ิของการใช้จ่ายงบประมาณรายจ่ายของหน่วยรับ งบประมาณใดไม่ได้ตามเป้าหมายหรอื ตัวชวี้ ัดที่กําหนด ใหผ้ อู้ ํานวยการจดั ทาํ ข้อเสนอแนะการปรับปรุงแก้ไข เพ่ือให้หน่วยรับงบประมาณปรับปรุงแก้ไขภายในระยะเวลาท่ีกําหนด และรายงานรัฐมนตรีเจ้าสังกัด หรือรัฐมนตรีซ่ึงกฎหมายกําหนดให้มีหน้าท่ีกํากับหรือควบคุมกิจการของหน่วยรับงบประมาณ หรือ รฐั มนตรีผูร้ กั ษาการตามกฎหมาย เพอ่ื ทราบ ในกรณที ่ีหน่วยรับงบประมาณไม่สามารถปรบั ปรุงแก้ไขภายในระยะเวลาท่ีกําหนดตามวรรคหน่ึง ใหผ้ อู้ ํานวยการรายงานตอ่ คณะรัฐมนตรเี พ่ือสงั่ การตามทีเ่ หน็ สมควร ส่วนที่ ๒ การรายงาน มาตรา ๔๙ เม่ือสิ้นปีงบประมาณ ให้รัฐมนตรีประกาศรายงานการรับจ่ายเงินงบประมาณประจําปี ท่สี ้ินสดุ น้ันและเงินทุนสํารองจ่ายในราชกจิ จานเุ บกษาภายในหกสิบวนั มาตรา ๕๐ ให้หน่วยรับงบประมาณรายงานผลการใช้จ่ายงบประมาณรายจ่ายในปีงบประมาณ ท่ีส้ินสุดรวมท้ังผลการปฏิบัติงานให้ผู้อํานวยการทราบภายในส่ีสิบห้าวันนับแต่วันส้ินปีงบประมาณ เพื่อผู้อํานวยการจัดทํารายงานผลการใช้จ่ายงบประมาณรายจ่ายและผลการปฏิบัติงานของหน่วยรับงบประมาณ เสนอตอ่ คณะรฐั มนตรีภายในเกา้ สิบวนั นบั แตว่ ันสิน้ ปีงบประมาณ มาตรา ๕๑ ให้ผู้อํานวยการรายงานการโอนงบประมาณรายจ่ายงบกลางระหว่างรายการ ที่กําหนดไว้ในงบประมาณรายจ่ายงบกลาง หรือการโอนงบประมาณรายจ่ายบูรณาการและงบประมาณ
เลม่ ๑๓๕ ตอนท่ี ๙๒ ก หน้า ๑๕ ๑๑ พฤศจกิ ายน ๒๕๖๑ ราชกิจจานุเบกษา รายจ่ายบุคลากรระหว่างหน่วยรับงบประมาณเสนอต่อคณะรัฐมนตรีเพ่ือรายงานต่อรัฐสภาภายในสามสิบวัน นบั แต่วนั ส้ินปีงบประมาณนั้น หมวด ๘ ความรับผิด มาตรา ๕๒ ข้าราชการ พนักงานราชการ ลูกจ้าง หรือเจ้าหน้าที่ของรัฐในหน่วยรับงบประมาณ ผใู้ ดจ่ายเงินหรือก่อหนี้ผูกพัน หรือโดยรู้อยู่แล้วยินยอมให้กระทําการดงั กล่าวน้ันโดยฝ่าฝืนพระราชบัญญัติน้ี หรือระเบียบท่ีออกตามพระราชบัญญัตนิ ี้ นอกจากความรับผิดทางอาญาซ่ึงอาจได้รบั ตามกฎหมายอ่นื แล้ว ผู้กระทําหรือผู้ยินยอมให้กระทําการดังกล่าวจะต้องรับผิดชดใช้เงินงบประมาณที่หน่วยรับงบประมาณได้ จ่ายไปหรอื ต้องผูกพันจะต้องจ่าย ตลอดจนค่าสินไหมทดแทนใด ๆ ใหแ้ กห่ น่วยรับงบประมาณนั้น บคุ คลภายนอกผูไ้ ด้รบั ประโยชน์จากการกระทําตามวรรคหนึ่ง จะต้องรว่ มรับผดิ กับผู้กระทาํ การ ฝ่าฝนื ด้วย เว้นแต่จะแสดงได้ว่าตนได้กระทาํ ไปโดยสจุ ริตไม่รู้เท่าถงึ การฝา่ ฝืนพระราชบัญญัติหรือระเบียบ ดงั กล่าว ความในวรรคหนึ่งไม่ใช้บังคับแก่ข้าราชการ พนักงานราชการ ลูกจ้าง หรือเจ้าหน้าที่ของรัฐ ซ่ึงได้ทักท้วงคําสั่งของผู้บังคับบัญชาหรือได้บันทึกข้อโต้แย้งไว้เป็นหนังสือแล้วว่า การที่จะปฏิบัติ ตามคําสง่ั น้ันอาจไมช่ อบดว้ ยกฎหมายหรอื ระเบยี บ บทเฉพาะกาล มาตรา ๕๓ ในกรณีที่กฎหมายใดท่ีมีผลใช้บังคับอยู่ในวันก่อนวันที่พระราชบัญญัติน้ีใช้บังคับ บัญญัติบทนิยามคําว่า “รัฐวิสาหกิจ” ให้หมายความว่า รัฐวิสาหกิจตามกฎหมายว่าด้วยวิธีการงบประมาณ หรือมีการอ้างอิงรัฐวสิ าหกิจตามกฎหมายว่าด้วยวิธีการงบประมาณ ให้ถือว่าบทนิยามหรือการอ้างอิงดังกล่าว ในกฎหมายนั้นยังคงมีความหมายหรือเป็นการอ้างอิงความหมายตามบทนิยามคําว่า “รัฐวิสาหกิจ” ตามมาตรา ๔ แห่งพระราชบัญญัตวิ ธิ กี ารงบประมาณ พ.ศ. ๒๕๐๒ และทแ่ี ก้ไขเพ่ิมเติม ความในวรรคหน่ึงให้ใช้บังคับกับกฎที่มีผลใช้บังคับอยู่ในวันก่อนวันท่ีพระราชบัญญัติน้ีใช้บังคับ ท่ีมีการกําหนดบทนิยามคําว่า “รัฐวิสาหกิจ” หมายความว่า รัฐวิสาหกิจตามกฎหมายว่าด้วยวิธี การงบประมาณ หรือมกี ารอา้ งองิ รัฐวสิ าหกจิ ตามกฎหมายว่าด้วยวธิ กี ารงบประมาณดว้ ย
เลม่ ๑๓๕ ตอนที่ ๙๒ ก หนา้ ๑๖ ๑๑ พฤศจกิ ายน ๒๕๖๑ ราชกิจจานุเบกษา ภายในห้าปีนับแต่วันท่ีพระราชบัญญัตินี้ใช้บังคับ ให้มีการดําเนินการปรับปรุงหรือแก้ไขเพิ่มเติม บทนิยามคาํ ว่า “รฐั วิสาหกิจ” หรอื การอ้างอิงรัฐวิสาหกิจในกฎหมายตามวรรคหน่ึงหรือในกฎตามวรรคสอง ให้แล้วเสรจ็ มาตรา ๕๔ การจัดทําและการเสนองบประมาณรายจ่ายประจําปีท่ีได้ดําเนินการตาม พระราชบัญญัติวิธีการงบประมาณ พ.ศ. ๒๕๐๒ และท่ีแก้ไขเพิ่มเติม แต่ยังไม่แล้วเสร็จในวันก่อนวันที่ พระราชบัญญัตินี้ใช้บังคับ ให้อยู่ในบังคับของบทบัญญัติตามพระราชบัญญัติวิธีการงบประมาณ พ.ศ. ๒๕๐๒ และทแี่ ก้ไขเพิ่มเตมิ จนกว่าจะแลว้ เสรจ็ มาตรา ๕๕ เว้นแต่เป็นกรณีที่บัญญัติไว้ในมาตรา ๕๖ และมาตรา ๕๗ ในกรณีท่ีหน่วยรับ งบประมาณไดม้ ีการก่อหนี้ผูกพันไว้ตามพระราชบญั ญัติวิธกี ารงบประมาณ พ.ศ. ๒๕๐๒ และที่แก้ไขเพมิ่ เติม และได้มีการกันเงินไวต้ ามระเบยี บเกยี่ วกบั การเบิกจ่ายเงนิ จากคลงั แล้ว ให้ดําเนินการตามพระราชบัญญัติ วิธีการงบประมาณ พ.ศ. ๒๕๐๒ และที่แก้ไขเพิ่มเติมต่อไปได้ ท้ังนี้ ให้ดําเนินการเบิกจ่ายให้แล้วเสร็จ ภายในวันที่ ๓๐ กนั ยายน พ.ศ. ๒๕๖๓ มาตรา ๕๖ ให้งบประมาณรายจ่ายของปีงบประมาณ พ.ศ. ๒๕๖๐ ประเภทงบกลาง รายการคา่ ใช้จ่ายเก่ียวกับการเสด็จพระราชดาํ เนินและต้อนรบั ประมุขต่างประเทศ ค่าใชจ้ ่ายตามโครงการ อันเน่ืองมาจากพระราชดําริ ค่าใช้จา่ ยชดใช้เงินทดรองราชการเพ่ือช่วยเหลือผู้ประสบภัยพิบตั ิกรณีฉุกเฉิน และเงินสํารองจ่ายเพื่อกรณีฉุกเฉินหรือจําเป็น ท่ียังมิได้มีการก่อหน้ีผูกพัน แต่ได้มีการกันเงินและ ขอขยายเวลาขอเบิกเงินจากคลังไว้ตามพระราชบัญญัติวิธีการงบประมาณ พ.ศ. ๒๕๐๒ และที่แก้ไขเพ่ิมเติม ให้ดาํ เนินการเบิกจ่ายให้แล้วเสรจ็ ภายในวนั ที่ ๓๐ กันยายน พ.ศ. ๒๕๖๓ มาตรา ๕๗ ในกรณีท่ีมีการจัดสรรงบประมาณรายจ่ายของปีงบประมาณ พ.ศ. ๒๕๖๑ ประเภทงบกลาง ให้ดําเนินการตามพระราชบัญญัติวิธีการงบประมาณ พ.ศ. ๒๕๐๒ และที่แก้ไขเพ่ิมเติม โดยให้ก่อหน้ีผูกพันให้แล้วเสร็จภายในวันที่ ๓๐ กันยายน พ.ศ. ๒๕๖๒ และดําเนินการเบิกจ่ายให้แล้วเสร็จ ภายในวันท่ี ๓๐ กันยายน พ.ศ. ๒๕๖๓ มาตรา ๕๘ บรรดากฎ ระเบียบ ข้อบังคับ หรือหลักเกณฑ์ท่ีออกไว้โดยอาศัยอํานาจแห่ง พระราชบัญญัติวิธีการงบประมาณ พ.ศ. ๒๕๐๒ และที่แก้ไขเพ่ิมเติม ให้ยังคงใช้บังคับต่อไปเพียงเท่าท่ี ไม่ขดั หรอื แยง้ กับพระราชบญั ญัติน้จี นกวา่ จะมีการออกระเบยี บหรอื หลักเกณฑต์ ามพระราชบญั ญัตนิ ี้
เลม่ ๑๓๕ ตอนท่ี ๙๒ ก หนา้ ๑๗ ๑๑ พฤศจิกายน ๒๕๖๑ ราชกจิ จานุเบกษา การออกระเบียบหรือหลักเกณฑ์ตามพระราชบัญญัติน้ี ให้ดําเนินการให้แล้วเสร็จเพ่ือให้มีผลใช้บังคับ ภายในหนง่ึ ปีนบั แตว่ ันท่พี ระราชบญั ญตั ินใี้ ชบ้ ังคบั มาตรา ๕๙ บรรดากฎ ระเบียบ ข้อบังคับ หรือหลักเกณฑ์ท่ีออกไว้โดยอาศัยอํานาจตาม มาตรา ๒๑ และมาตรา ๒๔ แห่งพระราชบัญญัติวิธีการงบประมาณ พ.ศ. ๒๕๐๒ และท่ีแก้ไขเพ่ิมเติม ให้ยังคงใช้บังคับต่อไปเพียงเท่าที่ไม่ขัดหรือแย้งกับกฎหมายว่าด้วยวินัยการเงินการคลังของรัฐหรือ พระราชบัญญัติน้ีจนกว่าจะมีการออกกฎ ระเบียบ หรือหลักเกณฑ์ตามกฎหมายว่าด้วยวินัยการเงิน การคลงั ของรัฐ มาตรา ๖๐ เมื่อพระราชบัญญัตินี้มีผลใช้บังคับแล้ว กรณีที่จะมีการโอนงบประมาณรายจ่าย ใหป้ ฏิบตั ติ ามพระราชบญั ญตั นิ ้ีแทน มาตรา ๖๑ ให้กระทรวงการคลังนําเงินทุ นสํารองจ่ายตามมาตรา ๒๙ ทวิ แห่ ง พระราชบัญญัติวิธีการงบประมาณ พ.ศ. ๒๕๐๒ ซ่ึงแก้ไขเพ่ิมเติมโดยพระราชบัญญัติวิธีการงบประมาณ (ฉบับที่ ๒) พ.ศ. ๒๕๐๓ ส่งคลังใหแ้ ลว้ เสร็จภายในสามสบิ วันนับแตว่ ันทพ่ี ระราชบัญญตั ิน้ใี ช้บังคับ ผู้รับสนองพระราชโองการ พลเอก ประยุทธ์ จนั ทรโ์ อชา นายกรัฐมนตรี
เล่ม ๑๓๕ ตอนท่ี ๙๒ ก หน้า ๑๘ ๑๑ พฤศจกิ ายน ๒๕๖๑ ราชกิจจานุเบกษา หมายเหตุ :- เหตุผลในการประกาศใช้พระราชบญั ญตั ิฉบับนี้ คือ โดยที่กฎหมายว่าด้วยวธิ ีการงบประมาณได้ใช้บังคับ มาเป็นเวลานาน สมควรปรับปรุงหลักเกณฑ์เก่ียวกับการจัดทํางบประมาณ การบริหารงบประมาณรายจ่าย การควบคุมงบประมาณ รวมถึงการประเมินผลและการรายงานการใช้จ่ายงบประมาณ เพื่อให้กระบวนการจัดสรร งบประมาณของประเทศมีลักษณะที่มุ่งเป้าหมายและผลสัมฤทธ์ิของงบประมาณเป็นสําคัญ และเพื่อให้ เกิดประสทิ ธภิ าพและความคุ้มค่าในการใช้จา่ ยงบประมาณยง่ิ ขนึ้ จึงจาํ เป็นต้องตราพระราชบญั ญัตนิ ี้
หน้า ๙ ๑๓ พฤษภาคม ๒๕๖๒ เล่ม ๑๓๖ ตอนพิเศษ ๑๒๐ ง ราชกิจจานเุ บกษา ระเบียบกระทรวงการคลัง ว่าดว้ ยการเบกิ เงนิ จากคลงั การรับเงนิ การจ่ายเงนิ การเกบ็ รกั ษาเงนิ และการนาเงนิ สง่ คลงั พ.ศ. ๒๕๖๒ โดยที่เป็นการสมควรปรับปรุงระเบียบการเบิกจ่ายเงินจากคลัง การเก็บรักษาเงินและการนา เงินส่งคลัง พ.ศ. ๒๕๕๑ ให้มีความสอดคล้องกับพระราชบัญญัติวินัยการเงินการคลังของรัฐ พ.ศ. ๒๕๖๑ พระราชบัญญัติวิธีการงบประมาณ พ.ศ. ๒๕๖๑ และแผนยุทธศาสตร์การพัฒนา โครงสร้างพน้ื ฐานระบบการชาระเงนิ แบบอิเล็กทรอนิกส์แหง่ ชาติ (National e-Payment Master Plan) ตลอดจนเพื่อรองรับการปฏิบัติงานด้านการเงินการคลังตามระบบการบริหารการเงินการคลังภาครัฐ ด้วยระบบอิเล็กทรอนิกส์ (Government Fiscal Management Information System: GFMIS) เปน็ New GFMIS Thai อาศัยอานาจตามความในมาตรา ๓๙ และมาตรา ๖๑ วรรคสาม แห่งพระราชบัญญัติ วินัยการเงินการคลังของรัฐ พ.ศ. ๒๕๖๑ รัฐมนตรีว่าการกระทรวงการคลังโดยความเห็นชอบ ของคณะรัฐมนตรี จงึ วางระเบียบไว้ ดงั ตอ่ ไปน้ี ขอ้ ๑ ระเบียบนี้เรียกว่า “ระเบียบกระทรวงการคลัง ว่าด้วยการเบิกเงินจากคลัง การรบั เงิน การจา่ ยเงิน การเกบ็ รักษาเงนิ และการนาเงนิ สง่ คลัง พ.ศ. ๒๕๖๒” ขอ้ ๒ ระเบยี บนี้ให้ใช้บงั คับต้งั แตว่ ันถัดจากวนั ประกาศในราชกจิ จานุเบกษาเป็นต้นไป ข้อ ๓ ให้ยกเลิก (๑) ระเบยี บการเบกิ จา่ ยเงินจากคลงั การเก็บรักษาเงนิ และการนาเงนิ สง่ คลงั พ.ศ. ๒๕๕๑ (๒) ระเบียบการเบิกจ่ายเงินจากคลัง การเก็บรักษาเงินและการนาเงินส่งคลัง (ฉบับท่ี ๒) พ.ศ. ๒๕๖๑ (๓) ระเบียบการเก็บรักษาเงินและการนาเงินส่งคลังในหน้าท่ีของอาเภอและกิ่งอาเภอ พ.ศ. ๒๕๒๐ บรรดาระเบียบหรือข้อบังคับอื่นใดในส่วนท่ีกาหนดไว้แล้วในระเบียบน้ี หรือซ่ึงขัดหรือแย้งกบั ระเบยี บนี้ ใหใ้ ชร้ ะเบยี บนี้แทน ข้อ ๔ ในระเบียบน้ี “หน่วยงานของรัฐ” หมายความว่า ส่วนราชการ รัฐวิสาหกิจ หน่วยงานของรัฐสภา ศาลยุติธรรม ศาลปกครอง ศาลรฐั ธรรมนญู องคก์ รอิสระตามรัฐธรรมนูญ องค์กรอัยการ องค์การมหาชน ทุนหมุนเวียนท่ีมีฐานะเป็นนิติบุคคล องค์กรปกครองส่วนท้องถ่ิน และหน่วยงานอื่นของรัฐ ตามทีก่ ฎหมายกาหนด
