สถาบันพฒั นาคุณภาพวชิ าการ (พว.) พระพุทธศาสนา ม.๔-๖ การบรหิ ารจิต
การบรหิ ารจิตและการเจรญิ ปญั ญา ๑. บทสวดมนต์แปลและแผเ่ มตตา คานมสั การพระรัตนตรัย อะระหงั สมั มาสัมพุทโธ ภะคะวา พระผมู้ ีพระภาคเจา้ เป็นพระอรหันต์ ดบั เพลงิ กเิ ลสเพลงิ ทกุ ขส์ ้ินเชงิ ตรสั รูช้ อบไดโ้ ดย พระองคเ์ อง พทุ ธงั ภะคะวนั ตงั อะภวิ าเทมิ ขา้ พเจา้ อภวิ าทพระผมู้ ีพระภาคเจ้า ผู้รู้ ผูต้ น่ื ผ้เู บิกบาน. (กราบ ๑ ครงั้ )
การบรหิ ารจติ และการเจริญปญั ญา สะวากขาโต ภะคะวะตา ธมั โม พระธรรมอนั พระผู้มีพระภาคเจ้า ตรัสไว้ดีแล้ว ธัมมงั นะมัสสามิ ข้าพเจา้ นมสั การพระธรรม. (กราบ ๑ ครง้ั ) สปุ ะฏปิ ันโน ภะคะวะโต สาวะกะสังโฆ พระสงฆส์ าวกของพระผ้มู ีพระภาคเจา้ ปฏบิ ตั ิดแี ล้ว สงั ฆัง นะมามิ ขา้ พเจ้านอบน้อมพระสงฆ์. (กราบ ๑ ครง้ั )
การบริหารจติ และการเจรญิ ปญั ญา คานมัสการพระผ้มู ีพระภาคเจา้ นะโม ตัสสะ ภะคะวะโต อะระหะโต ขอนอบนอ้ ม แดพ่ ระผ้มู พี ระภาคเจ้า พระองคน์ ัน้ ซ่งึ เป็นผหู้ ่างไกลจากกิเลส สมั มาสัมพทุ ธัสสะ. เป็นผู้ตรัสรู้ชอบไดโ้ ดยพระองค์เอง. (กลา่ ว ๓ ครง้ั )
การบริหารจติ และการเจรญิ ปญั ญา บทสวดพระพทุ ธคุณ (ทานองสังโยค) อิติปิ โส (รบั พรอ้ มกนั ) ภะคะวา อะระหงั สมั มาสมั พุทโธ วชิ ชาจะระณะสมั ปันโน สุคะโต โลกะวทิ ู อะนตุ ตะโร ปุรสิ ะทมั มะ สาระถิ สตั ถา เทวะมะนสุ สานัง พุทโธ ภะคะวาติฯ
การบริหารจติ และการเจรญิ ปญั ญา บทสวดพระพทุ ธคณุ (ทานองสรภัญญะ) องคใ์ ดพระสมั พุทธ (รบั พร้อมกัน) สวุ สิ ทุ ธสันดาน ตัดมลู เกลศมาร บ มหิ มน่ มิหมองมัว หนง่ึ นัยพระทยั ทา่ น กเ็ บิกบานคอื ดอกบัว ราคี บ พันพัว สุวคนธกาจร องคใ์ ดประกอบด้วย พระกรุณาดงั สาคร โปรดหมู่ประชากร มละโอฆกนั ดาร ชี้ทางบรรเทาทกุ ข์ และชีส้ ุขเกษมศานต์ ชท้ี างพระนฤพาน อนั พ้นโศกวิโยคภัย พร้อมเบญจพิธจกั - ษจุ รสั วิมลใส เหน็ เหตทุ ใ่ี กล้ไกล กเ็ จนจบประจกั ษจ์ ริง กาจดั น้าใจหยาบ สันดานบาปแห่งชายหญิง สัตวโลกไดพ้ ึ่งพงิ มละบาปบาเพ็ญบญุ ขา้ ฯ ขอประณตนอ้ ม ศริ เกล้าบงั คมคุณ สมั พุทธการญุ - ญภาพนนั้ นิรนั ดรฯ
การบรหิ ารจติ และการเจริญปญั ญา บทสวดพระธรรมคุณ (ทานองสังโยค) สะวากขาโต (รบั พร้อมกัน) ภะคะวะตา ธัมโม สันทฏิ ฐโิ ก อะกาลิโก เอหิปสั สิโก โอปะนะยโิ ก ปัจจัตตัง เวทติ ัพโพ วญิ ญหู ตี ฯิ
การบรหิ ารจิตและการเจริญปญั ญา บทสวดพระธรรมคณุ (ทานองสรภญั ญะ) ธรรมะคอื คุณากร (รบั พร้อมกัน) ส่วนชอบสาธร ดจุ ดวงประทีปชชั วาล แห่งองค์พระศาสดาจารย์ ส่องสัตว์สนั ดาน สว่างกระจ่างใจมล ธรรมใดนบั โดยมรรคผล เปน็ แปดพงึ ยล และเกา้ กับทง้ั นฤพาน สมญาโลกอดุ รพสิ ดาร อนั ลึกโอฬาร พิสุทธิ์พเิ ศษสกุ ใส อีกธรรมตน้ ทางครรไล นามขนานขานไข ปฏบิ ตั ิปรยิ ัติเปน็ สอง คือทางดาเนินดุจคลอง ให้ล่วงลุปอง ยงั โลกอดุ รโดยตรง ข้า ขอโอนอ่อนอุตมงค์ นบธรรมจานง ด้วยจิตต์และกายวาจา (กราบ)
การบรหิ ารจติ และการเจรญิ ปัญญา บทสวดพระสังฆคณุ (ทานองสังโยค) สุปะฏิปันโน (รับพร้อมกัน) ภะคะวะโต สาวะกะสังโฆ อุชปุ ะฏิปันโน ภะคะวะโต สาวะกะสังโฆ ญายะปะฏิปันโน ภะคะวะโต สาวะกะสังโฆ สามจี ปิ ะฏิปันโน ภะคะวะโต สาวะกะสงั โฆ ยะทิทงั จัตตาริ ปรุ ิสะยคุ านิ อัฏฐะ ปรุ สิ ะปคุ คะลา เอสะ ภะคะวะโต สาวะกะสังโฆ อาหุเนยโย ปาหเุ ณยโย ทักขิเณยโย อัญชะลีกะระณโี ย อะนุตตะรัง ปญุ ญกั เขตตงั โลกัสสาติฯ
การบรหิ ารจติ และการเจรญิ ปญั ญา บทสวดพระสังฆคณุ (ทานองสรภัญญะ) สงฆ์ใดสาวกศาสดา (รับพรอ้ มกนั ) รับปฏิบัตมิ า แต่องค์สมเดจ็ ภควันต์ เห็นแจง้ จตสุ ัจเสรจ็ บรร- ลุทางทอี่ นั ระงับและดบั ทกุ ขภ์ ัย โดยเสด็จพระผู้ตรสั ไตร ปญั ญาผอ่ งใส สะอาดและปราศมวั หมอ เหนิ ห่างทางขา้ ศึกปอง บ มลิ าพอง ดว้ ยกายและวาจาใจ เป็นเนือ้ นาบุญอนั ไพ- ศาลแด่โลกยั และเกิดพบิ ลู ยพ์ ูนผล สมญาเอารสทศพล มคี ณุ อนนต์ อเนกจะนับเหลอื ตรา
การบริหารจติ และการเจริญปญั ญา บทสวดพระสังฆคณุ (ทานองสรภัญญะ) (ตอ่ ) ขา้ ฯ ขอนบหมพู่ ระศรา- พกทรงคณุ า- นคุ ุณประดจุ ราพนั ดว้ ยเดชบุญข้าอภวิ ันท์ พระไตรรตั น์อนั อดุ มดิเรกนริ ัตสิ ยั จงชว่ ยขจัดโพยภยั อนั ตรายใดใด จงดับและกลับเสื่อมสูญฯ (กราบ)
การบรหิ ารจติ และการเจริญปญั ญา บทแผ่เมตตา สัพเพ สตั ตา สัตว์ทัง้ หลาย ทเี่ ป็นเพื่อนทกุ ข์ เกดิ แก่ เจบ็ ตาย ดว้ ยกนั ทัง้ หมดทง้ั สิ้น อะเวรา โหนตุ จงเปน็ สขุ เป็นสขุ เถดิ อย่าไดม้ เี วรซึง่ กนั และกันเลย อัพยาปัชฌา โหนตุ จงเปน็ สขุ เป็นสุขเถิด อย่าไดพ้ ยาบาทเบยี ดเบยี นซ่ึงกันและกนั เลย อะนฆี า โหนตุ จงเป็นสขุ เป็นสขุ เถิด อย่าไดม้ คี วามทุกข์กายทุกขใ์ จเลย สขุ ี อตั ตานงั ปะรหิ ะรนั ตุ จงมีความสขุ กายสขุ ใจ รักษาตนใหพ้ ้นจากทุกข์ภยั ทั้งสนิ้ เถดิ .
การบริหารจติ และการเจริญปัญญา ๒. การบริหารจิต การบริหารจิต หมายถงึ การฝึกฝนอบรมจิตใหเ้ จริญและประณตี ยิ่งขนึ้ มีความปลอดโปรง่ มีความหนักแนน่ มัน่ คง โดยเริม่ จากการฝึกฝนจิตใหเ้ กดิ สติ และฝึกสมาธิให้เกิดขน้ึ ในจิต
การบรหิ ารจิตและการเจรญิ ปัญญา วธิ กี ารบริหารจติ ตามหลกั สตปิ ัฏฐาน ๔ การบริหารจติ ตามหลกั สตปิ ฏั ฐาน หมายถงึ การต้งั สตกิ าหนดพจิ ารณา สิ่งทงั้ หลายใหร้ ้เู หน็ ตามความเปน็ จรงิ ตามทส่ี ่ิงน้นั ๆ เปน็ ๑) กายานุปัสสนาสติปฏั ฐาน หมายถงึ การต้ังสติกาหนดพิจารณากาย ใหร้ ู้เหน็ ตามเป็นจริงวา่ เป็นแต่เพยี งกาย ไม่ใชส่ ตั ว์บคุ คลเราเขา มีวิธปี ฏิบัติหลายวธิ ี คือ - อานาปานสติ - อริ ิยาบถ - สมั ปชญั ญะ - ปฏิกูลมนสกิ าร - ธาตมุ นสิการ - นวสีวถกิ า
การบริหารจติ และการเจรญิ ปัญญา ๒) เวทนานปุ สั สนาสตปิ ัฏฐาน หมายถึง การตงั้ สติกาหนดพิจารณาเวทนา ใหร้ เู้ หน็ ตามเป็นจรงิ วา่ เปน็ แต่เพยี งเวทนา ไมใ่ ชส่ ัตวบ์ ุคคลตัวตนเราเขา มีสติร้ชู ดั เวทนาอนั เปน็ สขุ กด็ ี ทุกข์กด็ ี เฉย ๆ ก็ดี ทงั้ ทีเ่ ปน็ สามสิ (เจือด้วยอามิส คอื เคร่อื งล่อ) และเปน็ นิรามสิ (ไมม่ ีอามิส คือ เหย่อื ท่เี ปน็ เคร่ืองลอ่ ใจ) ตามท่เี ป็นไปอยู่ในขณะนนั้ ๓) จติ ตานปุ ัสสนาสตปิ ฏั ฐาน หมายถึง การต้ังสตกิ าหนดพจิ ารณาจติ ให้รู้เห็น ตามเปน็ จริงวา่ เป็นแต่เพยี งจิต ไมใ่ ชส่ ัตว์บคุ คลตัวตนเราเขา มสี ตริ ู้ชดั จิตของตนทมี่ ีราคะ ไม่มี ราคะ มีโทสะ ไมม่ ีโทสะ มีโมหะ ไมม่ ีโมหะ เศร้าหมองหรอื ผอ่ งแผว้ ฟุ้งซ่านหรือเป็นสมาธิอยา่ งไร ตามที่เป็นไปอยู่ในขณะน้ัน ๆ
การบริหารจิตและการเจริญปญั ญา ๔) ธัมมานปุ สั สนาสติปฏั ฐาน หมายถงึ การตง้ั สตกิ าหนดพิจารณาธรรม ใหร้ ้เู หน็ ตามเป็นจรงิ ว่า เปน็ แตเ่ พยี งธรรม ไมใ่ ช่สตั วบ์ คุ คลตวั ตนเราเขา มสี ติรูช้ ัดธรรม ท้ังหลาย ได้แก่ นิวรณ์ ๕ ขนั ธ์ ๕ อายตนะ ๑๒ โพชฌงค์ ๗ อริยสัจ ๔ ว่าคอื อะไร เป็นอยา่ งไร มใี นตนหรอื ไม่ เกดิ ข้ึน เจรญิ บริบรู ณ์ และดบั ไปไดอ้ ย่างไร ตามที่เปน็ จรงิ ของมนั อย่างน้ัน
การบริหารจิตและการเจรญิ ปญั ญา อานาปานสติ คือ วิธกี ารบรหิ ารจติ กลา่ วเฉพาะการตง้ั สติกาหนดพจิ ารณากายในอริ ยิ าบถนง่ั โดยการกาหนดลมหายใจเขา้ -ออก ข้ันเตรียม ๑. เลือกสถานทท่ี เี่ หมาะสม เช่น สถานทป่ี ลอดโปรง่ ไม่มีเสียงรบกวน ๒. เลอื กเวลาทเ่ี หมาะสม เชน่ ตอนเชา้ กอ่ นนอน เวลาทใี่ ช้ไม่ควรนานเกินไป ๓. สมาทานศีล เปน็ การแสดงเจตนาเพือ่ ทาใจใหบ้ รสิ ทุ ธิส์ ะอาด ๔. นมสั การพระรัตนตรยั และสวดมนตส์ รรเสริญคณุ พระรัตนตรัย ๕. ตดั ความกงั วลตา่ ง ๆ ออกไป
การบริหารจิตและการเจริญปญั ญา ข้นั ตอนปฏิบัติ ๑. นง่ั ทา่ สมาธิ คือ เทา้ ขวาทับเท้าซา้ ย มอื ขวาวางทับมอื ซ้าย ต้งั ตวั ตรง ดารงสติมน่ั ๒. หลบั ตาหรือลมื ตาก็ได้อยา่ งไหนไดผ้ ลดกี ป็ ฏบิ ตั อิ ย่างนน้ั ๓. กาหนดรู้ลมหายใจเข้า-ออก ลมหายใจกระทบตรงไหนกร็ ชู้ ดั เจนให้กาหนดตรงจดุ นนั้ ๔. เมื่อลมหายใจเขา้ -ออก จะกาหนดภาวนาดว้ ยหรือไมก่ ไ็ ด้ แลว้ แต่ผู้ปฏิบตั ิ ๕. ปฏิบตั ิไปเรือ่ ย ๆ จนไดเ้ วลาพอควรแก่รา่ งกาย จงึ ออกจากการปฏบิ ตั ิ ๖. แผเ่ มตตาใหต้ นเองและสรรพสตั วท์ ้ังหลาย
การบรหิ ารจติ และการเจรญิ ปัญญา ประโยชน์ของการบรหิ ารจิตเพ่อื พฒั นาการเรยี นรู้ คุณภาพชีวติ และสังคม ในพระพุทธศาสนาเรยี กการบรหิ ารจิตและเจรญิ ปญั ญาวา่ สมถวิปัสสนา ประโยชนข์ อง ๑) ประโยชนข์ องสมาธิ ผ้ทู ม่ี ีสมาธมิ ั่นคงยอ่ มมจี ติ ใจทพี่ รอ้ มจะกระทา สมถวปิ สั สนา ส่งิ ตา่ ง ๆ ให้สาเรจ็ ได้โดยงา่ ย และท่ีสาคญั คือ ช่วยควบคุมกิเลสทางด้าน การศกึ ษาเลา่ เรียน เมอื่ มสี มาธิทต่ี ั้งมั่นการศึกษาย่อมจะไดผ้ ลดขี ้ึน ๒) ประโยชนข์ องปญั ญา จติ ที่สงบดแี ลว้ ยอ่ มเหน็ สิง่ ทั้งหลายตามความ เป็นจรงิ คอื การเกิดปัญญา ประโยชนข์ องปัญญานั้นมีหลายลกั ษณะ ดว้ ยกัน เช่น กอ่ ใหเ้ กิดความเจรญิ รงุ่ เรอื งและความสาเรจ็ ในชีวติ เมื่อเกิดปัญหา ผู้ที่มีปญั ญาก็สามารถแก้ไขให้สาเรจ็ ไปไดด้ ว้ ยดี
Search
Read the Text Version
- 1 - 19
Pages: