กลยทุ ธการเผยแผพระพทุ ธศาสนาของพระธรรมทตู สายตางประเทศ STRATEGIES FOR BUDDHISM PROPAGATION OF OVERSEAS DHAMMADUTA BHIKKHUS พระมหาสเุ ทพ สวุ ฑฒฺ โน (เหลาทอง) ดุษฎีนพิ นธนี้เปนสวนหนง่ึ ของการศกึ ษา ตามหลักสตู รปริญญาพุทธศาสตรดษุ ฎีบัณฑิต สาขาวชิ าพระพทุ ธศาสนา บัณฑิตวิทยาลยั มหาวิทยาลัยมหาจฬุ าลงกรณราชวทิ ยาลยั พุทธศกั ราช ๒๕๖๑
กลยทุ ธการเผยแผพระพทุ ธศาสนาของพระธรรมทูตสายตางประเทศ พระมหาสเุ ทพ สุวฑฒฺ โน (เหลาทอง) ดุษฎีนพิ นธน้ีเปนสวนหนงึ่ ของการศึกษา ตามหลกั สูตรปรญิ ญาพุทธศาสตรดษุ ฎบี ณั ฑิต สาขาวิชาพระพทุ ธศาสนา บัณฑิตวิทยาลัย มหาวทิ ยาลยั มหาจุฬาลงกรณราชวิทยาลยั พุทธศกั ราช ๒๕๖๑ (ลิขสิทธิ์เปนของมหาวทิ ยาลยั มหาจุฬาลงกรณราชวทิ ยาลัย)
Strategies for Buddhism Propagation of Overseas Dhammaduta Bhikkhus Phramaha Suthep Suwatthano (Laothong) A Dissertation Submitted in Partial Fulfillment of the Requirements for the Degree of Doctor of Philosophy (Buddhist Studies) Graduate School Mahachulalongkornrajavidyalaya University C.E. 2018 (Copyright by Mahachulalongkornrajavidyalaya University)
(•VNisiuvnyiljjvnilnjlui, m. m.) PI fu Sink's jjiTTapnupaj^i^fiy't^'UB 1 1 rlJ ^pi. ^i.aSviSnei L'uei^'uS^i
ก ช่อื ดุษฎีนิพนธ์ : กลยุทธ์การเผยแผพ่ ระพุทธศาสนาของพระธรรมทตู สายตา่ งประเทศ ผวู้ จิ ัย : พระมหาสุเทพ สวุ ฑฺฒโน (เหลาทอง) ปริญญา : พทุ ธศาสตรดษุ ฎบี ณั ฑิต (พระพุทธศาสนา) คณะกรรมการควบคมุ ดุษฎีนพิ นธ์ : พระมหาทวี มหาปญโฺ , ผศ.ดร., ป.ธ. ๙, พธ.บ. (ปรัชญา), ศน.ม. (พระพทุ ธศาสนา), M.Phil. (Buddhist Studies), Ph.D. (Buddhist Studies), : รศ. ดร.สมทิ ธพิ ล เนตรนิมิตร ป.ธ. ๙, พธ.บ. (ปรชั ญา), พธ.ม., (พระพทุ ธศาสนา), Ph.D. (Pali & Buddhist Studies) วันสาเรจ็ การศึกษา : ๒๑ พฤษภาคม ๒๕๖๒ บทคัดยอ่ ดุษฎีนิพนธ์เร่ือง “กลยุทธ์การเผยแผ่พระพุทธศาสนาของพระธรรมทูตสายต่างประเทศ” มีวัตถุประสงค์ ๓ ประการ คือ (๑) เพ่ือศึกษาหลักการเผยแผ่พระพุทธศาสนาในคัมภีร์เถรวาท (๒) เพอื่ ศึกษาการเผยแผ่พระพุทธศาสนาของพระธรรมทูตสายตา่ งประเทศ (๓) เพ่ือเสนอกลยุทธ์การ เผยแผ่พระพุทธศาสนาของพระธรรมทูตสายต่างประเทศ การวิจัยน้ีเป็นการวิจัยเชิงคุณภาพ ผลการวจิ ยั พบว่า หลักการที่พระพุทธเจ้าใช้ในการเผยแผ่พระพุทธศาสนา ในช่วงเริ่มต้นในการประกาศ พระศาสนา คือเจาะจงกลุ่มเป้าหมายจากชนช้ันปกครอง ชนช้ันนาทางสังคมคือพราหมณ์มหาศาล คหบดีมหาศาล ซ่ึงเป็นระดับเศรษฐีที่ม่ังค่ังและเป็นเจ้าลัทธิ เพื่อเป็นแรงจูงใจให้มวลชนหันมาสนใจ พระพุทธศาสนา เมื่อได้บุคคลระดับผู้นาเข้ามาเป็นพุทธบริษัทก็จะสามารถเป็นกาลังสาคัญในการเผย แผ่พระพุทธศาสนาได้อย่างรวดเร็ว ในขณะเดียวกันพระพุทธองค์ได้ประทานแนวทางการประกาศ พระศาสนาแก่พระอรหันต์ ๖๐ รูป ผู้ทาหน้าที่ประกาศพระศาสนาในช่วงแรกเพ่ือมุ่งประโยชน์และ ความสุขแก่มหาชนจานวนมาก ซง่ึ เป็นโอวาทสาคญั ของการเผยแผ่พระพุทธศาสนา และเปน็ หลักการ ทพี่ ระสงฆส์ าวกใช้มาจนถงึ ปจั จุบัน การเผยแผ่พระพุทธศาสนาของพระธรรมทูตสายต่างประเทศ ซ่ึงเป็นผู้แทนของคณะสงฆ์ ไทยท่ีได้ผ่านการอบรมตามหลักสูตรโครงการอบรมพระธรรมทูตสายต่างประเทศ และได้รับ มอบหมายให้นาหลักธรรมคาส่ังสอนทางพระพุทธศาสนาไปเผยแผ่แก่ประชาชนในต่างประเทศ ภายใต้การกากับดูแลของคณะสงฆ์ไทยและองค์กรร่วมมือต่าง ๆ ให้เป็นไปตามหลักประโยชน์ ๓ ประการ คือ ๑) ทิฏฐธัมมิกัตถประโยชน์ ประโยชน์ในชาติน้ี ๒) สัมปรายิกัตถประโยชน์ ประโยชน์
ข ในชาติหน้า ๓) ปรมัตถประโยชน์ ประโยชน์อย่างย่ิง เพ่ือให้พุทธศาสนิกชนในประเทศต่าง ๆ ได้รับรู้ ถงึ แนวทางการปฏบิ ตั ิทถ่ี ูกต้องตามหลกั ธรรมคาสอนทางพระพทุ ธศาสนา ก า ร เส น อ ก ล ยุ ท ธ์ ก า ร เผ ย แ ผ่ พ ร ะ พุ ท ธ ศ า ส น า ข อ ง พ ร ะ ธ ร ร ม ทู ต ส า ย ต่ า ง ป ร ะ เท ศ ประกอบดว้ ย ๑. กลยุทธ์ระดบั หน่วยงาน ไดแ้ ก่ (๑) การกาหนดเป้าหมายหลักและแนวทางในการเผย แผ่พระพุทธศาสนาให้ชัดเจนและประชาสัมพันธ์ให้ท่ัวถึง (๒) การจัดทาฐานข้อมูลของวัดใน ต่างประเทศและพระธรรมทูตสายต่างประเทศที่เป็นปัจจุบัน (๓) การสร้างฐานข้อมูลกลางในการ รวบรวมข้อมูลที่เกี่ยวกับประวัติของประเทศต่าง ๆ (๔) การจัดทาฐานข้อมูลเกี่ยวกับหลักธรรมทาง พระพุทธศาสนาสองภาษา เชน่ ภาษาไทยและภาษาองั กฤษ เป็นต้น (๕) การจดั สรรงบประมาณในการ บริหารจัดการงานเผยแผ่พระพุทธศาสนาในต่างประเทศอย่างต่อเน่ือง ๒. กลยุทธ์ระดับบุคคล คือ กลยุทธ์ที่เกี่ยวกับพระธรรมทูตโดยตรง ได้แก่ (๑) การรู้จักตนด้วยการวิเคราะห์ตนเอง พัฒนาตนเอง ด้านความรู้ในทางพระพุทธศาสนา ทั้งปริยัติ ปฏิบัติ และปฏิเวธ พร้อมทั้งความรู้ทางโลกตามความ จาเป็นต่อการปฏิบัติหน้าท่ีพระธรรมทูต (๒) การรู้จักชุมชนและสภาพแวดล้อมในประเทศท่ีจะไปเผย แผ่พระพุทธศาสนา ตลอดท้ังแนวโน้มการเผยแผ่พระพุทธศาสนาในอนาคต ด้วยการรู้เท่าทัน สถานการณต์ า่ ง ๆ ทเี่ กิดขน้ึ ตามสภาพสังคมนั้น
ค Dissertation Title : Strategies for Buddhism Propagation of Overseas Dhammaduta Bhikkhus Researcher : Phramaha Suthep Suwatthano (Laothong) Degree : Doctor of Philosophy (Buddhist Studies) Dissertation Supervisory Committee : Phramaha Tavee Mahapanno, Asst. Prof., Dr., Pali IX, B.A. (Philosophy), M.A. (Buddhist Studies), M.Phil. (Buddhist Studies), Ph.D. (Buddhist Studies) : Assoc. Prof. Dr.Samiddhipol Netnimitr, Pali IX, B.A., (Philosophy), M.A., (Buddhist Studies), Ph.D. (Pali & Buddhist Studies), Date of Graduation : May 21, 2019 Abstract This dissertation entitled “Strategies for Buddhism Propagation of Overseas Dhammaduta Bhikkhus” has three objectives: 1) to study the principles used for Buddhism propagation in Theravada Buddhism, 2) to study the Overseas Dhammaduta Bhikkhus’ propagation of Buddhism, and 3) to propose the Overseas Dhammaduta Bhikkhus’ strategies in the propagation of Buddhism. This is a qualitative research. The research findings were found that the principles the Buddha used in the beginning while propagating Buddhism was mainly focused on the chief target where people from the class of rulers and social leaders, rich Brahmas and wealthy person were prioritized with a view to motivating a great deal of people in Buddhism. Once those people were accepted then they rapidly lead the role as the propagators of Buddhism. At this time, sixty of the worthy monks were allowed by the Buddha to propagate Buddhism in order to provide a hefty of benefit and happiness to people through the significant instructions by which they have been being observed till the present.
ง In the Overseas Dhammaduta Bhikkhus’ propagation of Buddhism, Buddhist monks who passed the Overseas Dhammaduta Bhikkhus Training Program are highly regarded as the Thai Sangha’s delegates to communicate the Buddhadhamma to the people around the world under the Thai Sangha and the other cooperation within three main advantages: 1) virtues conducive to benefits in the present, 2) virtues conducive to benefits in the future, and 3) virtues conducive to benefits in the final eternal goal (Nibbãna) leading to the awareness of the proper practices in accordance with the Buddhist teachings. In this research, the Buddhism propagation strategies of the Overseas Dhammaduta Bhikkhus was of the organizational and individual strategies, the former consists of: 1) setting the main goals and guidelines in propagating Buddhism clearly and thoroughly, 2) creating a database of Thai temples and Dhammaduta Bhikkhus in the foreign countries, 3) providing a central database to gather information about the foreign countries’ history, and 4) making a bilingual database of Buddhist Dhammas, like Thai and English or Pali and English database, and 5) providing the budget in a row for managing the propagation works in the foreign countries, and the latter consist of: 1) getting to know oneself and others through self-analysis, and developing oneself to acquire more Buddhism knowledge through learning, practice and comprehension, especially in meditation, manners, as well as other knowledge needed for the Dhammaduta works, and 2) getting to know the target country of Buddhism propagation, and future trends in Buddhism propagation and also the up- to-date situations.
จ กิตติกรรมประกาศ ดุษฎีนิพนธ์น้ีสำเร็จลุล่วงด้วยดีเพรำะได้รับควำมอนุเครำะห์เก้ือกูลและควำมเมตตำ จำก พระมหำสมบูรณ์ วุฑฺฒิกโร, รศ. ดร. คณบดีบัณฑิตวิทยำลัย มหำวิทยำลัยมหำจุฬำลงกรณรำช วิทยำลัย พระมหำทวี มหำปญฺโ , ผศ. ดร., รศ. ดร.สมิทธิพล เนตรนิมิตร ที่ได้เสียสละเวลำอันมีค่ำ รบั เป็นอำจำรย์ที่ปรกึ ษำและกรรมกำรควบคุมดุษฎีนิพนธ์ ดูแลให้คำแนะนำเสนอแนะข้อคิดเหน็ ที่เป็น ประโยชน์ และชว่ ยชีแ้ นะแหล่งข้อมลู ต่ำง ๆ ผู้วจิ ยั ขอขอบพระคณุ เปน็ อยำ่ งสงู ผู้วิจัยขอขอบพระคุณ คณะกรรมกำรตรวจสอบดุษฎีนิพนธ์ ได้แก่ ศ. ดร.วัชระ งำมจิตร เจรญิ ผศ. ดร.มนตรี สิระโรจนำนันท์ และดร.บุญเลิศ โอฐสู ท่ีช่วยชี้แนะแนวทำงกำรทำวิจัยจนทำให้ ดุษฎนี ิพนธ์เลม่ นีส้ มบรู ณ์มำกย่ิงขึ้น ขอขอบพระคุณผู้บรหิ ำร คณำจำรย์ เจ้ำหน้ำทีบ่ ัณฑิตวิทยำลัยทุกท่ำน ที่ชว่ ยอำนวยควำม สะดวกและประสำนงำน ในกำรทำเอกสำรสำคัญตำ่ ง ๆ จนทำให้ดุษฎนี ิพนธ์เล่มน้ีเสรจ็ สมบูรณ์ ขอขอบ พ ระคุณ ผู้ ท รงคุณ วุฒิ ทุก ท่ำน ท่ี ได้เสี ย ส ล ะเวล ำให้ สั มภ ำษ ณ์ แล ะต รวจ ส อ บ เครื่องมือในงำนวิจัยนี้ และคณำจำรย์ทุกท่ำนที่ประสิทธ์ิประสำทควำมรู้จนทำให้ผู้วิจัยมีควำมรู้ ควำมสำมำรถพอท่ีจะศึกษำได้ กรำบขอบพระคุณพระโสภณวชิรำภรณ์ (ไสว โชติโก) รองอธิกำรบดีฝ่ำยกิจกำร ต่ำงประเทศ ผ้บู ริหำร คณำจำรย์ และเจ้ำหน้ำที่วทิ ยำลยั พระธรรมทูต กองวเิ ทศสมั พันธ์ มหำวทิ ยำลัย มหำจุฬำลงกรณรำชวิทยำลัย ท่ีมีส่วนสนับสนุนและให้โอกำสในกำรทำดุษฎีนิพนธ์เล่มนี้จนสำเร็จ สมบูรณ์ กรำบขอบพระคุณอุปัชฌำย์อำจำรย์ผู้ให้กำรบรรพชำอุปสมบท ขอขอบคุณบิดำมำรดำ ญำติธรรมท้ังหลำย เพ่ือนนิสิตปริญญำเอก พธ.ด. สำขำวิชำพระพุทธศำสนำรนุ่ ท่ี ๑๒ แบบ ๒.๑ แม่ชี ดร.สุนันทำ เรียงแหลม ดร.ปณัชญำ ลีลำยุทธ และผู้ท่ีมิได้เอ่ยนำม ที่มสี ่วนสนับสนุนให้กำรช่วยเหลือ ในกจิ กำรงำนต่ำง ๆ ตลอดระยะเวลำกำรศึกษำในระดบั ปรญิ ญำเอกน้ี พร้อมทั้งกัลยำณมิตรทุกท่ำนท่ี เปน็ กำลังใจในกำรทำดษุ ฎนี พิ นธ์เลม่ น้ีจนสำเร็จไปดว้ ยดี สุดท้ำยน้ี คุณควำมดีและประโยชน์อันใดท่ีพึงมีจำกดุษฎีนิพนธ์เล่มนี้ ผู้วิจัยขอน้อมถวำย เป็นเครื่องสักกำรบูชำตอ่ พระรัตนตรัย คุณบิดำมำรดำ คุณครูบำอำจำรย์ทกุ ทำ่ น ขออทุ ิศส่วนบุญกศุ ล น้แี กบ่ รุ พำจำรย์ผมู้ อี ุปกำรคณุ ทุกทำ่ น พระมหาสุเทพ สุวฑฺฒโน (เหลาทอง) ๒๑ พฤษภาคม ๒๕๖๒
สารบัญ ฉ เร่ือง หน้า บทคดั ย่อภาษาไทย ก บทคดั ย่อภาษาองั กฤษ ค กิตตกิ รรมประกาศ จ สารบญั ฉ สารบัญแผนภมู ิ ฎ คาอธิบายสญั ลักษณ์และคาย่อ ฏ บทที่ ๑ บทนา ๑ ๑ ๑.๑ ควำมเปน็ มำและควำมสำคญั ของปญั หำ ๔ ๑.๒ วตั ถุประสงค์ของกำรวจิ ัย ๔ ๑.๓ ปัญหำท่ตี อ้ งกำรทรำบ ๔ ๑.๔ ขอบเขตกำรวิจัย ๖ ๑.๕ นยิ ำมศัพท์เฉพำะที่ใชใ้ นกำรวิจัย ๖ ๑.๖ ทบทวนเอกสำรและงำนวิจัยทเ่ี กีย่ วของ ๑๓ ๑.๗ วธิ ีดำเนินกำรวจิ ยั ๑๕ ๑.๘ กรอบแนวคิดในกำรวิจยั ๑๕ ๑.๙ ประโยชน์ที่ไดร้ บั จำกกำรวิจัย ๑๖ บทท่ี ๒ หลักการเผยแผ่พระพทุ ธศาสนาในคมั ภีร์เถรวาท ๑๖ ๒.๑ ควำมเปน็ มำของกำรเผยแผ่พระพทุ ธศำสนำ ๑๖ ๒.๑.๑ ควำมหมำยของกำรเผยแผพ่ ระพทุ ธศำสนำ ๑๖ ๒.๑.๒ กำรเผยแผ่พระศำสนำในสมัยพุทธกำล ๑๘ ๒.๑.๓ กำรเผยแผค่ ำสอนของพระพุทธเจำ้ ๑๙ ๒.๑.๓.๑ กำรปฏิบตั หิ นำ้ ท่ตี ำมพทุ ธกิจ ๑๙ ๒.๑.๓.๒ คณุ สมบัติในกำรสอนของพระพุทธองค์ ๒๐ ๒.๑.๓.๓ เนอ้ื หำทีพ่ ระพทุ ธองคท์ รงสอน ๒๐ ๒.๑.๓.๔ พทุ ธลลี ำในกำรสอน ๒๑ ๒.๑.๓.๕ วธิ กี ำรสอนของพระพุทธเจ้ำ ๒๒ ๒.๑.๓.๖ พทุ ธวธิ ีสอนดว้ ยปำฏหิ ำรยิ ์ ๒๓ ๒.๑.๓.๗ พทุ ธวธิ ตี อบปญั หำ