หน้า ๑๐ ๑๓ พฤษภาคม ๒๕๖๒ เล่ม ๑๓๖ ตอนพิเศษ ๑๒๐ ง ราชกิจจานเุ บกษา “หน่วยงานผู้เบิก” หมายความว่า หน่วยงานของรัฐที่ได้รับจัดสรรงบประมาณรายจ่ายและ เบกิ เงินจากกรมบัญชีกลางหรือสานักงานคลังจังหวัด แล้วแตก่ รณี “ส่วนราชการ” หมายความว่า กระทรวง ทบวง กรม หรือส่วนราชการท่ีเรียกช่ืออย่างอื่น และมีฐานะเป็นกรม และให้หมายความรวมถึงจังหวัดและกลุ่มจังหวัดตามกฎหมายว่าด้วยระเบียบ บริหารราชการแผน่ ดนิ ด้วย “รัฐวิสาหกิจ” หมายความว่า รัฐวิสาหกิจตามกฎหมายว่าด้วยวินัยการเงินการคลังของรัฐ และกฎหมายวา่ ดว้ ยวิธกี ารงบประมาณ “องค์กรปกครองส่วนท้องถนิ่ ” หมายความว่า องค์การบรหิ ารส่วนจงั หวดั เทศบาล องคก์ าร บริหารสว่ นตาบล กรุงเทพมหานคร เมืองพัทยา และองคก์ รปกครองส่วนทอ้ งถ่นิ อ่นื ท่มี ีกฎหมายจัดตงั้ “หนว่ ยงานยอ่ ย” หมายความวา่ หน่วยงานในสงั กัดของส่วนราชการในราชการบริหารสว่ นกลาง หรือในราชการบริหารส่วนภูมิภาค หรือที่ตั้งอยู่ในอาเภอ ซึ่งมิได้เบิกเงินจากกรมบัญชีกลาง หรือสานักงานคลังจังหวัด แตเ่ บกิ เงนิ ผา่ นส่วนราชการทีเ่ ปน็ หน่วยงานผเู้ บิก “คลัง” หมายความว่า ที่เก็บรักษาเงินแผ่นดินของกระทรวงการคลัง และให้หมายความรวมถึง บญั ชเี งินฝากทธ่ี นาคารแห่งประเทศไทยเพ่ือการนี้ดว้ ย “ผู้อานวยการกองคลัง” ให้หมายความรวมถึง เลขานุการกรม หรือผู้ดารงตาแหน่งอื่นใด ซงึ่ ปฏิบัตงิ านในลกั ษณะเชน่ เดียวกนั ดว้ ย “เจ้าหน้าที่การเงิน” หมายความว่า หัวหน้าฝ่ายการเงิน หรือผู้ดารงตาแหน่งอ่ืน ซ่ึงปฏิบัติงานในลักษณะเช่นเดียวกันกับหัวหน้าฝ่ายการเงิน และให้หมายความรวมถึงเจ้าหน้าท่ี รับจา่ ยเงินของส่วนราชการด้วย “สานักงานการตรวจเงินแผน่ ดนิ ” ให้หมายความรวมถึง สานักงานการตรวจเงินแผน่ ดินภมู ิภาค และสานักตรวจเงนิ แผน่ ดินจงั หวดั ด้วย “งบรายจา่ ย” หมายความว่า งบรายจ่ายตามระเบยี บว่าดว้ ยการบริหารงบประมาณ “หลักฐานการจ่าย” หมายความว่า หลักฐานที่แสดงว่าได้มีการจ่ายเงินให้แก่ผู้รับหรือเจ้าหน้ี ตามข้อผูกพนั โดยถูกต้องแลว้ “เงินยืม” หมายความวา่ เงินทสี่ ่วนราชการจา่ ยให้แก่บุคคลใดบุคคลหน่ึงยืมเพ่ือเปน็ คา่ ใชจ้ ่าย ในการเดินทางไปราชการหรือการปฏิบัติราชการอื่นใด ทั้งนี้ ไม่ว่าจะจ่ายจากงบประมาณรายจ่าย หรอื เงินนอกงบประมาณ “ตนู้ ิรภยั ” หมายความว่า ตเู้ หล็กอนั ม่ันคงซ่ึงใชส้ าหรับเกบ็ รักษาเงินของทางราชการ “เงินรายได้แผ่นดิน” หมายความว่า เงินท้ังปวงท่ีหน่วยงานของรัฐจัดเก็บหรือได้รับไว้ เป็นกรรมสิทธ์ิตามกฎหมาย ระเบียบ ข้อบังคับ หรือจากนิติกรรมหรือนิติเหตุและกฎหมายว่าด้วย เงินคงคลัง และกฎหมายว่าด้วยวินัยการเงินการคลังของรัฐ บัญญัติไม่ให้หน่วยงานของรัฐน้ัน นาไปใชจ้ ่ายหรือหกั ไว้เพอื่ การใด ๆ
หน้า ๑๑ ๑๓ พฤษภาคม ๒๕๖๒ เล่ม ๑๓๖ ตอนพเิ ศษ ๑๒๐ ง ราชกิจจานุเบกษา “เงินเบิกเกินส่งคืน” หมายความว่า เงินงบประมาณรายจ่ายที่ส่วนราชการเบิกจากคลังไปแล้ว แต่ไม่ได้จ่ายหรือจ่ายไม่หมด หรือจ่ายไปแล้วแต่ถูกเรียกคืน และได้นาส่งคลังก่อนส้ินปีงบประมาณ หรอื กอ่ นสนิ้ ระยะเวลาเบิกเงนิ ทกี่ นั ไวเ้ บกิ เหล่อื มปี “เงินเหลือจ่ายปีเก่าส่งคืน” หมายความว่า เงินงบประมาณรายจ่ายที่ส่วนราชการ เบิกจากคลังไปแล้ว แต่ไม่ได้จ่ายหรือจ่ายไม่หมด หรือจ่ายไปแล้วแต่ถูกเรียกคืน และได้นาส่งคลัง ภายหลงั ส้นิ ปงี บประมาณหรอื ภายหลงั ระยะเวลาเบกิ เงนิ ทีก่ ันไว้เบิกเหล่อื มปี “เงนิ นอกงบประมาณ” หมายความวา่ บรรดาเงินทง้ั ปวงท่หี นว่ ยงานของรัฐจัดเก็บ หรอื ไดร้ บั ไว้ เป็นกรรมสิทธิ์ตามกฎหมาย ระเบียบ ข้อบังคับ หรือจากนิติกรรมหรือนิติเหตุ หรือกรณีอ่ืนใด ท่ีตอ้ งนาสง่ คลงั แต่มีกฎหมายอนุญาตใหส้ ามารถเกบ็ ไวใ้ ช้จา่ ยได้โดยไมต่ ้องนาสง่ คลัง “ระบบ” หมายความว่า ระบบการบริหารการเงินการคลังภาครัฐด้วยระบบอิเล็กทรอนิกส์ (Government Fiscal Management Information System: GFMIS) ซึ่งปฏิบัติโดยผ่านช่องทาง ท่ีกระทรวงการคลังกาหนด “ข้อมูลหลักผู้ขาย” หมายความว่า ข้อมูลของหน่วยงานผู้เบิกหรือเจ้าหน้ีหรือผู้มีสิทธิรับเงิน เกี่ยวกับช่ือ ท่ีอยู่ เลขประจาตัวประชาชน เลขประจาตัวผู้เสียภาษี ช่ือและเลขที่บัญชีธนาคารเลขที่สัญญา เงือ่ นไขการชาระเงิน หรอื ขอ้ มูลอ่ืนใดท่ีจาเป็นแล้วแตก่ รณี เพื่อใช้สาหรบั การรับเงนิ ทข่ี อเบกิ จากคลงั ขอ้ ๕ ให้ปลดั กระทรวงการคลงั รักษาการตามระเบียบน้ี หมวด ๑ ความทัว่ ไป ขอ้ ๖ บรรดาแบบพิมพ์ เอกสาร ทะเบียนคุม รายงาน ที่ใช้ในการเบิกเงินจากคลัง การรับเงิน การจ่ายเงิน การเก็บรักษาเงิน และการนาเงินส่งคลัง ตลอดจนวิธีใช้ให้เป็นไปตามท่ี กรมบญั ชกี ลางกาหนด ข้อ ๗ ในกรณีที่หน่วยงานของรัฐมีปัญหาเกี่ยวกับการปฏิบัติหรือไม่สามารถปฏิบัติ ตามข้อกาหนดในระเบียบนี้ ให้หัวหน้าหน่วยงานของรัฐนั้น ขอหารือเพื่อให้กระทรวงการคลังวินิจฉัย หรือขอทาความตกลงกับกระทรวงการคลัง แล้วแต่กรณี หรือให้กระทรวงการคลังกาหนดหลักเกณฑ์ วิธีปฏิบัติในการเบิกเงินจากคลัง การรับเงิน การจ่ายเงิน การเก็บรักษาเงิน และการนาเงินส่งคลัง เพ่ือเป็นแนวทางใหห้ นว่ ยงานของรัฐถือปฏบิ ตั ิ ขอ้ ๘ การเบิกเงินจากคลัง การรับเงนิ การจา่ ยเงิน การเกบ็ รกั ษาเงนิ และการนาเงินส่งคลงั ของส่วนราชการในสังกัดกระทรวงกลาโหม ให้ถือปฏิบัติตามข้อบังคับกระทรวงกลาโหมว่าด้วยการเงิน ซง่ึ ได้รบั ความตกลงจากกระทรวงการคลงั
หน้า ๑๒ ๑๓ พฤษภาคม ๒๕๖๒ เล่ม ๑๓๖ ตอนพิเศษ ๑๒๐ ง ราชกิจจานุเบกษา ข้อ ๙ หน่วยงานของรัฐซึ่งมิใช่ส่วนราชการต้องจัดให้มีการวางหลักเกณฑ์และวิธีการ เก่ียวกับการเบิกเงิน การรับเงิน การจ่ายเงิน และการเก็บรักษาเงิน ทั้งนี้ ตามที่กฎหมายว่าด้วยการน้ัน บญั ญัติไว้ โดยต้องเป็นไปตามหลักธรรมาภิบาล มีความโปร่งใสและตรวจสอบได้ หมวด ๒ การใชง้ านในระบบ ข้อ ๑๐ ให้หัวหน้าหน่วยงานผู้เบิกหรือผู้ที่หัวหน้าหน่วยงานผู้เบิกมอบหมายเป็นผู้มีสิทธิ ในการปฏบิ ตั งิ านในระบบ ตามช่องทางท่ีกระทรวงการคลงั กาหนด ขอ้ ๑๑ ใหผ้ ู้มสี ทิ ธิตามข้อ ๑๐ ดาเนนิ การขอเบกิ เงินจากคลงั การอนุมตั จิ ่ายเงินให้เจา้ หน้ี หรอื ผูม้ สี ทิ ธริ ับเงนิ โดยการจ่ายตรง การนาเงนิ ส่งคลัง การบนั ทึกและปรับปรุงข้อมลู และการเรยี กรายงาน ในระบบ ข้อ ๑๒ ให้หัวหน้าหน่วยงานผู้เบิกจัดทาคาสั่งหรือมอบหมายเป็นลายลักษณ์อักษร กาหนดบุคคลท่ีจะได้รับมอบหมาย กาหนดหน้าท่ีความรับผิดชอบและกาหนดแนวทางการควบคุม การปฏิบัติงานของหนว่ ยงานผเู้ บิก ในการเขา้ ใช้งานในระบบ ขอ้ ๑๓ การจดั ทา แก้ไข อนมุ ตั ิการใช้ และการดาเนนิ การอื่น ๆ เก่ยี วกบั การกาหนดสทิ ธิ การเข้าใชง้ านในระบบ ให้เป็นไปตามที่กระทรวงการคลงั กาหนด หมวด ๓ การเบกิ เงนิ สว่ นท่ี ๑ สถานทเ่ี บกิ เงินและผเู้ บิกเงนิ ข้อ ๑๔ หน่วยงานผู้เบิกในส่วนกลางให้ส่งข้อมูลคาขอเบิกเงินในระบบไปยังกรมบัญชีกลาง สาหรับหน่วยงานผู้เบิกที่มีสานักงานอยู่ในภูมิภาคให้ส่งข้อมูลคาขอเบิกเงินในระบบไปยังสานักงานคลัง จังหวัด ข้อ ๑๕ ให้หัวหน้าหน่วยงานผู้เบิกหรือผู้ท่ีหัวหน้าหน่วยงานผู้เบิกมอบหมายตามข้อ ๑๐ เป็นผู้เบกิ เงินจากคลัง และอนุมตั ิการจ่ายเงินให้เจา้ หนห้ี รอื ผู้มีสิทธิรบั เงนิ โดยการจ่ายตรง ขอ้ ๑๖ หน่วยงานผู้เบิกใดซึ่งเป็นเจ้าของงบประมาณจะมอบหมายให้หน่วยงานผู้เบิกอื่น เปน็ ผเู้ บกิ เงินแทนกไ็ ด้ โดยใหถ้ ือปฏิบัตติ ามหลักเกณฑท์ ่กี ระทรวงการคลงั กาหนด สว่ นท่ี ๒ หลกั เกณฑท์ วั่ ไปของการเบกิ เงิน
