ก
ก คำนำ เศรษฐกิจพอเพียง เป็นปรัชญาท่ีพระบาทสมเด็จพระบรมชนกาธิเบศรมหาภูมิพลอดุลยเดชมหาราช บรมนาถบพิตร ในหลวงรัชกาลที่ ๙ มีพระราชดารัส แก่ชาวไทยชี้ถึงแนวทางการดารงอยู่และปฏิบัติตนของ ประชาชนในทุกระดับให้ดาเนินไปในทางสายกลาง พร้อมต่อการรองรับการเปล่ียนแปลง ทั้งด้านวัตถุสังคม ส่ิงแวดล้อม และวัฒนธรรม และทรงเน้นย้า แนวทางการพัฒนาอย่างเป็นขั้นตอนเพ่ือให้มีความพอมี พอกิน พอใช้พ่งึ ตนเองได้และมคี วามสขุ โดยใช้หลกั ความพอประมาณ การมเี หตุผล การสร้างภูมคิ ุ้มกันทด่ี ใี นตัวที่ดี กศน.ตาบลโรงเข้ สังกัด กศน.อาเภอบ้านลาดเล็งเห็นถึงความสาคัญนี้ จึงได้ร่วมมือกับหน่วยงาน เครือข่ายลงพื้นท่ีให้การสนับสนุนโดยผ่านศูนย์การเรียนรู้ปรัชญาเศรษฐกิจพอเพียงและเกษตรทฤษฎีใหม่ ประจาตาบลโรงเข้ ให้เป็นแหล่งเรียนรู้เกี่ยวกับเศรษฐกิจพอเพียงประจาตาบล โดยมีกิจกรรมต่างๆในการ ส่งเสริมให้ประชาชนในพื้นท่ีได้น้อมนาหลักปรัชญาของเศรษฐกิจพอเพียงมาปรับใช้ในชีวิตประจาวัน ซ่ึงใช้ กิจกรรมการอบรมเกยี่ วกับการทาเกษตรอินทรีย์ เป็นโมเดลในการเรียนรู้หลักปรัชญาเศรษฐกิจพอเพียง ผ่าน โครงการอบรมต่างๆคอื โครงการจัดการศกึ ษาตามแนวทางหลกั ปรชั ญาของเศรษฐกิจพอเพียง เป็นกิจกรรมให้ ความรูแ้ ก่เกษตรกรผู้ผลิตเกี่ยวกับการทาเกษตรอินทรีย์ เรื่องการปรับปรุงดินเพ่ือการเพาะปลูกและการปลูก ผกั ปลอดสารพิษ และโครงการศกึ ษาเพอื่ พัฒนาอาชีพหลักสูตรระยะสนั้ การปลูกพืชผักสวนครัวจากวัสดุเหลือ ใช้ ให้ประชาชนไดเ้ รยี นรู้และน้อมนาหลักปรัชญาของเศรษฐกจิ พอเพยี งมาใชใ้ นชีวติ ประจาวันได้
ข สำรบญั คานา................................................................................................................................................................. ก สารบญั .............................................................................................................................................................. ข ๑. ชอื่ ผลงาน.....................................................................................................................................................1 ๒. หนว่ ยงาน/สถานศกึ ษา/กศน.ตาบล .............................................................................................................1 ๓. ชื่อเจา้ ของผลงาน.........................................................................................................................................1 ๔. ความสอดคล้อง............................................................................................................................................1 ๕. ที่มาและความสาคญั ของผลงาน...................................................................................................................1 6. วัตถุประสงค์.................................................................................................................................................4 7. วิธกี ารดาเนินงาน .........................................................................................................................................4 8. ตัวชวี้ ัดความสาเร็จ.......................................................................................................................................8 9. การประเมนิ ผลและเครอ่ื งมือการประเมนิ ผล...............................................................................................8 ๑๐. ผลการดาเนนิ งาน......................................................................................................................................8 ๑๑. บทสรปุ ......................................................................................................................................................9 ๑๒. กลยทุ ธ์หรือปจั จยั ทท่ี าให้ประสบความสาเร็จ............................................................................................9 ๑๓. ขอ้ เสนอแนะ..............................................................................................................................................9 ๑๔. การอา้ งอิง ..............................................................................................................................................10 ๑๕. ภาคผนวก...............................................................................................................................................11
