๒. แหล่งเรียนรู้ภายในชุมชน ได้แก่ แหลง่ ข้อมลู หรอื แหลง่ วทิ ยาการต่างๆ ท่อี ยู่ในชุมชน มคี วามสมั พนั ธก์ บั เอกลักษณท์ างวฒั นธรรมและประเพณีชว่ ยใหเ้ ดก็ สามารถเชือ่ มโ ยงโลกภายในและโลกภายนอก (inner world & outer world) ได้ และสอดคลอ้ งกบั วถิ กี ารดำเนินชวี ิตของเดก็ ปฐมวยั ไดแ้ ก่ - ห้องสมุดโรงเรยี นวัดวชิราลงกรณวราราม - ห้องวิทยาศาสตร์ปฐมวัย - ห้องสือ่ การจดั ประสบการณ์ของศูนยเ์ ด็กปฐมวัยตน้ แบบอำเภอปากชอ่ ง - วัดวชิราลงกรณวราราม -วัดถำ้ ไตรรตั น์ - วดั ถ้ำไกแ่ ก้ว -วดั ถ้ำเขาวง - สำนักสงฆ์ถำ้ ไตรโลก -วดั เทพสุทธาจารย์ - สำนกั สงฆถ์ ำ้ โพธท์ิ อง - สำนักสงฆถ์ ้ำสองตา - สถานอี นามยั หนองนำ้ แดง - สถานีตำรวจ - สถานท่ที ำการกำนันตำบลหนองน้ำแดง - องค์การบริหารสว่ นตำบลหนองน้ำแดง - โรงพยาบาลปากชองนานา - ฟารม์ โชคชัย - บริษทั ศลิ าสากลพัฒนา - บรษิ ทั ไทยซาโต๊ะ - บรษิ ัทกรอบรปู - บรษิ ทั เกษมพัฒนา - สวนทิพย์พัฒนา - โรงงานอิฐบล็อกฐติ ิ - รา้ นคา้ ในหมู่บ้าน - ร้านตดั ผมชาย-หญงิ - ท่พี กั ตากอากาศ เช่น รีสอรท์ เขาใหญ่ รสี อรว์ นาลี ฯลฯ ๓. สถานท่สี ำคญั ต่างๆ ได้แก่ แหล่งความรู้สำคัญต่างๆ ทีเ่ ดก็ ให้ความสนใจ ไดแ้ ก่ - สวนสัตวน์ ครราชสมี า - วดั หลวงพ่อโต - เขื่อนลำตะคอง - โรงไฟฟา้ สบู กลับ - สวนสุรนารี - ศนู ยว์ ิทยาศาสตร์ อำเภอสีค้วิ
- วนอุทยานเขาใหญ่ - อนุสาวรยี ท์ ้าวสรุ นารี - วนอุทยานผเี สอ้ื - ใมก้ ลายเป็นหนิ - วัดปา่ หลักรอ้ ย - ฯลฯ การประเมินพฒั นาการ การประเมินพฒั นาการเด็กอายุ ๓ – ๖ ปี เป็นการประเมนิ พัฒนาการทางด้านร่างกาย อารมณ์ จติ ใจ สังคม และสติปญั ญาของเด็ก โดยถอื เป็นกระบวนการตอ่ ตนเอง และเปน็ ส่วนหน่งึ ของกจิ กรรมปกตทิ ีจ่ ัดใหเ้ ดก็ ในแต่ละวนั ผลทไ่ี ด้จากการสังเกตพัฒนาการเด็กตอ้ งนำมาจัดทำสารนทิ ศั น์หรอื จัดทำข้อมูลหลั กฐานหรือเอกสารอย่างเป็นระบบ ด้วยการวบรวมผลงานสำหรบั เดก็ เปน็ รายบคุ คลท่สี ามารถบอกเรื่องราวหรอื ประสบ การณ์ทเ่ี ดก็ ไดร้ ับวา่ เดก็ เกิดการเรยี นรแู้ ละมคี วามกา้ วหนา้ เพียงใด ทั้งน้ี ใหน้ ำขอ้ มูลผลการประเมินพัฒนาการเด็กมาพิจารณา ปรบั ปรุงวางแผล การจดั กจิ กรรม และสง่ เสริมให้เดก็ แต่ละคนได้รับการพัฒนาตามจุดหมายของหลกั สตู รอยา่ งต่อเนื่อ ง การประเมินพัฒนาการควรยดึ หลกั ดังน้ี 1. วางแผนการประเมินพฒั นาการอยา่ งเป็นระบบ 2. ประเมินพฒั นาการเด็กครบทุกด้าน 3. ประเมินพัฒนาการเดก็ เปน็ รายบุคคลอย่างสม่ำเสมอตอ่ เน่อื งตลอดปี 4. ประเมินพฒั นาการตามสภาพจรงิ จากกจิ กรรมประจำวนั ด้วยเคร่อื งมอื และ วธิ ีการท่หี ลากหลาย ไม่ควรใชแ้ บบทดสอบ 5. สรปุ ผลการประเมิน จดั ทำข้อมูลและนำผลการประเมินไปใช้พัฒนาเด็ก สำหรบั วธิ ีการประเมนิ ท่ีเหมาะสมและควรใช้กบั เดก็ อายุ ๓ – ๖ ปี ได้แก่ การสงั เกต การบนั ทกึ พฤตกิ รรม การสนทนากบั เดก็ การสัมภาษณ์ การวเิ คราะหข์ อ้ มลู จากผลงานเด็กท่ีเก็บอยา่ งมรี ะบบ ประเภทของการประเมนิ พัฒนาการ การพัฒนาคุณภาพการเรียนรขู้ องเด็ก ประกอบดว้ ย ๑) วัตถุประสงค์ (Obejetive) ซ่ึงตามหลักสตู รการศกึ ษาปฐมวยั พุทธศักราช....หมายถงึ จุดหมายซง่ึ เป็นมาตรฐานคุณลกั ษณะท่ีพึงประสงค์ ตัวบ่งชี้และสภาพท่ีพงึ ประสงค์ ๒) การจดั ประสบการณการเรยี นรู้ (Leanning) ซึ่งเปน็ กระบวนการไดม้ าของความรูห้ รอื ทักษะผ่านการกระทำส่ิงตา่ งๆท่ีสำคญั ตาม หลักสตู รการศึกษาปฐมวยั กำหนดให้หรอื ทีเ่ รียกวา่ ประสบการณส์ ำคัญ ในการชว่ ยอธิบายให้ครูเขา้ ใจถงึ ประสบการณท์ ี่เด็กปฐมวัยต้องทำเพอ่ื เรยี นรู้ส่ิงตา่ ง
ๆรอบตวั และชว่ ยแนะผูส้ อนในการสังเกต สนับสนุน และวางแผนการจดั กิจกรรมใหเ้ ด็กและ ๓) การประเมนิ ผล(Evaluation) เพือ่ ตรวจสอบพฤติกรรมหรอื ความสามารถตามวัยที่คาดหวงั ใหเ้ ด็กเกิดข้ึนบนพ้ืนฐ านพฒั นาการตามวัยหรอื ความสามารถตามธรรมชาตใิ นแต่ละระดบั อายุ เรยี กวา่ สภาพทีพ่ ึงประสงค์ ท่ีใชเ้ ป็นเกณฑส์ ำคญั สำหรับการประเมินพัฒนาการเดก็ เปน็ เปา้ หมายและกรอบทศิ ทางในการพัฒนาคณุ ภาพเด็กทง้ั นีป้ ระเภทของ การประเมินพัฒนาการ อาจแบง่ ได้เปน็ ๒ ลักษณะ คือ 1) แบ่งตามวัตถุประสงคข์ องการประเมิน การแบ่งตามวตั ถปุ ระสงคข์ องการประเมิน แบง่ ได้ ๒ ประเภท ดงั นี้ ๑.๑) การประเมนิ ความก้าวหนา้ ของเด็ก (Formative Evaluation) หรือการประเมนิ เพือ่ พฒั นา (Formative Assessment) หรอื การประเมินเพอ่ื เรียน (Assessment for Learning) เปน็ การประเมนิ ระหว่างการจัดระสบการณ์ โดยเก็บรวบรวมข้อมูลเกี่ยวกบั ผลพัฒนาการและการเรียนรูข้ องเด็กในระหว่างทำกิ จกรรมประจำวัน/กจิ วัตรประจำวันปกติอยา่ งต่อเนือ่ ง บันทึก วิเคราะห์ แปลความหมายขอ้ มูลแล้วนำมาใชใ้ นการส่งเสรมิ หรือปรับปรงุ แกไ้ ขการเรียนรขู้ อ งเด็ก และการจดั ประสบการณ์การเรียนรูข้ องผสู้ อน การประเมินพฒั นาการกับการจดั ประสบการณ์การเรียนรขู้ องผสู้ อนจึงเป็นเรื่องทส่ี ั มพนั ธ์กันหากขาดสิ่งหนึง่ สิง่ ใดการจดั ประสบการณก์ ารเรียนรู้กข็ าดประสทิ ธภิ าพ เปน็ การประเมินผลเพอ่ื ให้รจู้ ดุ เด่น จุดทค่ี วรส่งเสรมิ ผสู้ อนตอ้ งใชว้ ธิ กี ารและเครื่องมือประเมนิ พัฒนาการทห่ี ลากหลาย เช่น การสงั เกต การสมั ภาษณ์ การรวบรวมผลงานทแ่ี สดงออกถงึ ความกา้ วหนา้ แตล่ ะด้านของเดก็ เปน็ รายบคุ คล การใชแ้ ฟม้ สะสมงาน เพื่อใหไ้ ดข้ อ้ สรุปของประเด็นทก่ี ำหยด ส่ิงทส่ี ำคัญท่ีสุดในการประเมินความก้าวหนา้ คือ การจดั ประสบการณใ์ หก้ บั เดก็ ในลกั ษณะการเช่อื มโยงประสบการณเ์ ดมิ กับประสบ การณใ์ หมท่ ำใหก้ ารเรียนร้ขู องเดก็ เพิม่ พูน ปรับเปล่ยี นความคิด ความเขา้ ใจเดิมทไ่ี ม่ถูกตอ้ ง ตลอดจนการให้เด็กสามารถพัฒนาการเรียนรขู้ องตนเองได้ ๑.๒) การประเมินผลสรปุ (Summatie Evaluation) หรือ การประเมินเพือ่ ตัดสินผลพัฒนาการ (Summatie Assessment) หรอื การประเมนิ สรุปผลของการเรียนรู้ (Assessment of Learning) เปน็ การประเมินสรุปพฒั นาการ เพอื่ ตัดสนิ พฒั นาการของเดก็ วา่ มคี วามพร้อมตามมาตรฐานคุณลกั ษณะท่พี งึ ประสง คข์ องหลกั สูตรการศึกษาปฐมวยั หรือไม่ เพือ่ เปน็ การเชอื่ มตอ่ ของการศกึ ษาระดับปฐมวัยกับช้ันประถมศึกษาปีท่ี ๑ ดงั นน้ั ผสู้ อนจงึ ควรให้ความสำคญั กับการประเมินความกา้ วหนา้ ของเด็กในระดับหอ้ งเรีย
นมากกวา่ การประเมนิ เพ่อื ตัดสินผลพัฒนาการของเดก็ เม่ือสิ้นภาคเรยี นหรอื สิ้นปีกา รศกึ ษา 2) แบง่ ตามระดบั ของการประเมนิ การแบ่งตามระดับของการประเมิน แบ่งได้เป็น ๒ ประเภท ๒.๑) การประเมินพัฒนาการระดับชน้ั เรียน เปน็ การประเมนิ พฒั นาการท่ีอยใู่ นกระบวนการจัดประสบการณก์ ารเรยี นรู้ ผู้สอนดำเนินการเพ่อื พัฒนาเด็กและตดั สินผลการพัฒนาการด้านรา่ งกาย อารมณ์ จิตใจ สังคม และสติปญั ญา จากกจิ กรรมหลกั /หนว่ ยการเรียนร(ู้ Unit) ทีผ่ สู้ อนจดั ประสบการณ์ให้กับเด็ก ผสู้ อนประเมินผลพัฒนาการตามสภาพทีพ่ งึ ประสงคแ์ ละตวั บ่งช้ที กี่ ำหนดเปน็ เป้าหม ายในแตล่ ะแผนการจัดประสบการณข์ องหน่วยการเรียนรดู้ ว้ ยวิธตี า่ งๆ เช่น การสังเกต การสนทนา การสมั ภาษณ์ การรวบรวมผลงานท่แี สดงออกถงึ ความก้าวหนา้ แต่ละดา้ นของเด็กเป็นรายบุคคล การแสดงกริยาอาการตา่ งๆของเด็กตลอดเวลาท่ีจดั ประสบการณเ์ รยี นรู้ เพอ่ื ตรวจสอบและประเมนิ วา่ เดก็ บรรลตุ ามสภาพทพี่ งึ ประสงค์ละตวั บง่ ช้ี หรอื มีแนวโนม้ วา่ จะบรรลุสภาพท่ีพงึ ประสงค์และตวั บ่งชี้เพยี งใด แล้วแก้ไขข้อบกพรอ่ งเป็นระยะๆอยา่ งต่อเน่ือง ทง้ั น้ี ผู้สอนควรสรปุ ผลการประเมนิ พัฒนาการว่า เด็กมีผลอนั เกดิ จากการจัดประสบการณ์การเรยี นรู้หรือไม่ และมากน้อยเพียงใด โดยมีวัตถุประสงคเ์ พื่อรวบรวมหรอื สะสมผลการประเมนิ พัฒนาการในกจิ กรรมประ จำวนั /กจิ วัตรประจำวนั /หน่วยการเรียนรู้ หรผื ลตามรูปแบบการประเมินพัฒนาการท่ีสถานศึกษากำหนด เพื่อนำมาเป็นข้อมูลใช้ปรังปรุงการจดั ประสบการณก์ ารเรยี นรู้ และเป็นขอ้ มูลในการสรุปผลการประเมนิ พฒั นาในระดับสถานศึกษาตอ่ ไปอกี ดว้ ย ๒.๒) การประเมนิ พัฒนาการระดับสถานศกึ ษา เปน็ การตรวจสอบผลการประเมินพฒั นาการของเดก็ เปน็ รายบุคคลเปน็ รายภาค/รา ยปี เพอ่ื ให้ได้ข้อมลู เกีย่ วกบั การจัดการศึกษาของเดก็ ในระดบั ปฐมวยั ของสถานศึกษาว่ าส่งผลตาการเรยี นรูข้ องเดก็ ตามเป้าหมายหรือไม่ เดก็ มีสิง่ ทตี่ ้องการไดร้ ับการพัฒนาในดา้ นใด รวมท้ังสามารถนำผลการประเมนิ พัฒนาการของเด็กในระดับสถานศกึ ษาไปเป็นข้อ มลู และสารสนเทศในการปรับปรุงหลักสตู รสถานศกึ ษาปฐมวัย โครงการหรอื วธิ ีการจดั ประสบการณก์ ารเรียนรู้ ตลอดจนการจดั แผนพฒั นาคณุ ภาพการศึกษาปฐมวัยของสถานศกึ ษาตามแผนการ ประกันคุณภาพการศึกษาและการรายงานผลการพัฒนาคณุ ภาพเดก็ ต่อผู้ปกครอง นำเสนอคณะกรรมการถานศึกษาขัน้ พน้ื ฐานรับทราบ ตลอดจนเผยแพรต่ อ่ สาธรณชน ชมุ ชน หรือหน่วยงานตน้ สงั กดั หรอื หนว่ ยงานตน้ สงั กัดหนว่ ยงานทีเ่ กยี่ วขอ้ งตอ่ ไป