หน้า ๑๓ ๑๓ พฤษภาคม ๒๕๖๒ เล่ม ๑๓๖ ตอนพเิ ศษ ๑๒๐ ง ราชกจิ จานุเบกษา ข้อ ๑๗ การขอเบกิ เงินทุกกรณใี ห้ระบุวัตถปุ ระสงค์ท่ีจะนาเงนิ น้ันไปจ่าย เงินที่ขอเบิกจากคลังเพ่ือการใด ให้นาไปจ่ายได้เฉพาะเพื่อการน้ันเท่านั้น จะนาไปจ่าย เพื่อการอื่นไม่ได้ ขอ้ ๑๘ หน่วยงานผู้เบิกจะจ่ายเงินหรือก่อหน้ีผูกพันได้แต่เฉพาะที่กฎหมาย ระเบียบ ข้อบังคับ คาสั่ง กาหนดไว้หรือมติคณะรัฐมนตรีอนุญาตให้จ่ายได้ หรือตามที่ได้รับอนุญาตจาก กระทรวงการคลัง การได้รับเงินจากคลังไม่ปลดเปลื้องความรับผิดชอบของหน่วยงานผู้เบิกในการท่ีจะต้อง ดูแล ให้มีการจ่ายเงนิ หรอื กอ่ หนผ้ี กู พนั ให้เป็นไปตามวรรคหนงึ่ ข้อ ๑๙ การขอเบกิ เงินทุกกรณี หน่วยงานผู้เบกิ มีหน้าที่ตามกฎหมายท่ีจะตอ้ งหักภาษีใด ๆ ไว้ ณ ทีจ่ า่ ย ใหบ้ ันทึกภาษเี ปน็ รายไดแ้ ผ่นดินไวใ้ นคาขอเบกิ เงนิ นน้ั ดว้ ย เว้นแตไ่ ดม้ ีการหักภาษไี วแ้ ลว้ ข้อ ๒๐ การเบิกเงินจากคลัง ให้หน่วยงานผู้เบกิ ปฏิบัติ ดังนี้ (๑) เปิดบัญชีเงินฝากไว้กับธนาคารที่เป็นรัฐวิสาหกิจ สาหรับเงินงบประมาณหนึ่งบัญชี และเงนิ นอกงบประมาณหน่ึงบญั ชี (๒) นาข้อมูลตาม (๑) หรือของเจ้าหน้ีหรือผู้มีสิทธิรับเงิน กรณีจ่ายตรงเจ้าหนี้ ส่งให้แก่ กรมบญั ชีกลางเพ่อื สร้างเปน็ ข้อมลู หลกั ผขู้ ายในระบบ (๓) ตรวจสอบความถูกต้องครบถ้วนของคาขอเบิกเงินก่อนส่งคาขอเบิกเงินไปยังกรมบญั ชีกลาง หรือสานักงานคลงั จังหวัด แลว้ แตก่ รณี (๔) ตรวจสอบการจ่ายเงนิ ของกรมบัญชกี ลางตามคาขอเบกิ เงนิ จากรายงานในระบบ สว่ นท่ี ๓ หลักเกณฑก์ ารเบิกเงนิ ของหนว่ ยงานผเู้ บกิ ทไ่ี มใ่ ช่สว่ นราชการ ข้อ ๒๑ การขอเบิกเงิน ให้ส่งคาขอเบิกตามแผนการปฏิบัติงานและแผนการใช้จ่าย งบประมาณท่ีได้รับความเห็นชอบจากสานักงบประมาณ ยกเว้นกรณีองค์กรปกครองส่วนท้องถ่ิน ท่ีได้รับเงินอุดหนนุ เฉพาะกิจ ให้เบิกเงินจากคลังโดยระบุวตั ถุประสงค์ท่ีจะนาเงินนัน้ ไปจ่ายและหา้ มมใิ ห้ ขอเบิกเงินจนกวา่ จะถงึ กาหนด หรอื ใกล้จะถึงกาหนดจ่ายเงิน ส่วนที่ ๔ หลักเกณฑก์ ารเบิกเงินของสว่ นราชการ ข้อ ๒๒ การขอเบิกเงินทุกกรณีห้ามมิให้ขอเบิกเงินจนกว่าจะถึงกาหนด หรือใกล้จะถึง กาหนดจ่ายเงนิ
หน้า ๑๔ ๑๓ พฤษภาคม ๒๕๖๒ เล่ม ๑๓๖ ตอนพิเศษ ๑๒๐ ง ราชกิจจานุเบกษา ข้อ ๒๓ ค่าใช้จ่ายที่เกิดข้ึนในปีงบประมาณใด ให้เบิกเงินจากงบประมาณรายจ่ายของปีน้นั ไปจ่าย ในกรณีมีเหตุจาเป็นไม่สามารถเบิกจากเงินงบประมาณรายจ่ายของปีนั้นได้ทัน ให้เบิกจาก เงินงบประมาณรายจ่ายของปีงบประมาณถัดไปได้ แต่ค่าใช้จ่ายน้ันจะต้องไม่เป็นการก่อหน้ีผูกพัน เกินงบประมาณรายจา่ ยทไ่ี ดร้ บั อนุมัติ และใหป้ ฏิบตั ติ ามวิธกี ารทก่ี ระทรวงการคลงั กาหนด ขอ้ ๒๔ ค่าใช้จ่ายเงินงบกลาง รายการเงินเบี้ยหวัด บาเหน็จ บานาญ เงินช่วยเหลือ ข้าราชการ ลูกจ้าง และพนักงานของรัฐ เงินสารอง เงินสมทบ และเงินชดเชยของข้าราชการ เงินสมทบของลูกจ้างประจา ค่าใช้จ่ายในการรักษาพยาบาลข้าราชการ ลูกจ้างและพนักงานของรัฐ หรือรายการอ่ืนที่กระทรวงการคลังกาหนด ถ้าค้างเบิกให้นามาเบิกจากเงินงบกลางรายการน้ัน ๆ ของปีงบประมาณตอ่ ๆ ไปได้ ข้อ ๒๕ ค่าใช้จ่ายตามประเภทท่ีกระทรวงการคลังกาหนดซึง่ มลี ักษณะเป็นคา่ ใช้จ่ายประจา หรือค่าใช้จ่ายอื่น ๆ ให้ถือว่าค่าใช้จ่ายน้ันเกิดขึ้นเม่ือส่วนราชการได้รับแจ้งให้ชาระหนี้ และให้นามา เบกิ จา่ ยจากงบประมาณรายจา่ ยประจาปีทไ่ี ด้รับแจ้งให้ชาระหนี้ ข้อ ๒๖ ส่วนราชการท่ีก่อหน้ีผูกพันเป็นเงินตราต่างประเทศ อาจเบิกเงินไปซ้ือเงินตรา ต่างประเทศในสกุลเงินตราท่ีจะต้องชาระหนี้โดยทยอยซื้อหรือซ้ือทั้งจานวนก็ได้ และให้นาเงินไป ฝากไว้กับธนาคารที่เป็นรัฐวิสาหกิจหรือธนาคารท่ีกระทรวงการคลังให้ความเห็นชอบ และเม่ือหน้ี ถึงกาหนดหรือใกล้ถึงกาหนดชาระให้นาเงินตราต่างประเทศท่ีฝากธนาคารไปชาระหน้ีดังกล่าว สาหรับ ดอกเบี้ยที่ได้รับจากการนาเงินฝากธนาคารให้นาส่งเป็นรายได้แผ่นดิน ท้ังนี้ ให้รายงานการซื้อเงินตรา ต่างประเทศและการชาระหนต้ี อ่ กระทรวงการคลงั ด้วย ขอ้ ๒๗ การเบิกเงินเพื่อจ่ายชาระหน้ีผูกพันเป็นเงินตราต่างประเทศให้ปฏิบัติเช่นเดียวกับ กรณีชาระหนี้ผูกพันเป็นเงินบาท โดยให้ส่วนราชการติดต่อขอซ้ือเงินตราต่างประเทศจากธนาคารพาณิชย์ โดยตรง ส่วนท่ี ๕ วธิ กี ารเบกิ เงินของสว่ นราชการ ข้อ ๒๘ การขอเบกิ เงินของส่วนราชการสาหรับการซ้อื ทรัพย์สิน จ้างทาของ หรือเช่าทรัพยส์ นิ ตามกฎหมายว่าดว้ ยการจัดซ้ือจดั จ้างและการบริหารพสั ดุภาครฐั ใหป้ ฏิบัติ ดงั นี้ (๑) ในกรณีท่ีมีใบสั่งซื้อ ใบส่ังจ้าง สัญญาหรือข้อตกลง ซึ่งมีวงเงินต้ังแต่ห้าพันบาทขึ้นไป หรือตามที่กระทรวงการคลังกาหนด ให้ส่วนราชการจัดทาหรือลงใบส่ังซื้อ หรือใบสั่งจ้างเพื่อทาการ จองงบประมาณในระบบ โดยกรมบัญชีกลางจ่ายเงินเข้าบัญชีให้กับเจ้าหน้ีหรือผู้มีสิทธิรับเงิน ของส่วนราชการโดยตรง
หน้า ๑๕ ๑๓ พฤษภาคม ๒๕๖๒ เล่ม ๑๓๖ ตอนพเิ ศษ ๑๒๐ ง ราชกจิ จานุเบกษา (๒) นอกจากกรณีตาม (๑) ส่วนราชการไม่ต้องจัดทาหรือลงใบสั่งซื้อหรือใบสั่งจ้างในระบบ โดยกรมบัญชีกลางจะจ่ายเงินเข้าบัญชีเงินฝากธนาคารของส่วนราชการเพ่ือให้ส่วนราชการจ่ายเงิ น ให้เจ้าหนี้หรือผู้มีสิทธิรับเงินต่อไป หรือหากส่วนราชการต้องการให้จ่ายเงินเข้าบัญชีให้กับเจ้าหนี้หรือ ผู้มสี ิทธริ บั เงินของสว่ นราชการโดยตรงก็ได้ การซื้อทรพั ย์สิน จ้างทาของ หรือเช่าทรัพย์สิน ให้ส่วนราชการดาเนนิ การขอเบกิ เงนิ จากคลัง โดยเร็ว อย่างช้าไม่เกินห้าวันทาการนับแต่วันที่ได้ตรวจรับทรัพย์สินหรือตรวจรับงานถูกต้องแล้วหรือ นบั แตว่ นั ทีไ่ ดร้ ับแจง้ จากหน่วยงานย่อย ขอ้ ๒๙ การขอเบกิ เงินทไ่ี มใ่ ช่การซ้อื ทรัพย์สนิ จา้ งทาของ หรือเช่าทรพั ย์สนิ กรมบัญชีกลาง จะจ่ายเงินเข้าบัญชใี ห้กบั เจา้ หนี้หรอื ผู้มสี ิทธิรับเงินของส่วนราชการโดยตรง ยกเวน้ (๑) กรณีคา่ ไฟฟ้า คา่ ประปา ค่าโทรศพั ท์ คา่ บริการสอื่ สารและโทรคมนาคม ท่สี ว่ นราชการ ไดร้ บั เงนิ สมทบจากขา้ ราชการ สว่ นราชการหรือหน่วยงานอื่น เพอ่ื จา่ ยเปน็ ค่าใช้จา่ ยดังกล่าว ให้ขอเบกิ เงิน โดยกรมบัญชีกลางจะจ่ายเงินเข้าบัญชีเงินฝากธนาคารของส่วนราชการเพ่ือให้นาไปจ่ายแก่เจ้าหน้ีหรือ ผูม้ สี ทิ ธิรบั เงนิ ต่อไป (๒) การขอเบิกเงินสวสั ดกิ าร ค่าตอบแทน หรือกรณีอ่นื ใด หรือกรณที ่ีกระทรวงการคลงั กาหนด ให้กรมบัญชีกลางจ่ายเงินเข้าบัญชีเงินฝากธนาคารของส่วนราชการเพื่อให้ส่วนราชการจ่ายเงินให้แก่ ผมู้ ีสทิ ธิรับเงนิ ผา่ นระบบอิเลก็ ทรอนกิ ส์ (e-Payment) ตามหลกั เกณฑ์วิธีปฏิบัตทิ ่ีกระทรวงการคลังกาหนด ข้อ ๓๐ การเบิกจ่ายเงินงบประมาณรายจ่ายของจังหวัดและกลุ่มจังหวัด ให้เป็นไป ตามทีก่ ระทรวงการคลงั กาหนด ข้อ ๓๑ เงินประเภทใดซึ่งโดยลักษณะจะต้องจ่ายประจาเดือนในวันทาการสิ้นเดือน ให้ส่วนราชการสง่ คาขอเบิกเงนิ ภายในวนั ท่ีสิบหา้ ของเดือนน้นั หรือตามที่กระทรวงการคลังกาหนด สว่ นที่ ๖ การเบิกเงนิ ของส่วนราชการท่มี ีสานกั งานในตา่ งประเทศ ข้อ ๓๒ ส่วนราชการท่ีมีสานักงานในต่างประเทศอาจส่งคาขอเบิกเงินเพื่อซื้อเงินตรา ต่างประเทศสาหรับจัดส่งให้สานักงานในต่างประเทศใช้จ่ายได้ท้ังจานวน แต่ในกรณีที่เห็นสมควร กระทรวงการคลงั อาจกาหนดให้เบิกเปน็ งวด ๆ ตามความจาเปน็ กไ็ ด้ กรณีสานักงานในต่างประเทศยังไม่ได้รับเงินงบประมาณรายจ่ายประจาปีตามท่ีได้รับจัดสรร ใหป้ ฏบิ ัตติ ามระเบยี บกระทรวงการคลงั วา่ ดว้ ยเงนิ ทดรองราชการของสว่ นราชการในตา่ งประเทศ ข้อ ๓๓ เงินท่ีจัดส่งให้สานักงานในต่างประเทศตามข้อ ๓๒ เม่ือสิ้นปีงบประมาณ หากมี เงนิ เหลือใหน้ าส่งคืนส่วนราชการเจ้าของงบประมาณภายในสามสิบวนั นบั แต่วันสิ้นปี
หน้า ๑๖ ๑๓ พฤษภาคม ๒๕๖๒ เล่ม ๑๓๖ ตอนพเิ ศษ ๑๒๐ ง ราชกิจจานเุ บกษา ในกรณีที่สานักงานในต่างประเทศมีหนี้ผูกพัน และไม่สามารถชาระหนี้ได้ทันสิ้นปีงบประมาณ เมื่อได้รบั อนมุ ตั ิจากรฐั มนตรีวา่ การกระทรวงการคลงั แล้ว ให้เกบ็ เงินไว้เพอ่ื จ่ายสาหรบั การนั้นต่อไปไดอ้ กี ไม่เกินหกเดือน เว้นแต่มีความจาเป็นต้องจ่ายเงินภายหลังเวลาดังกล่าว ให้ขอทาความตกลง กบั กระทรวงการคลงั เพือ่ ขอขยายเวลาออกไปได้อีกไม่เกนิ หกเดือน หากมีเงินคงเหลือใหน้ าเงนิ ส่งคนื สว่ น ราชการเจ้าของงบประมาณภายในสามสิบวันนับแต่ครบกาหนดระยะเวลาที่ได้รับอนุมัติไว้ โดยให้ ส่วนราชการเจา้ ของงบประมาณดาเนนิ การเบิกหกั ผลกั ส่ง ข้อ ๓๔ เงินท่ีได้รับคืนจากสานักงานในต่างประเทศตามข้อ ๓๓ ให้ส่วนราชการ เจ้าของงบประมาณดาเนินการแลกเปล่ียนเงินตราต่างประเทศกับธนาคารพาณิชย์ให้เป็นเงินบาท แล้วนาสง่ คลงั เป็นรายได้แผ่นดนิ ประเภทเงินเหลอื จา่ ยปีเก่าส่งคนื โดยดว่ น หมวด ๔ การจา่ ยเงนิ ของสว่ นราชการ ส่วนที่ ๑ หลกั เกณฑ์การจา่ ยเงิน ข้อ ๓๕ การจ่ายเงินให้กระทาเฉพาะท่ีมีกฎหมาย ระเบียบ ข้อบังคับ คาสั่ง กาหนดไว้ หรือมติคณะรัฐมนตรีอนุญาตให้จ่ายได้ หรือตามท่ีได้รับอนุญาตจากกระทรวงการคลัง และผู้มีอานาจ ไดอ้ นมุ ตั ิใหจ้ า่ ยได้ ข้อ ๓๖ การอนมุ ตั กิ ารจา่ ยเงินให้เปน็ อานาจของบคุ คล ดงั ตอ่ ไปนี้ (๑) ส่วนราชการในราชการบริหารส่วนกลาง ให้เป็นอานาจของหัวหน้าส่วนราชการระดับกรม หรือผู้ท่ีหัวหนา้ ส่วนราชการระดับกรมมอบหมาย ซ่ึงดารงตาแหน่งประเภทบรหิ าร ประเภทอานวยการ ประเภทวชิ าการ ระดบั ชานาญการ หรอื ประเภทท่วั ไป ระดบั อาวุโส หรอื เทียบเทา่ ขนึ้ ไป หรอื ผทู้ ่มี ียศ ตงั้ แต่พนั โท นาวาโท นาวาอากาศโท หรือพันตารวจโทขึ้นไป ส่วนราชการในราชการบริหารส่วนกลางที่มีสานักงานอยู่ในส่วนภูมิภาคหรือแยกต่างหากจาก กระทรวง ทบวง กรม หัวหน้าส่วนราชการระดับกรมจะมอบหมายให้หัวหน้าสานักงานเป็นผู้อนุมัติ สาหรับหน่วยงานนัน้ กไ็ ด้ (๒) ส่วนราชการในราชการบริหารส่วนภูมิภาค ให้เป็นอานาจของหัวหน้าส่วนราชการ ในภมู ิภาค ขอ้ ๓๗ ผู้มีอานาจอนุมัติการจ่ายเงินมีหน้าท่ีในการตรวจสอบการใช้จ่ายเงินให้เป็นไป ตามที่กาหนดไว้ในกฎหมาย หรอื กฎ หรือตามท่ไี ด้รับอนญุ าตให้จา่ ย ขอ้ ๓๘ ให้ผมู้ ีอานาจอนมุ ัติ สง่ั อนมุ ัติการจ่ายเงนิ พรอ้ มกับลงลายมือช่ือในหลกั ฐานการจ่าย หรอื หลักฐานการขอรบั ชาระหนีท้ ุกฉบบั หรือจะลงลายมอื ช่อื อนมุ ัตใิ นหน้างบหลกั ฐานการจา่ ยก็ได้