ช ๒.๑.๔ พระพทุ ธเจ้ำทรงมอบหลักกำรเผยแผ่พระศำสนำแก่สำวก ๒๓ ๒.๑.๔.๑. เปำ้ หมำย ๒๗ ๒.๑.๔.๒. หลักกำร ๒๘ ๓๐ ๒.๒ วเิ ครำะห์พทุ ธวธิ ใี นกำรเผยแผ่ ๓๐ ๒.๒.๑ พทุ ธวธิ ีกำรเผยแผ่พระพทุ ธศำสนำ ๓๐ ๒.๒.๒ กำรสร้ำงแรงจงู ใจตอ่ บคุ คลภำยนอกศำสนำ ๓๒ ๒.๒.๓ วสิ ยั ทศั น์ในกำรเผยแผ่พระพทุ ธศำสนำ ๓๔ ๒.๒.๔ พทุ ธวธิ ีกำรนำเสนอ ๓๖ ๓๖ ๒.๓ ควำมเปน็ มำของพระธรรมทูตในสมัยพุทธกำล ๓๗ ๒.๓.๑ ควำมเป็นมำของพระธรรมทตู ๓๘ ๒.๓.๒ ควำมหมำยของพระธรรมทตู ๓๘ ๓๙ ๒.๔ พระสำวกทีอ่ อกไปเผยแผ่พระศำสนำในตำ่ งถ่ิน: กำรจัดโครงสรำ้ งองค์กร ๔๑ ๒.๔.๑ ข้อสนับสนุนในกำรจดั ตงั้ คณะสงฆ์ ๔๗ ๒.๔.๒ เป้ำหมำยกำรจดั ตงั้ คณะสงฆ์ ๔๘ ๒.๔.๓ กำรเกิดขน้ึ ของพระสงฆแ์ ละองค์กรสงฆใ์ นสมัยพทุ ธกำล ๕๑ ๒.๔.๔ กำรบญั ญตั ิพระธรรมวินยั : กำรวำงแผน ๕๓ ๒.๔.๕ ลกั ษณะของกำรปกครอง : กำรจัดองค์กร ๕๕ ๒.๕ กำรเผยแผ่พระพุทธศำสนำของพระสำวก ๕๙ ๒.๖ กำรเผยแผ่พระพทุ ธศำสนำหลังพทุ ธกำล ๒.๗ สรุปควำม ๕๙ ๕๙ บทท่ี ๓ การเผยแผ่พระพทุ ธศาสนาของพระธรรมทตู สายตา่ งประเทศ ๖๑ ๖๓ ๓.๑ ควำมเป็นมำของพระธรรมทูตสำยต่ำงประเทศของประเทศไทย ๓.๑.๑ ควำมเปน็ มำของพระธรรมทูตสำยตำ่ งประเทศ ๖๔ ๓.๑.๒ ควำมหมำยของพระธรรมทูตสำยตำ่ งประเทศ ๖๕ ๓.๒ ระเบยี บปฏบิ ัตสิ ำหรบั พระธรรมทตู สำยต่ำงประเทศในปัจจบุ ัน ๖๖ ๓.๒.๑ ระเบยี บกำรฝกึ อบรมพระธรรมทูตสำยตำ่ งประเทศมหำวทิ ยำลัย มหำจฬุ ำลงกรณรำชวิทยำลัย ๓.๒.๒ ภำรกจิ วทิ ยำลยั พระธรรมทูตมหำวิทยำลยั มหำจฬุ ำลงกรณรำช วิทยำลยั ๓.๒.๓ ระเบยี บสำนักฝกึ อบรมพระธรรมทตู ไปต่ำงประเทศ (ธรรมยุต)
ซ ๓.๒.๔ คณุ สมบตั ขิ องพระธรรมทตู สำยต่ำงประเทศ ๖๘ ๓.๓ นโยบำยกำรเผยแผ่พระพทุ ธศำสนำของคณะสงฆไ์ ทย ๗๑ ๗๑ ๓.๓.๑ ดำ้ นกำรเผยแผ่พระพุทธศำสนำ ๗๔ ๓.๓.๒ ดำ้ นพระธรรมทูต ๗๖ ๓.๔ กำรเผยแผพ่ ระพุทธศำสนำของพระธรรมทตู สำยต่ำงประเทศ ๗๖ ๓.๔.๑ หลักกำรเผยแผพ่ ระพุทธศำสนำของพระธรรมทูตสำยต่ำงประเทศ ๗๘ ๓.๔.๒ วิธีกำรเผยแผ่พระพุทธศำสนำของพระธรรมทูต ๘๐ ๓.๕ สถำนกำรณก์ ำรเผยแผ่พระพุทธศำสนำของพระธรรมทตู สำยตำ่ งประเทศ ๘๐ ๓.๕.๑ ทวปี เอเชีย ๘๐ ๘๓ ๓.๕.๑.๑ ประเทศศรีลังกำ ๘๘ ๓.๕.๑.๒ ประเทศอนิ เดีย ๙๑ ๓.๕.๑.๓ ประเทศอินโดนเี ซีย ๙๓ ๓.๕.๑.๔ ประเทศสิงคโปร์ ๙๓ ๓.๕.๒ ทวปี ยโุ รป ๙๕ ๓.๕.๒.๑ ประเทศอังกฤษ ๙๗ ๓.๕.๒.๒ ประเทศเนเธอรแ์ ลนด์ ๙๙ ๓.๕.๒.๓ ประเทศนอรเ์ วย์ ๑๐๑ ๓.๕.๓ ทวปี อเมริกำ ๑๐๑ ๓.๕.๔ ทวปี โซนโอเชียเนยี ๑๐๕ ๓.๕.๔.๑ ประเทศออสเตรเลยี ๑๐๖ ๓.๕.๔.๒ ประเทศนวิ ซแี ลนด์ ๑๐๖ ๓.๖ ปญั หำในกำรเผยแผพ่ ระพทุ ธศำสนำของพระธรรมทูตสำยต่ำงประเทศ ๑๐๗ ๓.๖.๑ ประเทศสหรัฐอเมริกำ ๑๐๗ ๓.๖.๒ ประเทศออสเตรเลีย ๑๐๗ ๓.๖.๓ ประเทศนิวซีแลนด์ ๑๐๘ ๓.๖.๔ ประเทศสงิ คโปร์ ๑๐๘ ๓.๖.๕ ประเทศอินเดีย ๑๐๘ ๓.๖.๖ ประเทศอนิ โดนเี ซีย ๑๐๙ ๓.๖.๗ ประเทศในกลมุ่ ยโุ รป ๑๑๐ ๓.๖.๘ ประเทศเนเธอร์แลนด์ ๓.๗ สรุปควำม
ฌ บทท่ี ๔ เสนอกลยุทธ์การเผยแผ่พระพทุ ธศาสนาของพระธรรมทูตสายต่างประเทศ ๑๑๓ ๔.๑ แนวคิดเกีย่ วกับกลยทุ ธ์ ๑๑๓ ๔.๑.๑ ควำมหมำยของกลยุทธ์ ๑๑๓ ๔.๑.๒ กำรวำงแผนกลยทุ ธ์ ๑๒๑ ๔.๒ ควำมสอดคล้องระหวำ่ งแนวคิดกำรวำงแผนกลยทุ ธ์กับกำรเผยแผ่ ๑๒๘ พระพุทธศำสนำของพระธรรมทูตสำยตำ่ งประเทศ ๑๓๙ ๔.๓ วเิ ครำะห์ปัญหำในกำรเผยแผพ่ ระพทุ ธศำสนำของพระธรรมทูต ๑๓๙ สำยตำ่ งประเทศ ๑๔๐ ๔.๓.๑ ปญั หำด้ำนทศั นคติ คำ่ นยิ มและควำมเชอื่ ๑๔๑ ๔.๓.๒ ปญั หำด้ำนงบประมำณกำรสรำ้ งวดั และกำรทำงำนร่วมกบั ผอู้ ื่น ๑๔๒ ๔.๓.๓ ปญั หำดำ้ นกำรสอนธรรมด้วยภำษำองั กฤษ ๑๔๓ ๔.๓.๔ ปญั หำด้ำนศำสนำประเพณีและวัฒนธรรม ๑๔๔ ๔.๓.๕ ปญั หำด้ำนบุคลำกรคอื พระธรรมทตู สำยต่ำงประเทศ ๑๔๔ ๑๔๕ ๔.๔ กลยุทธ์ในกำรเผยแผ่พระพุทธศำสนำของพระธรรมทูตสำยตำ่ งประเทศ ๑๔๕ ๔.๔.๑ เปำ้ หมำยในกำรเผยแผ่พระพุทธศำสนำ ๑๔๖ ๔.๔.๒ กลุม่ เปำ้ หมำยในกำรเผยแผ่พระพทุ ธศำสนำ ๑๔๖ ๔.๔.๓ กำรวเิ ครำะหต์ นเอง ๑๔๗ ๔.๔.๔ วิเครำะห์สถำนกำรณ์แวดลอ้ ม ๑๔๗ ๔.๔.๕ วิเครำะหแ์ นวโนม้ ในกำรเผยแผพ่ ระพทุ ธศำสนำในอนำคต ๑๔๘ ๔.๔.๖ กำรเผยแผท่ ำงสอื่ สงั คมออนไลน์ ๑๔๘ ๔.๔.๗ กำรวำงแผนในกำรเผยแผ่พระพทุ ธศำสนำ ๑๕๑ ๔.๔.๘ กำรใชส้ ่อื สมยั ใหมใ่ นกำรสอนธรรมะ ๔.๔.๙ ยุทธวธิ ีในกำรเผยแพร่พระพทุ ธศำสนำ ๑๕๒ ๔.๔.๑๐ กลยุทธ์ในกำรจดั กำรกบั ปญั หำในเผยแผพ่ ระพทุ ธศำสนำ ๑๕๓ ๑๕๓ ๔.๕ สังเครำะห์กลยทุ ธก์ ำรเผยแผ่พระพุทธศำสนำของพระธรรมทูต ๑๕๔ สำยต่ำงประเทศ ๔.๕.๑ กลยทุ ธ์ด้ำนควำมเข้ำใจสภำพปญั หำ ๔.๕.๒ กลยทุ ธ์ดำ้ นนโยบำยและกำรวำงแผน ๔.๕.๓ กลยทุ ธ์ด้ำนกำรพฒั นำและปรบั ปรุงแก้ไข
ญ ๔.๖ เสนอกลยทุ ธใ์ นกำรเผยแผพ่ ระพทุ ธศำสนำของพระธรรมทตู สำยตำ่ งประเทศ ๑๕๕ ๔.๖.๑ กลยทุ ธ์ระดับหนว่ ยงำน ๑๕๕ ๔.๖.๒ กลยทุ ธร์ ะดับบุคคล ๑๕๕ ๑๕๖ ๔.๗ สรุปควำม ๑๖๐ บทท่ี ๕ สรปุ และข้อเสนอแนะ ๑๖๐ ๕.๑ สรปุ ผลกำรวิจยั ๑๖๙ ๕.๒ ขอ้ เสนอแนะ ๑๖๙ ๑๗๐ ๕.๒.๑ ขอ้ เสนอแนะเชงิ นโยบำย ๑๗๑ ๕.๒.๒ ข้อเสนอแนะสาหรับพระธรรมทูตสายต่างประเทศ ๑๗๒ ๕.๒.๓ ขอ้ เสนอแนะในการทาวจิ ัยครัง้ ตอ่ ไป บรรณานกุ รม ๑๘๕ ภาคผนวก ๒๒๔ ประวัตผิ ู้วจิ ยั
สารบญั แผนภูมิ ฎ แผนภูมทิ ่ี หน้า ๑.๑ แผนภูมิ ๑.๑ แสดงกระบวนกำรวจิ ัย ๑๔ ๑.๒ แผนภูมิ ๑.๒ แสดงกรอบแนวคดิ ในกำรวจิ ยั ๑๕
ฏ อธิบายสญั ลกั ษณแ์ ละคาย่อ ๑) ภาษาไทย ก. คายอ่ ช่ือคมั ภีรพ์ ระไตรปิฎก อักษรย่อช่ือคัมภีร์ในดุษฎีนิพนธ์เล่มน้ี ใช้อ้ำงอิงจำกคัมภีร์ พระไตรปิฎกภำษำบำลี ฉบับ มหำจุฬำเตปิฏก, ๒๕๐๐ และพระไตรปิฎกภำษำไทย ฉบับมหำจุฬำลงกรณรำชวิทยำลัย เฉลิมพระ เกยี รติ สมเดจ็ พระนำงเจำ้ สริ กิ ิต์ิ พระบรมรำชนิ นี ำถ พุทธศักรำช ๒๕๓๙ พระวนิ ยั ปฎิ ก วิ.มหำ. (ไทย) = วินัยปฎิ ก มหำวภิ ังค์ (ภำษำไทย) ว.ิ ม. (ไทย) = วินัยปฎิ ก มหำวรรค (ภำษำไทย) วิ.ม. (บำล)ี = วินยปิฏก มหำวคฺคปำลิ (ภำษำบำลี) ว.ิ จ.ู (ไทย) = วินยั ปิฎก จฬู วรรค (ภำษำไทย) ที.สี พระสตุ ตนั ตปฎิ ก (ภำษำไทย) ที.ม (ภำษำไทย) ที.ปำ. (ไทย) = สุตตนั ตปิฎก ทีฆนิกำย สีลขนั ธวรรค (ภำษำไทย) ม.ม.ู (ไทย) = สุตตนั ตปิฎก ทีฆนิกำย มหำวรรค (ภำษำไทย) ม.ม. (ไทย) = สุตตันตปิฎก ทฆี นิกำย ปำฏิกวรรค (ภำษำไทย) ม.อ.ุ (ไทย) = สุตตนั ตปฎิ ก มชั ฌมิ นิกำย มูลปณั ณำสก์ (ภำษำไทย) ส.ส. (ไทย) = สุตตนั ตปิฎก มัชฌิมนกิ ำย มัชฌมิ ปณั ณำสก์ (ภำษำไทย) ส.น.ิ (ไทย) = สตุ ตันตปิฎก มชั ฌมิ นิกำย อปุ ริปัณณำสก์ (ภำษำไทย) ส.สฬำ. (ไทย) = สุตตนั ตปิฎก สงั ยุตตนกิ ำย สคำถวรรค (ภำษำไทย) ส.ข. (ไทย) = สุตตนั ตปิฎก สงั ยตุ ตนกิ ำย นิทำนวรรค (ภำษำไทย) อง.ฺ ทกุ . (ไทย) = สุตตนั ตปฎิ ก สงั ยตุ ตนกิ ำย สฬำยตนวรรค (ภำษำไทย) อง.ฺ ติก. (ไทย) = สตุ ตนั ตปิฎก สังยุตตนิกำย ขนั ธกวรรค (ภำษำไทย) อง.ฺ จตกุ ฺก. (ไทย) = สุตตนั ตปิฎก องั คตุ ตรนิกำย ทุกนิบำต (ภำษำไทย) อง.ฺ ปญจฺ ก. (ไทย) = สตุ ตันตปิฎก องั คุตตรนิกำย ติกนิบำต (ภำษำไทย) องฺ.ฉกฺก. (ไทย) = สตุ ตนั ตปฎิ ก อังคตุ ตรนิกำย จตุกกนิบำต (ภำษำไทย) (ไทย) = สุตตนั ตปิฎก อังคุตตรนิกำย ปัญจกนบิ ำต (ไทย) = สตุ ตนั ตปิฎก องั คตุ ตรนิกำย ฉกั กนิบำต
ฐ อง.ฺ สตตฺ ก. (ไทย) = สุตตนั ตปิฎก อังคุตตรนิกำย สตั ตกนบิ ำต (ภำษำไทย) องฺ.อฏฺ ก. (ไทย) = สุตตนั ตปิฎก องั คุตตรนิกำย อฏั ฐกนิบำต (ภำษำไทย) อง.ฺ ทสก. (ไทย) = สุตตันตปิฎก อังคุตตรนิกำย ทสกนบิ ำต (ภำษำไทย) ขุ.ธ. (ไทย) = สุตตนั ตปิฎก ขุททกนิกำย ธรรมบท (ภำษำไทย) ขุ.อิต.ิ (ไทย) = สตุ ตนั ตปิฎก ขทุ ทกนกิ ำย อิตวิ ุตตกะ (ภำษำไทย) ขุ.ชำ.เอกก. (ไทย) = สตุ ตันตปิฎก ขทุ ทกนิกำย เอกกนบิ ำตชำดก (ภำษำไทย) ขุ.จู. (ไทย) = สตุ ตันตปิฎก ขทุ ทกนิกำย จฬู นเิ ทส (ภำษำไทย) ข. คายอ่ ช่ือคัมภีรอ์ รรถกถา อรรถกถาพระวนิ ัยปิฎก วิ.ม.อ. (ไทย) = วินยั ปิฎก สมันตปำสำทิกำ มหำวรรคอรรถกถำ (ภำษำไทย) อรรถกถาพระสุตตันตปิฎก ท.ี ส.ี อ. (ไทย) = ทีฆนกิ ำย สมุ งั คลวลิ ำสินี สีลขันธวรรคอรรถกถำ (ภำษำไทย) การใชห้ มายเลขย่อ กำรใช้อักษรย่อเก่ียวกับภำษำไทย ใช้ระบบอ้ำงอิงท่ีระบุ เล่ม/ข้อ/หน้ำ หลังคำย่อคัมภีร์ เช่น ที.ม. (ไทย) ๑๐/๒๑๖/๑๖๔. หมำยถึง สุตตันตปิฎก ทีฆนิกำยมหำวรรค ภำษำไทย เล่ม ๑๐ ข้อ ๒๑๖ หนำ้ ๑๖๔ ฉบับมหำจฬุ ำลงกรณรำชวทิ ยำลยั ๒๕๓๙ กำรใชอ้ ักษรย่อเกี่ยวกับคัมภีร์อรรถกถำ ใช้ระบบอ้ำงอิงท่ีระบุ เล่ม/หน้ำ หลงั คำย่อคัมภีร์ เช่น องฺ.ปญฺจก.อ. (ไทย) ๓/๑๗๗/๖๘. หมำยถึง อรรถกถกำพระสุตตันตปิฎกอังคุตตรนิกำย ปัญจก นบิ ำต มโนรถปรู ณี ภำษำไทย ฉบับมหำจุฬำอฏฺฐกถำ ภำค ๓ ขอ้ ๑๗๗ หน้ำ ๖๘
บทที่ ๑ บทนำ ๑.๑ ควำมเป็นมำและควำมสำคญั ของปัญหำ ก า ร ด า ร ง อ ยู่ ข อ ง พ ร ะ พุ ท ธ ศ า ส น า จ า ก วั น ที่ พ ร ะ สั ม ม า สั ม พุ ท ธ เ จ้ า ท ร ง ป ร ะ ก า ศ พระพุทธศาสนาจนถึงปัจจุบันเป็นเวลากว่า ๒,๖๐๐ ปี พระพุทธศาสนาได้สูญหายไปจากดินแดนต้น กาเนิด (ประเทศอินเดีย) ในราว พ.ศ. ๑๗๐๐ เป็นต้นมา และได้รับการฟื้นฟูขึ้นในประเทศอินเดียอีก ครั้งในราว พ.ศ. ๒๔๙๐ โดยนายเยาวหรลาล เนห์รู (Jawaharlal Nehru) นายกรัฐมนตรีของอินเดีย และ ดร. บิมเรา รามจิ เอมเบดการ์ (Dr. Bhimrao Ramji Ambedkar) ผู้นาชาวอินเดียพุทธ๑ ในช่วง เวลาท่ีพระพุทธศาสนาสูญหายไปจากดินแดนต้นกาเนิด ได้ไปปรากฏขึ้นนอกดินแดนต้นกาเนดิ ได้แก่ ประเทศไทย ศรีลังกา พม่า ลาว กัมพูชา เป็นต้น และทาให้พระพุทธศาสนายังดารงอยจู่ นถึงทุกวนั น้ี และไดร้ ับการฟ้ืนฟขู น้ึ อีกครั้งในดินแดนตน้ กาเนดิ การประกาศศาสนาของพระพุทธองค์ในฐานะพระศาสดาและพระธรรมทูตองค์แรก ทาให้ เกิดพระสาวกผู้เป็นพระอรหันต์และพระธรรมทูตชุดแรกขึ้น พระพุทธองค์ได้ส่งพระสาวกเหล่านั้นไป ประกาศพระธรรมในทิศต่าง ๆ โดยตรัสว่า “พวกเธอจงจาริกไป เพ่ือประโยชน์สุขแก่ชนเป็นอันมาก เพ่ืออนุเคราะห์ชาวโลก เพ่ือประโยชน์เกื้อกูลและความสุขแก่ทวยเทพและมนุษย์”๒ การเผยแผ่ พระพุทธศาสนาในสมัยพุทธกาลกระทาในรูปแบบต่าง ๆ เช่น การแสดงธรรม การสนทนาธรรม การ แนะนาสั่งสอน การตอบปัญหาข้อข้องใจ ความน่าเล่ือมใสของพระสาวก โดยพระพุทธเจ้าไดป้ ระทาน หลักการและเทคนิคในการเผยแผ่ให้เป็นผู้มีคุณธรรม มีเหตุผลสัมพันธ์ต่อเนื่องกัน ชี้แจงให้เข้าใจ ชัดเจนในแตล่ ะประเด็น แสดงธรรมด้วยจิตเมตตา โดยมุง่ ใหเ้ กดิ ประโยชนแ์ กผ่ ้ฟู ัง ไม่แสดงธรรมเพราะ เห็นแก่ลาภสักการะ ไม่แสดงธรรมยกตนข่มท่านและไม่เสียดสีข่มขู่ผู้อ่ืน๓ และอีกหลักการหนึ่ง ได้แก่ หลักท่ีพระสัมมาสัมพุทธเจ้าทรงยกย่องสรรเสริญพระสารีบุตร ว่าเป็นพระธรรมทูตท่ีพร้อมด้วยธรรม ๘ ประการ คือ (๑) ยอมรับฟังข้อแนะนาในกติกา กฎหมายหรือความเป็นไปของบ้านเมืองน้ัน ๆ (๒) ทาใหเ้ ขาได้ยินหรือรับฟังจดุ ประสงค์หรอื ธรรมะที่ตนนามา (๓) เรยี นรูอ้ ปุ นิสยั สภาวะความเป็นไป ของบ้านเมืองน้ัน ๆ เพื่อจะได้ปรับตัวให้เข้ากับสังคมของเขาโดยไม่เสียความเป็นสมณสารูป (๔) เม่ือ ๑ สถานทูตไทยในประเทศอินเดยี กรงุ นวิ เดลี แหลง่ ที่มา: http://newdelhi.thaiembassy.org/th [๑ พฤศจิกายน ๒๕๖๑]. ๒ วิ.ม. (ไทย) ๔/๓๒/๔๐. ๓ องฺ.ปญจฺ ก. (ไทย) ๒๒/๑๕๙/๒๖๓.
๒ เรยี นรอู้ ปุ นสิ ัยความเป็นไปของบา้ นเมืองน้นั แลว้ ต้องจาให้ดี ไมใ่ หเ้ กิดข้อผิดพลาด และต้องร้วู ่าตนมา ในฐานะอะไร ทาหน้าทีอ่ ะไร (๕) รู้จกั ส่งิ ทเ่ี ปน็ ประโยชน์และมิใชป่ ระโยชน์ รเู้ ทา่ ทันตอ่ สภาพปัญหาที่ เกิดข้ึนอย่างแจ่มแจ้ง (๖) ทาให้ผู้อื่นเข้าใจแจ่มแจ้งส่ิงที่เป็นประโยชน์และมิใช่ประโยชน์ ตามวิถีแห่ง พุทธธรรม (๗) เป็นผู้ฉลาดในข้อควรปฏิบัติและไม่ควรปฏิบัติเมื่อจะเผยแผ่ธรรมให้แก่คนในบ้านเมือง นั้น ๆ และ (๘) ต้องไม่ก่อการทะเลาะวิวาทหรือขัดใจกับใคร๔ การเผยแผ่พระพุทธศาสนาโดยพระ สาวกดาเนินการต่อเน่ืองมาเป็นลาดับ จากพระธรรมทูตชุดแรกจนปรากฏพระสาวกจานวนมากทา หน้าที่ถ่ายทอดพระธรรมคาสอนของพระพุทธองค์และเผยแผ่พระพุทธศาสนา ทาให้มีผู้ศรัทธานับถือ จนมพี ทุ ธบริษัท ๔ เกิดข้ึนจานวนมากขยายขอบเขตไปในอาณาบรเิ วณตา่ ง ๆ ในช่วงเวลาหลังการเสด็จดับขันธปรินิพพานของพระพุทธเจ้า โดยเฉพาะอย่างยิ่งในรัช สมยั ของพระเจ้าอโศกมหาราช กษัตรยิ แ์ ห่งราชวงศโ์ มริยะ เปน็ ยุคท่ีพระพุทธศาสนาเจริญรุ่งเรืองมาก ท่ีสุดยุคหน่ึง พระองค์ทรงเป็นราชาอุปถัมภ์การสังคายนาพระพุทธศาสนาคร้ังท่ี ๓ ในปี พ.ศ. ๒๓๖ เม่ือดาเนินการแล้วเสร็จ พระองค์ทรงให้การสนับสนุนด้วยการส่งพระธรรมทูตไปเผยแผ่ พระพุทธศาสนายังประเทศต่าง ๆ แบ่งเป็น ๙ สายรวมท้ังประเทศไทยด้วย๕ โดยมีพระโสณเถระกับ พระอุตตรเถระ เป็นหัวหน้าคณะจาริกไปยังดินแดนที่เรียกว่าสุวรรณภูมิ ปัจจุบันครอบคลุมพ้ืนที่ใน ประเทศไทย พม่า ลาว กัมพูชา เวียดนาม และอินโดนีเซีย๖ ซ่ึงถือได้ว่าพระธรรมทูตสายต่างประเทศ ปรากฏข้ึนอย่างเป็นทางการในการเดินทางออกนอกถิ่นกาเนิดและต่างภาษาและวัฒนธรรม ซึ่ง ประเทศไทยยอมรับพระพทุ ธศาสนาเปน็ ศาสนาประจาชาตแิ ละเป็นศาสนาของประชากรส่วนใหญ่ของ ประเทศ ทาให้พระพทุ ธศาสนาต้ังม่ันในประเทศไทยต้ังแต่กรงุ สโุ ขทยั เป็นต้นมาจนถึงกรุงรตั นโกสินทร์ ในปัจจุบนั พระสงฆ์เป็นหนึ่งในพระรัตนตรัย และเป็นผู้ที่จะนาพระธรรมคาสอนมาเผยแผ่อบรมสั่ง สอนให้พุทธศาสนิกชนได้รับรู้แล้วนาไปปฏิบัติ และในประเทศไทย พระภิกษุสงฆ์ยังมีส่วนร่วมทา ประโยชน์ให้แก่สังคม ทาให้เกิดกลุ่มพระสงฆ์ท่ีเรียกว่า “พระธรรมทูต” ข้ึน เพ่ือทาหน้าท่ีหลักในการ เผยแผ่พระธรรมคาสอนของพระพุทธเจา้ และปฏิบัติภารกิจในการจัดการศึกษา การสังคมสงเคราะห์ แกช่ นทว่ั ไปด้วย ๔ ดรู ายละเอยี ดใน วิ.จู. (ไทย) ๗/๓๔๓/๒๐๘, ว.ิ จ.ู (ไทย) ๗/๓๕๕/๒๒๑. ๕ สมเด็จฯ กรมพระยาดารงราชานุภาพ, “สมัยแรกพระพุทธศำสนำเป็นประธำนของประเทศ”, ใน สุวรรณภูมิอยู่ท่ีน่ี ที่แผ่นดินสยาม, สุจิตต์ วงษ์เทศ, บรรณาธิการ, (กรุงเทพมหานคร: สานักพิมพ์มติชน, ๒๕๔๕), หนา้ ๒๓-๒๔. ๖ สมเด็จฯ กรมพระยาดารงราชานุภาพ, ตำนำนพระพุทธเจดีย์, (ธนบุรี: รุ่งวัฒนาการพิมพ์, ๒๕๑๓), หนา้ ๓๓-๓๔.