อนง่ึ สำหรับการประเมินพฒั นาการเด็กปฐมวยั ในระดับเขตพ้ืนทก่ี ารศึกษาหรือระดบั ปร ะเทศนน้ั หากเขตพ้ืนทก่ี ารศึกษาใดมีความพรอ้ ม อาจมีการดำเนินงานในลักษณะของการส่มุ กลมุ่ ตัวอย่างเด็กปฐมวยั เขา้ รับการประเ มนิ กไ็ ด้ ท้งั นี้ การประเมนิ พฒั นาการเด็กปฐมวยั ขอใหถ้ ือปฏบิ ตั ติ ามหลกั การการประเมินพฒั นาก ารตามหลักสตู รการศกึ ษาปฐมวยั พทุ ธศกั ราช ๒๕๖๐ บทบาทหน้าท่ีของผู้เกีย่ วข้องในการดำเนินงานประเมินพัฒนาการ การดำเนินงานประเมนิ พฒั นาการของสถานศกึ ษานั้น ต้องเปิดโอกาสใหผ้ เู้ กย่ี วขอ้ งเข้ามามีส่วนรว่ มในการประเมนิ พัฒนาการและรว่ มรบั ผิดชอบอยา่ งเหมาะสมตามบริบทของสถานศึกษาแต่ละขนาด ดังนี้ ผปู้ ฏิบัติ บทบาทหนา้ ที่ในการประเมนิ พัฒนาการ ผ้สู อน ๑. ศกึ ษาหลกั สูตรสถานศึกษาปฐมวยั และแนวการปฏิบัติการประเมินพัฒนาการตามหลกั สตู รสถาน ศกึ ษาปฐมวัย ๒. วิเคราะหแ์ ละวางแผนการประเมนิ พัฒนาการท่สี อดคลอ้ งกับห น่วยการเรียนร/ู้ กิจกรรมประจำวนั /กิจวตั รประจำวัน ๓. จัดประสบการณ์ตามหนว่ ยการเรยี นรู้ ประเมนิ พัฒนาการ และบันทกึ ผลการประจำวนั /กิจวตั รประจำวนั ๔. รวบรวมผลการประเมินพฒั นาการ แปลผลและสรุปผลการประเมินเมื่อส้ินภาคเรยี นและสิน้ ปกี าร ศึกษา ๕. สรปุ ผลการประเมินพัฒนาการระดบั ชั้นเรยี นลงในสมดุ บันทกึ ผลการประเมินพัฒนาการประจำชนั้ ๖. จัดทำสมุดรายงานประจำตวั นักเรยี น ๗. เสนอผลการประเมินพัฒนาการตอ่ ผู้บริหารสถานศึกษาลงนาม อนุมัติ ผูบ้ รหิ ารสถานศึ ๑.กำหนดผู้รบั ผดิ ชอบงานประเมินพฒั นาการตามหลกั สูตร กษา และวางแนวทางปฏบิ ตั กิ ารประเมินพฒั นาการเด็กปฐมวยั ตาม หลกั สตู รสถานศึกษาปฐมวยั ๒. นิเทศ กำกบั ติดตามใหก้ ารดำเนินการประเมนิ พฒั นาการใหบ้ รรลเุ ปา้ หมา ย
๓. นำผลการประเมนิ พฒั นาการไปจัดทำรายงานผลการดำเนินงา นกำหนดนโยบายและวางแผนพฒั นาการจดั การศึกษาปฐมวัย พอ่ แม่ ๑. ผปู้ กครอง ใหค้ วามรว่ มมอื กบั ผูส้ อนในการประเมินพฤตกิ รรมของเดก็ ที่ สงั เกตได้จากท่ีบา้ นเพ่อื เปน็ ข้อมูลประกอบการแปลผลทีเ่ ท่ยี งต รงของผู้สอน ๒. รับทราบผลการประเมนิ ของเดก็ และสะทอ้ นใหข้ ้อมลู ย้อนกลับ ทเี่ ปน็ ประโยชน์ในการสง่ เสริมและพัฒนาเด็กในปกครองของ ตนเอง ๓. ร่วมกับผู้สอนในการจัดประสบการณห์ รอื เป็นวทิ ยากรท้องถิน่ คณะกรรมการส ๑. ถานศกึ ษาขัน้ พื้น ให้ความเหน็ ชอบและประกาศใช้หลักสตู รสถานศึกษาปฐมวัย ฐาน และแนวปฏบิ ัตใิ นการประเมินพัฒนาการตามหลกั สตู รการศกึ ษาปฐมวยั ๒. รับทราบผลการประเมนิ พฒั นาการของเด็กเพอื่ การประกนั คุณ ภาพภายใน ผูป้ ฏบิ ตั ิ บทบาทหน้าท่ีในการประเมนิ พฒั นาการ สำนกั งานเ ๑. ขตพ้นื ทีก่ า ส่งเสริมการจัดทำเอกสารหลักฐานว่าด้วยการประเมนิ พัฒนาการของ รศึกษา เดก็ ปฐมวัยของสถานศกึ ษา ๒. สง่ เสริมใหผ้ ู้สอนในสถานศกึ ษามคี วามรู้ ความเขา้ ใจในแนวปฏบิ ัตกิ ารประเมนิ พฒั นาการตามมาตรฐานคุณลั กษณะทพี่ งึ ประสงค์ตามหลักสตู รสถานศกึ ษาปฐมวยั ตลอดจนความเข้าใจในเทคนิควธิ กี ารประเมินพฒั นาการในรูปแบบ ต่างๆโดยเน้นการประเมนิ ตามสภาพจริง ๓. ส่งเสริม สนับสนนุ ให้สถานศึกษาพฒั นาเครอื่ งมอื พัฒนาการตามมาตรฐานคุ ณลักษณะที่พึงประสงคต์ ามหลกั สตู รการศกึ ษาปฐมวัยและการจดั เก็ บเอกสารหลกั ฐานการศกึ ษาอยา่ งเป็นระบบ ๔. ให้คำปรึกษา แนะนำเก่ียวกับการประเมินพัฒนาการและการจัดทำเอกสารหลกั ฐา น
๕. จดั ใหม้ ีการประเมินพฒั นาการเด็กท่ดี ำเนินการโดยเขตพื้นทก่ี ารศกึ ษาหรือหน่วยงานตน้ สงั กดั และใหค้ วามรว่ มมอื ในการประเมนิ พัฒน าการระดับประเทศ แนวปฏิบตั ิการประเมินพัฒนาการ การประเมนิ พัฒนาการเดก็ ปฐมวัยเป็นกจิ กรรมทส่ี อดแทรกอยู่ในการจัดประ สบการณ์ทกุ ข้นั ตอนโดยเรมิ่ ตัง้ แตก่ ารประเมนิ พฤติกรรมของเด็กก่อนการจดั ประส บการณ์ การประเมินพฤติกรรมเด็กขณะปฏบิ ตั ิกจิ รรม และการประเมนิ พฤตกิ รรมเดก็ เมอื่ สน้ิ สุดการปฏิบัตกิ จิ กรรม ทง้ั นี้ พฤตกิ รรมการเรยี นรูแ้ ละพัฒนาการดา้ นตา่ งๆ ของเดก็ ทีไ่ ด้รับการประเมนิ น้ัน ตอ้ งเปน็ ไปตามมาตรฐานคณุ ลกั ษณะท่พี ึงประสงค์ ตัวบง่ ช้ี และสภาพที่พึงประสงคข์ องหลกั สตู รสถานศกึ ษาระดับปฐมวัยทผ่ี ูส้ อนวางแผนและอ อกแบบไว้ การประเมินพฒั นาการจงึ เปน็ เครอ่ื งมือสำคัญท่ีจะช่วยให้การเรียนรู้ของเด็กบรรลตุ ามเปา้ หมายเพ่อื นำผลการประเมนิ ไปปรับปรุง พฒั นาการจดั ประสบการณก์ ารเรยี นรู้ และใช้เปน็ ข้อมูลสำหรบั การพัฒนาเด็กต่อไป สถานศึกษาควรมีกระบวนการประเมนิ พฒั นาการและการจัดการอยา่ งเป็นระบบสรุ ปผลการประเมินพัฒนาการที่ตรงตามความรู้ ความสามารถ ทักษะและพฤติกรรมทแี่ ทจ้ ริงของเดก็ สอดคลอ้ งตามหลกั การประเมนิ พฒั นาการ รวมทงั้ สะทอ้ นการดำเนนิ งานการประกันคุณภาพภายในของสถานศึกษาอยา่ งเปน็ ร ะบบและตอ่ เน่ือง แนวปฏิบัตกิ ารประเมินพัฒนาการเดก็ ปฐมวยั ของสถานศึกษา มดี ังนี้ ๑. หลักการสำคัญของการดำเนนิ การประเมินพัฒนาการตามหลักสูตรการศกึ ษาปฐมวยั พุทธศกั ราช ๒๕๖๐ สถานศกึ ษาที่จัดการศกึ ษาปฐมวัยควรคำนึงถึงหลกั สำคัญของการดำเนินงาน การประเมนิ พัฒนาการตามหลกั สตู รการศึกษาปฐมวัย สำหรบั เด็กปฐมวัยอายุ ๓-๖ ปี ดังนี้ ๑.๑ ผ้สู อนเป็นผรู้ ับผิดชอบการประเมินพัฒนาการเดก็ ปฐมวยั โดยเปดิ โอกาสใหผ้ ูท้ ีเ่ กี่ยวขอ้ งมีสว่ นรว่ ม ๑.๒ การประเมินพัฒนาการ มีจุดม่งุ หมายของการประเมนิ เพอื่ พฒั นาความกา้ วหน้าของเด็กและสรุปผลการประ เมนิ พัฒนาการของเด็ก ๑.๓ การประเมนิ พัฒนาการต้องมีความสอดคล้องและครอบคลุมมาตรฐานคณุ ลักษณะที่
พงึ ประสงค์ ตัวบ่งชี้ สภาพทพ่ี งึ ประสงคแ์ ตล่ ะวยั ซ่งึ กำหนดไวใ้ นหลกั สตู รสถานศึกษาปฐมวัย ๑.๔ การประเมนิ พัฒนาการเปน็ ส่วนหนึ่งของกระบวนการจัดประสบการณก์ ารเรยี นรูต้ ้ องดำเนินการด้วยเทคนคิ วธิ ีการทหี่ ลากหลาย เพื่อให้สามารถประเมินพัฒนาการเด็กได้อยา่ งรอบดา้ นสมดลุ ทัง้ ดา้ นรา่ งกาย อารมณ์ จิตใจ สังคม และสตปิ ญั ญา รวมท้งั ระดับอายุของเดก็ โดยตงั้ อย่บู นพื้นฐานของความเทย่ี งตรง ยุตธิ รรมและเช่ือถือได้ ๑.๕ การประเมนิ พฒั นาการพจิ ารณาจากพฒั นาการตามวัยของเด็ก การสังเกตพฤตกิ รรมการเรยี นรู้และการร่วมกิจกรรม ควบคู่ไปในกระบวนการจัดประสบการณ์การเรียนรตู้ ามความเหมาะสมของแตล่ ะร ะดบั อายุ และรูปแบบการจดั การศึกษา และตอ้ งดำเนนิ การประเมินอยา่ งตอ่ เนอื่ ง ๑.๖ การประเมนิ พฒั นาการตอ้ งเปดิ โอกาสให้ผู้มีสว่ นเกยี่ วข้องทกุ ฝ่ายไดส้ ะท้อนและตร วจสอบผลการประเมินพฒั นาการ ๑.๗ สถานศกึ ษาควรจดั ทำเอกสารบนั ทกึ ผลการประเมนิ พัฒนาการของเดก็ ปฐมวยั ในระ ดบั ชนั้ เรียนและระดบั สถานศึกษา เช่น แบบบนั ทึกการประเมนิ พัฒนาการตามหน่วยการจดั ประสบการณ์ สมุดบนั ทกึ ผลการประเมนพัฒนาการประจำชนั้ เพือ่ เปน็ หลกั ฐานการประเมนิ และรายงานผลพัฒนาการและสมดุ รายงานประจำตวั นั กเรียน เพือ่ เปน็ การส่ือสารข้อมลู การพฒั นาการเดก็ ระหว่างสถานศึกษากับบ้าน ๒. ขอบเขตของการประเมินพฒั นาการ หลักสูตรการศกึ ษาปฐมวัย พทุ ธศกั ราช ๒๕๖๐ไดก้ ำหนดเป้าหมายคุณภาพของเด็กปฐมวยั เปน็ มาตรฐานคุณลกั ษณะทพี่ ึงป ระสงค์ ซ่ึงถอื เป็นคณุ ภาพลักษณะที่พงึ ประสงคท์ ต่ี ้องการใหเ้ กิดขน้ึ ตัวเด็กเมื่อจบหลกั สูตรก ารศึกษาปฐมวยั คุณลักษณะท่ีระบุไว้ในมาตรฐานคณุ ลักษณะที่พึงประสงค์ถือเป็นสง่ิ จำเปน็ สำหรบั เ ด็กทกุ คน ดังนั้น สถานศึกษาและหนว่ ยงานที่เกย่ี วขอ้ งมีหนา้ ทแี่ ละความรับผิดชอบในการจดั การศึก ษาเพ่ือพัฒนาเดก็ ให้มคี ุณภาพมาตรฐานท่พี งึ ประสงคก์ ำหนด ถอื เปน็ เครอื่ งมือสำคัญในการขับเคลื่อนและพัฒนาคณุ ภาพการศึกษาปฐมวัย แนวคดิ ดงั กลา่ วอยู่บนฐานความเช่ือทวี่ ่าเด็กทุกคนสามารถพฒั นาอยา่ งมีคุณภาพแล ะเท่าเทียมได้ ขอบเขตของการประเมินพฒั นาการประกอบด้วย ๒.๑ ส่งิ ที่จะประเมิน ๒.๒ วธิ แี ละเครือ่ งมอื ท่ีใช้ในการประเมิน ๒.๓ เกณฑ์การประเมนิ พัฒนาการ ๒.๑ สิง่ ที่จะประเมนิ