หน้า ๑๗ ๑๓ พฤษภาคม ๒๕๖๒ เล่ม ๑๓๖ ตอนพิเศษ ๑๒๐ ง ราชกจิ จานุเบกษา ขอ้ ๓๙ การจา่ ยเงินต้องมีหลกั ฐานการจา่ ยไวเ้ พือ่ ประโยชน์ในการตรวจสอบ ข้อ ๔๐ การจ่าย โดยที่ยังมิได้มีการจ่ายเงินให้แก่เจ้าหน้ีหรือผู้มีสิทธิรับเงิน ห้ามมิให้ ผมู้ ีหน้าทีจ่ ่ายเงินเรยี กหลักฐานการจา่ ยหรือให้ผรู้ บั เงินลงลายมอื ช่อื รับเงินในหลักฐาน ข้อ ๔๑ ข้าราชการ พนักงานราชการ ลูกจ้าง หรือผู้รับบานาญหรือเบี้ยหวัดท่ีไม่สามารถ มารับเงินได้ด้วยตนเอง จะมอบฉันทะให้ผู้อื่นเป็นผู้รับเงินแทนก็ได้ โดยใช้ใบมอบฉันทะตามแบบท่ี กระทรวงการคลงั กาหนด การจ่ายเงินให้แก่บุคคลนอกจากที่กาหนดในวรรคหนึ่ง หากบุคคลน้ันไม่สามารถมารับเงิน ได้ด้วยตนเอง จะทาหนังสอื มอบอานาจใหบ้ ุคคลอน่ื มารบั เงินแทนกไ็ ด้ การจ่ายเงินในกรณีที่มีการโอนสิทธิเรียกรอ้ ง และการจ่ายเงินชาระหนี้ให้แก่ผู้ขายในต่างประเทศ ให้เป็นไปตามหลกั เกณฑว์ ธิ กี ารทีก่ ระทรวงการคลงั กาหนด ข้อ ๔๒ ให้เจ้าหน้าท่ีผู้จ่ายเงินประทับตราข้อความว่า “จ่ายเงินแล้ว” โดยลงลายมือช่ือ รับรองการจ่ายและระบุช่ือผู้จ่ายเงินด้วยตัวบรรจง พร้อมท้ังวัน เดือน ปี ที่จ่ายกากับไว้ในหลักฐาน การจา่ ยเงินทกุ ฉบบั เพ่อื ประโยชนใ์ นการตรวจสอบ ในกรณีท่ีหลักฐานการจ่ายเป็นภาษาต่างประเทศ ให้มีคาแปลเป็นภาษาไทยตามรายการ ในข้อ ๔๖ ไว้ดว้ ย และให้ผู้ใชส้ ิทธขิ อเบิกเงนิ ลงลายมอื ชอื่ รบั รองคาแปลดว้ ย ข้อ ๔๓ การจ่ายเงินทุกรายการต้องมีการบันทึกการจ่ายเงินไว้ในระบบ และให้หัวหน้า ส่วนราชการหรอื ผู้ท่ีได้รับมอบหมายเปน็ ลายลักษณ์อกั ษรจากหวั หน้าส่วนราชการตรวจสอบการจ่ายเงิน กับหลักฐานการจา่ ยทุกส้ินวัน สว่ นที่ ๒ หลกั ฐานการจา่ ย ข้อ ๔๔ การจ่ายเงินของส่วนราชการ ให้ใช้ใบเสร็จรับเงินหรือใบสาคัญรับเงิน ซ่ึงผู้รับเงิน เป็นผู้ออกให้ หรือรายงานการจ่ายเงินจากระบบอิเล็กทรอนิกส์ (e-Payment) หรือใบรับรอง การจา่ ยเงิน หรอื เอกสารอ่ืนใดทีก่ ระทรวงการคลังกาหนดเป็นหลกั ฐานการจา่ ย ข้อ ๔๕ การจ่ายเงินโดยกรมบัญชีกลาง เพ่ือเข้าบัญชีให้กับเจ้าหนี้หรือผู้มีสิทธิรับเงิน โดยตรง ให้ใช้รายงานในระบบตามท่กี ระทรวงการคลงั กาหนดเป็นหลกั ฐานการจ่าย ข้อ ๔๖ ใบเสรจ็ รบั เงนิ อย่างนอ้ ยตอ้ งมรี ายการ ดงั ต่อไปนี้ (๑) ชื่อ สถานทอ่ี ยู่ หรือท่ีทาการของผู้รบั เงนิ (๒) วนั เดือน ปี ท่รี บั เงนิ (๓) รายการแสดงการรบั เงนิ ระบวุ ่าเป็นคา่ อะไร (๔) จานวนเงนิ ทัง้ ตัวเลขและตวั อักษร (๕) ลายมอื ชือ่ ของผรู้ บั เงนิ
หน้า ๑๘ ๑๓ พฤษภาคม ๒๕๖๒ เล่ม ๑๓๖ ตอนพิเศษ ๑๒๐ ง ราชกิจจานุเบกษา ข้อ ๔๗ กรณีส่วนราชการจ่ายเงินรายใด ซ่ึงตามลักษณะไม่อาจเรียกใบเสร็จรับเงินจาก ผูร้ บั เงินได้ ใหผ้ ู้รบั เงินลงชอ่ื รบั เงินในใบสาคญั รบั เงนิ เพอ่ื ใช้เปน็ หลักฐานการจา่ ย ขอ้ ๔๘ กรณีข้าราชการ พนักงานราชการ หรือลูกจ้างของส่วนราชการ จ่ายเงินไป โดยได้รับใบเสร็จรับเงินซ่ึงมีรายการไม่ครบถ้วนตามข้อ ๔๖ หรือซึ่งตามลักษณะไม่อาจเรียก ใบเสร็จรบั เงินจากผรู้ ับเงนิ ได้ ใหข้ า้ ราชการ พนักงานราชการ หรือลูกจา้ งนั้น ทาใบรับรองการจา่ ยเงนิ เพ่อื นามาเป็นเอกสารประกอบการขอเบกิ เงนิ ต่อสว่ นราชการ ในกรณีที่ได้รับใบเสร็จรับเงินแล้วแต่เกิดสูญหาย ให้ใช้สาเนาใบเสร็จรับเงินซ่ึงผู้รับเงินรับรอง เปน็ เอกสารประกอบการขอเบิกเงนิ แทนได้ ในกรณีที่ไม่อาจขอสาเนาใบเสร็จรับเงินตามวรรคสองได้ ให้ข้าราชการ พนักงานราชการ หรือลูกจ้างน้ัน ทาใบรับรองการจ่ายเงิน โดยช้ีแจงเหตุผล พฤติการณ์ท่ีสูญหายหรือไม่อาจขอสาเนา ใบเสร็จรับเงินได้และรับรองว่ายังไม่เคยนาใบเสร็จรับเงินน้ันมาเบิกจ่าย แม้พบภายหลังจะไม่นามา เบิกจ่ายอีก แล้วเสนอผู้บังคับบัญชาตั้งแต่ชั้นอธิบดีหรือตาแหน่งเทียบเท่าข้ึนไปสาหรับส่วนราชการ ในราชการบริหารส่วนกลางหรือผู้ว่าราชการจังหวัดสาหรับส่วนราชการในราชการบริหารส่วนภูมิภาค แล้วแต่กรณี เพ่ือพิจารณาอนุมัติ เมื่อได้รับอนุมัติแล้วให้ใช้ใบรับรองนั้นเป็นหลักฐานประกอบการขอ เบกิ เงนิ ได้ ข้อ ๔๙ กรณีหลักฐานการจ่ายของส่วนราชการสูญหาย ให้ถือปฏิบัติตามวิธีการ ที่กระทรวงการคลงั กาหนด ขอ้ ๕๐ หลักฐานการจ่ายต้องพิมพ์หรือเขียนด้วยหมึก การแก้ไขหลักฐานการจ่าย ให้ใชว้ ิธขี ดี ฆ่าแล้วพิมพ์หรอื เขยี นใหม่ และให้ผู้รบั เงินลงลายมือชื่อกากับไว้ทกุ แห่ง ข้อ ๕๑ ให้ส่วนราชการเก็บรักษาหลักฐานการจ่ายไว้ในท่ีปลอดภัย มิให้สูญหาย หรือเสยี หายได้ ทั้งน้ี เมอื่ สานกั งานการตรวจเงนิ แผน่ ดนิ ไดต้ รวจสอบแลว้ ใหเ้ ก็บอยา่ งเอกสารธรรมดาได้ สว่ นที่ ๓ วิธีปฏบิ ัตใิ นการจา่ ยเงนิ ขอ้ ๕๒ การจ่ายเงินให้จ่ายผ่านระบบอิเล็กทรอนิกส์ (e-Payment) ให้แก่ผู้มีสิทธิรับเงิน ที่เป็นข้าราชการ ลูกจ้าง พนักงานราชการ ผู้รับบานาญ ผู้รับเบี้ยหวัด หรือบุคคลภายนอก รวมทั้ง การจ่ายเงนิ เพ่ือชดใช้คนื เงนิ ทดรองราชการ ทั้งน้ี ตามหลักเกณฑแ์ ละวิธปี ฏบิ ตั ิทก่ี ระทรวงการคลังกาหนด
หน้า ๑๙ ๑๓ พฤษภาคม ๒๕๖๒ เล่ม ๑๓๖ ตอนพิเศษ ๑๒๐ ง ราชกจิ จานุเบกษา การจ่ายเงินเป็นเช็คหรือเงินสด ให้กระทาได้เฉพาะในกรณีท่ีมีเหตุขัดข้องหรือมีความจาเป็น เร่งดว่ น ซ่งึ ไม่สามารถดาเนินการตามวรรคหน่ึงได้ ขอ้ ๕๓ ในกรณที ต่ี อ้ งจ่ายเงินเป็นเช็คตามขอ้ ๕๒ วรรคสอง ให้เขียนเช็คสง่ั จา่ ยเงิน ดงั นี้ (๑) การจ่ายเงินให้แก่เจ้าหน้ีหรือผู้มีสิทธิรับเงิน ในกรณีซื้อทรัพย์สิน จ้างทาของ หรือ เช่าทรัพย์สิน ให้ออกเช็คส่ังจ่ายในนามของเจ้าหนี้หรือผู้มีสิทธิรับเงิน โดยขีดฆ่าคาว่า “หรือผู้ถือ” ออกและขีดครอ่ มด้วย (๒) การจ่ายเงินให้แก่เจ้าหน้ีหรือผู้มีสิทธิรับเงิน นอกจากกรณีตาม (๑) ให้ออกเช็คสั่งจ่าย ในนามของเจ้าหนี้หรือผู้มสี ิทธิรับเงนิ โดยขีดฆ่าคาวา่ “หรือผ้ถู ือ” และจะขดี คร่อมหรือไม่ก็ได้ (๓) ในกรณีส่ังจ่ายเงินเพ่ือขอรับเงินสดมาจ่าย ให้ออกเช็คสั่งจ่ายในนามเจ้าหน้าที่การเงิน ของสว่ นราชการ และขีดฆ่าคาวา่ “หรอื ผู้ถอื ” ออก หา้ มออกเช็คสง่ั จา่ ยเงินสด ห้ามลงลายมือชื่อสั่งจ่ายในเช็คไว้ล่วงหน้า โดยยังมิได้มีการเขียนหรือพิมพ์ช่ือผู้รับเงิน วันท่ี ท่อี อกเช็ค และจานวนเงนิ ท่ีสั่งจ่าย ขอ้ ๕๔ การเขียนหรือพิมพ์จานวนเงินในเช็คท่ีเป็นตัวเลขและตัวอักษรให้เขียนหรือพิมพ์ ให้ชิดเส้น และชิดคาว่า “บาท” หรือขีดเส้นหน้าจานวนเงินท้ังตัวเลขและตัวอักษร โดยไม่มีช่องว่าง ท่ีจะเขียนหรือพิมพ์จานวนเงินเพ่ิมเติมได้ และให้ขีดเส้นตรงหลังช่ือสกุล ชื่อบริษัท หรือห้างหุ้นส่วน จนชดิ คาวา่ “หรือผู้ถอื ” โดยมิให้มีการเขยี นหรอื พมิ พ์ชอ่ื บุคคลอน่ื เพ่มิ เตมิ ได้ หมวด ๕ การเบกิ จา่ ยเงนิ ยมื ของสว่ นราชการ ข้อ ๕๕ สัญญาการยมื เงนิ สัญญาวางหลกั ทรพั ย์ และสัญญาคา้ ประกนั ใหเ้ ป็นไปตามแบบ ทก่ี ระทรวงการคลังกาหนด ข้อ ๕๖ ให้ผมู้ อี านาจอนุมตั กิ ารจ่ายเงนิ ตามข้อ ๓๖ เปน็ ผมู้ ีอานาจอนมุ ัตกิ ารจา่ ยเงนิ ยืมด้วย ขอ้ ๕๗ การจ่ายเงินยืมจะจ่ายได้แต่เฉพาะท่ีผู้ยืมได้ทาสัญญาการยืมเงิน และผู้มีอานาจ ได้อนุมัติให้จ่ายเงินยืมตามสัญญาการยืมเงินนั้นแล้วเท่าน้ัน โดยจ่ายผ่านระบบอิเล็กทรอนิกส์ (e-Payment) ตามหลักเกณฑ์วธิ ปี ฏบิ ัตทิ ก่ี ระทรวงการคลังกาหนด ขอ้ ๕๘ การยืมเงินของผู้ยืมที่ไม่มีเงินใด ๆ ท่ีส่วนราชการผู้ให้ยืมจะหักส่งใช้คืนเงินยืมได้ ให้ส่วนราชการผู้ให้ยืมกาหนดให้ผู้ยืมนาหลักทรัพย์มาวางเป็นประกันพร้อมทั้งทาสัญญาวางหลักทรัพย์ หรือหาบคุ คลท่กี ระทรวงการคลงั กาหนดมาทาสัญญาคา้ ประกันไว้ต่อสว่ นราชการผู้ใหย้ ืม
หน้า ๒๐ ๑๓ พฤษภาคม ๒๕๖๒ เล่ม ๑๓๖ ตอนพเิ ศษ ๑๒๐ ง ราชกจิ จานุเบกษา ขอ้ ๕๙ การอนุมัติให้ยืมเงินเพ่ือใช้ในราชการ ให้ผู้มีอานาจพิจารณาอนุมัติให้ยืมเฉพาะ เทา่ ท่จี าเป็น และห้ามมิใหอ้ นมุ ตั ิใหย้ ืมเงนิ รายใหม่ในเมือ่ ผู้ยืมมิไดช้ าระคนื เงนิ ยืมรายเก่าให้เสรจ็ สนิ้ ไปกอ่ น ข้อ ๖๐ การจา่ ยเงินยมื จากเงนิ นอกงบประมาณ ใหส้ ่วนราชการกระทาไดเ้ ฉพาะเพื่อใช้จ่าย ในการดาเนนิ งานตามวัตถปุ ระสงคข์ องเงินนอกงบประมาณประเภทนั้น หรือกรณีอน่ื ซึ่งจาเป็นเรง่ ด่วน แกร่ าชการ และได้รบั อนมุ ตั ิจากหัวหน้าสว่ นราชการผ้ใู ห้ยืมนั้น ขอ้ ๖๑ สัญญาการยืมเงินให้จัดทาข้ึนสองฉบับ พร้อมกับมอบให้ส่วนราชการผู้ให้ยืม เกบ็ รักษาไวเ้ ปน็ หลกั ฐานหน่ึงฉบับ ใหผ้ ูย้ ืมเกบ็ ไว้หนึ่งฉบับ ขอ้ ๖๒ กรณีท่ีต้องจ่ายเงินยืมสาหรับการปฏิบัติราชการที่ติดต่อคาบเกีย่ วจากปงี บประมาณ ปัจจุบันไปถึงปีงบประมาณถัดไป ให้เบิกเงินยืมงบประมาณในปีปัจจุบัน โดยให้ถือว่าเป็นรายจ่าย ของงบประมาณปปี ัจจบุ ัน และให้ใชจ้ า่ ยเงินยมื คาบเกี่ยวปงี บประมาณถดั ไป ดงั ตอ่ ไปน้ี (๑) เงินยืมสาหรับค่าใช้จ่ายในการเดินทางไปราชการ ให้ใช้จ่ายได้ไม่เกินเก้าสิบวันนับแต่ วันเรม่ิ ต้นปีงบประมาณใหม่ (๒) เงินยืมสาหรับปฏิบัติราชการอื่น ๆ ให้ใช้จ่ายได้ไม่เกินสามสิบวันนับแต่วันเริ่มต้น ปีงบประมาณใหม่ ขอ้ ๖๓ การเบิกเงินเพื่อจ่ายเป็นเงินยืมให้แก่บุคคลใดในสังกัดยืมเพื่อปฏิบัติราชการ ให้กระทาได้เฉพาะงบรายจา่ ยหรอื รายการ ดังตอ่ ไปน้ี (๑) รายการค่าจ้างช่ัวคราว สาหรับค่าจ้างซึ่งไม่มีกาหนดจ่ายเป็นงวดแน่นอนเป็นประจา แตจ่ าเป็นตอ้ งจ่ายให้ลกู จา้ งแตล่ ะวนั หรอื แตล่ ะคราวเมอ่ื เสรจ็ งานทีจ่ ้าง (๒) รายการค่าตอบแทนใชส้ อยและวัสดุ (๓) งบกลาง เฉพาะท่ีจ่ายเป็นเงินสวัสดิการเกี่ยวกับการศึกษาของบุตร หรือเงินสวัสดิการ เกี่ยวกับเงินเพ่ิมค่าครองชีพช่ัวคราวสาหรับลูกจ้างช่ัวคราวซึ่งไม่มีกาหนดจ่ายค่าจ้างเป็นงวดแน่นอน เปน็ ประจา แต่จาเป็นต้องจ่ายแตล่ ะวนั หรอื แต่ละคราวเม่อื เสรจ็ งานทจี่ ้าง (๔) งบรายจ่ายอน่ื ๆ ทจ่ี ่ายในลักษณะเดยี วกันกับ (๑) หรือ (๒) ขอ้ ๖๔ การจ่ายเงินยืมเพื่อเป็นค่าใช้จ่ายในการเดินทางไปราชการ ในราชอาณาจักร ให้จ่ายได้สาหรับระยะเวลาการเดินทางท่ีไม่เกินเก้าสิบวัน หากมีความจาเป็นจะต้องจ่ายเกินกว่ากาหนด เวลาดงั กล่าว สว่ นราชการจะตอ้ งขอทาความตกลงกับกระทรวงการคลังกอ่ น ขอ้ ๖๕ ให้ผู้ยืมส่งหลักฐานการจ่ายและเงินเหลือจ่ายท่ียืมไป (ถ้ามี) ภายในกาหนด ระยะเวลา ดงั น้ี
