Important Announcement
PubHTML5 Scheduled Server Maintenance on (GMT) Sunday, June 26th, 2:00 am - 8:00 am.
PubHTML5 site will be inoperative during the times indicated!

Home Explore JORDAN HEN (2)

JORDAN HEN (2)

Published by Arnon Nuyjumnun, 2023-08-05 08:35:20

Description: JORDAN HEN (2)

Search

Read the Text Version

ชีวประวัติ JORDAN HENDERSON ปีพิมพ์ พ.ศ.2566 สำนักพิมพ์ จัดทำโดย นาย อานนท์ นุ้ยจำนัล โรงเรียนตราดสรรเสริญวิทยาคม

จุดประสงค์ของหนังสือ หนังสือเล่มนี้ทำมาเพื่อให้บุคคลที่สนใจในชีวประวัติของ บุคคลที่กล่าวถึง ได้รู้จักตัวตน และประวัติความเป็นมาของบุคคลดังกล่าว โดยไม่กล่าวให้บุคคลในหนังสือเล่มนี้ได้รับความเสียหาด้าน ต่างๆโดยหนังสือเล่มนี้จัดทำจากประเทศอังกฤษ ซึ่งถูกแปล และได้รับลิขสิทธิ์ที่ถูกต้องแล้ว

บทที่ 1 ความเป็นมาของตำนาน

จอร์แดน เฮนเดอร์สัน หรือ เหล่าสาวกเดอะคลอปป์ เรียกกัน ว่า เฮนโด้ อดีตกัปตันและตำนานของลิเวอร์พูล ซึ่งเจ้าตัวพึ่ง ย้ายออกจากทีมไปเมื่อไม่นานนี้ แต่ด้วยวีรกรรมที่เจ้าตัวทำ และสร้าง มากับลิเวอร์พูล นั้นมีค่ามากมาย รวมถึง แชมป์พี เมียร์ลีก ปี 2019 - 2020 ที่เจ้าตัวพาทีมคว้าแชมป์หลังรอมา นานกว่า 30 ปี จอร์แดน เฮนเดอร์สันวันนี้เราจึงทำหนังสือ ขึ้นมาเพื่อเล่าถึง วีรกรรมอันน่าจดจำของ กัปตันหงส์แดงคน นี้กัน

ประวัติส่วนตัว ชื่อจริง จอร์แดน ไบรอัน เฮนเดอร์สัน เกิด: 17 มิถุนายน 1990 ทีมปัจจุบัน: สโมสรฟุตบอลอัล อิตติฟาค ทีมชาติอังกฤษ ตำแหน่ง กองกลาง ความสูง: 1.82 ม. 1

จอร์แดน เฮนเดอร์สัน เติบโตมาจากระบบเยาวชนของ ซันเดอร์แลนด์ สโมสรที่เขา อยู่ด้วยตั้งแต่อายุ 7 ขวบ ก่อนที่จะได้มีโอกาสประเดิมสนามให้ทีมแมวดำในเกมพบกับ เชลซี ในเดือนพฤศจิกายน 2008 เฮนเดอร์สันทำผลงานได้ อย่างยอดเยี่ยมด้วยการพาซันเดอร์แลนด์ ยู 18 คว้าแชมป์ลีก เยาวชนมาครองได้สำเร็จ เฮนเดอร์สัน กลับมาเล่นกับต้นสังกัดจริงอย่างซันเดอร์แลนด์ อีกครั้ง รอบนี้เขาถูกดันขึ้นไปเล่นในทีมชุดใหญ่อย่างเต็มตัว โดยเล่นในตำแหน่งปีกขวา และด้วยผลงานที่เล่นได้อย่าง สม่ำเสมอ ทีมแมวดำจึงตอบแทนเขาด้วยการมอบสัญญา 5 ปี ให้รวมถึงเขายังได้รับเลือกให้เป็นนักเตะดาวรุ่งยอดเยี่ยมแห่ง ปีของซันเดอร์แลนด์ในปีนั้นด้วย 2

ฤดูกาล 2010-11 เฮนเดอร์สันยังคงเป็นตัวหลักของซันเดอร์แลนด์ อย่างเหนียวแน่น แม้ว่าอายุจะยังน้อยก็ตามโดย สตีฟ บรู้ซ บอส ใหญ่แมวดำปรับเขามาเล่นในตำแหน่งมิดฟิลด์ตัวกลาง ซึ่งทำให้ ฟอร์มการเล่นของ เฮนเดอร์สัน ยิ่งโดดเด่นเข้าไปใหญ่เพราะตัวเขา เองมีทักษะในการจ่ายบอลและการอ่านเกม ที่ชาญฉลาดอยู่ในตัว อยู่แล้ว เฮนเดอร์สัน ลงสนามช่วยทีมแมวดำไปครบ 38 นัดไม่มีขาดเรียกว่า เป็นหัวใจของทีมแมวดำอย่างแท้จริงและเขาก็คว้าตำแหน่งนักเตะ ดาวรุ่งยอดเยี่ยมแห่งปีของสโมสรมาครองได้อีกครั้งเป็นสมัยที่สอง ติดต่อกัน เฮนเดอร์สันอำลาถิ่นสเตเดียมออฟไลต์ โดยทิ้งผลงานการรับใช้ทีม บ้านเกิดเอาไว้ที่ 79 นัดและทำไปทั้งหมด 5 ประตู 3

บทที่ 2 ยินดีต้อนรับสู่แอนฟิลด์ ในวันที่ 9 มิถุนายน ค.ศ. 2011 จอร์แดน เฮนเดอร์สัน ย้ายจากซันเดอร์แลนด์ มาอยู่กับลิเวอร์พูลด้วยค่าตัว 20 ล้านปอนด์ โดยเฮนเดอร์สันได้สวมเสื้อ หมายเลข 14 พร้อมกับความคาดหวังว่าจะเป็น สตีเวน เจอร์ราร์ด คนต่อไป แห่งถิ่นแอนฟีลด์ ฤดูกาล 2011-12 ในวันที่ 13 สิงหาคม ค.ศ. 2011 พรีเมียร์ลีก นัดเปิดฤดูกาล 2011–12 เฮนเดอร์สัน ลงสนามเป็นนัดแรกในพรีเมียร์ลีก ใน นัดที่ ลิเวอร์พูล เปิดสนามแอนฟีลด์เจอกับทีมเก่าของเขา ซันเดอร์แลนด์ โดยเสมอกัน 1-1 ต่อมา ในวันที่ 20 สิงหาคม ค.ศ. 2011 เฮนเดอร์สัน ลงสนามนัดที่สอง ในนัดที่ ลิเวอร์พูล เอาชนะ อาร์เซนอล ที่เอมิเรตส์สเตเดียม 2-0 ต่อมา ในวันที่ 27 สิงหาคม ค.ศ. 2011 เฮนเดอร์สัน ทำประตูแรกในสีเสื้อ ของลิเวอร์พูล ในนัดที่ ลิเวอร์พูล เปิดสนามแอนฟีลด์เอาชนะ โบลตันวอนเดอเรอส์ 3-1