การประเมินพฒั นาการสำหรบั เด็กอายุ ๓-๖ ปี มเี ป้าหมายสำคญั คือ มาตรฐานคณุ ลักษณะท่ีพึงประสงคจ์ ำนวน ๑๒ ข้อ ดงั น้ี ๑. พฒั นาการด้านร่างกาย ประกอบดว้ ย ๒ มาตรฐาน คอื มาตรฐานที่ ๑ ร่างกายเจรญิ เตบิ โตตามวยั และมสี ุขนิสัยทีด่ ี มาตรฐานท่ี ๒ กลา้ มเนอื้ ใหญแ่ ละกลา้ มเนอ้ื เล็กแข็งแรงใช้ไดอ้ ย่างคลอ่ งแคลว่ และประสานสัมพันธ์ กัน ๒. พัฒนาการด้านอารมณ์ จิตใจ ประกอบด้วย ๓ มาตรฐาน คอื มาตรฐานที่ ๓ มสี ุขภาพจติ ดีและมคี วามสุข มาตรฐานท่ี ๔ ช่นื ชมและแสดงออกทางศลิ ปะ ดนตรี และการเคลอื่ นไหว มาตรฐานท่ี ๕ มีคุณธรรม จริยธรรม และมีจติ ใจท่ีดีงาม ๓. พัฒนาการดา้ นสังคม ประกอบดว้ ย ๓ มาตรฐาน คือ มาตรฐานท่ี ๖ มีทักษะชีวติ และปฏิบัติตนตามหลักปรชั ญาของเศรษฐกิจพอเพียง มาตรฐานที่ ๗ รักธรรมชาติ ส่งิ แวดล้อม วฒั นธรรม และความเปน็ ไทย มาตรฐานที่ ๘ อยู่รว่ มกบั ผูอ้ ่ืนไดอ้ ยา่ งมีความสขุ และปฏิบตั ติ นเป็นสมาชกิ ท่ดี ีของสังคมในระบอบ ประชาธปิ ไตย อนั มพี ระมหากษตั ริยท์ รงเป็นประมขุ ๔. พฒั นาการดา้ นสติปัญญา ประกอบดว้ ย ๔ มาตรฐาน คือ มาตรฐานที่ ๙ ใชภ้ าษาส่อื สารไดเ้ หมาะสมกบั วัย มาตรฐานท่ี ๑๐ มีความสามารถในการคิดท่เี ปน็ พ้นื ฐานในการเรียนรู้ มาตรฐานที่ ๑๑ มจี นิ ตนาการและความคิดสร้างสรรค์ มาตรฐานที่ ๑๒ มีเจตคตทิ ีด่ ีต่อการเรยี นรแู้ ละมีความสามารถในการแสวงหาความรไู้ ดเ้ หมาะสมกบั วยั ส่งิ ทีจ่ ะประเมนิ พัฒนาการของเดก็ ปฐมวัยแต่ละด้าน มีดังนี้ ดา้ นร่างกาย ประกอบดว้ ย การประเมนิ การมีนำ้ หนักและสว่ นสูงตามเกณฑ์ สุขภาพอนามยั สขุ นิสยั ทด่ี ี การรจู้ ักรักษาความปลอดภัย การเคลือ่ นไหวและการทรงตัว การเล่นและการออกกำลงั กาย และการใช้มืออยา่ งคล่องแคล่วประสานสัมพันธ์กัน ดา้ นอารมณ์ จิตใจ ประกอบด้วย การประเมินความสามารถในการแสดงออกทางอารมณ์อยา่ งเหมาะสมกบั วยั และสถ านการณ์ ความรสู้ กึ ท่ดี ตี อ่ ตนเองและผู้อ่นื มคี วามรู้สึกเหน็ อกเหน็ ใจผู้อ่ืน ความสนใจ/ความสามารถ/และมคี วามสุขในการทำงานศิลปะ ดนตรี และการเคลอ่ื นไหว ความรับผดิ ชอบในการทำงาน ความซอื่ สตั ยส์ ุจริตและร้สู กึ ถกู ผิด ความเมตตากรุณา มีน้ำใจและชว่ ยเหลอื แบ่งปนั ตลอดจนการประหยดั อดออม และพอเพยี ง ดา้ นสงั คม ประกอบดว้ ย การประเมินความมวี ินัยในตนเอง การช่วยเหลอื ตนเองในการปฏบิ ตั กิ จิ วตั รประจำวนั การระวงั ภัยจากคนแปลกหนา้
และสถานการณท์ ่เี สยี่ งอันตราย การดแู ลรักษาธรรมชาตแิ ละสิ่งแวดล้อม การมสี มั มาคารวะและมารยาทตามวัฒนธรรมไทย รกั ษาความเปน็ ไทย การยอมรบั ความเหมือนและความแตกตา่ งระหวา่ งบคุ คล การมสี ัมพันธท์ ่ดี กี ับผอู้ ื่น การปฏิบตั ิตนเบ้อื งต้นในการเป็นสมาชกิ ท่ดี ขี องสังคมในระบอบประชาธิปไตยอนั มี พระมหากษตั รยิ ์ทรงเปน็ ประมุข ดา้ นสติปัญญา ประกอบดว้ ย การประเมนิ ความสามารถในการสนทนาโต้ตอบและเลา่ เรอ่ื งใหผ้ ู้อน่ื เข้าใจ ความสามารถในการอ่าน เขยี นภาพและสัญลกั ษณ์ ความสามารถในการคดิ แก้ปญั หา คดิ เชิงเหตผุ ล คิดรวบยอด การเล่น/การทำงานศลิ ปะ/การแสดงทา่ ทาง/เคลอื่ นไหวตามจินตนาการและความคิ ดสร้างสรรค์ของตนเอง การมเี จตคตทิ ดี่ ีต่อการเรยี นรแู้ ละความสามารถในการแสวงหาความรู้ ๒.๒ วธิ ีการและเคร่ืองมอื ทใ่ี ชใ้ นการประเมินพฒั นาการ การประเมินพัฒนาการเด็กแต่ละครั้งควรใชว้ ธิ ีการประเมนิ อยา่ งหลากหลายเ พอื่ ให้ได้ข้อมลู ทสี่ มบรู ณ์ทสี่ ดุ วธิ กี ารท่เี หมาะสมและนิยมใช้ในการประเมินเด็กปฐมวยั มีดว้ ยกนั หลายวธิ ี ดงั ตอ่ ไปน้ี ๑. การสังเกตและการบนั ทึก การสังเกตมอี ยู่ ๒ แบบคือ การสังเกตอยา่ งมีระบบ ไดแ้ ก่ การสงั เกตอย่างมจดุ มุ่งหมายท่แี น่นอนตามแผนทว่ี างไว้ และอีกแบบหนง่ึ คือ การสงั เกตแบบไมเ่ ปน็ ทางการ เป็นการสังเกตในขณะท่ีเด็กทำกจิ กรรมประจำวันและเกิดพฤตกิ รรมท่ไี มค่ าดคิดว่า จะเกิดข้ึนและผู้สอนจดบนั ทึกไว้การสงั เกตเป็นวิธกี ารท่ผี ้สู อนใชใ้ นการศึกษาพัฒน าการของเด็ก เมื่อมีการสงั เกตก็ต้องมกี ารบนั ทึก ผู้สอนควรทราบว่าจะบนั ทกึ อะไรการบันทึกพฤตกิ รรมมีความสำคญั อย่างยง่ิ ทตี่ ้องท ำอยา่ งสมำ่ เสมอ เนอ่ื งจากเดก็ เจรญิ เติบโตและเปลยี่ นแปลงอย่างรวดเร็ว จึงตอ้ งนำมาบันทึกเป็นหลักฐานไวอ้ ยา่ งชัดเจน การสังเกตและการบันทกึ พัฒนาการเด็กสามารถใชแ้ บบง่ายๆคอื ๑.๑ แบบบนั ทกึ พฤติกรรม ใชบ้ นั ทกึ เหตกุ ารณเ์ ฉพาะอย่างโดยบรรยายพฤติกรรมเด็ก ผ้บู ันทกึ ตอ้ งบันทึกวัน เดือน ปีเกดิ ของเดก็ และวนั เดือน ปี ทท่ี ำการบนั ทกึ แต่ละคร้งั ๑.๒ การบันทึกรายวนั เปน็ การบันทกึ เหตกุ ารณห์ รือประสบการณห์ รือประสบการณ์ทเ่ี กิดข้นึ ในชัน้ เรียนทุ กวัน ถา้ หากบนั ทกึ ในรปู แบบของการบรรยายกม็ กั จะเนน้ เฉพาะเด็กรายท่ีต้องการศึกษา ขอ้ ดีของการบนั ทึกรายวนั คอื การช้ใี หเ้ หน็ ความสามารถเฉพาะอย่างของเดก็ จะช่วยกระตุ้นใหผ้ สู้ อนได้พจิ ารณาปญั หาของเด็กเปน็ รายบุคคลช่วยใหผ้ ู้เชยี วชาญ มีขอ้ มูลมากขึน้ สำหรบั วนิ ิจฉยั เดก็ วา่ สมควรจะได้รบั คำปรึกษาเพ่อื ลดปญั หาและสง่ เ สรมิ พัฒนาการของเดก็ ได้อยา่ งถูกตอ้ ง
นอกจากน้นั ยังชว่ ยช้ีใหเ้ ห็นข้อเสยี ของการจัดกิจกรรมและประสบการณ์ไก้เป็นอย่า งดี ๑.๓ แบบสำรวจรายการ ช่วยใหส้ ามารถวเิ คราะห์เดก็ แต่ละคนได้คอ่ นขา้ งละเอียด ๒. การสนทนา สามารถใชก้ ารสนทนาได้ท้ังเปน็ กลมุ่ หรอื รายบคุ คล เพือ่ ประเมินความสามารถในการแสดงความคดิ เห็น และพัฒนาการดา้ นภาษาของเดก็ และบันทกึ ผลการสนทนาลงในแบบบันทกึ พฤติกร รมหรอื บันทึกรายวัน ๓. การสัมภาษณ์ ด้วยวิธีพูดคุยกับเดก็ เปน็ รายบุคคลและควรจัดในสภาวะแวดล้อมเหมาะสมเพือ่ ไมใ่ หเ้ กิดความเครียดและวิตกกงั วล ผู้สอนควรใชค้ ำถามท่เี หมาะสมเปดิ โอกาสให้เด็กได้คิดและตอบอยา่ งอิสระจะทำให้ ผ้สู อนสามารถประเมินความสามารถทางสติปญั ญาของเดก็ แต่ละคนและคน้ พบศักย ภาพในตวั เดก็ ได้โดยบันทึกข้อมูลลงในแบบสมั ภาษณ์ การเตรยี มการกอ่ นการสมั ภาษณ์ ผสู้ อนควรปฏิบัติ ดังน้ี - กำหนดวตั ถุประสงคข์ องการสัมภาษณ์ - กำหนดคำพูด/คำถามที่จะพดู กับเดก็ ควรเป็นคำถามท่เี ด็กสามารถตอบโตห้ ลากหลาย ไมผ่ ดิ /ถกู การปฏบิ ตั ขิ ณะสมั ภาษณ์ - ผูส้ อนควรสร้างความคุ้นเคยเปน็ กนั เอง - ผสู้ อนควรสรา้ งสภาพแวดลอ้ มท่อี บอนุ่ ไมเ่ คร่งเครียด - ผสู้ อนควรเปดิ โอกาสเวลาใหเ้ ด็กมีโอกาสคิดและตอบคำถามอยา่ งอสิ ระ - ระยะเวลาสมั ภาษณไ์ ม่ควรเกนิ ๑๐-๒๐ นาที ๔. การรวบรวมผลงานทีแ่ สดงออกถึงความก้าวหนา้ แตล่ ะด้านของเด็กเปน็ รายบุคคล โดยจัดเก็บรวบรวมไว้ในแฟม้ ผลงาน (portfolio) ซ่ึงเปน็ วธิ ีรวบรวมและจัดระบบขอ้ มลู ตา่ งๆทีเ่ กย่ี วกับตัวเดก็ โดยใชเ้ ครอื่ งมอื ต่างๆร วบรวมเอาไว้อย่างมีจุดมงุ่ หมายทช่ี ดั เจน แสดงการเปลย่ี นแปลงของพฒั นาการแต่ละดา้ น นอกจากนี้ยังรวมเครอื่ งมืออนื่ ๆ เช่น แบบสอบถามผู้ปกครอง แบบสงั เกตพฤติกรรม แบบบนั ทกึ สุขภาพอนามัย ฯลฯ เอาไว้ในแฟม้ ผลงาน เพือ่ ผู้สอนจะได้ขอ้ มูลเกยี่ วกบั ตวั เด็กอยา่ งชดั เจนและถกู ต้อง การเก็บผลงานของเดก็ จะไมถ่ ือวา่ เป็นการประเมนิ ผลถา้ งานแต่ละช้ินถกู รวบรวมไ ว้โดยไม่ได้รบั การประเมนิ จากผู้สอนและไม่มกี ารนำผลมาปรับปรุงพัฒนาเดก็ หรอื ปรบั ปรงุ การสอนของผูส้ อน ดงั นัน้ จึงเปน็ แต่การสะสมผลงานเทา่ น้ัน เชน่ แฟ้มผลงานขีดเขยี น งานศิลปะ จะเป็นเพียงแคแ่ ฟ้มผลงานทไี่ มม่ กี ารประเมนิ แฟ้มผลงานน้ีจะเป็นเคร่ืองมอื การประเมินต่อเนอ่ื งเมือ่ งานทส่ี ะสมแตล่ ะชิ้นถกู ใช้ใน การบ่งบอกความกา้ วหน้า ความตอ้ งการของเดก็ และเปน็ การเก็บสะสมอยา่ งตอ่ เน่ืองที่สร้างสรรค์โดยผสู้ อนและเดก็ ผสู้ อนสามารถใชแ้ ฟ้มผลงานอย่างมีคณุ คา่ ส่อื สารกับผปู้ กครองเพราะการเกบ็ ผลงานเดก็ อยา่ งต่อเน่อื งและสม่ำเสมอในแฟ้มผลงานเปน็ ขอ้ มลู ให้ผปู้ กครองสามาร
ถเปรียบเทียบความกา้ วหนา้ ทล่ี ูกของตนมีเพม่ิ ขนึ้ จากผลงานชนิ้ แรกกับช้ินตอ่ ๆมาขอ้ มูลในแฟม้ ผลงานประกอบด้วย ตวั อยา่ งผลงานการเขียดเขียน การอ่าน และข้อมลู บางประการของเด็กท่ผี สู้ อนเป็นผบู้ ันทกึ เช่นจำนวนเลม่ ของหนังสือทีเ่ ด็กอ่าน ความถี่ของการเลอื กอ่านท่ีมมุ หนงั สอื ในชว่ งเวลาเลอื กเสรี การเปลี่ยนแปลงอารมณ์ ทัศนคติ เป็นต้น ข้อมูลเหล่านีจ้ ะสะทอ้ นภาพของความงอกงามในเดก็ แต่ละคนได้ชดั เจนกวา่ การประ เมนิ โดยการใหเ้ กรด ผสู้ อนจะต้องชีแ้ จงใหผ้ ปู้ กครองทราบถงึ ที่มาของการเลอื กช้ินงานแตล่ ะชิน้ งานทสี่ ะ สมในแฟม้ ผลงาน เช่น เปน็ ชนิ้ งานที่ดที ีส่ ุดในชว่ งระยะเวลาทเ่ี ลือกชนิ้ งานนัน้ เป็นช้ินงานทแ่ี สดงความตอ่ เนอื่ งของงานโครงการ ฯลฯ ผู้สอนควรเชญิ ผู้ปกครองมามีสว่ นรว่ มในการคัดสรรชนิ้ งานท่บี รรจุลงในแฟ้มผลงา นของเด็ก ๕. การประเมินการเจรญิ เติบโตของเดก็ ตวั ช้ขี องการเจริญเตบิ โตในเด็กทใ่ี ชท้ ว่ั ๆไป ได้แก่ น้ำหนกั ส่วนสูง เส้นรอบศรี ษะ ฟัน และการเจริญเติบโตของกระดกู แนวทางประเมนิ การเจรญิ เติบโต มีดงั นี้ ๕.๑ การประเมินการเจรญิ เติบโต โดยการชง่ั นำ้ หนักและวัดส่วนสงู เด็กแล้วนำไปเปรยี บเทยี บกับเกณฑ์ปกติในกราฟ แสดงน้ำหนกั ตามเกณฑอ์ ายุกระทรวงสาธารณสขุ ซ่ึงใชส้ ำหรับตดิ ตามการเจริญเติบโตโดยรวม วธิ กี ารใช้กราฟมขี ั้นตอน ดังนี้ เมอ่ื ช่ังนำ้ หนกั เดก็ แลว้ นำน้ำหนกั มาจดุ เครือ่ งหมายกากบาทลงบนกราฟ และอา่ นการเจรญิ เติบโตของเดก็ โดยดเู คร่ืองหมายกากบาทวา่ อย่ใู นแถบสใี ด อา่ นขอ้ ความบนแถบสนี ั้น ซงึ่ แบง่ ภาวะโภชนาการเปน็ ๓ กลุม่ คือ นำ้ หนักทอ่ี ยู่ในเกณฑป์ กติ นำ้ หนักมากเกนเกณฑ์ นำ้ หนกั น้อยกวา่ เกณฑ์ ขอ้ ควรระวงั สำหรบั ผปู้ กครองและผ้สู อนคอื ควรดแู ลนำ้ หนกั เดก็ อยา่ งให้แบ่งเบนออกจากเสน้ ประเมนิ มิเชน่ นนั้ เด็กมโี อกาสนำ้ หนกั มากเกนิ เกณฑห์ รอื นำ้ หนกั นอ้ ยกว่าเกณฑ์ได้ ข้อควรคำนึงในการประเมินการเจริญเตบิ โตของเด็ก -เด็กแต่ละคนมีความแตกต่างกันในดา้ นการเจรญิ เตบิ โต บางคนรปู รา่ งอ้วน บางคนช่วงครงึ่ หลงั ของขวบปแี รก นำ้ หนักเด็กจะขน้ึ ชา้ เนอื่ งจากห่วงเล่นมากข้ึนและความอยากอาหารลดลง ร่างใหญ่ บางคนร่างเล็ก -ภาวะโภชนาการเปน็ ตวั สำคัญที่เก่ียวข้องกับขนาดของรูปร่าง แต่ไมใ่ ช่สาเหตุเดียว -กรรมพนั ธ์ุ เด็กอาจมีรูปร่างเหมอื นพอ่ แม่คนใดคนหน่ึง ถ้าพ่อหรอื แม่เตี้ย ลกู อาจเตย้ี และพวกนี้อาจมนี ้ำหนักต่ำกว่าเกณฑเ์ ฉลยี่ ได้และมักจะเป็นเด็กทที่ านอา หารไดน้ อ้ ย
๕.๒ การตรวจสุขภาพอนามัย เป็นตัวชีว้ ดั คณุ ภาพของเดก็ โดยพจิ ารณาความสะอาดสงิ่ ปกตขิ อร่างกายท่ีจะส่งผลตอ่ การดำเนินชีวิตและการเจ รญิ เตบิ โตของเดก็ ซึ่งจะประเมินสุขภาพอนามัย ๙ รายการคอื ผมและศรี ษะ หูและใบหู มอื และเลบ็ มอื เทา้ และเล็บเทา้ ปาก ล้นิ และฟนั จมกู ตา ผวิ หนงั และใบหน้า และเสอ้ื ผา้ ๒.๓ เกณฑ์การประเมนิ พฒั นาการ การสรา้ งเกณฑห์ รือพฒั นาเกณฑ์หรอื กำหนดเกณฑก์ ารประเมินพัฒนาการข องเด็กปฐมวัย ผู้สอนควรใหค้ วามสนใจในส่วนที่เก่ียวข้อ ดังนี้ ๑. การวางแผนการสงั เกตพฤตกิ รรมของเด็กอย่างเปน็ ระบบ เช่น จะสงั เกตเดก็ คนใดบา้ งในแต่ละวนั กำหนดพฤตกิ รรมทีส่ ังเกตใหช้ ัดเจน จดั ทำตารางกำหนดการสังเกตเด็กเปน็ รายบคุ คล รายกลมุ่ ผสู้ อนตอ้ งเลอื กสรรพฤติกรรมทต่ี รงกบั ระดบั พฒั นาการของเดก็ คนนนั้ จริงๆ ๒. ในกรณที ี่หอ้ งเรยี นมีนกั เรียนจำนวนมาก ผสู้ อนอาจเลือกสังเกตเฉพาะเดก็ ทีท่ ำไดด้ ีแล้วและเด็กทยี่ ังทำไมไ่ ด้ ส่วนเดก็ ปานกลางใหถ้ ือวา่ ทำได้ไปตามกิจกรรม ๓. ผ้สู อนตอ้ งสังเกตจากพฤติกรรม คำพูด การปฏิบัติตามขนั้ ตอนในระหว่างทำงาน/กิจกรรม และคุณภาพของผลงาน/ชนิ้ งาน ร่องรอยท่นี ำมาใชพ้ จิ ารณาตัดสนิ ผลของการทำงานหรือการปฏบิ ตั ิ ตัวอย่างเช่น ๑) เวลาท่ใี ชใ้ นการทำกจิ กรรม/ทำงาน ถ้าเด็กไม่ชอบ ไมช่ ำนาญจะใชเ้ วลามาก มที า่ ทางอิดออด ไมก่ ล้า ไม่เตม็ ใจทำงาน ๒) ความตอ่ เนอื่ ง ถ้าเด็กยงั มกี ารหยดุ ชะงกั ลังเล ทำงานไมต่ อ่ เน่ือง แสดงว่าเด็กยังไม่ชำนาญหรอื ยงั ไม่พรอ้ ม ๓) ความสมั พนั ธ์ ถ้าการทำงาน/ปฏิบตั ินน้ั ๆมคี วามสมั พันธต์ อ่ เนอ่ื ง ไมร่ าบรืน่ ท่าทางมอื และเทา้ ไม่สัมพันธ์กนั แสดงวา่ เดก็ ยงั ไมช่ ำนาญหรอื ยงั ไม่พรอ้ ม ทา่ ท่แี สดงออกจงึ ไม่สงา่ งาม ๔) ความภมู ใิ จ ถา้ เดก็ ยังไมช่ น่ื ชม กจ็ ะทำงานเพยี งใหแ้ ล้วเสร็จอย่างรวดเร็ว ไมม่ ีความภูมิใจในการทำงาน ผลงานจึงไม่ประณตี ๒.๓.๑ ระดบั คณุ ภาพผลการประเมินพฒั นาการเดก็ การใหร้ ะดบั คณุ ภาพผลการประเมินพฒั นาการของเดก็ ทง้ั ในระดบั ชนั้ เรยี นแ ละระดับสถานศกึ ษาควรกำหนดในทศิ ทางหรอื รูปแบบเดยี วกัน สถานศึกษาสามารถให้ระดบั คุณภาพผลการประเมนิ พัฒนาการของเดก็ ที่สะท้อนมา ตรฐานคุณลักษณะทพ่ี งึ ประสงค์ ตัวบ่งช้ี สภาพที่พึงประสงค์ หรอื พฤติกรรมทจ่ี ะประเมนิ เปน็ ระบบตัวเลข เชน่ ๑ หรือ ๒ หรือ ๓ หรือเป็นระบบท่ใี ชค้ ำสำคัญ เช่น ดี พอดี หรอื ควรส่งเสรมิ ตามท่สี ถานศกึ ษากำหนด ตวั อยา่ งเช่น ระบบตัวเลข ระบบทใ่ี ช้คำสำคัญ ๓ ดี
๒ พอใช้ ๑ ควรส่งเสริม สถานศึกษาอาจกำหนดระดับคุณภาพของการแสดงออกในพฤตกิ รรม เปน็ ๓ ระดบั ดงั น้ี ระดับคุณภาพ ระบบที่ใช้คำสำคัญ ๑ หรือ เดก็ มีความลังเล ไมแ่ นใ่ จ ไม่ยอมปฏบิ ตั กิ จิ กรรม ทง้ั นี้ ควรส่งเสริม เนอ่ื งจากเด็กยงั ไมพ่ ร้อม ยงั มน่ั ใจ และกลัวไม่ปลอดภยั ผู้สอนตอ้ งยั่วยุหรอื แสดงใหเ้ ห็นเปน็ ตวั อย่างหรอื ต้องคอยอยใู่ กล้ ๆ ค่อยๆใหเ้ ดก็ ทำทีละขน้ั ตอน พรอ้ มต้องใหก้ ำลงั ใจ ๒ หรอื พอใช้ เดก็ แสดงได้เอง แตย่ งั ไมค่ ล่อง เดก็ กล้าทำมากข้นึ ผ้สู อนกระตุ้นน้อยลง ผสู้ อนต้องคอยแก้ไขในบางครั้ง หรือคอยให้กำลังใจใหเ้ ดก็ ฝึกปฏิบตั มิ ากขน้ึ ๓ หรอื ดี เด็กแสดงไดอ้ ยา่ งชำนาญ คล่องแคลว่ และภูมใิ จ เดก็ จะแสดงได้เองโดยไม่ต้องกระตุ้น มคี วามสมั พนั ธท์ ่ดี ี ตวั อย่างคำอธิบายคณุ ภาพ พัฒนาการดา้ นรา่ งกาย : พฒั นาการด้านร่างกาย : สขุ ภาพอนามยั กระโดดเท้าเดยี ว ระดับคุณภาพ คำอธิบายคุณภาพ ระดบั คุณภาพ คำอธิบายคุณภาพ ๑หรือ สง่ เสรมิ ความสะอาด ๑หรอื ทำไดแ้ ตไ่ ม่ถกู ตอ้ ง ควรสง่ เสรมิ ควรส่งเสรมิ ๒ หรือ พอใช้ สะอาดพอใช้ ๒ หรอื พอใช้ ทำได้ถกู ตอ้ ง แต่ไมค่ ลอ่ งแคล่ว ๓ หรอื ดี สะอาด ๓ หรือ ดี ทำไดถ้ ูกตอ้ ง และคล่องแคลว่ พัฒนาการดา้ นอารมณ์ : ประหยัด ระดับคณุ ภาพ คำอธบิ ายคุณภาพ ๑หรอื ควรส่งเสรมิ ใช้ส่ิงของเคร่อื งใช้เกินความจำเป็น ๒ หรือ พอใช้ ใชส้ ่ิงของเครื่องใช้อย่างประหยดั เป็นบางครั้ง ๓ หรือ ดี ใชส้ ง่ิ ของเครอ่ื งใช้อยา่ งประหยัดตามความจำเป็นทกุ คร้งั พัฒนาการดา้ นสังคม : ปฏิบัตติ ามข้อตกลง ระดบั คุณภาพ คำอธิบายคณุ ภาพ ๑หรือ ควรสง่ เสรมิ ไมป่ ฏบิ ตั ติ ามขอ้ ตกลง ๒ หรอื พอใช้ ปฏิบัตติ ามขอ้ ตกลง โดยมผี ชู้ ี้นำหรือกระตุ้น ๓ หรอื ดี ปฏบิ ตั ิตามข้อตกลงได้ด้วยตนเอง พัฒนาการดา้ นสติปัญญา : เขยี นชือ่ ตนเองตามแบบ ระดบั คุณภาพ คำอธบิ ายคณุ ภาพ ๑หรอื ควรสง่ เสรมิ เขยี นช่ือตนเองไม่ได้ หรือเขยี นเปน็ สัญลกั ษณ์ทไี่ มเ่ ปน็ ตัวอกั ษร
๒ หรือ พอใช้ เขยี นชือ่ ตนเองได้ มีอักษรบางตวั กลบั หวั ๓ หรือ ดี กลับด้านหรอื สลบั ท่ี เขยี นช่อื เองได้ ตัวอักษรไมก่ ลับหัว ไมก่ ลับด้านไม่สลบั ที่ ๒.๓.๒ การสรุปผลการประเมินพัฒนาการเด็ก หลักสูตรการศกึ ษาปฐมวัย พทุ ธศักราช... กำหนดเวลาเรียนสำหรบั เด็กปฐมวยั ต่อปีการศึกษาไมน่ ้อยกวา่ ๑๘๐ วัน สถานศึกษาจึงควรบริหารจดั การเวลาทไี่ ด้รบั นใ้ี หเ้ กดิ ประโยชนส์ ูงสุดตอ่ การพัฒนา เด็กอยา่ งรอบดา้ นและสมดุล ผสู้ อนควรมเี วลาในการพัฒนาเดก็ และเติมเต็มศกั ยภาพของแดก็ เพ่ือใหก้ ารจดั ประสบการณก์ ารเรยี นรู้มปี ระสทิ ธิภาพ ผู้สอนต้องตรวจสอบพฤติกรรมทีแ่ สดงพัฒนาการของเดก็ ต่อเนอื่ งมกี ารประเมินซำ้ พฤตกิ รรมน้ันๆอย่างน้อย ๑ ครัง้ ตอ่ ภาคเรยี น เพื่อยนื ยันความเชื่อม่นั ของผลการประเมินพฤตกิ รรมนั้นๆ และนำผลไปเป็นข้อมูลในการสรปุ การประเมินสภาพทพี่ งึ ประสงค์ของเด็กในแต่ละ สภาพทพี่ ึงประสงค์ นำไปสรปุ การประเมินตวั บง่ ช้ีและมาตรฐานคุณลกั ษณะท่ีพงึ ประสงคต์ ามลำดบั อน่ึง การสรปุ ระดบั คุณภาพของการประเมินพฒั นาการเดก็ วธิ กี ารทางสถติ ิทเี่ หมาะสมและสะดวกไมย่ ุ่งยากสำหรับผู้สอน คอื การใช้ฐานนิยม (Mode) ในบางครั้งพฤติกรรม หรือสภาพทพ่ี ึงประสงคห์ รอื ตัวบ่งช้ีนยิ มมากว่า ๑ ฐานนิยม ใหอ้ ยใู่ นดุลยพนิ จิ ของสถานศกึ ษา กลา่ วคอื เมอ่ื มีระดบั คณุ ภาพซำ้ มากกว่า ๑ ระดบั สถานศกึ ษาอาจตดั สนิ สรุปผลการประเมินพัฒนาการบนพ้ืนฐาน หลกั พัฒนาการและการเตรียมความพรอ้ ม หากเปน็ ภาคเรยี นท่ี ๑ สถานศึกษาควรเลือกตัดสนิ ใจใชฐ้ านนยิ มทมี่ รี ะดับคณุ ภาพต่ำกวา่ เพอ่ื ใชเ้ ปน็ ข้อมูล ในการพัฒนาเด็กให้พรอ้ มมากขนึ้ หากเปน็ ภาคเรยี นที่ ๒ สถานศึกษาควรเลอื กตดั สินใจใชฐ้ านนิยมทม่ี ีระดับคุณภาพสงู กวา่ เพอ่ื ตัดสนิ และกา รสง่ ตอ่ เดก็ ในระดับชัน้ ท่ีสูงข้ึน ๒.๓.๓ การเลอ่ื นชน้ั อนบุ าลและเกณฑก์ ารจบการศึกษาระดบั ปฐมวัย เม่ือสิน้ ปกี ารศกึ ษา เด็กจะได้รับการเลื่อนชน้ั โดยเด็กต้องได้รับการประเมินมาตรฐานคุณลักษณะที่พงึ ป ระสงคท์ ั้ง ๑๒ ขอ้ ตามหลกั สตู รการศกึ ษาปฐมวัย เพอ่ื เป็นขอ้ มูลในการสง่ ต่อยอดการพัฒนาใหก้ ับเดก็ ในระดับสูงข้นึ ตอ่ ไป และเนอื่ งจากการศกึ ษาระดบั อนบุ าลเปน็ การจัดการศกึ ษาขน้ั พ้ืนฐานท่ไี มน่ บั เป็นกา รศกึ ษาภาคบงั คับ จึงไมม่ กี ารกำหนดเกณฑก์ ารจบชั้นอนุบาล การเทียบโนการเรียน และเกณฑก์ ารเรยี นซ้ำชนั้ และหากเดก็ มีแนวโน้มว่าจะมปี ัญหาต่อการเรยี นร้ใู นระดับทีส่ ูงขึ้น สถานศกึ ษาอาจตง้ั คณะกรรมการเพอ่ื พจิ ารณาปัญหา
และประสานกับหน่วยงานทีเ่ กี่ยวข้องในการใหค้ วามช่วยเหลือ เชน่ เจ้าหน้าทีส่ าธารณสุขส่งเสริมตำบล นกั จติ วิทยา ฯลฯ เขา้ ร่วมดำเนนิ งานแกป้ ญั หาได้ อยา่ งไรก็ตาม ทักษะท่นี ำไปสูค่ วามพรอ้ มในการเรยี นรทู้ ่ีสามารถใช้เปน็ รอยเชอื่ มต่อระหว่างช้นั อ นุบาลกับช้ันประถมศกึ ษาปีท่ี ๑ ทค่ี วรพิจารณามที กั ษะดังน้ี ๑. ทกั ษะการชว่ ยเหลือตนเอง ไดแ้ ก่ ใชห้ ้องน้ำ หอ้ งสว้ มไดด้ ้วยตนเอง แตง่ กายไดเ้ อง เกบ็ ของเข้าทีเ่ ม่อื เล่นเสร็จและชว่ ยทำความสะอาด รจู้ ักร้องขอให้ชว่ ยเมอื่ จำเปน็ ๒. ทกั ษะการใช้กล้ามเน้ือใหญ่ ได้แก่ ว่ิงได้อย่างราบรนื่ วิง่ ก้าวกระโดดได้ กระดว้ ยสองขาพ้นจากพ้นื ถอื จบั ขวา้ ง กระดอนลูกบอลได้ ๓. ทกั ษะการใชก้ ลา้ มเนื้อเลก็ ได้แก่ ใช้มือหยิบจับอปุ กรณ์วาดภาพและเขียน วาดภาพคนมีแขน ขา และส่วนตา่ งๆของรา่ งกาย ตัดตามรอยเส้นและรปู ต่างๆ เขียนตามแบบอย่างได้ ๔. ทกั ษะภาษาการรหู้ นังสอื ไดแ้ ก่ พดู ให้ผอู้ น่ื เขา้ ใจได้ ฟงั และปฏบิ ตั ติ ามคำชแี้ จงงงา่ ยๆ ฟงั เรื่องราวและคำคลอ้ งจองตา่ งๆอยา่ งสนใจ เข้าร่วมฟงั สนทนาอภิปรายในเรื่องตา่ งๆ รู้จักผลดั กนั พดู โต้ตอบ เล่าเรอ่ื งและทบทวนเรอื่ งราวหรอื ประสบการณ์ต่างๆ ตามลำดับเหตุการณเ์ ลา่ เรอื่ งจากหนังสอื ภาพอย่างเป็นเหตเุ ป็นผล อ่านหรอื จดจำคำบางคำทีม่ ีความหมายต่อตนเอง เขียนชอื่ ตนเองได้ เขยี นคำท่มี ีความหมายต่อตนเอง ๕. ทักษะการคดิ ไดแ้ ก่ แลกเปลีย่ นความคดิ และใหเ้ หตผุ ลได้ จดจำภาพและวสั ดุท่เี หมอื นและตา่ งกนั ได้ ใชค้ ำใหม่ๆในการแสดงความคิด ความรู้สกึ ถามและตอบคำถามเกีย่ วกับเรื่องท่ฟี ังเปรยี บเทียบจำนวนของวัตถุ ๒ กลมุ่ โดยใชค้ ำ “มากกวา่ ” “นอ้ ยกวา่ ” “เท่ากัน” อธบิ ายเหตุการณ์/เวลา ตามลำดับอยา่ งถูกตอ้ ง ร้จู กั เชื่อมโยงเวลากับกิจวัตรประจำวัน ๖. ทักษะทางสังคมและอารมณ์ ได้แก่ ปรับตวั ตามสภาพการณ์ ใช้คำพดู เพ่อื แก้ไขข้อขัดแยง้ นั่งไดน้ าน ๕-๑๐ นาที เพ่อื ฟังเรอื่ งราวหรือทำกจิ กรรม ทำงานจนสำเร็จ รว่ มมอื กับคนอ่ืนและรจู้ ักผลัดกันเล่น ควบคุมอารมณ์ตนเองไดเ้ ม่อื กงั วลหรอื ตน่ื เต้น หยุดเลน่ และทำในสิ่งท่ผี ูใ้ หญต่ อ้ งการให้ทำได้ ภมู ใิ จในความสำเรจ็ ของตนเอง ๓. การายงานผลการประเมนิ พัฒนาการ การรายงานผลการประเมินพฒั นาการเป็นการส่ือสารให้พอ่ แม่ ผู้ปกครองไดร้ บั ทราบความกา้ วหนา้ ในการเรียนรู้ของเดก็ ซง่ึ สถานศกึ ษาตอ้ งสรุปผลการประเมนิ พฒั นาการ และจัดทำเอกสารรายงานให้ผปู้ กครองทราบเปน็ ระยะๆ หรืออย่างน้อยภาคเรียนละ ๑ ครัง้
การรายงานผลการประเมนิ พฒั นาการสามารถรายงานเปน็ ระดับคุณภาพที่แ ตกต่างไปตามพฤตกิ รรมทแ่ี สดงออกถงึ พัฒนาการแต่ละด้าน ท่ีสะท้อนมาตรฐานคุณลักษณะทพี่ งึ ประสงค์ทั้ง ๑๒ ข้อ ตามหลักสูตรการศึกษาปฐมวยั ๓.๑ จุดมงุ่ หมายการรายงานผลการประเมนิ พฒั นาการ ๑) เพอ่ื ให้ผูเ้ กยี่ วข้อง พอ่ แม่ และผปู้ กครองใช้เป็นข้อมูลในการปรบั ปรุงแก้ไข ส่งเสริม และพฒั นาการเรยี นรขู้ องเดก็ ๒) เพ่ือใหผ้ สู้ อนใชเ้ ปน็ ขอ้ มูลในการวางแผนการจดั ประสบการณ์การเรียนรู้ ๓) เพ่อื เปน็ ข้อมลู สำหรบั สถานศกึ ษา เขตพนื้ ทีก่ ารศกึ ษา และหนว่ ยงานตน้ สังกดั ใช้ประกอบในการกำหนดนโยบายวางแผนในการพัฒนาคุ ณภาพการศึกษา ๓.๒ ขอ้ มูลในการรายงานผลการประเมินพัฒนาการ ๓.๒.๑ ข้อมูลระดับชั้นเรียน ประกอบด้วย เวลาเรยี นแบบบนั ทึกการประเมนิ พัฒนาการตามหนว่ ยการจดั ประสบการณ์ สมดุ บันทึกผลการประเมนิ พัฒนาการประจำชั้น และสมดุ รายงานประจำตวั นักเรยี น และสารนทิ ัศนท์ ี่สะท้อนการเรยี นรู้ของเด็ก เปน็ ขอ้ มูลสำหรับรายงานใหผ้ ู้มีสว่ นเกีย่ วขอ้ ง ได้แก่ ผบู้ ริหารสถานศึกษา ผู้สอน และผูป้ กครอง ไดร้ ับทราบความก้าวหนา้ ความสำเร็จในการเรยี นรูข้ องเด็กเพอ่ื นำไปในการวางแผนกำหนดเปา้ หมายและวธิ ี การในการพฒั นาเดก็ ๓.๒.๒ ข้อมูลระดับสถานศึกษา ประกอบดว้ ย ผลการประเมินมาตรฐานคณุ ลักษณะทพี่ งึ ประสงคท์ ง้ั ๑๒ ข้อตามหลกั สตู ร เพื่อใชเ้ ป็นข้อมูลและสารสนเทศในการพฒั นาการจดั ประสบการณก์ ารเรยี นการสอ นและคุณภาพของเด็ก ให้เปน็ ไปตามมาตรฐานคณุ ลกั ษณะทพี่ งึ ประสงค์และแจง้ ให้ผู้ปกครอง และผู้เกี่ยวข้องได้รับทราบขอ้ มูล โดยผู้มหี นา้ ทร่ี บั ผดิ ชอบแตล่ ะฝา่ ยนำไปปรบั ปรุงแก้ไขและพฒั นาเดก็ ให้เกดิ พัฒนา การอยา่ งถูกตอ้ ง เหมาะสม รวมทั้งนำไปจัดทำเอกสารหลักฐานแสดงพัฒนาการของผู้เรยี น ๓.๒.๓ ขอ้ มลู ระดับเขตพน้ื ทีก่ ารศกึ ษา ไดแ้ ก่ ผลการประเมินมาตรฐานคุณลกั ษณะทพ่ี งึ ประสงคท์ ง้ั ๑๒ ขอ้ ตามหลักสตู รเป็นรายสถานศกึ ษา เพือ่ เปน็ ขอ้ มลู ท่ศี กึ ษานเิ ทศก์/ผเู้ กย่ี วขอ้ งใช้วางแผนและดำเนนิ การพัฒนาคุณภาพ การศึกษาปฐมวัยของสถานศกึ ษาในเขตพืน้ ทก่ี ารศกึ ษา เพื่อใหเ้ กดิ การยกระดับคณุ ภาพเด็กและมาตรฐานการศึกษา ๓.๓ ลกั ษณะข้อมูลสำหรบั การรายงานผลการประเมินพฒั นาการ
การรายงานผลการประเมินพฒั นาการ สถานศึกษาสามารถเลือกลกั ษณะขอ้ มลู สำหรับการรายงานได้หลายรปู แบบใหเ้ หมา ะสมกบั วิธกี ารรายงานและสอดคลอ้ งกบั การใหร้ ะดับผลการประเมินพฒั นาการโดย คำนึงถงึ ประสิทธภิ าพของการรายงานและการนำขอ้ มลู ไปใชป้ ระโยชนข์ องผูร้ ายงา นแตล่ ะฝา่ ยลกั ษณะขอ้ มลู มีรูปแบบ ดังน้ี ๓.๓.๑ รายงานเป็นตัวเลข หรอื คำทีเ่ ป็นตัวแทนระดับคณุ ภาพพัฒนาการของเด็กที่เกดิ จากการประมวลผล สรุปตัดสนิ ข้อมูลผลการประเมนิ พัฒนาการของเด็ก ได้แก่ - ระดับผลการประเมนิ พฒั นาการมี ๓ ระดบั คือ ๓ ๒ ๑ - ผลการประเมนิ คณุ ภาพ “ด”ี “พอใช”้ และ “ควรสง่ เสรมิ ” ๓.๓.๒ รายงานโดยใช้สถติ ิ เปน็ รายงานจากข้อมูลทเ่ี ปน็ ตัวเลข หรือข้อความให้เปน็ ภาพแผนภูมหิ รือเสน้ พฒั นาการ ซึง่ จะแสดงใหเ้ หน็ พัฒนาการความกา้ วหนา้ ของเด็กวา่ ดีขนึ้ หรือควรไดร้ ับการพัฒนาอย่างไร เม่อื เวลาเปลีย่ นแปลงไป ๓.๓.๓ รายงานเปน็ ขอ้ ความ เปน็ การบรรยายพฤติกรรมหรือคณุ ภาพท่ผี ูส้ อนสังเกตพบ เพอ่ื รายงานใหท้ ราบว่าผเู้ กยี่ วขอ้ ง พ่อ แม่ และผปู้ กครองทราบว่าเดก็ มคี วามสามารถ มพี ฤตกิ รรมตามคุณลกั ษณะทพ่ี ึงประสงคต์ ามหลกั สูตรอยา่ งไร เชน่ - เดก็ รับลูกบอลทก่ี ระดอนจากพ้ืนด้วยมอื ท้งั ๒ ข้างได้โดยไม่ใชล้ ำตวั ช่วยและลกู บอลไม่ตกพน้ื - เดก็ แสดงสหี น้า ท่าทางสนใจ และมคี วามสขุ ขณะทำงานทุกช่วงกิจกรรม - เดก็ เล่นและทำงานคนเดียวเปน็ ส่วนใหญ่ - เดก็ จบั หนงั สือไม่กลับหัว เปดิ และทำทา่ ทางอ่านหนังสือและเลา่ เร่ืองได้ ๓.๔ เป้าหมายของการรายงาน การดำเนินการจัดการศึกษาปฐมวยั ประกอบดว้ ย บุคลากรหลายฝา่ ยร่วมมอื ประสานงานกันพัฒนาเดก็ ทางตรงและทางอ้อม ให้มีพัฒนาการ ทกั ษะ ความสามารถ คุณธรรม จรยิ ธรรม คา่ นิยมและคุณลักษณะท่ีพงึ ประสงคโ์ ดยผู้มสี ว่ นรว่ มเก่ยี วข้องควรได้รับการายงาน ผลการประเมินพัฒนาการของเด็กเพอื่ ใช้เป็นข้อมลู ในการดำเนนิ งาน ดังน้ี กล่มุ เป้าหมาย การใช้ขอ้ มลู ผู้สอน - วางแผนและดำเนินการปรับปรงุ แกไ้ ขและพฒั นาเด็ ก -ปรับปรุงแก้ไขและพัฒนาการจดั การเรียนรู้
ผูบ้ รหิ ารสถานศึกษา - ส่งเสริมพฒั นากระบวนการจดั การเรียนรูร้ ะดบั ปฐม วัยของสถานศกึ ษา พ่อ แม่ และผูป้ กครอง -รบั ทราบผลการประเมนิ พฒั นาการของเดก็ -ปรบั ปรุงแก้ไขและพัฒนาการเรียนรขู้ องเด็ก รวมท้งั การดูแลสขุ ภาพอนามยั รา่ งกาย อารมณ์ จติ ใจ สังคม และพฤติกรรมตา่ งๆของเดก็ คณะกรรมการสถานศึกษา -พฒั นาแนวทางการจัดการศึกษาปฐมวัยสถานศึกษา ขน้ั พื้นฐาน สำนักงานเขตพืน้ ทก่ี ารศึก - ษา/หนว่ ยงานตน้ สงั กัด ยกระดับและพฒั นาคณุ ภาพการศกึ ษาปฐมวัยของส ถานศึกษาในเขตพื้นทกี่ ารศึกษา นเิ ทศ กำกบั ตดิ ตาม ประเมินผลและให้ความช่วยเหลือการพัฒนาคณุ ภา พการศกึ ษาปฐมวยั ของสถานศกึ ษาในสังกัด ๓.๕ วิธีการรายงานผลการประเมินพัฒนาการ การรายงานผลการประเมินพัฒนาการให้ผู้เก่ยี วขอ้ งรับทราบ สามารถดำเนินการ ไดด้ งั นี้ ๓.๕.๑ การรายงานผลการประเมนิ พฒั นาการในดอกสารหลกั ฐานการศกึ ษา ข้อมูลจากแบบรายงาน สามารถใชอ้ ้างองิ ตรวจสอบ และรบั รองผลพัฒนาการของเด็ก เชน่ - แบบบันทกึ ผลการประเมินพฒั นาการประจำช้ัน - แฟ้มสะสมงานของเด็กรายบุคคล -สมดุ รายงานประจำตวั นกั เรียน -สมุดบันทึกสุขภาพเดก็ ฯลฯ ๓.๕.๒ การรายงานคณุ ภาพการศึกษาปฐมวัยให้ผูเ้ ก่ยี วขอ้ งทราบ สามารถรายงานได้หลายวธิ ี เช่ - รายงานคุณภาพการศกึ ษาปฐมวยั ประจำปี - วารสาร/จลุ สารของสถานศึกษา -จดหมายส่วนตัว -การใหค้ ำปรึกษา -การให้พบครูท่ปี รึกษาหรอื การประชุมเครอื ขา่ ยผปู้ กครอง - การให้ข้อมลู ทางอนิ เตอร์เน็ตผ่านเว็ปไซตข์ องสถานศึกษา ภารกิจของผสู้ อนในการประเมินพฒั นาการ การประเมนิ พัฒนาการตามหลักสตู รการศกึ ษาปฐมวัยทม่ี ีคุณภาพและประสทิ ธภิ าพนนั้ เกดิ ข้นึ ในหอ้ งเรียนและระหวา่ งการจดั กิจกรรมประจำวนั และกจิ วตั รประจำวัน
ผสู้ อนตอ้ งไม่แยกการประเมนิ พฒั นาการออกจากการจัดประสบการณ์ตามตารางป ระจำวนั ควรมลี ักษณะการประเมนิ พฒั นาการในช้นั เรยี น (Classroom Assessment) ซ่ึงหมายถงึ กระบวนการและการสังเกต การบันทึกและรวบรวมข้อมลู จากการปฏบิ ัติกิจวตั รประจำวัน/กิจกรรมประจำวนั ตา มสภาพจริง (Authentic Assessment) ผสู้ อนควรจดั ทำข้อมูลหลกั ฐานหรอื เอกสารอย่างเปน็ ระบบ เพื่อเปน็ หลกั ฐานแสดงใหเ้ ห็นร่องรอยของการเจรญิ เตบิ โตพฒั นาการและการเรียน รขู้ องเดก็ ปฐมวยั แล้วนำมาวิเคราะห์ ตคี วาม บนั ทึกข้อมลู ท่ไี ด้จากการประเมินพัฒนาการวา่ เด็กร้อู ะไร สามารถทำอะไรได้ และจะทำตอ่ ไปอย่างไร ด้วยวิธีการและเครอ่ื งมือทีห่ ลากหลายทั้งทเ่ี ปน็ ทางการและไม่เป็นทางการ ทั้งนนั้ การดำเนนิ การดงั กลา่ วเกิดขนึ้ ตลอดระยะเวลาของการปฏิบตั กิ ิจวัตรประจำวั น/กจิ กรรมประจำวนั และการจดั ประสบการณ์เรียนรู้ ดังนัน้ ข้อมูลทเ่ี กดิ จากการประเมนิ ท่มี คี ณุ ภาพเท่านน้ั จึงสามารถนำไปใช้ประโยชน์ ตรงตามเปา้ หมาย ผสู้ อนจำเปน็ ตอ้ งมคี วามร้คู วามเข้าใจอยา่ งถอ่ งแทใ้ นหลกั การ แนวคิด วิธดี ำเนินงานในสว่ นต่างๆทีเ่ กยี่ วข้องกบั หลกั สตู รการจัดประสบการเรียนรู้ เพ่อื สามารถนำไปใชใ้ นการวางแผนและออกแบบการประเมินพฒั นาการได้อยา่ งมี ประสทิ ธภิ าพบนพนื้ ฐานการประเมินพฒั นาการในช้นั เรยี นที่มคี วามถกู ตอ้ ง ยุติธรรม เชื่อถือได้ มีความสมบรู ณ์ ครอบคลุมตามจุดหมายของหลกั สูตรการศกึ ษาปฐมวัย สะท้อนผลและสภาพความสำเรจ็ เมื่อเปรียบเทยี บกบั เปา้ หมายของการดำเนนิ การจดั การศกึ ษาปฐมวยั ทัง้ ในระดับนโยบาย ระดับปฏิบตั ิการ และผมู้ สี ่วนเกี่ยวขอ้ งต่อไป ๑. ขั้นตอนการประเมนิ พฒั นาการเดก็ ปฐมวยั การประเมนิ พัฒนาการเดก็ ของผูส้ อนระดับปฐมวยั จะมขี นั้ ตอนสำคญั ๆคลา้ ย คลงึ กับการประเมินการศึกษาท่วั ไป ขั้นตอนต่างๆอาจปรบั ลด หรือเพิม่ ไดต้ ามความเหมาะสมกับบริบทของสถานศึกษาและสอดคล้องกบั การจัดป ระสบการณ์ หรอื อาจสลับลำดบั ก่อนหลงั ได้บา้ ง ขั้นการประเมนิ พฒั นาการเด็กปฐมวยั โดยสรปุ ควรมี ๖ ข้ันตอน ดังนี้ ขั้นตอนท่ี ๑ การวเิ คราะหม์ าตรฐานคณุ ลกั ษณะท่ีพึงประสงค์ ตัวบง่ ชี้ และสภาพท่ีพงึ ประสงค์ ตวั บง่ ชี้ และสภาพที่พงึ ประสงค์ทสี่ มั พนั ธก์ ับหน่วยการจัดประสบการณต์ ่างๆ อนั จะเปน็ ประโยชนใ์ นการดำเนินงานการประเมนิ พัฒนาการอยา่ งเปน็ ระบบและคร อบคลุมทัว่ ถงึ ขนั้ ตอนท่ี ๒ การกำหนดสิ่งทจี่ ะประเมินและวธิ ีการประเมนิ ในขัน้ ตอนนี้สิง่ ที่ผู้สอนต้องทำคือ การกำหนดการประเดน็ การประเมนิ ไดแ้ ก่ สภาพท่พี งึ ประสงค์ในแตล่ ะวยั ของเดก็ ท่เี กิดจากกาจัดประสบการณใ์ นแต่ การจัดประสบการณ์ มากำหนดเปน็ จุดประสงคก์ ารเรียนร้ขู องหนว่ ยการเรยี นรู้ จดุ ประสงคย์ อ่ ยของกิจกรรมตามตารางประจำวนั ๖กจิ กรรมหลกั หรอื ตามรูปแบบการจดั ประสบการณท์ ่ีกำหนด
ผู้สอนต้องวางแผนและออกแบบวธิ กี ารประเมินใหเ้ หมาะสมกับกิจกรรม บางครั้งอาจใชก้ ารสังเกตพฤตกิ รรม การประเมนิ ผลงาน/ช้ินงาน การพดู คุยหรือสมั ภาษณ์เดก็ เป็นต้น ทั้งนวี้ ธิ ีการท่ผี สู้ อนเลอื กใช้ต้องมีความหมายหลากหลาย หรอื มากว่า ๒ วธิ ีการ ข้นั ตอนที่ ๓ การสรา้ งเคร่อื งมือและเกณฑก์ ารประเมนิ ในข้ันตอนน้ี ผู้สอนจะตอ้ งกำหนดเกณฑ์การ ประเมินพฒั นาการให้สอดคลอ้ งกับพฤติกรรมทจี่ ะประเมินในขั้นตอนที่ ๒ อาจใช้แนวทางการกำหนดเกณฑท์ ่ี กล่าวมาแลว้ ข้างตน้ ในส่วนท่ี ๒ เป็นเกณฑ์การประเมนิ แยกสว่ นของแต่ละพฤตกิ รรมและเกณฑส์ รุปผลการ ประเมนิ พรอ้ มกับจัดทำแบบบันทกึ ผลการสังเกตพฤติกรรมตามสภาพทพี่ งึ ประสงค์ของแต่ล ะหนว่ ยการจดั ประสบการณ์น้ันๆ ข้นั ตอนท่ี ๔ การดำเนินการเกบ็ รวบรวมขอ้ มูล เปน็ ข้นั ตอนท่ผี สู้ อนออกแบบ/วางแผนและทำการสังเกต พฤติกรรมของเด็กเป็นรายบคุ คล รายกลมุ่ การพดู คยุ หรือการสมั ภาษณเ์ ดก็ หรือการประเมินผลงาน/ช้ินงานของเด็ก อย่างเปน็ ระบบ เพื่อรวบรวมขอ้ มลู พัฒนาการของเดก็ ใหท้ ว่ั ถึงครบทุกคน สอดคลอ้ งและตรงประเดน็ การประเมนิ ที่วางแผนไวใ้ นขั้นตอนที่ ๔ บันทึกลงในเครื่องมอื ที่ผูส้ อนพัฒนาหรอื จัดเตรยี มไว้ การบนั ทึกผลการประเมินพัฒนาการตามสภาพทพ่ี ึงประสงคข์ องแต่ละหน่วย การจัดประสบการณ์น้นั ผ้สู อนเปน็ ผปู้ ระเมินเด็กเป็นรายบุคคลหรือรายกลุ่ม อาจใหร้ ะดบั คุณภาพ ๓ หรือ ๒ หรอื ๑ หรอื ใหค้ ำสำคัญ ทเ่ี ปน็ คุณภาพ เชน่ ดี พอใช้ ควรส่งเสริม ก็ได้ ทงั้ น้ีควรเปน็ ระบบเดยี วกนั เพอื่ สะดวกในการวิเคราะหข์ อ้ มูลและแปลผลการประเมิ นพัฒนาการเดก็ ในระยะต้นควรเป็นการประเมินเพอ่ื ความกา้ วหนา้ ไม่ควรเป็นการประเมนิ เพื่อตดั สิ้ นพฒั นาการเด็ก หากผลการประเมินพบว่า เด็กอยูใ่ นระดบั ๑ พฤตกิ รรมหนงึ่ พฤติกรรมใดผูส้ อนตอ้ งทำความเขา้ ใจว่าเด็กคนน้นั มีพฒั นาการเร็ว หรอื ชา้ ผู้สอนจะต้องจดั ประสบการณส์ ่งเสริมในหนว่ ยการจัดประสบการณต์ อ่ ไปอย่างไร ดงั นั้น การเก็บรวบรวมขอ้ มูลผลการประเมินพฒั นาการในแต่ละหนว่ ยการจัดประสบการ ณข์ องผู้สอน จงึ เปน็ การสะสมหรอื รวบรวมข้อมูลผลการประเมินพัฒนาการของเด็กรายบุคคล หรือรายกลุ่มน่นั เอง เมอ่ื ผู้สอนจดั ประสบการณ์ครบทุกหน่วยการจัดประสบการณ์ตามทวี่ ิเคราะห์สาระก ารเรียนร้รู ายปีของแต่ละภาคเรยี น ขนั้ ตอนที่ ๕ การวิเคราะห์ข้อมลู และแปลผล ในข้นั ตอนน้ี ผู้สอนท่เี ปน็ ผปู้ ระเมนิ ควรดำเนนิ ดาร ดงั นี้
๑) การวิเคราะหแ์ ละแปลผลการประเมนิ พฒั นาการเมื่อสิ้นสดุ หนว่ ยการจัดประสบการ ณ์ ผ้สู อนจะบนั ทึกผลการประเมนิ พัฒนาการของเด็กลงในแบบบันทึกผลการสังเกตพฤ ติกรรมตามสภาพทพี่ งึ ประสงค์ของหนว่ ยการจัดประสบการณห์ นว่ ยที ๑ จนถงึ หนว่ ยสดุ ทา้ ยของภาคเรียน ๒) การวเิ คราะห์และแปลผลการประเมินประจำภาคเรยี นหรือภาคเรยี นท่ี ๒ เม่ือสิ้นปกี ารศกึ ษา ผู้สอนจะนำผลการประเมนิ พฒั นาการสะสมทีร่ วบรวมไว้จากทกุ หนว่ ยการเรียนรูส้ รุ ปลงในสมุดบันทึกผลประเมินพัฒนาการประจำชน้ั และสรุปผลพฒั นาการรายดา้ นทั้งชน้ั เรยี น ขั้นตอนที่ ๖ การสรุปรายงานผลและการนำข้อมูลไปใช้ เปน็ ข้นั ตอนทผี่ ้สู อนซง่ึ เป็นครูประจำช้ันจะสรุปผลเพื่อตดั สนิ พฒั นาการของเด็กปฐ มวยั เปน็ รายตวั บ่งช้รี ายมาตรฐานและพัฒนาการท้ัง ๔ ด้าน เพ่อื นำเสนอผบู้ ริหารสถานศกึ ษาอนุมัติการตัดสนิ และแจง้ คณะกรรมการสถานศกึ ษาขน้ั พื้นฐาน พร้อมกับครูประจำชนั้ จะจัดทำรายงานผลการประเมินประจำตัวนกั เรยี น นำข้อมลู ไปใชส้ รุปผลการประเมนิ คณุ ภาพเด็ก ของระบบประกันคุณภาพภายในของสถานศกึ ษาเมอื่ สิ้นภาคเรียนท่ี ๒ หรือเมอื่ สน้ิ ปีการศึกษา ขนั้ ตอนการประเมินพฒั นาการเด็ก สรุปไดต้ ามแผนภาพ แผนภาพ ขนั้ ตอนการประเมินพฒั นาการเด็กปฐมวยั หลักสตู รสถานศึกษา การจัดประสบการณ์ การประเมนิ พฒั นาก ปฐมวยั สำคญั าร มาตรฐาน ๑.การวเิ คราะห์มาตร คณุ ลักษณะทีพงึ ประ ฐาน ตวั บ่งชี้ สงค์ และสภาพท่ีพึงประส งค์ ตัวบง่ ช้ี
สภาพท่พี ึงประสงค์ หนว่ ยการเรียนรู้ ๒.กำหนดสิง่ ท่ีจะประ ประสบการณส์ ำคัญ แผนการจดั เมินและวิธกี ารประเ ประสบการณ์ มนิ ๓.สร้างเครื่องมอื และ เกณฑก์ ารประเมิน วัตถุประสงค์ ๔.ดำเนนิ การเก็บรว - บรวมข้อมลู วัสดุ การวดั และประเมินพฒั นาการ -กจิ กรรม บนั ทกึ การจดั กจิ กรรม/ -สอ่ื ๕.การวิเคราะหข์ ้อมู - ลและแปลผล - การประเมนิ พัฒนาการ ๖.การสรปุ รายงานผ ลและการนำข้อมูลไ ปใช้ รายละเอียดการดำเนินงานแต่ละขน้ั ตอน มดี ังน้ี ขัน้ ตอนที่ ๑ การวิเคราะห์มาตรฐาน ตวั บง่ ช้ี และสภาพทพี่ งึ ประสงคต์ ามหลกั สตู รสถานศกึ ษา โดยนำข้อมูลจากการวเิ คราะหก์ ารเรียนรู้รายปีในหลกั สตู รสถานศึกษาปฐมวยั มาตร วจสอบความถีข่ องตวั บ่งชี้ และสภาพทพี่ ึงประสงค์ว่าเกิดขน้ึ กับเด็กตามหนว่ ยการจัดประสบการณ์เรยี นรู้ใดบา้ ง ข้นั ตอนท่ี ๑.๑ การวิเคราะห์สาระการเรยี นรูร้ ายปขี องโรงเรยี น ขั้นตอนที่ ๑.๒ ตรวจสอบความถ่ีเพ่ือตรวจสอบจำนวนครัง้ ของตวั บง่ ชี้ สภาพที่พงึ ประสงค์วา่ วางแผนให้เกิดพัฒนาการในหนว่ ยการจัดประสบการณก์ ารเรี ยนร้ใู ดบา้ งจากหลักสตู รสถานศกึ ษา ขนั้ ตอนที่ ๒ กำหนดสงิ่ ที่ประเมนิ และวิธีการประเมนิ โดยกำหนดสภาพที่พึงประสงค์ทว่ี เิ คราะห์ไวใ้ นขน้ั ตอนท่ี ๑.๒ มากำหนดจุดประสงค์การเรยี นรูใ้ น ๖ กจิ กรรมหลกั
๒.๑ การเขียนหรอื กำหนดจดุ ประสงคก์ ารเรียนของหนว่ ยการจัดประสบการณ์ ๒.๒ การวางแผนการจดั กิจกรรมการเรยี นรู ขน้ั ตอนท่ี ๓ การสร้างเคร่ืองมือและเกณฑ์การประเมิน ผสู้ อนจะตอ้ งกำหนดเกณฑ์การประเมนิ พัฒนาการเดก็ ใหส้ อดคล้องกบั พฤติกรรมท่ี จะประเมินตามแผนการจัดกิจกรรม พรอ้ มทำเกณฑ์การประเมนิ และสรปุ ผลการประเมิน พรอ้ มจัดทำแบบบันทกึ ผลหลังสอนประจำหน่วยการจัดประสบการณ์ ขน้ั ตอนท่ี ๔ การดำเนนิ การเป็นการรวบรวมขอ้ มูล ขนั้ ตอนน้ี ผู้สอนทีท่ ำหนา้ ทเ่ี ป็นผ้ปู ระเมินโดยการสังเกตพฤติกรรมของเด็กรายบุคคล รายกลมุ่ การพดู คุยหรอื สมั ภาษณ์เด็ก หรอื การประเมนิ ผลงานช้ินงานของเด็กอย่างเป็นระบบ ไปพร้อมๆกับกจิ กรรมใหเ้ ด็ก เพ่ือรวบรวมขอ้ มลู พัฒนาการของเดก็ ทุกคน และบันทึกลงแบบบันทึกผลหลงั สอนประจำหนว่ ยการจดั ประสบการณ์ ท่จี ัดเตรยี มไว้ ขนั้ ตอนท่ี ๕ การวิเคราะหข์ อ้ มลู และแปลผลเมอ่ื สน้ิ สุดหน่วยการจดั ประสบการณ์ ผู้สอนจะตรวจสอบความครบถว้ น สมบรู ณ์ของผลการประเมนิ ในแบบบันทึกผลการประเมินพัฒนาการของเดก็ หลงั กา รจัดประสบการณ์ลงในแบบบนั ทกึ ผลหลังการจัดประสบการณ์ประจำหน่วยการจดั ป ระสบการณ์ และเก็บสะสมเพอ่ื นำได้สรุปผลในการตัดสินพฒั นาการเด็กในภาพรวมเม่อื สิ้นปีกา รศึกษา โดยผ้สู อนจะนำผลการประเมนิ พฒั นาสะสมท่ีรวบรวมไว้ทกุ หนว่ ยการเรยี นรู้ มาสรปุ ลงในสมดุ บนั ทึกผลการประเมินพฒั นาการประจำช้นั และสรปุ ผลพัฒนาการ รายด้านท้ังชน้ั เรียน ท้งั นีก้ ารสรุปผลการประเมินพัฒนาการ ผูส้ อนควรใช้ ฐานนยิ ม (Mode) จึงเหมาะสมและสอดคลอ้ งกบั การประเมนิ มากทสี่ ดุ ตามทก่ี ล่าวมาแล้วขา้ งต้น ข้นั ตอนที่ ๖ การสรปุ รายงานผลและการนำข้อมูลไปใช้ ครูประจำช้นั จะสรุปผลเพ่อื พัฒนาการของเด็กปฐมวยั เปน็ รายตัวบ่งช้ี รายมาตรฐานและพัฒนาการท้ัง๔ ดา้ น และรายงานต่อผู้บรหิ ารสถานศกึ ษาอนุมตั ผิ ลการตัดสินและแจ้งคณะกรรมการสถา นศึกษาข้ันพน้ื ฐาน พรอ้ มกับครูประจำช้นั จะจัดทำรายงานผลการประเมินพัฒนาการของเด็กรายบคุ คล รายภาค และรายปีตอ่ ผู้ปกครองในสมุดรายงานปรำตวั เด็กนักเรียน
การบรหิ ารจัดการหลักสตู ร การนำหลักสตู รการศกึ ษาปฐมวยั สกู่ ารปฏบิ ตั ใิ หเ้ กดิ ประสทิ ธภิ าพตามจดุ หมาย ของ หลกั สูตร ผูเ้ ก่ียวขอ้ งกับการบรหิ ารจัดการหลักสูตรในระบบสถานศึกษา ไดแ้ ก่ ผบู้ ริหาร ผูส้ อน พอ่ แม่ หรอื ผู้ปกครอง และชุมชน มบี ทบาทสำคญั ย่งิ ตอ่ การพัฒนาคณุ ภาพของเด็ก ๑. บทบาทผูบ้ รหิ ารสถานศึกษาปฐมวัย การจดั การศกึ ษาแกเ่ ดก็ ปฐมวัยในระบบสถานศึกษาใหเ้ กิดประสิทธผิ ลสงู สุด ผบู้ ริหารสถานศกึ ษาควรมีบทบาท ดงั น้ี ๑.๑ ศึกษาทำความเข้าใจหลักสูตรการศกึ ษาปฐมวยั และมีวสิ ยั ทศั น์ดา้ นการจดั การศกึ ษา ปฐมวัย ๑.๒ คดั เลอื กบุคลากรที่ทำงานกับเดก็ เช่น ผสู้ อน พ่เี ลี้ยง อย่างเหมาะสม โดยคำนึงถงึ คณุ สมบัติหลักของบคุ ลากร ดังน้ี ๑.๒.๑ มวี ุฒิทางการศกึ ษาดา้ นการอนบุ าลศกึ ษา การศึกษาปฐมวยั หรือผา่ นการอบรมเกยี่ วกับการจัดการศึกษาปฐมวยั ๑.๒.๒ มีความรักเด็ก จติ ใจดี มีอารมณ์ขันและใจเยน็ ให้ ความเปน็ กนั เองกับเดก็ อย่าง เสมอภาค ๑.๒.๓ มีบคุ ลกิ ของความเปน็ ผสู้ อน เขา้ ใจและยอมรับธรรมชาตขิ องเด็กตามวัย ๑.๒.๔พูดจาสุภาพเรยี บรอ้ ย ชดั เจนเปน็ แบบอยา่ งได้ ๑.๒.๕ มคี วามเปน็ ระเบียบ สะอาด และรูจ้ กั ประหยดั ๑.๒.๖ มีความอดทน ขยนั ซ่อื สัตย์ในการปฏิบตั ิงานในหน้าท่แี ละ การปฏิบตั ติ อ่ เดก็ ๑.๒.๗ มีอารมณร์ ว่ มกบั เดก็ รู้จักรับฟัง พจิ ารณาเรือ่ งราวปญั หาต่างๆ ของเดก็ และตัดสนิ ปัญหาตา่ งๆอยา่ งมีเหตุผลดว้ ยความ เปน็ ธรรม ๑.๒.๘ มีสุขภาพกายและสุขภาพจติ สมบูรณ์ ๑.๓ สง่ เสริมการจดั บริการทางการศึกษาให้เด็กไดเ้ ขา้ เรียนอยา่ งท่วั ถงึ และเสมอภาค และปฏบิ ัตกิ ารรบั เดก็ ตามเกณฑท์ ก่ี ำหนด ๑.๔ สง่ เสริมใหผ้ ้สู อนและผ้ทู ่ีปฏบิ ัตงิ านกบั เดก็ พัฒนาตนเองมีความร้กู า้ วหนา้ อย่เู สมอ ๑.๕ เป็นผนู้ ำในการจัดทำหลักสูตรสถานศกึ ษาโดยร่วมให้ความเหน็ ชอบ กำหนดวิสยั ทศั น์ และคณุ ลกั ษณะท่ีพึงประสงค์ของเด็กทกุ ชว่ งอายุ ๑.๖ สรา้ งความร่วมมือและประสานกบั บุคลากรทุกฝา่ ยในการจัดทำหลักสูตรสถานศกึ ษา ๑.๗ จัดให้มีข้อมูลสารสนเทศเก่ยี วกับตวั เด็ก งานวิชาการหลกั สตู ร อยา่ งเปน็ ระบบและมีการประชาสมั พันธ์หลักสูตรสถานศึกษา
๑.๘ สนบั สนนุ การจดั สภาพแวดล้อมตลอดจนสอ่ื วัสดุ อปุ กรณ์ทีเ่ อ้ืออำนวยต่อ การเรยี นรู้ ๑.๙ นเิ ทศ กำกบั ติดตามการใชห้ ลกั สูตร โดยจัดให้มรี ะบบนเิ ทศภายในอยา่ งมรี ะบบ ๑.๑๐ กำกับตดิ ตามให้มีการประเมินคุณภาพภายในสถานศกึ ษาและนำผลจากการประเมิ นไปใชใ้ นการพฒั นาคณุ ภาพเดก็ ๑.๑๑ กำกับ ติดตาม ให้มีการประเมินการนำหลกั สตู รไปใช้ เพอื่ นำผลจากการประเมินมาปรับปรงุ และพฒั นาสาระของหลกั สตู รของสถานศึกษา ใหส้ อดคลอ้ งกบั ความต้องการของเด็ก บริบทสงั คมและใหม้ ีความทนั สมัย ๒. บทบาทผูส้ อนปฐมวยั การพฒั นาคณุ ภาพเดก็ โดยถอื วา่ เดก็ มคี วามสำคัญท่สี ุด กระบวนการจัดการศกึ ษาตอ้ งสง่ เสรมิ ให้เด็กสามารถพัฒนาตนตามธรรมชาติ สอดคลอ้ งกับพัฒนาการและเตม็ ตามศักยภาพ ดงั นัน้ ผสู้ อนจึงมบี ทบาทสำคัญยิง่ ท่ีจะทำใหก้ ระบวนการจดั การเรียนรดู้ งั กล่าวบรรลผุ ลอย่ างมีประสทิ ธิภาพ ผู้สอนจึงควรมีบทบาท / หนา้ ที่ ดังน้ี ๒.๑ บทบาทในฐานะผ้เู สริมสรา้ งการเรียนรู้ ๒.๑.๑ จัดประสบการณ์การเรยี นรู้สำหรบั เด็กท่เี ดก็ กำหนดขึ้นด้วยตัวเดก็ เองและผู้สอนกบั เ ด็กรว่ มกันกำหนด โดยเสรมิ สร้างพัฒนาการเดก็ ให้ครอบคลมุ ทกุ ดา้ น ๒.๑.๒ ส่งเสริมใหเ้ ด็กใชข้ ้อมลู แวดล้อม ศักยภาพของตวั เดก็ และหลักทางวชิ าการในการผลติ กระทำ หรอื หาคำตอบในส่ิงทีเ่ ด็กเรยี นรูอ้ ย่างมีเหตุผล ๒.๑.๓ กระต้นุ ให้เด็กรว่ มคดิ แก้ปญั หา คน้ ควา้ หาคำตอบด้วยตนเองด้วยวธิ กี ารศกึ ษาท่นี ำไปสู่การใฝ่รู้ และพัฒนาตนเอง ๒.๑.๔ จดั สภาพแวดลอ้ มและสรา้ งบรรยากาศการเรยี นทส่ี ร้างเสริมให้เดก็ ทำกจิ กรรมได้เต็ มศักยภาพและความแตกต่างของเดก็ แต่ละบุคคล ๒.๑.๕ สอดแทรกการอบรมดา้ นจรยิ ธรรมและคา่ นิยมท่พี ึงประสงคใ์ นการจัดการเรยี นรู้ และกิจกรรมตา่ งๆอยา่ งสม่ำเสมอ ๒.๑.๖ ใช้กจิ กรรมการเล่นเปน็ สื่อการเรยี นร้สู ำหรบั เด็กใหเ้ ปน็ ไปอยา่ งมีประสทิ ธภิ าพ ๒.๑.๗ ใชป้ ฏิสมั พันธ์ทีด่ ีระหวา่ งผู้สอนและเดก็ ในการดำเนินกจิ กรรมการเรียนการสอนอย่ างสมำ่ เสมอ ๒.๑.๘ จดั การประเมนิ ผลการเรียนรู้ทีส่ อดคลอ้ งกบั สภาพจรงิ และนำผลการประเมนิ มาปรบั ปรุงพัฒนาคุณภาพเดก็ เตม็ ศกั ยภาพ
๒.๒ บทบาทในฐานะผู้ดแู ลเดก็ ๒.๒.๑ สังเกตและส่งเสริมพฒั นาการเด็กทกุ ดา้ นท้งั ทางดา้ นร่างกาย อารมณ์ จติ ใจ สงั คม และ สตปิ ญั ญา ๒.๒.๒ ฝกึ ใหเ้ ดก็ ชว่ ยเหลอื ตนเองในชีวิตประจำวนั ๒.๒.๓ ฝึกใหเ้ ดก็ มีความเช่อื ม่ัน มีความภูมิใจในตนเองและกลา้ แสดงออก ๒.๒.๔ ฝกึ การเรียนรูห้ นา้ ที่ ความมวี ินัย และการมนี ิสยั ท่ดี ี ๒.๒.๕ จำแนกพฤติกรรมเด็กและสรา้ งเสริมลักษณะนสิ ยั และแก้ปัญหาเฉพาะบุคคล ๒.๒.๖ ประสานความรว่ มมือระหว่างสถานศกึ ษา บา้ น และชมุ ชน เพื่อใหเ้ ดก็ ไดพ้ ัฒนาเตม็ ตามศักยภาพและมมี าตรฐานคณุ ลักษณะทีพ่ งึ ประสงค์ ๒.๓ บทบาทในฐานะนกั พัฒนาเทคโนโลยกี ารสอน ๒.๓.๑ นำนวัตกรรม เทคโนโลยที างการสอนมาประยุกต์ใชใ้ ห้เหมาะสมกบั สภาพบริบทสังคม ชมุ ชน และทอ้ งถ่นิ ๒.๓.๒ ใช้เทคโนโลยแี ละแหล่งเรียนร้ใู นชมุ ชนในการเสรมิ สร้างการเรยี นรู้ให้แก่เดก็ ๒.๓.๓ จดั ทำวิจยั ในชัน้ เรยี น เพือ่ นำไปปรบั ปรงุ พัฒนาหลักสูตร / กระบวนการเรียนรู้ และพฒั นาสอื่ การเรยี นรู้ ๒.๓.๔ พฒั นาตนเองให้เปน็ บคุ คลแหง่ การเรียนรู้ มคี ณุ ลักษณะของผ้ใู ฝร่ ้มู วี สิ ัยทัศน์และทนั สมยั ทันเหตุการณใ์ นยุคของข้อมูลข่าวสาร ๒.๔ บทบาทในฐานะผบู้ ริหารหลักสูตร ๒.๔.๑ ทำหน้าท่วี างแผนกำหนดหลักสูตร หนว่ ยการเรียนรู้ การจดั กิจกรรมการเรียนรู้ การประเมนิ ผลการเรยี นรู้ ๒.๔.๒ จดั ทำแผนการจัดประสบการณ์ท่เี น้นเดก็ เปน็ สำคญั ให้เดก็ มีอสิ ระในการเรยี นรู้ทัง้ กายและใจ เปิดโอกาสใหเ้ ด็กเลน่ /ทำงาน และเรยี นร้ทู ้ังรายบคุ คลและเปน็ กลุ่ม ๒.๔.๓ ประเมินผลการใช้หลักสูตร เพอ่ื นำผลการประเมินมาปรับปรุงพัฒนาหลกั สตู รใหท้ นั สมัย สอดคล้องกับความต้องการของ ผูเ้ รยี น ชมุ ชน และท้องถิน่ ๓. บทบาทของพอ่ แมห่ รือผู้ปกครองเดก็ ปฐมวยั การศกึ ษาระดับปฐมวัยเป็นการศึกษาทีจ่ ดั ให้แก่เดก็ ท่ผี สู้ อนและพ่อแม่หรือผู้ ปกครองตอ้ งสื่อสารกันตลอดเวลา เพือ่ ความเข้าใจตรงกันและพรอ้ มร่วมมือกนั ในการจดั การศกึ ษาให้กับเด็ก ดังนน้ั พอ่ แม่หรอื ผู้ปกครองควรมีบทบาทหน้าท่ี ดังนี้
๓.๑ มสี ว่ นรว่ มในการกำหนดแผนพัฒนาสถานศกึ ษาและให้ความเหน็ ชอบ กำหนด แผนการเรียนรู้ของเดก็ ร่วมกับผู้สอนและเดก็ ๓.๒ ส่งเสริมสนับสนนุ กิจกรรมของสถานศึกษา และกจิ กรรมการเรียนรเู้ พ่ือพฒั นาเดก็ ตามศกั ยภาพ ๓.๓ เป็นเครอื ข่ายการเรยี นรู้ จดั บรรยากาศภายในบ้านให้เอือ้ ตอ่ การเรียนรู้ ๓.๔ สนับสนุนทรพั ยากรเพอ่ื การศกึ ษาตามความเหมาะสมและจำเป็น ๓.๕ อบรมเลยี้ งดู เอาใจใสใ่ หค้ วามรกั ความอบอนุ่ สง่ เสริมการเรียนรูแ้ ละพฒั นาการด้านต่าง ๆ ของเดก็ ๓.๖ ปอ้ งกนั และแก้ไขปัญหาพฤตกิ รรมที่ไม่พงึ ประสงค์ตลอดจนสง่ เสริมคุณลกั ษณะท่พี ึ งประสงค์ โดยประสานความรว่ มมอื กบั ผสู้ อน ผู้เก่ยี วขอ้ ง ๓.๗ เป็นแบบอย่างทด่ี ีทงั้ ในดา้ นการปฏบิ ตั ติ นให้เปน็ บุคคลแหง่ การเรยี นรู้ และมี คุณธรรมนำไปสกู่ ารพัฒนาให้เปน็ สถาบนั แหง่ การเรียนรู้ ๓.๘ มีส่วนร่วมในการประเมินผลการเรียนรขู้ องเดก็ และในการประเมนิ การจดั การศกึ ษ าของสถานศกึ ษา ๔. บทบาทของชุมชน การปฏิรปู การศกึ ษา ตามพระราชบญั ญตั กิ ารศึกษาแห่งชาติ พ.ศ. ๒๕๔๒ ไดก้ ำหนดใหช้ ุมชนมีบทบาทในการมสี ่วนร่วมในการจดั การศกึ ษา โดยให้มกี ารประสานความร่วมมือเพ่ือ รว่ มกนั พฒั นาผเู้ รยี นตามศกั ยภาพ ดังนน้ั ชมุ ชนจงึ มบี ทบาทในการจดั การศึกษาปฐมวยั ดงั นี้ ๔.๑ มีส่วนรว่ มในการบรหิ ารสถานศกึ ษา ในบทบาทของคณะกรรมการสถานศึกษา สมาคม / ชมรมผปู้ กครอง ๔.๒ มีส่วนร่วมในการจัดทำแผนพฒั นาสถานศึกษาเพ่ือเปน็ แนวทางในการดำเนนิ การข องสถานศึกษา ๔.๓ เปน็ ศนู ยก์ ารเรียนรู้ เครือข่ายการเรียนรู้ ให้เดก็ ไดเ้ รยี นรูแ้ ละมีประสบการณ์จากสถานการณ์จริง ๔.๔ ใหก้ ารสนับสนุนการจดั กิจกรรมการเรียนรู้ของสถานศึกษา ๔.๕ สง่ เสรมิ ให้มกี ารระดมทรพั ยากรเพื่อการศกึ ษา ตลอดจนวทิ ยากรภายนอก และภมู ิปัญญาท้องถิ่น เพือ่ เสริมสรา้ งพัฒนาการของเด็กทุกดา้ น รวมทง้ั สืบสานจารตี ประเพณี ศลิ ปวัฒนธรรมของทอ้ งถนิ่ และของชาติ ๔.๖ ประสานงานกับองค์ กรท้งั ภาครัฐและเอกชน เพอื่ ใหส้ ถานศกึ ษาเป็นแหล่งวทิ ยาการของชมุ ชน และมีสว่ นในการพัฒนาชุมชนและทอ้ งถนิ่
๔.๗ มสี ่วนร่วมในการตรวจสอบ และประเมินผลการจดั การศึกษาของสถานศกึ ษา ทำหน้าท่เี สนอแนะในการพัฒนาการจดั การศกึ ษาของสถานศึกษา การจัดการศึกษาระดับปฐมวยั ( เดก็ อายุ ๓ – ๖ ปี ) สำหรบั กลุ่มเปา้ หมายเฉพาะ การจดั การศกึ ษาสำหรบั กลมุ่ เป้าหมายเฉพาะสามารถนำหลักสตู รการศกึ ษาป ฐมวัยไปปรบั ใชไ้ ด้ ท้ังในส่วนของโคตรสร้างหลกั สูตร สาระการเรียนรู้ การจัดประสบการณ์ และการประเมนิ พฒั นาการให้เหมาะสมกับสภาพ บริบท ความตอ้ งการ และศักยภาพของเด็กแตล่ ะประเภทเพอ่ื พัฒนาใหเ้ ด็กมคี ุณภาพตามมาตรฐานคณุ ลั กษณะท่พี ึงประสงคท์ ี่หลกั สูตรการศกึ ษาปฐมวยั กำหนดโดยดำเนินการดงั นี้ ๑. เปา้ หมายคุณภาพเด็ก หลักสูตรการศกึ ษาปฐมวัยได้กำหนดมาตรฐานคณุ ลักษณะท่ีพึงประสงค์ และสาระการเรียนรู้ เป็นเปา้ หมายและกรอบทศิ ทางเพื่อใหท้ ุกฝ่ายท่เี กี่ยวขอ้ งใชใ้ นการพัฒนาเดก็ สถานศกึ ษาหรอื ผ้จู ดั การศกึ ษาสำหรบั กลุ่มเป้าหมายเฉพาะ สามารถเลอื กหรือปรบั ใช้ ตวั บ่งช้ีและสภาพท่ีพงึ ประสงค์ในการพฒั นาเด็ก เพอื่ นำไปทำแผนการจดั การศกึ ษาเฉพาะบุคคลแตย่ ังคงไว้ซ่ึงคุณภาพพัฒนาการข องเดก็ ทัง้ ด้านร่างกาย อารมณ์ จิตใจ สังคม และสตปิ ัญญา ๒. การประเมนิ พัฒนาการ จะตอ้ งคำนึงถึงปัจจัยความแตกตา่ งของเดก็ อาทิ เด็กทพ่ี กิ ารอาจตอ้ งมีการปรับการประเมินพัฒนาการทีเ่ อ้ือตอ่ สภาพเดก็ ทง้ั วธิ ีการเครอื่ งมือทีใ่ ช้ หรอื กลุ่มเด็กท่มี ีจุดเน้นเฉพาะดา้ น การเชอื่ มตอ่ ของการศกึ ษาระดบั ปฐมวยั กบั ระดับประถมศกึ ษาปที ่ี ๑ การเชอ่ื มตอ่ ของการศกึ ษาระดับปฐมวัยกบั ระดบั ประถมศึกษาปที ี่ ๑ มีความสำคัญอยา่ งยงิ่ บุคลากรทกุ ฝา่ ยจะต้องใหค้ วามสนใจต่อการช่วยลดชอ่ งวา่ งของความไม่เข้าใจในกา รจัดการศึกษาทงั้ สองระดบั ซ่ึงจะสง่ ผลตอ่ การจดั การเรยี นการสอน ตัวเด็ก ครู พ่อแม่ ผูป้ กครอง และบคุ ลากรทางการศึกษาอ่ืนๆทัง้ ระบบ การเช่ือมต่อของการศึกษาระดับปฐมวัยกบั ระดบั ประถมศึกษาปีที่ ๑ จะประสบผลสำเร็จได้ตอ้ งดำเนินการดงั ต่อไปนี้ ๑. ผู้บริหารสถานศึกษา ผู้บริหารสถานศกึ ษาเปน็ บุคคลสำคัญทีม่ ีบทบาทเปน็ ผู้นำในการเช่อื มต่อโดยเ ฉพาะระหวา่ งหลักสูตรการศกึ ษาปฐมวัยในชว่ งอายุ ๓ – ๖ ปี
กบั หลักสูตรแกนกลางการศึกษาข้ันพื้นฐานในชัน้ ประถมศกึ ษาปีที่ ๑ โดยตอ้ งศกึ ษาหลักสตู รทงั้ สองระดับ เพอ่ื ทำความเขา้ ใจ จัดระบบการบริหารงานดา้ นวชิ าการที่จะเอ้ือต่อการเชือ่ มโยงการศึกษาโดยการจดั กิ จกรรมเพือ่ เชอ่ื มตอ่ การศึกษา ดังตัวอย่างกิจกรรมตอ่ ไปน้ี ๑.๑ จดั ประชมครรู ะดบั ปฐมวยั และครูระดับประถมศึกษารว่ มกนั สรา้ งรอยเชื่อมตอ่ ของ หลกั สตู รทั้งสองระดบั ให้เป็นแนวปฏิบตั ิของสถานศกึ ษาเพ่ือครทู ั้งสองระดบั จะได้เต รียมการสอนใหส้ อดคล้องกับเด็กวยั นี้ ๑.๒ จัดหารเอกสารด้านหลักสตู รและเอกสารทางวิชาการของทัง้ สองระดับมาไวใ้ ห้ครูแล ะบคุ ลากรอืน่ ๆไดศ้ ึกษาทำความเขา้ ใจ อยา่ งสะดวกและเพียงพอ ๑.๓ จดั กจิ กรรมใหค้ รูท้งั สองระดับมโี อกาสแลกเปลี่ยนเผยแพรค่ วามร้ใู หม่ๆ ทไ่ี ดร้ ับจากการอบรม ดงู าน ซึ่งไมค่ วรจดั ใหเ้ ฉพาะครูในระดับเดียวกันเทา่ นัน้ ๑.๔ จดั เอกสารเผยแพร่ตลอดจนกจิ กรรมสมั พันธ์ในรปู แบบตา่ งๆ ระหวา่ งสถานศกึ ษา พ่อแม่ ผู้ปกครองและบคุ ลากรทางการศึกษาอยา่ งสม่ำเสมอ ๑.๕ จัดใหม้ ีการพบปะ หรอื การทำกจิ กรรมรว่ มกบั พอ่ แม่ ผู้ปกครองอย่างสมำ่ เสมอต่อเนอ่ื ง ในระหว่างที่เดก็ อยู่ในระดับปฐมวัย เพอ่ื พ่อแม่ ผปู้ กครอง จะไดส้ ร้างความเขา้ ใจและสนับสนุนการเรยี น การสอนของบุตรหลานตนได้อยา่ งถูกตอ้ ง ๑.๖ จัดกิจกรรมใหค้ รทู ัง้ สองระดับได้ทำกจิ กรรมรว่ มกันกบั พอ่ แม่ ผู้ปกครองและเดก็ ในบางโอกาส ๑.๗ จัดกจิ กรรมปฐมนิเทศพ่อแม่ ผู้ปกครองอย่างน้อย ๒ ครัง้ คอื ก่อนเดก็ เข้าเรยี นระดบั ปฐมวยั ศกึ ษาและกอ่ นเดก็ จะเลื่อนขึน้ ช้นั ประถมศกึ ษาปีที่ ๑ เพื่อให้พ่อแม่ ผูป้ กครองเขา้ ใจ การศกึ ษาทัง้ สองระดับและให้ความรว่ มมอื ในการช่วยเดก็ ใหส้ ามารถปรับตัวเขา้ กบั สภาพแวดลอ้ มใหม่ไดด้ ี ๒. ครรู ะดบั ปฐมวัย ครรู ะดบั ปฐมวยั นอกจากจะตอ้ งศึกษาทำความเข้าใจหลกั สตู รการศกึ ษาปฐมวยั และจัดกิจกรรมพฒั นาเด็กของตนแลว้ ควรศกึ ษาหลักสตู รการศึกษาขนั้ พ้นื ฐาน การจดั การเรยี นการสอนในชัน้ ประถมศึกษาปีท่ี ๑ และสรา้ งความเข้าใจใหก้ บั พ่อแม่ ผู้ปกครองและบคุ ลากรอ่นื ๆ รวมทง้ั ช่วยเหลอื เด็กในการปรบั ตวั กอ่ นเลื่อนขึน้ ช้ันประถมศึกษาปีท่ี ๑ โดยครอู าจจัดกิจกรรมดงั ตวั อย่างต่อไปนี้
๒.๑ เก็บรวบรวมขอ้ มลู เกีย่ วกบั ตวั เด็กเป็นรายบุคคลเพือ่ ส่งต่อครชู น้ั ประถมศกึ ษาปีที่ ๑ ซึง่ จะทำใหค้ รูระดับประถมศึกษาสามารถใช้ขอ้ มลู นั้นชว่ ยเหลอื เด็กในการปรับตัวเ ข้ากบั การเรียนรใู้ หม่ตอ่ ไป ๒.๒ พูดคยุ กับเด็กถงึ ประสบการณท์ ด่ี ๆี เกี่ยวกับการจดั การเรยี นรู้ในระดบั ชั้นประถมศึกษาปที ่ี ๑ เพอื่ ให้เดก็ เกดิ เจตคตทิ ีด่ ีต่อการเรียนรู้ ๒.๓ จดั ให้เด็กได้มีโอกาสทำความรจู้ ักกบั ครูตลอดจนสภาพแวดล้อม บรรยากาศของห้องเรียนชน้ั ประถมศึกษาปีท่ี ๑ ท้งั ทีอ่ ยู่ในสถานศึกษาเดยี วกันหรอื สถานศึกษาอื่น ๓. ครรู ะดับประถมศึกษา ครรู ะดบั ประถมศกึ ษาต้องมีความรู้ ความเข้าใจในพัฒนาการเด็กปฐมวัยและมเี จตคติทดี่ ีตอ่ การจัดประสบการณต์ ามหลั กสูตรการศึกษาปฐมวยั เพื่อนำมาเป็นขอ้ มูลในการพัฒนาจดั การเรียนร้ใู นระดบั ชนั้ ประถมศึกษาปีท่ี ๑ ของตนใหต้ ่อเน่อื งกับการพัฒนาเด็กในระดับปฐมวัย ดังตวั อยา่ ง ต่อไปนี้ ๓.๑ จดั กิจกรรมใหเ้ ดก็ พอ่ แม่ และผปู้ กครอง มีโอกาสไดท้ ำความร้จู ักคุ้นเคยกบั ครแู ละห้องเรียนช้ันประถมศกึ ษาปที ่ี ๑ กอ่ นเปดิ ภาคเรยี น ๓.๒ จัดสภาพหอ้ งเรียนใหใ้ กลเ้ คยี งกบั ห้องเรียนระดับปฐมวัย โดยจดั ให้มมี ุมประสบการณภ์ ายในหอ้ งเพ่ือให้เด็กได้มีโอกาสทำกจิ กรรมได้อย่างอิ สระเช่น มุมหนงั สอื มมุ ของเล่น มุมเกมการศกึ ษา เพื่อช่วยให้เดก็ ชน้ั ประถมศึกษาปีที่ ๑ ได้ปรบั ตวั และเรยี นรู้จากการปฏบิ ัติจริง ๓.๓ จดั กจิ กรรมร่วมกนั กบั เด็กในการสรา้ งขอ้ ตกลงเกีย่ วกับการปฏบิ ตั ติ น ๓.๔ เผยแพร่ข่าวสารดา้ นการเรยี นร้แู ละสร้างความสมั พันธท์ ่ดี ีกบั เด็ก พ่อแม่ ผ้ปู กครอง และชมุ ชน ๔. พอ่ แม่ ผู้ปกครองและบคุ ลากรทางการศกึ ษา พอ่ แม่ ผูป้ กครอง และบคุ ลากรทางการศึกษาตอ้ งทำความเขา้ ใจหลกั สตู รของการศึกษาทั้งสองระดับ และเข้าใจวา่ ถึงแม้เดก็ จะอยู่ในระดบั ประถมศึกษาแล้วแตเ่ ด็กยงั ต้องการความรักค วามเอาใจใส่ การดูแลและการปฏสิ มั พนั ธท์ ไ่ี ม่ได้แตกต่างไปจากระดบั ปฐมวัย และควรให้ความรว่ มมอื กับครแู ละสถานศกึ ษาในการชว่ ยเตรียมตวั เดก็ เพอื่ ให้เด็กสามารถปรบั ตัวได้เร็วยิง่ ข้ึน การกำกับ ติดตาม ประเมิน และรายงาน
การจัดสถานศึกษาปฐมวัยมีลักการสำคญั ในการให้สงั คม ชมุ ชน มสี ว่ นร่วมในการจัดการศกึ ษาและกระจายอำนาจการศึกษาลงไปยงั ทอ้ งถิ่นโดยตรง โดยเฉพาะสถานศกึ ษาหรือสถานพัฒนาเดก็ ปฐมวัย ซ่งึ เป็นผ้จู ดั การศกึ ษาในระดับนี้ ดงั น้ัน เพอื่ ใหผ้ ลผลิตทางการศึกษาปฐมวัยมีคุณภาพตามมาตรฐานคุณลักษณะทพ่ี งึ ประสง ค์และสอดคลอ้ งกบั ความตอ้ งการของชมุ ชนและสังคมจำเปน็ ต้องมีระบบการกำกับ ตดิ ตาม ประเมนิ และรายงานทมี่ ีประสทิ ธิภาพ เพือ่ ใหท้ กุ กลมุ่ ทกุ ฝ่ายทม่ี สี ่วนรว่ มรับผิดชอบในการจัดการศึกษา เหน็ ความก้าวหนา้ ปัญหา อปุ สรรค ตลอดจนการใหค้ วามร่วมมือชว่ ยเหลือ ส่งเสริม สนับสนนุ การวางแผน และดำเนนิ งานการจัดการศึกษาปฐมวยั ใหม้ คี ุณภาพอยา่ งแท้จริง การกำกับ ติดตาม ประเมินและรายงานผลการจัดการศกึ ษาปฐมวัยเปน็ สว่ นหน่ึงของกระบวนการบริห ารการศกึ ษาและระบบการประกนั คุณภาพท่ีตอ้ งดำเนินการอยา่ งต่อเน่อื ง เพ่ือนำไปสู่การพฒั นาคณุ ภาพและมาตรฐานการศึกษาปฐมวยั สรา้ งความมน่ั ใจให้ผเู้ ก่ียวขอ้ ง โดยต้องมกี ารดำเนนิ การท่ีเปน็ ระบบเครอื ขา่ ยครอบคลุมทง้ั หนว่ ยงานภายในและภา ยนอกตัง้ แตร่ ะดบั ชาติ เขตพืน้ ทท่ี กุ ระดับละทุกอาชพี การกำกบั ดแู ลประเมินผลต้องมีการรายงานผลจากทุกระดบั ให้ทกุ ฝา่ ยรวมทัง้ ประชา ชนทั่วไปทราบ เพ่ือนำข้อมูลจากรายงานผลมาจัดทำแผนพัฒนาคณุ ภาพการศึกษาของสถานศึกษา หรอื สถานพฒั นาเดก็ ปฐมวยั ต่อไป
Search