๓ พระธรรมทูตทีป่ รากฏในประเทศไทย แบ่งได้ ๒ ประเภท คอื พระธรรมทตู ในประเทศกับ พระธรรมทูตสายต่างประเทศ ได้มีการส่งพระสงฆ์ไปเผยแผ่พระพุทธศาสนานอกประเทศไทยอย่าง เป็นทางการเร่ิมดาเนินการมาในราว พ.ศ. ๒๕๐๐ เป็นต้นมา ซ่ึงในรัชสมัยของรัชกาลที่ ๙ กรมการ ศาสนาได้ฟ้ืนฟูงานพระธรรมทูตในประเทศข้ึนในช่วงปี พ.ศ. ๒๕๐๗ ถึง พ.ศ. ๒๕๐๘ โดยมุ่งหมายให้ ประชาชนยึดมั่นในพระพุทธศาสนา มีศีลธรรมประจาใจ มีความเคารพรักต่อประเทศชาติ ศาสนา พระมหากษัตริย์ มีความเข้าใจอันดีระหว่างชนท่ีนับถือศาสนาต่าง ๆ และได้ทดลองดาเนินงานโดย อาราธนาพระเถระผู้ใหญ่เป็นหวั หน้าคณะอานวยการ จดั สง่ พระสงฆ์ออกจาริกประกาศพระศาสนาใน ถิ่นต่าง ๆ ในประเทศไทย๗ ในส่วนของพระธรรมทูตสายต่างประเทศ ได้มีพระภิกษุสงฆ์ไปปฏิบัติ ศาสนกิจในประเทศต่าง ๆ อย่างต่อเนื่อง และเพ่ือรองรับการปฏิบัติศาสนกิจในต่างประเทศ ทาให้มี การสร้างวัดไทยในประเทศต่าง ๆ เกือบทุกทวีป ทาให้ในช่วง พ.ศ. ๒๕๑๒-๒๕๑๓ มีการจัดอบรม พระภิกษุเพ่ือไปปฏิบัติหน้าท่ีในต่างประเทศ แต่ได้หยุดดาเนินการไป และได้กลับมาดาเนินการจัด ฝึกอบรมพระภิกษุสงฆ์เพ่ือไปปฏิบัติหน้าที่พระธรรมทูตสายต่างประเทศอย่างเป็นทางการอีก คร้ัง ในราว พ.ศ. ๒๕๓๘ จนถึงปัจจุบัน โดยมหาวิทยาลัยมหาจุฬาลงกรณราชวิทยาลัย ซ่ึงเป็นหน่วยงาน หลักในการทาหน้าที่จัดอบรมพระธรรมทูตไทยเพ่ือทาหน้าที่เผยแผพ่ ระพุทธศาสนาในต่างประเทศมา จนถึง พ.ศ. ๒๕๖๑ นับเปน็ ร่นุ ที่ ๒๔ ซงึ่ จานวนพระภกิ ษุทีเ่ ข้ารบั การอบรม ๒๔ ร่นุ รวม ๑,๘๙๔ รปู ๘ แต่จานวนพระธรรมทูตสายต่างประเทศที่ผ่านการอบรมยังคงไม่เพียงพอต่อการทาหน้าที่เผยแผ่ พระพุทธศาสนาในตา่ งประเทศ การประกาศพระศาสนาขององค์สมเด็จพระสัมมาสัมพุทธเจ้าโดยพระองค์เองและ พระสาวก เม่ือล่วงเวลามาถึงยุคสมัยของพระเจ้าอโศกมหาราช ได้ส่งพระธรรมทูตสายต่างประเทศ ออกเผยแผ่พระศาสนาจนทาให้พระพุทธศาสนาเผยแผ่มาถงึ ประเทศไทยและกลายเป็นศาสนาของคน ส่วนใหญ่ในประเทศมานานกวา่ ๗๐๐ ปี ต้ังแต่สมัยพ่อขุนรามคาแหงมหาราชเป็นต้นมา ประเทศไทย ได้ให้ความสาคัญกับการจัดส่งพระธรรมทูตไปเผยแผ่พระพุทธศาสนา ณ ประเทศศรีลังกา ในสมัย สมเดจ็ พระเจา้ อยู่หัวบรมโกศกษตั ริย์แห่งกรุงศรอี ยธุ ยา จึงเปน็ ท่ีมาของงานพระธรรมทูตในการเผยแผ่ พระพุทธศาสนาในต่างประเทศตั้งแต่นัน้ เป็นต้นมา ดังนั้น ผู้วิจัยมีความสนใจที่จะศึกษาเกี่ยวกับกลยุทธ์ในการเผยแผ่พระพุทธศาสนาและ การปฏิบัติหน้าที่ของพระธรรมทูต ตั้งแต่คร้ังพุทธกาลจนถึงปัจจุบันว่าเป็นอย่างไร และการปฏิบัติ ๗ สง่า พิมพ์พงษ์, คู่มือพระธรรมทูต, (กรุงเทพมหานคร: สานักงานพระพุทธศาสนาแห่งชาติ, ๒๕๕๑), หนา้ ๑๑-๑๒. ๘ วิทยาลยั พระธรรมทตู มหาวิทยาลยั มหาจฬุ าลงกรณราชวิทยาลัย, สถติ ิพระธรรมทตู โครงการอบรม พระธรรมทูตสายตา่ งประเทศ (ฝา่ ยมหานิกาย).
๔ หน้าทขี่ องพระธรรมทูตสายต่างประเทศในการเผยแผ่พระพุทธศาสนา พบปัญหาทเี่ กิดขึ้นอย่างไรบ้าง เพื่อนาข้ อ มูล มา ใช้ ศึ ก ษ าห าแ นว ทา งส าห รับ แ ก้ ปัญ ห า ใ น กา ร น าเ ส น อ เป็ น กล ยุ ทธ์ ก าร เ ผ ย แ ผ่ พระพุทธศาสนาของพระธรรมทูตสายต่างประเทศต่อไป เพื่อการสนับสนุนให้งานเผยแผ่มี ประสิทธิภาพและประสิทธิผล ซ่ึงมหาวิทยาลัยมหาจุฬาลงกรณราชวิทยาลัยมีแนวทางดาเนินการ ในส่วนท่ีเกี่ยวข้องกับพระธรรมทูตสายต่างประเทศ และเพื่อเป็นประโยชน์ต่อการปฏิบัติหน้าท่ีของ พระธรรมทตู สายตา่ งประเทศของคณะสงฆ์ไทยต่อไป ๑.๒ วัตถุประสงคข์ องกำรวิจัย ๑.๒.๑ เพื่อศกึ ษาหลักการเผยแผพ่ ระพุทธศาสนาในคัมภรี ์เถรวาท ๑.๒.๒ เพอื่ ศกึ ษาการเผยแผพ่ ระพทุ ธศาสนาของพระธรรมทูตสายต่างประเทศ ๑.๒.๓ เพอื่ เสนอกลยุทธก์ ารเผยแผ่พระพทุ ธศาสนาของพระธรรมทูตสายต่างประเทศ ๑.๓ ปัญหำที่ต้องกำรทรำบ ๑.๓.๑ หลักการเผยแผ่พระพุทธศาสนาในคมั ภรี ์เถรวาท เป็นอย่างไร ๑.๓.๒ การเผยแผพ่ ระพุทธศาสนาของพระธรรมทตู สายต่างประเทศ เป็นอยา่ งไร ๑.๓.๓ กลยทุ ธก์ ารเผยแผพ่ ระพุทธศาสนาของพระธรรมทูตสายต่างประเทศ เป็นอย่างไร ๑.๔ ขอบเขตกำรวิจัย ผวู้ จิ ยั ไดก้ าหนดขอบเขตการวิจัย ดงั น้ี ๑.๔.๑ ด้ำนเนอื้ หำ เน้ือหาในการทาวิจัยเรื่อง “กลยุทธ์การเผยแผ่พระพุทธศาสนาของพระธรรมทูตสาย ต่างประเทศ” จะศึกษาข้อมูลการเผยแผ่พระพุทธศาสนาของพระธรรมทูตในสมัยพุทธกาลจนถึง ปัจจบุ นั การเผยแผ่พระพุทธศาสนาของพระธรรมทตู สายต่างประเทศ ทัง้ สถานะ หน้าที่ ปัญหาในการ ปฏิบัติหน้าที่ในต่างประเทศ เพื่อนาข้อมูลมาเช่ือมโยงกับแนวคิดเร่ืองกลยุทธ์การเผยแผ่ พระพุทธศาสนาของพระธรรมทูตสายต่างประเทศ ให้มีแนวทางจัดการกับสภาพปัญหาท่ีพบ ในปัจจุบันและเตรียมความพร้อมของพระธรรมทูตสายต่างประเทศต่อสภาพแวดล้อมทางสังคมของ แต่ละประเทศทีต่ ้องเดนิ ทางไปปฏบิ ตั หิ น้าท่ีในอนาคต ๑.๔.๒ ด้ำนแหล่งขอ้ มลู งานวิจัยนี้เป็นการวิจัยเชิงคุณภาพ โดยการศึกษาเอกสารและข้อมูลจากคัมภีร์ พระไตรปิฎก อรรถกถา เอกสารตาราวิชาการ งานวิจยั ท่เี ก่ียวข้อง งานวิทยานพิ นธ์ ข้อมลู จากหนังสือ วิชาการ และงานประชุมสัมมนาต่าง ๆ เพื่อรวบรวมข้อมูลเก่ียวกับการเผยแผ่พระพุทธศาสนา ในคัมภีร์พระพุทธศาสนา และการสัมภาษณ์เชิงลึกจากผู้ทรงคุณวุฒิและนักวิชาการ พร้อมทั้งผู้ที่มี
๕ ส่วนเก่ียวข้องกับการเผยแผ่พระพุทธศาสนาของพระธรรมทูตสายต่างประเทศ เพื่อใช้เป็นข้อมูลมา เช่อื มโยงกบั แนวคิดเร่ืองกลยุทธ์การเผยแผพ่ ระพุทธศาสนาของพระธรรมทตู สายต่างประเทศตอ่ ไป ๑.๔.๓ ขอบเขตดำ้ นผ้ใู หข้ ้อมลู ผู้ให้สัมภาษณ์เชิงลึกซึ่งเป็นผู้ทรงคุณวุฒิและนักวิชาการพร้อมท้ังผู้ที่มีส่วนเก่ียวข้องกับ การเผยแผพ่ ระพทุ ธศาสนาของพระธรรมทตู สายต่างประเทศ จานวน ๑๕ รูป/คน ได้แก่ ๑. พระเทพสวุ รรณเมธ,ี ดร. (สุชาติ กติ ตฺ ปิ ญโฺ ) รองเจ้าคณะกรุงเทพมหานคร ๒. พระราชสิทธิมุนี วิ., ดร. (บุญชิต าณสวโร) ผู้อานวยการสถาบันวิปัสสนาธุระ มหาวิทยาลัยมหาจฬุ าลงกรณราชวทิ ยาลัย ๓. พระกิตติโสภณวิเทศ (เศรษฐกิจ สมาหิโต) ประธานสหภาพพระธรรมทูตไทยในโอเชีย เนยี ๔. พระวิมลศาสนวิเทศ (สารวจ กมโล) รองประธานสหภาพพระธรรมทูตไทยในทวีปยโุ รป ๕. พระมงคลธีรคุณ, ดร. (อินศร จินฺตาปญฺโ ) ผู้อานวยการวิทยาลัยพระธรรมทูต มหาวทิ ยาลยั มหาจฬุ าลงกรณราชวทิ ยาลัย ๖. พระวเิ ทศรตั นาภรณ,์ ดร. (ถนดั อตฺถจารี) เลขาธิการสมัชชาสงฆไ์ ทยในสหรัฐอเมริกา ๗. พระวิเทศปญุ ญาภรณ์ (บุญทนิ ปญุ ฺ ธโช) เลขานกุ ารสหภาพพระธรรมทูตไทยในยุโรป เจ้าอาวาสวัดพทุ ธราม ประเทศ สวเี ดน ๘. พระครูโสภณพุทธิคุณ (คองเหียน มหาวีโร) วัดพุทธิคุณ รองประธานสมัชชาสงฆ์ไทย ในประเทศสิงคโปร์ รูปท่ี ๑ ๙. พระครูนรนาถเจติยาภิรักษ์ (สมพงศ์ าณธีโร) พระธรรมทูตไทยสายประเทศอินเดีย- เนปาล ๑๐.พระมหาหรรษา ธมฺมหาโส, รศ. ดร. ผู้อานวยการ วิทยาลัยพุทธศาสตร์นานาชาติ มหาวิทยาลัยมหาจุฬาลงกรณราชวทิ ยาลัย ๑๑. พระมหาศักดิ์ชาย โกวิโท รักษาการผู้อานวยการ สานักงานวิทยาลัย วิทยาลัย พระธรรมทตู มหาวิทยาลัยมหาจุฬาลงกรณราชวิทยาลัย ๑๒. พระปราโมทย์ วาทโกวิโท พระวิทยากรสันติภาพ มหาวิทยาลัยมหาจุฬาลงกรณราช วิทยาลัย ๑๓. ศ. ดร.บุญทนั ดอกไธสง คณะสังคมสาตร์ มหาวทิ ยาลัยมหาจฬุ าลงกรณราชวทิ ยาลัย ๑๔. นพ. อรณุ สวนศลิ ป์พงศ์ ผู้อปุ ถัมภ์วดั ไทยวอชิงตัน ด.ี ซี. ประเทศสหรฐั อเมรกิ า ๑๕. ดร.ปณชั ญา ลลี ายุทธ รองประธานบริหารหนังสือพมิ พ์ พิมพ์ไทยรายวัน
๖ ผู้ให้ข้อมูลจากการประชุมสมั มนา แบ่งเป็น ๒ กลุ่ม ได้แก่ ผู้ทรงคุณวุฒิที่เป็นพระธรรมทูต สายต่างประเทศ จานวน ๑๕ รูป/คน และผู้เข้าร่วมประชุมสัมมนาพระธรรมทูตสายต่างประเทศรุ่น ๒๕ จานวน ๒๕ รูป ๑.๕ นิยำมศพั ท์เฉพำะท่ีใชใ้ นกำรวิจัย ๑.๕.๑ พระธรรมทูต หมายถึง พระภิกษุสงฆ์ผู้ทาหน้าที่หลักในการเดินทางหรือจาริกไป เผยแผ่พระธรรมคาสอนหรือพรหมจรรย์หรือประกาศพระพุทธศาสนาแก่ชนจานวนมากในสถานท่ี ตา่ งๆ เพื่อให้ชนเหลา่ นั้นได้รับประโยชนส์ ุขจากพระธรรมคาสอนในพระพุทธศาสนา ๑.๕.๒ พระธรรมทูตสำยต่ำงประเทศ หมายถึง พระภิกษุสงฆ์ของไทย เดินทางไปเผยแผ่ พระพุทธศาสนาหรือปฏิบัติศาสนกิจนอกประเทศไทย รวมท้ังสนับสนุนการเผยแผ่พระพุทธศาสนา ในต่างประเทศในรูปแบบต่างๆ เช่น การเย่ียมเยือน เจริญสัมพันธไมตรี เป็นต้น ประกอบด้วยกลุ่มที่ เดินทางไปต่างประเทศตามที่ได้รับกิจนิมนต์จากพุทธศาสนิกชนไทย กับกลุ่มที่เดินทางไปปฏิบัติ ศาสนกิจอย่างเป็นทางการภายใตก้ ารกากับดแู ลของคณะสงฆ์ไทย ๑.๕.๓ กำรเผยแผ่พระพุทธศำสนำ หมายถึง การดาเนินงานเพื่อให้หลักธรรมคาส่ังสอน ในทางพระพุทธศาสนาแพร่หลายออกไปในทุกสารทิศ มีผู้ศรัทธาเลื่อมใส เคารพ ยาเกรง ในพระรัตนตรยั นอ้ มนาเอาหลักธรรมในพระพุทธศาสนาไปประพฤตปิ ฏบิ ตั ิ ๑.๕.๔ กลยุทธ์ หมายถึง แผนดาเนินการท่ีออกแบบมา เพื่อให้บรรลุเปา้ หมาย กลยุทธ์มี ท้ังระดับใหญ่ท่ีเรียกว่ายุทธศาสตร์ ซ่ึงกลยุทธ์สามารถมีได้ทุกระดับ ต้ังแต่ระดับองค์กร ระดับ หน่วยงาน ระดับทีมงานและระดับบุคคลที่เป็นสมาชิกขององค์กร หน่วยงานหรือทีมงาน ส่วนยุทธศาสตร์ หมายถึง การวางแผนระยะยาว ในภาพกว้าง สาหรับองค์กรใหญ่ใช้คาว่ายทุ ธศาสตร์ แตใ่ นงานวจิ ัยนี้ ใชค้ าว่ากลยุทธร์ ะดับบคุ คลคือพระธรรมทตู ๑.๕.๕ กลยทุ ธ์กำรเผยแผ่พระพุทธศำสนำ หมายถงึ กลยุทธ์ระดบั บุคคลคือตวั พระธรรม ทูตสายต่างประทศที่ต้องการวางแผน การแก้ปัญหาเฉพาะหน้า ลงมือดาเนินการจริงในการเผยแผ่ พระพุทธศาสนาในประเทศนัน้ ๆ เปน็ แผนชนดิ หนง่ึ แต่เปน็ แผนเพอื่ บรรลุเป้าหมายทว่ี างไว้ ๑.๖ ทบทวนเอกสำรและงำนกำรวจิ ัยท่เี ก่ยี วขอ้ ง ผวู้ ิจยั ได้ศกึ ษาเอกสารและงานวจิ ยั ท่เี ก่ยี วขอ้ ง เพือ่ ประกอบการศกึ ษาวจิ ยั ดังน้ี ๑.๖.๑ เอกสำรที่เกย่ี วข้อง สมเด็จพระพุฒำจำรย์ (เกี่ยว อุปเสโณ) กลา่ วไวว้ ่า การสบื ตอ่ พระพทุ ธศาสนาใหย้ ืนยาว และเป็นประโยชน์เกื้อกูลและความสุขแก่ชาวโลกเป็นหน้าที่ของพระภิกษุสามเณรทุกรูปที่จะต้อง ปฏิบัติ ตามกาลังความสามารถโดยฐานานุรูป เพราะภิกษุสามเณร มีความสานึกและปฏิบัติกันมาโดย ลาดับ พระพุทธศาสนาจึงเป็นมรดกสืบมาถึงทุกวันนี้ โลกวิวัฒนาการมากข้ึน การปฏิบัติหน้าท่ีสืบต่อ
๗ พระพุทธศาสนาจึงมีวิธีการต่าง ๆ ท่ีเหมาะสม โดยไม่ท้ิงหลักการ คือ พระธรรมวินัย เป็นที่น่าชื่นชม ยินดี ที่พระสงฆ์แห่งสังฆมณฑลไทย ท่ีออกไปประกาศพระศาสนาในประเ ทศต่าง ๆ มีความรู้ ความสามารถสงู จงึ ปฏบิ ัติหน้าที่ของผปู้ ระกาศพระศาสนา (พระธรรมทูต) ได้ ดังทป่ี รากฏอย่ทู ว่ั โลก๙ พระธรรมปิฎก (ป.อ.ปยุตฺโต) กล่าวไว้ในหนังสือ “พระธรรมทูตไทยเบิกทางสู่อารยธรรม ใหม”่ สรปุ ไดว้ า่ พระธรรมทูตมีคุณสมบตั ิทเ่ี ปน็ หลกั อยู่ ๓ ประการ คอื ๑. พระธรรมทูตจะต้องมีความม่ันใจในคุณค่า ความดีงาม ความประเสริฐของ พระพทุ ธศาสนา ๒. พระธรรมทูตจะต้องมีความประพฤติที่ดีงามอันชวนให้เกิดความศรัทธาเล่ือมใสแก่ผู้ ท่ีพบเห็น พระธรรมทูตจะต้องมีความหนักแน่น คือเมื่อไปอยู่ในประเทศที่มีภูมิหลังทางวัฒนธรรม แตกต่างกับสังคมไทย พระธรรมทูตจะต้องมีความหนักแน่นในพระธรรมวินัย ไม่หว่ันไหวไปตาม สภาพแวดล้อม และภารกิจท่ีสาคัญของพระธรรมทูตน้ันก็เป็นภารกิจท่ีย่ิงใหญ่เพราะเป็นการจาริกไป เพื่อสรา้ งสรรค์ประโยชนแ์ ก่มนุษยชาตทิ ้ังโลก ๓. พระธรรมทูตจะต้องมีความมั่นคงทางจิตใจ มีคุณธรรม ให้บุคคลภายนอกมองเห็นใน เชิงสร้างคณุ คา่ ทางจติ ใจ โดยเฉพาะในเรอ่ื งของสมาธิ๑๐ พิสิฐ เจริญสุข กล่าวไว้ว่า วิธีการเผยแผ่พระพุทธศาสนาท่ีมีประสิทธิผล โดยสรุปมีอยู่ ๒ วิธี คือ การเผยแผ่ทางกาย ได้แก่ การปฏิบัติให้ดูเป็นแบบอย่าง เวลา ยืน เดิน น่ัง นอน เป็นไปด้วย ความเป็นระเบียบเรียบรอ้ ย มีสติสารวม ระมัดระวัง แสดงท่าทางของผู้สงบเยือกเย็น และการเผยแผ่ ทางวาจา ได้แก่ พูดธรรมะให้ผู้อื่นฟังด้วยวิธีท่ีเรียกว่าบรรยาย ปาฐกถาธรรม แสดงธรรม ท่ีเรียกว่า ธรรมกถกึ แปลว่า ผ้กู ลา่ วธรรม ผู้สอนธรรม แสดงใหผ้ ู้อื่นฟงั อยา่ งมีศลิ ปะ๑๑ วศิน อินทสระ กล่าวไว้ว่า พุทธวิธีการสอน หมายถึง วิธีการท่ีพระพุทธเจ้าทรงสอนพุทธ บริษัทด้วยพุทธวิธีหลายอย่าง เพ่ือให้เหมาะสมแก่ผู้ฟัง เพ่ือให้ได้ประโยชน์มากท่ีสุดเม่ือจบการสอน โดยมีจุดมุ่งหมาย เพ่ือให้ผู้ฟังรู้จริงเห็นจริงในสิ่งที่ควรรู้ควรเห็น เพื่อให้ผู้ฟังตรองตามแล้วเห็นจริงได้ ทรงแสดงธรรมอย่างมีเหตุผลท่ีผู้ฟังพอตรองตามให้เห็นด้วยตนเอง และเพื่อให้ผู้ฟังได้รับผลของการ ปฏบิ ตั ิตามสมควร สามารถยงั ผูป้ ฏิบัติตามใหไ้ ดร้ ับผลตามสมควรแก่กาลังแหง่ การปฏบิ ัติของตน๑๒ ๙ สมเด็จพระพฒุ าจารย์ (เกี่ยว อุปเสโณ), พระธรรมทตู สำยต่ำงประเทศ รุ่นที่ ๑๔, (กรงุ เทพมหานคร: นติ ิธรรมการพิมพ์, ๒๕๕๑), หน้า ๕. ๑๐ พระธรรมปิฎก (ป.อ. ปยุตฺโต), พระธรรมทูตไทยเบิกทำงสู่อำรยธรรมใหม่, พิมพ์คร้ังท่ี ๔, (กรุงเทพมหานคร: มลู นธิ พิ ทุ ธธรรม, ๒๕๔๕), หน้า ๒-๑๗. ๑๑ พิสิฐ เจริญสุข, คู่มือกำรเผยแผ่พระพุทธศำสนำ, (กรุงเทพมหานคร: โรงพิมพ์กรมการศาสนา, ๒๕๓๙), หน้า ๓-๔. ๑๒ วศนิ อนิ ทสระ, พทุ ธวิธีในกำรสอน, (กรงุ เทพมหานคร: สานกั พมิ พธ์ รรมดา, ๒๕๔๕), หนา้ ๓๕.
๘ สุลักษณ์ ศิวรักษ์ กล่าวไว้ว่า นอกจากพระสงฆ์จะเป็นท่ีเคารพของชาวบ้านในชุมชนแล้ว ยังนับว่าเปน็ ทรพั ยากรบคุ คลทีม่ คี ณุ คา่ ในการมีสว่ นร่วมพฒั นาสงั คม๑๓ ๑.๖.๒ งำนวจิ ยั ท่เี กย่ี วข้อง พระครูปลัดสุวัฒนวชิรคุณ (ไสว โชติโก) และคณะ ได้ศึกษาวิจัยเรื่อง “วิเคราะห์ ยุทธศาสตร์หลักในการเผยแผ่พระพุทธศาสนาของพระธรรมทูตไทยในอินเดีย” ด้านการเผยแผ่ พระพุทธศาสนา พบว่า การปฏิบัติศาสนกิจ ณ วัดไทยในอินเดีย จัดเป็นยุคทองของพระธรรมทูต วัดเป็นศูนย์รวมจิตใจของชาวพุทธในอินเดียและชาวพุทธต่างชาติ ได้ประกาศเกียรติคุณของชาติให้ ประจักษ์แก่คนทั่วโลก ในส่วนข้อเสนอแนะ พบว่า ปัจจุบันพระธรรมทูตมีจานวนน้อยมาก ทางานไม่ เป็นทีม ขาดการมีส่วนร่วม ไม่มีเครือข่ายชาวพุทธระดับนานาชาติและหน่วยงานอื่น ๆ ท่ีเก่ียวข้อง จาเปน็ ตอ้ งสร้างสานกั งานพระธรรมทูตใหช้ ดั เจน เพือ่ สรา้ งเครือข่ายในระดบั องค์การได้ ด้านการศึกษา พบว่า พระธรรมทูตไดใ้ หก้ ารสงเคราะห์ดา้ นการศึกษา มีการสร้างโรงเรยี น ปัญจศีล และโรงเรียนตน้ กลา้ มกี ารสนับสนนุ ทุนการศกึ ษาใหแ้ ก่เด็กและเยาวชน นาเยาวชนมาปฏิบตั ิ ธรรมในวัด มีการทาวัตรสวดมนต์ เจริญจิตภาวนา ในส่วนข้อเสนอแนะ พบว่า วัดยังไม่ได้สร้าง เครือข่ายศูนย์การศึกษา เพ่ือประสานงานกับองค์การข้างนอก ผู้สอนขาดทักษะด้านภาษาท้องถ่ิน และการจดั สรรงบประมาณสนบั สนุนยังไมเ่ พียงพอ จาเป็นอยา่ งย่งิ ท่ที กุ ฝ่ายต้องเข้ามาชว่ ยเหลอื ด้านการสงเคราะห์ พบว่า พระธรรมทูตเป็นสัญลักษณ์ของความเมตตา มีการอนุเคราะห์ ต่อผู้อื่น มีการแจกส่งิ ของเครอ่ื งใช้อุปโภค บรโิ ภคและการดูแลรักษาพยาบาล มีการจัดตั้งกองทุนเพ่ือ การอนุเคราะห์การศึกษาเผยแผ่ ในส่วนข้อเสนอแนะ พบว่า วัดยังขาดกองทุนเพื่อการสงเคราะห์สุขภาพ ชุมชน เม่ือประสบภัยพิบัติ ขาดทุนทรัพย์ในการบริหาร จึงจาเป็นอย่างย่ิงต้องหาแนวทางในการตั้งเป็นกองทุน หรอื มลู นิธขิ ้ึน เพ่ือจะเอื้อต่อการทางานสงเคราะหด์ ้านนี้ ด้านคุณสมบัติของพระธรรมทูต พบว่า จากการปฏิบัติศาสนกิจของพระธรรมทูต ได้มองเห็นประโยชน์ในการเผยแผ่หลักธรรมคาสอนทางศาสนา มีความมั่นใจในคุณค่า ความดีงาม และมุ่งมั่นแน่วแน่ต่ออุดมการณ์ของพระพุทธศาสนา ทาให้เห็นประโยชน์ที่เป็นคุณสมบัติของ พระธรรมทูต สว่ นขอ้ เสนอแนะ พบว่า พระธรรมทูตทางานไมต่ ่อเนื่อง เกดิ อาการท้อแท้ หมดกาลังใจ รู้สึกเบื่อต่อภาระความรับผิดชอบและเกิดความรู้สึกว่าการมาปฏิบัติหน้าที่พระธรรมทูต ทาให้ความรู้ ความสามารถของตนเองด้อยลง จาเปน็ ตอ้ งสร้างกาลังใจและความพึงพอใจในการทางานใหม้ ากขึ้น ด้านความคิดเห็น พบว่า พระธรรมทูตได้เกิดรู้สึกมีความเสียสละ มีความรับผิดชอบด้าน การเผยแผ่และได้ทุ่มเทกาลังกายและกาลังใจให้กับภารกิจในการเผยแผ่พระพุทธศาสนา ในส่วน ๑๓ สุลกั ษณ์ ศวิ รักษ์, ศำสนำกับสังคมไทย, (กรงุ เทพมหานคร: พาสิโก, ๒๕๒๔), หนา้ ๖๓.
๙ ข้อเสนอแนะ พบว่า พระธรรมทูตควรพัฒนาความเชื่อมั่นในตนเอง โดยเฉพาะขาดความรู้ ขาดประสบการณ์ ขาดทกั ษะในดา้ นภาษาอังกฤษและการสื่อสาร๑๔ พระมหำวินัย ปุญฺ ำโณ และคณะ วิจัยเร่ือง “การศึกษาการเผยแผ่พระพุทธศาสนา เถรวาทของไทยในประเทศสหรัฐอเมริกา” ผลการวิจัย พบว่า กลุ่มตัวอย่างท่ีให้ความร่วมมือในการ ตอบแบบสอบถามครั้งนี้มปี ระเดน็ ที่นา่ สนใจหลายประการ เป็นตน้ วา่ พุทธศาสนกิ ชนไทยในอเมริกามี ความเห็นว่าพระธรรมทูตยังมีคุณสมบัติในหลาย ๆ ด้าน ท่ียังไม่สอดคล้องกับสถานการณ์ในการเผย แผ่พระพุทธศาสนาในอเมริกา โดยเฉพาะอย่างย่ิง คุณสมบัติต่าง ๆ ในแง่ของการบริหารจัดการ กระบวนการในการทางาน เชน่ ภาวะผ้นู า วสิ ัยทัศน์ การวางแผน กระบวนการตัดสินใจ เปน็ ต้น ในแง่ของบทบาทด้านต่าง ๆ แสดงถึงความสอดคล้องกันในด้านคุณสมบัติท่ีต้องมีการ พัฒนา กล่าวคือ พระธรรมทูตมีบทบาทเป็นท่ียอมรับของกลุ่มคนไทยในสหรัฐอเมริกา แต่คนไทย เหล่านั้นรวมทั้งพระธรรมทูตเองยังมีความรู้สึกว่าพระธรรมทูตแสดงบทบาทหรือดาเนินงานในกลุ่ม ชาวตา่ งชาตไิ ด้ไมด่ ีเท่าท่ีควร ซงึ่ เมอ่ื ประเมนิ จากความคดิ เห็นของพุทธศาสนิกชนและพระธรรมทูตเอง พบผลทีส่ อดคล้องกันเร่ืองความสามารถในการส่ือสารเป็นภาษาอังกฤษท่ีต้องมีการพฒั นา เพราะเป็น ปัญหาท่ีทาให้การดาเนินบทบาทในหมู่ชาวต่างชาติทาไดไ้ ม่คอ่ ยดี๑๕ พระมหำสุริยำ วรเมธี และคณะ วิจัยเร่ือง “ศึกษาแนวคิดและหลักการในการเผยแผ่ พระพทุ ธศาสนาของพระธรรมทตู ไทยในสหรฐั อเมริกา” ผลการวิจยั พบว่า ๑. แนวคิด วิธีการและเป้าหมายการเผยแผ่พระพุทธศาสนาของพระธรรมทูตเป็นไปตาม หลักพุทธโอวาท แสดงธรรมให้เหมาะสมแก่กาลเทศะ มีเหตุผล แสดงธรรมด้วยจิตเมตตา โดยมุ่ง ประโยชน์แก่ผู้ฟัง ไม่แสดงธรรมเพราะเห็นแก่ลาภสักการะ ไม่แสดงธรรมโดยยกตนข่มท่านและไม่ เสียดสีข่มขู่ผู้อื่น เป้าหมายการเผยแผ่พระพุทธศาสนาของพระธรรมทูตสายต่างประเทศ เพื่อประโยชน์ เกื้อกูล ความสุข แก่บุคคลทั้งท่ีเป็นชาวพุทธและมิใช่ชาวพุทธ มุ่งท่ีจะพัฒนาศักยภาพ ของบุคคลในการดาเนินชีวิตได้ด้วยตนเอง โดยใช้หลักธรรมคาสั่งสอนของพระพุทธเจ้าเป็นแนวทาง ในการช้ีนาบุคคลให้ตั้งอยู่ในความไม่ประมาท เป็นศูนย์รวมจิตใจและกิจกรรมของชาวพุทธ ในต่างประเทศ โดยมีวิธกี ารเผยแผ่พระพุทธศาสนา ได้แก่ การเผยแผ่พระพุทธศาสนาในที่ตั้งหรือการ จัดกิจกรรมภายในวัด เช่น การจัดกิจกรรมปฏิบัติธรรมในวนั สาคัญทางพระพุทธศาสนาและวันสาคญั ๑๔ พระครูปลัดสุวัฒนวชิรคุณ (ไสว โชติโก) และ คณะ, วิเคราะห์ยุทธศาสตร์หลักในการเผยแผ่ พระพุทธศาสนาของพระธรรมทูตไทยในอินเดีย, รำยงำนกำรวิจัย, (มหาวิทยาลัยมหาจุฬาลงกรณราชวิทยาลัย, ๒๕๕๕), หนา้ บทคัดย่อ. ๑๕ พระมหาวินัย ปุญฺ าโณ และคณะ, “การศึกษาการเผยแผ่พระพุทธศาสนาเถรวาทของไทยใน ประเทศสหรัฐอเมริกา”, รำยงำนกำรวิจัย, (สถาบันวิจัยพุทธศาสตร์ มหาวิทยาลัยมหาจุฬาลงกรณราชวิทยาลัย, ๒๕๔๗), หน้า บทคัดยอ่ .
๑๐ ของชาติ การเทศน์ การปาฐกถา การเขียนบทความ การจัดสถานท่ีประกอบพิธีกรรมทางศาสนา เป็นตน้ การเผยแผพ่ ระพทุ ธศาสนานอกทต่ี ั้ง เช่น การสอนบรรยายธรรมในสถานศกึ ษาหรอื หนว่ ยงาน ภาครัฐและเอกชนที่อยู่นอกวัด การใช้เทคโนโลยี ส่ือสารมวลชน วิทยุโทรทัศน์หรือการจัดกิจกรรม ทางศาสนานอกวัด เป็นต้น การเผยแผ่พระพุทธศาสนาแบบเครือข่าย เช่น การจัดกิจกรรมทาง วิชาการ การแลกเปล่ียนแนวปฏิบัติที่ดีเก่ียวกับการจัดกิจกรรม การส่งต่อกิจกรรมท่ีเป็นประโยชน์ ร่วมกันของวัดหรือหน่วยงานที่เก่ียวข้อง การสร้างเครือข่ายชาวพุทธท้ังฝ่ายฆราวาสและพระสงฆ์ (สมัชชาสงฆไ์ ทย) ๒. ปัญหาและอุปสรรคการเผยแผ่พระพุทธศาสนาในประเทศสหรัฐอเมริกานั้น พระธรรม ทูตยงั ไม่เขา้ ใจภาษาและวฒั นธรรมของประเทศที่ตนไปเผยแผ่ดีพอ ทาให้การส่อื สารกับคนในประเทศ น้ันไม่ดีเท่าท่ีควร ด้านองค์กรสงฆ์ที่มีส่วนในการดูแลพระธรรมทูตยังไม่เข้มแข็งพอ ให้การสนับสนุน และดูแลไดไ้ มท่ วั่ ถึง แม้ปจั จบุ ันจะมีหลายหนว่ ยงานท่ีกากบั ดแู ลโดยตรงแตก่ ย็ งั ครอบคลุมได้ไม่ทัว่ ถงึ ๓. แนวทางการแก้ไขปัญหาการเผยแผ่พระพุทธศาสนาของพระธรรมทูตในสหรัฐอเมรกิ า ควรมีการแลกเปลี่ยนเรียนรู้ด้านการบริหาร การจัดการและการปกครองสาหรับผู้เก่ียวข้องทุกระดับ โดยจัดต้ังสถาบันหรือวิทยาลัยพระธรรมทูต เพื่อพัฒนาบุคลากรด้านงานเผยแผ่พระศาสนา ในต่างประเทศ จัดต้ังคณะกรรมการบริหารกิจการพระธรรมทูต ซ่ึงคณะกรรมการฯ ชุดนี้ควรได้รับ มอบอานาจจากมหาเถรสมาคม ให้สามารถเข้าไปดูแลเรื่องการคัดเลือก จัดส่งพระธรรมทูตฯ ไปประจาหรือทางานในต่างประเทศ การดูแลเร่ืองสวัสดิการ สุขภาพ การเดินทางไปเผยแผ่ การพิจารณาให้ความดีความชอบ และมาตรการลงโทษ พร้อมกนั น้คี วรมีบุคลากร และงบประมาณรับ สนองงานด้านน้อี ยา่ งเพียงพอ๑๖ พระมหำปรำโมทย์ มหำวีริโย (ปีกรม) ศึกษาวิจัยเรื่อง “การศึกษาการเผยแผ่ พระพุทธศาสนาของพระราชรัตนรังษี (วีรยุทธ์ วีรยุทฺโธ) ในฐานะพระธรรมทูตไทยประจาประเทศ อินเดีย” ผลการวิจัยพบว่า พระธรรมทูตในประเทศไทยพัฒนามาจากโครงการธรรมจาริก โดยคุณสมบัติของพระธรรมทูตจะต้องปฏิบัติต่อชุมชนสังคม มีการอบรม แนะนาสั่งสอนศีลธรรม ส่งเสริมสขุ ภาพอนามยั และการประกอบอาชพี ใหก้ ารศกึ ษาสงเคราะห์ สาธารณสงเคราะห์ เป็นตน้ ๑๗ ๑๖ พระมหาสุรยิ า วรเมธี และคณะ, “ศึกษาแนวคดิ และหลักการในการเผยแผพ่ ระพทุ ธศาสนาของพระ ธรรมทูตไทยในสหรัฐอเมริกา”, รำยงำนกำรวิจัย, (สถาบันวิจัยพุทธศาสตร์ มหาวิทยาลัยมหาจุฬาลงกรณราช วิทยาลยั , ๒๕๕๖), หน้า บทคัดยอ่ . ๑๗ พระมหาปราโมทย์ มหาวรี โิ ย (ปกี รม), “การศึกษาการเผยแผพ่ ระพุทธศาสนาของพระราชรัตนรงั ษี (วรี ยุทธ์ วรี ยทุ ฺโธ) ในฐานะพระธรรมทูตไทยประจาประเทศอินเดยี ”, วิทยำนพิ นธ์พทุ ธศำสตรมหำบณั ฑิต, (บัณฑติ วทิ ยาลัย: มหาวทิ ยาลัยมหาจฬุ าลงกรณราชวิทยาลัย, ๒๕๔๘), หน้า ๒.
๑๑ แม่ชีคมคำย คุมพันธ์ ศึกษาวิจัยเร่ือง “การศึกษาบทบาทในการเผยแผ่พระพุทธศาสนา ของพระธรรมทูตสายต่างประเทศ: ศึกษาเฉพาะกรณี พระสุเมธาจารย์ (โรเบิร์ต สุเมโธภิกขุ)” ผลการวิจัยพบว่า ท่านเป็นชาวอเมริกันมาบวชและเป็นลูกศิษย์ศึกษาพระพุทธศาสนาจากหลวงพ่อ ชา สุภทฺโท และทาหน้าท่ีพระธรรมทูตสายต่างประเทศ ปฏิปทาของท่านเม่ือประจาอยู่ในประเทศ อังกฤษ ได้แก่ หน้าท่ีในการเป็นล่ามให้แก่หลวงพ่อชา มีความเพียรอดทน มีกิจวัตรในการบิณฑบาต เป็นพระนักเทศน์ เป็นนักอบรมให้พุทธศาสนิกชนมีศีล เป็นนักปฏิบัติกรรมฐาน (ฝึกจากคณะ ๕ วัด มหาธาตุยุวราชรังสฤษฎิ์ และที่ประเทศพม่า) เป็นนักบริหารจัดการวัด เป็นนักพัฒนาคนและพัฒนา สถานที่ สร้างถาวรวัตถุของวัด เป็นนักสร้างบุคคลให้เป็นพระ เณรและแม่ชีธารา และเป็น พระอุปัชฌาย์ ส่วนปัญหาและอุปสรรคในการเผยแผ่พระพุทธศาสนาในอังกฤษในระยะแรก ๆ พบว่า ชาวอังกฤษไม่ค่อยใส่บาตร วัฒนธรรมและประเพณีที่แตกต่างกัน การเดินทางโดยสารรถสาธารณะมี อุปสรรคเพราะต้องใกล้ชิดกับผู้หญิง การทางานเผยแผจ่ ึงต้องมีการปรับตัวหลายประการ ส่วนปัญหา และอุปสรรคในการเผยแผ่ในประเทศไทย ได้แก่ การสื่อสาร เน่ืองจากในช่วงต้นท่านยังไม่ชานาญ ในการใช้ภาษาไทย ภูมิอากาศท่ีค่อนข้างร้อน วัตรปฏิบัติที่ต้องนั่งพับเพียบ รสชาติของอาหารอีสาน ท่มี ีรสจัด รวมถงึ อารมณส์ ่วนตัวทเ่ี กิดข้นึ เชน่ ไมอ่ ดทน หงดุ หงิดง่าย โกรธ เป็นตัวอย่าง๑๘ พระปรชี ำ พงษ์พัฒนะ ศึกษาเรือ่ ง “การติดตามและประเมินผลโครงการอบรมพระธรรม ทูตสายต่างประเทศ: ศึกษาเฉพาะพระธรรมทูตไทยในสหรัฐอเมริกา” ผลการวิจัยพบว่า พระธรรมทตู ซึ่งเข้ารับการอบรมในโครงการอบรมพระธรรมทูตรุ่นที่ ๑-๖ และปฏิบัติหน้าท่ีในประเทศ สหรัฐอเมริกา มีความคิดเห็น ดังนี้ ด้านการนาไปใช้ของเน้ือหาภาควิชาการ พบว่าอยู่ในระดับปาน กลางถึงระดับสงู ด้านการนาไปใช้ของเนื้อหาภาคจิตภาวนา พบว่าอยู่ในระดบั นอ้ ยถึงระดับปานกลาง ด้านการนาไปใช้ของเน้ือหาภาคสาธารณูปการ พบว่าอยู่ในระดับปานกลางถึงระดับสูง ขณะที่ปัญหา และอุปสรรคที่พบ ได้แก่ การใช้ภาษาอังกฤษในการส่ือสารพุทธธรรมและการปฏิบัติวิปัสสนา กรรมฐานแก่ชาวต่างชาติ ส่วนด้านสาธารณูปโภค พบปัญหาเกี่ยวกับกฎหมายการก่อสร้างของแต่ ละเมืองและแต่ละรัฐ ส่วนการประเมนิ ในภาพรวม พบว่า หลกั สูตรทั้งภาควชิ าการ ภาคจิตภาวนาและ ภาคสาธารณูปโภคมีความเหมาะสมดีแล้ว แต่ขอเพ่ิมเติมเร่ืองความรู้ภาษาต่างประเทศโดยเฉพาะ ภาษาอังกฤษ ส่วนความคิดเห็นต่อการดาเนินโครงการในภาพรวมของผู้ทรงคุณวุฒิที่เก่ียวข้องกับ หลักสูตร พบว่า หลักสูตรสามารถตอบสนองวัตถุประสงค์ของโครงการได้ดีในระดับหนึ่ง และมี ๑๘ แม่ชีคมคาย คุมพันธ์, “การศึกษาบทบาทในการเผยแผ่พระพุทธศาสนาของพระธรรมทูตสาย ต่างประเทศ: ศึกษาเฉพาะกรณี พระสุเมธาจารย์ (โรเบิร์ต สุเมโธภิกขุ)”, วิทยำนิพนธ์พุทธศำสตรมหำบัณฑิต , (บัณฑติ วิทยาลัย: มหาวทิ ยาลัยมหาจุฬาลงกรณราชวทิ ยาลัย, ๒๕๔๗), หนา้ ๘๗-๘๙.
๑๒ ข้อเสนอแนะว่า ควรเพ่ิมระยะเวลาในการอบรม สร้างจิตสานึกพระธรรมทูต และเพ่ิมเคร่ืองมือ เทคโนโลยีทีท่ ันสมยั วิชาภาษาอังกฤษและวิชาธรรมะให้มากขึ้น๑๙ บัญชำยุทธ นำคมุจลินท์ ศึกษาเร่ือง “รูปแบบการพัฒนาศาสนทายาทท่ีพึงประสงค์ ในพระพุทธศาสนา” โดยศึกษาศาสนทายาทของเขตการปกครองคณะสงฆ์จังหวัดขอนแก่น เป็นการศกึ ษาเชงิ คณุ ภาพและเกบ็ ข้อมลู ภาคสนามโดยการสังเกตและสัมภาษณ์บุคคลทีเ่ กยี่ วขอ้ ง เพื่อ นาข้อมูลท่ีได้มาสังเคราะห์เป็นรูปแบบการพัฒนาศาสนทายาทต่อไป พบว่า การพัฒนาศาสนทายาท ให้มีคุณลักษณะท่ีพึงประสงค์ต้องให้เข้ารับการพัฒนาคุณลักษณะด้านการศึกษาในเชิงวิชาการและ การศึกษาเชิงพุทธควบคกู่ นั ไป โดยยดึ ทฤษฎไี ตรสิกขาเปน็ หลัก๒๐ กฤติยำ วโรดม ศึกษาเร่ือง “พัฒนาการการเผยแผ่พระพุทธศาสนาของพระธรรมทูตไทย สายอินเดีย-เนปาล” ผลการศึกษาวิจัย พบว่า พ.ศ. ๒๕๕๘ งานเผยแผ่ของคณะสงฆ์ได้พัฒนาข้ึนมาสู่ งานพระธรรมทูตทั้งภายในและต่างประเทศ โดยเฉพาะสายต่างประเทศเป็นการเผยแผ่เชิงรุกที่เห็น ภาพได้ชัด คณะพระธรรมทูตสายต่างประเทศชุดแรกของไทยอย่างเป็นทางการคือ พระธรรมทูตสาย อินเดีย เร่ิมเม่ือปี พ.ศ. ๒๕๐๒ จึงมีพัฒนาการงานเผยแผ่มากว่า ๕๐ ปี และจากการศึกษาพบว่า พระธรรมทูตส่วนใหญ่ยังคงรักษาหลักการและเป้าหมายของการเผยแผ่พระพุทธศาสนาตามท่ี พระพุทธองค์ประทานไว้ให้ แต่ในส่วนของวิธีการดาเนินงานและการกาหนดกลุ่มเป้าหมายในการเผย แผ่ได้เปลี่ยนแปลงไปตามปัจจัยของสภาพเศรษฐกิจ การเมือง สังคม รวมถึงทรรศนะของหัวหน้า พระธรรมทูตในแต่ละรุ่น และยังไม่สามารถวิเคราะห์ได้ถึงผลสัมฤทธิ์ตามเป้าหมายเดิมแท้ของการไป เผยแผ่ยงั ประเทศอินเดียที่ตอ้ งการนาพระพุทธศาสนากลับคืนให้แก่ชาวอนิ เดยี ๒๑ จากการศึกษาเอกสารและงานวิจัยท่ีเก่ียวข้องดังกล่าว พบว่า เป็นการศึกษาบทบาทของ พระธรรมทูต คือ ผู้ที่ทาหน้าท่ีเป็นตัวแทนของพระพุทธศาสนาในการเผยแผ่พระศาสนาด้วยการ ประกาศหลักธรรมคาสอนทางพระพุทธศาสนา และทาคุณประโยชน์ให้กับวงการพระศาสนา โดยจะ ทาหน้าท่ีท้ังภายในประเทศและต่างประเทศรวมทั้งศึกษาปัญหาต่าง ๆ ที่เกิดข้ึนในขณะที่ปฏิบัติงาน ๑๙ พระปรชี า พงษ์พฒั นะ, “การตดิ ตามและประเมินผลโครงการอบรมพระธรรมทูตสายตา่ งประเทศ ศกึ ษาเฉพาะ: พระธรรมทตู ไทยในสหรฐั อเมรกิ า”, วทิ ยำนพิ นธส์ ังคมสงเครำะหศ์ ำสตรมหำบัณฑิต , (คณะสงั คม สังเคราะห์ศาสตร:์ มหาวิทยาลัยธรรมศาสตร์, ๒๕๔๔), หน้า บทคดั ยอ่ . ๒๐ บัญชายุทธ นาคมุจลินท์, “รูปแบบการพัฒนาศาสนทายาทท่ีพึงประสงค์ในพระพุทธศาสนา”, วิทยำนิพนธ์พุทธศำสตรดุษฎีบัณฑิต, (บัณฑิตวิทยาลยั : มหาวิทยาลยั มหาจุฬาลงกรณราชวิทยาลยั , ๒๕๕๖), หน้า บทคดั ย่อ. ๒๑ กฤติยา วโรดม, พัฒนาการการเผยแผพ่ ระพทุ ธศาสนาของพระธรรมทตู ไทยสายอินเดีย-เนปาล”, สำรนิพนธพ์ ุทธศำสตรดษุ ฎบี ัณฑติ , (บณั ฑิตวทิ ยาลยั : มหาวทิ ยาลยั มหาจฬุ าลงกรณราชวิทยาลัย, ๒๕๕๘), หนา้ บทคัดยอ่ .