1 Best Practice กศน. ตำบลโรงเข้ อำเภอบ้ำนลำด จังหวัดเพชรบุรี ………………………………………………………………………………………………………………………………………………… ๑. ชื่อผลงำน เกษตรอินทรยี ์บนวิถีแห่งความพอเพยี ง ๒. หน่วยงำน/สถำนศกึ ษำ/กศน.ตำบล กศน.ตาบลโรงเข้ อาเภอบ้านลาด จงั หวัดเพชรบรุ ี ๓. ชื่อเจ้ำของผลงำน ชอื่ : นางสาวอนงคน์ าถ เกดิ เชือ้ โทรศัพท์ : ๐9๕-๕๑7๓6๑๔ อีเมลล์ : Aoizaa๑99๑@gmail.com ผู้บริหาร : นางวรภร ประสมศรี ๔. ควำมสอดคล้อง จากแผนการดาเนินการของสานักงานกศน. ปี พ.ศ. ๒๕6๒ ได้มีนโยบายเร่งด่วนเพ่ือร่วมขับเคลื่อน ยุทธศาสตร์การพัฒนาประเทศ โดยกาหนดยุทธศาสตร์ด้านความม่ันคง ตอนหนึ่งว่า พัฒนาและเสริมสร้าง ความจงรักภักดีต่อสถาบันหลักของชาติโดยปลูกฝังและสร้างความตระหนักรู้ถึงความสาคัญของสถาบันหลัก ของชาติ รณรงค์เสริมสรา้ งความรกั และความภาคภมู ิใจในความเป็นคนไทยและชาติไทย น้อมนาและเผยแพร่ ศาสตร์พระราชา หลักปรชั ญาของเศรษฐกจิ พอเพียง รวมถงึ แนวทางพระราชดาริต่างๆ ซ่ึงได้กาหนดไว้ภายใต้ วิสัยทัศน์คือ “คนไทยได้รับโอกาสการศึกษาและการเรียนรู้ตลอดชีวิตอย่างมีคุณภาพ สามารถดารงชีวิตท่ี เหมาะสมกับช่วงวัย สอดคล้องกับหลักปรัชญาของเศรษฐกิจพอเพียง และมีทักษะท่ีจาเป็นในโลกศตวรรษที่ ๒๑” จึงเป็นแนวทางในการสร้างให้ “คนไทย ๔.๐” ดาเนินชีวิตภายใต้ปรัชญาของเศรษฐกิจพอเพียง คือนา ปรัชญาของเศรษฐกิจพอเพยี งเปน็ หลักคดิ กากับการดาเนินการเพอื่ บรรลุเปา้ หมายการพัฒนาท่ีย่งั ยนื ๕. ทมี่ ำและควำมสำคญั ของผลงำน เน่ืองจากการเจ็บป่วยจากการใช้สารเคมีเพื่อกาจัดศัตรูพืชไม่เพียงส่งผลกระทบทางสุขภาพของ เกษตรกรเฉพาะเพียงกลุ่มเดียว แต่ยังส่งผลกระทบต่อกลุ่มผู้บริโภคอีกด้วย รวมถึงสารเคมีทางการเกษตร นอกจากจะปนเปอ้ื นในพชื ผกั ผลไม้ แลว้ ยงั เกิดการสะสมในส่งิ แวดล้อม เช่น น้า ดิน บรรยากาศ อีกด้วย จึง สง่ ผลให้คนหนั มาบริโภคอาหารออร์แกนกิ (organic food) หรืออาหารทไ่ี ด้จากการทาเกษตรอินทรีย์ แต่เนื่อง ดว้ ยอาหารออร์แกนิกหรืออาหารท่ีปลอดสารพิษมักมีราคาค่อนข้างแพงเม่ือเทียบกับรายได้ของประชาชนใน พ้ืนที่ ซ่ึงยังคงมีอีกหลายแนวทางที่จะช่วยส่งเสริมให้ประชาชนในพ้ืนท่ีได้รับประทานอาหารที่ปราศจาก สารเคมตี กค้างในอาหาร เช่นการสง่ เสริมใหเ้ รียนรกู้ ารปลูกผักรบั ประทานเอง การเรียนรู้การทาเกษตรอินทรีย์ ให้กบั เกษตรกร เปน็ ตน้ ซงึ่ นอกจากการส่งเสริมให้ประชาชนได้รับประทานอาหารท่ีปราศจากสารเคมีแล้วยัง
2 ช่วยส่งเสรมิ ให้ประชาชนเรยี นรแู้ ละนอ้ มนาหลกั ปรัชญาของเศรษฐกิจพอเพียงมาปรับใช้ในชีวิตประจาวันช่วย ลดรายจา่ ย-สร้างรายได้เสริมได้อกี ด้วย พระบาทสมเด็จพระมหาภูมิพลอดุลยเดชมหาราช บรมนาถบพิตร ในหลวงรัชการที่ 9 พระราชทาน หลักปรัชญาเศรษฐกิจพอเพียงให้กับปวงชนชาวไทยไว้เพื่อเป็นแนวทางในการดาเนินชีวิตโดยให้ตั้งมั่นอยู่ใน ความพออยู่ พอกิน ปรัชญาเศรษฐกิจพอเพียงนี้ สามารถใช้ได้กับคนทุกเพศทุกวัยทุกอาชีพ ไม่เว้นแม้แต่ เกษตรกรโดยเฉพาะในยคุ ทว่ี กิ ฤตพิ ิษภัยจากสารเคมี สง่ ผลกระทบต่อเกษตรกรและผู้บริโภค รวมทั้งปัญหาดิน เส่ือมโทรมจากการใช้สารเคมีเกินความจาเป็นภูมิปัญญาเกษตรอินทรีย์ตามแนวเศรษฐกิจพอเพียงจึงเป็น ทางเลือกท่ียง่ั ยืนในการฟน้ื ฟทู รพั ยากรธรรมชาติและสิง่ แวดลอ้ ม พัฒนาคุณภาพชีวิตเกษตรกร ตลอดจนสร้าง ความปลอดภัยต่อผู้บริโภคและผู้ผลิต ผ่านปรัชญาของเศรษฐกิจพอเพียง คือ ๑) กรอบแนวคิด เป็นปรัชญาท่ี ชีแ้ นะแนวทางการดารงอยู่ และปฏบิ ัติตนในทางทคี่ วรจะเป็น โดยมีพน้ื ฐานมาจากวิถีชีวิตด้ังเดิมของสังคมไทย สามารถนามาประยุกต์ใช้ได้ตลอดเวลา และเป็นการมองโลกเชิงระบบท่ีมีการเปลี่ยนแปลงอยู่ตลอดเวลา มุ่งเน้นการรอดพ้นจากภัย และวิกฤตเพ่ือความม่ันคง และความยั่งยืนของการพัฒนา ๒) คุณลักษณะ เศรษฐกิจพอเพียงสามารถนามาประยุกต์ใช้กับการปฏิบัติตนได้ในทุกระดับ โดยเน้นการปฏิบัติบนทางสาย กลาง และการพัฒนาอย่างเป็นขั้นตอน ๓) คานิยาม ความพอเพียงจะต้องประกอบด้วย ๓ คุณลักษณะ พร้อมๆ กนั ดงั นี้ ความพอประมาณ หมายถึง ความพอดีที่ไม่น้อยเกินไป และไม่มากเกินไปโดยไม่เบียดเบียน ตนเองและผู้อ่ืนเชน่ การผลิตและการบริโภคที่อยู่ในระดับพอประมาณ ความมีเหตุผล หมายถึง การตัดสินใจ เก่ียวกับระดับของความพอเพียงน้ัน จะต้องเป็นไปอย่างมีเหตุผล โดยพิจารณาจากเหตุปัจจัยท่ีเก่ียวข้อง ตลอดจนคานงึ ถึงผลที่คาดวา่ จะเกิดขึ้นจากการกระทานั้นๆ อย่างรอบคอบ การมีภูมิคุ้มกันท่ีดีในตัว หมายถึง การเตรียมตัวให้พร้อมรับผลกระทบและการเปลี่ยนแปลงด้านต่างๆท่ีจะเกิดขึ้น โดยคานึงถึง ความเป็นไปได้ ของสถานการณ์ต่างๆ ที่คาดว่าจะเกิดขึ้นในอนาคตทั้งใกล้และไกล ๔) เง่ือนไข การตัดสินใจและการดาเนิน กิจกรรมต่างๆ ให้อยู่ในระดับพอเพียงน้ัน ต้องอาศัยท้ังความรู้ และคุณธรรมเป็นพ้ืนฐาน คือเง่ือนไขความรู้ ประกอบด้วย ความรอบรู้เกี่ยวกับวิชาการต่างๆ ที่เกี่ยวข้องอย่างรอบด้านความรอบคอบ ที่จะนาความรู้ เหลา่ นน้ั มาพจิ ารณาใหเ้ ชอื่ มโยงกนั เพอื่ ประกอบการวางแผน และความระมัดระวังในข้ันปฏิบัติ และเงื่อนไข คุณธรรม ท่ีจะตอ้ งเสริมสร้างประกอบด้วยมคี วามตระหนักในคุณธรรม มีความซ่ือสตั ยส์ ุจริต และมีความอดทน มีความเพียรใช้สติปัญญาในการดาเนินชีวิต ๕) แนวทางปฏิบัติ/ผลท่ีคาดว่าจะได้รับ จากการนาปรัชญาของ เศรษฐกจิ พอเพยี งมาประยุกตใ์ ช้ คือ การพัฒนาท่ีสมดลุ และยง่ั ยนื พร้อมรับต่อการเปล่ียนแปลง ในทุกด้าน ทั้ง ด้านเศรษฐกจิ สงั คม ส่งิ แวดล้อม ความรู้และเทคโนโลยี ซึ่งการทาเกษตรอินทรีย์เป็นหนึ่งในแนวทางปฏิบัติที่ นาไปสหู่ ลกั เศรษฐกจิ พอเพยี ง เนื่องจากสามารถประยุกต์ใช้วัสดุรอบๆ ตวั มาทาให้เกดิ ประโยชน์ ตงั้ แต่เศษซาก พืช ซากสัตวห์ รอื แม้แตเ่ ศษอาหารจากครัวเรือนกส็ ามารถนามาทาปุ๋ยอินทรีย์ได้ เป็นการลดตน้ ทุนการผลิตได้ดี ทีเดียว โดยเฉพาะอย่างย่ิงในยุคปัจจุบันท่ีราคาสารเคมีทางการเกษตรและปุ๋ยเคมีมีการปรับตัวสูง ขึ้นอย่าง ต่อเน่ืองด้วยแล้ว ถ้าสามารถลดต้นทุนการผลิตส่วนน้ีได้มากเท่าไรก็ยิ่งเป็นผลดีต่อตัวเกษตรกรเอง เกษตร อินทรีย์เป็นระบบการผลิตที่คานึงถึงส่ิงแวดล้อม โดยหลีกเล่ียงการใช้สารเคมีต่างๆ ไม่ว่าจะเป็นปุ๋ยเคมี สารเคมีกาจดั ศัตรูพืชและฮอร์โมนต่างๆ ตลอดจนไม่ใช้พืชหรือสัตว์ท่ีเกิดจากการตัดต่อทางพันธุกรรมซึ่งอาจ
3 นาไปสกู่ ารปนเปื้อนของระบบนเิ วศ เนน้ การใชอ้ นิ ทรยี วัตถุ เช่น ปุ๋ยคอก ปยุ๋ หมกั ปุ๋ยพืชสด และปยุ๋ ชีวภาพ ใน การปรับปรงุ บารุงดนิ เพอื่ ให้ตน้ พืชมคี วามแขง็ แรง สามารถต้านทานโรคและแมลงด้วยตนเอง ผลผลิตที่ได้จาก ระบบเกษตรอินทรีย์จึงปลอดจากสารพิษตกค้าง ทาให้ปลอดภัยทั้งผู้ผลิตและผู้บริโภค รวมท้ังไม่ทาลาย สภาพแวดล้อมด้วย อน่ึงปรัชญาเศรษฐกิจพอเพียงเป็นแนวทางท่ีพระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัวพระราชทาน เพ่ือเป็นแนวทางแก่ประชาชนใหก้ ารดาเนินชีวิตใหม้ ีความพอเพียง พ่ึงตนเองได้ ซ่ึงจะทาให้การทาการเกษตร อนิ ทรยี ม์ ีความยงั่ ยนื ดงั นน้ั กศน.ตาบลโรงเข้จึงร่วมมอื กับปราชญช์ าวบา้ นในพื้นท่ีส่งเสริมใหเ้ กษตรกรม่งุ สู่กระบวนการผลิต เกษตรอินทรยี ต์ ามแนวเศรษฐกจิ พอเพยี ง ซึง่ การส่งเสรมิ การผลติ ปยุ๋ อนิ ทรีย์ไว้ใช้เองก็เป็นแนวทางหนึ่งภายใต้ โครงการเกษตรอินทรยี ์ ในการน้ีไม่เพียงแต่ผลติ ปยุ๋ อนิ ทรียไ์ ว้ใชท้ ดแทนปุ๋ยเคมี หรอื สารเคมีทางการเกษตรแล้ว ยังสามารถผลิตเพอื่ การจาหน่ายสรา้ งรายไดเ้ สรมิ โดยต้ังใจวา่ จะดาเนินการจดั กระบวนการเรียนรู้เกี่ยวกับการ ทาเกษตรแบบอินทรีย์, เทคโนโลยีการผลิตและการใช้สารอินทรีย์ทดแทนสารเคมีอย่างถูกต้องจากปราชญ์ ชาวบา้ น วทิ ยากรแกนนาประจาศูนย์การเรียนรู้หลักปรัชญาของเศรษฐกิจพอเพียงและเกษตรทฤษฎีใหม่และ วิทยากรเครอื ข่าย เช่น หมอดิน เกษตรอาเภอ เป็นต้น ซ่ึงหลังการฝึกอบรมแล้วกลุ่มเกษตรกรจะต้องบริหาร จัดการตอ่ ยอดการผลติ ปุ๋ยอนิ ทรียช์ วี ภาพและใชป้ ุ๋ยอินทรีย์ชวี ภาพอย่างต่อเนื่องในชุมชน เพ่ือเป็นการส่งเสริม เกษตรทฤษฎีใหม่และเกษตรกรรมย่ังยืนตามแนวทางปรัชญาของเศรษฐกิจพอเพียงให้มีการขยายตัวเพ่ิมข้ึน โดยมุ่งเน้นการสร้างภูมคิ ุ้มกันใหเ้ ข้มแขง็ เพ่อื ใหส้ ามารถปรับตวั รองรับ ผลกระทบจากการเปล่ียนแปลงได้อย่าง เหมาะสม โดยลดการพึ่งพาปจั จยั จากภายนอกใหม้ ากท่สี ุด และมคี วามเปน็ ไปได้ในทางปฏิบัติ มีผลตอบแทนท่ี จะทาให้เกษตรกรสามารถดารงชีวิตและประกอบอาชีพการเกษตร ได้อย่างย่ังยืน และจากการพิจารณาถึง ปญั หาสขุ ภาพ ความต้องการ และปัญหาด้านเศรษฐกิจ ทางกศน.ตาบลโรงเข้จึงได้ดาเนินกิจกรรมส่งเสริมให้ ประชาชนในพ้นื ท่ีได้น้อมนาหลักปรชั ญาของเศรษฐกิจพอเพยี งมาปรบั ใช้ในชวี ิตประจาวัน โดยอาศยั การเรียนรู้ จากการทาเกษตรแบบอินทรีย์เป็นโมเดลในการเรียนรู้ ผ่านการจัดการศึกษาตามแนวทาง หลักปรัชญาของ เศรษฐกิจพอเพยี ง, โครงการจัดการศึกษาเพื่อพัฒนาอาชีพ(ศูนย์ฝึกอาชีพชุมชน) และการศึกษาตามอัธยาศัย เชน่ กจิ กรรมส่งเสรมิ การอา่ น ห้องสมุดประชาชน เป็นตน้ โดยมุ่งหวังให้ผู้เข้าร่วมการเรียนรู้ได้เรียนรู้เกี่ยวกับ การทาเกษตรแบบอินทรีย์ หรือแม้กระท่ังการปลูกผักไว้รับประทานเอง ส่งเสริมให้ประหยัดรายจ่าย - เพิ่ม รายได้ ในครัวเรือน ซ่ึงจากการดาเนินกิจกรรมต่างๆสามารถสร้างองค์ความรู้ให้เกษตรกรผู้ผลิตหันมาให้ ความสาคัญกับการทาเกษตรแบบอินทรีย์แล้ว ยังทาให้ประชาชนให้ความสาคัญกับการปลูกผักสวนครัวรั้วไว้ กินเองแบบพอเพยี ง โดยสร้างความเข้าใจว่าผักหลายๆชนิดไม่จาเป็นต้องหาซ้ือมาจากท้องตลาด แต่สามารถ ปลูกเองที่บ้านได้โดยกรรมวิธีการปลูกที่ไม่ยุ่งยาก เรียกว่า ผักสวนครัว ปลูกง่าย โตเร็ว ได้ผลผลิตไว้กินใน ครวั เรอื นไดเ้ ป็นอยา่ งดี ลดภาระคา่ ใช้จา่ ยไดอ้ ยา่ งตอ่ เนอื่ ง
4 6. วตั ถุประสงค์ ๑. เพื่อส่งเสริมการเรียนรู้เก่ียวกับการทาเกษตรปลอดสารพิษหรือเกษตรอินทรีย์ให้แพร่หลายสู่ เกษตรกร เพื่อให้มีรายได้และมีความยั่งยืนในการประกอบอาชีพตามแนวทางหลักปรัชญาของเศรษฐกิจ พอเพียง ๒. เพอื่ สง่ เสรมิ การเรียนรู้เกีย่ วกับการปลกู ผักสวนครัวใหก้ บั ประชาชนเพอื่ ลดรายจ่าย เพิ่มรายได้ตาม หลกั ของเศรษฐกิจพอเพยี ง ๓. เพื่อส่งเสริมให้ประชาชนได้เรียนรู้หลักปรัชญาของเศรษฐกิจพอเพียง และน้อมนามาปรับใช้ใน ชวี ติ ประจาวัน 7. วิธกี ำรดำเนินงำน ในการดาเนนิ กิจกรรมตา่ งๆเพ่ือส่งเสรมิ การเรียนรู้เกีย่ วกบั การทาเกษตรแบบอินทรีย์ เพ่ือเช่ือมโยงให้ ประชาชนนอ้ มนาหลักปรชั ญาของเศรษฐกิจพอเพียงมาปรับใช้ในชีวิตประจาวัน ใช้วิธี System Approach ซึ่งเป็น กระบวนการทางวิทยาศาสตร์ ทีใช้ในการวางแผนและดาเนินการต่าง ๆเพื่อให้บรรลุผลตามจุดมุ่งหมายท่ี กาหนดไว้ และทุกขัน้ ตอนจะควบคมุ โดยวงจรคณุ ภาพ PDCA ดงั นี้ แผนภาพแสดงขน้ั ตอนในการทากิจกรรมสง่ เสริมการเรยี นรู้เกยี่ วกับการทาเกษตรแบบอินทรีย์ เพื่อเชื่อมโยงใหป้ ระชาชนน้อมนาหลกั ปรชั ญาของเศรษฐกิจพอเพยี งมาปรบั ใช้ในชวี ิตประจาวนั
5 ๑. ข้นั ตอนกำรวำงแผนสำรวจพน้ื ทีแ่ ละปัจจัย (Input ปจั จยั นำเข้ำ) ๑.๑ ประชุมวางแผนการจัดกิจกรรมส่งเสริมการเรียนรู้เก่ียวกับการทาเกษตรแบบอินทรีย์ เพื่อ เช่อื มโยงให้ประชาชนนอ้ มนาหลักปรชั ญาของเศรษฐกจิ พอเพยี งมาปรบั ใชใ้ นชวี ติ ประจาวัน โดยวางแผนสารวจ ปราชญ์ชาวบ้านที่มีความรู้ด้านเกษตรอินทรีย์ หรือวิทยากรให้ความรู้ เช่น หมอดิน เกษตรอาเภอ เป็นต้น วางแผนสารวจพ้ืนท่ีในการทาแปลงสาธิต วางแผนระยะเวลาในการดาเนินการ ๑.๒ ลงพน้ื ทเี่ พือ่ ศกึ ษาสภาพพ้ืนทแ่ี ละบรบิ ทของการดารงชีวิต, สารวจปราชญ์ชาวบา้ นทม่ี ีความรู้ด้าน เกษตรอินทรยี ห์ รอื วทิ ยากรให้ความรู้ รวมไปถงึ ข้อมูลดา้ นการประกอบอาชีพของประชาชนในพ้นื ที่ ๑.๓ ตรวจสอบความถูกต้องของขอ้ มูลทไี่ ด้จากการลงพืน้ ท่สี ารวจ และการสืบค้นข้อมูลจากแหล่งการ เรยี นรูแ้ ละหน่วยงานตา่ งๆ ๑.๔ วิเคราะห์สภาพพ้ืนทีแ่ ละบรบิ ทของการดารงชีวิต ความพร้อมของปราชญ์ชาวบ้านหรือวิทยากร รวมไปถงึ ข้อมูลดา้ นการประกอบอาชพี ของประชาชนในพื้นท่ี ๒. ข้ันตอนกำรดำเนินกำร (Process กระบวนกำร) ๒.๑ ชแ้ี จงแผนการดาเนนิ การแก่คณะทางาน โดยแบ่งระยะการทางานออกเป็น ๒ ช่วง ได้แก่ ช่วงที่ ๑ การใหค้ วามรู้เกี่ยวกบั เรอ่ื งเกษตรอินทรียแ์ กเ่ กษตรกรผู้ผลิต เพอ่ื ใหเ้ หน็ ถงึ ความสาคัญของการทาการเกษตร แบบอนิ ทรียแ์ ละหันมาปรับเปล่ียนการทาเกษตรแบบทุนนิยม มาเป็นการทาเกษตรแบบอินทรีย์ และช่วงท่ี ๒ ให้เกษตรกรผูผ้ ลติ ทห่ี นั มาทาการเกษตรแบบอนิ ทรีย์ถา่ ยทอดความรู้เก่ียวกับเกษตรอินทรีย์ให้กับประชาชนใน พ้ืนท่ีให้เห็นถึงความสาคัญของการทาเกษตรแบบอินทรีย์และสามารถปลูกพืชผักสวนครัวไว้รับประทานใน ครัวเรอื นได้ ๒.๒ ดาเนนิ การปฏิบัตงิ านตามแผนงาน ดงั นี้ ๒.๒.๑ โครงการจดั การศกึ ษาตามแนวทางหลกั ปรชั ญาของเศรษฐกจิ พอเพียง เป็นกิจกรรมให้ ความร้แู กเ่ กษตรกรผู้ผลิตเกี่ยวกับการทาเกษตรอินทรีย์ เร่ืองการปรับปรุงดินเพ่ือการเพาะปลูกและการปลูก ผกั ปลอดสารพษิ ให้กบั ตัวแทนเกษตรกรในพ้ืน โดยวิทยากรประจาศูนย์การเรียนรู้หลักปรัชญาของเศรษฐกิจ พอเพยี งและเกษตรทฤษฎใี หม่และวิทยากรเครือข่าย (หมอดิน) โดยจากการลงพื้นที่สารวจความต้องการของ ชมุ ชน พบว่าปจั จบุ ันการทาเกษตรกรสว่ นใหญ่จะมตี น้ ทุนในการผลิตสูงมาก เนื่องจากชาวบ้านต้องซ้ือปุ๋ยและ เมล็ดพนั ธจ์ ากตลาดรวมทัง้ เกษตรกรยังขาดความรูค้ วามเขา้ ใจในเร่อื งของการปรบั ปรุงดินเพ่ือการเกษตรอย่าง ถกู ตอ้ ง ดงั นน้ั คุณภาพของดินท่ีผ่านการทาเกษตรมานานจึงเสื่อมสภาพลง ส่งผลต่อผลผลิตทางการเกษตรท้ัง ทางด้านคุณภาพและปรมิ าณ เช่น ผลผลติ มขี นาดท่ีไมไ่ ดม้ าตรฐาน ปริมาณผลผลิตลดลง พืชผลทางการเกษตร อ่อนแอไม่ทนต่อสภาพแวดล้อมและง่ายต่อการเกิดโรค เป็นต้น จากปัญหาดังกล่าวทาให้ต้นทุนค่าใช้จ่ายใน การทาการเกษตรเพิ่มขึ้นแต่ผลผลิตที่ได้ลดลงหรือเท่าเดิม ซึ่งทาให้เกษตรกรมีรายได้ไม่เพียงพอต่อรายจ่าย หรือเป็นหน้ีสิน และบางส่วนถึงขั้นเลิกทาการเกษตรไปในที่สุด ดังนั้น การตรวจวิเคราะห์และปรับปรุงดิน น่าจะเป็นอีกหนึ่งทางเลือกให้เกษตรกรสามารถวิเคราะห์พ้ืนท่ีทากินของตนเองว่าเหมาะสมต่อการทาเกษตร กับพชื ผักแบบใด และควรบารุงดนิ ในดา้ นใดบ้างจึงจะช่วยสง่ เสรมิ ใหก้ ารทาเกษตรของตนได้ผลผลิตดีและช่วย ลดต้นทุนในการทาการเกษตร กศน.อาเภอบ้านลาด จึงให้ความสาคัญเกี่ยวกับการให้ความรู้กับเกษตรกรใน
6 พนื้ ทใี่ นเรื่องของการปรับปรงุ ดนิ เพื่อการเพาะปลูก เพ่ือช่วยให้เกษตรกรได้นาความรไู้ ปปรับใช้ช่วยลดต้นทุนใน การผลิตได้ โดยมีวตั ถุประสงค์ของการจดั โครงการ เพ่ือให้ผูเ้ ขา้ อบรมมคี วามรู้เกี่ยวกับการปรับปรุงดินเพื่อการ เพาะปลูก และเพื่อช่วยลดต้นทุนการผลิตของเกษตรกร โดยการนาความรู้เร่ืองการปรับปรุงดินเพ่ือการ เพาะปลูกไปปรบั ใชใ้ นการทาเกษตร ผา่ นหวั ขอ้ ในการอบรมตา่ งๆดงั นี้ เน้ือหำ จดุ ประสงค์กำรเรยี นรู้ ๑. ความร้เู บ้ืองต้นเกีย่ วกับดนิ สาหรบั การเกษตร ๑. เพ่ือใหผ้ ู้เข้าอบรมได้มีความรู้เบ้ืองต้นเกี่ยวกับดิน ๒. คุณสมบัติของ ดิน กับการ เพิ่มผลผลิตทาง สาหรบั การเกษตร การเกษตร ๒. เพื่อให้ผู้เข้าอบรมได้เรียนรู้คุณสมบัติของดินกับ ๓. การเก็บตวั อยา่ งดิน การเพ่ิมผลผลติ ทางการเกษตร ๔. การวิเคราะหค์ ุณภาพของดนิ ๓. เพ่ือให้ผเู้ ขา้ อบรมได้เรียนรู้วิธีการเก็บตัวอย่างดิน ๕. การตรวจวิเคราะห์ธาตอุ าหารหลักในดนิ และการวเิ คราะห์คุณภาพของดิน 6. การทาปุ๋ยอนิ ทรยี ์ ๔. เพ่ือให้ผู้เข้าอบรมเรียนรู้เก่ียวกับการทาปุ๋ย - ปุ๋ยพืชสด อนิ ทรีย์สูตรต่างๆ - ปยุ๋ อนิ ทรยี ์น้า - ปยุ๋ หมัก - ปยุ๋ ชีวภาพ - ปุ๋ยคอก - ปยุ๋ หมักชวี ภาพ - นา้ หมกั ชีวภาพ ๒.๒.๒ จัดโครงการศึกษาเพื่อพัฒนาอาชีพหลักสูตรระยะสั้น (การปลูกพืชผักสวนครัวจาก วัสดุเหลือใช้) โดยปราชญ์ชาวบ้าน/เกษตรกรที่ผ่านการอบรมเรื่องการทาเกษตรอินทรีย์ ซึ่งจากการลงพื้นที่ ประชาคมตามหมู่บ้านได้มีการแลกเปล่ียนความรู้และความต้องการของชุมชนในการช่วยกันอนุรักษ์ สิ่งแวดล้อม ทาใหเ้ กดิ ความคิดสร้างสรรคใ์ นการใช้ขยะหรอื วสั ดุเหลือใช้มาปลูกต้นไม้ เร่ิมจากนาเอาวัสดุเหลือ มาทาเป็นกระถางปลูกพืชผักสวนครัวไว้กินเอง ซ่ึงสามารถช่วยลดปริมาณขยะลดโลกร้อน อีกทั้ งยังช่วยลด คา่ ใช้จ่ายภายในบ้านจากการปลูกผกั สวนครวั ไวก้ นิ เองดว้ ยเกษตรแบบอนิ ทรียไ์ ม่ใช้สารเคมี และยังสร้างรายได้ ให้กับครอบครวั ได้อีกดว้ ย โดยผ่านการเรียนร้ใู นหวั ข้อการอบรมต่างๆดงั น้ี เนอ้ื หำ จุดประสงค์กำรเรียนรู้ ๑. ความหมาย ประโยชน์ของพืชผักสวนครัว และ ๑. เพื่อให้ผู้เข้าร่วมอบรมได้เรียนรู้การปลูกพืชผัก ประเภทองผกั สวนครวั สวนครัวด้วยหลักการทาเกษตรแบบอินทรีย์ เพ่ือให้ ๒. การคัดแยกขยะ และการใช้ประโยชน์จากขยะ ไดพ้ ืชผักปลอดสารพษิ โดยใช้วัสดุเหลือใช้หรือใช้ขยะ รีไซเคิล รีไซเคลิ มาเปน็ พาชนะในการเพาะปลกู ๓. ชนิดของดิน และการเตรียมดินสาหรับการ ๒. เพอื่ ใหผ้ เู้ ขา้ รว่ มอบรมตระหนักถุงการลดรายจ่าย เพาะปลกู ในครัวเรือน ใช้ชีวิตประจาวันอยู่บนพ้ืนฐานของ ๔. การเลือกวัสดุปลูกให้เหมาะสมกับพ้ืนท่ีและชนิด ความพอเพียง ของพชื ท่เี พาะปลกู และการดแู ล
7 ๒.๒.๓ การจัดการศกึ ษาตามอธั ยาศัย เช่น กิจกรรมสง่ เสรมิ การอา่ น หอ้ งสมดุ ประชาชน ๒.๓ ตรวจสอบการดาเนินงานตามแผนการทางาน ๒.๔ ประชมุ วางแผนแกไ้ ขแผนงานเม่อื พบข้อผดิ พลาดหรอื ปัญหาอุปสรรค์ในการดาเนนิ งาน ๓. ขนั้ ตอนกำรเกบ็ ผลกำรดำเนินงำน (Output ผลผลิต) หลังจากการดาเนินโครงการต่างๆเพ่ือส่งเสริมการเรียนรู้เกี่ยวกับการทาเกษตรแบบอินทรีย์ เพ่ือ เชื่อมโยงใหป้ ระชาชนนอ้ มนาหลักปรัชญาของเศรษฐกิจพอเพยี งมาปรับใช้ในชีวิตประจาวัน ซ่ึงได้วางแผนการ ดาเนนิ การไว้ ๒ ชว่ งดงั น้ี ๓.๑ หลกั จากจัดโครงการจดั การศกึ ษาตามแนวทางหลักปรัชญาของเศรษฐกิจพอเพียง เป็นกิจกรรม ให้ความรู้แก่เกษตรกรผู้ผลิตเกี่ยวกับการทาเกษตรอินทรีย์ เรื่องการปรับปรุงดินเพื่อการเพาะปลูก และการ ปลูกผักปลอดสารพิษ ให้กับตัวแทนเกษตรกรในพ้ืน โดยวิทยากรประจาศูนย์การเรียนรู้หลักปรัชญาของ เศรษฐกิจพอเพียงและเกษตรทฤษฎใี หมแ่ ละวิทยากรเครือข่าย (หมอดิน) โดยต้องการให้เกษตรกรผู้ผลิตท่ีเข้า ร่วมอบรมได้รับความรู้เกี่ยวกับการปรับปรุงดินเพื่อการเพาะปลูกโดยใช้หลักของการทาเกษตรแบบอินทรีย์ และมแี นวความคิดทจ่ี ะจะเกษตรแบบอนิ ทรยี จ์ นกระท้ังเป็นผู้ประสบความสาเรจ็ ในการทาเกษตรแบบอินทรยี ์ ๓.๒ หลังจากจดั โครงการศึกษาเพ่ือพัฒนาอาชีพหลักสูตรระยะสั้น (การปลูกพืชผักสวนครัวจากวัสดุ เหลือใช้) โดยปราชญ์ชาวบ้าน/เกษตรกรท่ีผ่านการอบรมเร่ืองการทาเกษตรอินทรีย์ ผู้ท่ีเข้าร่วมอบรมจะได้ เรียนรู้การปลูกผักสวนครัวด้วยวิธีการปลูกแบบอินทรีย์ไม่ใช้สารเคมี และประยุกต์ใช้วัสดุเหลือใช้มาเป็น ภาชนะในการเพาะปลูกเพื่อลดต้นทนุ เป็นการลดรายจา่ ยในครวั เรือน ๔. ขั้นตอนกำรติดตำมผลและกำรพัฒนำปรบั ปรงุ (Feedback ขอ้ มูลปอ้ นกลับ) หลังจากการดาเนินกิจกรรมส่งเสริมการเรียนรู้เกี่ยวกับการทาเกษตรแบบอินทรีย์ เพื่อเชื่อมโยงให้ ประชาชนนอ้ มนาหลักปรชั ญาของเศรษฐกิจพอเพียงมาปรบั ใช้ในชีวิตประจาวัน ทั้งการให้ความรู้แก่เกษตรกร ผ้ผู ลิตหนั มาทาเกษตรแบบอินทรีย์ และการสง่ เสริมให้ประชาชนในพื้นท่ีปลูกผักสวนครัวไว้กินเอง โดยมีการ ตดิ ตามและการพฒั นาปรับปรงุ ดังน้ี ๔.๑ ติดตามผลการเขา้ รว่ มโครงการจัดการศึกษาตามแนวทางหลักปรัชญาของเศรษฐกิจพอเพียง ซ่ึง เป็นกิจกรรมให้ความรแู้ กเ่ กษตรกรผู้ผลิตเก่ยี วกบั การทาเกษตรอนิ ทรีย์ เรอื่ งการปรบั ปรุงดินเพ่ือการเพาะปลูก และการปลูกผักปลอดสารพิษ ให้กับตัวแทนเกษตรกรในพ้ืน โดยการสอบถาม และการใช้แบบประเมิน ใน การตดิ ตามผลการดาเนินการ เพื่อดูว่าเกษตรกรที่เข้าร่วมอบรมได้นาความรู้เรื่องเกษตรอินทรีย์ไปปรับใช้กับ การทาเกษตรบา้ งหรอื ไม่อยา่ งไร และได้ผลอย่างไรจากการปรับเปล่ียนวิถีการทาเกษตรกรรมแบบทุนนิยมมา เปน็ การทาเกษตรแบบอินทรีย์ แล้วนาผลจากการติดตามมาวิเคราะห์เพ่ือปรับปรุงรูปแบบการให้ความรู้และ การสง่ เสริมใหเ้ กษตรกรทาเกษตรแบบอนิ ทรยี ์ได้อย่างยัง่ ยนื ๔.๒ ติดตามผลการจัดโครงการศกึ ษาเพือ่ พัฒนาอาชพี หลกั สูตรระยะสั้น (การปลูกพืชผักสวนครัวจาก วสั ดเุ หลอื ใช้) โดยการสอบถามและการใชแ้ บบประเมนิ ในการสารวจความพงึ พอใจและการนาความรู้ไปปรับใช้ ในครัวเรือน มีการเพาะปลูกผักสวนครัวอะไรบ้าง แล้วส่งผลต่อสุขภาพและการลดค่าใช้จ่ายในครัวเรือน
8 อยา่ งไรบา้ ง จากนั้นนาผลการติดตามมาวเิ คราะห์และหาแนวทางในการพฒั นาให้ประชาชนในพื้นที่หันมาปลูก ผักสวนครัวในครัวเรือนกันอยา่ งแพรห่ ลายมากข้ึน 8. ตวั ชี้วดั ควำมสำเรจ็ ๑. เกษตรกรทเ่ี ข้ารว่ มอบรมเกี่ยวกับการทาเกษตรปลอดสารพษิ หรือเกษตรอินทรีย์ สามารถนาความรู้ ไปปรับเปลยี่ นการทาเกษตรของตนเองใหเ้ ปน็ เกษตรแบบอินทรยี ์ได้ เพอ่ื ลดรายจา่ ยและสรา้ งรายได้อยา่ งยั่งยืน ในการประกอบอาชีพตามแนวทางหลักปรชั ญาของเศรษฐกิจพอเพยี ง ๒. ประชาชนในพ้ืนที่ที่เข้าร่วมอบรมเกี่ยวกับการปลูกผักสวนครัวมีการนาความรู้ไปปรับใช้สามารถ ปลูกผักสวนครัวไว้กินเองในครัวเรือน ช่วยลดรายจ่ายในครัวเรือนและอาจสร้างรายได้เสริม ตามหลักของ เศรษฐกจิ พอเพยี ง ๓. ประชาชนไดเ้ รยี นร้หู ลักปรชั ญาของเศรษฐกจิ พอเพียง และนอ้ มนามาปรบั ใช้ในชีวติ ประจาวนั 9. กำรประเมนิ ผลและเครือ่ งมอื กำรประเมนิ ผล ๑. แบบประเมินความพึงพอใจและความรู้ที่ได้รับจากการเข้าร่วมโครงการจัดการศึกษาตามแนวทาง หลกั ปรชั ญาของเศรษฐกจิ พอเพยี ง (การปรบั ปรุงดินเพ่ือการเพาะปลกู ) ๒. แบบสอบถามการนาความรู้เก่ียวกับการทาเกษตรอินทรีย์ไปปรับใช้ในการทาเกษตรกรรมของ เกษตรกรผผู้ ลติ ทเ่ี ข้ารว่ มอบรม ๓. แบบประเมินความพงึ พอใจและความรู้ที่ได้รับจากโครงการศึกษาเพ่ือพัฒนาอาชีพหลักสูตรระยะ สนั้ (การปลูกพืชผักสวนครัวจากวัสดเุ หลือใช้) ๔. แบบสอบถามการนาความรู้เก่ียวกับการปลูกพืชผักสวนครัวจากวัสดุเหลือใช้ มาปรับใช้ใน ชวี ิตประจาวนั ๑๐. ผลกำรดำเนนิ งำน จากการดาเนินการจัดโครงการจัดการศึกษาตามแนวทางหลักปรัชญาของเศรษฐกิจพอเพียง ซึ่งเป็น กิจกรรมให้ความรู้แก่เกษตรกรผู้ผลิตเกี่ยวกับการทาเกษตรอินทรีย์ เร่ืองการปรับปรุงดินเพ่ือการเพาะปลูก และการปลกู ผักปลอดสารพษิ ใหก้ ับตัวแทนเกษตรกรในพื้น โดยวิทยากรประจาศูนย์การเรียนรู้หลักปรัชญา ของเศรษฐกิจพอเพียงและเกษตรทฤษฎีใหม่และวิทยากรเครือข่าย (หมอดิน) โดยมีวัตถุประสงค์ของการจัด โครงการ เพ่อื ให้ผู้เขา้ อบรมมคี วามรูเ้ กยี่ วกับการปรับปรุงดินเพื่อการเพาะปลูก และเพื่อช่วยลดต้นทุนการผลิต ของเกษตรกร โดยการนาความรู้เรื่องการปรับปรุงดินเพ่ือการเพาะปลูกไปปรับใช้ในการทาเกษตร โดย เกษตรกรได้เรียนรู้ความรู้เบ้ืองต้นเก่ียวกับดินสาหรับการเกษตร, คุณสมบัติของดินกับการเพิ่มผลผลิตทาง การเกษตร, การเก็บตัวอยา่ งดิน, การวิเคราะห์คณุ ภาพของดนิ , การตรวจวิเคราะห์ธาตุอาหารหลักในดิน และ การทาปุ๋ยอินทรยี ์ ได้แก่ ปุ๋ยพืชสด, ปยุ๋ อินทรยี น์ ้า, ปุ๋ยหมัก, ปุย๋ ชีวภาพ, ปยุ๋ คอก, ปุ๋ยหมักชีวภาพ และน้าหมัก ชวี ภาพ และมแี นวโน้มในการนาความรู้ไปปรบั ใช้ในการทาเกษตรของตนเอง จากการจัดโครงการศกึ ษาเพ่อื พัฒนาอาชีพหลักสูตรระยะสั้น (การปลูกพืชผักสวนครัวจากวัสดุเหลือ ใช้) โดยปราชญ์ชาวบ้าน/เกษตรกรท่ีผ่านการอบรมเร่ืองการทาเกษตรอินทรีย์ ประชาชนได้เรียนรู้เก่ียว
9 ความหมายประโยชน์ของพชื ผักสวนครัวและประเภทองผักสวนครวั , การคดั แยกขยะและการใช้ประโยชน์จาก ขยะรไี ซเคลิ , ชนิดของดินและการเตรียมดนิ สาหรับการเพาะปลูก,การเลือกวัสดุปลูกให้เหมาะสมกับพ้ืนท่ีและ ชนดิ ของพืชที่เพาะปลูกและการดูแล และมแี นวโน้มในการนาความรู้ไปปรับใชใ้ นการดาเนินชวี ิตประจาวันได้ ๑๑. บทสรุป จากท่ีกศน.ตาบลโรงเข้จงึ ร่วมมือกับปราชญ์ชาวบ้านในพน้ื ท่ีส่งเสรมิ ให้เกษตรกรมุ่งสูก่ ระบวนการผลิต เกษตรอนิ ทรียต์ ามแนวเศรษฐกิจพอเพียง ซงึ่ การส่งเสรมิ การผลิตปุ๋ยอินทรยี ์ไว้ใช้เองก็เป็นแนวทางหน่ึงภายใต้ โครงการจดั การศึกษาตามแนวทางหลักปรัชญาของเศรษฐกิจพอเพียง ซ่ึงเป็นกิจกรรมให้ความรู้แก่เกษตรกร ผู้ผลิตเกีย่ วกับการทาเกษตรอินทรีย์ เร่ืองการปรับปรุงดินเพื่อการเพาะปลูก การปลูกผักปลอดสารพิษ และ โครงการ โครงการศึกษาเพ่ือพฒั นาอาชีพหลกั สูตรระยะส้ัน (การปลูกพืชผักสวนครัวจากวัสดุเหลือใช้) เพื่อให้ ประชาชนได้เรียนรู้หลักปรัชญาของเศรษฐกิจพอเพียง และน้อมนามาปรับใช้ในชีวิตประจาวัน ส่งเสริมการ เรยี นรู้เกย่ี วกบั เกษตรอินทรีย์ให้แพร่หลายสู่เกษตรกร เพื่อให้มีรายได้และมีความย่ังยืนในการประกอบอาชีพ ตามแนวทางหลักปรัชญาของเศรษฐกิจพอเพียง ส่งเสริมการเรียนรู้เก่ียวกับการปลูกผักสวนครัวให้กับ ประชาชนเพ่ือลดรายจ่าย เพ่ิมรายได้ตามหลักของเศรษฐกิจพอเพียง และผลจากการดาเนินงานพบว่า เกษตรกรและประชนชนในพืน้ ท่ีตาบลโรงเข้สนใจในความรู้เรื่องเกษตรอินทรีย์และนาความรู้ไปปรับใช้ในการ ทาเกษตรแบบอินทรีย์ มีการผลิตปุ๋ยใช้เองซ่ึงช่วยลดต้นทุนในการผลิตและยังช่วยให้หลีกเล่ียงการใช้สารเคมี เปน็ การลดรายจ่ายสร้างรายได้อยู่บนพ้ืนฐานของความพอเพียงและนอกจากนี้ประชาชนในพ้ืนที่ตาบลโรงเข้ หันมาปลกู ผักสวนครวั ไว้กินเองในครอบครัวสง่ เสรมิ ให้เกดิ การลดรายจ่ายในครัวเรือน ซึ่งถือได้ว่าประชาชนใน พ้นื ท่ีตาบลโรงเข้ที่เข้าร่วมการอบรมและท่ีเรียนรู้ผ่านการจัดการเรียนรู้ตามอัธยาศัยได้เรียนรู้เกี่ยวกับการทา เกษตรแบบอินทรยี ์ซ่งึ เป็นโมเดลในการศึกษาหลักปรัชญาของเศรษฐกิจพอเพียงและน้อมน้าหลักปรัชญาของ เศรษฐกจิ พอเพยี งมาปรับใช้กับชวี ติ ของตนเองได้ ๑๒. กลยทุ ธห์ รอื ปจั จยั ที่ทำให้ประสบควำมสำเรจ็ ๑. ใชก้ ลยทุ ธ์การเขา้ ถึงชมุ ชนโดยยึดคติวา่ เข้าถงึ ท่ี ลยุ ถงึ ถ่ิน เพ่อื เปดิ โลกกวา้ งการเรียนรูใ้ ห้กบั ชมุ ชน ๒. มหี น่วยงานทางภาครัฐพร้อมท่ีจะร่วมมอื กบั กศน.ตาบลโรงเข้ ในการสนับสนุนให้เกิดการน้อมนา หลักปรชั ญาเศรษฐกิจพอเพยี งมาปรับใชใ้ นการดาเนนิ ชวี ิตได้อย่างต่อเน่อื ง ๓. มหี นว่ ยงานท่ีมคี วามรแู้ ละความสามารถในด้านการเกษตรพร้อมให้ความรู้และเป็นท่ีปรึกษาให้กับ ประชาชนสาหรับการทาเกษตรปลอดสารพษิ หรอื เกษตรอนิ ทรีย์ ๑๓. ขอ้ เสนอแนะ หลักจากการให้ความรู้ด้านการทาเกษตรอินทรีย์แล้วควรเสริมความรู้ด้านการทาเกษตรแบบ ผสมผสานใหก้ ับเกษตรกรผู้ผลิตในครัง้ ตอ่ ไป
10 ๑๔. กำรอำ้ งองิ กรมควบคุมโรค กระทรวงสาธารณสุข. (๒๕6๒). การดูแลสุขภาพสาหรับเกษตรกร. สืบค้นเม่ือวันท่ี ๑๐ มกราคม พ.ศ. ๒๕6๒. เข้าถึงได้จาก http://envocc.ddc.moph.go.th/contents/view/๔๐7 ศูนย์เครือข่ายข้อมูลอาหารครบวงจร. (๒๕6๑). Organic food / อาหารเกษตรอินทรีย์. สืบค้นเม่ือ วนั ท่ี ๑๐ มกราคม พ.ศ. ๒๕6๒ เข้าถึงไดจ้ าก shorturl.at/zEHMW นันทวัน ไหมเหลือง. (๒๕6๑). เศรษฐกิจพอเพียง เร่ืองการปลูกผัก. สืบค้นเมื่อวันที่ ๒๑ มกราคม พ.ศ. ๒๕6๒ เขา้ ถึงไดจ้ ากhttps://sites.google.com/site/serskicphxpheiyngkarplukphak/ คณะกรรมการพัฒนาเกษตรอินทรีย์แห่งชาติ ฉบับที่ ๑. (๒๕๕๑). แผนยุทธศาสตร์พัฒนาเกษตร อนิ ทรีย์ สหมติ รพรนิ้ ตง้ิ แอนดพ์ ลับลิสชง่ิ จากดั . กรงุ เทพฯ. หนา้ ๑๔๑. วิชัย สรพงษ์ไพศาล, สมชาย ธนสินชยกูล, วงค์พันธ์ พรหมวงศ์, ฉัตรมณี วุฒิสาร และภารดา ดอก จนั ทร์. (๒๕๕๔). ความหลากหลายทางเกศตรอนิ ทรยี .์ วารสารเกษตร ๒7(๑)หน้า๓9-๔8.
11 ๑๕. ภำคผนวก สภำพท่วั ไปของ กศน.ตำบล ลักษณะทำงภูมศิ ำสตร์ ที่ตงั้ ของตาบลโรงเข้ อยู่ในเขตอาเภอบ้านลาด จังหวัดเพชรบุรี โดยห่างจากท่ีทาการอาเภอบ้านลาด ประมาณ 7 กิโลเมตร และอยูห่ า่ งจากศาลากลางจังหวัดเพชรบรุ ปี ระมาณ 9 กิโลเมตร ซ่ึงตาบลโรงเข้ มีเนื้อท่ี ประมาณ ๒๑.๐8 ตารางกิโลเมตร หรอื ประมาณ ๑๓,๑7๕ ไร่ ทศิ เหนือ จรดตาบลเวียงคอย เทศบาลตาบลหวั สะพาน อาเภอเมอื งเพชรบรุ ี ทศิ ตะวันออก จรดตาบลไร่ส้ม อาเภอเมอื งเพชรบรุ ี และตาบลบา้ นหาด ทศิ ใต้ จรดตาบลหนองกะปุ และตาบลท่าช้าง ทิศตะวนั ตก จรดตาบลบา้ นทาน พื้นที่ด้านทิศตะวันออกสวนใหญ่เป็นท่ีราบลุ่มและคลองชลประทานไหลผ่านตลอดแนว ด้านทิศ ตะวันตกเป็นที่ราบสูง ทาให้พ้ืนที่มีความเหมาะสมในการทาเกษตรกรรม ซ่ึงส่วนใหญ่เป็นพื้นท่ีทานาและทา ตาลโตนดการก่อตั้งบา้ นเรอื นมลี กั ษณะกระจายเปน็ กลุ่มๆ สภาพอากาศฤดูรอ้ น ร้อนปลานกลาง อยู่ในชัยภูมิท่ี ฤดูฝนและนา้ หลากมีพืน้ ที่ไดร้ ับอุทกภยั บ้าง ฤดหู นาว ไมห่ นาวมากนัก มีถนนสามารถติดตอ่ กันได้ทกุ หมบู่ า้ น แผนทต่ี าบลโรงเข้ อาเภอบ้านลาด จังหวัดเพชรบรุ ี
12 ขอ้ มลู ด้ำนประชำกร จำนวนประชำกรตำบลโรงเขจ้ ำแนกตำมเพศและเขตพืน้ ที่ ตาบลโรงเข้ มีครัวเรือนอาศัยอยู่ จานวน 68๐ ครัวเรือน อยู่ในเขตพื้นที่การปกครองขององค์การ บรหิ ารส่วนตาบลโรงเข้ ท้ังหมดมีประชากรท้ังส้ิน ๒,๑7๐ คน แยกเป็นประชากรชาย จานวน ๑,๐๕๕ คน คิดเป็นร้อยละ ๔8.6๒ และประชากรหญิง จานวน ๑,๑๑๕ คน คิดเป็นร้อยละ ๕๑.๓8 ความหนาแน่น เฉลยี่ ๑๐๓ คน/ตารางกิโลเมตร
13 หมู่ท่ี ชือ่ หมู่บ้ำน จำนวน จำนวนประชำกร(คน) ครวั เรือน ชำย หญิง รวม ๑ หนองกาทอง ๒๒๓ ๒๒9 ๔๕๒ ๒ นาฉอก ๑๓๑ ๓๐8 ๓๓๓ 6๔๑ ๓ ดอนแจง ๒๑๔ ๑๑6 ๑๐9 ๒๒๕ ๔ บา้ นใหม่ 8๕ ๑๑๔ ๑๑๔ ๒๒8 ๕ หัวโรง 7๑ ๒9๔ ๓๓๐ 6๒๔ ๑79 ๑,๐๕๕ ๑,๑๑๕ ๒,๑7๐ รวม 68๐ จำนวนประชำกรตำบลโรงเขจ้ ำแนกตำมชว่ งอำยุ จานวนประชากรจาแนกตามช่วงอายุ พบว่า ประชากรสว่ นใหญ่อยู่ในช่วงอายุ 6๐ ปีข้ึนไป จานวน 87๔ คิดเปน็ ร้อยละ ๔๐.๒8 ของประชากรทั้งหมด รองลงมาคือ ช่วงอายุ ๔๐ - ๕9 จานวน 8๔6 คน คิด เป็นร้อยละ ๓8.98 ของประชากรทงั้ หมด ลงลงมาคอื ช่วงอายุ ๑๕ - ๓9 จานวน ๒9๔ คน คิดเป็นร้อยละ ๑๓.๕๕ ของประชากรทั้งหมด และช่วงอายุต่ากว่า ๑๕ ปี จานวน ๑๕6 คน คิดเป็นร้อยละ 7.๑9 ของ ประชากรทงั้ หมด ชว่ งอำยุ (ปี) จำนวน (คน) รอ้ ยละของประชำกรทั้งหมด (คน) ต่ากว่า ๑๕ ปี ๑๕6 7.๑9 ๑๕ - ๓9 ๒9๔ ๑๓.๕๕ ๔๐ - ๕9 8๔6 ๓8.98 6๐ ปีขนึ้ ไป 87๔ ๔๐.๒8 ๒,๑7๐ ๑๐๐.๐๐ รวม ข้อมูลด้ำนสงั คม หมบู่ ำ้ น เนื่องจากสภาตาบลโรงเข้ได้ยกฐานะเปน็ องค์การบริหารสว่ นตาบลโรงเข้ เมอ่ื วันที่ 9 กรกฎาคม พ.ศ. ๒๕๔7 และยุบสภาตาบลลาดโพธ์ิ และสภาตาบลสะพานไกร เข้ารวมกัน เป็นองค์การบริการส่วนตาบลโรงเข้ เมื่อวันท่ี ๒9 กันยายน พ.ศ. ๒๕๔7 ทาให้องค์การบริหารส่วนตาบลโรงเข้ มีพื้นท่ีรับผิดชอบจานวน ๓ ตาบล มีจานวนหม่บู ้านในเขตองค์การบริหารส่วนตาบลโรงเข้ท้งั หมด ๑๒ หมู่บ้าน ได้แก่ ตาบลโรงเข้ ตาบลลาดโพธ์ิ หมทู่ ี่ ๑ บ้านหนองกาทอง หมู่ท่ี ๑ บ้านวงั บวั หมูท่ ่ี ๒ บ้านนาฉอก หมทู่ ่ี ๒ บ้านดอนข่อย-ไรค่ า หมทู่ ่ี ๓ บ้านดอนแจง หมทู่ ี่ ๓ บา้ นลาดโพธิ์ หมูท่ ี่ ๔ บา้ นใหม่ หมทู่ ี่ ๔ บา้ นเหมืองหาม หม่ทู ี่ ๕ บา้ นหวั โรง ตาบลสะพานไกร หมู่ที่ ๑ บา้ นท้ายหลวง หมู่ที่ ๒ บ้านสะพานไกร หม่ทู ่ี ๓ บ้านดอนโตนด
14 ข้อมูลดำ้ นเศรษฐกิจ อำชีพของประชำชนในตำบล เนื่องจากสภาพพ้ืนที่โดยท่ัวไปเปน็ ท่รี าบลุ่ม จึงมคี วามเหมาะสมในการทาการเกษตรกรรม ส่วนใหญ่ เป็นการทานา และมีบางส่วนท่ีทาไร่ ทาสวนและปลูกผัก สาหรับการทานาส่วนใหญ่สามารถทาได้ปีละ ๒ ครงั้ หากชลประทานเปิดน้าซ่ึงอาศัยน้าจากชลประทานเป็นหลัก หลังฤดูกาลทานาจะปลูกพืชไร่และพืชผัก สวนครวั ในด้านการเลีย้ งสัตว์ ไดแ้ ก่ โค กระบอื สุกร เป็ด และไก่ ส่วนใหญ่เป็นการเล้ียงสาหรับบริโภค และใชง้ าน และขายทารายไดบ้ ้างพอสมควร นอกจากน้ียังมีบ้างท่ีทาน้าตาลโตนด รับจ้าง ค้าขาย และรับ ราชการแตไ่ มม่ ากนกั สถำนกำรณ์แรงงำน กาลังแรงงาน ในปที ผี่ า่ นมา (พ.ศ. ๒๕6๑) ตาบลโรงเข้มีประชากรทอ่ี ย่ใู นวยั ทางานหรืออายุ ๑๕ ปีข้ึน ไป ถึงอายุ 6๐ ปี จานวน ๑,๑๔๐ คน เป็นผู้มีงานทา 86๔ คน ผู้ว่างงาน ๒76 คน อัตราการมีส่วนร่วมใน กาลังแรงงานอยทู่ ่ีร้อยละ ๓9.8๒ ของประชากรในพ้ืนทีต่ าบลโรงเข้ การจา้ งงาน อัตราส่วนของผู้มีงานทาจาแนกได้ตามกลุ่มอาชีพ ได้แก่ อาชีพเกษตรกรรม จานวน ๒ 87 คน คิกเป็นรอ้ ยละ ๓๓.๒๒ ของผ้มู ีงานทา อาชพี ค้าขาย จานวน ๑๑๒ คน คิดเป็นร้อยละ ๑๒.96 ของผู้ มีงานทา อาชีพรับจ้าง จานวน ๓๑๒ คน คิดเป็นร้อยละ ๓6.๑๑ ของผู้มีงานทา อาชีพรับราชการ จานวน ๑๐๑ คิดเปน็ รอ้ ยละ ๑๑.69 ของผู้มงี านทา และอาชีพอื่นๆ จานวน ๕๒ คน คดิ เป็นร้อยละ 6.๐๒ ของผู้มีงาน ทา อำชีพ จำนวน (คน) คดิ เปน็ รอ้ ยละของผู้มงี ำนทำ (คน) เกษตรกรรม ๒87 ๓๓.๒๒ คา้ ขาย ๑๑๒ ๑๒.96 รบั จา้ ง ๓๑๒ ๓6.๑๑ รบั ราชการ ๑๐๑ ๑๑.69 อน่ื ๆ ๕๒ 6.๐๒ 86๔ ๑๐๐.๐๐ รวม กลมุ่ อำชพี เศรษฐกจิ ชุมชน เน่ืองจากมีการสนับสนุนให้ครัวเรือนมีอาชีพที่สร้างรายได้ให้ตนเอง ทาให้เศรษฐกิจรากฐานมีความ มั่นคง ชมุ ขนมคี วามเข้มแข็ง ประชาชนใช้ชีวิตอยู่ในชุมชนอย่างมีความสุข โดยได้มีการพัฒนาทักษะด้านการ ประกอบอาชพี จนสามารถรวมกลุ่มผทู้ อ่ี าชพี ชพี เดยี วกันเป็นกลมุ่ อาชพี เศรษฐกจิ ชุมชนดงั น้ี ๑. กลมุ่ อาชีพทาน้าตาลโตนด จานวน ๒ กล่มุ ๒. กล่มุ อาชีพทาขนมหวาน จานวน ๒ กล่มุ ๓. กล่มุ อาชีพการทาเกษตรอนิ ทรยี ์ จานวน ๑ กลมุ่
15 ปรำชญช์ ำวบำ้ นเขำ้ ร่วมกำรอบรมสมั มนำเชงิ ปฏบิ ตั กิ ำร เครือขำ่ ยปรำชญ์เพือ่ ควำมมนั่ คงระดบั จงั หวัด สนบั สนนุ ศนู ยเ์ รียนรปู้ รัชญำของเศรษฐกิจพอเพียงและเกษตรทฤษฎใี หมป่ ระจำตำบล
16 จัดโครงกำรจดั กำรศกึ ษำตำมแนวทำงหลกั ปรชั ญำของเศรษฐกิจพอเพยี ง (กำรปรบั ปรงุ ดนิ เพื่อกำรเพำะปลกู )
17
18
19 จดั โครงกำรจดั กำรศกึ ษำตำมแนวทำงหลกั ปรัชญำของเศรษฐกจิ พอเพยี ง (กำรปลกู ผกั ปลอดสำรพษิ )
20
21
22 จดั โครงกำรศกึ ษำเพอ่ื พฒั นำอำชีพหลักสตู รระยะสนั้ (กำรปลกู พชื ผกั สวนครัวจำกวัสดุเหลอื ใช้)
23
24
25
26
27
Search
Read the Text Version
- 1 - 30
Pages: