9 แผนผงั แนวคิดใบความรู้หนว่ ยการเรียนรู้ที่ 1 1. ระบบสารสนเทศและ 1.1 ระบบสารสนเทศ 1.1.1 คณุ ลักษณะของ ระบบสารสนเทศทางการ สารสนเทศ บัญชี 1.2 ระบบสารสนเทศ ทางการบญั ชี 1.1.2 หนา้ ทห่ี ลักและ สว่ นประกอบของระบบ สารสนเทศ 1.2.1 หน้าท่หี ลกั ของ ระบบสารสนเทศทางการ บญั ชี 1.2.2 กระบวนการตาม ทฤษฎีหว่ งโซม่ ูลค่าและ ความสัมพันธ์ระหวา่ งหว่ ง โซ่ กบั ระบบสารสนเทศ ทางการบญั ชี
10 ใบความรหู้ น่วยการเรยี นรทู้ ่ี 1 ระบบสารสนเทศและระบบสารสนเทศทางการบัญชี เค้าโครงเนื้อหา ตอนที่ 1.1 ระบบสารสนเทศ เร่ืองท่ี 1.1.1 คุณลักษณะของสารสนเทศ เรื่องท่ี 1.1.2 หน้าทีห่ ลกั และส่วนประกอบของระบบสารสนเทศ ตอนที่ 1.2 ระบบสารสนเทศทางการบัญชี เรื่องที่ 1.2.1 หนา้ ที่หลกั ของระบบสารสนเทศทางการบญั ชี เรื่องที่ 1.2.2 กระบวนการตามทฤษฎีห่วงโซ่มูลค่าและความสัมพนั ธร์ ะหวา่ ง ห่วงโซ่ กบั ระบบสารสนเทศทางการบญั ชี
11 ตอนท่ี 1.1 ระบบสารสนเทศ โปรดอ่านหัวเรื่อง แนวคิด และวัตถุประสงค์ในตอนที่ 1.1 แล้ว จึงศึกษาเนื้อหาสาระ โดยละเอยี ดต่อไป หวั เรื่อง เรอื่ งท่ี 1.1.1 คุณลกั ษณะของสารสนเทศ เรอ่ื งที่ 1.1.2 หน้าทหี่ ลกั และสว่ นประกอบของระบบสารสนเทศ แนวคิด 1. คุณลักษณะของสารสนเทศท่ีดีและมีประสิทธิภาพ จะต้องประกอบด้วย 7 ลักษณะ ได้แก่ มีสาระสาคัญ (relevant) เช่ือถือได้ (reliable) ครบถ้วน (complete) ทันเวลาต่อการ ตัดสินใจ (timely) เข้าใจง่าย (simple format) ตรวจทานได้ (verifiable) คุ้มทุน (cost effective) 2. หน้าที่หลักและส่วนประกอบของระบบสารสนเทศ ระบบสารสนเทศคือระบบงานท่ี ประกอบด้วยส่วนประกอบสาคัญ 5 ส่วน ได้แก่ คน (people) ขั้นตอนงานหรือวิธีดาเนินการ (Procedure) ข้อมูล (data) ชุดคาส่ัง (software) โครงสร้างเทคโนโลยีสารสนเทศ (information technology infrastructure) ส่วนประกอบท้ัง 5 ส่วนน้ี จะทางานร่วมกันเพ่ือให้ระบบสารสนเทศ สามารถประกอบกิจกรรมหลัก ซ่ึงเป็นหน้าที่ของระบบสารสนเทศ 3 ข้อ ได้แก่ การเก็บรวบรวมและ การจัดเก็บ (gathering and storing) การแปรสภาพ (manipulating) การควบคุมระบบ (system control)
12 วตั ถปุ ระสงค์ 1. นักศึกษาบอกคณุ ลักษณะของสารสนเทศ 2. นกั ศกึ ษาอธิบายหนา้ ท่ีหลักของระบบสารสนเทศ 3. นักศึกษาบอกสว่ นประกอบของระบบสารสนเทศ
13 เรอื่ งท่ี 1.1.1 คุณลักษณะของสารสนเทศ คณุ ลักษณะของสารสนเทศ สารสนเทศทีด่ ีหรอื มปี ระสทิ ธิภาพจะตอ้ งประกอบดว้ ยลักษณะดงั ตอ่ ไปน้ี 1. มสี าระสาคญั (relevant) 2. เชอ่ื ถอื ได้ (reliable) 3. ครบถว้ น (complete) 4. ทนั เวลาต่อการตดั สินใจ (timely) 5. เข้าใจงา่ ย (simple format) 6. ตรวจทานได้ (verifiable) 7. คุ้มทุน (cost effective)
14 คาว่า มีสาระสาคัญและทันต่อเหตุการณ์ได้ถูกกล่าวถึงไปแล้ว คาว่า เชื่อถือได้ ครบถว้ น เขา้ ใจง่าย ตรวจทานได้ และ คุ้มทุน มีคาอธิบายทต่ี ่อเนอ่ื งกนั เชื่อถือได้ หมายความว่า มีเอกสารสนับสนุนความถูกต้องของข้อมูลนั้น เช่น การเสนอราคา เอกสารเกี่ยวกับความม่ันคงของ บริษัทที่ขายเครื่องคอมพิวเตอร์ มีรายละเอียดของขนาดและประสิทธิภาพ (specification) ของ สินค้าท่ีชัดเจน ดังนัน้ ข้อมูลจึงเชอ่ื ถอื ได้ นอกจากนี้ บริษัทท่ีเสนอขายคอมพวิ เตอรอ์ าจมีขอ้ เสนอว่า ถ้าซ้ือ 5 เครื่อง ขึ้นไปจะได้รับส่วนลดอีก 5% หรือ ได้รับของแถมเพ่ิมเติม หรือผู้จัดการฝ่ายจัดซื้อ อาจต้องการข้อมูลเก่ยี วกับราคา ขนาด และประสิทธิภาพของเครื่องคอมพิวเตอรจ์ ากกิจการอืน่ เพ่อื ใช้ ในการตัดสินใจเลือกซอื้ คอมพิวเตอร์ครงั้ น้ี แต่ความ ครบถว้ น ต้องใช้เวลา ผ้จู ัดการฝ่ายจัดซ้อื จึงต้อง รู้จักกาหนดความพอดี ถ่วงดุลระหว่างคุณลักษณะของสารสนเทศ การรอเก็บข้อมูลให้ครบถ้วน 100% อาจไม่ทันต่อการนามาใช้ตดั สินใจหรอื อาจตอ้ งเสยี ค่าใช้จ่ายท่ีสงู เกนิ ประโยชน์ท่จี ะได้รับจาก ข้อมูลนน้ั ข้อมูลนั้นก็จะเป็นข้อมูลที่ไม่คุ้มกับทุนที่เสียไปเพ่ือให้ได้ข้อมลู น้ันมา นอกจากนี้ ข้อมูลที่ รวบรวมมาต้องถูกนาเสนอในรูปแบบที่ง่ายต่อความเข้าใจ ยกตัวอย่างเช่น การใช้กราฟ แผนภูมิรูป วงกลม (pie chart) แผนภมู ิแท่ง (bar chart) ในการนาเสนอขอ้ มลู แทนตารางหรือข้อความมกั ทาให้ เขา้ ใจง่ายกว่าและเรว็ กวา่ เป็นตน้ เรื่องที่ 1.1.2 หน้าทีห่ ลกั และส่วนประกอบของระบบสารสนเทศ 1. หน้าที่หลักของระบบสารสนเทศ องค์กรทุกองค์กรคือระบบงานขนาดใหญ่ท่ีประกอบด้วยส่วนประกอบ (component) ท่ี ทางานร่วมกัน เพื่อให้บรรลุวัตถุประสงค์เดียวกัน ระบบสารสนเทศคือระบบงานท่ีประกอบด้วย ส่วนประกอบสาคัญ 5 ส่วน ได้แก่ คน (people) ขั้นตอนงานหรอื วิธีดาเนินการ (Procedure) ข้อมูล (data) ชุดค าส่ัง (software) โค รงสร้างเท ค โน โลยีสารส น เท ศ (information technology infrastructure) โครงสร้างเทคโนโลยีสารสนเทศรวมถึงอุปกรณ์คอมพิวเตอร์ท้ังหมด ไม่ว่าจะเป็น เคร่ืองคอมพิวเตอร์ แป้นพิมพ์ (keyboard) เครื่องพิมพ์ อุปกรณ์ส่ือสารต่าง ๆ ส่วนประกอบทั้ง 5 ส่วนน้ี จะทางานร่วมกันเพื่อให้ระบบสารสนเทศสามารถประกอบกิจกรรมหลัก ซึ่งเป็นหน้าท่ีของ ระบบสารสนเทศ 3 ขอ้ ได้แก่ ๑) การเก็บรวบรวมและการจัดเก็บ (gathering and storing) ข้อมลู เก่ียวกับเหตุการณ์ ต่าง ๆ ที่ เกี่ยวข้องกับองค์กร เมื่อเกิดเหตุการณ์ทางธุรกิจข้ึนกับองค์กร ระบบสารสนเทศจะต้อง สามารถเก็บรวบรวมข้อมูลท่ีเกี่ยวข้องกับเหตุการณ์นั้น ๆ ทรัพยากรท่ีจะต้องใช้ บุคคลหรือพนักงาน ท่ีเกีย่ วขอ้ ง เพ่อื ให้ผบู้ รหิ าร พนักงาน หรือผู้ที่สนใจภายนอกองคก์ รทราบว่าเกดิ เหตุการณอ์ ะไรขนึ้ บ้าง ๒) การแปรสภาพ (manipulating) ข้อมูลที่เก็บรวบรวมมาไดแ้ ละจดั เก็บไว้จะตอ้ งได้รับ ก า ร แ ป ร ส ภ า พ ให้ ก ล า ย เป็ น ส า ร ส น เท ศ ท่ี ผู้ บ ริ ห า ร ส า ม า ร ถ น า ไป ใช้ ใน ก า ร ตั ด สิ น ใจ ได้ อ ย่ า ง มี ประสิทธิภาพ รวมท้ังสามารถใช้ข้อมูลนั้น ๆ ในการวางแผนและควบคุมเหตุการณ์ต่าง ๆ ให้เป็นไป ตามแผน
15 การแปรสภาพ คือ การนาข้อมูลนั้น ๆ มาสรุปผล มาจัดหมวดหมู่ มาคิดคานวณ เช่น คิด คานวณเพ่ือหายอดรวม (totaling) หรือนามาเปรียบเทียบ ในขั้นตอนของการแปรสภาพข้อมูลให้ กลายเป็นสารสนเทศน้ัน ความเข้าใจเก่ียวกับสามเหล่ียมหรือพีระมิด (Pyramid) ของระดับ สารสนเทศในองค์กรเป็นสิ่งจาเป็น ระดับสารสนเทศในองค์กรโดยจาแนกผู้บริหารออกเป็น 3 ระดับ ไดแ้ ก่ ผบู้ ริหารระดบั สงู ผบู้ รหิ ารระดับกลาง และผู้บริหารระดับล่าง ผู้บริหารแต่ละระดับในองค์กรมี ลกั ษณะหรือรปู แบบในการตัดสินใจทแ่ี ตกต่างกนั ออกไป โดยจาแนกรปู แบบของการตดั สินใจออกเป็น 3 ระดับ ได้แก่ การตัดสินใจที่ไม่มีรูปแบบที่แน่นอน (unstructured decision) การตัดสินใจท่ีมี รูปแบบกึ่งแน่นอน-กึ่งไม่แน่นอน (semi-structured decision) และการตัดสินใจที่มีรูปแบบท่ี แน่นอน (structured decision) นอกจากน้ี ผบู้ ริหารต่างระดบั ยังมบี ทบาทหลักในองคก์ รท่ีแตกต่าง กัน โดยจาแนกบทบาทของผู้บริหารออกเป็น 3 ประเภท ได้แก่ การวางแผนนโยบาย (strategic planning) การควบคุมเหตุการณ์ต่าง ๆ เป็นไปตามแผน (tactical control) และการควบคุมจัดการ ให้การทางานประจาวนั เปน็ ไปอยา่ งราบร่ืน (operational control) ๓) การควบคุมระบบ (system control) ระบบสารสนเทศท่ีดีจะต้องมีระบบการ ควบคุมให้ข้อมูลคงคุณลักษณะของข้อมูลท่ีดี การจัดวางระบบการควบคุมภายในเพ่ือความปลอดภัย และแผนการรับมือกับสถานการณ์อันเสี่ยงต่อความปลอดภัยของข้อมูล เป็นสิ่งสาคัญต่อระบบ สารสนเทศขององค์กร นอกจากนี้ ระบบงานยังต้องมีการควบคุมการนาข้อมูลเข้า (input control) การควบคุมการประเมินผล (processing control) การควบคุมข้อมูลออก (out-put control) และ การควบคุมการเขา้ ถึงขอ้ มลู ในฐานขอ้ มลู (access control) การเก็บรวบรวมและจัดเก็บ การควบคมุ ระบบ ข้อมูลดิบ การแปรสภาพ สารสนเทศ ภาพ ๑.๑ แผนภาพแสดงหนา้ ที่ของระบบสารสนเทศ การเกบ็ รวบรวมและจดั เก็บ การแปรสภาพ และการควบคุมระบบ คกวาบรคคททวกมุาบบางใาหคาทุมนน้เปขจปดน็อดันรงไกะโปผยจาภตรบู้าาาวรพมนัยิหแา๑ผร.น๒ สามเหล่ียมหรือผพผบู้ีรู้ผบะรูบ้รมหิ หิริดาิหารราขรรอะรงดดะสบัดาลตบักร่าสลสงนาูงงเๆทศระดับต่างๆกใานรกอตารงัดรคูปสต์กแกินกดั รงึ่บใาสแจรบนิ นทตกใ่นี่ไัดจามอสทรม่ นินต่ีมรี -ใัดีรูปกจูปสแ่ึงทแนิไบม่ีมบใบีรแ่จบูปทนทแ่แีน่ ี่แบนอนบน่น่นออนน
16 2. ส่วนประกอบของระบบสารสนเทศ ระบบสารสนเทศดว้ ยคอมพวิ เตอร์ประกอบดว้ ย 2.1 อปุ กรณ์คอมพิวเตอร์ (computer hardware) 2.2 โปรแกรมหรอื ชุดคาสงั่ (software) 2.3 อปุ กรณ์โทรคมนาคม (telecommunication) 2.4 บุคลากร (people) และ 2.5 ขน้ั ตอนงาน (procedure) สรุป คุณลักษณะของสารสนเทศที่ดีและมีประสิทธิภาพ จะต้องประกอบด้วย 7 ลักษณะ ได้แก่ มีสาระสาคัญ (relevant) เชื่อถือได้ (reliable) ครบถ้วน (complete) ทันเวลาต่อการ ตัดสินใจ (timely) เข้าใจง่าย (simple format) ตรวจทานได้ (verifiable) คุ้มทุน (cost effective) สาหรบั หน้าท่ีหลกั ของระบบสารสนเทศ ประกอบไปด้วย การเก็บรวบรวมและการจัดเก็บ (gathering and storing) การแปรสภาพ (manipulating) การควบคุมระบบ (system control) ส่วนประกอบของระบบสารสนเทศด้วยคอมพิวเตอร์ ประกอบไปด้วย อุปกรณ์คอมพิวเตอร์ (computer hardware) โ ป ร แ ก ร ม ห รื อ ชุ ด ค า สั่ ง (software) อุ ป ก ร ณ์ โ ท ร ค ม น า ค ม (telecommunication) บุคลากร (people) และขัน้ ตอนงาน (procedure) โปรดอ่านหัวเร่อื ง 1.2.1 ต่อไป
17 ตอนที่ 1.2 ระบบสารสนเทศทางการบญั ชี โปรดอ่านหัวเรื่อง แนวคิด และวัตถุประสงค์ในตอนท่ี 1.1 แล้ว จึงศึกษาเน้ือหาสาระ โดยละเอยี ดต่อไป หวั เร่ือง เร่อื งท่ี 1.2.1 หนา้ ทหี่ ลักของระบบสารสนเทศทางการบัญชี เร่ืองที่ 1.2.2 กระบวนการตามทฤษฎหี ว่ งโซม่ ูลคา่ และความสัมพันธ์ระหวา่ งหว่ งโซ่ กบั ระบบสารสนเทศทางการบญั ชี แนวคิด 1. ระบบสารสนเทศทางการบัญชีเป็นส่วนหนึ่งของระบบสารสนเทศขององค์กร ท่ีเก็บ รวบรวมและประมวลผลข้อมูลท้ังข้อมูลท่ีเก่ียวข้องกับเงินตรา จะประกอบด้วย บุคลากร ข้ันตอนงาน และเทคโนโลยีสารสนเทศ หน้าที่หลักของระบบสารสนเทศทางการบัญชี ได้แก่ ๑) เก็บรวบรวม บันทึก และจัดเก็บเหตุการณ์ทางธุรกิจ รายการค้า และสรุปผลในงบการเงิน ๒) ประมวลผล เหตุการณ์ทางธุรกิจและรายการค้าเหล่าน้ัน เพื่อนาเสนอสารสนเทศที่ผู้บริหารจะนาไปใช้ในการ ตัดสินใจได้อย่างประสิทธิภาพ ๓) มีระบบการควบคุมที่สามารถปกป้องสินทรัพย์ของกิจการรวมถึง ข้อมูล ระบบการควบคุมน้ีจะต้องสามารถควบคุมความถูกต้อง ความน่าเช่ือถือ และความพร้อมของ ข้อมูลเม่ือถกู เรยี กมาใช้ (availability) 2. งานหลัก 5 งานทฤษฎีห่วงโซ่มูลค่า ได้แก่ งานสนับสนุนขาเข้า (inbound logistic) การดาเนินการแปรสภาพ (operation) งานสนับสนุนขาออก (outbound logistic) การตลาดและ การขาย (marketing and sales) และการบริการ (service) ซ่ึงมีความสัมพันธ์ระหว่างห่วงโซ่เพิ่ม มูลค่า การบัญชี และเทคโนโลยีสารสนเทศ (Porter’s Value Chain Model)ระบบสารสนเทศ หรือระบบสารสนทางการบัญชีที่ปราศจากเทคโนโลยีสารสนเทศไม่สามารถจะเพ่ิมค่าให้แก่ธุรกิจได้ ผู้บริหารจะต้องพิจารณาลาดับความสาคัญของกิจกรรมต่าง ๆ ต่อองค์กร การผสมผสานกลยุทธ์ด้าน IT ให้สอดคล้องกับวัตถุประสงค์หลักขององค์กร พอร์เตอร์ยังได้เสนอกิจกรรมเพ่ิมเติมเพื่อจะต่อยอด หว่ งโซเ่ พิ่มมูลค่า หว่ งโซ่ทถี่ ูกยืดออกเรยี กวา่ เว็บเพม่ิ มูลค่า (value web) โดยเช่ือมต่อกิจกรรมภายใน
18 องค์กรกบั ภายนอกองค์กรและมีความสมั พนั ธ์ระหว่างธุรกิจกับระบบสารสนเทศและระบบสารสนเทศ ทางการบญั ชี วัตถุประสงค์ 1. นักศึกษาอธบิ ายความหมายของระบบสารสนเทศทางการบญั ชี 2. นกั ศกึ ษาบอกหน้าทห่ี ลักของระบบสารสนเทศ 3. นักศึกษาอธิบายห่วงโซ่มูลค่าและความสัมพันธ์ระหว่างห่วงโซ่ กับการบัญชีและ เทคโนโลยีสารสนเทศทางการบญั ชี
19 เร่อื งที่ 1.2.1 หนา้ ทห่ี ลักของระบบสารสนเทศทางการบญั ชี 1. คาจากัดความของระบบสารสนเทศทางการบญั ชี “ Accounting Information System-AIS is the information subsystem within an organization that accumulates and processes information (both financial and non- financial) from the entity’s various subsystems and communicates this information to the organization’s users.” (ที่มา: AIS โดย Moscove, 2002) ระบบสารสนเทศทางการบัญชีเป็นส่วนหน่ึงของระบบสารสนเทศขององค์กร ท่ีเก็บรวบรวม และประมวลผลข้อมูลทั้งข้อมูลที่เกี่ยวข้องกับเงินตรา และข้อมูลที่ไม่เกี่ยวข้องกับเงินตรา จาก ระบบงานย่อยต่าง ๆขององค์กร และสื่อสารข้อมูลหรือสารสนเทศที่รวบรวมได้ไปยังผู้ใช้ทุกคนของ องคก์ ร ระบบสารสนเทศทางการบัญชีในสมัยเริ่มแรกถูกมองว่าเป็นเพียงส่วนหน่ึงของระบบ สารสนเทศใหญ่ขององค์กร มีหน้าที่ในการบันทึกรายการค้า นาเสนอข้อมูลเฉพาะส่วนที่เก่ียวข้องกับ เงินตรา เพ่ือผู้บริหารสามารถนาไปใช้ในการวางแผนและควบคุม แต่ปัจจุบันระบบสารสนเทศ ทางการบัญชขี ยายวงครอบคลมุ ไปถงึ การจัดเก็บข้อมูลอื่น ๆ ทีไ่ มเ่ ก่ียวข้องกบั เงินตรา ซึ่งอาจช่วยเพ่ิม ค่าให้แก่ธุรกิจได้ในภายหน้า คาจากัดความของคาว่า ระบบสารสนเทศทางการบัญชี จึงไม่ได้จากัด
20 ขอบเขตอยู่แค่การบัญชีการเงิน แต่รวมถึงการบัญชีบริหาร และไม่ได้จากัดขอบเขตอยู่แค่ข้อมูลที่ เกย่ี วขอ้ งกับเงนิ ตรา แต่รวมถงึ ขอ้ มลู ใด ๆ ก็ไดท้ ีส่ ามารถเพม่ิ ค่าใหแ้ ก่กจิ การและลกู คา้ ของกจิ การ 2. หน้าทหี่ ลกั ของระบบสารสนเทศทางการบญั ชี ระบบสารสนเทศทางการบัญชีประกอบด้วย บุคลากร ข้ันตอนงาน และเทคโนโลยี สารสนเทศ หน้าท่ีหลกั ของระบบสารสนเทศทางการบัญชี ได้แก่ ๑) เก็บรวบรวม บันทึก และจัดเก็บเหตุการณ์ทางธุรกิจ รายการค้า และสรุปผลในงบ การเงนิ ๒) ประมวลผลเหตุการณ์ทางธุรกิจและรายการค้าเหล่านั้น เพื่อนาเสนอสารสนเทศที่ ผู้บริหารจะนาไปใชใ้ นการตัดสินใจไดอ้ ย่างประสทิ ธภิ าพ ๓) มีระบบการควบคุมท่ีสามารถปกป้องสินทรัพย์ของกิจการรวมถึงข้อมูล ระบบการ ควบคุมนี้จะต้องสามารถควบคุมความถูกต้อง ความน่าเชื่อถือ และความพร้อมของข้อมูลเม่ือถูกเรียก มาใช้ (availability) เร่ืองท่ี 1.2.2 กระบวนการตามทฤษฎหี ว่ งโซ่มูลค่าและความสัมพนั ธ์ระหวา่ งห่วงโซ่ กับระบบสารสนเทศ ทางการบญั ชี 1. กระบวนการทางธรุ กิจแยกตามทฤษฎี “ห่วงโซม่ ลู คา่ ” กระบวนการทางธุรกิจเร่ิมต้นท่ีรายการค้า หรือเหตุการณ์ที่เก่ียวข้องกับเงินตรา มี จดุ เริ่มตน้ ท่ี แนน่ อน และมจี ุดส้ินสุดของกระบวนการท่ีชดั เจน การสนับสนนุ ให้องค์กรสามารถทางานหลักได้ อย่างมี ประสทิ ธภิ าพและประสิทธผิ ลย่ิงขน้ึ งานหลกั 5 งานทฤษฎีห่วงโซ่มูลคา่ ได้แก่ ๑) งานสนับสนุนขาเข้า (inbound logistic) รวมถึงงานการจัดเก็บ จัดส่งหรือกระจาย สิง่ ป้อนเข้าทใ่ี ช้ในองค์กร เพือ่ สรา้ งสนิ ค้าหรอื บรกิ ารทีอ่ งค์กรจะจาหน่ายแก่ลกู คา้ ต่อไป ๒) การดาเนินการแปรสภาพ (operation) คือ งานที่เก่ียวข้องกับการนาวัตถุดิบหรือ ช้นิ สว่ น การผลติ ตา่ ง ๆ มาประกอบขึน้ เปน็ สินค้าสาเรจ็ รูป เชน่ รถยนต์ ๓) งานสนับสนุนขาออก (outbound logistic) คอื งานทเ่ี ก่ียวขอ้ งกับการกระจายสนิ ค้า สาเรจ็ รปู หรอื บริการสลู่ ูกค้า เชน่ การจัดส่งหรือส่งมอบรถยนตใ์ ห้ตัวแทนจาหน่าย
21 ๔) การตลาดและการขาย (marketing and sales) คืองานท่ีเกย่ี วข้องกับการช่วยเหลือ ลูกค้าใน การตดั สนิ ใจเลือกซือ้ สินค้าหรือบริการ เช่น งานโฆษณา ๕) การบริการ (service) คือ การบริการหลังการขาย เช่น การซ่อมแซม การ บารงุ รกั ษา 2. ความสัมพันธ์ระหว่างห่วงโซ่เพ่ิมมูลค่า การบัญชี และเทคโนโลยีสารสนเทศ (Porter’s Value Chain Model) เทคโนโลยีสารสนเทศและการบัญชี (ภายใต้หัวข้อโครงสร้างการบริการ) จัดเป็นตัว สนับสนุนตัวสาคัญในห่วงโซ่เพิ่มมูลค่าท่ีมีบทบาทสาคัญแก่การดาเนินธุรกิจมากขึ้นทุกวัน ระบบ สารสนเทศหรือระบบสารสนทางการบัญชที ปี่ ราศจากเทคโนโลยสี ารสนเทศไม่สามารถจะเพ่ิมคา่ ให้แก่ ธุรกิจได้ ผู้บริหารจะต้องพิจารณาลาดับความสาคัญของกิจกรรมต่าง ๆ ต่อองค์กร การผสมผสานกล ยุทธด์ า้ น IT ใหส้ อดคล้องกับวัตถปุ ระสงค์หลกั ขององค์กร นอกจากน้ี พอร์เตอร์ยังได้เสนอกิจกรรมเพิ่มเติมเพ่ือจะต่อยอดห่วงโซ่เพ่ิมมูลค่า ห่วงโซ่ท่ี ถูกยืดออกเรียกว่า เว็บเพิ่มมูลค่า (value web) โดยเชื่อมต่อกิจกรรมภายในองค์กรกับภายนอก องคก์ ร การใช้คอมพิวเตอร์ (หรือโปรแกรมการใช้งาน) กับกระบวนการทางธุรกิจในสมัยเร่ิมแรก เป็นการใช้ในระดับท่ีเรียกว่า automate เท่าน้ัน ข้อมูลเข้าของของกระบวนการยังคงเหมือนเดิม ข้อมูลออกของกระบวนการยังคงเหมือนเดิม เปล่ียนแปลงตรงท่ีว่าแต่ก่อนใช้มือคนทา แต่การ automate จะใช้โปรแกรมการใช้งาน (application) ทาแทน การใช้โปรแกรมสาเรจ็ รปู ทางการบัญชี ในการทาบัญชีการเงินถือเป็นการใช้เทคโนโลยีกับกระบวนการทางธุรกิจในระดับ automation เท่าน้ัน การ automation กระบวนการทางธุรกิจมักมีวัตถุประสงค์เพ่ือลดต้นทุนและเพ่ิม ประสิทธภิ าพในการทางาน 3. ความสมั พนั ธร์ ะหว่างธรุ กจิ กบั ระบบสารสนเทศและระบบสารสนเทศทางการบัญชี วัตถุประสงค์ทางธุรกิจขององค์กรเป็นจุดเริ่มต้นที่สาคัญอย่างยิ่งต่อการออกแบบและ พฒั นาระบบสารสนเทศ ระบบสารสนเทศทางการบัญชีเป็นส่วนหน่ึงของระบบสารสนเทศขององค์กร และเน่ืองจากระบบสารสนเทศทางการบัญชีถือเป็นฐานของระบบสารสนเทศอ่ืน ๆ ข้อมูลทางการ บัญชีจึงเป็นข้อมูลสาคัญในการดาเนินธุรกิจ บางครั้งจึงแยกกันไม่ออก ระบบสารสนเทศท่ีมี ประสิทธิภาพจะต้องสามารถผลักดันหรือเอ้ืออานวยให้องค์กรมุ่งไปสู่วัตถุประสงค์ทางธุรกิจของ องค์กรนั้น ๆ ได้ ความสัมพันธ์ระหว่างธุรกิจ ระบบสารสนเทศ (ระบบสารสนเทศทางการบัญชี) และ เทคโนโลยีสารสนเทศเป็นส่ิงสาคัญ ส่ิงเหล่านี้ต้องสอดคล้องกัน (Business-IS/IT) ดังน้ัน องค์กรจึง ต้องแสวงหาแนวทางในการให้ได้มาซึ่งสารสนเทศทตี่ ้องการ รวมถงึ การเลือกสรรโปรแกรมการใช้งาน (application programs) และโปรแกรมการใช้งานจะทางานได้จะต้องมีโครงสร้างเทคโนโลยี สารสนเทศ (IT Infrastructure) ท่เี ปน็ รากฐาน
22 สนับสนนุ กลยทุ ธ์ทางธรุ กิจ Where-Why? การดาเนนิ ธรุ กิจ วิสัยทศั น์-พันธกจิ เรากาลังจะไปไหน ทาไม วตั ถปุ ระสงคห์ ลัก โครงสรา้ ง IT กาหนดทศิ ทาง ทจ่ี ะถูกใช้เป็นฐาน กลยุทธ์ด้าน IS ในการใหบ้ ริการ วัตถปุ ระสงค์ของ IS What is erwuired? กลยุทธด์ ้าน IT เราต้องใชท้ รัพยากรด้านสารสนเทศ อะไรบา้ ง ความต้องการ เพือ่ ให้ไปถึงวตั ถุประสงค์หลัก และการจัดอันดบั ความสาคญั โครงการ IS How? จะใชท้ รพั ยากรด้าน IS/IT อย่างไร ภาพท่ี 1.3 ภาพแสดงความสัมพันธ์ระหวา่ งหว่ งโซ่เพิ่มมลู ค่า การบัญชี และเทคโนโลยีสารสนเทศ สรุป ระบบสารสนเทศทางการบัญชีเป็นส่วนหน่ึงของระบบสารสนเทศขององค์กร ท่ีเก็บ รวบรวมและประมวลผลขอ้ มูลท้ังข้อมูลท่ีเกี่ยวข้องกับเงินตรา จะประกอบด้วย บุคลากร ข้ันตอนงาน และเทคโนโลยีสารสนเทศ หน้าท่ีหลักของระบบสารสนเทศทางการบัญชี ได้แก่ 1) เก็บรวบรวม บันทึก และจัดเก็บเหตุการณ์ทางธุรกิจ รายการค้า และสรุปผลในงบการเงิน 2) ประมวลผล เหตุการณ์ทางธุรกิจและรายการค้าเหล่าน้ัน เพ่ือนาเสนอสารสนเทศที่ผู้บริหารจะนาไปใช้ในการ ตัดสินใจได้อย่างประสิทธิภาพ 3) มีระบบการควบคุมที่สามารถปกป้องสินทรัพย์ของกิจการรวมถึง ข้อมูล ระบบการควบคุมนี้จะต้องสามารถควบคุมความถูกต้อง ความน่าเช่ือถือ และความพร้อมของ ข้อมลู เมอ่ื ถกู เรยี กมาใช้ (availability) ส่วนงานหลกั 5 งานทฤษฎีห่วงโซ่มลู ค่า ได้แก่ งานสนับสนนุ ขา เข้า (inbound logistic)การดาเนินการแปรสภาพ (operation) งานสนับสนุนขาออก (outbound logistic) การตลาดและการขาย (marketing and sales) และการบ ริการ (service) ซึ่งมี ความสัมพันธ์ระหว่างห่วงโซ่เพ่ิมมูลค่า การบัญชี และเทคโนโลยีสารสนเทศ (Porter’s Value Chain Model)ระบบสารสนเทศหรือระบบสารสนทางการบัญชีท่ีปราศจากเทคโนโลยีสารสนเทศไม่ สามารถจะเพ่ิมค่าให้แก่ธุรกิจได้ ผู้บริหารจะต้องพิจารณาลาดับความสาคัญของกิจกรรมต่าง ๆ ต่อ องค์กร การผสมผสานกลยุทธ์ด้าน IT ให้สอดคล้องกับวัตถุประสงค์หลักขององค์กร พอร์เตอร์ยังได้ เสนอกิจกรรมเพ่ิมเติมเพื่อจะต่อยอดห่วงโซ่เพิ่มมูลค่า ห่วงโซ่ท่ีถูกยืดออกเรียกว่า เว็บเพิ่มมูลค่า
23 (value web) โดยเช่ือมต่อกจิ กรรมภายในองค์กรกบั ภายนอกองค์กรและมีความสมั พนั ธ์ระหว่างธรุ กิจ กบั ระบบสารสนเทศและระบบสารสนเทศทางการบัญชี
Search
Read the Text Version
- 1 - 15
Pages: