Important Announcement
PubHTML5 Scheduled Server Maintenance on (GMT) Sunday, June 26th, 2:00 am - 8:00 am.
PubHTML5 site will be inoperative during the times indicated!

Home Explore Pocket-E-book-วิชาการพยาบาลผู้ใหญ่-2

Pocket-E-book-วิชาการพยาบาลผู้ใหญ่-2

Published by alisa7818, 2020-06-10 07:35:54

Description: Pocket-E-book-วิชาการพยาบาลผู้ใหญ่-2

Search

Read the Text Version

หน่วยท่ี การพยาบาลผู้ป่ วยระบบ -Severe allergic ทาให้หลอดเลือดหดรดั ตวั > เลอื ดไปเลีย้ งไตไดล้ ดลง > ไตเสยี 11 ทางเดนิ ปัสสาวะในระยะวกิ ฤต หน้าท่เี ฉยี บพลัน -Burn มกี ารซมึ ผ่านของของเหลวและไปคงั่ ระหวา่ งเซลล์ > มีการลดลงอย่างรวดเร็ว ของ plasma volume , cardiac output, urine output > peripheral blood flow ลดลง > เลือดไปเล้ียงไตได้ลดลง > ไตเสียหน้าทเ่ี ฉียบพลัน Acute kidney injury (AKI) อาการทีบ่ ง่ บอกว่าเป็น AKI ภาวะที่ไตเกิดการทางานลม้ เหลวเฉียบพลันภายเวลาไม่กีช่ ั่วโมง-ไมก่ ว่ี ัน หรือภาวะทไี่ ตเกิด 1. hypovolemia การเสียหนา้ ท่ีทนั ทที นั ใด การเกดิ ภาวะAKI จะส่งผลทาใหอ้ วยั วะอืน่ ๆหลายระบบเสียหนา้ ที่ 2.เส้นเลือดบรเิ วณคอปูด ฟงั พบเสียง สาเหตุ 3.ตอ่ มลูกหมากโต กระเพาะปัสสาวะโต คลาพบก้อน มีน้าในชอ่ งทอ้ ง -Hypotension ทาใหเ้ ลือดไปเลย้ี งสว่ นตา่ งๆได้ลดลง > ไตไดร้ บั เลือดนอ้ ยลง > ไตเสยี หนา้ ทเ่ี ฉียบพลนั (บางรายไมม่ ีอาการอะไรเลย) -รา่ งกายสูญเสียเลือด/นา้ เช่น bleeding ถา่ ยเหลว -Heart attack หรือ heart failure หัวใจสง่ เลอื ดไปเลย้ี งส่วนตา่ งๆได้ลดลง > ไตได้รับ พยาธสิ ภาพ เลือดนอ้ ยลง > ไตเสียหนา้ ท่ีเฉยี บพลนั -ได้รับยากล่มุ “NSAIDs” ในปรมิ าณมาก 1. Pre-Kidney มีเลือดมาเลี้ยงไตลดลง เช่นCongestive heart failure 2. Post-Kidney ทางเดินปัสสาวะอดุ กน้ั เชน่ นิ่ว เนอ้ื งอก 3. Intrinsic Kidney Injury เกดิ พยธิสภาพท่ไี ต ไตมีอตั ราการกรองลดลง เช่น Acute glomerulonephritis (AGN) การอกั เสบของ glomeruli

กลไกการเกดิ ไตวายเฉยี บพลัน ไตวายเรอื้ รงั (CHRONIC KIDNEY DISEASE/CHRONIC RENAL FAILURE) ระยะปัสสาวะน้อย คอื หลอดฝอยไตเส่อื มสมรรถภาพ ปัสสาวะไม่เกิน 400 cc/วัน กลไก แองจโิ อเทนซิน 2 ทาให้ลอดเลอื ดหดตัว เลอื ดเลี้ยงไตลดลง เกิดการไหลลดั ของ -ไตผิดปกตินานเกิน 3 เดือน เลอื ดจากผิวไตเขา้ สแู่ กนไต เกิดลม่ิ เลือดในหลอดเลือด การลดการทางานที่ไต การอุดก้นั -2 eGFR นอ้ ยกวา่ 60 มล/นาท/ี 1.73 ตร.เมตร นานติดต่อกัน เกิน 3 เดือน ของหลอดฝอยไต แบง่ ออกเป็น 5 ระยะ ดังนี้ การดแู ล -G1 ปกตหิ รือสูง GFR >90 1.การควบคุมให้เลือดมาเลยี้ งไต MAP สงู กว่า 80 mmHg - G2 ลดลงเล็กน้อย GFR = 60-89 2.หลีกเลีย่ งการใชย้ าทีเ่ ป็นพษิ ตอ่ ไต เชน่ Aminoglycoside - G3a ลดลงปานปลางGFR = 45-59 3.ให้สารอาหารทเ่ี พียงพอ (25-30 kcal/Kg/d) โปรตนี 40g/day - G3b ลดลงปานกลางถงึ มาก GFR = 30-44 4. ปอ้ งกัน volume overload - G4 ลดลงมาก GFR = 15-29 5. ป้องกัน hyperkalemia คุม K น้อยกว่า 2 g/day - G5 ไตวายระยะสุดทา้ ย GFR <15 6. ป้องกัน hyponatremia คมุ น้าดม่ื ช่งั นา้ หนัก 7. ป้องกนั การเกิด metabolic acidosis ให้ sodium bicarbonate หรอื Sodamint 8. คมุ ฟอสฟอรสั ในอาหารนอ้ ยกวา่ 800 mg ให้ยา เช่น ca carbonate

สาเหตุ …ลกั ษณะแผล... -พยาธิสภาพทไี่ ต Chronic Glomerulonephritis การพยาบาล -โรคของหลอดเลือด /ความดนั โลหติ สูง -การติดเช้ือ กรวยไตอกั เสบ ระยะพักทอ้ ง (1-2 สปั ดาห)์ - ความผิดปกตแิ ต่กาเนดิ ขาด K เรื้อรงั ไม่ให้แผลโดนนา้ หา้ มเปิดแผลเอง กิจกรรมทที่ าให้เหง่ือออก งดใสเ่ สอื้ ผา้ รกั เกนิ ไป หากปวด บวม มีไข้ หรอื บวมส่วนตา่ งๆ ของร่างกาย ใหไ้ ปพบแพทย์ อาการและอาการแสดง จากดั นา้ ดื่ม เลี่ยงกจิ กรรมท่ีเพิม่ แรงดันในช่องทอ้ ง หากมเี ลือดออก น้ารวั่ ซึมให้พบแพทย์ ระยะหลงั พักท้อง ซมึ มนึ งง คนั ตามตัว เบื่ออาหาร คลืน่ ไส้ อาเจียน น้าหนักลด หมัน่ ตรวจสอบสาย/ทาความสะอาด ใหแ้ พทย์ยืนยนั จากว่าแผลแหง้ สนิท ถึงจะอาบนา้ ได้ อาการเตือน หา้ มโดยแป้งทาครมี บริเวณชอ่ งทางออกของสาย ปัสสาวะบ่อยกลางคืน หรือปัสสาวะน้อย ขดั สะดดุ มเี ลือดปน บวม ใบหนา้ หลัง ระยะลา้ งไตทางช่องท้อง เทา้ ปวดบนั้ เอว หรอื หลงั ความดนั โลหิตสูง เน้นการล้างมอื Medical hand washing ประเมินน้ายาและจดบนั ทึก รักษาความสะอาดส่ิงแวดลอ้ ม เฝ้าระวังอาการแทรกซ้อน น้าออกนอ้ ย/เกิน เ ติดเชื้อ ความ Continuous Ambulatory Peritoneal Dialysis : CAPD ดนั โลหติ ตา่ บวม ออกกาลังกาย รับประทานอาหาร พกั ผอ่ น พบแพทย์ตามนดั ชง่ั น้าหนักทุกวนั ไมค่ วรข้นึ เกนิ 0.5 กก/วัน ห้ามยกของหนกั เกิน 6 กก. ข้อบง่ ช้ี -ผปู้ ่วย CKD ระยะท่ี 5 (รกั ษาไมไ่ ด้ด้วยการจากดั นา้ และเกลือหรอื ยาขบั ปัสสาวะ) -ไมส่ ามารถทาทางออกของเลอื ดเพือ่ ทา HD ได้ หรอื ทา HD ไม่ได้ เช่น CHF, CAD การผา่ ตัดวางสาย Tenckhoff

การฟอกเลือดด้วยเคร่ืองไตเทยี ม การปลกู ถา่ ยไต ขอ้ บ่งชี้ทั่วไป 1. ต้องเปน็ ผปู้ ่วยโรคไตวายเรื้อรงั ระยะสดุ ทา้ ยที่ได้รับการฟอกเลอื ดต่อเนื่องทง้ั วธิ ี CAPD และ HD อยา่ งน้อย 3 เดือน GFR ต่ากว่า 6 มล./นาที/1.73 ตร.ม. หรือ GFR ต่ากว่า 15 มล./นาที/1.73 ตร.ม. มี 2. อายุไมค่ วรเกิน 60 ปี ภาวะนา้ เกินหรอื น้าทว่ มปอด ความดันโลหิตสูงไมต่ อบสนองตอ่ ยา มีภาวะเลือดออก 3. ไมม่ ี Active infectious disease ผดิ ปกติ 4. ไม่เปน็ ผูต้ ดิ เชอื้ HIV -Weekly renal Kt/V urea ต่ากวา่ 20 เนือ่ งจากเสย่ี งตอ่ ภาวะทพุ โภชนาการ -การเริ่มทาในผ้ปู ว่ ยไตวายระยะสดุ ทา้ ยทพุ โภชนาการที่มีการปรับปรงุ การบริโภคโปรตนี และพลงั งานแลว้ เส้นเลอื ดเพอื่ การฟอกเลือด -เส้นฟอกชวั่ คราว double lumen catheter (DLC) หลอดเลือดดาท่ีคอหรอื ขาหนีบ - เสน้ ฟอกเลือดถาวร แบ่งเปน็ 3 ชนดิ Perm catheter สวนสายเขา้ ไปท่ี subclavian vein Arteriovenous Fistula (AVF) Arteriovenous graft (AVG) AVF และ AVG นยิ มทาทแ่ี ขนท่อนบน ท่อนลา่ ง และต้นขา

5. ไมเ่ ป็นโรคตับเรอื้ รงั chronic liver disease การผา่ ตัดปลกู ถ่ายไต 6. ตอ้ งไม่เป็นโรคมะเร็ง หากเป็นโรคมะเร็งทรี่ ักษาหายขาดแล้วมากกว่า 3 ปี 7. เจบ็ ไมม่ ีภาวะเส่ียงตอ่ การผ่าตดั เช่น IHD,CHF, COPD 8. ไมม่ โี รคจิตหรอื อาการทางจติ ทผ่ี ิดปกติ 9. ไม่มภี าวการณแ์ ข็งตัวของเลือดทผี่ ิดปกติ การพยาบาล การดูแลใหไ้ ดร้ บั ยากดภมู ติ ้านทานของรา่ งกายเพื่อป้องกันการปฏิเสธไตที่ปลูกถ่าย และAntibiotic

หน่วยท่ี การพยาบาลผปู้ ่วยท่มี ีภาวะช็อก(shock ) 1.Hypovolomic shock (ภาวะช็อกจากการเสยี เลือดและน้า) 12 และการพยาบาลผ้ปู ่วยท่ี พยาธิ มีอวยั วะล้มเหลวหลายระบบ( Multiple การเสียเลอื ดและนา้ ทาให้ปรมิ าณเลอื ดลดลง สง่ ผลใหค้ วามดันโลหติ และอัตราการเต้น organ dysfunction syndrome ของหัวใจเพ่ิมขึน้ สง่ ผลให้เนอ้ื เยื่อขาดออกซิเจนและเซลลต์ าย ทาใหไ้ ตต้องปรับชดเชยโดย (MODS) การจากัดน้า มีผลใหห้ วั ใจวาย เกดิ ภาวะกรด จึงเกิดกระบวนการอกั เสบ ทาใหน้ า้ ซมึ ออก นอกเซลล์ ส่งผลให้ปริมาณเลือดลดลงอกี ครง้ั ปริมาณเลือดท่กี ลบั เขา้ สูห่ วั ใจและจานวน ภาวะที่เนื้อเยื่อในร่างกายไดร้ ับเลอื ดไปเล้ยี งไม่เพียงพอ ทาใหอ้ วยั วะต่างๆมีการกาซาบ CO2 จงึ ลดลง เน้ือเย่อื จึงมีการกาซาบลดลง ขาดออกซิเจน และจะกลับเขา้ สู่การจากดั นา้ ลดลง ทาใหข้ าดออกซเิ จนและสารอาหาร และเมอ่ื มีอวัยวะทางานผิดปกติถงึ ขั้นลม้ เหลว ของไตอีกครง้ั 2 ระบบขึ้นไป เกดิ ขน้ึ พรอ้ มกันหรือไม่กไ็ ด้ ทาให้เกดิ ภาวะอวัยวะลม้ เหลวหลายระบบ Hypovolomic shock

2.anaphylactic shock (ภาวะชอ็ กจากภมู ิแพ้) 3.Neurogenic shock (ภาวะช็อกจากระบบประสาท) พยาธิ พยาธิ เม่อื ร่างกายไดร้ ับสารกระตุน้ (antigen) รา่ งกายจึงสรา้ ง antibody ทาให้หลอดเลือดสว่ น ปลายขยายตวั ปรมิ าตรเลือดทไ่ี หลเวยี นลดลง ปริมาณเลือดทีไ่ หลกลบั หัวใจลดลง ทาให้ Neurogenic shock CO2 ลดลง การกาซาบของเนื้อเยือ่ จึงไม่มปี ระสิทธิภาพ เกดิ ภาวะ Hypoxia อาจทาให้ เสียชวี ติ และการตอบสนองใหม้ ีการกระตนุ้ จากปฏกิ ริ ิยาดังกล่าวสง่ ผลใหห้ ลอดเลือดฝอย เพมิ่ การซมึ ผา่ นของเหลว ซง่ึ ไปเพมิ่ ปรมิ าณการไหลกลับของเลอื ดเขา้ สู่หวั ใจ รวมทัง้ ภาวะ กลา้ มเนอ้ื เรียบหดตวั จากปฏกิ ิรยิ าการตอบสนองทาให้หลอดลมหดเกร็งและหลอดลมบวม ส่งผลให้เกิดภาวะหายใจไมอ่ อกและขาดออกซิเจน เปน็ ปัจจัยที่ทาให้เกิดภาวะ Hypoxia มากข้นึ และอาจถงึ ขั้นเสียชีวติ ได้ anaphylactic shock

4.septic shock (ภาวะชอ็ กจากภาวการณ์ตดิ เชื้อ) หลกั การพยาบาลผูป้ ว่ ยทมี่ ีภาวะช็อกจากการตดิ เชอ้ื 1.ประเมินความรุนแรงและความเสยี่ งของการเกิดภาวะช็อกจากการติดเช้ือ พยาธิ septic shock 2. เฝ้าระวงั ติดตามดูแลอยา่ งใกล้ชดิ ช็อก 3. การช่วยแพทย์ควบคมุ หรอื กาจัดแหล่งการตดิ เชื้ออยา่ งมีประสิทธิภาพ เมอ่ื ร่างกายมกี ารตดิ เชื้อ แบคทเี รยี ปลอ่ ย 4. การสง่ สง่ิ สง่ ตรวจทางห้องปฏบิ ตั กิ ารอย่างถกู ตอ้ งและเหมาะสม endotoxin เขา้ มาในกระแสเลือดมีผลต่อร่างกาย 5. การดูแลชว่ ยแพทยใ์ สส่ ายสวนหลอดเลอื ดดาสว่ นกลาง โดยเกิดการอักเสบขนึ้ เฉพาะจดุ เกดิ จากเน้อื เยื่อ 6. การให้ยาเพม่ิ ระดบั ความดันโลหิตเพอ่ื ให้หลอดเลอื ดสว่ นปลายหดตัว บรเิ วณนน้ั ถกู ทาลาย ทาให้เกดิ การขยายตัวของ 7. การดูแลใหผ้ ปู้ ว่ ยไดร้ บั ออกซิเจนอยา่ งเพียงพอตามแผนการรกั ษา รวมท้งั การใช้ หลอดเลือดบรเิ วณน้นั มีการเคลือ่ นท่ขี องWBC เคร่ืองช่วยหายใจ ต่างๆ ไปยงั อวยั วะเป้าหมาย มกี ารเปลี่ยนแปลง 8. การดแู ลให้ผู้ป่วยไดร้ บั ความสขุ สบาย เมอื่ มไี ข้ดูแลใหไ้ ดร้ ับยาลดไข้ ระบบmetabolism และ catabolism ของบาง 9. การเฝ้าระวงั การติดเชอื้ ในโรงพยาบาล อวัยวะ เช่น ตบั , ม้าม และlymphatic tissue 10.ให้ยาทมี่ ผี ลตอ่ หลอดเลือดตามแผนการรกั ษา และมกี ารกระตนุ้ ระบบภูมคิ มุ้ กันเกิดขึน้ ในร่างกาย 11. ปอ้ งกันภาวะโภชนาการและเสียสมดุลไนโตรเจน หลงั จากน้ันจะเขา้ สภู่ าวะ Acute phase 12. ลดความรสู้ ึกกลวั และวิตกกังวลของผปู้ ว่ ยและครอบครวั reaction เน่อื งจากเซลล์ได้ ออกซเิ จนน้อยลงทา ใหเ้ ซลล์ต้องอาศัยกระบวนการสรา้ งพลังงานโดน ไมใ่ ช้ออกซิเจน ทาใหเ้ กิดการค่งั ของกรดแลคตกิ ตามมา เมือ่ ภาวะดังกลา่ วนไ้ี มไ่ ด้รบั การแกไ้ ข อาการของโรคจะลกุ ลามทาใหเ้ ซลล์และอวยั วะ สาคัญของร่างกายถูกทาลายและเสยี ชีวติ

5.Cardiogenic shock ภาวะอวยั วะล้มเหลวหลายระบบ (ภาวะชอ็ กท่ีเกดิ จากความผิดปกติของ)หวั ใจ Multiple organs dysfunction syndrome พยาธิ (MODS) กล้ามเนอื้ หวั ใจบาดเจ็บทาใหค้ วามสามารถในการบบี ตวั ของหวั ใจลดลง เลอื ดในหัวใจ 1. ระบบหวั ใจและหลอดเลือด หอ้ งล่างค่งั ความดนั หลอดเลอื ดดาในปอดและแรงดันในปอดสงู ขึน้ ทาให้การกาซาบ เนอ้ื เย่อื ไมเ่ พยี งพอ เนอื้ เยือ่ จึงขาดออกซเิ จน เซลลแ์ ละเนือ้ เย่อื ตายทุกส่วน ทาให้ 2. ระบบหายใจ เสียชีวิตได้ และจาก การทค่ี วามสามารถในการบบี ตวั ลดลงจะส่งผลให้ปริมาณเลือดที่ ออกจากหวั ใจสหู่ ัวใจลดลง ทาให้ CO2 ลดลง ความดนั โลหติ ลดลง การกาซาบของ 3. ไต เน้อื เยอื่ ไมเ่ พียง และเสยี ชวี ติ ได้ 4. ตับ มคี า่ prothrombin time สูงขึน้ โดยไม่เก่ยี วขอ้ งกับการขาดวติ ามิน K หรอื การพยาบาล Disseminated 1.การดแู ลไมใ่ ห้เกดิ ภาวะพรอ่ งออกซิเจน ระบบไหลเวยี นเลอื ดท่ีเพยี งพอกบั ความ 5. intravascular coagulation (DIC) รว่ มกบั มีค่า total bilirubin เพ่ิมขนึ้ อยา่ ง ตอ้ งการของรา่ งกายเพื่อป้องกนั และลดอันตรายทอี่ าจเกิดขึน้ จากภาวะแทรกซอ้ น น้อย 2 เทา่ และคา่ ASTเพ่มิ ข้นึ ของภาวะ shock 6. ระบบประสาท ระดบั Glasgow coma score ≤ 6 มี polyneuropathy มี 2.การบรรเทาความกลัว ความวติ กกงั วล จากการเจบ็ ป่วยของผูป้ ว่ ยและญาติ encephalopathy 7. ระบบทางเดนอิ าหาร มีอาการหนึง่ อาการหรือมากกว่า มี stress ulceration มี acalculouscholecystitis

การพยาบาล 1.กิจกรรมการพยาบาลเปน็ การสง่ เสรมิ ให้มกี ารไหลเวยี นเลอื ดอย่างเพียงพอ ไดแ้ ก่ ดแู ล ให้ไดร้ บั สารนา้ ดว้ ยเครอื่ งควบคุมการไหล ระวังภาวะนา้ เกนิ ดูแลให้ไดร้ ับยา vasopressor และ inotropic drug เฝา้ ระวังภาวะการเตน้ ของหวั ใจผดิ จงั หวะจาก ผลขา้ งเคยี งของยา ดูแลการได้รับ sodium bicarbonate เพื่อรกั ษาสมดลุ กรดด่างของ ร่างกาย 2.กิจกรรมพยาบาลเพอ่ื ชว่ ยให้เนื้อเยอ่ื ได้รบั ออกซิเจนอยา่ งเพยี งพอ ดแู ลให้ได้รับ ออกซิเจน ดูแลทางเดนิ หายใจให้โลง่ ฟังเสยี งปอดทกุ 2 ช่ัวโมงเพอื่ เฝ้าระวงั ความผดิ ปกติ ทางเดนิ หายใจ ติดตาม CXR เพื่อ ประเมินความผิดปกติ ดูแลใหไ้ ด้รับยาขยายหลอดเลือด

หนว่ ยท่ี การชว่ ยฟืน้ คนื ชีพ Basic Life Support: BLS 13 การช่วยฟ้ืนคนื ชพี ข้ันต้น ห่วงโซ่แหง่ การรอดชวี ิต (CHAIN OF SURVIVAL) Steps of BLS: C > A > B -น่ังคกุ เข่าขา้ งผปู้ ว่ ย ภาวะหัวใจหยุดทางานท่ีเกดิ ข้นึ ในโรงพยาบาล 1.C : Circulation -คลา carotid pulse 10 sec 1.การเฝ้าระวังและการป้องกนั > 2.การรับรแู้ ละการแจง้ ระบบตอบรบั ฉกุ เฉิน > 3.การนวด (ยกเว้น Hypothermia 30-60sec) หวั ใจ ผายปอด กู้ชีพที่มคี ุณภาพสูงทนั ที > 4.การกระตนุ้ หวั ใจด้วยไฟฟา้ อยา่ งรวดเร็ว > 5. -start CPR การช่วยชวี ติ ขั้นสงู และการดแู ลภายหลงั ภาวะหวั ใจหยุดทางาน -วางสันมอื ข้างหน่งึ ตรงกลางหน้าอกผู้ปว่ ยบรเิ วณครึง่ ลา่ งของกระดกู หนา้ อก ภาวะหัวใจหยุดทางานทีเ่ กิดขน้ึ นอกโรงพยาบาล -ท่า 1.แขน 2 ข้างเหยยี ดตรง ในแนวด่งิ กดหนา้ อกลกึ ประมาณ 5 cm แตไ่ ม่ เกิน 6 cm 1.การรบั รู้และการแจง้ ระบบตอบรับฉุกเฉิน > 2.การนวดหวั ใจ ผายปอด กชู้ พี ทีม่ ี 2.กดดว้ ยอัตราเร็ว 100-120 คร้งั ตอ่ นาที คุณภาพสงู ทันที > 3.การกระตนุ้ หวั ใจด้วยไฟฟา้ อยา่ งรวดเร็ว > 4.บริการการแพทย์ฉุกฉนิ 3. สลับคนปมั๊ ตอนท่คี รบ 5 cycle ข้นั พน้ื ฐานและขนั้ สูง > 5.การชว่ ยชีวติ ข้นั สงู และการดูแลภายหลังภาวะหัวใจหยุดทางาน ต้องให้สัญญาณ/ ประเมินชีพจร

-ในหญงิ ตั้งครรภ์ให้โกยทารกมาทางดา้ ยซา้ ย/ใช้ผ้ารองทางดา้ นขวา เพ่ือไม่ใหม้ ารดากด Automatic External Defibrillator : AED ทบั เส้นเลือด Inferior Vena Cava การชว่ ยฟน้ื คืนชพี ขนั้ สูง 2. A: Airway 5 ป : เปดิ – แปะ – แปล – เปร้ียง – ป๊ัม ปอ้ งกันไมใ่ หเ้ กิดทางเดินหายใจอุดกั้น -ทนั ทที ี่ AED มาถงึ ให้เรม่ิ เปดิ สวชิ ต์ ทนั ที -ติดแผ่นกระตุกหวั ใจที่หน้าอกผูป้ ว่ ย 3.B:Breathing -เครื่องแนะนาให้ช็อค กดปมุ่ ช็อค/ เป่าลมเขา้ ปอดทง้ั สองขา้ ง มองจากการเคลอ่ื นขึ้นลงของหนา้ อกใช้เวลา 1 วนิ าทตี ่อคร้งั เครอ่ื งไม่แนะนาให้ช็อคใหก้ ดหนา้ อกต่อ อตั ราการกดหนา้ อก > การช่วยหายใจ 30:2 -แนใ่ จว่าไม่มีใครสมั ผัสผ้ปู ่วย ขณะเครอื่ งทาการวเิ คราะห์หัวใจ หรือกดปุ่มชอ็ ค ลกั ษณะ EKG ทตี่ อ้ งทาการช็อคไฟฟา้ ลกั ษณะ EKG ท่ีไมต่ อ้ งทาการช็อคไฟฟา้

Drugs For Resuscitation 3. Anaphylaxis Angioedema -0.5 mg IM +load IV NSS 1. Adrenaline - กรณีไม่ตอบสนองตอ่ การรกั ษาใหซ้ า้ 0.5 mg IM ทกุ 10-15 นาที 2-3 รปู แบบยา 1mg/ml ครงั้ หรอื อาจพจิ ารณาcontinuous IV drip กลไกการออกฤทธ์ิ 2.Cordarone -กระตุ้น αadrenergic receptor มีผลเพม่ิ ความดนั โลหิตจากการ หดตวั ของ หลอดเลือด รูปแบบยา 150mg/3ml -กระตุ้น ß-adrenergic receptor มีผลการกระตนุ้ การบีบตวั ของหวั ใจและกระตนุ้ กลไกการออกฤทธิ์ อตั ราการเตน้ ของหวั ใจ antiarrhythmic drug โดยลด automaticity ของ sinus node ทาใหห้ วั ใจเตน้ ชา้ Side effects: ความดนั โลหติ สงู ภาวะหวั ใจเตน้ เรว็ ลง ข้อบ่งใช้ การใหย้ า Cardiac arrest และ Recurrent VT/VF ท่ีไมต่ อบสนองต่อ defibrillation และยา adrenaline 1.Cardiac arrest (asystole,PEA) ขนาดยา :300mg + 5%D/W 20 ml IV slow push ใน 3นาที อาจพจิ ารณาใหซ้ า้ -IV 1mg push ทกุ 3-5 นาที (push NSS ตาม 10ml และยกแขนสงู ) 150 mg อีก 5นาทีต่อมา -Intratracheal 2-3 mg +NSS 10 ml 2. Symptomatic sinus bradycardia - ใชเ้ มื่อไมต่ อบสนองต่อ atropine - 10mg + 5%D/W 100 ml (1:10) IV 5-20 ml/hr

ข้อห้ามใช้ 3.7.5% Sodium bicarbonate -ความดนั โลหติ ต่ารุนแรง รปู แบบยา HCO3 8.92 mEq/50 ml -หญิงตง้ั ครรภ์ กลไกการออกฤทธิ์ เม่อื เข้าสรู่ า่ งกายจะทาหนา้ ทีเ่ พ่ิมความเปน็ ดา่ งในรา่ งกายเพิ่มปริมาณโซเดยี มและไบ -Heart block คารบ์ อเนต เสรมิ กับไบคาร์บอเนตซึ่งร่างกายสรา้ งขึน้ ทไ่ี ต โซเดียมไบคารบ์ อเนตมกี าร Side effects: ความดนั โลหติ ต่า ภาวะหวั ใจเตน้ เรว็ ขับออกทางปสั สาวะ ทาใหป้ สั สาวะมคี วามเปน็ ด่างมากข้นึ ข้อควรระวงั ข้อบ่งใช้ 1.ขณะdripไม่ควรไดร้ บั ยา -Severe metabolic acidosis (PH <7.15) 50 ml IV push ซา้ ไดท้ กุ 30 นาที/Continuous drip ซง่ึ ในกรณี Septic shock ให้ rate 20-50 ml/hr โดยไมต่ อ้ ง -Betablocker, digoxin, diltiazem เน่ืองจากเพม่ิ risk bradycardia, AV block ผสมกบั สารนา้ อ่ืน -Warfarin เน่ืองจากเพ่มิ risk bleeding 2. การให้ยาต้องไมเ่ กนิ 2,200 mg in 24 ช่วั โมง -DKA 100 ml + 5%D/W 400 ml IV rate 250 ml/hr 3. ระดบั K และ Mg ตอ้ งอยใู่ นเกณฑป์ กติ เน่ืองจากอาจเกิด arrhythymia หยดุ ให้เมื่อ blood PH > 7.2

สาเหตุทีพ่ บบ่อยใน Cardiac Arrest 6H6T Hypothemia Thrombosis,pulmonary 6H Thrombosis,cardiac Tension pneumothorax 1.Hypovolemia 2.Hypoxia 3.Hydrogen ion (acidosis) 4.Hypo/Hyperkalemia 5.Hypoglycemia 6.Hypothemia 6T 1.Thrombosis,cardiac 2. Thrombosis,pulmonary 3. Temponacia,cardiac 4.Tension pneumothorax 5.Toxin 6.Trauma

จดั ทาโดย KEEP FIGHTING นางสาวอษุ ณา อเุ สน็ กลับสูห่ นา้ สารบัญ นักศึกษาชัน้ ปีท่ี 2 มหาวิทยาลยั ราชภฏั สรุ าษฎร์ธานี เลขที่ 31 ห้อง 2 รหัสนักศึกษา 6117701001062 กลบั สูห่ นา้ สารบัญ


Like this book? You can publish your book online for free in a few minutes!
Create your own flipbook