๑๓ ในงานวิจัยเล่มนจี้ ะเสนอกลยทุ ธ์การเผยแผ่พระพุทธศาสนาของพระธรรมทูตสายต่างประเทศ เพ่ือให้ เกดิ ประสิทธิภาพในอนาคตต่อไป ๑.๗ วธิ ดี ำเนนิ กำรวิจัย การวิจัยครั้งนี้เป็นการวิจัยเชิงคุณภาพ (Qualitative Research) โดยการวิจัยเอกสาร ร่วมกับการสัมภาษณ์เชิงลึกความคิดเห็นของผู้ทรงคุณวุฒิและผู้เช่ียวชาญท่ีเกี่ยวข้องกับการเผยแผ่ พระพุทธศาสนาของพระธรรมทูตสายต่างประเทศ และเก็บข้อมูลโดยใช้แบบสอบถามจากพระธรรม ทูตสายต่างประเทศ และผู้เข้าอบรมในโครงการพระธรรมทูตสายต่างประเทศรุ่นที่ ๒๕ โดยผู้วิจัย มขี ้นั ตอนการดาเนนิ การวิจัย ดงั น้ี ๑.๗.๑. ศึกษาหลักการเผยแผ่พระพุทธศาสนาในคัมภีร์พระพุทธศาสนา โดยข้อมูลส่วนนี้ ผวู้ จิ ัยจะศกึ ษาค้นควา้ หาข้อมลู จากพระไตรปิฎกภาษาไทย คัมภรี อ์ รรถกถา ข้อมลู จากเอกสารวชิ าการ ทางพระพุทธศาสนา จากตารา เอกสารงานวิจัย เอกสารเผยแพร่ และสิ่งตีพิมพ์อ่ืน ๆ ท่ีเกี่ยวข้อง เพอ่ื นามาเรยี บเรียงเก่ยี วกับการเผยแผพ่ ระพุทธศาสนาในคมั ภีร์เถรวาท ๑.๗.๒ ศึกษาการเผยแผ่พระพุทธศาสนาของพระธรรมทูตสายต่างประเทศ โดยศึกษา ค้นคว้าหาขอ้ มูลจากเอกสารวชิ าการทางพระพุทธศาสนา จากตารา เอกสารงานวจิ ยั เอกสารเผยแพร่ และสิ่งตีพิมพ์อื่น ๆ ท่ีเกี่ยวข้อง และรวบรวมข้อมูลจากการสัมภาษณ์พระธรรมทูตสายต่างประเทศ ซงึ่ ปฏิบัตหิ น้าทใ่ี นประเทศต่าง ๆ และความคิดเห็นของผู้ทรงคุณวฒุ ิและผูเ้ ชีย่ วชาญท่เี กย่ี วขอ้ งกับการ เผยแผ่พระพทุ ธศาสนาของพระธรรมทตู สายต่างประเทศ เพือ่ นามาวิเคราะห์ เรยี บเรียง ๑.๗.๓. ผู้วิจัยจะนาข้อมูลท่ีรวบรวมได้จากการสัมภาษณ์เชิงลึก โดยใช้เกณฑ์ในการ คัดเลือกผู้ให้ข้อมูลหลักเป็นนักวิชาการ/ผู้ทรงคุณวุฒิ/ผู้เช่ียวชาญท่ีเก่ียวข้องกับงานพระธรรมทูตสาย ต่างประเทศ จานวน ๑๕ รูป/คน เพ่ือสัมภาษณ์ทัศนะและความคิดเห็นเกี่ยวกับกลยุทธ์การเผยแผ่ พระพทุ ธศาสนาของพระธรรมทูตสายตา่ งประเทศ ๑.๗.๔ ผูว้ ิจยั จะนาเสนอผลการวิจัยตามวตั ถุประสงค์ทัง้ ๓ ขอ้ ท่ีตัง้ ไว้ตามลาดับ และสรุป ผลการวจิ ยั เพอ่ื เสนอกลยุทธก์ ารเผยแผพ่ ระพุทธศาสนาของพระธรรมทูตสายต่างประเทศ
๑๔ จากที่ได้นาเสนอวิธีการดาเนินการวิจัย ในเบื้องต้นน้ัน ผู้วิจัยได้จัดขั้นตอนของการ ดาเนินการวจิ ัย (Research Process) โดยแสดงเปน็ แผนภมู ิ ดังต่อไปนี้ หลกั การเผยแผ่ สัมภาษณ์ผู้ทรงคณุ วฒุ ิ กลยทุ ธ์การเผยแผ่ พระพทุ ธศาสนาใน ๑๕ รูป/คนที่เกี่ยวขอ้ ง พระพุทธศาสนาของพระ พระพทุ ธศาสนา กั บ ง า น เ ผ ย แ ผ่ ธรรมทูตสายตา่ งประเทศ พ ร ะ พุ ท ธ ศ า ส น า ใ น การเผยแผพ่ ระพุทธศาสนา ตา่ งประเทศ สรปุ ผลการวิจยั ของพระธรรมทตู สาย และข้อเสนอแนะ ตา่ งประเทศ แผนภูมิ ๑.๑ แสดงกระบวนการวิจัย
๑๕ ๑.๘ กรอบบแนวคิดในกำรวิจัย ในการศึกษาเรื่อง “กลยุทธ์การเผยแผ่พระพุทธศาสนาของพระธรรมทูตสาย ต่างประเทศ” ผู้วิจยั นามากาหนดเปน็ กรอบแนวคิดการวิจยั (Conceptual Framework) ได้ดังนี้ แนวคิดทฤษฎกี ารวางแผน วเิ คราะหส์ ภาพปัญหา วางแผนกลยุทธ์การเผยแผ่ กลยุทธ์ ของพระธรรมทตู สาย พระพุทธศาสนา ตา่ งประเทศ หลกั การเผยแผ่ พระพุทธศาสนา แผนภมู ิ ๑.๒ แสดงกรอบแนวคิดในการวจิ ัย ๑.๙ ประโยชน์ทไี่ ด้รับจำกกำรวิจยั ๑.๙.๑ ทราบหลกั การเผยแผพ่ ระพุทธศาสนาในคัมภีร์เถรวาท ๑.๙.๒ ทราบการเผยแผพ่ ระพุทธศาสนาของพระธรรมทตู สายต่างประเทศ ๑.๙.๓ ไดเ้ สนอกลยทุ ธ์การเผยแผพ่ ระพุทธศาสนาของพระธรรมทูตสายตา่ งประเทศ
บทท่ี ๒ หลักการเผยแผ่พระพทุ ธศาสนาในคมั ภีร์เถรวาท ในบทน้ีผู้วิจัยจะศึกษาหลักการเผยแผ่พระพุทธศาสนาในคัมภีร์เถรวาทในประเด็น ดงั ต่อไปน้ี ๒.๑ ความเปน็ มาของการเผยแผพ่ ระพุทธศาสนา ๒.๒ วิเคราะหพ์ ุทธวธิ ใี นการเผยแผ่ ๒.๓ ความเปน็ มาของพระธรรมทูตในสมยั พทุ ธกาล ๒.๔ พระสาวกท่ีออกไปเผยแผ่พระศาสนาในตา่ งถิ่น: การจัดโครงสรา้ งองคก์ ร ๒.๕ การเผยแผ่พระพุทธศาสนาของพระสาวก ๒.๖ การเผยแผพ่ ระพทุ ธศาสนาหลงั พุทธกาล ๒.๑ ความเป็นมาของการเผยแผพ่ ระพุทธศาสนา ๒.๑.๑ ความหมายของการเผยแผพ่ ระพทุ ธศาสนา การเผยแผ่พระพทุ ธศาสนา หมายถึง การทาใหพ้ ระพทุ ธศาสนาขยายออกไป กลา่ วคอื การ ขยายพระพุทธศาสนาซ่ึงครอบคลุมถึงพระธรรมคาสอนของพระพุทธเจ้าให้ออกไปสู่พหูชน ให้ได้รับ ประโยชน์มากท่ีสุด ไปในท่ีท่ียังไม่มีพระธรรมคาสอนเหล่าน้ีหรือมีแล้วแต่ยังไม่เกิดความเข้าใจอย่าง แท้จริง คาว่า เผยแผ่ มีความหมายว่า ทาให้ขยายออกไป เช่น เผยแผ่พระศาสนา๑ ในงานวิจัยเล่มนี้ ผู้วิจัยให้ความหมายของการเผยแผ่พระพุทธศาสนาว่า การนาพระธรรมคาสอนของพระพุทธเจ้าไป ประกาศหรือแสดงให้แก่บุคคลในสถานที่ต่าง ๆ เพ่ือให้บุคคลจานวนมากได้รับประโยชน์จากพระ ธรรมคาสอนเหลา่ นั้น ซ่งึ มที ่สี ุดคือความดบั ทุกข์ ๒.๑.๒ การเผยแผ่พระศาสนาในสมัยพทุ ธกาล การเผยแผ่พระศาสนาในสมัยท่ีพระพุทธองค์ทรงดารงพระชนม์ชีพ ส่วนใหญ่จะผ่านการ ถ่ายทอดพระธรรมคาสอนของพระพุทธองค์จากพระสงฆ์สาวกเป็นหลัก พระสาวกผู้ทาหน้าที่เผยแผ่ พระศาสนาหรือเผยแผ่พระธรรมคาสอนของพระพุทธองค์นั้น ทาหน้าที่ภายใต้หลักการซ่ึงพระพุทธ องค์ตรัสไว้ว่า เพ่ือประโยชน์แก่มหาชน นั่นคือเพื่อให้ชนจานวนมากได้รับประโยชน์จากพระธรรมคา สอนในพระพุทธศาสนามากท่ีสุด ผู้ท่ีจัดว่าเป็นต้นแบบของการเผยแผ่พระพุทธศาสนา จึงได้แก่ พระพุทธเจ้าซ่ึงเป็นพระศาสดาของพระพุทธศาสนา รวมถึงพระสาวกผู้ทาหน้าท่ีเผยแผ่ ๑ สานักงานราชบัณฑิตยสภา, พจนานุกรม ฉบับราชบัณฑิตยสถาน พ.ศ. ๒๕๕๔, [ออนไลน์] แหล่งทีม่ า: http://www.royin.go.th/dictionary/index.php. [๒๓ ตลุ าคม ๒๕๖๑].
๑๗ พระพุทธศาสนาโดยยึดถือหลักการท่ีพระพุทธองค์ทรงมอบให้แก่พระสาวกผู้เป็นพระอรหันต์สาวก ๖๐ รูปแรก ดงั มีพระดารัสวา่ ภิกษุทั้งหลาย เราพ้นแล้วจากบ่วง๒ ทั้งปวงท้ังที่เป็นของทิพย์ ท้ังที่เป็นของมนุษย์ แม้พวก เธอก็พ้นแล้วจากบ่วงทงั้ ปวง ท้ังทเี่ ป็นของทิพย์ ท้งั ทีเ่ ปน็ ของมนุษย์ พวกเธอจงเทยี่ วจาริกไปเพ่ือ ประโยชน์เก้ือกูลและความสุขแก่ชนหมู่มาก เพื่ออนุเคราะห์โลก เพ่ือประโยชน์เก้ือกูลและ ความสุขแก่ทวยเทพและมนุษย์ พวกเธออย่าได้ไปรวมทางเดียวกันสองรูป จงแสดงธรรมงามใน เบ้อื งต้น งามในทา่ มกลาง งามในท่สี ุด๓ จงประกาศพรหมจรรย์ให้บริสทุ ธ์ิ บริบูรณ์ส้ินเชงิ ๔ พร้อม ทง้ั อรรถ และพยัญชนะ สตั ว์ทั้งหลายพวกที่มธี ุลีคือกิเลสนอ้ ยมีอยู่ เพราะไม่ไดฟ้ ังธรรมย่อมเสอ่ื ม ไป ผู้ร้ทู ัว่ ถึงธรรมจักมี๕ การประกาศพรหมจรรย์พร้อมทั้งอรรถท้ังพยัญชนะให้บริสทุ ธิ์บริบรู ณ์นัน้ ทาไดอ้ ย่างไร ใน ประเด็นน้ี เหล่าสาวกที่ออกเผยแผ่พระพุทธศาสนาพึงดาเนินตามคาสอนดังท่ีพระผู้มีพระภาคตรัสว่า ภิกษุทั้งหลาย ธรรมท่ีเราแสดงแลว้ เพื่อความรยู้ ิ่ง เธอทั้งหลายพงึ เรียน เสพ เจริญ ทาใหม้ ากด้วยดโี ดย วธิ ีท่ีพรหมจรรยน์ ี้จะพึงต้ังอยูไ่ ดน้ าน ดารงอยไู่ ด้นาน ข้อน้นั พงึ เปน็ ไปเพ่ือเกื้อกูลแกค่ นหมูม่ าก เพ่ือสุข แก่คนหมู่มาก เพ่ืออนุเคราะห์ชาวโลก เพื่อประโยชน์เก้ือกูล เพ่ือความสุขแก่เทวดาและมนุษย์ ท้งั หลาย๖ จากพระดารัสน้ีอธิบายได้ว่า การเผยแผ่ คือการทาให้ขยายออกไป การทาให้ขยาย วงกว้างออกไป ทาให้แพร่หลายออกไป การเผยแผ่พระพุทธศาสนา จึงได้แก่การดาเนินงานเพ่ือให้ หลักธรรมคาสั่งสอนในพระพุทธศาสนาแพร่หลายออกไปในทุกสารทิศ มีผู้ศรัทธาเลื่อมใส เคารพ ยาเกรง ในพระรตั นตรัย น้อมนาเอาหลักธรรมในพระพทุ ธศาสนาไปประพฤตปิ ฏบิ ตั ิ ๒ บ่วง ในทน่ี ้ีหมายถงึ โลภะ วิ.อ. (ไทย) ๓/๓๒/๑๙. ๓ ธรรมมีความงามในเบือ้ งตน้ หมายถงึ ศลี ธรรมมีความงามในทา่ มกลางหมายถงึ อริยมรรค และธรรม มีความงามในที่สดุ หมายถึงพระนพิ พาน ที.ส.ี อ. (ไทย) ๑๙๐/๑๕๙. ๔ คาว่า พรหมจรรย์หมายถงึ ความประพฤติประเสริฐ มีนัย ๑๐ ประการ คอื ทาน (การให้) ไวยาวัจจะ (การขวนขวายช่วยเหลือ) ปัญจสีละ (ศีลห้า) อัปปมัญญา (การประพฤติพรหมวิหารอย่างไม่มีขอบเขต) เมถุนวิรัติ (การงดเวน้ จากการเสพเมถุน) สทารสันโดษ (ความยนิ ดีเฉพาะคู่ครองของตน) วิรยิ ะ (ความเพียร) อุโปสถงั คะ (องค์ อุโบสถ) อริยมรรค (ทางอันประเสริฐ) และศาสนา (พระพุทธศาสนา) ในท่ีนี้หมายถึงพระพุทธศาสนา ที. สี.อ. (ไทย) ๑๙๐/๑๖๐-๑๖๒. ๕ วิ.ม. (ไทย) ๔/๓๒/๔๑. ๖ วิ.ม. (ไทย) ๔/๓๒/๔๐.
๑๘ ๒.๑.๓ การเผยแผ่คาสอนของพระพุทธเจา้ การตรัสรู้อนุตตรสัมมาสัมโพธิญาณของพระพุทธองค์ จุดเริ่มต้นของการประกาศ พระศาสนาหรือธรรมะที่พระองค์ตรัสรู้ หรือท่ีใช้ในความหมายเดียวกับการเผยแผ่พระศาสนา เพราะ พระพุทธศาสนาเป็นความเช่ือใหม่ท่ีเกิดข้ึนในดินแดนชมพูทวปี การประกาศพระศาสนาของพระพุทธ องค์เร่ิมจากพระพุทธองค์ตัดสินพระทัยส่ังสอนพระธรรมแก่บุคคลต่าง ๆ ด้วยทรงพิจารณาแล้วว่าผู้มี ปัญญาซ่ึงสามารถเข้าใจและรู้ตามธรรมะท่ีพระองค์ตรัสรู้ได้ยังมีอยู่ พระองค์ทรงเร่ิมจาริกจากตาบล อุรุเวลา แคว้นมคธ โดยมีเป้าหมายท่ีป่าอิสิปตนมฤคทายวัน เมืองพาราณสี ระหว่างทางได้พบกับ พ่อค้าสองคนและเทศนาธรรมจนพ่อค้าทั้งสองปฏิญาณตนถึงพระพุทธเจ้าและพระธรรมเป็นที่พ่ึง เมื่อจาริกมาถึงป่าอิสิปตนมฤคทายวันและได้พบเป้าหมายคือปัญจวัคคีย์หรือพราหมณ์ทั้ง ๕ ซ่ึงเคย ดูแลพระองคข์ ณะบาเพ็ญเพียรอยู่และได้จากมากอ่ นพระองค์ตรัสรู้ พระองค์ทรงแสดงธรรมเทศนาชื่อ ธัมมจักกัปปวัตตนสูตร คร้ันพระธรรมจบลง ท่านโกญฑัญญะ พราหมณ์ผู้มีอายุมากท่ีสุดในกลุ่มและ เปน็ หนงึ่ ในพราหมณผ์ ไู้ ด้รับเลอื กให้พยากรณเ์ จ้าชายสิทธัตถะ (พระพุทธเจ้า) ครัง้ เพิ่งประสูติได้ดวงตา เห็นธรรม บรรลุโสดาปัตติผล จึงทูลขอบวชเป็นพระภิกษุสงฆ์องค์แรกในพระพุทธศาสนา ทาให้ พระรัตนตรัยครบองค์สาม และเม่ือพราหมณ์อีกส่ีท่านท่ีเหลือบรรลุโสดาปัตติผลและทูลขอบวช พระพทุ ธองค์ทรงแสดงธรรมเทศนาชอื่ อนตั ตลกั ขณสูตร ท้ัง ๕ ทา่ นได้บรรลุอรหตั ตผลเกิดมีพระสาวก ผู้บรรลุเป็นพระอรหันต์ได้แล้ว ๕ องค์ คือ พระอัญญาโกณฑัญญะ พระวัปปะ พระภัททิยะ พระมหานามะ และพระอัสสชิ เรยี งตามลาดบั การบรรลุโสดาปัตติผล๗ และเมื่อยสกุลบุตรเดินผ่านมา ท่ีป่าอิสิปตนมฤคทายวันและได้พบพระพุทธองค์ พระพุทธองค์ทรงแสดงธรรมแก่ยสกุลบุตรด้วย อนุปพุ พิกถา และต่อด้วยอริยสัจ ๔ ยสกลุ บุตรบรรลุโสดาปัตติผล๘ และเม่ือทา่ นเศรษฐีบิดาของยสกุล บุตรออกติดตามมาถึงป่าอิสิปตนมฤคทายวัน พระพุทธองค์ทรงแสงธรรมแก่ท่านเศรษฐีด้วย อนุปุพพิกถา และต่อด้วยอริยสัจ ๔ ท่านเศรษฐีได้บรรลุโสดาปัตติผลและปฏิญาณตนถึงพระรัตนตรัย เป็นอุบาสกคนแรกท่ีถึงพระรัตนะทั้งสาม๙ ส่วนยสกุลบุตรซ่ึงนั่งอยู่ ณ ที่นั้นบรรลุอรหัตตผลได้เป็น พระอรหันต์ในวันนั้นและได้ทูลขอบวช ท่านเศรษฐีได้นิมนต์พระพุทธองค์และพระยสะไปฉัน ภัตตาหารที่บ้าน เม่ือพระพุทธองค์ทรงแสดงธรรม มารดาของพระยสะและหญิงซึ่งเคยเป็นภรรยา ของยสกุลบุตรได้บรรลุโสดาปัตติผลขอปฏิญาณตนถึงพระรัตนตรัยเป็นอุบาสิกาคู่แรกท่ีถึงพระรัตนะ ท้ังสาม๑๐ เมื่อสหายของพระยสะอีก ๕๔ คน ทราบเร่ืองการบวชของพระยสะและติดตามมาพบได้ทูล ขอบวชจากพระพุทธองค์และทั้งหมดได้บรรลุเป็นพระอรหันต์ ณ เมืองพาราณสี เกิดมีพระภิกษุสงฆ์ ๗ ดูรายละเอียดใน วิ.ม. (ไทย) ๔/๑๒-๒๔/๑๘-๓๑. ๘ ดรู ายละเอยี ดใน ว.ิ ม. (ไทย) ๔/๒๕-๒๘/๓๑-๓๖. ๙ ดูรายละเอยี ดใน ว.ิ ม. (ไทย) ๔/๒๗/๓๓-๓๔. ๑๐ ดรู ายละเอียดใน วิ.ม. (ไทย) ๔/๒๙/๓๖-๓๘.
๑๙ องค์แรกขึ้น ทาให้พระรัตนตรัยครบองค์ ๓ เกิดมีพระอรหันตสาวกและมีอุบาสกอุบาสิกาเกิดข้ึน และเม่ือมีพระอรหันตสาวก ๖๐ รูปแรก พระพุทธองค์จึงเริ่มส่งพระอรหันตสาวกทง้ั ๖๐ รูป จาริกไป ประกาศพระพุทธศาสนาในเมืองตา่ ง ๆ เรียกพระสงฆผ์ ู้จารกิ ไปเพ่ือเผยแผ่หรือประกาศพระศาสนาว่า พระธรรมทตู ในช่วงเวลาเดยี วกนั พระพุทธองคย์ ังคงทาหน้าท่ปี ระกาศพระศาสนาและแสดงพระธรรม แก่พุทธบริษัทอยู่ตลอดพระชนม์ชีพของพระองค์ เป็นเวลาถึง ๔๕ พรรษาในการประกาศพระศาสนา การถ่ายทอดพระธรรมคาสอนของพระพุทธองค์จึงมาจากพระพุทธองค์และจากพระสงฆ์สาวกเผยแผ่ ไปยังดนิ แดนตา่ ง ๆ ท่วั ชมพูทวีป การประกาศพระศาสนาของพระพุทธองค์ซ่ึงดาเนินมาหลังการตรัสรู้จนถึงพระพุทธองค์ เสด็จดับขันธปรินิพพานเมื่อพระชนมายุ ๘๐ พรรษา รวมเวลาประกาศพระศาสนา ๔๕ ปี ทรง ประกาศการตรัสรู้ของพระองค์แก่บุคคลจานวนมาก ท้ังนักบวชและผู้ที่มิใช่นักบวช จนทาให้เกิดมี พุทธบริษทั ครบองค์และจานวนมากขน้ึ เป็นลาดับ มีผูร้ ตู้ ามพระธรรมคาสอนของพระพุทธองค์สามารถ หลุดพ้นจากวงจรของการเวียนว่ายตายเกิดหรือมีสุคตเิ ปน็ ที่ไปเป็นจานวนมากมายนับไมถ่ ้วน การเผย แผพ่ ระพทุ ธศาสนาโดยพระพทุ ธเจ้า สามารถรวบรวมเปน็ ประเด็นต่าง ๆ ไดด้ ังน้ี ๒.๑.๓.๑ การปฏิบตั หิ นา้ ที่ตามพทุ ธกิจ พุทธกิจ๑๑ อีกอย่างหนึ่งท่ีพระพุทธองค์ปฏิบัติคือทรงพิจารณาว่าในวันหน่ึง ๆ นั้น พระพุทธองค์จะทรงแสดงธรรมแก่ใคร ซึ่งบุคคลท่ีพระองค์เสด็จไปพบน้ัน โดยปกติแล้ว จะได้รับ ประโยชน์ในทางพ้นทุกข์ในรูปแบบใดรูปแบบหนึ่งเสมอ เริ่มจากถึงพระรัตนตรัยเป็นสรณะ บรรลุ โสดาปัตติผล หรือสงู สุดที่อรหัตตผล นนั่ แสดงให้เห็นวา่ พระพุทธองค์ทรงมีวิสัยทัศน์ มีการวางแผนใน การปฏบิ ัตภิ ารกิจ และสามารถคาดคะเนผลที่จะเกิดข้ึนได้ชดั เจน แนวทางน้พี ระพุทธองค์ทรงใช้ตงั้ แต่ วันที่พระพุทธองค์ตัดสินพระทัยประกาศพระศาสนา จนเสด็จดับขันธปรินิพพาน ซ่ึงไม่มีผู้ใดสามารถ เทียบได้ ๒.๑.๓.๒ คณุ สมบตั ใิ นการสอนของพระพทุ ธองค์ คุณสมบตั ใิ นการสอนของพระพุทธองค์ มดี ังน้ี (๑) ทรงสอนสิง่ ทีจ่ ริง และเปน็ ประโยชน์แกผ่ ฟู้ งั (๒) ทรงรูเ้ ขา้ ใจสิง่ ที่สอนอยา่ งถ่องแท้สมบรู ณ์ (๓) ทรงสอนดว้ ยเมตตา มุ่งประโยชนแ์ กผ่ รู้ บั คาสอนเป็นทตี่ ัง้ ไมห่ วผั ลตอบแทน (๔) ทรงทาไดจ้ รงิ อย่างทส่ี อน เป็นตวั อยา่ งท่ดี ี (๕) ทรงมีบคุ ลิกภาพโนม้ นา้ วจติ ใจใหเ้ ขา้ ใกล้ชิดสนิทสนมและพงึ พอใจได้ความสุข ๑๑ สุรีย์ มีผลกิจและวิเชียร มีผลกิจ, พระพุทธกิจ ๔๕ พรรษา, พิมพ์คร้ังที่ ๗, (กรุงเทพมหานคร: คอมฟอรม์ , ๒๕๕๑), หนา้ อารมั ภบท.
๒๐ (๖) ทรงมีหลกั การสอนและวิธีสอนยอดเยยี่ ม๑๒ ๒.๑.๓.๓ เนอื้ หาทพี่ ระพุทธองค์ทรงสอน เนือ้ หาที่พระพุทธองคท์ รงสอน มแี นวทาง ดังน้ี (๑) สอนจากส่งิ ทร่ี เู้ หน็ เข้าใจงา่ ยหรือรู้เห็นเข้าใจอยู่แล้ว ไปหาส่ิงรู้เหน็ เข้าใจได้ยาก หรือยังไม่รู้ไม่เห็นไม่เข้าใจ เช่น อริยสัจ ทรงเร่ิมจากเร่ืองทุกข์ ความเดือดร้อน ปัญหาชีวิตที่มองเห็น และประสบอยโู่ ดยธรรมดาและเห็นอยู่ทุกคน ต่อจากนั้น จึงกล่าวถึงเหตุทยี่ ากและลึกซง้ึ และแนวทาง แก้ไขต่อไป (๒) สอนด้วยของจริง ให้ผู้เรียนได้ดู ได้เห็น ได้ฟัง หรือมีประสบการณ์ตรง ถ้าส่ิงท่ี จะสอนนนั้ เป็นสิ่งทแ่ี สดงได้ (๓) สอนตรงเน้ือหา ตรงเร่ือง คุมอยู่ในเร่ือง ไม่วกวน ไม่ไขว้เขว ไม่ออกนอกเรื่อง โดยไม่มอี ะไรเกีย่ วขอ้ งในเนอ้ื หา (๔) สอนมเี หตผุ ล ตรองตามเห็นจรงิ ได้ (๕) สอนเท่าท่ีจาเป็นพอดีให้เกิดความเข้าใจได้ ให้การเรียนรู้ได้ผล ไม่ใช่สอนเท่าท่ี ตนรู้ หรือสอนแสดงภมู วิ า่ ผสู้ อนมีความรู้มาก (๖) สอนสิ่งท่ีมีความหมาย หรือสิ่งท่ีผู้เรียนจะเรียนรู้และเข้าใจ เป็นประโยชน์แก่ ตวั ผู้เรยี น๑๓ ๒.๑.๓.๔ พทุ ธลีลาในการสอน พระพุทธองค์ทรงใช้เทศนาวิธี ๔ ประการได้แก่ (๑) ช้ีแจงให้เห็นชัด (๒) ชวนให้ อยากรับเอาไปปฏิบัติ (๓) เร้าใจให้อาจหาญแกล้วกล้า (๔) ปลอบชโลมใจให้สดชื่นร่าเริง ซึ่งมักพบ เทศนาวิธหี รอื ลีลาการสอน ๔ ประการน้ี ไม่วา่ จะเปน็ ธรรมีกถาหรือการสนทนาท่ีไมไ่ ด้มคี วามมงุ่ หมาย พิเศษ เช่น ครั้งหนึ่ง เม่ือพระพุทธองค์เสด็จไปรับภัตตาหารที่บ้านของท่านเศรษฐีบิดาของพระยสะ เมื่อเสวยเรียบร้อยแล้ว พระพุทธองคท์ รงแสดงธรรมแก่มารดา บิดาและภรรยาเก่าของพระยสะ ทาให้ ท้ังสามท่านได้บรรลุเป็นพระโสดาบัน ดังเน้ือความว่า “...ทรงช้ีแจงให้มารดา บิดาและภรรยาเก่าของ ท่านพระยสะเห็นชัด ชวนให้อยากรับเอาไปปฏิบัติ เร้าใจให้อาจหาญแกล้วกล้า ปลอบชโลมใจให้ สดช่นื ร่าเริงด้วยธรรมกี ถาแลว้ เสด็จลุกจากอาสนะจากไป”๑๔ หรือเม่ือครงั้ พระเจ้าพิมพสิ ารแห่งแคว้น ๑๒ พระราชวรมนุ ี (ประยุทธ์ ปยุตโฺ ต), เทคนคิ การสอนของพระพทุ ธเจา้ , (กรุงเทพมหานคร: มลู นิธิ พุทธธรรม, ๒๕๓๐), หนา้ ๓๐-๓๑. ๑๓ เรอื่ งเดยี วกนั , หนา้ ๓๑-๓๔. ๑๔ วิ.ม. (ไทย) ๔/๒๙/๓๖-๓๗.
๒๑ มคธ ทรงถวายภัตตาหารแล้วทรงถวายอุทยานเวฬุวัน (วัดแห่งแรกในพระพุทธศาสนา) เป็นท่ีพักสงฆ์ แกพ่ ระพุทธเจา้ พระพุทธเจ้าทรงใช้วธิ ีการนี้แก่พระเจ้าพมิ พสิ าร๑๕ เป็นตวั อย่าง สามารถอธิบายขยายความเทศนาวิธี ๔ ประการ ได้ดงั น้ี ๑) สันทัสสนา ชี้แจงให้เห็นชัด อธิบายว่า เม่ือจะสอนอะไร จะชี้แจง จาแนก แยกแยะ อธิบายและแสดงเหตุผลให้ชดั เจน จนผ้ฟู งั เข้าใจแจ่มแจ้ง เห็นจรงิ ๒) สมาทปนา ชวนให้อยากรับเอาไปปฏิบัติ อธิบายว่า สิ่งใดควรปฏิบัติหรือหัดทา จะแนะนาหรือบรรยายให้ซาบซ้ึงในคุณค่า มองเห็นความสาคัญท่ีจะต้องฝึกฝนบาเพ็ญจนใจยอมรับ อยากลงมือทาหรือนาไปปฏบิ ัติ ๓) สมุตเตชนา เร้าใจให้อาจหาญแกล้วกล้า อธิบายว่า ปลุกเร้าใจให้กระตือรือร้น เกิดความอุตสาหะ มีกาลังใจแข็งขัน ม่ันใจท่ีจะทาให้สาเร็จได้ สู้งาน ไม่ระย่อ ไม่กลัวเหนื่อย ไมก่ ลวั ยาก ๔) สัมปหงั สนา ปลอบชโลมใจให้สดชื่นร่าเริง อธิบายว่า บารุงจติ ให้แช่มชื่นเบกิ บาน โดยชี้ให้เห็นผลดีหรือคุณประโยชน์ที่จะได้รบั และทางที่จะก้าวหน้าบรรลุผลสาเร็จย่งิ ขึ้นไป ทาให้ผู้ฟัง มคี วามหวังและร่าเรงิ เบกิ บานใจ สรุปใหส้ ั้นทง้ั ๔ ประการ ไดว้ ่า แจ่มแจง้ จูงใจ แกล้วกลา้ รา่ เรงิ ๑๖ ๒.๑.๓.๕ วธิ ีการสอนของพระพทุ ธเจา้ วิธีการสอนของพระพทุ ธเจ้า มีหลากหลายวธิ ี ดังน้ี (๑) การสนทนา หรือสากัจฉา เป็นวิธีท่ีทรงใช้เมื่อผู้มาเฝ้าหรือทรงพบน้ัน ยังไม่ได้ เล่ือมใสศรัทธาในพระพุทธศาสนา ไม่รู้ไม่เข้าใจหลักธรรม พระพุทธองค์จะทรงถามนาคู่สนทนาเข้าสู่ ความเข้าใจธรรมและความเลือ่ มใสศรทั ธาในท่สี ุด (๒) การบรรยาย มักใช้ในท่ีประชุม ในการแสดงธรรมประจาวัน ซ่ึงมีประชาชนหรือ พระสงฆ์จานวนมากและส่วนมากเป็นผู้มีพ้ืนความรู้ความเข้าใจหรือมีความเล่ือมใสศรัทธาอยู่แล้ว มาฟังเพื่อมีความรู้ความเข้าใจเพ่ิมเติมและหาความสงบสุขทางจิตใจ ผู้ฟังมักเป็นคนประเภทเดียวกัน และระดบั ใกล้เคียงกันพอท่ีจะใช้วิธีบรรยายเนอ้ื หาแบบกว้าง ๆ ได้ (๓) การตอบปัญหา ผู้ถามปัญหา มีทั้งผู้ท่ีมีความข้องใจสงสัยในข้อธรรมต่าง ๆ หรือ เป็นผทู้ ี่นับถอื ลทั ธิศาสนาอ่ืน เพือ่ มาลองภมู ิบ้างเพ่ือมาข่มปราบให้ได้อายบา้ ง๑๗ ๑๕ ดรู ายละเอยี ดใน วิ.ม. (ไทย) ๔/๕๙/๗๑-๗๒. ๑๖ สมเด็จพระพุทธโฆษาจารย์ (ป.อ.ปยุตโฺ ต), พจนานุกรมพุทธศาสตร์ ฉบับประมวลธรรม, พิมพ์ครั้ง ท่ี ๓๘, (กรงุ เทพมหานคร: สานกั พิมพ์ผลธิ ัมม์, ๒๕๕๙), หน้า ๑๓๔-๑๓๕. ๑๗ พระราชวรมุนี (ประยุทธ์ ปยตุ โฺ ต), เทคนคิ การสอนของพระพทุ ธเจา้ , หนา้ ๔๓-๔๗.
๒๒ ๒.๑.๓.๖ พุทธวิธสี อนดว้ ยปาฏิหารยิ ์ ปาฏิหาริย์ที่ทรงใช้ในการประกาศพระพุทธศาสนาแก่บคุ คลต่าง ๆ ๓ ประเภท ดังน้ี (๑) อิทธิปาฏิหาริย์ คอื แสดงฤทธิ์ได้หลายอย่าง ได้แก่ คนเดียวแสดงเป็นหลายคนก็ ได้ หลายคนแสดงเป็นคนเดียวก็ได้ แสดงให้ปรากฏหรือให้หายไปก็ได้ ทะลุฝา กาแพง (และ) ภูเขาไป ได้ ไม่ติดขัด เหมือนไปในท่ีวา่ งก็ได้ ผดุ ข้ึนหรือดาลงในแผ่นดินเหมอื นไปในน้าก็ได้ เดินบนน้าโดยท่ีน้า ไม่แยกเหมือนเดินบนแผ่นดินก็ได้ นั่งขัดสมาธิเหาะไปในอากาศเหมือนนกบินไปก็ได้ ใช้อานาจทาง กายไปจนถึงพรหมโลกก็ได้ เป็นตัวอย่าง แต่พระพุทธเจ้าเล็งเห็นโทษในอิทธิปาฏิหาริย์อย่างน้ี และรังเกียจเร่ืองอิทธิปาฏิหาริย์๑๘ เช่น พระพุทธองค์ทรงมิให้ท่านเศรษฐีบิดาของท่านยสะเห็นท่าน ยสะ ทั้งที่นั่งอยู่ในบริเวณเดียวกัน ขณะท่ีท่านน่ังฟังพระธรรมจากพระพุทธองค์๑๙ หรอื เม่ือองคุลิมาล ขณะเป็นโจรและวงิ่ ไล่ตามหลังพระพทุ ธองค์ แตไ่ ม่สามารถวง่ิ ตามไดท้ นั ๒๐ เปน็ ตัวอยา่ ง (๒) อาเทสนาปาฏิหาริย์ คือ แสดงปาฏิหาริย์ ได้แก่ ทายจิต ทายเจตสิก ทายความ วิตกวิจารของสัตว์อ่ืนของบุคคลอื่นได้ว่า จิตของท่านเป็นอย่างนี้ เป็นไปโดยอาการอย่างน้ี เป็นต้น พระพุทธเจา้ เล็งเห็นโทษในอาเทสนาปาฏิหาริย์ และรังเกยี จเรื่องอาเทสนาปาฏิหาริย์๒๑ เช่น พระพุทธ องค์ทรงใช้วธิ นี ้กี ับอุรเุ วลกสั สปและกล่มุ ชฎลิ เมือ่ ไปโปรดชฎลิ ทต่ี าบลอรุ เุ วลาเสนานคิ ม๒๒ เป็นต้น (๓) อนุสาสนีย์ปาฏิหาริย์ คือ การพร่าสอนต่าง ๆ เช่น ท่านจงตรึกอย่างน้ี อย่าตรึก อย่างนั้น จงใส่ใจอย่างน้ี อย่าใส่ใจอย่างนั้น จงละสิ่งน้ี จงเข้าถึงสิ่งนี้อยู่เถิด๒๓ หรือจงตรึกอย่างนี้ อย่าได้ตรึกอย่างน้ี จงมนสิการอย่างนี้ อย่าได้มนสิการอย่างน้ี จงละธรรมนี้ จงบรรลุธรรมนี้อยู่๒๔ ปาฏิหาริย์คืออนุศาสนีย์ คาสอนเป็นจริง สอนให้เห็นจริง นาไปปฏิบัติได้ผลสมจริง เป็นอัศจรรย์๒๕ วิธีนี้เป็นวิธีท่ีพระพุทธองค์ทรงใช้มากท่ีสุด เพื่อช่วยให้พระสาวกสามารถบรรลุธรรมได้อย่างรวดเร็ว เมื่อปฏิบัตติ ามคาสอนของพระพุทธองค์ พระพุทธองค์ทรงกล่าวยืนยันกับสังคารวพราหมณ์ว่า ภิกษุผู้ ประกอบดว้ ยปาฏิหาริย์ ๓ อยา่ งนี้มอี ยูจ่ านวนมาก๒๖ ๑๘ ท.ี สี. (ไทย) ๙/๔๘๔/๒๑๔-๒๑๕. ๑๙ ดรู ายละเอยี ดใน วิ.ม. (ไทย) ๔/๒๗/๓๓-๓๔. ๒๐ ดรู ายละเอียดใน ม.ม. (ไทย) ๑๓/๓๔๘/๔๒๒-๔๒๓. ๒๑ ท.ี ส.ี (ไทย) ๙/๔๘๕/๒๑๕-๒๑๖. ๒๒ ดรู ายละเอยี ดใน ว.ิ ม. (ไทย) ๔/๓๗-๕๔/๔๗-๖๕. ๒๓ ท.ี ส.ี (ไทย) ๙/๔๘๖/๒๑๖. ๒๔ องฺ.ทุกฺ. (ไทย) ๒๐/๖๑/๒๓๕. ๒๕ สมเดจ็ พระพทุ ธโฆษาจารย์ (ป.อ.ปยตุ ฺโต), พจนานกุ รมพุทธศาสตร์ ฉบับประมวลธรรม, หน้า ๙๖. ๒๖ องฺ.ทุกฺ. (ไทย) ๒๐/๖๑/๒๓๗.
๒๓ ๒.๑.๓.๗ พุทธวิธตี อบปญั หา วธิ ตี อบปัญหาท่พี ระพทุ ธองคท์ รงใชต้ ามลกั ษณะของปัญหา ๔ ประเภท คอื (๑) เอกงั สพยากรณยี ปญั หา หรือ ปญั หาทีค่ วรตอบโดยนยั เดียว (๒) วภิ ชั ชพยากรณยี ปญั หา หรือ ปญั หาท่คี วรแยกตอบ (๓) ปฏิปจุ ฉาพยากรณียปญั หา หรือ ปญั หาท่ีควรตอบโดยย้อนถาม (๔) ฐปนยี ปัญหา หรือ ปญั หาท่คี วรงดตอบ๒๗ วิธีการเหล่านี้ เป็นหลักการท่ีพระพุทธองค์ทรงใช้ในการตอบปัญหาท่ีมีบุคคลต่าง ๆ สอบถามหรอื สนทนากับพระองค์ ซง่ึ มีคาอธิบายวิธกี ารตอบปัญหาแต่ละข้อไว้ดังนี้ ๑) เอกังสพยากรณียปัญหา หรือปัญหาที่ควรตอบโดยนัยเดียว ซ่ึงแปลอีกอย่างว่า ปัญหาท่ีควรตอบทันที เป็นปัญหาง่าย ๆ ผู้ถามถามด้วยความบริสุทธิ์ใจ ต้องการคาตอบ และฟังแล้ว ได้ประโยชน์ ๒) วิภัชชพยากรณียปัญหา หรือปัญหาที่ควรแยกตอบ ซ่ึงแปลอีกอย่างว่า ปัญหาท่ี ควรตอบอย่างมีเง่อื นไข เป็นปัญหาคลุมเครอื มีสองแง่สองมุม ถา้ ตอบอย่างตรงไปตรงมา อาจจะผดิ ได้ จงึ ต้องตอบอย่างมีเง่ือนไข เพราะบางครง้ั คนถามอาจมีเจตนาไม่บริสุทธิ์ มีเลห่ ์เหลี่ยม เพอ่ื จับผิด ๓) ปฏิปุจฉาพยากรณียปัญหา หรือปัญหาท่ีควรตอบโดยย้อนถาม ซ่ึงแปลอีกอย่าง ว่า ปัญหาที่พึงย้อนถามก่อนแล้วจึงตอบ เป็นปัญหาท่ีผู้ถามมักเข้าใจผิดเก่ียวกับเรื่องนั้น ๆ อยู่ก่อน แล้วเพ่ือให้ผู้ถามเข้าใจเรื่องท่ีถามหรือปัญหาได้ถูกต้อง จึงใช้การย้อนถามเพื่อให้ผู้ถามเข้าใจปัญหาที่ ถามได้ ๔) ฐปนยี ปัญหา หรือปัญหาทค่ี วรงดตอบ ซึ่งแปลอกี อย่างว่า ปัญหาท่ีไม่พึงตอบเลย มักเป็นปัญหาทางอภิปรัชญา ซึ่งไม่เก่ียวข้องกับปัญหาเฉพาะหน้า คือการแก้ทุกข์ และมักถามเพื่อ ชวนถกเถียงเพ่ืออวดภูมิปัญญาของตนมากกวา่ การแสวงหาความรู้ความเข้าใจอยา่ งแทจ้ ริง๒๘ ๒.๑.๔ พระพุทธเจ้าทรงมอบหลักการเผยแผ่พระศาสนาแก่สาวก พระพุทธเจ้าทรงมอบหลักการหรือแนวทางเพื่อเผยแผ่หรือประกาศพระศาสนาให้แก่ พระสาวกผูเ้ ปน็ พระธรรมทูต ดังน้ี ๑) แนวทางการประกาศพระศาสนาแก่พระอรหันต์สาวก ๖๐ องค์แรก ซึ่งทรงส่งไป ประกาศพระศาสนาเป็นชุดแรก ใช้เป็นหลักในการทาหน้าท่ี และพระภิกษุสาวกใช้ในการทาหน้าที่ พระธรรมทตู จนถงึ ปัจจบุ ัน ๒๗ อง.ฺ จตุกกฺ . (ไทย) ๒๑/๔๒/๗๐. ๒๘ แสง จันทรง์ าม, วธิ สี อนของพระพุทธเจ้า, (กรงุ เทพมหานคร: มหามกฏุ ราชวิทยาลยั , ๒๕๔๐), หน้า ๙๓-๑๐๑.
๒๔ พระพุทธองค์ตรัสให้เหล่าพระสาวกออกเผยแผ่พระพุทธศาสนาประกาศพรหมจรรย์ พร้อมท้ังอรรถทั้งพยัญชนะที่บริสุทธิ์บริบูรณ์ เหล่าพระสาวกพึงดาเนินการตามคาสอนดังที่พระผู้มี พระภาคตรัสว่า ภิกษุทั้งหลาย ธรรมท่ีเราแสดงแล้วเพ่ือความรู้ย่ิง เธอท้ังหลายพึงเรียน เสพ เจริญ ทาให้มากด้วยดี โดยวิธีน้ีพรหมจรรย์จะพึงต้ังอยู่ได้นาน ดารงอยู่ได้นาน ข้อน้ันพึงเป็นไปเพ่ือเกื้อกูล แก่คนหมู่มาก เพื่อสุขแก่คนหมู่มาก เพ่ืออนุเคราะห์ชาวโลก เพ่ือประโยชน์เก้ือกูล เพื่อความสุข แก่เทวดาและมนุษย์ทั้งหลาย๒๙ พระสาวกจึงต้องเรียนรู้เพื่อให้มีธรรมเหล่านี้เกิดข้ึนก่อน จึงสามารถ นาธรรมเหล่านี้ไปเผยแผห่ รอื ประกาศไดอ้ ย่างบรสิ ุทธิบ์ รบิ ูรณ์ ๒) ประทานโอวาทปาฏิโมกข์แก่พระอรหันตสาวก จานวน ๑,๒๕๐ รูป๓๐ ซ่ึงเป็นแนวทาง ของความประพฤติ หลกั การและอุดมการณ์ ซงึ่ พระสาวกท้ังหมดสามารถใชเ้ ป็นแนวทางการปฏิบัติตัว อีกท้ังยังสามารถนาไปเป็นแนวทางในการแสดงธรรมเทศนาสั่งสอนให้บุคคลต่าง ๆ นาไปประยุกต์ ในการดาเนินชีวิตได้ด้วย ซ่ึงโอวาทปาฏิโมกข์มีคาอธิบายสรุปเป็นหลักการ ๓ อุดมการณ์ ๔ และวธิ ีการ ๖ ดงั นี้ หลักการ ๓ คือหัวใจของพระพุทธศาสนา หรือเรียกอีกอย่างหน่ึงว่า โอวาทปาฏิโมกข์ ๓ ได้แก่ ๑. การไม่ทาความชั่วทั้งปวง ได้แก่การงดเว้น ไมท่ าบาป อกุศลทจุ ริตใด ๆ ทั้งทางกาย วาจา และทางใจ ๒. การทาแต่ความดี ได้แก่ การประพฤติ ปลูกฝัง สร้างสมบุญกุศลสุจริต ทางกาย วาจา ใจ และ ๓. การทาใจของตนให้บริสุทธ์ิ ได้แก่ การชาระจิตใจให้สะอาดปราศจากกิเลสหรือส่ิงท่ีทาใจ ให้เศรา้ หมอง อดุ มการณ์ ๔ ได้แก่ ขันติ คอื ความอดกลั้น เปน็ ตบะอย่างยิง่ ๑ พระพุทธเจา้ ทง้ั หลาย กล่าววา่ นิพพานเปน็ บรมธรรม ๑ ผู้ทาร้ายคนอน่ื ไมช่ อ่ื ว่าเปน็ บรรพชิต ๑ ผู้เบียดเบียนคนอื่น ไมช่ ่ือ ว่าเป็นสมณะ ๑ วิธีการ ๖ ได้แก่ การไม่กล่าวร้าย ๑ การไม่ทาร้าย ๑ การสารวมในปาฏิโมกข์ ๑ การเปน็ ผู้รจู้ กั ประมาณในการบรโิ ภค ๑ ทีน่ ัง่ นอนอันสงัด ๑ ความเพียรในอธิจิต ๑๓๑ ๓) ประทานแนวทางของผู้ท่ีจะทาหน้าที่เป็นทูต โดยตรัสว่าผู้จะทาหน้าที่ทูตได้ ควรมีคุณสมบตั ิ ๘ ประการ ได้แก่ ๑. รจู้ ักฟัง ๒. สามารถพูดใหผ้ ู้อื่นฟังได้ ๓. ใฝศ่ ึกษา ๔. ทรงจาได้ดี ๕. เป็นผู้รู้ได้เข้าใจชัด ๖. สามารถพูดให้ผู้อื่นเข้าใจได้ ๗. ฉลาดในส่ิงที่เป็นประโยชน์และไม่เป็น ๒๙ ที.ม. (ไทย) ๑๐/๑๘๔/๑๓๐-๑๓๑. ๓๐ ดูรายละเอียดใน ท.ี ม. (ไทย) ๑๐/๙๐/๕๐-๖๐. ๓๑ สานักงานพระพุทธศาสนาแห่งชาติ, วันสาคัญทางพระพุทธศาสนา,“วันมาฆบูชา”, [ออนไลน์]. แหลง่ ทีม่ า: http://www.onab.go.th/articles [๑๗ กรกฎาคม ๒๕๖๑].
๒๕ ประโยชน์ และ ๘. ไม่ก่อการทะเลาะวิวาท คุณสมบัติน้ี พระพุทธองค์ตรัสถึงพระสารีบุตรว่ามี คุณสมบตั ิของผ้ทู าหน้าที่ทูต๓๒ ๔) ผูท้ าหน้าทป่ี ระกาศพระศาสนา ทาให้บคุ คลที่พบเหน็ เกิดความเลื่อมใสได้ ๔ แบบ คือ (๑) บคุ คลผถู้ ือรูปเป็นประมาณหรอื เล่อื มใสในรูป (๒) บคุ คลผู้ถือเสยี งเป็นประมาณหรอื เลอ่ื มใสในเสียง (๓) บุคคลผู้ถือความเศร้าหมองเป็นประมาณหรือเล่ือมใสในความเศร้าหมอง หมายถึง ความเศร้าหมองแห่งจีวร คือ จีวรท่ีหยาบ จีวรเก่า และจีวรปะเย็บหลายครั้ง และความ เศร้าหมองแหง่ บาตร คือ บาตรทมี่ รี อยบุบหลายแหง่ (๔) บุคคลผถู้ ือธรรมเปน็ ประมาณหรือเล่ือมใสในธรรม๓๓ อธบิ ายขยายความใหล้ ะเอียดขน้ึ ไดด้ งั นี้ บุคคลผู้ถือประมาณในรูป (รูปประมาณ) เป็นบุคคลท่ีมองเห็นรูปร่างสวยงาม อวัยวะสมส่วน ท่าทางสง่า สมบูรณ์พร้อมของผู้ประกาศพระศาสนา จึงชอบใจเล่ือมใสน้อมใจท่ีจะ เช่ือถือ เช่น อุปติสสะ ซึ่งพบพระอัสสชิเดินบิณฑบาตด้วยจริยาวัตรท่ีน่าเล่ือมใสและได้เดินตามไป จนได้ฟังพระธรรมและบรรลุโสดาปัตติผล๓๔ หรือพระวักกลิ ซ่ึงบวชเพราะต้องการเห็นพระพุทธเจ้า แต่ทส่ี ดุ แล้ว๓๕ พระพทุ ธองคท์ รงส่งั สอนใหท้ ้งั สองท่านบรรลุอรหัตตผลได้ในทส่ี ุด เปน็ ตน้ บุคคลผู้ถือประมาณในเสียง (โฆษประมาณ) เป็นบุคคลท่ีได้ยินได้ฟังเสียงสรรเสริญ เกียรติคุณหรือเสียงพูดจาที่ไพเราะ จึงชอบใจเลื่อมใสน้อมใจท่ีจะเชื่อถือ เช่น พระลกุณฏกภัททิยะ ได้รบั การยกยอ่ งจากพระพทุ ธเจา้ ว่าเปน็ เลศิ ทางดา้ นมีเสยี งไพเราะ๓๖ เปน็ ตน้ บคุ คลผู้ถือประมาณในความครา่ หรือเศร้าหมอง (ลูขประมาณ) เปน็ บุคคลท่ีมองเห็น สิ่งของเคร่ืองใช้ความเป็นอยู่ท่ีเศร้าหมอง เช่น จีวรคร่า ๆ หรือมองเห็นการกระทาคร่าเครียด เปน็ ทุกรกริ ยิ า ประพฤตเิ ครง่ ครัดเข้มงวดขูดเกลาตน จงึ ชอบใจเลอื่ มใสน้อมใจทจ่ี ะเช่อื ถือ บุคคลผู้ถือประมาณในธรรม (ธรรมประมาณ) เป็นบุคคลที่พิจารณาด้วยปัญญา เห็นสารธรรมหรือการปฏิบัติดีปฏิบัติชอบ คือ ศีล สมาธิ ปัญญา จึงชอบใจเลื่อมใสน้อมใจที่จะ เชื่อถือ๓๗ ๓๒ องฺ.อฏฺ ก. (ไทย) ๒๓/๑๖/๒๔๒-๒๔๓. ๓๓ อง.ฺ จตกุ กฺ . (ไทย) ๒๑/๖๕/๑๐๘-๑๐๙. ๓๔ ว.ิ ม. (ไทย) ๔/๖๐/๗๒-๗๔. ๓๕ ข.ุ อ. (ไทย) ๓๓/๔๓-๖๕/๒๔๓-๒๔๖. ๓๖ ส.น.ิ (ไทย) ๑๖/๒๔๐/๓๓๒. ๓๗ สมเด็จพระพุทธโฆษาจารย์ (ป.อ.ปยุตโฺ ต), พจนานกุ รมพทุ ธศาสตร์ ฉบับประมวลธรรม, พมิ พ์ครั้ง ที่ ๓๘, หนา้ ๑๒๒-๑๒๓.
๒๖ ๕) พระพุทธองค์ตรัสถึงบุคคลท่ีควรเสพ ควรคบ ควรเข้าไปน่ังใกล้ แม้จะถูกขับไล่ก็ตาม ควรมลี กั ษณะตามองค์คุณของกลั ยาณมิตร ๗ ประการ คือ (๑) ปิโย น่ารัก เป็นท่ีรักที่พอใจ เป็นท่ีวางใจ และสนิทสนม อันครอบคลุมถึง ลักษณะแห่งกัลยาณมิตร ๘ ประการ ไดแ้ ก่ (๑) มีศรทั ธา คอื เชื่อการตรัสรู้ของพระตถาคต เชื่อกรรม และผลของกรรม (๒) มีศีล คือ เป็นที่รัก เป็นที่เคารพ เป็นที่นับถือของสัตว์ท้ังหลาย (๓) มีสุตะ คือ กล่าวถ้อยคาท่ีลึกซ้ึงที่สัมปยุตด้วยสัจจะและปฏิจจสมุปบาท (๔) มีจาคะ คือ ปรารถนาน้อย สันโดษ ชอบสงัด ไม่คลุกคลีด้วยหมู่ (๕) มีความเพียร คือ ปรารภความเพียรในการปฏิบัติเพื่อเกื้อกูล แก่ตนและเกื้อกลู แก่ผู้อื่น (๖) มีสติ คือ มีสติต้ังม่ัน (๗) มีสมาธิ คือ มีจิตตั้งมั่นไม่ฟุ้งซ่าน (๘) มีปัญญา คอื รู้อย่างไม่วิปรติ ใช้สติพิจารณาคติแห่งกุศลธรรมและอกศุ ลธรรม รูส้ งิ่ ท่ีเกื้อกูลและสิง่ ไมเ่ ก้ือกูลแห่ง สัตว์ทั้งหลายด้วยปัญญาตามความเป็นจริง มีจิตเป็นหนึ่งในอารมณ์น้ันด้วยสมาธิ เว้นส่ิงท่ีไม่เกื้อกูล ประกอบสง่ิ ทเ่ี กอื้ กูลดว้ ยความเพยี ร (๒) ครุ นา่ เคารพ เป็นทีเ่ คารพ ทาให้เกิดความอบอุ่นใจ เป็นทพ่ี ่งึ ได้และปลอดภัย (๓) ภาวนีโย น่ายกย่อง เป็นทยี่ กยอ่ ง ทรงคุณคือมคี วามรู้และภมู ปิ ญั ญาแท้จริง (๔) วตฺตา รู้จักพูด ฉลาดในการใช้คาพูด เป็นนักพูด คอยให้คาแนะนาว่ากล่าว ตักเตือน เปน็ ที่ปรึกษาทีด่ ีได้ (๕) วจนกฺขโม อดทนต่อถ้อยคา เป็นผู้อดทนต่อถ้อยคา พร้อมจะรับฟังคาซักถาม ตา่ ง ๆ อยเู่ สมอและสามารถรับฟังด้วยความอดทนไม่เบ่ือหน่าย รวมถงึ ปฏิบัติตามโอวาททีท่ า่ นใหแ้ ล้ว (๖) คมฺภีรญฺจ กถ กตฺตา กล่าวชี้แจงแถลงเรื่องต่างๆ ท่ีลึกซ้ึงได้ เป็นผู้พูดถ้อยคา ลกึ ซ้งึ ได้ เชน่ เร่ืองเกีย่ วกับฌาน วปิ สั สนา มรรค ผล และนิพพาน (๗) โน จฏฺฐาเน นิโยชเย ไม่ชักจูงไปในทางที่เสื่อมเสีย ป้องกันไม่ให้ทาในส่ิงที่ไม่เป็น ประโยชนเ์ กื้อกูล มคี ติเป็นทุกข์ แต่ชักชวนให้ทาสิง่ ที่เปน็ ประโยชนเ์ กอ้ื กูลมีคตเิ ป็นสุข๓๘ กล่าวโดยสรุปการเผยแผ่พระพุทธศาสนาของพระพุทธเจ้าในฐานะต้นแบบ จะพบว่า ความสาเร็จมีสาเหตุมาจาก อุดมการณ์ เป้าหมาย แนวคิด และหลักการดาเนินงานอย่างเหมาะสม ชัดเจน ซ่ึงเป็นส่ิงที่พุทธสาวกผู้ทาหน้าท่ีรักษาและเผยแผ่พระศาสนาในยุคหลังควรทาความเข้าใจ อย่างถ่องแท้และนาเป็นแบบอย่าง ดังน้ัน ในประเด็นนี้สามารถจะนาวิธีการเผยแผ่พระศาสนาของ พระพุทธเจ้ามาศึกษาและแยกแยะออกเป็นหมวดหมู่ เพื่อให้ง่ายแก่การเป็นต้นแบบของการวิเคราะห์ งานเผยแผ่พระศาสนาในยคุ หลัง ดังนี้ ๓๘ อง.ฺ สตฺตก. (ไทย) ๒๓/๓๗/๕๗.
๒๗ ๒.๑.๔.๑. เปา้ หมาย หลังการตรัสรู้ ๔๙ วัน พระองค์เร่ิมงานโดยการเสด็จไปโปรดปัญจวัคคีย์ที่ป่า อิสิปตนมฤคทายวัน จากน้ันก็ได้โปรดสาธุชนอีกจานวนหน่ึงในระหว่างท่ีทรงจาพรรษา ณ ป่า อิสปตน มฤคทายวัน เมื่อออกพรรษาแล้วพระองค์ทรงมีสาวกถึง ๖๐ รูป พระสาวกเหล่านี้ล้วนเป็น พระอรหันต์ จากนั้นพระองค์ทรงเร่ิมงานข้ันต่อไปด้วยการส่งพระสาวกเหล่านั้นไปทางาน เป็นนโยบายแรกเร่ิมของงานเผยแผ่พระพุทธศาสนา เป็นที่สังเกตว่า พระพุทธเจ้าทรงใช้คาว่า “ประกาศพรหมจรรย์” มิใช่ “เผยแผ่พระพุทธศาสนา” การประกาศพรหมจรรย์ จึงเป็นการเผยแผ่ รปู แบบแหง่ การครองชีวิตอนั ประเสริฐ๓๙ เพ่ือประโยชน์สุขแกต่ นและผู้อนื่ ในจฬู นเิ ทศ ขุททกนกิ าย อธบิ ายถึงประโยชนแ์ ละการรู้จักประโยชน์วา่ เปน็ การทาให้แจ่ม แจ้งแล้ว ซึ่งประโยชน์ตน ประโยชน์ผู้อ่ืน ประโยชน์ท้ังสองฝ่าย ประโยชน์ในภพปัจจุบัน ประโยชน์ ในภพหน้า และประโยชนอ์ ยา่ งยง่ิ อันหมายถงึ พระนิพพาน๔๐ สาหรับประโยชน์ในภพปัจจุบันน้ัน ช่ือว่าทิฏฐธัมมิกัตถะ หมายถึง การรู้จักใช้ ความสามารถเพื่อการประกอบหน้าที่การงานอันเป็นสุจริตให้ได้ผลดี การรู้จักรักษาทรัพย์ที่หามาได้ การรูจ้ กั คบมติ ร การรู้จกั บรหิ ารรายรบั รายจ่ายเพ่อื ประคองชีวติ ให้ไดอ้ ย่างเหมาะสม๔๑ สว่ นประโยชน์ ในภพหน้าช่ือว่า สัมปรายิกัตถะ หมายถึง ประโยชน์ในอนาคต ได้แก่ การมีศรัทธาท่ีเหมาะสม ประพฤติอยู่ในศีลธรรม รู้จักเสียสละ และพัฒนาปัญญาของตน ก็จะส่งผลให้เกิดประโยชน์สุขแก่ชีวิต ในอนาคตตอ่ ไป๔๒ จะเห็นได้ว่าพระพุทธศาสนามิได้สอนมุ่งสู่นิพพานเท่าน้ัน แต่ให้ความสา คัญกับ การดารงชีวิตอย่างเป็นสุขของปุถุชนด้วย ผู้ท่ีต้องการเป็นสมณะประพฤติพรหมจรรย์ พระพุทธองค์ก็ จะทรงสอนให้ละเลิกกามคุณให้ส้ิน แต่หากเป็นปุถุชนกลับทรงสอนให้รู้จักปฏิบัติต่อกามคุณอย่าง ถูกต้อง โดยที่ยังคงความเป็นอิสระอยู่ได้ ไม่ตกเป็นทาสของกามคุณ และมิให้กามคุณกลายเป็นสิ่งก่อ โทษทุกข์ภัย ตัวอย่างเช่น ในโทณพราหมณสูตร ที่ทรงยกธรรมของคหบดีพราหมณ์เร่ืองการแต่งงาน และกามคุณในชีวิตคู่ขึ้นมาเทศนา๔๓ หรือในสิงคาลกสูตร มีข้อความท่ีพระองค์ทรงกาหนดหน้าท่ีของ ๓๙ พทุ ธทาสภกิ ข,ุ อบรมพระธรรมทูต, (กรุงเทพมหานคร: ธรรมทานมลู นิธิและธรรมสภา, ๒๕๔๔), หน้า ๒๕-๒๖. ๔๐ ขุ.จ.ู (ไทย) ๓๐/๑๔๔/๔๗๔. ๔๑ สมเด็จพระพุทธโฆษาจารย์ (ป.อ.ปยุตโฺ ต), พจนานกุ รมพทุ ธศาสตร์ ฉบับประมวลธรรม, พมิ พ์คร้ัง ที่ ๓๘, หนา้ ๑๑๖. ๔๒ เรือ่ งเดยี วกัน, หนา้ ๑๔๖-๑๔๗. ๔๓ อง.ฺ ปญฺจก. (ไทย) ๒๒/๑๙๒/๓๒๐.
๒๘ ภิกษุพึงปฏิบัติต่อฆราวาส ๖ สถาน มีอยู่ข้อหนึ่งว่า “ชี้ทางสวรรค์ให้ ”๔๔ เป็นต้น ทั้งนี้ก็เพ่ือให้เขามี ความสุข ตามแบบฆราวาสทั้งในโลกน้แี ละโลกหน้า อน่ึง คาสอนทั้งหลายในพระพุทธศาสนานั้น รวมแล้วมาจากแก่นธรรมที่พระพุทธองค์ได้ ตรสั รู้คือปฏิจจสมุปบาทที่ว่าด้วยส่งิ ๆ ตา่ งมีขึน้ ได้เพราะมีเหตุปจั จัยท่ีต่างองิ อาศยั กนั เกดิ ขนึ้ เป็นวงจร หากตัดวงจรเสียได้ก็ไม่มีการเกิด พระองค์ทรงสอนอริยสัจ ๔ ที่ว่าด้วยเรื่องของ ทุกข์ เหตุแห่งทุกข์ การดับทุกข์ และวธิ ีเพื่อดับทกุ ข์ พระองค์ทรงพบว่าหนทางที่จะชว่ ยปลดเปลือ้ งทุกข์ นามาซึ่งความสุข ในการดารงชวี ิตคือ มชั ฌิมาปฏิปทา ได้แก่ การปฏิบตั ติ ามอริยมรรคมีองค์แปด อนั ได้แก่ การรักษาศีล ฝึกสมาธิ และพัฒนาปัญญา๔๕ เม่ือมนุษย์ปฏิบัติแล้วจะได้รับความสุขเพิ่มขึ้น ตามแต่ระดับของ ความสามารถท่ีพัฒนาได้ กล่าวคือ ศีล เป็นเครื่องมือควบคุมตนให้มีความประพฤติเป็นปกติ คาว่า ปกติหมายถึง ไม่สร้างความเดือดร้อนขึ้นมา การมีสมาธิคือการรู้จักควบคุมจิตใจ และการพัฒนา ปัญญาคือการฝกึ ตนใหม้ คี วามรู้ในอรยิ สัจ ๔ เมอ่ื มนุษยไ์ ด้พฒั นาดว้ ยแนวทางน้ี แม้จะยงั ไมบ่ รรลธุ รรม อันเป็นเป้าหมายสูงสุดท่ีพระพุทธเจ้าตรัสรู้และต้ังใจส่ังสอนให้มนุษย์ไปถึงขั้นนั้น แต่มนุษย์ก็จะได้รับ ความปกติสุขในการดาเนนิ ชีวติ สง่ ผลให้สงั คมเกดิ ความสันติสขุ ไปด้วย งานเผยแผ่พระศาสนาของพระพุทธเจ้าโดยเน้ือแท้แล้ว จึงไม่ใช่การประกาศศาสนาใน ลักษณะของความเป็นเจ้าของกลุ่มองค์กรใด ๆ และมิได้มีเป้าหมายเพ่ือก่อต้ังองค์กรพระพุทธศาสนา ให้มีความยิ่งใหญ่ เพ่ือประโยชน์เจาะจงแก่ใครคนใดคนหนึ่ง แต่พระองค์ต้องการประกาศหลักการ หรือแบบแผนในการดารงชีวิตที่ดีงามตามที่พระองค์ทรงค้นพบ ให้ชาวโลกได้รับรู้และนาไปปฏิบัติ “เพ่ือประโยชน์ เพ่ือความสุข และเพ่ือสันติภาพของมวลมนุษย์” โดยท่ีพระพุทธองค์ทรงเชื่อม่ันว่า มนุษย์มีศักยภาพที่จะเรียนรู้และพัฒนาตนได้ การรู้ธรรมคือการพัฒนา และพัฒนาการขั้นสูงสุดของ มนษุ ยค์ ือการได้บรมธรรม หรือพระนิพพาน อนั เป็นภาวะทีม่ นษุ ยห์ ลดุ พ้นจากทุกข์ทงั้ มวลโดยส้นิ เชงิ ๒.๑.๔.๒ หลักการ เมื่อจะกล่าวถึงหลักการและเหตุผล หรือหัวใจของพ ระพุ ทธศาสนา คือ โอวาทปาติโมกขว์ ่า ความอดทนคือความอดกล้ันเป็นตบะอย่างยิ่ง พระพุทธเจ้าทั้งหลายตรัสว่า นิพพานเป็น บรมธรรม ผู้ทารา้ ยผอู้ ่ืน ไม่ชื่อว่าเปน็ บรรพชิต ผู้เบียดเบียนผู้อ่ืน ไม่ช่ือว่าเป็นสมณะ การไม่ทา บาปท้ังปวง การทากุศลให้ถึงพร้อม การทาจิตของตนให้ผ่องแผ้ว น้ีคือคาส่ังสอนของ พระพุทธเจ้าท้ังหลาย การไม่กล่าวร้ายผู้อื่น การไม่เบียดเบียนผู้อ่ืน ความสารวมในปาติโมกข์ ๔๔ ท.ี ปา. (ไทย) ๑๑/๒๔๔/๒๐๐. ๔๕ พุทธทาสภิกข,ุ อบรมพระธรรมทูต, หน้า ๒๖-๒๗.
๒๙ ความเป็นผู้รู้จกั ประมาณในอาหาร การอยู่ในเสนาสนะที่สงัด การประกอบความเพียรในอธิจิต น้ีคือคาสง่ั สอนของพระพุทธเจ้าทั้งหลาย๔๖ จากพุทธดารัสนี้ เมอ่ื พิจารณารว่ มกบั พุทธโอวาทคราวสง่ พระสาวก ๖๐ รปู ออกไปเผยแผ่ ในคร้ังแรกแล้ว สามารถวิเคราะห์ถึงหลักการและเหตุผลของคาสอนรวมถึงคุณธรรมของผู้ทาหน้าที่ เผยแผ่ได้ ดังน้ี ๑) ว่าด้วยหลักการแห่งพระธรรมวินัยท้ังมวล คือการไม่ทาบาปท้ังปวง ทากุศลให้ถึง พรอ้ ม และทาจิตของตนให้ผอ่ งแผ้ว โดยการปฏบิ ัตติ ามมรรคมีองคแ์ ปด ซ่งึ กค็ อื ไตรสิกขา ๒) ว่าด้วยหลักการของการเผยแผ่ คือ “จงแสดงธรรมมีความงามในเบ้ืองต้น มีความงาม ในท่ามกลาง และมีความงามในที่สุด จงประกาศพรหมจรรย์ พร้อมท้ังอรรถและพยัญชนะบริสุทธ์ิ บรบิ รู ณ์ครบถว้ น” หมายถึง ให้รักษาไวซ้ งึ่ ความบริสุทธแิ์ ห่งพระธรรมคาสอน โดยสอนศีลเป็นเบอื้ งต้น สมาธิเป็นท่ามกลาง และปัญญาเป็นเบ้ืองปลาย๔๗ ซ่ึงก็คือการฝึกอบรมบุคคลให้เกิดการพัฒนาไป ตามลาดับขั้นน่ันเอง อน่ึง การพัฒนาบุคคลอันเป็นภารกิจหลักของการเผยแผ่พระพุทธศาสนาน้ัน ได้แก่ การสร้างให้เขาเหล่านั้นเกิดความรู้ความเข้าใจในข้อเท็จจริงของสภาวะท้ังหลาย มีทัศนคติต่อ ส่ิงท้ังหลายอย่างถูกต้อง ปฏิบัติและจัดการกับสิ่งทั้งหลายตามท่ีควรจะเป็น เพ่ือให้เกิดเป็นประโยชน์ ตน คือ ความมีชีวิตอยู่อย่างสาเร็จผลดีท่ีสุด มีจิตใจเป็นอิสระ และประโยชน์ผู้อ่ืน คือสามารถช่วย สร้างสรรค์ประโยชนส์ ขุ แกช่ นทั้งหลายที่อย่รู ่วมกันเปน็ สังคมได้๔๘ ๓) ว่าดว้ ยคุณธรรมของผ้ทู าหนา้ ทเี่ ผยแผ่ ได้แก่ (๑) อดทนอดกล้ัน ทั้งต่อสภาพความเป็นอยู่ท่ีลาบากและต่อการถูกดูหมิ่นหรือไม่ยอมรับ ผทู้ าหนา้ ท่เี ผยแผ่ตอ้ งไมต่ อบโตเ้ พราะเป้าหมายของการเผยแผค่ ือสนั ติสุข (๒) จาริกไปมใิ ห้ยึดติดกับสถานที่ นอกจากจะเพ่อื ใหไ้ ด้มโี อกาสสั่งสอนผคู้ นไดม้ ากข้ึนแล้ว ยงั เปน็ การทาใหไ้ มย่ ึดติดกับลาภสักการะหรอื การสะสมท่จี ะมขี ้นึ ในสถานท่ีใดท่ีหนึ่งทอ่ี ยูน่ าน (๓) มคี วามเมตตากรณุ าตอ่ สรรพสัตว์ อนุเคราะหด์ ้วยธรรมอยา่ งไมเ่ ลอื กชั้นวรรณะ ๔) มคี วามกลา้ หาญ ดังทที่ รงให้แยกยา้ ยกนั ไป อย่าไปทางเดียวกนั สองรปู ๕) ประพฤติพรหมจรรย์เป็นแบบอย่าง จากประโยคเดิมท่ีว่า “...จงประกาศพรหมจรรย์ พร้อมท้ังอรรถและพยัญชนะบริสุทธิ์บริบูรณ์ครบถ้วน” คา‘อรรถะ’ หมายถึง เน้ือหาแท้ ๆ คือ การกระทา สว่ น ‘พยญั ชนะ’ คอื คาพดู ๔๙ หนา้ ๖. ๔๖ ท.ี ม. (ไทย) ๑๐/๙๐/๕๐-๕๐. ๔๗ ท.ี สี.อ. (ไทย) ๑๙๐/๑๕๙. ๔๘ พระธรรมปิฎก (ป.อ.ปยตุ โฺ ต), พทุ ธวิธีในการสอน, (กรุงเทพมหานคร: มูลนธิ พิ ทุ ธธรรม, ๒๕๔๒), ๔๙ พุทธทาสภิกข,ุ อบรมพระธรรมทูต, หน้า ๓๒-๓๓.
๓๐ ดังน้ันการประกาศพรหมจรรย์ จึงไม่ใช่เพียงแค่คาส่ังสอน แต่เป็นการไปประกาศ การกระทา ส่วนคาสั่งสอนนั้นเป็นวิธีการประกอบ นอกจากน้ีคาว่า ธรรม ยังหมายรวมถึง ธรรม ๓ ประการ คือ ปริยตั ิธรรม ปฏิปตั ติธรรม และปฏิเวธธรรม ผู้ทาหน้าท่ีเผยแผ่จึงต้องสามารถแสดงธรรม ได้ครบทัง้ ๓ ประการ จึงจะสมบูรณ์ ๖) มีความหวังในผลสาเร็จมุ่งมั่นไม่ท้อถอย และไม่ละเลยประโยชน์สุขของผู้คนแม้มี จานวนน้อย ด้วยประโยคท่ีว่า “สัตว์ทั้งหลายที่มีธุลีในตาน้อยมีอยู่ย่อมเส่ือมเพราะไม่ได้ฟังธรรม จักมีผู้รู้ธรรม” เป็นการแสดงถึงคาสอนที่ไม่ให้พระสาวกท้อแท้สิ้นหวังในงานที่ยากนี้ และทรงให้ กาลงั ใจว่า ยงั มผี ู้ท่ีสามารถปฏบิ ตั ติ ามพระธรรมคาสอนนี้ไดแ้ น่นอน จงึ ขอใหม้ งุ่ ม่นั ทาประโยชน์ตอ่ ไป ๗) มีความมักน้อย สมถะสารวมพากเพียรในการฝึกฝนตน ซึ่งจะได้เป็นต้นแบบของ การประพฤติพรหมจรรย์ และเปน็ ประโยชน์เฉพาะตนแก่พระสาวก ๒.๒ วิเคราะหพ์ ุทธวิธใี นการเผยแผ่ พุทธวิธีในการเผยแผ่คาสอนของพระพุทธเจ้า คือการวางเป้าหมายหรือวัตถุประสงค์ ทีต่ ้องการบรรลุ ซง่ึ ผูว้ จิ ัยจะได้นาเสนอในประเดน็ ดงั ต่อไปนี้ ๒.๒.๑ พุทธวิธีการเผยแผ่พระพุทธศาสนา ในประเดน็ น้ีจะเห็นได้ว่าเป็นวิธีหนงึ่ ในการเผยแผ่คาสอนของพระพทุ ธเจ้า ซ่ึงเร่ิมจากผนู้ า คือชนช้ันปกครองหรือตระกูลใหญ่ ๆ มาเป็นผู้สนับสนุนเพราะชนชั้นปกครองซ่ึงหมายถึงเจ้าผู้ครอง แคว้น มหาอามาตย์ราชปุโรหิตผู้ใหญ่ และตระกูลใหญ่ ๆ ไม่ว่าจะเป็นพราหมณ์มหาศาล หรือคหบดี มหาศาลซึ่งระดับเศรษฐีมหาศาลท้ังน้ัน ถ้าได้บุคคลระดับนี้เขา้ มาเป็นพุทธบริษัทก็จะเป็นกาลังสาคัญ ในการเผยแผ่พระศาสนา คือเป็นเกราะคุ้มครองป้องกันให้พุทธบริษัทดว้ ย เป็นการสรา้ งแรงจงู ใจและ ความสนใจให้ผู้อื่นมานับถือพระพุทธศาสนาตามด้วย และท่ีสาคัญเป็นการบารุงภิกษุและภิกษุณีสงฆ์ ไปด้วยในตัว ดังเช่น พระพุทธเจ้าเสด็จไปโปรดชฎิล ๓ พี่น้อง ซ่ึงมีบริษัทนับพันคนมาเป็นพุทธสาวก และไปโปรดพระเจ้าพิมพิสารซึ่งปกครองแคว้นมคธและแคว้นอังคะ มีเศรษฐีตระกูลใหญ่ประจาอยู่ แคว้นมคธน้ี เช่น เมณฑกเศรษฐี บิดาของธนัญชัยเศรษฐี ซึ่งเป็นปู่ของนางวิสาขา เมื่อพระพุทธเจ้า เสด็จโปรดพระเจ้าพิมพิสารพร้อมด้วยบริวารคร้ังแรก ชาวเมืองมีท้ังศิษย์พวกชฎิลบูชาไฟมาก่อน เม่อื ชฎิล ๓ พีน่ อ้ งมาเป็นพุทธสาวก ขนกลมุ่ น้ีจงึ เปลี่ยนใจมานับถอื พระพทุ ธเจา้ โดยงา่ ย๕๐ ๒.๒.๒ การสร้างแรงจงู ใจตอ่ บคุ คลภายนอกศาสนา การสร้างแรงจูงใจต่อบุคคลภายนอกศาสนาให้หันมานับถือพระพุทธศาสนาน้ัน มิใช่เรื่อง ง่ายในสมัยพุทธกาลเพราะในสมัยนั้นมีกลุ่มของเจ้าลัทธิครูท้ัง ๖ ทุกฝ่ายเอ่ยอ้างอวดอิทธิฤทธ์ิว่าตน ๕๐ ดูรายละเอียดในว.ิ ม. (ไทย) ๔/๕๕-๕๖/๖๖-๖๗.
๓๑ เปน็ ผู้วิเศษ เป็นพระอรหนั ต์ เป็นผู้ส้ินอาสวะแล้ว ซึ่งสร้างความสับสนจนไม่ทราบว่าชาวบ้านชาวเมือง จะเช่ือใครดี การที่จะสร้างแรงจูงใจให้เหล่าอัญญเดียรถีย์มานับถือพระพุทธศาสนายิ่งยากข้ึนไปอีก เพราะพวกนี้เป็นผู้มีความรู้ เป็นเจ้าหมู่เจ้าคณะ มานะถือตัวย่อมมีมากกว่าสามัญชน โดยเฉพาะ อตมิ านะวา่ ตนหรือพวกตนยง่ิ กวา่ ผู้อ่นื ๕๑ พระพุทธเจ้าทรงดาเนนิ การ ดังนี้ ๑. พระองค์และพระสาวกมีพระธรรมวินัยเป็นหลัก มีความสารวมกายวาจาอยู่แล้ว มีสติม่ันคงดารงอยู่ด้วยความไม่ประมาท ไม่อยู่โดยปราศจากสติ เม่ือเสด็จไปที่ใดหรือพระอรหันต- สาวกจาริกไปที่ใด ก็เป็นที่ดึงดูดใจให้น่าเล่ือมใสในปฏิปทา ดังกรณีตัวอย่างพระอัสสชิออกเท่ียว บิณฑบาต อุปติสสปริพาชก ศิษย์ของสัญชัยเวลัฏฐบุตร หน่ึงในหกเจ้าลัทธิได้พบเห็นก็เกิดความ เล่ือมใส หาโอกาสเข้าไปสนทนากับพระอัสสชิหลังฉันภัตตาหารแล้วเมื่อได้สดับธรรมเพียงย่อ ๆ ก็มี ความเลอ่ื มใส จงึ ชวนเพ่ือนคือโกลติ ะไปพบท่านด้วย ศิษย์สัญชัย ๒ ท่านนี้ ตอ่ มาได้อปุ สมบทในสานัก ของพระพุทธเจ้า ไดแ้ ก่ พระสารบี ุตรและพระโมคคัลลานะ ซึง่ มีเกียรติคุณโด่งดงั ได้เป็นพระอัครสาวก เบื้องขวาและเบ้ืองซา้ ยของพระพุทธเจา้ ตามลาดบั ๕๒ ๒. เมื่อพระพุทธเจ้ามีโอกาสและจังหวะ มักเสด็จไปเย่ียมพวกอัญญเดียรถีย์ถึงสานักพวก เขาบ่อย ๆ ได้สนทนาธรรมกัน เช่น คราวหน่ึงเม่ือประทบั อยู่ในนิคมช่ืออนุปิยะ แคว้นมัลละ แตเ่ ช้าตรู่ ได้เสด็จเข้าไปสานักของนักบวชเปลือยชื่อ ปาฏิกบุตร และสนทนากันด้วยอัธยาศัยไมตรี ในที่สุด ปาฏิกบุตรปริพาชกมีความเลื่อมใส แม้จะไม่ได้เปลี่ยนใจมานับถือพระพุทธศาสนา แต่ก็กราบทูลถึง ความในใจตนอย่างไพเราะจับใจว่า ข้าแต่พระองค์ผู้เจริญ ถึงการท่ีข้าพระองค์ซึ่งมีทิฏฐิแตกต่างกัน มีความถูกใจแตกต่างกัน มีความพอใจแตกต่างกัน มีอาภรณ์แตกต่างกัน เข้าถึงสุภวิโมกข์อยู่ นี้เป็นสิ่ง ทก่ี ระทาได้ยากกจ็ ริง แต่ข้าพระองคจ์ กั รักษาความเลอื่ มใสในพระผู้มพี ระภาคไวใ้ หด้ ีใหไ้ ด้๕๓ คราวหนึ่งเมื่อพระพุทธเจ้าประทับอยู่ท่ีภูเขาคิชฌกูฏในกรุงราชคฤห์ ได้เสด็จเข้าไปสานัก ของนิโครธปริพาชกซ่ึงพานักอยู่ ณ ปริพาชการามท่ีพระนางอุ ทุมพริกา มเหสีองค์หน่ึงของ พระเจ้าพิมพิสารทรงสร้างถวาย เป็นอารามใหญ่มีบริวารของนิโครธปริพาชกพักอยู่ด้วยถึง ๓,๐๐๐ คน ได้สนทนากัน ด้วยเร่ืองกีดกันบาปด้วยตบะ จนนิโครธปริพาชกและบริวารเข้าใจ สารภาพว่าตน เปน็ คนโง่เขลาไมฉ่ ลาด และท่ีเคยกล่าวร้ายพระพุทธองค์ ขอให้พระพุทธองค์อดโทษใหด้ ้วย และจะได้ สารวมต่อไป๕๔ ผู้ที่เคยนับถือลัทธิอ่ืน เม่ือได้มาเฝ้าพระพุทธองค์ ได้กราบทูลถามปัญหาหรือได้สดับ ธรรมจากพระองค์ เกือบท้ังหมดเกิดความเลื่อมใสในพระจริยาวัตรอันงดงามในวิธีการตรัสสอนและ เรื่องท่ีทรงแสดงให้เหมาะกับอธั ยาศัยของบุคคล ทาให้เขาเหล่าน้ันเกิดความเลื่อมใส ปฏิญาณตนเป็น ๕๑ องฺ.ติก. (ไทย) ๒๐/๖๖/๒๕๕-๒๖๑. ๕๒ ดรู ายลเอยี ดในวิ.ม. (ไทย) ๔/๖๐-๖๒/๗๒-๗๗. ๕๓ ที.ปา. (ไทย) ๑๑/๔๘/๓๔. ๕๔ ที.ปา. (ไทย) ๑๑/๔๙-๗๗/๓๔-๕๕.
๓๒ พุทธมามกะจานวนมาก ทาให้การเผยแผ่พระศาสนาของพระองค์นั้นได้ประสบผลสาเร็จอย่างย่ิงและ รวดเร็ว ๒.๒.๓ วสิ ยั ทัศน์ในการเผยแผ่พระพทุ ธศาสนา ในการเผยแผ่คาสอนของพระพุทธเจ้าจาต้องมีวิสยั ทัศน์ซ่ึงเป็นความจาเป็นท่ีจะตอ้ งมีการ ปรบั เปลี่ยนและกาหนดแผนกลยุทธ์ใหม่ เพ่ือท่ีจะบรรลุถึงเป้าท่ีได้ต้ังไว้ในอนาคต ซงึ่ จะต้องพิจารณา ให้รอบคอบและละเอียด เช่นตัวอย่างของกรณีการให้บรรพชาอุปสมบทซ่ึงพระสาวกรุ่นแรกท่ีทรง จดั ส่งไปประกาศพระศาสนาจานวน ๖๐ รูปนั้น ลว้ นเป็นเอหิภกิ ขุอุปสมั ปทา คือพระพุทธเจา้ ประทาน การอุปสมบทด้วยพระดารัสว่า “เธอจงเป็นภิกษุมาเถิด” แล้วตรัสต่อไปว่า “ธรรมอันเรากล่าวดีแล้ว เธอจงประพฤติพรหมจรรย์เพื่อทาท่ีสุดแห่งทุกข์โดยชอบเถิด”๕๕ เมื่อท่านเหล่านั้นสาเร็จเป็น พระอรหันต์แล้ว ได้ทรงจัดส่งไปประกาศพระศาสนา โดยทรงให้แยกย้ายกันจารกิ ไปเพื่อประโยชน์สุข แกค่ นหมมู่ าก ออกไปประกาศพรหมจรรย์ เพ่อื ผู้มธี ุลีคือกิเลสเบาบางจักไดบ้ รรลธุ รรม แม้แต่พระพุทธ องค์ก็จักเสด็จไปอุรุเวลาเสนานิคม๕๖ นี้เป็นแผนครง้ั แรกท่ีทรงตดั สนิ พระทัยจัดสง่ พระอรหันตสาวกไป ประกาศพระศาสนาท่ัวทิศานุทิศและก็ได้ผลด้วย เพราะต่อมามีกุลบุตรเป็นจานวนมากเล่ือมใสมา ขอบรรพชาอุปสมบท แต่พระสาวกเหล่าน้ันยังไม่ได้รับพระพุทธานุญาตไว้ให้การบรรพชาอุปสมบท ด้วยตนเองได้ ก็ต้องพาคนเหล่าน้ันเดินทางมาเข้าเฝ้าพระพุทธเจ้า ซึ่งเป็นความลาบากมาก พระพุทธเจ้าก็ต้องทรงปรับเปล่ียนกลยุทธ์ใหม่ ตัดสินพระทัยอนุญาตให้ภิกษุเหล่านั้นให้บรรพชา อุปสมบทแก่กุลบุตรท่ีเข้ามาขอบรรพชาอุปสมบทด้วยตนเองได้ “เราอนุญาตบรรพชาอุปสมบทด้วย ไตรสรณคมน์ เหล่าน้ี”๕๗ แต่อย่างไรก็ดี ผู้ท่ีเข้ามาทูลขอบรรพชาอุปสมบทกับพระองค์โดยตรงในช่วง น้ีกย็ งั ได้รบั เอหิภกิ ขอุ ปุ สัมปทาอยู่ ในส่วนภิกษุท่ีได้รับการบรรพชาอุปสมบทจากสานักพระเถระต่าง ๆ ในยุคแรกก็อาจ ออกไปอยู่กันตามลาพัง มีปัญหาเกิดขึ้นมากมาย เพราะขาดสมณสารูป มีความประพฤติไม่เหมาะสม ทาให้ชาวบ้านเส่ือมความศรัทธา พากันตาหนิติเตียน เหตุเช่นนี้ทาให้พระพุทธองค์ทรงคิดใหม่ เพราะการได้ปริมาณสาวกเพ่ิมแต่ไม่มีคุณภาพก็ไม่มีประโยชน์อันใด ต้องทรงปรับเปล่ียนทิศทางใหม่ กาหนดให้มีการถืออุปัชฌาย์ ทรงวางระเบียบทั้งอุปัชฌายวัตรและสัทธิวิหาริกวัตรที่จะพึงปฏิบัติ ต่อกัน๕๘ ครั้นต่อมามีเร่ืองที่ราธพราหมณ์ประสงค์จะบวช แต่ไม่มีภิกษุรูปใดคิดจะบวชให้ พระพทุ ธเจ้าทรงจัดการเรื่องนี้ โปรดใหม้ ีพิธีบรรพชาอุปสมบทแบบจตุตถกรรมวาจา โดยให้มีสงฆ์ ๑๐ ๕๕ ว.ิ ม. (ไทย) ๔/๑๘/๒๕; ๔/๓๗/๔๐. ๕๖ ว.ิ ม. (ไทย) ๔/๓๒/๔๐. ๕๗ ว.ิ ม. (ไทย) ๔/๓๔/๔๒-๔๓. ๕๘ ว.ิ ม. (ไทย ๔/๗๔-๗๘/๗๙-๙๗.
Search
Read the Text Version
- 1
- 2
- 3
- 4
- 5
- 6
- 7
- 8
- 9
- 10
- 11
- 12
- 13
- 14
- 15
- 16
- 17
- 18
- 19
- 20
- 21
- 22
- 23
- 24
- 25
- 26
- 27
- 28
- 29
- 30
- 31
- 32
- 33
- 34
- 35
- 36
- 37
- 38
- 39
- 40
- 41
- 42
- 43
- 44
- 45
- 46
- 47
- 48
- 49
- 50
- 51
- 52
- 53
- 54
- 55
- 56
- 57
- 58
- 59
- 60
- 61
- 62
- 63
- 64
- 65
- 66
- 67
- 68
- 69
- 70
- 71
- 72
- 73
- 74
- 75
- 76
- 77
- 78
- 79
- 80
- 81
- 82
- 83
- 84
- 85
- 86
- 87
- 88
- 89
- 90
- 91
- 92
- 93
- 94
- 95
- 96
- 97
- 98
- 99
- 100
- 101
- 102
- 103
- 104
- 105
- 106
- 107
- 108
- 109
- 110
- 111
- 112
- 113
- 114
- 115
- 116
- 117
- 118
- 119
- 120
- 121
- 122
- 123
- 124
- 125
- 126
- 127
- 128
- 129
- 130
- 131
- 132
- 133
- 134
- 135
- 136
- 137
- 138
- 139
- 140
- 141
- 142
- 143
- 144
- 145
- 146
- 147
- 148
- 149
- 150
- 151
- 152
- 153
- 154
- 155
- 156
- 157
- 158
- 159
- 160
- 161
- 162
- 163
- 164
- 165
- 166
- 167
- 168
- 169
- 170
- 171
- 172
- 173
- 174
- 175
- 176
- 177
- 178
- 179
- 180
- 181
- 182
- 183
- 184
- 185
- 186
- 187
- 188
- 189
- 190
- 191
- 192
- 193
- 194
- 195
- 196
- 197
- 198
- 199
- 200
- 201
- 202
- 203
- 204
- 205
- 206
- 207
- 208
- 209
- 210
- 211
- 212
- 213
- 214
- 215
- 216
- 217
- 218
- 219
- 220
- 221
- 222
- 223
- 224
- 225
- 226
- 227
- 228
- 229
- 230
- 231
- 232
- 233
- 234
- 235
- 236
- 237
- 238
- 239
- 240
- 241