หน้า ๒๑ ๑๓ พฤษภาคม ๒๕๖๒ เล่ม ๑๓๖ ตอนพเิ ศษ ๑๒๐ ง ราชกิจจานุเบกษา (๑) กรณีเดินทางไปประจาต่างสานักงาน หรือการเดินทางไปราชการประจาในต่างประเทศ หรือกรณีเดินทางกลับภูมิลาเนาเดิม ให้ส่งแก่ส่วนราชการผู้ให้ยืมโดยทางไปรษณีย์ลงทะเบียน ภายในสามสิบวนั นับแตว่ ันได้รับเงิน (๒) กรณีเดินทางไปราชการอื่น รวมท้ังการเดินทางไปราชการตา่ งประเทศชัว่ คราว ให้สง่ แก่ สว่ นราชการผใู้ ห้ยืมภายในสิบห้าวันนบั แต่วนั กลับมาถงึ (๓) การยืมเงินเพ่ือปฏิบัติราชการนอกจาก (๑) หรือ (๒) ให้ส่งแก่ส่วนราชการผู้ให้ยืม ภายในสามสบิ วันนับแต่วันได้รบั เงนิ การคนื เงนิ เหลอื จา่ ยทีย่ มื ใหป้ ฏิบตั ิตามหลกั เกณฑ์วธิ ปี ฏบิ ัติท่ีกระทรวงการคลังกาหนด ในกรณีที่ผู้ยืมไดส้ ง่ หลักฐานการจา่ ย เพ่ือสง่ ใชค้ ืนเงนิ ยมื แลว้ มีเหตตุ ้องทักท้วง ให้ส่วนราชการ ผู้ให้ยืมแจ้งข้อทักท้วงให้ผู้ยืมทราบโดยด่วน แล้วให้ผู้ยืมปฏิบัติตามคาทักท้วงภายในสิบห้าวันนับแต่ วนั ท่ไี ด้รบั คาทกั ทว้ ง หากผู้ยมื มไิ ดด้ าเนินการตามคาทกั ทว้ งและไมไ่ ดช้ ี้แจงเหตผุ ลใหส้ ว่ นราชการผู้ใหย้ มื ทราบ ให้ส่วนราชการผู้ให้ยืมดาเนินการตามเงื่อนไขในสัญญาการยืมเงิน โดยถือว่าผู้ยืมยังมิได้ส่งใช้คืนเงินยืม เทา่ จานวนท่ที กั ท้วงน้ัน ขอ้ ๖๖ เมื่อผู้ยืมส่งหลักฐานการจ่ายและ/หรือเงินเหลือจ่ายที่ยืม (ถ้ามี) ให้เจ้าหน้าท่ีผู้รับคืน บันทึกการรับคืนในสัญญาการยืมเงินพร้อมท้ังพิมพ์หลักฐานการรับเงินคืนจากระบบอิเล็กทรอนิ กส์ (e-Payment) ตามที่กระทรวงการคลังกาหนด และ/หรือออกใบรับใบสาคัญตามแบบที่กรมบัญชีกลาง กาหนดให้ผูย้ มื ไวเ้ ปน็ หลกั ฐาน ขอ้ ๖๗ ให้ส่วนราชการเก็บรักษาสัญญาการยืมเงินซ่ึงยังมิได้ชาระคืนเงินยืมให้เสร็จสิ้นไว้ ในท่ีปลอดภัยอย่าให้สูญหาย และเม่ือผู้ยืมได้ชาระคืนเงินยืมเสร็จส้ินแล้วให้เก็บรักษาเช่นเดียวกับ หลกั ฐานการจ่าย ขอ้ ๖๘ ในกรณีท่ีผู้ยืมมิได้ชาระคืนเงินยืมภายในระยะเวลาที่กาหนด ให้ผู้อานวยการ กองคลังเรียกให้ชดใช้เงินยืมตามเงื่อนไขในสัญญาการยืมเงินให้เสร็จสิ้นไปโดยเร็ว อย่างช้าไม่เกิน สามสบิ วนั นบั แตว่ ันครบกาหนด ในกรณีทไี่ มอ่ าจปฏิบตั ติ ามวรรคหน่งึ ได้ ใหผ้ ูอ้ านวยการกองคลังรายงานให้หัวหน้าส่วนราชการ หรอื ผู้ว่าราชการจังหวดั แล้วแตก่ รณีทราบ เพือ่ พจิ ารณาส่ังการบังคับใหเ้ ปน็ ไปตามสัญญาการยืมเงินต่อไป หมวด ๖ การรบั เงนิ ของส่วนราชการ ส่วนที่ ๑ ใบเสร็จรบั เงนิ
หน้า ๒๒ ๑๓ พฤษภาคม ๒๕๖๒ เล่ม ๑๓๖ ตอนพิเศษ ๑๒๐ ง ราชกจิ จานเุ บกษา ข้อ ๖๙ ใบเสร็จรับเงิน ให้ใช้ตามแบบท่ีกระทรวงการคลัง กาหนด และให้มีสาเนา เย็บตดิ ไว้กบั เลม่ อย่างน้อยหนึ่งฉบบั หรอื ตามแบบทีไ่ ด้รบั ความเหน็ ชอบจากกระทรวงการคลัง ใบเสร็จรบั เงินทอี่ อกด้วยคอมพิวเตอรใ์ ห้เป็นไปตามท่กี ระทรวงการคลงั กาหนด ขอ้ ๗๐ ใบเสร็จรับเงิน ให้พิมพ์หมายเลขกากับเล่ม และหมายเลขกากับใบเสร็จรับเงิน เรยี งกนั ไปทุกฉบบั ข้อ ๗๑ ให้ส่วนราชการจัดทาทะเบียนคุมใบเสร็จรับเงินไว้เพื่อให้ทราบ และตรวจสอบ ได้ว่าได้จัดพิมพ์ขึ้นจานวนเท่าใด ได้จ่ายใบเสร็จรับเงินเท่าใด เลขที่ใดถึงเลขที่ใด ให้หน่วยงานใด หรอื เจ้าหน้าทีผ่ ใู้ ดไปดาเนนิ การจดั เก็บเงนิ เมอ่ื วนั เดอื น ปใี ด ขอ้ ๗๒ การจ่ายใบเสร็จรับเงิน ให้หน่วยงานหรือเจ้าหน้าที่ไปจัดเก็บเงิน ให้พิจารณาจ่าย ในจานวนทเี่ หมาะสมแก่ลกั ษณะงานท่ีปฏบิ ัติ และให้มีหลักฐานการรับส่งใบเสร็จรบั เงินน้นั ไวด้ ว้ ย ข้อ ๗๓ ใบเสร็จรับเงินเล่มใด เมื่อไม่มีความจาเป็นต้องใช้ เช่น ยุบเลิกสานักงานหรือ ไม่มีการจัดเก็บเงินต่อไปอีก ให้หัวหน้าหน่วยงานท่ีรับใบเสร็จรับเงินนั้นนาส่งคืนส่วนราชการ ท่ีจา่ ยใบเสร็จรบั เงนิ นั้นโดยดว่ น ข้อ ๗๔ เมื่อสิ้นปีงบประมาณ ให้หัวหน้าหน่วยงานซ่งึ รับใบเสรจ็ รบั เงนิ ไปดาเนนิ การจัดเกบ็ เงนิ รายงานให้ผู้อานวยการกองคลัง หรือหัวหน้าส่วนราชการในราชการบริหารส่วนภูมิภาคทราบว่า มีใบเสร็จรับเงินอยู่ในความรับผิดชอบเล่มใด เลขท่ีใดถึงเลขท่ีใด และได้ใช้ใบเสร็จรับเงินไปแล้วเล่มใด เลขทีใ่ ดถึงเลขที่ใด อยา่ งชา้ ไมเ่ กนิ วันที่ ๓๑ ตลุ าคมของปีงบประมาณถัดไป ขอ้ ๗๕ ใบเสร็จรับเงินเล่มใดสาหรับรับเงินของปีงบประมาณใด ให้ใช้รับเงินภายใน ปีงบประมาณน้ัน เม่ือข้ึนปีงบประมาณใหม่ ให้ใช้ใบเสร็จรับเงินเล่มใหม่ ใบเสร็จรับเงินฉบับใดยังไม่ใช้ ให้คงติดไว้กับเล่มแต่ให้ปรุ เจาะรู หรือประทับตราเลิกใช้ เพ่ือให้เป็นที่สังเกตมิให้นามารับเงิน ได้อีกต่อไป ขอ้ ๗๖ ห้ามขูดลบเพื่อแก้ไขเพิม่ เตมิ จานวนเงินหรอื ชอ่ื ผู้ชาระเงินในใบเสรจ็ รบั เงิน หากใบเสร็จรับเงินฉบับใดลงรายการรับเงินผิดพลาด ให้ขีดฆ่าจานวนเงินและเขียนใหม่ ท้ังจานวนโดยให้ผู้รับเงินลงลายมือชื่อกากับการขีดฆ่านั้นไว้ หรือขีดฆ่าเลิกใช้ใบเสร็จรับเงินนั้นทั้งฉบับ แล้วออกฉบับใหม่ โดยให้นาใบเสรจ็ รับเงินท่ขี ีดฆ่าเลกิ ใช้นัน้ ตดิ ไว้กบั สาเนาใบเสร็จรบั เงินในเล่ม ข้อ ๗๗ ให้ส่วนราชการเก็บรักษาสาเนาใบเสร็จรับเงินซ่ึงสานักงานการตรวจเงินแผ่นดิน ยังมิได้ตรวจสอบไว้ในท่ีปลอดภัย อย่าให้สูญหายหรือเสียหายได้ และเมื่อได้ตรวจสอบแล้วให้เก็บไว้ อย่างเอกสารธรรมดาได้
เล่ม ๑๓๖ ตอนพเิ ศษ ๑๒๐ ง หน้า ๒๓ ๑๓ พฤษภาคม ๒๕๖๒ ราชกจิ จานเุ บกษา ส่วนท่ี ๒ การรบั เงนิ ขอ้ ๗๘ การรับเงินให้รบั ผ่านระบบอเิ ล็กทรอนิกส์ (e-Payment) ตามหลักเกณฑ์วธิ ปี ฏิบัติ ที่กระทรวงการคลังกาหนด เว้นแต่กรณีที่มีเหตุขัดข้องหรือมีความจาเป็นเร่งด่วนซ่ึงไม่สามารถรับ ผ่านระบบอิเล็กทรอนิกส์ (e-Payment) ได้ ให้รับเป็นเงินสดหรือเช็ค หรือเอกสารแทนตัวเงินอ่ืน ท่ีกระทรวงการคลังกาหนด ข้อ ๗๙ ในการจัดเก็บหรือรับชาระเงิน ให้ส่วนราชการซ่ึงมีหน้าที่จัดเก็บหรือรับชาระเงินน้ัน ออกใบเสร็จรับเงิน หรือพิมพ์รายงานซ่ึงเป็นหลักฐานการรับชาระเงินจากระบบอิเล็กทรอนิกส์ (e-Payment) ตามที่กระทรวงการคลังกาหนด เว้นแต่เป็นการรับชาระเงินค่าธรรมเนียม ค่าบริการ หรือการรับเงินอื่นใดท่ีมีเอกสารของทางราชการระบุจานวนเงินที่รับชาระอันมีลักษณะเช่นเดียวกับ ใบเสร็จรบั เงนิ โดยเอกสารดังกลา่ วจะต้องมกี ารควบคมุ จานวนท่ีรับจา่ ยทานองเดยี วกันกบั ใบเสรจ็ รบั เงนิ หรือเป็นการรับเงินตามคาขอเบิกเงินจากคลัง หรือเป็นการได้รับดอกเบี้ยจากบัญชีเงินฝากธนาคาร ของส่วนราชการ ในกรณีท่ีมีความจาเป็นต้องให้เจ้าหน้าที่ไปจัดเก็บหรือรับชาระเงินนอกท่ีตั้งสานักงานปกติ ใหป้ ฏิบตั เิ ชน่ เดียวกบั วรรคหน่งึ ขอ้ ๘๐ ให้ใช้ใบเสร็จรับเงินเล่มเดียวกันรับเงินทุกประเภท เว้นแต่เงินประเภทใดที่มีการ รับชาระเป็นประจาและมีจานวนมากราย จะแยกใบเสร็จรับเงินเล่มหนึ่งสาหรับการรับชาระเงิน ประเภทนน้ั ก็ได้ ขอ้ ๘๑ ให้สว่ นราชการบนั ทึกข้อมูลการรับเงินในระบบภายในวนั ทไ่ี ดร้ ับเงิน เงินประเภทใดท่ีมีการออกใบเสร็จรับเงินในวันหน่ึง ๆ หลายฉบับ จะรวมเงินประเภทนั้น ตามสาเนาใบเสร็จรับเงินทุกฉบับมาบันทึกเป็นรายการเดียวในระบบก็ได้ โดยให้แสดงรายละเอียด ว่าเป็นเงินรับตามใบเสร็จเลขท่ีใดถึงเลขที่ใดและจานวนเงินรวมรับทั้งสิ้นเท่าใดไว้ด้านหลังสาเนา ใบเสร็จรับเงนิ ฉบบั สุดท้าย ในกรณที มี่ กี ารรับเงินเปน็ เงินสดหรือเชค็ หรือเอกสารแทนตัวเงินอ่ืน ภายหลงั กาหนดเวลาปิดบัญชี สาหรบั วันนนั้ แล้ว ใหบ้ นั ทกึ ข้อมูลการรบั เงนิ น้ันในระบบในวนั ทาการถัดไป ขอ้ ๘๒ เมื่อส้ินเวลารับจ่ายเงิน ให้เจ้าหน้าที่ผู้มีหน้าที่จัดเก็บหรือรับชาระเงิน นาเงินสด หรือเช็ค หรือเอกสารแทนตัวเงินอ่ืนที่ได้รับ พร้อมกับสาเนาใบเสร็จรับเงินและเอกสารอ่ืนท่ีจัดเก็บ ในวันนนั้ ทั้งหมดส่งตอ่ เจ้าหนา้ ท่ีการเงินของส่วนราชการน้ัน ขอ้ ๘๓ ให้หัวหน้าส่วนราชการหรือผู้ท่ีได้รับมอบหมายเป็นลายลักษณ์อักษรจากหัวหน้า ส่วนราชการตรวจสอบจานวนเงินที่จัดเก็บและนาส่งกับหลักฐานและรายการท่ีบันทึกไว้ในระบบว่า ถกู ต้องครบถว้ นหรอื ไม่
หน้า ๒๔ ๑๓ พฤษภาคม ๒๕๖๒ เล่ม ๑๓๖ ตอนพิเศษ ๑๒๐ ง ราชกิจจานเุ บกษา เม่ือได้ตรวจสอบความถูกต้องตามวรรคหน่ึงแล้ว ให้ผู้ตรวจแสดงยอดรวมเงินรับตามใบเสร็จ รับเงินทุกฉบบั และ/หรอื รายงานซึ่งเป็นหลกั ฐานการรับชาระเงนิ จากระบบอเิ ลก็ ทรอนกิ ส์ (e-Payment) ท่ีได้รบั ในวนั นนั้ ทุกฉบับ ไวใ้ นสาเนาใบเสรจ็ รบั เงนิ หรอื รายงานซง่ึ เปน็ หลักฐานการรบั ชาระเงนิ จากระบบ อิเลก็ ทรอนกิ ส์ (e-Payment) ฉบับสุดทา้ ย และลงลายมอื ชือ่ กากบั ไว้ด้วย หมวด ๗ การเกบ็ รกั ษาเงนิ ของสว่ นราชการ สว่ นที่ ๑ สถานทเ่ี ก็บรกั ษาเงนิ ข้อ ๘๔ ให้ส่วนราชการเก็บรักษาเงินที่จัดเก็บหรือได้รับเป็นเงินสดหรือเช็คหรือเอกสาร แทนตวั เงินอืน่ ไวใ้ นตู้นริ ภยั ซ่งึ ตัง้ อยใู่ นที่ปลอดภัยของส่วนราชการนั้น ขอ้ ๘๕ ตู้นริ ภัยให้มลี ูกกญุ แจอยา่ งนอ้ ยสองสารบั แตล่ ะสารบั ไมน่ อ้ ยกวา่ สองดอกแตไ่ มเ่ กนิ สามดอกโดยแต่ละดอกตอ้ งมีลักษณะตา่ งกนั โดยสารับหน่ึงมอบให้กรรมการเกบ็ รักษาเงิน ส่วนสารบั ท่เี หลือ ให้นาฝากเกบ็ รักษาไวใ้ นลักษณะหบี หอ่ ณ สถานท่ี ดังนี้ (๑) สานักบริหารเงินตรา กรมธนารักษ์ กระทรวงการคลัง สาหรับส่วนราชการในราชการ บรหิ ารสว่ นกลาง (๒) สาหรับส่วนราชการในราชการบริหารส่วนกลางท่ีมีสานักงานอยู่ในส่วนภูมิภาคและ สว่ นราชการในราชการบรหิ ารส่วนภูมิภาค ให้เก็บรกั ษาในสถานที่ทปี่ ลอดภยั สว่ นท่ี ๒ กรรมการเก็บรักษาเงิน ข้อ ๘๖ ให้หัวหน้าสว่ นราชการพิจารณาแต่งต้ังข้าราชการซึง่ ดารงตาแหนง่ ประเภทวชิ าการ ระดับปฏิบัติการ หรือประเภททั่วไป ระดับปฏิบัติงาน หรือเทียบเท่าข้ึนไป ในส่วนราชการนั้น อยา่ งน้อยสองคน เปน็ กรรมการเกบ็ รักษาเงนิ ของส่วนราชการนน้ั ข้อ ๘๗ ให้กรรมการเก็บรักษาเงินถือลูกกุญแจตู้นิรภัยคนละหนึ่งดอก ในกรณีท่ีตู้นิรภัย มลี ูกกุญแจสามดอกและมีกรรมการเก็บรักษาเงนิ สองคน ใหก้ รรมการเก็บรกั ษาเงนิ ถือลกู กญุ แจคนละดอก ส่วนลูกกุญแจที่เหลือให้อยู่ในดุลพินิจของหัวหน้าส่วนราชการที่จะมอบให้กรรมการเก็บรักษาเงิ น ผู้ใดถือลูกกุญแจนัน้ ในกรณีท่ีมีห้องมั่นคงหรือกรงเหล็ก การถือลูกกุญแจห้องม่ันคงหรือกรงเหล็กให้นาความ ในวรรคหน่งึ มาใช้บังคับโดยอนุโลม
หน้า ๒๕ ๑๓ พฤษภาคม ๒๕๖๒ เล่ม ๑๓๖ ตอนพเิ ศษ ๑๒๐ ง ราชกจิ จานุเบกษา ขอ้ ๘๘ ถ้ากรรมการเก็บรักษาเงินผู้ใดไม่สามารถปฏิบัติหน้าท่ีได้ ให้หัวหน้าส่วนราชการ พิจารณาแต่งต้ังข้าราชการตามนยั ข้อ ๘๖ ปฏบิ ตั ิหนา้ ทกี่ รรมการเก็บรักษาเงินแทนให้ครบจานวน การแต่งต้ังผปู้ ฏบิ ตั ิหน้าทีก่ รรมการเก็บรกั ษาเงนิ แทนจะแตง่ ตงั้ ไว้เปน็ การประจาก็ได้ ขอ้ ๘๙ ในการส่งมอบและรับมอบลูกกุญแจระหว่างกรรมการเก็บรักษาเงินกับผู้ปฏิบัติหน้าที่ กรรมการเก็บรักษาเงินแทน ให้บุคคลดังกล่าวตรวจนับตัวเงินและเอกสารแทนตัวเงินซึ่งเก็บรักษาไว้ใน ตู้นิรภัยให้ถูกต้องตามรายงานเงินคงเหลือประจาวัน แล้วบันทึกการส่งมอบและรับมอบพร้อมกับ ลงลายมือช่ือกรรมการเก็บรักษาเงินและผู้ปฏิบัติหน้าที่กรรมการเก็บรักษาเงินแทนทุกคนไว้ในรายงาน เงินคงเหลือประจาวันน้ันด้วย ข้อ ๙๐ กรรมการเก็บรักษาเงินหรือผู้ปฏิบัติหน้าทก่ี รรมการเกบ็ รักษาเงนิ แทน ต้องเก็บรักษา ลูกกุญแจไว้ในที่ปลอดภัยมิให้สูญหายหรือให้ผู้ใดลักลอบนาไปพิมพ์แบบลูกกุญแจได้ หากปรากฏว่า ลูกกุญแจสูญหาย หรือมีกรณีสงสัยว่าจะมีผู้ปลอมแปลงลูกกญุ แจ ให้รีบรายงานให้หัวหนา้ ส่วนราชการ ทราบเพ่ือส่ังการโดยด่วน ข้อ ๙๑ ห้ามกรรมการเก็บรักษาเงินหรือผู้ปฏิบัติหน้าที่กรรมการเก็บรักษาเงินแทนมอบ ลูกกุญแจใหผ้ ้อู ่ืนทาหน้าที่กรรมการแทน สว่ นที่ ๓ การเกบ็ รกั ษาเงนิ ขอ้ ๙๒ ให้ส่วนราชการในราชการบริหารส่วนกลางหรือส่วนภูมิภาค แล้วแต่กรณี จัดทารายงานเงนิ คงเหลือประจาวนั เปน็ ประจาทุกวนั ท่ีมกี ารรับเงนิ สด หรอื เช็ค หรือเอกสารแทนตวั เงินอนื่ ในกรณีที่วันใดไม่มีรายการรับจ่ายเงินตามวรรคหน่ึง จะไม่ทารายงานเงินคงเหลือประจาวัน สาหรบั วนั นน้ั กไ็ ด้ แตใ่ หห้ มายเหตุไว้ในรายงานเงินคงเหลือประจาวนั ทีม่ ีการรบั จ่ายเงินของวนั ถัดไปด้วย รายงานเงินคงเหลอื ประจาวนั ให้เปน็ ไปตามแบบท่กี รมบญั ชีกลางกาหนด ขอ้ ๙๓ เมื่อสิ้นเวลารับจ่ายเงินให้เจ้าหน้าท่ีการเงินนาเงินที่จะเก็บรักษาและรายงาน เงินคงเหลือประจาวนั สง่ มอบใหค้ ณะกรรมการเกบ็ รกั ษาเงิน ให้คณะกรรมการเก็บรักษาเงินร่วมกันตรวจสอบตัวเงิน และเอกสารแทนตัวเงิน กับรายงาน เงินคงเหลือประจาวัน เม่ือปรากฏว่าถูกต้องแล้ว ให้เจ้าหน้าท่ีการเงินนาเงิน และเอกสารแทนตัวเงิน เก็บรักษาในตู้นิรภัย และให้กรรมการเก็บรักษาเงินทุกคนลงลายมือช่ือในรายงานเงินคงเหลือประจาวนั ไว้เปน็ หลักฐาน ข้อ ๙๔ รายงานเงินคงเหลือประจาวัน เม่ือกรรมการเก็บรักษาเงินได้ลงลายมือชื่อแล้ว ให้ผ้อู านวยการกองคลงั หรือเจ้าหน้าทีก่ ารเงนิ เสนอหวั หน้าสว่ นราชการเพ่ือทราบ
หน้า ๒๖ ๑๓ พฤษภาคม ๒๕๖๒ เล่ม ๑๓๖ ตอนพิเศษ ๑๒๐ ง ราชกิจจานุเบกษา ขอ้ ๙๕ ในกรณีที่ปรากฏว่าเงินที่ได้รับมอบให้เก็บรักษาไม่ตรงกับจานวนเงินซ่ึงแสดงไว้ ในรายงานเงินคงเหลือประจาวัน ให้คณะกรรมการเก็บรักษาเงินและเจ้าหน้าที่การเงินผู้นาส่ง ร่วมกันบันทกึ จานวนเงินทต่ี รวจนับไดน้ นั้ ไวใ้ นรายงานเงินคงเหลือประจาวนั และลงลายมือช่ือกรรมการ เก็บรักษาเงินทุกคนพร้อมดว้ ยเจ้าหนา้ ทีก่ ารเงินผ้นู าสง่ แลว้ นาเงนิ เก็บรกั ษาในตนู้ ริ ภยั และให้กรรมการ เกบ็ รกั ษาเงินรายงานใหห้ ัวหนา้ ส่วนราชการทราบทันทีเพ่อื พิจารณาส่งั การต่อไป ข้อ ๙๖ เมื่อนาเงินและเอกสารแทนตัวเงินเก็บในตู้นิรภัยเรียบร้อยแล้ว ให้กรรมการ เก็บรักษาเงินใส่กุญแจให้เรียบร้อย แล้วลงลายมือช่ือบนกระดาษปิดทับ ในลักษณะที่แผ่นกระดาษปิดทับ จะตอ้ งถูกทาลายเมือ่ มกี ารเปิดตู้นิรภัย ในกรณีท่ีตู้นิรภัยต้ังอยู่ในห้องม่ันคงหรือกรงเหล็ก การลงลายมือชื่อบนกระดาษปิดทับ จะกระทาทป่ี ระตูหอ้ งมน่ั คงหรอื กรงเหลก็ เพียงแหง่ เดยี วก็ได้ ข้อ ๙๗ ในวันทาการถัดไป หากจะต้องนาเงินออกจ่าย ให้คณะกรรมการเก็บรักษาเงิน มอบเงินที่เก็บรักษาท้ังหมดให้ผู้อานวยการกองคลังหรือเจ้าหน้าที่การเงิน แล้วแต่กรณี รับไปจ่าย โดยให้ผู้อานวยการกองคลังหรือเจ้าหน้าท่ีการเงิน แล้วแต่กรณี ลงลายมือชื่อรับเงินไว้ในรายงาน เงนิ คงเหลอื ประจาวันก่อนวนั ทาการทร่ี ับเงินไปจา่ ย ข้อ ๙๘ การเปิดประตูห้องม่ันคง หรือประตูกรงเหล็ก หรือตู้นิรภัยให้กรรมการเก็บรักษาเงิน ตรวจกุญแจ ลายมือชอ่ื บนแผน่ กระดาษปดิ ทบั เม่ือปรากฏว่าอยใู่ นสภาพเรยี บร้อยจงึ ให้เปดิ ได้ หากปรากฏว่าแผ่นกระดาษปิดทับอยู่ในสภาพไม่เรียบร้อย หรือมีพฤติการณ์อ่ืนใดท่ีสงสัย วา่ จะมกี ารทจุ ริตให้รายงานให้หวั หน้าส่วนราชการนนั้ ทราบเพอื่ พิจารณาสั่งการโดยดว่ น หมวด ๘ การนาเงนิ ส่งคลงั และฝากคลัง ส่วนท่ี ๑ การนาเงนิ สง่ คลงั และฝากคลงั ของสว่ นราชการ ขอ้ ๙๙ เงินที่เบิกจากคลัง ถ้าไม่ไดจ้ ่ายหรือจ่ายไม่หมด ให้ส่วนราชการผู้เบิกนาสง่ คนื คลงั ภายในสบิ ห้าวันทาการนับแตว่ นั รับเงินจากคลงั ในกรณที ่ีสว่ นราชการมกี ารรบั คนื เงินท่ีไดจ้ า่ ยไปแล้วเป็นเงนิ สดหรือเชค็ ให้นาสง่ คืนคลงั ภายใน สิบห้าวนั ทาการนบั แตว่ ันท่ีไดร้ ับคนื ยกเว้นกรณีมีการรับคืนเงินท่ีได้จ่ายไปแล้วดว้ ยระบบอิเล็กทรอนิกส์ (e-Payment) ใหน้ าสง่ คนื คลงั ตามระยะเวลาท่กี ระทรวงการคลังกาหนด
หน้า ๒๗ ๑๓ พฤษภาคม ๒๕๖๒ เล่ม ๑๓๖ ตอนพิเศษ ๑๒๐ ง ราชกิจจานเุ บกษา การนาเงินส่งคืนคลังตามวรรคหนึ่งและวรรคสอง ให้นาส่งผ่านระบบอิเล็กทรอนิกส์ (e-Payment) ตามหลกั เกณฑว์ ธิ ีปฏบิ ัติท่ีกระทรวงการคลังกาหนด ข้อ ๑๐๐ การนาเงินส่งคลัง ถ้านาส่งก่อนส้ินปีงบประมาณหรือก่อนสิ้นระยะเวลาเบิกเงิน ที่กันไว้เบิกเหล่ือมปี ให้ส่วนราชการนาส่งเป็นเงินเบิกเกินส่งคืน แต่ถ้านาส่งภายหลังกาหนดดังกล่าว ใหน้ าส่งเปน็ รายได้แผ่นดนิ ประเภทเงินเหลือจา่ ยปีเก่าส่งคนื ขอ้ ๑๐๑ เงินท้ังปวงที่อยู่ในความรับผิดชอบของส่วนราชการให้นาส่งหรือนาฝากคลังภายใน กาหนดเวลา ดังตอ่ ไปน้ี (๑) เช็ค หรือเอกสารแทนตัวเงินอื่น ให้นาส่งหรือนาฝากในวันท่ีได้รับหรืออย่างช้าภายใน วันทาการถัดไป (๒) เงินรายได้แผ่นดินท่ีได้รับเป็นเงินสด ให้นาส่งอย่างน้อยเดือนละหน่ึงคร้ัง แต่ถ้า สว่ นราชการใดมีเงนิ รายไดแ้ ผ่นดินเกบ็ รักษาในวนั ใดเกินหน่ึงหมน่ื บาท ก็ให้นาเงินสง่ โดยดว่ นแต่อยา่ งช้า ต้องไมเ่ กนิ สามวนั ทาการถดั ไป (๓) เงนิ รายไดแ้ ผ่นดินท่ีรบั ด้วยระบบอิเล็กทรอนกิ ส์ (e-Payment) ใหน้ าส่งภายในระยะเวลา ทีก่ ระทรวงการคลังกาหนด (๔) เงินเบิกเกินส่งคืน หรือเงินเหลือจ่ายปีเก่าส่งคืน ให้นาส่งภายในสิบห้าวันทาการนับแต่ วันรบั เงนิ จากคลงั หรอื นบั แตว่ นั ทไ่ี ด้รับคนื (๕) เงินนอกงบประมาณท่ีรับเปน็ เงนิ สด ใหน้ าฝากคลังอย่างนอ้ ยเดอื นละหนึง่ ครง้ั แตส่ าหรบั เงนิ ท่เี บิกจากคลังเพ่อื รอการจ่าย ใหน้ าฝากคลงั ภายในสิบหา้ วนั ทาการนบั แตว่ นั รบั เงนิ จากคลัง ส่วนที่ ๒ วิธีการนาเงนิ ส่งคลงั และฝากคลัง ข้อ ๑๐๒ ใหห้ วั หน้าหนว่ ยงานของรัฐหรอื ผู้ทไี่ ดร้ ับมอบหมายเปน็ ผนู้ าเงินสง่ คลัง ข้อ ๑๐๓ วิธีการนาเงินส่งคลังหรือฝากคลัง ให้หน่วยงานผู้เบิกในส่วนกลาง หรือในส่วน ภูมิภาค นาส่งหรือนาฝากเงินผ่านระบบอิเล็กทรอนิกส์ (e-Payment) ตามหลักเกณฑ์วิธีปฏิบัติ ที่กระทรวงการคลังกาหนด เพอื่ เขา้ บัญชีเงินฝากธนาคารของกรมบัญชกี ลาง หรอื ของสานักงานคลงั จังหวดั แล้วแต่กรณี กรณีท่ีเป็นเงินสด หรือเช็ค หรือเอกสารแทนตัวเงินอื่น ให้จัดทาใบนาฝากเงิน พร้อมทั้ง นาเงินสด หรือเช็ค หรือเอกสารแทนตัวเงิน ฝากเข้าบัญชีเงินฝากธนาคารของกรมบัญชีกลาง หรือ ของสานกั งานคลังจังหวดั แลว้ แต่กรณี โดยปฏบิ ตั ิตามวธิ ีการทก่ี ระทรวงการคลงั กาหนด ขอ้ ๑๐๔ หน่วยงานผู้เบิกที่ใช้วิธีการเช่ือมโยงข้อมูลเข้าระบบหรือวิธีการอื่น ให้ถือปฏิบัติ ตามที่กระทรวงการคลงั กาหนด
หน้า ๒๘ ๑๓ พฤษภาคม ๒๕๖๒ เล่ม ๑๓๖ ตอนพิเศษ ๑๒๐ ง ราชกจิ จานุเบกษา หมวด ๙ การกนั เงนิ ไวเ้ บกิ เหลอื่ มปี ขอ้ ๑๐๕ หน่วยงานของรัฐใดได้ก่อหน้ีผูกพันไว้ก่อนสิ้นปีงบประมาณและมีวงเงินตั้งแต่ หนึ่งแสนบาทขึ้นไปหรือตามท่ีกระทรวงการคลังกาหนด กรณีท่ีไม่สามารถเบิกเงินไปชาระหน้ีได้ทัน ส้ินปีงบประมาณให้ขอกันเงินไว้เบิกเหล่ือมปีต่อไปได้อีกไม่เกินหกเดือนของปีงบประมาณถัดไป เว้นแต่ มีความจาเป็นต้องขอเบิกเงินจากคลังภายหลังเวลาดังกล่าว ให้ขอทาความตกลงกับกระทรวงการคลัง เพ่ือขอขยายเวลาออกไปได้อีกไม่เกนิ หกเดือน ข้อ ๑๐๖ การขอกันเงินไว้เบิกเหล่ือมปี หน่วยงานของรัฐต้องดาเนินการก่อนสิ้นปีงบประมาณ โดยปฏบิ ัตติ ามวธิ กี ารท่กี ระทรวงการคลงั กาหนด หมวด ๑๐ หนว่ ยงานยอ่ ย ขอ้ ๑๐๗ การเบิกเงิน การรับเงิน การจ่ายเงิน การเก็บรักษาเงิน และการนาเงินส่งคลัง ใหเ้ ปน็ ไปตามหลักเกณฑ์วิธปี ฏิบตั ิทีก่ ระทรวงการคลงั กาหนด หมวด ๑๑ การควบคมุ และตรวจสอบของหนว่ ยงานผู้เบิกทเ่ี ป็นสว่ นราชการ ข้อ ๑๐๘ ทุกสิ้นวันทาการ ให้เจ้าหน้าที่การเงินของส่วนราชการตรวจสอบจานวนเงินสด และเช็คคงเหลอื กับรายงานเงนิ คงเหลอื ประจาวนั ทีก่ รมบัญชกี ลางกาหนด กรณีการรบั จ่ายเงินผ่านระบบ อิเล็กทรอนกิ ส์ (e-Payment) ให้ส่วนราชการจัดให้มีการตรวจสอบการรบั จา่ ยเงินจากรายงานในระบบ อิเล็กทรอนิกส์ (e-Payment) ตามหลกั เกณฑ์วธิ ีปฏบิ ตั ิทีก่ ระทรวงการคลงั กาหนด ขอ้ ๑๐๙ ให้หน่วยงานผู้เบิกที่เป็นส่วนราชการมีหน้าท่ีให้คาช้ีแจงและอานวยความสะดวก แก่เจ้าหน้าท่ีของสานักงานการตรวจเงินแผ่นดินในการตรวจสอบรายงานการเงินและหลักฐานการจ่าย กรณีทไ่ี ดร้ ับการทักท้วง จากสานักงานการตรวจเงนิ แผน่ ดิน ถ้าหนว่ ยงานผู้เบิกไม่เห็นด้วยกบั ขอ้ ทักทว้ ง ให้ชี้แจงเหตุผลและรายงานให้กระทรวง ทบวง กรม เจ้าของงบประมาณ แล้วแต่กรณี ทราบภายใน สิบวันนับแต่วันท่ีได้รับแจ้งข้อทักท้วงจากสานักงานการตรวจเงินแผ่นดิน หากเจ้าของงบประมาณ ดังกล่าวเหน็ ว่าคาช้แี จงน้นั มเี หตผุ ลสมควร ให้พิจารณาดาเนนิ การขอให้กระทรวงการคลงั วินจิ ฉัยภายใน สิบวันนับแต่วันท่ไี ด้รับแจง้ จากหน่วยงานผูเ้ บกิ
หน้า ๒๙ ๑๓ พฤษภาคม ๒๕๖๒ เล่ม ๑๓๖ ตอนพเิ ศษ ๑๒๐ ง ราชกิจจานเุ บกษา ภายในสามสิบวันนับแต่วันท่ีได้รับคาขอจากเจ้าของงบประมาณ เม่ือกระทรวงการคลัง ได้วินิจฉัยคาชี้แจงเป็นประการใดแล้ว ให้แจ้งให้กระทรวง ทบวง กรม เจ้าของงบประมาณ และ สานักงานการตรวจเงินแผ่นดินทราบ ในกรณีท่ีเจ้าของงบประมาณดังกล่าวจะต้องปฏิบัตติ ามคาวินจิ ฉัย ของกระทรวงการคลัง ให้ปฏิบัติให้เสร็จสิ้นพร้อมท้ังแจ้งสานักงานการตรวจเงินแผ่นดินทราบภายใน สิบวนั นับแตว่ ันท่ีไดร้ ับทราบผลการวินิจฉัย ข้อ ๑๑๐ เมื่อปรากฏว่าส่วนราชการแห่งใดปฏิบัติเก่ียวกับการเบิกเงินจากคลัง การรับเงิน การจ่ายเงิน การเก็บรักษาเงิน และการนาเงินส่งคลังไม่ถูกต้องตามระเบียบ ให้หัวหน้าส่วนราชการ ระดบั กรม หรอื ผวู้ ่าราชการจังหวัด แลว้ แต่กรณี พิจารณาส่งั การให้ปฏิบัติให้ถกู ตอ้ งโดยดว่ น ขอ้ ๑๑๑ หากปรากฏว่าเงนิ ในความรบั ผิดชอบของส่วนราชการแหง่ ใดขาดบญั ชี หรอื สญู หาย เสียหายเพราะการทุจริต หรือมีพฤติการณ์ท่ีส่อไปในทางไม่สุจริตหรือเพราะเหตุหนึ่งเหตุใดซึ่งมิใช่ กรณีปกติ ให้หัวหน้าสว่ นราชการระดับกรมหรือผ้วู า่ ราชการจังหวดั แล้วแต่กรณี รบี รายงานพฤตกิ ารณ์ ให้กระทรวงเจ้าสังกัดทราบโดยด่วน และดาเนินการสอบสวนหาตัวผู้รับผิดตามหลักเกณฑ์ท่ีกาหนดไว้ ในระเบียบสานักนายกรฐั มนตรีว่าด้วยหลกั เกณฑ์การปฏิบัตเิ ก่ยี วกับความรบั ผิดทางละเมดิ ของเจ้าหน้าที่ ในกรณที ่เี หน็ วา่ เปน็ ความผิดอาญาแผน่ ดนิ ให้ฟ้องรอ้ งดาเนนิ คดีแก่ผู้กระทาความผิดด้วย ประกาศ ณ วนั ที่ 19 เมษายน พ.ศ. ๒๕๖2 อภิศกั ดิ์ ตันตวิ รวงศ์ รัฐมนตรีวา่ การกระทรวงการคลงั
หน้า ๓๐ ๑๓ พฤษภาคม ๒๕๖๒ เล่ม ๑๓๖ ตอนพิเศษ ๑๒๐ ง ราชกจิ จานเุ บกษา ระเบยี บกระทรวงการคลงั ว่าดว้ ยเงนิ ทดรองราชการ พ.ศ. ๒๕๖๒ โดยทเี่ ป็นการสมควรปรับปรุงระเบียบกระทรวงการคลัง ว่าดว้ ยเงนิ ทดรองราชการ พ.ศ. ๒๕๔๗ ให้มีความสอดคล้องกับพระราชบัญญัติวินัยการเงินการคลังของรัฐ พ.ศ. ๒๕๖๑ และเพื่อให้ ส่วนราชการสามารถนาเงินทดรองราชการไปใช้เป็นค่าใช้จ่ายปลีกย่อยในการปฏิบัติราชการได้อย่าง รวดเรว็ คลอ่ งตวั และมีประสิทธิภาพ อาศัยอานาจตามความในมาตรา ๔๑ วรรคหนึ่ง แห่งพระราชบัญญัติวินัยการเงินการคลัง ของรัฐ พ.ศ. ๒๕๖๑ รัฐมนตรีว่าการกระทรวงการคลังโดยความเห็นชอบของคณะรัฐมนตรี จึงวาง ระเบยี บไว้ ดงั ตอ่ ไปนี้ ข้อ ๑ ระเบียบนี้เรียกว่า “ระเบียบกระทรวงการคลัง ว่าด้วยเงินทดรองราชการ พ.ศ. ๒๕๖๒” ข้อ ๒ ระเบยี บน้ใี หใ้ ชบ้ ังคบั ตงั้ แตว่ นั ถัดจากวันประกาศในราชกจิ จานเุ บกษาเป็นตน้ ไป ขอ้ ๓ ใหย้ กเลิกระเบยี บกระทรวงการคลัง วา่ ดว้ ยเงนิ ทดรองราชการ พ.ศ. ๒๕๔๗ ข้อ ๔ ในระเบยี บนี้ “ส่วนราชการ” หมายความว่า กระทรวง ทบวง กรม หรือส่วนราชการท่ีเรียกช่ืออย่างอื่น และมีฐานะเปน็ กรม “ส่วนราชการเจ้าของงบประมาณ” หมายความว่า ส่วนราชการที่ได้รับงบประมาณรายจ่าย ไม่ว่าจะเป็นงบประมาณรายจ่ายท่ีต้ังไว้สาหรับส่วนราชการน้ัน ๆ โดยเฉพาะ หรือเป็นงบประมาณ รายจ่ายทีต่ ั้งไว้ในงบกลาง “หน่วยงานในสังกัด” หมายความว่า หน่วยงานในสังกดั ของส่วนราชการเจ้าของงบประมาณ ท้งั ท่ีเปน็ ส่วนราชการผ้เู บกิ และหน่วยงานย่อย “ส่วนราชการผู้เบิก” หมายความว่า ส่วนราชการซ่ึงเบิกเงินกับกรมบัญชีกลางหรือ สานกั งานคลังจังหวดั “หน่วยงานยอ่ ย” หมายความวา่ หนว่ ยงานในสงั กดั ของส่วนราชการในราชการบริหารส่วนกลาง หรือในราชการบริหารส่วนภูมิภาค หรือท่ีต้ังอยู่ในอาเภอ ซ่ึงมิได้เบิกเงินกับกรมบัญชีกลาง หรือ สานักงานคลงั จงั หวดั แต่เบกิ เงินผ่านส่วนราชการที่เป็นหนว่ ยงานผ้เู บกิ “หลักฐานการจา่ ย” หมายความว่า หลกั ฐานท่ีแสดงว่าไดม้ กี ารจ่ายเงินให้แก่ผูร้ ับ หรอื เจา้ หนี้ ตามขอ้ ผูกพนั โดยถูกตอ้ งแลว้ “เงินยืม” หมายความว่า เงินท่ีส่วนราชการจา่ ยใหแ้ ก่บคุ คลใดบุคคลหนง่ึ ยืมเพ่ือเป็นค่าใชจ้ า่ ย ในการเดนิ ทางไปราชการหรอื การปฏบิ ัตริ าชการอืน่ ใด
หน้า ๓๑ ๑๓ พฤษภาคม ๒๕๖๒ เล่ม ๑๓๖ ตอนพิเศษ ๑๒๐ ง ราชกจิ จานเุ บกษา “ระบบ” หมายความว่า ระบบการบริหารการเงินการคลังภาครัฐด้วยระบบอิเล็กทรอนิกส์ (Government Fiscal Management Information System: GFMIS) ซ่ึงปฏิบัติโดยผ่านช่องทาง ทีก่ ระทรวงการคลังกาหนด ข้อ ๕ ใหป้ ลัดกระทรวงการคลังรกั ษาการตามระเบยี บนี้ ขอ้ ๖ การปฏิบัติในกรณีใดที่ระเบียบนี้ไม่ได้กาหนดไว้ หรือการยกเว้นการปฏิบัติในกรณีใด ตามระเบียบนี้ ให้ส่วนราชการขอทาความตกลงกับกระทรวงการคลัง หมวด ๑ เงนิ ทดรองราชการ ขอ้ ๗ ให้ส่วนราชการเจ้าของงบประมาณมีเงินทดรองราชการตามจานวนท่ีได้รับอนุญาต จากกระทรวงการคลัง ตามหลักเกณฑ์และวิธีการท่กี ระทรวงการคลังกาหนด ในกรณีที่มีความจาเป็นหรือมีเหตุผลอันสมควร กระทรวงการคลังอาจพิจารณาเพ่ิม ลด หรือยกเลิกวงเงินทดรองราชการของส่วนราชการเจ้าของงบประมาณได้ตามความเหมาะสม และสอดคล้องกับฐานะการคลังของประเทศ โดยแจ้งให้ส่วนราชการเจ้าของงบประมาณหรือหน่วยงาน ในสงั กดั ทราบล่วงหนา้ เพื่อประโยชน์ในการพิจารณาเพ่ิม ลด หรือยกเลิกวงเงินทดรองราชการตามวรรคสอง ให้ส่วนราชการเจ้าของงบประมาณหรือหน่วยงานในสังกัด แล้วแต่กรณี ส่งรายงานการจ่ายเงินทดรอง ราชการไปยงั กรมบญั ชีกลาง ตามวธิ กี ารทกี่ ระทรวงการคลังกาหนด ในกรณีที่มีการลดหรือยกเลิกเงินทดรองราชการ ให้ส่วนราชการเจ้าของงบประมาณนาเงิน ทดรองราชการที่กระทรวงการคลังสั่งลดหรือยกเลิกส่งคืนคลังทันที โดยกระทรวงการคลังอาจให้หักส่ง จากเงินท่ีเบิกเพอ่ื ชดใช้เงินทดรองราชการ ขอ้ ๘ เงินทดรองราชการที่ส่วนราชการเจ้าของงบประมาณได้รบั อนุญาตจากกระทรวงการคลัง ให้นาไปพิจารณาแบ่งสรรแก่หน่วยงานในสังกัดตามความเหมาะสม แล้วแจ้งให้กระทรวงการคลังทราบ ทุกครง้ั ทีม่ กี ารแบง่ สรรหรอื มกี ารเปล่ยี นแปลงการแบง่ สรร ขอ้ ๙ ในกรณีที่มีเหตุพิเศษ กระทรวงการคลังอาจอนุญาตให้ส่วนราชการเจ้าของ งบประมาณใดมีเงินทดรองราชการ สาหรับเป็นค่าใช้จ่ายเป็นการเฉพาะเรื่องนอกเหนือจากที่กาหนดไว้ ในขอ้ ๑๔ ตามเงอ่ื นไขที่กระทรวงการคลังกาหนด หมวด ๒ การเบิกเงนิ ทดรองราชการ ข้อ ๑๐ การเบิกเงินจากคลังเป็นเงินทดรองราชการ ให้หัวหน้าส่วนราชการผู้เบิกหรือ ผ้ทู ไี่ ด้รับมอบหมายเปน็ ผ้เู บิกเงินจากคลงั
หน้า ๓๒ ๑๓ พฤษภาคม ๒๕๖๒ เล่ม ๑๓๖ ตอนพเิ ศษ ๑๒๐ ง ราชกจิ จานุเบกษา ผู้เบิกเงินทดรองราชการให้เป็นไปตามระเบียบกระทรวงการคลัง ว่าด้วยการเบิกเงินจากคลัง การรบั เงนิ การจ่ายเงิน การเกบ็ รักษาเงิน และการนาเงนิ ส่งคลงั หมวด ๓ การเกบ็ รกั ษาเงนิ ทดรองราชการ ข้อ ๑๑ ให้สว่ นราชการเจ้าของงบประมาณและหน่วยงานในสงั กดั เก็บรักษาเงนิ ทดรองราชการ เป็นเงนิ สด ณ ทท่ี าการ ไวเ้ พื่อสารองจ่ายได้ ดงั ตอ่ ไปน้ี (๑) ส่วนราชการผูเ้ บิกในส่วนกลาง ใหเ้ ก็บรักษาได้แห่งละไม่เกนิ ๑๐๐,๐๐๐ บาท (๒) สว่ นราชการผู้เบิกในสว่ นภมู ิภาค ใหเ้ กบ็ รกั ษาไดแ้ ห่งละไมเ่ กนิ ๓๐,๐๐๐ บาท (๓) หน่วยงานย่อย ใหเ้ กบ็ รักษาไดแ้ ห่งละไม่เกิน ๑๐,๐๐๐ บาท ข้อ ๑๒ ในกรณีที่ส่วนราชการเจ้าของงบประมาณใดหรือหน่วยงานในสังกัดใดมีเงินทดรอง ราชการจานวนเกินกว่าท่ีอนุญาตให้เก็บรักษาเป็นเงินสด ณ ท่ีทาการ ตามที่กาหนดไว้ในข้อ ๑๑ ใหส้ ่วนราชการเจา้ ของงบประมาณนัน้ หรอื หนว่ ยงานในสังกัดน้ัน นาเงินทดรองราชการจานวนทีเ่ กนิ กว่า ท่ีไดร้ บั อนญุ าตฝากธนาคารทีเ่ ปน็ รฐั วิสาหกจิ ประเภทออมทรพั ย์ ดอกเบ้ียท่ีเกิดจากการนาเงินทดรองราชการฝากธนาคารตามวรรคหนึ่ง ให้นาส่งคลัง เป็นรายไดแ้ ผน่ ดิน ข้อ ๑๓ วิธีการเก็บรักษาเงินทดรองราชการให้ถือปฏิบัติตามระเบียบกระทรวงการคลัง ว่าดว้ ยการเบกิ เงินจากคลงั การรบั เงนิ การจ่ายเงนิ การเกบ็ รักษาเงนิ และการนาเงินสง่ คลัง หมวด ๔ การใชจ้ ่ายเงนิ ทดรองราชการ ขอ้ ๑๔ เงินทดรองราชการมไี ว้สาหรบั ทดรองใช้จา่ ยตามงบประมาณรายจ่าย ดังตอ่ ไปนี้ (๑) งบบุคลากร เฉพาะค่าจ้างซึ่งไม่มีกาหนดจ่ายเป็นงวดแน่นอนเป็นประจาแต่จาเป็น ตอ้ งจา่ ยใหล้ กู จ้างแตล่ ะวนั หรอื แตล่ ะคราวเม่อื เสรจ็ งานทีจ่ ้าง (๒) งบดาเนินงาน ยกเวน้ ค่าไฟฟ้าและคา่ นา้ ประปา (๓) งบกลาง เฉพาะที่จ่ายเป็นเงินสวัสดิการเก่ียวกับการศึกษาของบุตร และเงินสวัสดิการ เก่ยี วกบั การรักษาพยาบาล (๔) งบอนื่ ท่ีจา่ ยในลักษณะเช่นเดียวกบั (๑) หรือ (๒) ขอ้ ๑๕ กรณีที่มีความจาเป็นเรง่ ดว่ นในระยะต้นปีงบประมาณ แต่สานกั งบประมาณยงั ไมไ่ ด้ อนุมัติเงินจัดสรร ให้ส่วนราชการเจ้าของงบประมาณและหน่วยงานในสังกัดจ่ายเงินทดรองราชการ ไปกอ่ นได้รบั อนุมตั เิ งินจัดสรรกไ็ ด้
หน้า ๓๓ ๑๓ พฤษภาคม ๒๕๖๒ เล่ม ๑๓๖ ตอนพิเศษ ๑๒๐ ง ราชกิจจานเุ บกษา ขอ้ ๑๖ ในการจ่ายเงินให้ส่วนราชการเจ้าของงบประมาณและหน่วยงานในสังกัด จ่ายเงินทดรองราชการจากบัญชีเงินฝากออมทรัพย์ตามข้อ ๑๒ วรรคหน่ึง ผ่านระบบอิเล็กทรอนิกส์ (e-Payment) ไปเขา้ บญั ชขี องเจา้ หนห้ี รือผ้มู สี ิทธริ บั เงนิ กรณีมีเหตุขัดข้องหรือมีความจาเป็นเร่งด่วนซึ่งไม่สามารถดาเนินการจ่ายเงินผ่านระบบ อิเล็กทรอนิกส์ (e-Payment) ตามวรรคหนึ่งได้ ให้ส่วนราชการเจ้าของงบประมาณและหน่วยงาน ในสังกัดเปิดบัญชีเงินฝากกระแสรายวันกับธนาคารที่ฝากเงินทดรองราชการไว้ตามข้อ ๑๒ วรรคหนึ่ง อีกหน่ึงบัญชีสาหรับการสั่งจ่ายเงินทดรองราชการ โดยให้ธนาคารโอนเงินจากบัญชีเงินฝากออมทรัพย์ ตามข้อ ๑๒ วรรคหนึ่งไปเขา้ บญั ชเี งนิ ฝากกระแสรายวันเพือ่ จ่ายเงนิ ตามเชค็ ข้อ ๑๗ การจ่ายเงินทดรองราชการต้องมีหลักฐานการจา่ ยไว้เพ่ือประโยชน์ในการตรวจสอบ และเบิกเงนิ งบประมาณรายจา่ ยชดใชเ้ งินทดรองราชการ การปฏบิ ตั เิ ก่ียวกบั หลักฐานการจา่ ยเงนิ ทดรองราชการใหถ้ ือปฏบิ ตั ิตามระเบียบกระทรวงการคลัง ว่าด้วยการเบิกเงนิ จากคลัง การรบั เงนิ การจา่ ยเงนิ การเก็บรกั ษาเงิน และการนาเงนิ สง่ คลงั หมวด ๕ การเบกิ จ่ายเงินยืม ขอ้ ๑๘ สญั ญาการยมื เงนิ ใหเ้ ป็นไปตามแบบที่กระทรวงการคลังกาหนด ขอ้ ๑๙ การอนุมัติการจ่ายเงนิ ยมื ให้เปน็ อานาจของบุคคล ดังต่อไปน้ี (๑) สวนราชการในราชการบริหารสวนกลางให้เปน็ อานาจของหัวหน้าสวนราชการระดบั กรม หรือผู้ที่หัวหนา้ ส่วนราชการระดับกรมมอบหมาย ซ่ึงดารงตาแหน่งประเภทบริหาร ประเภทอานวยการ ประเภทวิชาการ ระดับชานาญการหรือประเภททั่วไป ระดับอาวุโส หรือเทียบเท่าขึ้นไป หรือผู้ที่มียศ ตง้ั แต่พันโท นาวาโท นาวาอากาศโท หรือพนั ตารวจโทขึ้นไป สวนราชการในราชการบริหารสวนกลางที่มีสานักงานอยูในสวนภูมิภาค หรือแยกต่างหาก จากกระทรวง ทบวง กรม หวั หน้าส่วนราชการระดบั กรมจะมอบหมายให้หวั หน้าสานักงานเป็นผูอ้ นุมตั ิ สาหรบั หนว่ ยงานนน้ั กไ็ ด้ (๒) สวนราชการในราชการบรหิ ารสวนภูมภิ าคใหเ้ ปน็ อานาจของหัวหนา้ สว่ นราชการในภมู ิภาค ขอ้ ๒๐ การจ่ายเงินยืมจะจ่ายได้แต่เฉพาะที่ผู้ยืมได้ทาสัญญาการยืมเงิน และผู้มีอานาจ ได้อนมุ ตั ิใหจ้ า่ ยเงนิ ยมื ตามสัญญาการยมื เงินนนั้ แล้วเท่าน้ัน โดยจา่ ยผา่ นระบบอิเล็กทรอนิกส์ (e-Payment) ข้อ ๒๑ การอนุมัติให้ยืมเงินเพ่ือใช้ในราชการ ให้ผู้มีอานาจพิจารณาอนุมัติให้ยืมเฉพาะ เทา่ ท่จี าเป็น และห้ามมใิ ห้อนมุ ัตใิ ห้ยมื เงินรายใหม่ในเมื่อผยู้ มื มไิ ดช้ าระคนื เงนิ ยมื รายเก่าให้เสรจ็ สิน้ ไปก่อน ข้อ ๒๒ การจ่ายเงินยืมจากเงินทดรองราชการจะจ่ายได้แต่เฉพาะค่าใช้จ่ายท่ีได้รับอนุญาต ตามข้อ ๙ และงบรายจ่ายหรอื รายการตามที่กาหนดไว้ในข้อ ๑๔
หน้า ๓๔ ๑๓ พฤษภาคม ๒๕๖๒ เล่ม ๑๓๖ ตอนพิเศษ ๑๒๐ ง ราชกิจจานุเบกษา ขอ้ ๒๓ สัญญาการยืมเงนิ ให้จดั ทาขึ้นสองฉบับพรอ้ มกบั มอบใหส้ ่วนราชการผู้ใหย้ ืมเก็บรกั ษา ไวเ้ ปน็ หลกั ฐานหนึ่งฉบับ ให้ผ้ยู มื เก็บไว้หนง่ึ ฉบับ ข้อ ๒๔ การจ่ายเงินยมื เพอ่ื เปน็ ค่าใช้จา่ ยในการเดนิ ทางไปราชการในราชอาณาจักรให้จ่ายได้ สาหรบั ระยะเวลาการเดนิ ทางทไี่ มเ่ กนิ เกา้ สบิ วนั ขอ้ ๒๕ ให้ผู้ยืมส่งหลักฐานการจ่ายและเงินเหลือจ่ายที่ยืมไป (ถ้ามี) ภายในกาหนด ระยะเวลา ดังนี้ (๑) กรณีเดินทางไปประจาต่างสานักงาน หรือการเดินทางไปราชการประจาในต่างประเทศ หรือกรณีเดินทางกลับภูมิลาเนาเดิม ให้ส่งแก่ส่วนราชการผู้ให้ยืมโดยทางไปรษณีย์ลงทะเบียนภายใน สามสบิ วนั นับแต่วนั ได้รบั เงนิ (๒) กรณีเดินทางไปราชการอ่นื รวมท้ังการเดินทางไปราชการต่างประเทศช่ัวคราว ให้ส่งแก่ สว่ นราชการผใู้ ห้ยมื ภายในสิบห้าวันนับแตว่ ันกลับมาถงึ (๓) การยืมเงินเพ่ือปฏิบัติราชการนอกจาก (๑) หรือ (๒) ให้ส่งแก่ส่วนราชการผู้ให้ยืม ภายในสามสิบวนั นับแตว่ ันไดร้ ับเงนิ ในกรณที ีผ่ ้ยู มื ได้สง่ หลกั ฐานการจ่าย เพ่อื ส่งใช้คนื เงินยืมแลว้ มเี หตตุ อ้ งทกั ท้วง ให้สว่ นราชการ ผู้ให้ยืมแจ้งข้อทักท้วงให้ผู้ยืมทราบโดยด่วน แล้วให้ผู้ยืมปฏิบัติตามคาทักท้วงภายในสิบห้าวันนับแต่ วันท่ีได้รับคาทักท้วง หากผู้ยืมมิได้ดาเนินการตามคาทักท้วงและไม่ได้ชี้แจงเหตุผลให้ส่วนราชการ ผู้ให้ยืมทราบ ให้ส่วนราชการผู้ให้ยืมดาเนินการตามเงื่อนไขในสัญญาการยืมเงินโดยถือว่าผู้ยืม ยังมไิ ดส้ ่งใชค้ นื เงนิ ยมื เท่าจานวนทที่ ักทว้ งนัน้ ขอ้ ๒๖ เมื่อผู้ยืมส่งหลักฐานการจ่ายและ/หรือเงินเหลือจ่ายท่ียืม (ถ้ามี) ให้เจ้าหน้าที่ผู้รับคืน บันทึกการรับคืนในสัญญาการยืมเงินพร้อมทั้งพิมพ์หลักฐานการรับเงินคืนจากระบบอิเล็กทรอนิกส์ (e-Payment) ตามท่ีกระทรวงการคลังกาหนด และ/หรือออกใบรบั ใบสาคญั ตามแบบท่ีกรมบัญชีกลาง กาหนดใหผ้ ยู้ ืมไว้เป็นหลกั ฐาน ขอ้ ๒๗ ใหสวนราชการเก็บรักษาสัญญาการยืมเงินซ่ึงยังมิไดช้ าระคืนเงินยืมให้เสร็จสิ้นไวใ้ น ท่ีปลอดภัยอย่าให้สูญหาย และเมื่อผยู้ ืมได้ชาระคืนเงนิ ยืมเสร็จส้ินแล้วให้เก็บรักษาเช่นเดียวกับหลกั ฐาน การจ่าย ข้อ ๒๘ ในกรณีที่ผู้ยืมมิได้ชาระคืนเงินยืมภายในระยะเวลาท่ีกาหนด ให้ผู้อานวยการ กองคลังเรยี กให้ชดใช้เงนิ ยืมตามเงื่อนไขในสัญญาการยมื เงินให้เสร็จส้นิ ไปโดยเร็ว อยา่ งช้าไม่เกินสามสิบวัน นบั แตว่ นั ครบกาหนด ในกรณีท่ไี มอ่ าจปฏิบตั ิตามวรรคหน่ึงได้ ใหผ้ ู้อานวยการกองคลังรายงานใหหัวหน้าส่วนราชการ หรือผู้ว่าราชการจังหวัด แล้วแต่กรณีทราบ เพื่อพิจารณาสั่งการบังคับให้เป็นไปตามสัญญาการยืมเงิน ตอ่ ไป
หน้า ๓๕ ๑๓ พฤษภาคม ๒๕๖๒ เล่ม ๑๓๖ ตอนพเิ ศษ ๑๒๐ ง ราชกจิ จานเุ บกษา หมวด ๖ การส่งคนื เงนิ ทดรองราชการ ขอ้ ๒๙ ในกรณีที่หมดความจาเป็นต้องใช้เงินทดรองราชการ ให้ส่วนราชการเจ้าของ งบประมาณนาเงินทดรองราชการส่งคืนคลังภายในสิบห้าวันทาการนับแต่วันที่หมดความจาเป็นต้องใช้ เงินทดรองราชการ หมวด ๗ การรายงานและการบญั ชี ขอ้ ๓๐ ใหส้ ว่ นราชการเจา้ ของงบประมาณท่ไี ด้รบั เงนิ ทดรองราชการรายงานยอดเงินทดรอง ราชการต่อกรมบัญชีกลางทุกสิ้นปีงบประมาณ ตามหลักเกณฑ์ วิธีการ และแบบท่ีกระทรวงการคลัง กาหนด ข้อ ๓๑ การบันทึกบัญชีควบคุมเงินทดรองราชการ ให้เป็นไปตามท่ีกระทรวงการคลัง กาหนด บทเฉพาะกาล ข้อ ๓๒ ในกรณีท่ีส่วนราชการเจ้าของงบประมาณใดได้รับอนุญาตจากกระทรวงการคลัง ให้มีเงินทดรองราชการตามระเบียบกระทรวงการคลังว่าด้วยเงินทดรองราชการ พ.ศ. ๒๕๔๗ เป็นจานวนเท่าใดไว้แล้ว ให้ส่วนราชการเจ้าของงบประมาณนน้ั มีเงนิ ทดรองราชการตามจานวนที่ได้รับ อนุญาตน้ัน และให้ถือวา่ เงินทดรองราชการดงั กลา่ วเปน็ เงนิ ทดรองราชการตามระเบยี บน้ี ขอ้ ๓๓ ในกรณีที่ส่วนราชการเจ้าของงบประมาณใดหรือหน่วยงานในสังกัดใดได้รับอนญุ าต จากกระทรวงการคลังให้เก็บรักษาเงินทดรองราชการเป็นเงินสด ณ ท่ีทาการ ตามระเบียบ กระทรวงการคลังว่าด้วยเงินทดรองราชการ พ.ศ. ๒๕๔๗ เป็นจานวนสูงกว่าวงเงินเก็บรักษา ตามระเบยี บนี้ ใหว้ งเงนิ เก็บรักษาเป็นไปตามจานวนทไี่ ดร้ บั อนญุ าตนน้ั และให้ถอื วา่ การอนญุ าตดงั กลา่ ว เป็นการอนญุ าตตามระเบยี บนี้ ขอ้ ๓๔ การบันทกึ บัญชีควบคุมเงนิ ทดรองราชการท่กี ระทรวงการคลังกาหนดไวต้ ามระเบยี บ กระทรวงการคลังว่าด้วยเงินทดรองราชการ พ.ศ. ๒๕๔๗ ให้ใช้ไปพลางก่อน จนกว่าจะได้กาหนด ใหเ้ ป็นไปตามระเบยี บนี้ ประกาศ ณ วนั ที่ 19 เมษายน พ.ศ. ๒๕๖2 อภศิ ักดิ์ ตนั ติวรวงศ์ รฐั มนตรวี า่ การกระทรวงการคลัง
Search