ในวันที่ 26 กุมภาพันธ์ ค.ศ. 2012 เฮนเดอร์สัน ได้ลงเล่นเป็นตัว จริง ในลีกคัพ รอบชิงชนะเลิศ ในนัดที่ ลิเวอร์พูล เจอกับ คาร์ดิฟฟ์ ซิตี ที่สนามกีฬาเวมบลีย์ เฮนเดอร์สัน ได้พาลิเวอร์พูล คว้าแชมป์ ลีกคัพ สมัยที่ 8 มาครอง จากการยิงจุดโทษตัดสินชนะ คาร์ดิฟฟ์ซิ ตี ผลประตูรวม 3-2 และเป็นแชมป์แรกของ เฮนเดอร์สัน นับ ตั้งแต่ย้ายมาอยู่กับ ลิเวอร์พูล ต่อมา ในวันที่ 5 พฤษภาคม ค.ศ. 2012 เอฟเอคัพ รอบชิงชนะเลิศ ลิเวอร์พูล เจอกับ เชลซี ที่สนาม กีฬาเวมบลีย์ เฮนเดอร์สัน ได้ลงสนามครบ 90 นาที สุดท้าย ลิเวอร์พูล ก็เป็นฝ่ายแพ้ไป 1-2 ทำให้ ลิเวอร์พูลพลาดโอกาสคว้า แชมป์เอฟเอคัพ อย่างน่าเสียดาย ในวันที่ 8 พฤษภาคม ค.ศ. 2012 ลิเวอร์พูล ลงเล่นที่แอนฟีลด์นัด สุดท้ายในพรีเมียร์ลีกเจอกับ เชลซี อีกครั้ง โดย เฮนเดอร์สัน ทำ ประตูที่ 2 ในพรีเมียร์ลีก ให้ลิเวอร์พูลขึ้นนำ 2-0 ก่อนที่ ลิเวอร์พูล ล้างแค้น เชลซี ได้สำเร็จ 4-1 จบฤดูกาล เฮนเดอร์สัน ยิงประตูใน พรีเมียร์ลีกได้ 2 ประตูจาก 37 นัด

บทที่ 3 กัปตันและตำนาน ในวันที่ 1 มีนาคม ค.ศ. 2015 เฮนเดอร์สัน ได้สวมปลอกแขนกัปตัน ทีมลิเวอร์พูลแทน สตีเวน เจอร์ราร์ด ที่ไม่ได้ลงสนามและทำประตู ที่ 3 ในพรีเมียร์ลีก ในนัดที่ ลิเวอร์พูล เปิดสนามแอนฟีลด์เอาชนะ แมนเชสเตอร์ซิตี 2-1ต่อมา ในวันที่ 4 มีนาคม ค.ศ. 2015 เฮนเดอร์ สัน ได้สวมปลอกแขนกัปตันทีมลิเวอร์พูลอีกครั้งและได้ทำประตูที่ 4 ในพรีเมียร์ลีก ในนัดที่ ลิเวอร์พูล เปิดสนามแอนฟีลด์เอาชนะ เบิร์นลีย์ 2-0 ต่อมา ในวันที่ 16 มีนาคม ค.ศ. 2015 เฮนเดอร์สัน สวมปลอกแขนกัปตันทีมลิเวอร์พูลและทำประตูชัยให้ ลิเวอร์พูล เอาชนะ สวอนซีซิตี ที่ลิเบอร์ตีสเตเดียม 1-0 ต่อมา ในวันที่ 4 เมษายน ค.ศ. 2015 เฮนเดอร์สัน ได้ยิงจุดโทษตีไข่แตกไล่ อาร์เซนอล แต่สุดท้ายก็แพ้ไป 1-4 ต่อมา ในวันที่ 23 เมษายน ค.ศ. 2015 เฮนเดอร์สัน ได้ตัดสินใจต่อสัญญาระยะยาวกับสโมสร ลิเวอร์พูล ไปจนถึงปี 2020 พร้อมค่าเหนื่อยเพิ่มเป็น 100,000 ปอนด์ต่อสัปดาห์

ฤดูกาล 2015-16 ในวันที่ 10 กรกฎาคม ค.ศ. 2015 สโมสรฟุตบอลลิเวอร์พูล ได้แต่งตั้ง เฮนเดอร์สัน ให้เป็นกัปตันทีมลิเวอร์พูลแทน สตีเวน เจอร์ราร์ด อดีต กัปตันทีมที่ย้ายไปอยู่ ลอสแอนเจลิส แกแลกซี[21] ต่อมา ในวันที่ 17 สิงหาคม ค.ศ. 2015 เฮนเดอร์สันเปิดบอลให้ คริสตีย็อง แบนเตเก ทำประตูให้แรกในสีเสื้อของลิเวอร์พูล ในนัดที่ ลิเวอร์พูล เปิดสนาม แอนฟีลด์เอาชนะ บอร์นมัท 1-0 แต่สุดท้าย เฮนเดอร์สัน มีอาการ บาดเจ็บที่ส้นเท้าซ้าย ต่อมา ในวันที่ 16 กันยายน ค.ศ. 2015 เฮนเด อร์สันเดินทางไปที่นครนิวยอร์ก สหรัฐอเมริกา เพื่อให้แพทย์ผู้ เชี่ยวชาญตรวจสอบอาการบาดเจ็บที่เท้าของเขา ต่อมา เฮนเดอร์สัน เดินทางกลับมาจากประเทศสหรัฐอเมริกา หลังจากบินไปรักษา อาการเจ็บที่ส้นเท้าซ้าย และลงซ้อมกับเพื่อนร่วมทีม อย่างไรก็ตาม 2 วันต่อมา เฮนเดอร์สันโชคร้ายได้รับบาดเจ็บหนักที่กระดูกฝ่าเท้า ข้างขวาแตก และคาดว่าต้องใช้เวลาพักฟื้นถึง 2 เดือน

ในวันที่ 29 พฤศจิกายน ค.ศ. 2015 เฮนเดอร์สันกลับมาลงสนามอีก ครั้ง โดยลงสนามเป็นตัวสำรองแทน โรแบร์ตู ฟีร์มีนู ในนัดที่ ลิเวอร์พูล เปิดสนามแอนฟีลด์เอาชนะ สวอนซีซิตี 1-0 ต่อมา ในวันที่ 13 ธันวาคม ค.ศ. 2015 เฮนเดอร์สัน ทำประตูแรกในพรีเมียร์ลีก ใน นัดที่ ลิเวอร์พูล เปิดสนามแอนฟีลด์เสมอกับ เวสต์บรอมมิชอัลเบียน 2-2[22] ต่อมา ในวันที่ 23 มกราคม ค.ศ. 2016 เฮนเดอร์สัน ทำ ประตูที่ 2 ในพรีเมียร์ลีก ในนัดที่ ลิเวอร์พูล เอาชนะ นอริชซิตี ที่แคร์ โรว์โรด 5-4[23] ในวันที่ 7 เมษายน ค.ศ. 2016 เฮนเดอร์สันมีอาการบาดเจ็บที่เอ็นยึด ข้อเข่าด้านนอกในยูฟ่ายูโรปาลีก รอบก่อนรองชนะเลิศ นัดแรก ในนัด ที่ ลิเวอร์พูล เสมอกับ โบรุสซีอาดอร์ทมุนท์ ที่ซิกนัล อิดูนา พาร์ค สเต เดียม 1-1 และคาดว่าต้องใช้เวลาพักฟื้นถึง 6-8 สัปดาห์ ต่อมา ในวัน ที่ 15 พฤษภาคม ค.ศ. 2016 พรีเมียร์ลีก นัดปิดฤดูกาล เฮนเดอร์สัน กลับมาลงสนามอีกครั้ง โดยลงสนามเป็นตัวสำรอง ในนัดที่ ลิเวอร์พูล เสมอกับ เวสต์บรอมมิชอัลเบียน ที่เดอะฮอว์ทอนส์ 1-1

ฤดูกาล 2016-17 ในวันที่ 16 กันยายน ค.ศ. 2016 เฮนเดอร์สันทำประตูแรกใน พรีเมียร์ลีก ฤดูกาล 2016–17 นัดที่ ลิเวอร์พูล เอาชนะ เชลซี ที่สแตมฟอร์ดบริดจ์ 2-1[24] และประตูนี้ของเฮนเดอร์สัน ทำให้ได้รับการโหวตเป็นประตูยอดเยี่ยมประจำเดือน กันยายนจากพรีเมียร์ลีก[25] ต่อมา ในวันที่ 11 กุมภาพันธ์ ค.ศ. 2017 เฮนเดอร์สันลงเล่นนัดสุดท้ายในนัดที่ ลิเวอร์พูล เปิดสนามแอนฟีลด์เอาชนะ ทอตนัมฮอตสเปอร์ 2-0 หลัง จากนั้น เฮนเดอร์สันมีอาการบาดเจ็บอีกครั้งที่ส้นเท้า ส่งผล ให้เฮนเดอร์สันหมดสิทธิ์ลงเล่นตลอดทั้งฤดูกาลแล้ว ฤดูกาล 2017-18 ในวันที่ 23 กันยายน ค.ศ. 2017 เฮนเดอร์สันทำประตูแรกใน พรีเมียร์ลีก ฤดูกาล 2017–18 นัดที่ ลิเวอร์พูล เอาชนะ เลส เตอร์ซิตี ที่คิงเพาเวอร์สเตเดียม 3-2

ฤดูกาล 2018-19 ในวันที่ 4 กันยายน ค.ศ. 2018 เฮนเดอร์สันตัดสินใจต่อสัญญา ระยะยาวกับสโมสรลิเวอร์พูล[27] ต่อมา ในวันที่ 24 พฤศจิกายน ค.ศ. 2018 เฮนเดอร์สัน โดนใบแดงไล่ออกจากสนาม ในนัดที่ ลิเวอร์พูล เอาชนะ วอตฟอร์ด ที่วิคาริจโรด 3-0 ในวันที่ 5 เมษายน ค.ศ. 2019 เฮนเดอร์สันทำประตูแรกในพรีเมียร์ ลีก ฤดูกาล 2018–19 นัดที่ ลิเวอร์พูล เอาชนะ เซาแทมป์ตัน ที่ เซนต์แมรีส์สเตเดียม 3-1[28] ต่อมา ในวันที่ 1 มิถุนายน ค.ศ. 2019 ยูฟ่าแชมเปียนส์ลีก นัดชิงชนะเลิศ 2019 ลิเวอร์พูล เจอกับ ทอตนัมฮอตสเปอร์ ที่วันดาเมโตรโปลิตาโน ในมาดริด, ประเทศ สเปน สุดท้าย ลิเวอร์พูล เอาชนะ ทอตนัมฮอตสเปอร์ 2-0 ช่วยให้ ลิเวอร์พูล คว้าแชมป์ยูฟ่าแชมเปียนส์ลีก สมัยที่ 6 ได้สำเร็จ[29] ทำให้ เฮนเดอร์สันเป็นกัปตันทีมลิเวอร์พูลคนที่ 5 ที่ได้ชูถ้วยยูฟ่า แชมเปียนส์ลีก

ฤดูกาล 2019-20 ในวันที่ 14 สิงหาคม ค.ศ. 2019 ยูฟ่าซูเปอร์คัพ 2019 ลิเวอร์พูล แชมป์ยูฟ่าแชมเปียนส์ลีก ฤดูกาล 2018–19 เจอกับ เชลซี แชมป์ยูฟ่ายูโรปาลีก ฤดูกาล 2018–19 ที่ สนามโวดาโฟนพาร์ก, อิสตันบูล ประเทศตุรกี สุดท้าย ลิเวอร์พูล เอาชนะ เชลซี ในการดวลจุดโทษ 5-4 ช่วยให้ ลิเวอร์พูล คว้าแชมป์ยูฟ่าซูเปอร์คัพ สมัยที่ 4 ได้ สำเร็จ[30] ต่อมา ในวันที่ 27 ตุลาคม ค.ศ. 2019 เฮนเด อร์สันทำประตูแรกในพรีเมียร์ลีก ฤดูกาล 2019–20 นัด ที่ ลิเวอร์พูล เปิดสนามแอนฟีลด์เอาชนะ ทอตนัมฮอตส เปอร์ 2-1[31]

ในวันที่ 21 ธันวาคม ค.ศ. 2019 ฟุตบอลชิงแชมป์สโมสรโลก 2019 นัดชิงชนะเลิศ ลิเวอร์พูล เจอกับ ฟลาเม็งกู ตัวแทน คอนเมบอล ใน ฐานะแชมป์เก่าของ โกปาลิเบร์ตาโดเรส ที่สนามกีฬาแห่งชาติคา ลิฟา ในโดฮา, ประเทศกาตาร์ สุดท้าย ลิเวอร์พูล เอาชนะ ฟลาเม็ง กู ในช่วงต่อเวลาพิเศษ 1-0 ช่วยให้ ลิเวอร์พูล คว้าแชมป์ฟุตบอล ชิงแชมป์สโมสรโลก สมัยแรกได้สำเร็จ[32] ทำให้ เฮนเดอร์สันเป็น กัปตันทีมชาวอังกฤษคนแรกที่ได้ชูถ้วยยูฟ่าแชมเปียนส์ลีก, ยูฟ่าซู เปอร์คัพ และฟุตบอลชิงแชมป์สโมสรโลก ภายในปีเดียวกัน ต่อมา ในวันที่ 23 มกราคม ค.ศ. 2020 เฮนเดอร์สันทำประตูที่ 2 ใน พรีเมียร์ลีก ในนัดที่ ลิเวอร์พูล เอาชนะ วูลฟ์แฮมตันวันเดอเรอส์ ที่ สนามกีฬาโมลีนิวส์ 2-1[33] ต่อมา ในวันที่ 1 กุมภาพันธ์ ค.ศ. 2020 เฮนเดอร์สันทำประตูที่ 3 ในพรีเมียร์ลีก ในนัดที่ ลิเวอร์พูล เปิดสนามแอนฟีลด์เอาชนะ เซาแทมป์ตัน 4-0[34]

ในวันที่ 8 กรกฎาคม ค.ศ. 2020 เฮนเดอร์สันทำประตูที่ 4 ใน พรีเมียร์ลีก ในนัดที่ ลิเวอร์พูล เอาชนะ ไบรตันแอนด์โฮฟอัล เบียน ที่สนามกีฬาอเมริกันเอ็กซ์เพรสคอมมูนิตี 3-1[35] จบ ฤดูกาล เฮนเดอร์สันช่วยให้ ลิเวอร์พูล คว้าแชมป์พรีเมียร์ลีก ครั้งแรกในรอบ 30 ปีได้สำเร็จ[36] ด้วยผลงานยอดเยี่ยมทำให้ เฮนเดอร์สัน คว้ารางวัลนักฟุตบอลยอดเยี่ยมแห่งปีของสมาคม ผู้สื่อข่าวอังกฤษ (เอฟดับเบิ้ลยูเอ)[37] เฮนเดอร์สันยังได้ติดทีม ยอดเยี่ยมของพีเอฟเอ ร่วมกับ เทรนต์ อเล็กซานเดอร์-อาร์โน ลด์, แอนดรูว์ รอเบิร์ตสัน, เฟอร์จิล ฟัน ไดก์ และ ซาดีโอ มาเน่ 4 นักเตะของลิเวอร์พูล อีกด้วย[38]

ฤดูกาล 2020-21 ในวันที่ 19 ธันวาคม ค.ศ. 2020 เฮนเดอร์สันทำ ประตูแรกในพรีเมียร์ลีก ฤดูกาล 2020–21 นัด ที่ ลิเวอร์พูล เอาชนะ คริสตัลพาเลซ ที่เซลเฮิสต์ พาร์ก 7-0[39] ต่อมาในปี 2021 เฮนเดอร์สันได้ รับบาดเจ็บหนัก ส่งผลให้ เฮนเดอร์สันต้องพัก ยาวตลอดทั้งฤดูกาลแล้ว

ฤดูกาล 2021-22 ในวันที่ 31 สิงหาคม ค.ศ. 2021 เฮนเดอร์สันตัดสินใจต่อสัญญา ระยะยาวกับสโมสรลิเวอร์พูลถึงปี 2025[40] ต่อมา ในวันที่ 15 กันยายน ค.ศ. 2021 ยูฟ่าแชมเปียนส์ลีก ฤดูกาล 2021–22 รอบแบ่งกลุ่ม กลุ่ม B เฮนเดอร์สันทำประตูแรกในยูฟ่าแชมเปีย นส์ลีก ฤดูกาล 2021–22 นัดที่ ลิเวอร์พูล เปิดสนามแอนฟีลด์ เอาชนะ เอซี มิลาน จากอิตาลี 3-2[41] ต่อมา ในวันที่ 30 ตุลาคม ค.ศ. 2021 เฮนเดอร์สันทำประตูแรกในพรีเมียร์ลีก ฤดูกาล 2021–22 นัดที่ ลิเวอร์พูล เปิดสนามแอนฟีลด์เสมอกับ ไบรตันแอนด์โฮฟอัลเบียน 2-2 ต่อมา ในวันที่ 1 ธันวาคม ค.ศ. 2021 เฮนเดอร์สันทำประตูที่ 2 ในพรีเมียร์ลีก ในนัดที่ ลิเวอร์พูล เอาชนะ เอฟเวอร์ตัน ที่กูดิสันพาร์ก 4-1[42]

ในวันที่ 27 กุมภาพันธ์ ค.ศ. 2022 อีเอฟแอลคัพ 2022 นัดชิงชนะเลิศ ลิเวอร์พูล เจอกับ เชลซี ที่สนามกีฬาเวมบลีย์ สุดท้าย ลิเวอร์พูล เอาชนะ เชลซี ในการดวลจุดโทษ 11-10 ช่วยให้ ลิเวอร์พูล คว้าแชมป์อี เอฟแอลคัพ สมัยที่ 9 ได้สำเร็จ[43] ต่อมา ในวันที่ 14 พฤษภาคม ค.ศ. 2022 เอฟเอคัพ รอบชิงชนะเลิศ 2022 ลิเวอร์พูล เจอกับ เชลซี ที่ สนามกีฬาเวมบลีย์ สุดท้าย ลิเวอร์พูล เอาชนะ เชลซี ในการดวลจุด โทษ 6-5 ช่วยให้ ลิเวอร์พูล คว้าแชมป์เอฟเอคัพ สมัยที่ 8 ได้ สำเร็จ[44] ต่อมา ในวันที่ 22 พฤษภาคม ค.ศ. 2022 พรีเมียร์ลีก นัด ปิดฤดูกาล ลิเวอร์พูล เปิดสนามแอนฟีลด์เจอกับ วุลเวอร์แฮมป์ตัน วอนเดอเรอส์ เป็นนัดตัดสินแชมป์พรีเมียร์ลีกระหว่าง ลิเวอร์พูล กับ แมนเชสเตอร์ซิตี ในนัดนี้ ลิเวอร์พูล จะต้องชนะ วุลเวอร์แฮมป์ตันวอน เดอเรอส์ และต้องลุ้นให้ แมนเชสเตอร์ซิตี ไม่ชนะ แอสตันวิลลา ด้วย ลิเวอร์พูล ก็จะได้แชมป์พรีเมียร์ลีก โดย ลิเวอร์พูล เอาชนะ วุลเวอร์ แฮมป์ตันวอนเดอเรอส์ 3-1 แต่สุดท้าย แมนเชสเตอร์ซิตี เอาชนะ แอส ตันวิลลา 3-2 ทำให้ ลิเวอร์พูล พลาดโอกาสคว้าแชมป์พรีเมียร์ลีก อย่างน่าเสียดาย[45]

บทที่ 4 ลาก่อนและขอบคุณ ตำนาน ในฤดูกาลสุดท้าย 22 - 23 มันคือฤดูกาลสุดท้ายของ เฮนโด้ ด้วยเจ้าตัวเลือกที่จะย้ายออกเองหลังจากจบฤดูกาล โดยเจ้า ตัวให้เหตุผลไว้ว่า ไม่อยกเป็นตวถ่วงของทีมเนื่องจากสภาพ อายุขัยและฟอร์ม ที่ไม่คงทีตามวัย ทื้งไว้แค่ ความทรงจำของ ตำนานผู้นี้ สถิติทั้งหมด 29 ประตู 33 แอสซิตส์ แชมป์ทั้งหมด พรีมียร์ลีก 19-20 แชม์เปี้ยนลีก 1 สมัย FA Cup Carabao cup และอีกหลายอย่างนับไม่ถ้วนของ กัปตันคนนี้



\"ผมจะเป็น RED ตลอดไป ตราบจนสิ้นลม หายใจ ขอบคุณสำหรับทุกสิ่ง คุณจะไม่มีวัน เดินอย่างเดียวดาย จอร์แดน\"

THANKS JORDAN THE LEGEND


Like this book? You can publish your book online for free in a few minutes!
Create your own flipbook