50 ศลิ ปะการใชค นในสามกก พิจารณาจากประวัติสามก๊ก บรรดาผู้สันทัดการใช้คนล้วนแต่ใช้ นโยบาย “ร้อยเอ็ดเจ็ดย่านน้�า” ท้ังส้ิน นโยบาย “เอาแต่ความสามารถเป็น ที่ต้ัง” ของโจโฉ ความจริงก็คือการแสดงออกของนโยบายดังกล่าว ดังเช่น ซุนฮก กุยแก กาเซี่ยง เดิมเปนที่ปรึกษาของศัตรูโจโฉ เตียวเลี้ยว ซิหลง เคยเปนเชลยของโจโฉ อิก๋ิม งักจ้ิน เคยเปนทหารเลวมาก่อน คนเหล่านี้ ถูกโจโฉเลือกเฟน ใช้งานอย่างเล็งเห็นความสามารถของพวกเขา จึงได้ ปรากฏชื่อแซ่เปนที่รู้จักกันทั่วไป การใช้คนของซุนกวนก็เช่นเดียวกัน เขามิใช่จะสนใจแต่คนในง่อก๊ก เช่นโกะหยงเท่านั้น เตียวเหียน ชาวเมืองกองเหลง ซึ่งหลบความวุ่นวาย มาขอพึ่งบุญ และจูกัดก๋ินชาวเมืองหลังหยา เปนต้น ซุนกวนล้วนแต่ใช้งาน ด้วยความยกย่องท้ังสิ้น หลังจากเล่าปได้จ๊กก๊กไปครอง นอกจากจะถือชาวเมืองเกงจ๋ิวให้ เปนหลักในหมู่ขุนนางของตนแล้ว ต่อบุคลากรในเมืองเอ๊กจ๋ิวและตังจ๋ิว หรือแม้แต่คนของเล่าเจ้ียงมาแต่เดิม เล่าปก็รับไว้ใช้งานตามสติปัญญาของ แต่ละคน ขงเบ้งด�าเนินงานเปนอันมากเพื่อสามัคคีบุคลากรท้ัง 3 จิ๋วที่เล่าป ครองไว้ได้น้ี ท�าให้ผู้มีปัญญาเหล่านั้น ห้อมล้อมอยู่รอบตัวเล่าป จนเปน ก�าลังส�าคัญของเล่าป ซ่ึงมีบทบาทอย่างฉกรรจ์ในการสร้างความม่ันคงแก่ อ�านาจรัฐของเล่าปทางจ๊กก๊กที่ค่อนไปทางตะวันตกอันไกลโพ้น “ใช้คนไม่ค�านึงถึงบุญคุณความแค้น” นี่เปนจุดร่วมกันของโจโฉ เล่าป ซุนกวน ปลายสมัยราชวงศ์ฮั่นตะวันออก ผู้กล้าต่างตั้งตนเปนอิสระ ไปตาม ๆ กัน ใครจะเปนมิตรหรือเปนศัตรูของใคร ยากท่ีจะก�าหนดแน่ ความสัมพันธ์ระหว่างคนกับคนเต็มไปด้วยความสลับซับซ้อนย่ิงนัก หาก หยบิ ยกเอาบุญคุณความแค้นมาเปนเส้นเขตแห่งการใช้คน ก็เปนท่ีแน่นอน ว่า ย่อมไม่สามารถสามัคคีคนอ่ืน ๆ ให้มากข้ึนได้ และย่อมไม่เปนผลดีแก่ การสร้างอ�านาจอิทธิพลของตน
นําเรอ� ง 51 เหตุนี้ การใช้คนของโจโฉ เล่าป ซุนกวน จะเปนใครก็ตาม แม้จะมี เรื่องเคืองแค้นอาฆาตกันมาแต่ก่อน หากเปนประโยชน์แก่งานใหญ่ของตน แล้ว ก็ใช้ทั้งนั้น เช่น เตียวสิ้ว เคยฆ่าลูกชายคนโต หลานชาย และขุนพลคนสนิทของ โจโฉตายไปหลายคน ต่อมาเตียวส้ิวยอมสวามิภักด์ิด้วย โจโฉก็รับไว้ เล่าปาเคยมีเร่ืองกินใจกับเล่าปมาแต่ก่อน ครั้นเล่าปได้จ๊กก๊กไปแล้ว ก็มิได้ถือโทษโกรธเคืองเร่ืองอดีต ยังคงใช้ท่าทีสามัคคีชาวเมืองเอ๊กจ๋ิวไว้ อย่างแน่นแฟน ก�าเหลงเคยปะทะกับซุนกวนมาแล้ว แต่เม่ือเขามาสวามิภักด์ิด้วย ซุนกวนในภายหลัง ซุนกวนก็มิได้ขัดข้องหมองใจ ก�าเหลงจึงรับใช้ซุนกวน อย่างเต็มสติก�าลัง สร้างความดีความชอบไว้มากมาย กลายเปนขุนพล ผู้เหี้ยมหาญคนหน่ึงของง่อก๊ก ผลร้ายแห่งการใช้คนโดยถือความใกล้ชิด ก็ได้เปดโปงตีแผ่ไว้ใน ตํานานสามกก อย่างลึกซึ้งเช่นกัน ที่ว่า “ใกล้ชิด” คงจะไม่พ้นจาก 2 ประเภท หนึ่งเห็นว่าเปนคน “รู้ใจ” สองคือ “เครือญาติ” การใช้คนหาก จ�ากัดอยู่เท่าน้ีคนท่ีถูกใช้ก็จะมีจ�ากัด ทเ่ี รยี กวา่ “รใู้ จ” สว่ นใหญก่ เ็ ปน ขนุ นางประจบสอพลอ คนจา� พวกนี้ จะพูดจะท�าเอาแต่ดูสีหน้าเจ้านาย มักจะปกปดชั้นบนรังแกช้ันล่าง เพ่ือ บรรลุผลประโยชน์ส่วนตัว คนจ�าพวกนี้ความสามารถไม่พอที่จะท�าให้งาน สา� เรจ็ แต่ความบ้องต้นื กเ็ หลือเฟอ ท่ีจะท�าให้งานลม้ เหลว ปลายสมัยราชวงศ์ ฮั่นตะวันออก กรณีท่ีพระเจ้าฮั่นเต้กับเลนเต้สองพระองค์ “รักใคร่ไว้พระทัย แต่พวกขันที” จึงก่อให้เกิดความปันป่วนขึ้นในแผ่นดิน นับเปนตัวอย่างที่ เปนแบบฉบับ ในสังคมศักดินาจีนโบราณ พวกที่ได้ดิบได้ดีเปนใหญ่เปนโตเพราะ ความสัมพันธ์ทางชายกระโปรงน้ัน มีให้เห็นต�าตาอยู่เนือง ๆ คนพวกนี้ด้อย
52 ศลิ ปะการใชค นในสามกก สติไร้ปัญญา หาความปรีชาสามารถมิได้ คร้ันเมื่อยึดได้อ�านาจในราชส�านัก ก็ก่อให้เกิดความยุ่งเหยิงท่ัวไป เช่น โฮจ๋ิน เดิมเปนคนฆ่าสัตว์ แต่น้องสาว ได้เปนฮองเฮาจึงได้รับการแต่งต้ังให้เปนขุนพลเอก ราชวงศ์ฮ่ันจึงเหลือแต่ ชื่อ พังพินาศไปด้วยน้�ามือคนถ่อยเช่นนี้เอง การใช้คนโดยถือความ “ใกล้ชิด” แบบน้ี แม้แต่โจโฉหรือเล่าปเอง ก็ยังเคยกระท�า เช่น โจโฉใช้แฮหัวเอี๋ยนซ่ึงเติบโตมาด้วยกันเสมือนญาติ ก็ต้องเสีย ฮั่นตงให้แก่เล่าป เล่าปใช้กวนอูน้องร่วมสาบาน ก็ต้องเสียเมืองเกงจิ๋วให้แก่ซุนกวน เรื่องท�านองน้ีกล่าวส�าหรับโจโฉกับเล่าปแล้ว ก็เปนแต่เรื่องเฉพาะ ราย แต่ก็แสดงให้เห็นว่า การที่จะปลีกตัวให้หลุดพ้นจากพิษสงของการใช้ คนโดยถือความ “ใกล้ชิด” น้ัน ไม่ใช่ของง่ายเลย การรู้จักคน การต้อนรับผู้มีปัญญา เปนเงื่อนไขเบ้ืองต้นของการ ใช้คน รู้จักคน จึงจะสามารถใช้คนได้อย่างเหมาะสม ต้อนรับผู้มีปัญญา จึงจะสามารถรับบุคลากรได้อย่างกว้างขวาง ตํานานสามกก มีเร่ืองท่ีน่าช่ืนชมและมีเกร็ดประวัติเก่ียวกับการ ใช้คนอยู่เปนอันมาก ซ่ึงมีคุณค่าอย่างใหญ่หลวงต่อผู้มีหน้าที่จะต้องใช้คน หากรู้จักประยุกต์ให้เข้ากับสภาพแวดล้อมในหน้าท่ีการงานหรือธุรกิจของ ตนแล้ว จะได้รับประโยชน์จากน้ีเปนอเนกประการ e
สุมาเต๊กโชแนะน�าขงเบ้งแก่เล่าปี่
2 ความรงุ เรือง และความเสื่อมโทรม ของสามกก กบั การใชค น ความรุ่งเรืองและความเส่ือมโทรมของสามก๊ก แม้จะมี มูลเหตุทางเศรษฐกิจและการเมืองอยู่ก็ตาม แต่เรื่องการใช้คน เปนหรือไม่ มีส่วนเก่ียวข้องด้วยอย่างใหญ่หลวง ปลายสมัยราชวงศ์ฮ่ันตะวันออก ผู้กล้าพากันต้ังตัว แย่งชิงอ�านาจเพ่ือเปนใหญ่ เจ้าครองแคว้น 17 แคว้นเสื่อมสูญ ไปเปนล�าดับ แต่โจโฉ ซุนกวน เล่าป กลับสามารถต้ังตัวขึ้นได้ แยกออกเปนสามก๊ก ปมเง่ือนอยู่ท่ี สันทัดในการใช้คน ! แต่ผู้สืบสกุลต่ออ�านาจจากพวกเขาในระยะหลังของ สามก๊ก กลับตรงกันข้าม ล้วนแต่ไม่สันทัดในการใช้นักปราชญ์ ยกผู้สามารถ ผลสุดท้ายก็ถูกราชวงศ์จ้ินล่มไปส้ิน
56 ศลิ ปะการใชค นในสามกก ใชค นถกู สามกกเกิด เลาปเปลี่ยนฐานะเมอื่ ไดข งเบง ตํานานสามกก ตอน “เล่าปี่พบปราชญซ่อนตัวอยู่ ณ ล�าเจี๋ยง” มี ค�าสนทนาโต้ตอบเกี่ยวกับการใช้คนอยู่ตอนหนึ่ง ดังนี้ สุมาเต๊กโชเมื่อพบหน้าเล่าป เห็นสีหน้าเขาหมองคล�้าก็คาดคะเนว่า คงจะมีชีวิตอยู่อย่างลุ่ม ๆ ดอน ๆ จึงถามว่า “ข้าพเจ้าได้ยินช่ือเสียงอัน เล่ืองลือของท่านมานานแล้ว เหตุไฉนจึงตกทุกขได้ยากถึงปานฉะนี้เล่า” เลา่ ปก ลา่ ววา่ “ชะตากรรมขา้ พเจา้ ระหกระเหนิ นกั จงึ ตกเปน็ เชน่ นี้” สุมาเต๊กโชท้วงว่า “หามิได้ เพียงแต่ซ้ายขวาท่านไร้คนเหมาะสม” เล่าปตอบว่า “แม้ตัวข้าพเจ้าจักไร้ความสามารถ แต่ฝายบุ๋นก็มี ซุนเขียน บิต๊ก และกันหยงอยู่ ส่วนฝายบู๊น้ันเล่าก็มีกวนอู เตียวหุย จูล่ง ช่วยเหลือเก้ือหนุนกันด้วยความสัตยซ่ือ พอจะพ่ึงพาอาศัยได้” สุมาเต๊กโชจึงว่า “กวนอู เตียวหุย จูล่ง สามารถต้านข้าศึกได้เป็น หมื่นก็จริง แต่มิใช่เป็นผู้สันทัดในการใช้คน ซุนเขียน บิต๊กหรือก็ปญญาชน หน้าขาว ๆ หาใช่ผู้รอบรู้ซึ่งจะกู้แผ่นดินไม่” ถ้อยค�าของสุมาเต๊กโชได้ให้ค�าอรรถาธิบายความคิดส�าคัญเกี่ยวกับ การใช้คนประการหน่ึงคือ มีบุคลากรหาใช่เท่ากับใช้คนเป็นไม่ หากไม่ สันทัดในการใช้บุคลากร ก็ไม่สามารถที่จะขยายบทบาทของบุคลากร
ความรงุ เรืองและความเสอ� มโทรมของสามกก กับการใชคน 57 นนั้ ๆ ได้ ที่สุมาเต็กโชว่า “ซ้ายขวาท่านไร้คนเหมาะสม” หมายถึงไม่มี ผู้ปรีชาสามารถในการใช้คน ขาดแคลนบุคลากรที่สามารถพิจารณาวางแผน รับกับสถานการณ์อย่างรอบด้าน ดังที่เขาได้กล่าวไว้ว่า “หาใช่ผู้รอบรู้ซึ่ง จะกู้แผ่นดินไม่” “ชะตากรรมอันระหกระเหินนัก” ของเล่าป เปนสิ่งพิสูจน์ ว่าสุมาเต๊กโชพูดถูก ในวันที่ “ร่วมสาบานในสวนท้อ” เล่าป กวนอู เตียวหุย สามคน พนี่ อ้ งไดท้ า� สตั ยป์ ฏญิ าณไวว้ า่ “จะรว่ มแรงรว่ มใจบา� บดั ทกุ ขบ า� รงุ สขุ รบั ใช้ ประเทศชาติ ปลอบขวัญราษฎร” แม้ว่าพวกเขาจะมีความมุง่ ม่ันและปณิธาน อันยิ่งใหญ่ก็ตาม แต่ก็ไม่อาจจะบรรลุเปาประสงค์ได้ และแม้ว่ากวนอู เตียวหุย จูล่งจะสู้อย่างเอาชีวิตเข้าแลก ซุนเขียน บิต๊ก กันหยงจะพยายาม จนสุดความสามารถ แต่ไม่อาจเกิดผลอะไรได้มากนัก เล่าปยังคงระเห เร่ร่อนอยู่ใต้ชายคาคนอื่นเสมอมา เล่าปกร�าศึกในสนามรบ ฝ่าฟันอันตรายแทบจะเอาชีวิตไม่รอด จึงได้เมืองชีจ๋ิวไว้เปนท่ีพักกาย แต่ถูกลิโปมาแย่งเอาไป จ�าต้องไปอยู่ใต้ สังกัดของโจโฉ แต่ก็เกลียดพฤติการณ์ของโจโฉจึงหาทางตีจาก ฉวยโอกาส ที่ยกทัพออกตีสกัดอ้วนสุด ยกไปยึดเมืองชีจ๋ิวคืนมา แต่ถูกโจโฉไล่ตีจน แตกเตลิด หนีไปขอพึ่งอ้วนเสี้ยวแต่ล�าพัง ครั้นเมื่อกวนอูช่วยโจโฉฆ่า งันเหลียงกับบุนทิวทหารเอกของอ้วนเสี้ยวตาย เล่าปก็เกือบจะถูก อ้วนเส้ียวตัดคอเสียรอมร่อ แม้เม่ือไปอาศัยเล่าเปยวคุ้มหัว ก็ถูกชัวมอกับ ชัวฮูหยินลอบประทุษร้าย จนเกือบเอาชีวิตไม่รอด ชีวิตเล่าปในช่วงเวลาเช่นน้ี จึงน่าอนาถนัก เขาเห็นตัวเองท�าอะไร ไมส่ า� เรจ็ สกั อยา่ ง เกดิ ความรสู้ กึ วา่ “วนั เวลาไดผ้ า่ นไปโดยวา่ งเปลา่ ความชรา ใกล้จะมาเยือน แต่ภารกิจหาได้บรรลุผลไม่” เมื่อเล่าปได้รับความช่วยเหลือจากขงเบ้งก็ดีใจประดุจ “ปลาได้น้�า” ปลา ถ้าไม่มีน้�า ก็ไปไหนไม่รอด ครั้นได้น�้าแล้ว ก็แหวกว่ายไปมาตาม
58 ศลิ ปะการใชค นในสามกก ใจชอบ นับแต่น้ันมา เล่าปก็แปรเปลี่ยนจากภาวะอับจนไปสู่ภาวะราบร่ืน ร่วมมือกับง่อก๊กพ่ายโจโฉ ครองเกงจิ๋วกับเอ๊กจ๋ิวต้ังตนเปนฮ่องเต้ในเสฉวน ในท่ีสุด เหตุไฉนขงเบ้งจึงมีพลังเปลี่ยนฟาแปลงแผ่นดินอันใหญ่หลวงเช่นนี้ ได้ เมื่อคนเราไม่เข้าใจต่อกฎพัฒนาการของสรรพส่ิงภววิสัย ก็ไม่อาจ ท�าอะไรได้ และถ้าหากย่ิงกระท�าในส่ิงท่ีตรงกันข้ามกับกฎพัฒนาการของ สรรพสิ่งภววิสัยแล้ว ไม่ว่าใครจะต้องหัวชนก�าแพง ต้องได้รับความล้มเหลว อย่างแน่นอน เม่ือยึดกฎการพัฒนาของสรรพสิ่งได้ คนเราจะเปนฝ่ายกระท�า จะเปลี่ยนฟาแปลงแผ่นดินได้ การท่บี คุ คลโดดเด่นสามารถมีบทบาทอันใหญห่ ลวงในประวัติศาสตร์ มิใช่เพราะเขามีสามเศียรหกกร หรือมีญาณวิเศษรู้เหตุล่วงหน้า หากแต่ เพราะสามารถเริ่มต้นจากความจริง อาศัยภาพภววิสัยในขณะนั้น ก�าหนด ยุทธศาสตร์ได้อย่างถูกต้องตามความเปนจริง “การสนทนา ณ หลงจง” ของขงเบ้ง ได้ถือก�าเนิดมาด้วยประการฉะนี้ การท�าความเข้าใจต่อบทบาท อนั โดดเดน่ ของขงเบง้ ตอ้ งเรมิ่ ตน้ จากการคน้ ควา้ “การสนทนา ณ หลงจง” ก่อนอื่น “การสนทนา ณ หลงจง” คืออะไร คือการโต้ตอบระหว่างขงเบ้งกับเล่าปในขณะท่ีเล่าป “สามเยือน กระท่อมหญ้า” คือการก�าหนดยุทธศาสตร์การครองแผ่นดินให้กับเล่าป ของขงเบ้ง ขงเบ้งชี้ว่า “บัดน้ีโจโฉมีไพร่พลถึงร้อยหมื่น ซ้�ายังบังคับโอรสสวรรค เพ่ือบัญชาเจ้าครองแคว้น น่ีย่อมจักเกี่ยงแย่งด้วยมิได้ ซุนกวนครองกังต๋ัง มาถึงสามช่ัวคนแล้ว ชัยภูมิดีมีประชาชนหนุนอยู่ น่ีเป็นก�าลังช่วยได้ แต่ จักแย่งยึดเอามิได้” มีแต่เกงจิ๋วกับเอ๊กจ๋ิว 2 เมืองเท่านั้นที่พอจะคิดการได้
ความรุงเรอื งและความเส�อมโทรมของสามกก กบั การใชค น 59 “แม้ได้ทั้งเกงจ๋ิวและเอ๊กจ๋ิว รักษาเทือกแถวแนวเขาไว้ ทางตะวันตกสร้าง ไมตรีกับชนเผ่าหยง ทางใต้ก็สมานสามัคคีกับชนเผ่าอ๋ีและเยว่ีย ภายนอก ร่วมมือกับซุนกวน ภายในปรับปรุงการปกครอง รอให้เกิดการเปลี่ยนแปลง ขึ้นในแผ่นดิน ส่วนท่านน�าทหารจากเอ๊กจ๋ิวเข้าเสฉวนไป มีหรือราษฎรจัก ไม่น�าข้าวปลาอาหารน�้าท่ามาต้อนรับท่าน ดังนี้ ภารกิจอันย่ิงใหญ่หลวง จักส�าเร็จ ราชวงศฮ่ันก็จักฟนฟู” ทว่าเนื่องจากมูลเหตุต่าง ๆ ท้ังทางอัตวิสัยและภววิสัย แม้ความ ปรารถนาที่จะ “ฟนฟูราชวงศฮ่ัน” ไม่อาจปรากฏเปนจริง แต่การก�าหนด นโยบายของขงเบ้งที่ให้ “ร่วมมือกับง่อก๊กต้านโจโฉ ยึดครองเมืองเกงจิ๋ว กับเอ๊กจิ๋ว ได้โอกาสจึงเคลื่อนทัพ” นั้น ได้รับการยืนยันจากการปฏิบัติว่า ถูกต้อง อันท�าให้จ๊กก๊กเล็ก ๆ สามารถยืนผงาดอยู่ได้ถึงก่ึงศตวรรษ “การสนทนา ณ หลงจง” จึงได้ชื่อว่า “นโยบายพิสดารแต่กาลโบราณมา” ก่อนหน้าที่จะออกจากกระท่อมหญ้า ขงเบ้งได้คาดคะเนว่า “แผ่นดินนี้จักแยกเป็นสามก๊ก” สมกับท่ีเปนนักยุทธศาสตร์ท่ีมีความรู้ กว้างขวางมีสายตายาวไกล ส่วนการที่เขาสามารถก�าหนด “การสนทนา ณ หลงจง” ข้ึนมาได้น้ัน เพราะเขามีความเข้าใจต่อสถานการณ์ทั่วท้ังปฐพี ได้อย่างลึกซ้ึง วิเคราะห์กลุ่มการเมืองต่าง ๆ ได้อย่างแม่นย�า จึงสามารถ ก�าหนดเปาหมายการโจมตีและก�าลังท่ีพึงสามัคคีและก�าหนดจุดประสงค์ แห่งการต่อสู้ทั้งระยะสั้นและระยะยาวขึ้นมาได้ “การสนทนา ณ หลงจง” ขงเบ้งได้เสนอเมื่อศักราชเจี้ยนอัน ปท่ี 12 ตรงกับ ค.ศ. 207 สถานการณ์ในขณะนั้นก็คือ ทางเหนอื โจโฉอาศยั ฐานะทไ่ี ดเ้ ปรยี บ ซง่ึ สามารถ “บงั คบั โอรสสวรรค เพอื่ บญั ชาเจา้ ครองแควน้ ” ขจดั อทิ ธพิ ลของลโิ ป อว้ นสดุ โตเกย๋ี ม เตยี วสิ้ว อ้วนเส้ียว เหล่าขุนศึกต่าง ๆ ลงได้ ท�าให้ภาคเหนือเปนเอกภาพ โจโฉมี ทหารร้อยหม่ืน เปนฝ่ายท่ีเข้มแข็งท่ีสุดในขณะนั้น ฤดูใบไม้ผลิเดือนสอง
60 ศลิ ปะการใชค นในสามกก ของปนั้น โจโฉออกประกาศแสดงเจตนารมณ์ของตนฉบับหนึ่ง มีใจความ ส�าคัญว่า “แม้ในปฐพีนี้ยังไม่สงบ แต่ข้าพเจ้าจักร่วมมือกับเหล่านักปราชญ บริพารทั้งหลาย ท�าให้สงบลงจงได้” แสดงให้เห็นการตัดสินใจที่จะปราบ ภาคใต้ให้ราบคาบอย่างเด็ดเดี่ยว อาณาเขตตะวันออกเฉียงใต้ ซุนกวนสืบอ�านาจต่อจากบิดาและ พ่ีชายมานานถึง 7 ป หลังจากได้ปราบชนเผ่าเยว่ียอย่างทารุณจนเงียบไป แล้ว อ�านาจรัฐของซุนกวนนับว่ามั่นคงพอสมควร เม่ือบวกกับมีแม่น้�าฉาง เจียง (แยงซีเกียง) เปนชัยภูมิธรรมชาติ ประกอบกับได้รับการสนับสนุน จากโกะหยงและลกซุนซึ่งเปนผู้ทรงอิทธิพลในง่อก๊ก ซ�้ายังสามารถใช้ นักปราชญ์ยกผู้สามารถ มีจิวยี่กับโลซกซึ่งเก่งท้ังบุนและบู๊คอยประคับ ประคองอยู่ข้าง ๆ จึงนับวันมีก�าลังกล้าแข็งข้ึน ในขณะนั้น อิทธิพลซุนกวน จะเปนรองก็แต่โจโฉเท่าน้ัน ส่วนภาคพื้นตะวันตกเฉียงใต้ เล่าเปยวแห่งเมืองเกงจ๋ิว เล่าเจี้ยง แห่งเมืองเอ๊กจ๋ิว ล้วนแต่เปนคนอ่อนแอไร้สติปัญญาความสามารถ ยากท่ี จะสู้รบปรบมือด้วยโจโฉ จักต้องถูกฝ่ายหน่ึงฝ่ายใดกลืนไปเปนม่ันคง ในวันหน้า มีแต่เล่าปเท่านั้น แม้จะอาศัยอยู่กับเล่าเปยวทว่าก็เปนที่รักใคร่ ของคนท่ัวไป ผู้กล้าทั้งหลายในเกงจิ๋วจึงพากันเข้าสวามิภักดิ์ด้วย ว่ากัน ตามท่ีแท้แล้ว เล่าปก็นับว่าเปนตัวแทนของอิทธิพลใหม่ในเมืองเกงจ๋ิว มี ก�าลังอยู่พอสมควร จึงพอเห็นชัดว่า ผู้ที่มีก�าลังพอท่ีจะแย่งชิงแผ่นดินซ่ึงกันและกัน มี โจโฉ ซุนกวน เล่าป 3 คนเท่าน้ัน และใน 3 คนน้ี โจโฉเข้มแข็งที่สุด หาก เล่าปจะต่อกรกับโจโฉ มีแต่ต้องร่วมมือกับซุนกวนอย่างเดียว ฉะน้ัน การ ร่วมมือระหว่างเล่าปกับซุนกวนเพ่ือต้านโจโฉ จึงเปนเรื่องท่ีจะต้องเกิดอย่าง แน่นอนตามการบีบบังคับของสถานการณ์ ในเวลาน้ัน ขงเบ้ง “ท�าไร่ไถนาที่ล�าหยง” มา 22 ปแล้ว แต่เน่ืองจาก เมืองเกงจ๋ิวเปนเมืองผ่านและเปนเมืองยุทธศาสตร์ส�าคัญระหว่างตะวันออก
ความรุงเรอื งและความเส�อมโทรมของสามกกกับการใชคน 61 ตะวันตก และเหนือใต้ จึงเปนเง่ือนไขอันดีแก่ขงเบ้งในอันที่จะศึกษาความ ผันผวนทางการเมืองในขณะนั้น นอกจากนั้น ขงเบ้งยังได้แลกเปล่ียน ความคิดเห็นต่าง ๆ เปนประจ�ากับเพื่อนฝูงคงแก่เรียน เช่น โจ๊ะกงหงวน ชีซี และเบงคงอุย เปนอาทิ ก่อนหน้าท่ีเล่าปจะ “สามเยือนกระท่อมหญ้า” ขงเบ้งอาศัยลู่ทาง ต่าง ๆ ศึกษาค้นคว้าและวิเคราะห์สภาพความเปนไปท้ังปวง มีความเข้าใจ ใน “ความเป็นไปในแผ่นดิน” แน่นอยู่ในสมองแล้ว ฉะนั้น เม่ือเล่าปลดตัว ลงไปขอความช่วยเหลือ ขงเบ้งจึงสามารถเสนอ “การสนทนา ณ หลงจง” อันเปนการก�าหนดยุทธศาสตร์ ให้แก่เล่าปอย่างถูกต้องได้ เหมือนดั่งการเดินหมากรุก เมื่อตาที่เปนปมเง่ือนเดินได้ถูก ทั่วท้ัง กระดานก็เกิดพลังอย่างมีชีวิตชีวาขึ้น แต่ถ้าหากตาท่ีเปนปมเงื่อนเดินผิด ก็จะตกเปนฝ่ายถูกกระท�าอยู่ตลอดเวลา “การสนทนา ณ หลงจง” เปนการ เดินหมากรุกตาส�าคัญ เมื่อได้ก�าหนดยุทธศาสตร์ที่ถูกต้องอันน้ีแล้ว ก็ได้ ปลุกระดมเอาพลังอันเปนคุณที่แฝงเร้นอยู่ในกลุ่มเล่าปให้เกิดความคึกคัก ขึ้นมาอย่างเต็มท่ี สติปัญญาและพลังของบุคลากรต่าง ๆ จึงได้รับการ สง่ เสรมิ ใหม้ บี ทบาทอยา่ งเตม็ ตวั และดงั นนั้ จงึ ไดร้ บั ชยั ชนะครงั้ แลว้ ครง้ั เล่า ความเปนไปเหล่าน้ี ล้วนแต่เปนบทบาทอันใหญ่หลวงลึกล้�าของ “การสนทนา ณ หลงจง” ที่เกิดจากสติปัญญาของขงเบ้ง การท่ีเล่าปได้ ขงเบ้งมา จึงมีความหมายชี้ขาดต่อการพัฒนาภารกิจของเล่าปอย่างส�าคัญ สภาวะของเล่าปก่อนและหลังจากได้ขงเบ้งมาช่วย ได้เพิ่มเนื้อหา ใหม่ ๆ อะไรให้กับศิลปะการใช้คนบ้างเล่า มันได้ให้ค�าอธิบายว่า อันภารกิจนานานั้น จ�าเปนต้องมีบุคลากร หลายอย่างหลายประเภท แต่ท่ีส�าคัญที่สุดก็คือ จะต้องมีบุคลากรที่สามารถ กุมสถานการณ์ท่ัวทุกด้านได้ และมีสายตาทางยุทธศาสตร์ด้วย เล่าปเปนคนท่ีรู้จักใช้คน จุดเด่นแห่งการใช้คนของเขาก็คือ สันทัด ในการรู้จักนักปราชญ์ รวบรวมนักปราชญ์และเช่ือนักปราชญ์ แต่วิธีจะใช้
62 ศลิ ปะการใชค นในสามกก บคุ ลากรอยา่ งไร กลบั มใิ ชเ่ รอ่ื งทเ่ี ลา่ ปส นั ทดั ทง้ั นเี้ พราะวา่ เขาขาดสตปิ ัญญา ในการ “วางแผนอยู่แนวหลัง รบชนะไกลพันล้ี” แม้มีทหารเอกผู้แกล้วกล้า เช่น กวนอู เตียวหุย กับจูล่งก็ตาม ยังหนีไม่พ้นจากความพ่ายแพ้ครั้งแล้ว ครั้งเล่า จนแทบจะหมดก�าลังใจ แตข่ งเบง้ สามารถทจ่ี ะมองเหน็ ดา้ นใหญ่ ทง้ั สามารถลงมอื ดา� เนนิ การ จากเรื่องเล็กมีทั้งการก�าหนดยุทธศาสตร์อย่างถูกต้อง และมีท้ังการ “ประมาณการด่ังเทวดา” สติปัญญาของเขาท�าให้ทหารเอกทั้งห้ามีกวนอู เตียวหุย จูล่ง ม้าเฉียว และฮองตง ย่ิงทวีความห้าวหาญข้ึนทวีคูณดุจเสือ ติดปก เตียวหุย เดิมเปนคนมุทะลุมีช่ือ ไม่เคยรู้จักใช้กลอุบาย แต่ไหน แต่ไรมา มีแต่ความห้าวหาญอย่างเดียว เขาเปนคนใจร้อนท�าอะไรหุนหัน พลันแล่น กล้าโบยเจ้าเมือง “ทุศีล” เล่นงานลิโป “ขี้ข้าสามเจ้า” แต่เขา ชอบด่ืมเหล้าเปนชีวิตจิตใจ จนเปนเหตุให้ต้องเสียเมืองชีจ๋ิว แต่ต่อมาภายหลังเม่ืออยู่ภายใต้การน�าของขงเบ้ง เตียวหุยก็เปลี่ยน ไป ไม่ใช่จะเอาแต่มุทะลุดุดันเช่นอดีต ในความหยาบ เขามีความละเอียด เขาอธิบายความผิดชอบช่ัวดีแก่เงียมหงัน ท�าให้ด่านร่วม 50 แห่งท่ี เงียมหงันดูแลอยู่ยอมเปดประตูให้แต่โดยดี เตียวหุยแสร้งท�าเมาหลอก เตียวคับ ยึดเอาด่านอวนเทากวนด้วยปัญญา แม้ในหนังสือจะมิได้กล่าว ว่าขงเบ้งเปนคนสอน แต่เม่ืออยู่ภายใต้การบังคับบัญชาของขงเบ้ง ย่อม เก่ียวข้องกับการบัญชาทัพของขงเบ้งอยู่ดี ฮองตงผู้ไม่ยอมแก่ กล้าท่ีจะออกหน้ารับอาสาแบกหน้าท่ีอัน หนักหน่วง ด้วยวิธีการแสร้งหมิ่นฝมือทหารเอกของขงเบ้ง จนสามารถใช้ อุบายยึดเขาเทียนตองสันและบั่นศีรษะแฮหัวเอ๋ียนขาดได้ สติปัญญาของขงเบ้งสามารถก�าราบเหล่าทหารเอกของเล่าปจนยอม สยบด้วยใจจริง แม้แต่กวนอูผู้หย่ิงผยองซึ่งไม่เคยก้มหัวให้ใคร ต้องยอมรับ
ความรงุ เรืองและความเสอ� มโทรมของสามกกกบั การใชคน 63 การบัญชาของขงเบ้งแต่โดยดี เม่ือเห็นฝมือของขงเบ้งซ่ึงเผาเสบียงของ โจโฉที่ทุ่งพกบองจนวอดวายไปส้ิน ถึงกับอุทานว่า “ปญญาและความคิด ของขงเบง้ นน้ั เหน็ ปรากฏจรงิ ในครงั้ นแี้ ลว้ ” ขงเบง้ จงึ สามารถบญั ชาสามทัพ ได้ดังใจนึก ให้ปฏิบัติการตามทิศทางที่พัดขนนกของขงเบ้งชี้บอกด้วยความ กล้าหาญชาญชัย ไพร่พลเปนพันหาง่าย แต่ทหารเอกคนเดียวหายาก ผู้สามารถ นับพันหาง่าย แต่คนเก่งรอบด้านหายาก การท่ีจะเลือกเฟนคนเก่งท่ีมีความ สามารถรู้สถานการณ์รอบด้าน จากผู้ปรีชาบรรดามีนั้น นับเปนห่วงโซ่ ส�าคัญห่วงหน่ึงแห่งความส�าเร็จของภารกิจ ซึ่งนับเปนศาสตร์ใหญ่แห่ง ศิลปะการใช้คนอย่างหนึ่งด้วย ซุนฮกชวยโจโฉครองภาคเหนอื โจโฉผู้ยิ่งยงแห่งยุคสามารถปราบภาคเหนือให้เปนเอกภาพได้ แม้ เนื่องมาจากการเกื้อหนุนของสถานการณ์ แต่สติปัญญาอันเฉียบคมของ เขาเปนมูลเหตุส�าคัญที่ท�าให้เขาได้รับความส�าเร็จ การแสดงออกซึ่ง สติปัญญาอันเฉียบคมของโจโฉอย่างหนึ่งก็คือ สันทัดในการใช้คน ฉะน้ัน จึงมีบุคลากรเปนอันมากพากันเข้าไปห้อมล้อมอยู่กับโจโฉ ดังประหน่ึงดาว ล้อมเดือน พวกเขาต่างเสนออุบายและนโยบายอันมากหลายแก่โจโฉ ได้ สร้างคุณูปการอันไม่อาจลบเลือนได้แก่การก่อต้ังอ�านาจตระกูลโจขึ้นมา ในหมู่ผู้คนซึ่งอยู่กับโจโฉน้ัน ความดีความชอบของซุนฮกนับว่า ใหญห่ ลวงทสี่ ดุ การทโี่ จโฉสามารถรวบรวมภาคเหนอื ใหเ้ ปน เอกภาพไดน้ ้ัน ความจริงแล้วได้อาศัยการก�าหนดนโยบายของซุนฮกเปนส�าคัญ
64 ศลิ ปะการใชค นในสามกก โจโฉเม่ือเห็นซุนฮกมาขอสวามิภักด์ิด้วย ก็ประเมินค่าของเขาไว้ เปนอย่างสูงเปน “เตียวเหลียงของข้าพเจ้า” (เตียวเหลียงเปนที่ปรึกษา นักวางแผน ซ่ึงช่วยพระเจ้าฮั่นเกาจู่หลิวปังรบชนะเซ่ียงอวี่ ข้ึนครองราช บัลลังก์เปนปฐมกษัตริย์ราชวงศ์ฮั่นในท่ีสุด) ในสมัยราชวงศ์เว่ย จิ้น และราชวงศ์เหนือใต้ บรรยากาศท่ีใฝ่ใน การประเมินคุณค่าของคนเปนท่ีนิยมกันมาก จึงมีคนจ�านวนไม่น้อยได้ ชื่อว่าเปนคนรู้จักคน การประเมินคุณค่าคนของพวกเขาอาศัยเหตุผลอะไร เหตุไฉนการ ประเมินของพวกเขาส่วนใหญ่ถูกต้อง เร่ืองน้ีก็น่าค้นคว้าอยู่ไม่น้อย เพราะการใช้คนจะต้องเริ่มต้นจากการ รู้จักคน เมื่อไม่รู้จักคนก็ยากที่จะใช้คน ในยุคสามก๊ก ผู้กล้าทั้งหลายที่ชิงกันตั้งตนเปนใหญ่ในแผ่นดิน เมื่อ จะเปนใหญ่ต้องมีบุคลากร จึงพากันแสวงหาบุคลากรให้มารับใช้ตน และ เมื่อจะใช้คน ต้องรู้ความสามารถของคนท่ีจะใช้ จึงจะใช้คนได้ตามความ สามารถ การท่ีโจโฉขนานนามซุนฮกว่า “เตียวเหลียงของข้าพเจ้า” มิใช่เกิด จากความประทับใจ หรือเพราะซุนฮกท�าดีต่อทุกคน หรือเพราะเขาพูดจา น่าฟังก็หาไม่ แต่ได้พิจารณาจากการแสดงออกของซุนฮกในอดีต ตํานาน สามกก ของหลัวก้วนจงมิได้ให้ข้อมูลเกี่ยวกับเร่ืองราวของซุนฮกไว้ แต่ใน จดหมายเหตุสามกก ของเฉินโซ่ว ได้กล่าวไว้อย่างชัดเจนว่า ก่อนหน้าท่ีซุนฮกจะไปอยู่กับโจโฉ สติปัญญาความสามารถของเขาได้รับ ความสนใจจากคนท้ังหลายแล้ว เขาคาดคะเนเหตุการณ์ได้อย่างแม่นย�า เม่ือต๋ังโต๊ะเร่ิมยึดอ�านาจราชส�านัก ซุนฮกซึ่งเปนนายอ�าเภออยู่ท่ี เมืองค่ังฟู่ก็ทิ้งต�าแหน่งขุนนางลากลับบ้านเดิม เขาบอกแก่ชาวบ้าน ทั้งหลายว่า “อาณาเขตเองฉวน จะเป็นแดนแห่งการรบพุ่ง เมื่อเกิดการ
ความรงุ เรืองและความเส�อมโทรมของสามกก กบั การใชคน 65 เปล่ียนแปลงขึ้นในแผ่นดิน ทัพต่าง ๆ จักรุกรบไปมาอยู่มิขาด ควรจะรีบ หลีกหนีไปเสีย จะรอช้าอยู่มิได้” ชาวบ้านส่วนใหญ่ยังอาลัยในบ้านเกิดของตน ลังเลมิยอมจากไป ซุนฮกจึงน�าผู้คนในตระกูลอพยพไปอยู่ในกิจ๋ิว ต่อมาเองฉวนได้กลายเปน แหลง่ ซง่ึ “ทพั ตา่ ง ๆ รกุ รบไปมาอยมู่ ขิ าด” จรงิ ๆ ชาวบา้ นสว่ นใหญจ่ งึ ต้อง ประสบเคราะห์กรรม เพราะไม่เชื่อซุนฮก มีแต่ซุนฮกเท่าน้ันท่ีรอดมาได้ เมื่ออ้วนเสี้ยวยึดกิจ๋ิวได้แล้ว ได้ให้ความส�าคัญแก่ซุนฮกเปนอันมาก ให้การต้อนรับในฐานะแขกผู้ทรงเกียรติของตน แต่ซุนฮกประเมินว่า “อ้วนเสี้ยวคิดการใหญ่มิได้” จึงทิ้งอ้วนเสี้ยวไปอยู่กับโจโฉ จุดจบของ อ้วนเส้ียวเปนดังท่ีซุนฮกได้คาดการณ์ไว้ เหตกุ ารณท์ งั้ สองเรอ่ื งดงั กลา่ ว แสดงวา่ ซนุ ฮกมสี ตปิ ญั ญาความสามารถ เหนือคน ฉะนั้นการที่โจโฉยกย่องให้เปน “เตียวเหลียง” จึงไม่เกินเหตุเลย เมื่อซุนฮกหลบไปอยู่กับโจโฉ เริ่มด้วยการเปนขุนนางต�าแหน่งซือหม่า (ฝ่ายพลาธิการทหาร) ต่อมาเลื่อนต�าแหน่งเปนซ่างซู (เสนาบดี) เม่ือโจโฉ มีเรื่องส�าคัญอะไรตัดสินใจไม่ถูกมักจะมาปรึกษาเขา จดหมายเหตุ สามกก เขียนไว้ว่า “ขณะที่โจโฉกรีธาทัพออกรบแดนไกล ก็มอบอ�านาจ ทั้งฝายพลเรือนและทหารให้ซุนฮกส้ิน” เมื่อโจโฉก่อการใหญ่ขึ้นใหม่ ๆ ก�าลังทหารไม่มาก พื้นที่มีเพียงแค่ กุนจ๋ิว โจโฉคิดจะไปตีเมืองชีจ๋ิว ซ่ึงโตเก๋ียมถึงแก่กรรมไปแล้ว เล่าปรับ หน้าที่เปนเจ้าเมืองอยู่ ก�าลังมิได้ด้อยไปกว่าโจโฉ การตีชีจ๋ิวจึงมิใช่เร่ือง ง่าย อีกทั้งลิโปเคยถูกโจโฉตีพ่ายไปก็ยังไม่ยอมเลิกแล้วต่อกัน ต้ังทัพอยู่ ท่ีเมืองซันหยง ยังคงจับตาดูอยู่เขม็ง ดังเสือรอตะครุบเหยื่อ หากโจโฉตี เมืองชีจิ๋ว ลิโปอาจจะอาศัยช่องว่างลอบเข้าตีกุนจ๋ิวได้ ซุนฮกคัดค้านอย่างเต็มที่ เขายกแม่น�้าทั้งห้ามาสาธยายว่า “ในอดีต เม่ือคร้ังพระเจ้าฮั่นเกาจู่รักษากวนจง พระเจ้ากวงอู่ต้ียึดบริเวณลุ่มน�้าไว้ได้
66 ศลิ ปะการใชค นในสามกก ก็ด้วยการต้งั หลักเพื่อครองแผน่ ดนิ เม่อื รกุ จะพชิ ิตขา้ ศกึ เมื่อถอยจะสามารถ ปกปองบ้านเมือง แม้จะมีความยากล�าบาก แต่ได้เก้ือหนุนภารกิจอัน ย่ิงใหญ่ ท่านเพิ่งได้กุนจ๋ิวใหม่ ๆ ซึ่งพ้ืนท่ีนี้มีความส�าคัญทางทหารเป็น อย่างยิ่ง เปรียบได้กับกวนจงและลุ่มน�้าในอดีต บัดนี้ท่านคิดจะตีชีจิ๋ว หาก ทิ้งไพร่พลไว้มากก็จะไม่พอใช้ ท้ิงไพร่พลไว้น้อยลิโปจะฉวยโอกาสเข้าตี ยดึ เอาไป กนุ จวิ๋ จะสญู สนิ้ แมน้ ทา่ นตชี จี ว๋ิ ไมไ่ ด้ ทา่ นจะกลบั ไปทใี่ ด เวลาน้ี ถึงโตเกี๋ยมจะสิ้นชีวิตแล้วแต่ยังมีเล่าปี่รักษาอยู่ ราษฎรในชีจิ๋วต่างนอบน้อม ภักดีด้วยเล่าปี่ จักสู้ตายเพ่ือเล่าปี่เป็นม่ันคง ท่านจะทิ้งกุนจิ๋วไปตีชีจ๋ิว เท่ากับท้ิงใหญ่ไปเอาเล็ก ท้ิงกอบไปเอาก�า เอาความปลอดภัยไปแลกกับ อันตราย ขอให้ท่านใคร่ครวญจงหนัก” คา� ของซนุ ฮก “เตม็ ไปดว้ ยเหตผุ ล แสดงผลไดเ้ สยี ใหป้ ระจกั ษ” โจโฉ จึงยกเลิกการโจมตีชีจ๋ิว สร้างความมั่นคงให้แก่ฐานะของตนในกุนจ๋ิวก่อน “ต้ังหลักเพื่อครองแผ่นดิน” เฉกเช่นพระเจ้าฮ่ันเกาจู่และพระเจ้ากวงอู่ตี้ จึงสามารถ “ส�าเร็จซึ่งภารกิจอันย่ิงใหญ่” ได้ เม่ือโจโฉด�าเนินตามนโยบาย นี้ จึงเข้มแข็งขึ้นทุกวัน ภายหลังต่อมาในสมัยราชวงศ์หมิง จวูหยวนจางปฐมกษัตริย์แห่ง ราชวงศ์หมิงรับนโยบายของจูเซิงให้ “สร้างก�าแพงให้สูง เก็บเสบียงให้มาก อย่าตั้งตนเป็นอ๋องเร็ว” ซึ่งท่ีจริงแล้วก็คือการน�านโยบาย “ตั้งหลักเพ่ือ ครองแผ่นดิน” มาใช้ซ้�านั่นเอง จวูหยวนจางจึงสามารถสถาปนาราชวงศ์ หมิงขึ้นมาได้ ส่วนหล่ีจื้อเฉิงซ่ึงเปนหัวหน้าการลุกขึ้นสู้ของชาวนาในปลายสมัย ราชวงศ์หมิง แม้จะตีปักก่ิงได้จนพระเจ้าหมิงฉงเจวินฮ่องเต้ต้องแขวน พระศอสวรรคต โค่นราชวงศ์หมิงลงไปได้ก็ตาม แต่เนื่องจากมิได้มีฐานที่ มั่นอันมั่นคงอยู่แม้สักแห่งเดียว จึงไม่อาจจะต้านทานการตีขนาบท้ังภายใน และภายนอกจากคนขายชาติอูซานกุ้ยซ่ึงสมคบกับทหารแมนจู จึงแตก กระเจิงไปในท่ีสุด
ความรุง เรอื งและความเสอ� มโทรมของสามกกกับการใชคน 67 ฉะน้ันการท่ีซุนฮกสรุปประสบการณ์การครองอ�านาจ “ตั้งหลักเพื่อ ครองแผ่นดิน” จึงมิใช่แต่จะเสนอการก�าหนดนโยบายทางยุทธศาสตร์ให้ แก่โจโฉเท่าน้ัน มันยังเปนกฎข้อหน่ึงที่การ “ส�าเร็จซึ่งภารกิจอันยิ่งใหญ่” พึงยึดถือปฏิบัติอย่างมิโยกคลอนด้วย เพราะโจโฉใช้นโยบายของซุนฮกดังกล่าว ตั้งทัพในซานตง สะสม ก�าลังนายและพลต่างก็กล้าแข็ง ซึ่งในตอนน้ีเอง ลิฉุยกับกุยกีก็รบกันอุตลุด ราษฎรพากันเดือดร้อนไปทุกหย่อมหญ้า พระเจ้าเห้ียนเต้ตกระก�าล�าบาก ระเหเร่ร่อน จะต้องเสด็จกลับเมืองลกเอี๋ยงอีก เมื่อโจโฉรู้ข่าวน้ี จึงเรียกพวก ท่ีปรึกษาท้ังหลายมาหารือ ซุนฮกจึงเสนอว่า “ในอดีตจ้ินเหวินกงรับโจวเซียงอ๋องไว้อุปการะจึง ท�าให้เหล่าเจ้าครองแคว้นยอมสยบ พระเจ้าฮั่นเกาจู่เป็นกษัตริยผู้ทรง คุณธรรม จึงท�าให้อาณาประชาราษฎรนอบน้อมด้วยใจ บัดน้ีโอรสสวรรค ตกทุกขได้ยากท่านควรจะอาศัยโอกาสนี้ได้แสดงคุณธรรมให้ประจักษ เทิดทูนโอรสสวรรคตามความปรารถนาของคนทั้งหลาย น่ีเป็นนโยบาย ชน้ั เลศิ หากมดิ า� เนนิ การกอ่ น คนอน่ื กจ็ ะชงิ ตดั หนา้ ทา� กอ่ นเรา” โจโฉฟงั แล้ว มีความยินดีเปนอย่างย่ิง จึงตัดสินใจกรีธาทัพไปรับพระเจ้าเหี้ยนเต้ในเวลา ไม่ช้าต่อมา ซนุ ฮกนนั้ เปน ผจู้ งรกั ภกั ดตี อ่ ราชวงศฮ์ นั่ การทเ่ี ขาเขา้ มาอยกู่ บั โจโฉ เพราะโจโฉเคยมพี ฤตกิ รรมอนั หา้ วหาญในการกา� จดั ศตั รขู องแผน่ ดนิ ทเี่ ขา เสนอให้โจโฉ “เทิดทูนโอรสสวรรคตามความปรารถนาของผู้คนท้ังหลาย” เกิดจากความจงรักภักดีต่อราชวงศ์ฮ่ัน สา� หรบั โจโฉทยี่ อมรบั นโยบายน้ี กเ็ พอ่ื “บงั คบั โอรสสวรรคเ พอื่ บัญชา เจ้าครองแคว้น” ก่อนหน้าน้ี เตียนห้องเคยให้ค�าแนะน�าท�านองเดียวกันแก่ อ้วนเส้ียว แต่อ้วนเส้ียวไม่รับฟัง ทว่าโจโฉรับนโยบายน้ี เห็นชัดว่าโจโฉ ฉลาดกว่าอ้วนเส้ียวหลายขุมอยู่
68 ศลิ ปะการใชค นในสามกก ในเวลานั้น ราชวงศ์ฮ่ันความจริงเหลืออยู่แต่ช่ือ หาได้มีอ�านาจที่ แทจ้ ริงแต่ประการใดไม่ แต่ “กิ้งกือแม้จะตายเปลือกก็ยัง” ขุนนางราชวงศ์ ฮั่นยังคงไม่ลืมว่าตนเปนข้าราชบริพารของราชวงศ์ฮั่น แม้แต่พวกที่ต้ังตน เปนใหญ่เฉือนพ้ืนท่ีไปครองเปนอิสระ โดยภายนอกแล้วส่วนใหญ่ยัง แสดงว่า “ยกย่องราชวงศฮั่น” อยู่ อีกท้ังในเวลานั้นมีการรบพุ่งกันมิได้เว้น แต่ละวัน คนตายรายเรียงอยู่เกล่ือนทุ่ง อาณาประชาราษฎร์จึงต่างใฝ่ใจใน ความสงบสุขโดยท่ัวหน้า ฉะน้ันเมื่อโจโฉชูธง “ยกย่องราชวงศฮ่ัน” ข้ึนมาอย่างโดดเด่น เพื่อ รวมแผ่นดินให้เปนเอกภาพ จึงมิใช่แต่จะ “บัญชาเหล่าเจ้าครองแคว้น” ได้ เท่าน้ัน ยังได้จิตใจจากราษฎรทั้งหลายอีกโสดหนึ่งด้วย ในสมัยพระเจ้าฮั่นเต้และเลนเต้ ได้เกิดการจลาจลข้ึนสองครั้งโดย พวกขันที พวกขุนนางสืบตระกูลต้องได้รับภัยพิบัติอย่างหนัก พวกขุนนาง สืบตระกูลจึงแค้นพวกขันทียิ่งนัก โจโฉถือก�าเนิดมาจากครอบครัวขันที จึง ถูกเหยียดหยามจากพวกขุนนางเสมอมา การรวบรวมพวกขุนนางเข้าเปน สมัครพรรคพวกจึงยากล�าบากยิ่งนัก ทว่านับแต่เขา “เทิดทูนโอรสสวรรค ตามความปรารถนาของคนท้ังหลาย” สภาพเกิดการเปลี่ยนแปลงไป พวก ขุนนางเริ่มเข้าหาฝากเนื้อฝากตัวกับโจโฉ “สรรพสิ่งรวมกันโดยประเภท มนุษยแยกกันโดยกลุ่มชน” ใช้คน แบบใดก็จะน�ามาซึ่งสมัครพรรคพวกในแบบนั้น ด้วยการเสนอแนะของ ซุนฮก บุคลากรผู้มีความสามารถเฉกเช่นกุยแกและสุมาอี้ รวมทั้งบัณฑิต ผู้มีสติปัญญาอื่น ๆ จึงพากันมาสวามิภักด์ิด้วยโจโฉ ในเวลาเพียงไม่กี่ป บัณฑิตผู้มีสติปัญญาที่โจโฉรับไว้มีมากกว่าของซุนกวนและเล่าปเสียอีก การท่ีโจโฉรับนโยบายของซุนฮกจึงมิใช่แต่จะยึดกุมการเปนฝ่าย กระท�าในทางการเมืองเท่านั้น หากยังได้รับการสนับสนุนอย่างกว้างขวาง จากปญั ญาชนทวั่ ไป อนั เปน เงอ่ื นไขทเี่ ปน ประโยชนแ์ กก่ ารรวบรวมภาคเหนือ ให้เปนเอกภาพของโจโฉ
ความรงุ เรอื งและความเสอ� มโทรมของสามกก กับการใชค น 69 การรบแตกหักที่กัวตอ เปนหัวเล้ียวหัวต่อแห่งความเปนความตาย ใครแพ้ใครชนะ ระหว่างอ้วนเส้ียวกับโจโฉ โจโฉต้ังมั่นอยู่ที่กัวตอต้ังแต่เดือนแปดจนถึงปลายเดือนเก้า ไพร่พล ต่างอ่อนระโหยโรยแรง เสบียงอาหารก็ร่อยหรอ ใจคิดอยากจะท้ิงกัวตอ ถอยกลับไปฮูโต แต่ลังเลมิอาจตัดสินใจลงได้ จึงส่งคนไปหารือกับซุนฮก ยังเมืองฮูโต ซุนฮกตอบมาเปนหนังสือมีสาระส�าคัญว่า อ้วนเสี้ยวต้องการจะรบ แตกหักกับโจโฉ โจโฉจะแสดงความอ่อนแอให้เห็นไม่ได้เปนอันขาด มิฉะนั้น อ้วนเส้ียวจะฉวยโอกาสเข้าตีก็จะพ่ายแก่อ้วนเสี้ยวไป อ้วนเสี้ยว ทหารมากแต่ใช้ไม่เปน เวลานี้เพียงแต่ให้โจโฉรักษาพ้ืนท่ีไว้อย่างม่ันคง มใิ หอ้ ว้ นเสยี้ วคบื หนา้ ไปได้ เมอ่ื เหตกุ ารณค์ บั ขนั จะเกดิ การเปลยี่ นแปลงข้ึน โจโฉเม่ือได้รับหนังสือของซุนฮกแล้วก็ดีใจ ส่ังให้ทหารรักษาท่ีมั่น ไว้อย่างเข้มงวดตามค�าของซุนฮก “เม่ือเหตุการณคับขัน จะเกิดการ เปลี่ยนแปลง” ก็เกิดข้ึนจริง ๆ ปรากฏว่าภายในทัพอ้วนเส้ียวเกิดการ แตกแยกจนไม่อาจรวมกันติด เขาฮิวตีตัวจากอ้วนเสี้ยวมาหาโจโฉ เสนอกลอุบายให้เผาเสบียง อ้วนเสี้ยว โจโฉจึงน�าทัพไปเผาเสบียงอ้วนเส้ียวท่ีอัวเจา ท�าให้ไพร่พล อ้วนเส้ียวเกิดระส่�าระสายกันไปท้ังกองทัพ ครั้นแล้วก็ระดมก�าลังเข้ารุกตี อ้วนเส้ียวแม้ทหารจะมีมากกว่า ต้องพ่ายแพ้ไปอย่างย่อยยับ ถ้าแม้นว่าโจโฉไม่ฟังค�าแนะน�าของซุนฮก ท้ิงกัวตอถอยกลับฮูโต อ้วนเส้ียวจะฉวยโอกาสไล่ซ�้าเติม โจโฉคงเล่ียงความพ่ายแพ้ไม่พ้น ซึ่ง โจโฉยอมรับในภายหลัง ในรายงานที่โจโฉถวายแก่พระเจ้าเหี้ยนเต้ได้เขียน ไว้ว่า “หากข้าพระองคถอยออกจากกัวต๋อ อ้วนเส้ียวก็จะได้ใจรุกเข้ามา รูปการณจึงมีแต่ความพ่ายแพ้ หาได้มีทีท่าว่าจะชนะไม่”
70 ศลิ ปะการใชค นในสามกก ซนุ ฮกไมเ่ หมอื นกบั ขงเบง้ และโลซก ทใี่ หพ้ มิ พเ์ ขยี วการครองแผน่ ดิน แก่เล่าปและซุนกวน แต่การก�าหนดนโยบายใหญ่ 3 เร่ืองคือ “ต้ังหลักเพื่อ ครองแผ่นดิน” “เทิดทูนโอรสสวรรคตามความปรารถนาของคนท้ังหลาย” และ “รักษากัวต๋อรอดูการเปลี่ยนแปลง” อยู่ในปริมณฑลยุทธศาสตร์ เปน เรื่องใหญ่เก่ียวกับความเปนความตายความรุ่งเรืองหรือเสื่อมโทรมของ วุยก๊กของโจโฉ คุณงามความดีของซุนฮกในกรณีเหล่าน้ี จึงมิได้ต�่าต้อยน้อยหน้า ไปกว่า “การสนทนา ณ หลงจง” ของขงเบ้ง หรือ “นโยบายบนย่ีภู่” ของ โลซกเลย ฉะน้ัน ท่ีว่าซุนฮกเปนนักการทหารและนักยุทธศาสตร์ผู้ยิ่งใหญ่เสมอ ด้วยขงเบ้งกับโลซกน้ัน ก็ด้วยเหตุผลดังกล่าว และนโยบายใหญ่ทั้งสามที่ ซุนฮกก�าหนดข้ึน หากมิใช่โจโฉผู้สติปัญญาอันเฉียบคมแล้วไซร้ ย่อม ไม่อาจน�าไปใช้ได้ เจ้านายสามานย์ไม่อาจใช้ยอดอัจฉริยะ เจ้านายผู้ชาญฉลาดจึ่งใช้ ยอดอัจฉริยะเปน แต่โบราณกาลมาก็เปนเช่นน้ีแล้ว
管 理 理 กในารศิลใชปะ้คน 论 ศิลปะการใชคนในสามกก มรดกทางบุคลากรศาสตร อันทรงคุณคาเปนที่ย่ิงของจีนโบราณ การสนใจคนควา ศลิ ปะอนั น้ี จะมคี ณุ ประโยชนอ ยา งใหญห ลวง แกก ารใชค น ของวงการทัว่ ไปอยางกวา งขวาง ไมถือความใกลช ิด แยกคณุ โทษแจม ชัด อยาเลอื กคนที่รูปรางหนา ตา เอาชนะทางใจ และอีกหลายเคล็ดลับทที่ ําให “ไดใ จคน บรรลภุ ารกิจ” º-Ø È¡Ñ ´ìÔ áʧÃÐÇÕ นักแปลรางวัลสรุ นิ ทราชา จากสมาคมนกั แปลและลา มแหงประเทศไทย นักเขยี นรางวัลนราธิป จากสมาคมนักเขยี นแหง ประเทศไทย LA 0037 ศลิ ปะการใชค นในสามกก 200.- SukkhapabjaiPUB I S B N 978-616-7105-85-7 w9 w7w8.6b1o6o7kt1im0 5e8.c5o7.th
Search