Important Announcement
PubHTML5 Scheduled Server Maintenance on (GMT) Sunday, June 26th, 2:00 am - 8:00 am.
PubHTML5 site will be inoperative during the times indicated!

Home Explore pdf1

pdf1

Published by somkid honngthong, 2021-04-29 05:10:22

Description: เศรษกิจพอเพียง

Search

Read the Text Version

หลกั การดาเนินชีวติ ตามแนวทางเศรษฐกจิ พอเพยี ง ---------------------------------------- \"เศรษฐกจิ พอเพยี ง\" เป็นปรัชญาในการดาเนินชีวติ ท่ีพระบาทสมเดจ็ พระเจา้ อยหู่ วั ฯ ( รัชกาลที่ ๙ ) ทรงพระราชทานใหก้ บั คนไทย หลกั การทสี่ าคญั คือ เมื่อจะทาอะไรกแ็ ลว้ แต่ สิ่งสาคญั ที่สุดคือตอ้ งมี \"ความรู้\" ในเร่ืองงานที่จะทาอยา่ งถ่องแท้ รู้จริง ถา้ ไม่รู้ใหค้ น้ ควา้ หาความรู้ และ \"คุณธรรม\" ใช้ หลกั อิทธิบาท ๔ ( ซ่ือสตั ย์ อดทน เอาใจใส่ สติปัญญา ) เม่ือมีความรู้ และคุณธรรมแลว้ หลงั จากน้นั กใ็ หล้ งมือทาดว้ ยความ \"พอประมาณ\" \"มเี หตุมผี ล\" และ \"มีภูมคิ ุ้มกนั \" - พอประมาณ คือรู้จกั \"พอ\" ทาทุกอยา่ งใหพ้ อดี พอเหมาะ พอสม พอควรและพอเพยี งต่อตนเอง รู้จกั \"ประมาณ\" ทาอะไรกต็ อ้ งประมาณตนเอง ประมาณฝ่ ายตรงขา้ ม และสภาพแวดลอ้ มรอบขา้ ง วา่ มี ความเหมาะสมที่จะทาหรือไม่ - มีเหตุมผี ล คือการทาอะไรใหม้ ีการคิด และวางแผนใหด้ ี มีการวเิ คราะห์เปรียบเทียบ ข้อดี ข้อเสีย จุดอ่อน จุดแขง็ โอกาส และภยั คุกคาม เมื่อเห็นวา่ ดีแลว้ กว็ างแผนทาต่อไป - มีภูมิคุ้มกนั คือการจะทาอะไรกต็ อ้ งมีทุนสารอง มีแผนเผชิญเหตุไวแ้ กป้ ัญหาท่ีไมค่ าดคิด ---------------------------------------- เรียบเรียงโดย พ.อ.วรยทุ ธ แกว้ วิบูลยพ์ นั ธุ์ รอง ผบ.พล.ร.๒ รอ. ( ๒๖ ก.พ.๕๙ )



การปลูกป่ า 3 อย่าง ได้ประโยชน์ 4 อย่าง พระองค์มพี ระราชดารัส ดงั นี้ “การ ปลูกป่ าถา้ จะใหร้ าษฎรมีประโยชน์ใหเ้ ขาไดใ้ หใ้ ชว้ ิธีปลูกไม้ 3 อยา่ ง แต่มี ประโยชน์ 4 อยา่ ง คือ ไมใ้ ชส้ อย ไมก้ ินได้ ไมเ้ ศรษฐกิจ โดยปลูกรองรับการ ชลประทาน ปลูกรับการซบั น้า และปลูกอุดช่วงไหล่ตามร่องหว้ ยโดยรับน้าฝน อยา่ งเดียว ประโยชนอ์ ยา่ งที่ 4 คือสามารถช่วยอนุรักษด์ ินและน้า” แปลความสรุปอยา่ งเขา้ ใจง่าย ปลูกไมใ้ หพ้ ออยู่ พอกิน พอใช้ และระบบนิเวศน์ พออยู่ หมายถึง ไมเ้ ศรษฐกิจปลูกไวท้ าท่ีอยอู่ าศยั และจาหน่าย พอกิน หมายถึง ปลูกพืชเกษตรเพือ่ การกินและสมุนไพร พอใช้ หมายถึง ปลูกไมไ้ วใ้ ชส้ อยโดยตรงและพลงั งาน เช่น ไมฟ้ ื น, และไมไ้ ผ่ เป็ นตน้ ประโยชน์ต่อระบบนิเวศน์ สร้างความสมบูรณ์และก่อใหเ้ กิดความหลากหลายทาง ชีวภาพในพ้นื ที่ป่ า

เกษตรทฤษฎีใหม่ คือ การบริหารจดั การทรัพยากรโดยเฉพาะดินและน้าที่มีอยจู่ ากดั ให้ เกิดประโยชนส์ ูงสุดเพ่ือใหเ้ กษตรกรสามารถดาเนินชีวิตอยไู่ ดอ้ ยา่ งเพียงพอ โดยเนน้ การ พ่งึ พาตนเองใหม้ ากท่ีสุด สาเหตุท่ีเรียก “ทฤษฎีใหม่” น้นั เน่ืองจาก 1. มีการบริหารและจดั แบ่งท่ีดินเลก็ ออกเป็นสัดส่วนที่ชดั เจน เพอ่ื ประโยชนส์ ูงสุด ของเกษตรกร ซ่ึงไม่เคยมีใครคิดมาก่อน 2. มีการคานวณโดยหลกั วชิ าการเก่ียวกบั ปริมาณน้าท่ีจะเกบ็ กกั ใหพ้ อเพยี งต่อการ เพาะปลูกไดอ้ ยา่ งเหมาะสมตลอดปี 3. มีการวางแผนที่สมบูรณ์แบบ ประกอบดว้ ย 3 ข้นั ตอน ข้ันต้อนของทฤษฎใี หม่ มี 3 ข้ันตอน ได้แก่ ข้นั ตอนท่ี 1 เป็นการผลิตแบบพ่ึงตนเองดว้ ยวธิ ีง่ายๆ คอ่ ยเป็นค่อยไปตามกาลงั พอมีพอกินไม่อดอยาก ข้นั ตอนที่ 2 เกษตรกรรวมพลงั กนั ในรูปกลุม่ หรือสหกรณ์ ร่วมแรงในเรื่องของการ ผลิตการตลาด การเป็นอยู่ สวสั ดิการ การศึกษา สังคม และศาสนา ข้นั ตอนท่ี 3 ร่วมมือกบั แหล่งเงินและพลงั งาน ต้งั และบริหารโรงสี ต้งั บริการร้าน สหกรณ์ ช่วยกนั ลงทุนช่วยกนั พฒั นาคุณภาพชีวติ ของประชาชนในชนบท ซ่ึงมิใช่ทาอาชีพ ดา้ นการเกษตรเพยี งอยา่ งเดียว



มีกินมีใชต้ ลอดปี ( การทาไร่นาสวนผสม ) เกษตรกรมีชีวิตความเป็นอยู่ทดี่ ี และมีความมั่นคงในการท่จี ะประกอบอาชีพ การเกษตรต่อไป เป็นการทากิจกรรมการเกษตรหลาย ๆ อยา่ ง ( ต้ังแต่ 2 อยา่ ง ) เพือ่ ตอบสนองต่อการบรโิ ภค และลดความเส่ียงจากราคาผลผลิต และภัย ธรรมชาติ ซงึ่ กิจกรรมการเกษตรไม่จาเป็นต้องเกอื้ กลู กันเชน่ การเล้ยี งไก่ สกุ ร รวมกบั การปลกู พืช การปลูกโกโกแ้ ซมในสวนมะพรา้ ว การเลย้ี งปลาในรอ่ งสวนไม้ผลหรือสวน ผกั หรืออาจจะมกี ารเกอ้ื กูลกนั ระหว่างกจิ กรรมการผลิต โดยนาเศษเหลือของกิจกรรม หนึ่งไปใชใ้ หเ้ กดิ ประโยชนก์ ับอกี กิจกรรมหนงึ่ เช่น เศษพืชผกั เปน็ อาหารสกุ ร มูลสุกรเป็นอาหารปลา นา้ จากบอ่ ปลานาไปรด พืชผัก เปน็ ต้น ลักษณะการทากิจกรรมหลาย ๆ อยา่ งเช่นนเ้ี กษตรกรจะมีรายไดจ้ าก ผลผลติ หลาย ๆ อย่าง มีการกระจายการใชแ้ รงงานอย่างมีประสทิ ธิภาพตลอดทง้ั ปี มี ความรักและผกู พันกบั ไรน่ า มีความภาคภูมิใจในผลงาน และผลผลิตของตนเอง ไม่ อยากทง้ิ ไรน่ าไปท่ีอืน่ เกษตรกรมรี ายไดต้ ลอดปี และลดค่าใชจ้ า่ ยสาหรับการซ้อื อาหาร เชน่ ผัก ผลไม้ และแหล่งอาหารโปรตีนเชน่ ปลา ไก่ เป็นต้น

ทาไมถึงตอ้ งมีการทาไร่นาสวนผสม 1. เพ่ือเพ่มิ ระดับรายได้ และมีรายได้ รายวัน รายสัปดาห์ รายเดอื น รายปี รายได้รายวัน ได้แก่ กจิ กรรมพชื ผกั ( ผกั กนิ ใบ ผักบุ้ง ผกั กระเฉด ตะไคร้ ขงิ ขา่ กระเพรา เป็นต้น ) กิจกรรมสตั ว์ ( ไก่ และเป็ดไข่ และการเลีย้ งโคนม ) รายได้รายสปั ดาห์ ได้แก่ ไมด้ อกไมป้ ระดบั ผักบางชนดิ ( ชะอม กระถิน ผักกินใบ ) รายได้รายเดอื น หรือตามฤดกู าลผลิต 2 – 4 เดอื น กจิ กรรมการปลกู พืชผกั ทานา ทาไร่ การเลยี้ งสัตว์ เชน่ ไก่เน้อื เปด็ และสกุ ร ตลอดจนการเลย้ี งปลาและกบ รายได้รายปี เปน็ ประจาทกุ ปี ส่วนใหญเ่ ปน็ ไม้ผลและไมย้ นื ตน้ พืชไรอ่ ายุยาว ( สบั ปะรด มนั สาปะหลงั ) การเล้ยี งสัตวใ์ หญ่ ( โคเนื้อ สุกรขุน ) 2. เพือ่ ลดความเสีย่ งจากภยั ธรรมชาติ และการตลาดทแี่ ปรปรวน 3. เพ่ือลดการพ่ึงพาปจั จยั การผลติ ภายนอกให้นอ้ ยลงโดยพง่ึ พาทรัพยากรในไรน่ ามากขึ้น 4. กิจกรรมหลากหลายมีทงั้ กิจกรรมเพมิ่ รายได้ มอี าหารไว้บรโิ ภคและใชส้ อยในครวั เรือน กจิ กรรมการเกษตรในไรน่ าสวนผสมอาจจะมีทงั้ พืช สตั ว์ และประมงหรอื อาจจะมพี ชื กบั สตั ว์ หรือ กล่มุ ของพืชอายสุ น้ั กบั อายยุ าวขึน้ อยู่กบั สภาพพนื้ ที่

เกษตรอนิ ทรีย์ คือ การทาการเกษตรดว้ ยหลกั ธรรมชาติ บนพ้ืนที่การเกษตรท่ีไม่มีสารพิษ ตกคา้ ง และหลีกเล่ียงจากการปนเป้ื อนของสารเคมี ทางดิน ทางน้า และทางอากาศเพือ่ ส่งเสริมความอุดสมสมบูรณ์ของดิน ความหลากหลายทางชีวภาพ ในระบบนิเวศน์และ ฟ้ื นฟสู ่ิงแวดลอ้ มใหก้ ลบั คืนสู่สมดุลธรรมชาติ โดยไม่ใชส้ ารเคมีสงั เคราะห์หรือสิ่งที่ ไดม้ าจากการตดั ต่อ ... เกษตรอินทรียจ์ ึงลดการใชป้ ัจจยั จากภายนอก และหลีกเลี่ยงการใช้ สารสงั เคราะห์ เช่น ป๋ ุย สารกาจดั ศตั รูพชื และเวชภณั ฑส์ าหรับสัตว์ แตใ่ นขณะเดียวกนั กพ็ ยายามประยกุ ตใ์ ชธ้ รรมชาติในการเพิ่มผลผลิต และพฒั นาความตา้ นทานตอ่ โรคของ พืชและสตั วเ์ ล้ียง

การประยกุ ต์ใช้เศรษฐกจิ พอเพยี ง ( นาสู่ความพอเพยี ง ) เศรษฐกิจพอเพยี ง สามารถนามาประยกุ ตใ์ ชไ้ ดก้ บั สังคมทุกระดบั ไดแ้ ก่ ระดบั บุคคลและครอบครัว เศรษฐกิจพอเพยี งระดบั บุคคล และครอบครัว คือ ความสามารถในการดารงชีวติ ไดอ้ ยา่ ง ไม่เดือดร้อน กาหนดความเป็นอยอู่ ยา่ งประมาณตนตามฐานะ ตามอตั ภาพ และที่สาคญั ไม่ หลงใหลไปตามกระแสวตั ถุนิยม มีอิสรภาพเสรีภาพ ไม่มีพนั ธนาการอยกู่ บั สิ่งใด สามารถใหต้ นเป็นท่ีพ่ึงแห่งตนใน ๕ ดา้ น คือ พ่งึ ตนเอง ไดท้ างจิตใจ สังคม ทรัพยากรธรรมชาติ และส่ิงแวดลอ้ ม เทคโนโลยแี ละทางเศรษฐกิจ รู้จกั คาวา่ “พอ” และไม่ เบียดเบียนผอู้ ื่น พยายามพฒั นาตนเอง เพอื่ เสริมสร้างความเขม้ แขง็ และความชานาญ และ มีความสุข และความพอใจกบั ชีวติ ท่ีพอเพยี ง ยดึ เส้นทางสายกลาง ในการดารงชีวติ เช่น ไม่ ซ้ือของมากมายเกินความจาเป็น หากพิจารณาใหด้ ีจะเห็นวา่ ของหลายอยา่ งท่ีซ้ือมาแลว้ ไม่ไดใ้ ช้ กลายเป็นขยะรกบา้ น

ระดบั ชุมชน ประกอบด้วย บุคคลและครอบครัว ทม่ี คี วามพอเพยี งแล้ว คนในชุมชนรวมกลุม่ ทาประโยชน์เพือ่ ส่วนรวม โดยอาศยั ภูมิปัญญาและความสามารถของ บุคคลและชุมชน ซ่ึงในการดาเนินงานของชุมชนใหป้ ระสบผลสาเร็จได้ จะตอ้ งมีสานึก ในคุณธรรมความซื่อสตั ยส์ ุจริต ดาเนินงานดว้ ยความโปร่งใส ตรงไปตรงมา ตรวจสอบได้ ดาเนินงานดว้ ยความพอประมาณ อยา่ งมีเหตุผล ไม่สนบั สนุนการลงทุนจนเกินตวั ดาเนินงานอยา่ งรอบคอบ มีสติปัญญา อีกท้งั ตอ้ งมีความรอบรู้ที่เหมาะสม เพ่ือนามา ปรับปรุงการดาเนินงานของชุมชนใหพ้ ฒั นาอยา่ งตอ่ เน่ือง และนามาสร้างภูมิคุม้ กนั เพ่อื รองรับการเปลี่ยนแปลงต่างๆ ที่อาจเกิดข้ึนจากท้งั ภายในและภายนอก และมีการพฒั นา ไปสู่เครือข่ายระหวา่ งชุมชนตา่ งๆ นอกจากน้ี การอยรู่ ่วมกนั ในครอบครัวและชุมชนตอ้ ง ถนอมน้าใจและอยรู่ ่วมกนั ใหไ้ ด้ อาศยั ภูมิปัญญาความสามารถของตน และชุมชน มีความ เอ้ืออาทรต่อกนั ระหวา่ งสมาชิกชุมชน จะช่วยใหม้ ีเครือข่ายเกิดพลงั ข้ึน ช่วยเหลือซ่ึงกนั และ กนั ปัจจุบนั คนในเมืองมกั จะ ไม่รู้จกั คนขา้ งบา้ น เพราะต่ืนเชา้ กต็ อ้ งรีบออกจากบา้ นไป ทางาน ไม่เหมือนสงั คมสมยั ก่อนที่มกั จะรู้จกั กนั หมด จึงเห็นไดว้ า่ สังคมของเรากาลงั อ่อนแอ ลงไปทุกที


Like this book? You can publish your book online for free in a few minutes!
Create your own flipbook