Important Announcement
PubHTML5 Scheduled Server Maintenance on (GMT) Sunday, June 26th, 2:00 am - 8:00 am.
PubHTML5 site will be inoperative during the times indicated!

Home Explore บทที่ 2 ระบบสารสนเทศ

บทที่ 2 ระบบสารสนเทศ

Published by theerakorn kaewkham, 2019-05-27 00:14:08

Description: บทที่ 2 ระบบสารสนเทศ

Search

Read the Text Version

บทที่ 2 ความรเู้ กย่ี วกบั ระบบสารสนเทศ สาระสาคัญ ระบบสารสนเทศ เปน็ การนาระบบคอมพวิ เตอร์มาชว่ ยในการรวบรวมขอ้ มูล จดั เกบ็ หรอื จัดการ กบั ขอ้ มูลเพอื่ ให้ขอ้ มลู นนั้ กลายเปน็ สารสนเทศทีด่ ีสามารถนาไปใช้ประกอบการตดั สินใจ แตใ่ นเวลาที่ รวดเรว็ ถกู ต้อง ระบบสารสนเทศช่วยให้การดาเนนิ การของหน่วยงานทาได้รวดเรว็ และมปี ระสิทธิภาพ ชว่ ยใหห้ น่วยงานมีการดาเนนิ งานทไี่ ด้ผลตอบแทนสงู และรวดเรว็ โดยระบบสารสนเทศได้ถูกนามาชว่ ย ในการดาเนินงานในชวี ิตประจาวนั มากข้นึ โดยเฉพาะระบบสารสนเทศโดยใชร้ ะบบคอมพวิ เตอร์ จดุ ประสงค์การเรยี นรู้ จดุ ประสงคท์ ่ัวไป 1. ทราบความหมายของระบบสารสนเทศ 2. เข้าใจลกั ษณะของการนาสารสนเทศมาใช้ 3. ทราบประโยชนข์ องการพฒั นาระบบสารสนเทศ 4. ตระหนกั ถึงความจาเป็นในการพัฒนาระบบสารสนเทศ 5. ทราบองคป์ ระกอบของระบบสารสนเทศ จุดประสงค์เชงิ พฤติกรรม 1. บอกความหมายของระบบสารสนเทศได้ 2. บอกลักษณะของการนาสารสนเทศมาใช้ได้ถกู ต้อง 3. ยกตัวอย่างประโยชนข์ องการพฒั นาระบบสารสนเทศได้ 4. บอกความจาเปน็ ในการพัฒนาระบบสารสนเทศได้ 5. แยกองคป์ ระกอบของระบบสารสนเทศได้ สาระการเรียนรู้ 1. ความหมายของระบบสารสนเทศ 2. คุณสมบตั ขิ องสารสนเทศ 3. ประเภทของระบบสารสนเทศ 4. สว่ นประกอบของระบบสารสนเทศ 5. ประโยชน์ของระบบสารสนเทศ

2 2.1 ความหมายของระบบสารสนเทศ ระบบสารสนเทศ (Information system) หมายถึง ระบบทปี่ ระกอบด้วยส่วนต่างๆ ได้แก่ ระบบ คอมพิวเตอร์ท้ังฮาร์ดแวร์ ซอฟท์แวร์ ระบบเครือข่าย ฐานข้อมูล ผู้พัฒนาระบบ ผู้ใช้ ระบบ พนักงานทเ่ี กีย่ วขอ้ ง และ ผู้เชยี่ วชาญในสาขา ทุกองค์ประกอบนที้ างานรว่ มกนั เพ่อื กาหนด รวบรวม จัดเกบ็ ขอ้ มูล ประมวลผลขอ้ มูลเพ่ือสรา้ งสารสนเทศ และส่งผลลพั ธ์หรอื สารสนเทศทไี่ ด้ใหผ้ ใู้ ชเ้ พื่อ ช่วยสนับสนุนการทางาน การตดั สนิ ใจ การวางแผน การบริหาร การควบคมุ การวิเคราะหแ์ ละ ตดิ ตามผลการดาเนินงานขององค์กร ระบบสารสนเทศ หมายถงึ ชุดขององคป์ ระกอบท่ีทาหนา้ ทรี่ วบรวม ประมวลผล จัดเก็บ และ แจกจ่ายสารสนเทศ เพือ่ ช่วยการตัดสินใจ และการควบคุมในองคก์ ร ในการทางานของระบบ สารสนเทศประกอบไปดว้ ยกิจกรรม 3 อยา่ ง คือ การนาข้อมูลเขา้ สูร่ ะบบ (Input) การประมวลผล (Processing) และ การนาเสนอผลลัพธ์ (Output) ระบบสารสนเทศอาจจะมกี ารสะท้อนกลับ (Feedback) เพื่อการประเมนิ และปรบั ปรงุ ข้อมลู นาเขา้ ระบบสารสนเทศอาจจะเป็นระบบทปี่ ระมวล ดว้ ยมอื (Manual) หรือระบบที่ใช้คอมพวิ เตอร์กไ็ ด้ (Computer-based information system – CBIS) (Laudon & Laudon, 2001) ระบบสารสนเทศ หมายถึง ชดุ ของกระบวนการ บุคคล และเครือ่ งมือ ทีจ่ ะเปล่ียนข้อมูลให้เปน็ สารสนเทศ ระบบสารสนเทศ ประกอบดว้ ย คน เครือ่ งจกั รกล และวธิ กี ารในการเก็บขอ้ มูล ประมวล ผลข้อมูล และเผยแพรข่ อ้ มูล ใหอ้ ยู่ในลักษณะของสารสนเทศของผู้ใช้ (Information system, 2005) สรุปความหมายของ ระบบสารสนเทศ หมายถงึ ระบบที่ประกอบด้วยระบบคอมพิวเตอรท์ งั้ ฮาร์ดแวร์ ซอฟท์แวร์ ระบบเครือข่าย ฐานข้อมูล บคุ คลากรท้ัง ผูพ้ ฒั นาระบบ ผู้ใช้ และ ผู้เชยี่ วชาญ โดยตอ้ งทางานรว่ มกนั ตง้ั แต่กาหนดรวบรวม จัดเกบ็ ข้อมูล ประมวลผลข้อมูลสร้างสารสนเทศ และสง่ ผลลพั ธ์ใหผ้ ู้ใช้ เพือ่ ช่วยสนบั สนนุ การตดั สนิ ใจ และติดตามผลการดาเนนิ งานขององคก์ ร 2.2 คุณสมบตั ิของระบบสารสนเทศทีด่ ี ลกั ษณะของระบบสารสนเทศทีด่ ี ตอ้ งมคี ุณสมบตั ิดังต่อไปน้ี 1) เช่อื ถือได้ (Reliable) ความนา่ เชือ่ ถอื ของสารสนเทศนน้ั ขึน้ อยูก่ ับการเกบ็ รวมรวมข้อมลู จาก แหล่งที่มาที่เช่ือถือได้ 2) เขา้ ใจง่าย (Simple) สารสนเทศที่ดจี ะตอ้ งไม่ซบั ซอ้ น กล่าวคอื ง่ายต่อการทาความเข้าใจ เพราะความซบั ซ้อนคือการมรี ายละเอียดปลีกย่อยมากเกนิ ไป 3) ทันตอ่ เวลา(Timely) ตอ้ งเปน็ สารสนเทศท่มี คี วามทันสมยั อยูเ่ สมอเมื่อตอ้ งการใชเ้ พื่อการ ตดั สินใจจะทาให้มีความถกู ตอ้ งมากยงิ่ ข้นึ 4) คุ้มราคา (Economical) สารสนเทศที่ดีจะตอ้ งผา่ นกระบวนการท่มี ีต้นทุนน้อยกวา่ หรอื เท่ากับกาไรทไี่ ดจ้ ากการผลติ 5) ตรวจสอบได้ (verifiable) สารสนเทศทีด่ จี ะต้องสามารถตรวจสอบความถูกตอ้ งได้ โดยอาจ ตรวจสอบจากแหลง่ ที่มาของสารสนเทศ เป็นตน้ 6) ยดื หยุน่ (Flexible) จะต้องสามารถนาสารสนเทศไปใชไ้ ด้กับบุคคลหลายกลุ่ม

3 7) สอดคล้องกับความต้องการ (Relevant) สารสนเทศท่ีดีจะต้องมีความสัมพันธ์กับงานที่ ตอ้ งการวเิ คราะห์ หากเป็นสารสนเทศที่ไม่ตรงประเด็น 8) สะดวกในการเข้าถึง (Accessible) ระบบสารสนเทศต้องอานวยความสะดวกให้ผู้ใช้สามารถ เขา้ ถงึ ข้อมลู ได้งา่ ย 9) ปลอดภัย (Secure) ระบบสารสนเทศตอ้ งมีระบบรกั ษาความปลอดภัยเพ่ือปอ้ งกันการเข้าถึง ขอ้ มลู โดยไม่ได้รับอนุญาต 2.3 ประเภทของระบบสารสนเทศ ตาราง 2.1 แสดงประเภทของระบบสารสนเทศ ประเภทของระบบสารสนเทศ (สชุ าดา กรี ะนนั ทน์, 2541) 1. ระบบกระบวนการปฏิบัติงาน (Transaction Processing System : TPS) 2. ระบบสานกั งานอัตโนมัติ (Office Automation Systems) 3. ระบบงานสรา้ งความรู้ (Knowledge Work Systems) 4. ระบบสารสนเทศเพอ่ื การจดั การ(Management Information Systems) 5. ระบบสนับสนนุ การตัดสินใจ (Decision Support Systems) 6. ระบบสารสนเทศสาหรับผู้บริหารระดบั สงู (Executive Information Systems) 1) ระบบกระบวนการปฏิบัติงาน (Transaction Processing System : TPS) ตัวอยา่ ง การนาระบบประมวลผลขอ้ มลู มาใช้ในระบบประมวลผลรายการ ได้แก่ ขอ้ มลู การ ส่งั ซื้อสนิ คา้ ข้อมูลการขายสนิ ค้า ระบบการจองโรงแรมห้องพัก ระบบการจองตัว๋ เครือ่ งบนิ โดยจะนา ข้อมูลเบื้องตน้ เหล่าน้ีเขา้ มาเพอื่ ทาการประมวลผลโดยถือว่าระดบั ประมวลผลรายการเป็นระดบั ล่างสดุ ซ่งึ ในระดับนี้จาเป็นตอ้ งมีการจดั การทางานให้เปน็ แบบแผนทีแ่ นน่ อนตายตวั เปน็ ระบบท่ีเก็บขอ้ มลู ธรรมดา เพอ่ื นาไปใชง้ านในภายหลัง เช่น วันนีม้ ียอดขายเทา่ ใด รายรบั รายจ่ายเทา่ ใด มเี งนิ หมนุ เวยี นในระบบ เทา่ ใดหรอื ในคลังสินค้า สินค้าที่นาออกไปมปี ริมาณมากน้อยแคไ่ หน ปัจจุบันระบบประมวลรายการมักนิยมใช้กับการประมวลผลแบบออนไลน์ ( On - line Processing) ประมวลผลทนั ทที ่ีเขา้ สู่ระบบระบบประมวลผลรายการมีความสาคัญสูงสุดสาหรบั องค์กร TPS มกั จะทาการประมวลผลข้อมูลกบั งานเฉพาะสว่ นขององค์กร เชน่ ฝ่ายรับสมัคร ฝา่ ยบญั ชี ฝา่ ยขาย ฝา่ ยผลิต เป็นต้น โดยแต่ละฝ่ายจะมกี ารรบั ขอ้ มลู จดั เก็บข้อมูลไว้ในรูปของแฟ้มข้อมูลและทา การประมวลผลแยกกนั ผ้ใู ชร้ ะบบ TPS ไดแ้ ก่ เจา้ หน้าท่บี นั ทกึ ขอ้ มลู พนักงานลงบญั ชี พนักงานรบั สง่ั จอง เป็นตน้ ระบบการปฏบิ ตั งิ าน หรอื ระบบประมวลผลรายการ คอื การนาระบบสารสนเทศเขา้ มาใช้สาหรับ การปฏบิ ัติงานประจาที่ตอ้ งทาในองค์กร เชน่ ในการสัง่ สินคา้ การออกบิลสง่ ของให้ลูกค้า การบันทึกการ ขายสินค้า เป็นต้น

4 2) ระบบสานกั งานอัตโนมตั ิ (Office Automation Systems- OAS) เปน็ ระบบท่สี นบั สนนุ งาน ในสานกั งาน หรืองานธุรการของหนว่ ยงาน ระบบจะประสานการทางานของบคุ ลากรรวมทง้ั กบั บุคคลภายนอก หรือหนว่ ยงานอน่ื ระบบนี้จะเกย่ี วขอ้ งกับการจัดการเอกสาร โดยการใช้ซอฟท์แวร์ ดา้ นการพมิ พ์ การตดิ ต่อผา่ นระบบไปรษณียอ์ เิ ล็กทรอนิกส์ เปน็ ตน้ ผลลัพธข์ องระบบนี้ มักอยใู่ นรปู ของเอกสาร กาหนดการ ส่งิ พิมพ์ 3) สรา้ งความรู้ (Knowledge Work Systems - KWS) เป็นระบบท่ีชว่ ยสนบั สนุน บุคลากรที่ทางานดา้ นการสรา้ งความรเู้ พ่อื พัฒนาการคิดค้น สร้างผลติ ภัณฑใ์ หม่ๆ บรกิ ารใหม่ ความรู้ ใหมเ่ พอื่ นาไปใช้ประโยชนใ์ นหน่วยงาน หน่วยงานตอ้ งนาเทคโนโลยสี ารสนเทศเข้ามาสนับสนุนให้การ พัฒนาเกิดข้ึนได้โดยสะดวก สามารถแข่งขันไดท้ ัง้ ในดา้ นเวลา คุณภาพ และราคา ระบบตอ้ งอาศยั แบบจาลองที่สรา้ งข้ึน ตลอดจนการทดลองการผลิตหรอื ดาเนนิ การ ก่อนที่จะนาเข้ามาดาเนนิ การจริง ในธุรกิจ ผลลพั ธข์ องระบบนี้ มักอยใู่ นรปู ของ สงิ่ ประดิษฐ์ ตัวแบบ รูปแบบ เปน็ ตน้ ตัวอยา่ งของระบบสรา้ งความรู้ คือ ระบบปัญญาประดิษฐ์ (Artificial Intelligence : AI) ระบบปญั ญาประดิษฐ์ คือ ศาสตร์แขนงหนึ่งทางดา้ นวทิ ยาศาสตร์และเทคโนโลยีทม่ี พี นื้ ฐานมาทจ่ี าก วชิ าวิทยาการคอมพวิ เตอร์ ชีววทิ ยา จติ วทิ ยา ภาษาศาสตร์ ปญั ญาประดิษฐ์ คอื การพัฒนาระบบ คอมพิวเตอรใ์ ห้มีพฤติกรรมเลยี นแบบมนษุ ย์ ต้งั แตเ่ ห็น ฟัง เดนิ พูด และรู้สกึ รวมท้งั เลยี นแบบความ เป็นอจั ฉริยะของมนุษย์ เช่น หนุ่ ยนต์ สมองกลทางานแทนสมองของมนุษย์ ตัวอยา่ งเชน่ ระบบการ วิเคราะหก์ ารซ่อมบารงุ รถยนต์ , การสรา้ งหุน่ ยนตเ์ พ่อื งานแตล่ ะดา้ น รปู 2.1 แสดงตวั อย่างหนุ่ ยนต์ทไ่ี ดร้ บั การพฒั นาสมองกล

5 4) ระบบสารสนเทศเพ่ือการจดั การ (Management Information Systems- MIS) เปน็ ระบบ สารสนเทศสาหรบั ผู้ปฏิบัตงิ านระดับกลาง ใช้ในการวางแผน การบริหารจดั การ และการควบคมุ ระบบจะเช่ือมโยงข้อมูลที่มีอยู่ในระบบประมวลผลรายการเข้าด้วยกัน เพื่อประมวลและสร้าง สารสนเทศท่ีเหมาะสมและจาเป็นต่อการบริหารงาน ตัวอย่าง เช่น ระบบบริหารงานบุคลากร ผลลพั ธ์ของระบบน้ี มักอย่ใู นรปู ของรายงานสรปุ รายงานของส่งิ ผิดปกติ 5) ระบบสนบั สนนุ การตดั สินใจ (Decision Support Systems – DSS) เปน็ ระบบทชี่ ่วย ผบู้ ริหารในการตัดสินใจสาหรบั ปญั หา หรือท่มี ีโครงสร้างหรอื ขั้นตอนในการหาคาตอบท่ีแน่นอนเพียง บางสว่ น ขอ้ มูลท่ีใช้ต้องอาศยั ทง้ั ขอ้ มูลภายในกิจการและภายนอกกจิ การประกอบกัน ระบบยงั ตอ้ ง สามารถเสนอทางเลอื กให้ผบู้ รหิ ารพิจารณา เพอื่ เลือกทางเลอื กท่ีเหมาะสมท่ีสดุ สาหรบั สถานการณ์ น้นั หลักการของระบบ สรา้ งข้นึ จากแนวคดิ ของการใชค้ อมพิวเตอร์ชว่ ยการตัดสินใจ โดยให้ผใู้ ช้ โต้ตอบโดยตรงกับระบบ ทาให้สามารถวิเคราะห์ ปรับเปลีย่ นเงือ่ นไขและกระบวนการพิจารณาได้ โดย อาศัยประสบการณ์ และ ความสามารถของผบู้ รหิ ารเอง ผบู้ รหิ ารอาจกาหนดเง่อื นไขและทาการ เปล่ียนแปลงเง่อื นไขต่างๆ ไปจนกระทัง่ พบสถานการณ์ที่เหมาะสมทส่ี ุด แล้วใชเ้ ปน็ สารสนเทศที่ชว่ ย ตดั สนิ ใจ รูปแบบของผลลพั ธ์ อาจจะอยใู่ นรปู ของ รายงานเฉพาะกจิ รายงานการวิเคราะหเ์ พ่ือ ตัดสินใจ การทานาย หรือ พยากรณเ์ หตกุ ารณ์ 6) ระบบสารสนเทศสาหรับผู้บรหิ ารระดบั สูง (Executive Information System - EIS) เป็น ระบบทส่ี รา้ งสารสนเทศเชิงกลยทุ ธส์ าหรับผบู้ ริหารระดบั สงู ซงึ่ ทาหนา้ ท่กี าหนดแผนระยะยาวและ เปา้ หมายของกิจการ สารสนเทศสาหรับผู้บริหารระดับสงู น้จี าเป็นต้องอาศยั ขอ้ มูลภายนอกกิจกรรม เปน็ อยา่ งมาก ยง่ิ ในยคุ ปัจจบุ นั ที่เป็นยคุ Globalization ข้อมลู ระดบั โลก แนวโนม้ ระดับสากลเป็น ข้อมลู ที่จาเปน็ สาหรับการแข่งขนั ของธุรกิจ ผลลพั ธ์ของระบบน้ี มักอยูใ่ นรูปของการพยากรณ/์ การ คาดการณ์ 2.4 องคป์ ระกอบของระบบสารสนเทศ องค์ประกอบของระบบสารสนเทศ ประกอบดว้ ย 2.4.1 ฮาร์ดแวร์ ฮาร์ดแวรเ์ ปน็ องคป์ ระกอบสาคัญของระบบสารสนเทศ หมายถึง เครือ่ งคอมพวิ เตอร์ อปุ กรณร์ อบขา้ ง รวมทั้งอุปกรณ์ส่ือสารสาหรบั เชื่อมโยงคอมพวิ เตอร์เขา้ เป็นเครือขา่ ย เชน่ เครือ่ งพิมพ์ เครือ่ งกราดตรวจเมอ่ื พิจารณาเครอ่ื งคอมพวิ เตอร์ สามารถแบ่งเป็น 3 หนว่ ย คือ 1) หนว่ ยรบั ขอ้ มูล (input unit) ไดแ้ ก่ แผงแปน้ อกั ขระ เมาส์ 2) หนว่ ยประมวลผลกลาง (Central Processing Unit : CPU) 3) หนว่ ยแสดงผล (output unit) ได้แก่ จอภาพ เคร่อื งพมิ พ์ 2.4.2 ซอฟต์แวร์ ซอฟต์แวร์หรอื โปรแกรมคอมพวิ เตอร์เปน็ องคป์ ระกอบที่สาคญั ประการทส่ี อง ซึง่ ก็คอื ลาดบั ขน้ั ตอนของคาส่ังท่ีจะส่ังงานให้ฮารด์ แวร์ทางาน เพอื่ ประมวลผลขอ้ มลู ใหไ้ ด้ผลลัพธต์ ามความ ตอ้ งการของการใช้งาน ปจั จุบนั มีซอฟต์แวรร์ ะบบปฏิบัติงาน ซอฟต์แวรค์ วบคุมระบบงาน ซอฟตแ์ วร์ สาเรจ็ และซอฟต์แวร์ประยุกต์สาหรบั งานตา่ งๆ ลักษณะการใชง้ านของซอฟตแ์ วรก์ ่อนหนา้ น้ี ผู้ใช้

6 จะต้องติดต่อใชง้ านโดยใช้ขอ้ ความเปน็ หลกั แตใ่ นปจั จุบนั ซอฟต์แวร์มีลักษณะการใชง้ านท่ีง่ายขึ้น โดยมรี ูปแบบการตดิ ตอ่ ทีส่ ่ือความหมายใหเ้ ข้าใจง่าย เชน่ มีสว่ นประสานกราฟกิ กับผใู้ ชท้ ่ีเรยี กว่า กุย (Graphical User Interface : GUI) ส่วนซอฟต์แวร์สาเร็จที่มีใช้ในท้องตลาดทาให้การใช้งาน คอมพิวเตอรใ์ นระดบั บุคคลเป็นไปอยา่ งกว้างขวาง และเริม่ มีลกั ษณะส่งเสรมิ การทางานของกลุ่มมาก ขน้ึ ส่วนงานในระดับองคก์ รสว่ นใหญ่มักจะมกี ารพฒั นาระบบตามความต้องการโดยการว่าจา้ ง หรือ โดยนักคอมพิวเตอรท์ ่อี ยใู่ นฝ่ายคอมพิวเตอร์ขององคก์ ร เปน็ ตน้ ซอฟตแ์ วร์ คือ ชุดคาส่งั ที่ส่ังงานคอมพวิ เตอร์ แบ่งออกได้หลายประเภท เช่น 1) ซอฟต์แวร์ระบบ คอื ซอฟตแ์ วร์ท่ใี ช้จัดการกับระบบคอมพวิ เตอร์ และอุปกรณต์ ่างๆ ท่ี มอี ย่ใู นระบบ เชน่ ระบบปฏิบตั ิการวนิ โดวส์ ระบบปฏิบัติการดอส ระบบปฏิบตั กิ ารยูนกิ ซ์ 2) ซอฟตแ์ วรป์ ระยุกต์ คือ ซอฟตแ์ วร์ทพ่ี ัฒนาข้นึ เพือ่ ใชง้ านดา้ นตา่ งๆ ตามความตอ้ งการ ของผใู้ ช้ เช่น ซอฟต์แวร์กราฟกิ ซอฟต์แวร์ประมวลคา ซอฟต์แวรต์ ารางทางาน ซอฟตแ์ วรน์ าเสนอ ขอ้ มูล 2.4.3 ขอ้ มูล เป็นองคป์ ระกอบท่สี าคญั อีกประการหนง่ึ ของระบบสารสนเทศ อาจจะเป็นตัวช้ี ความสาเร็จหรือความลม้ เหลวของระบบได้ เนือ่ งจากจะตอ้ งมีการเกบ็ ขอ้ มลู จากแหลง่ กาเนดิ ข้อมูล จะต้องมคี วามถกู ต้อง มีการกล่ันกรองและตรวจสอบแลว้ เท่าน้ันจึงจะมีประโยชน์ ข้อมลู จาเป็นจะต้อง มีมาตรฐาน โดยเฉพาะอย่างย่งิ เม่อื ใชง้ านในระดบั กลมุ่ หรอื ระดับองคก์ ร ขอ้ มูลต้องมีโครงสร้างในการ จดั เก็บท่ีเป็นระบบระเบียบเพอ่ื การสืบคน้ ทรี่ วดเร็วมีประสทิ ธิภาพ 2.4.4 บคุ ลากร ในระดบั ผ้ใู ช้ ผ้บู ริหาร ผพู้ ัฒนาระบบ นักวเิ คราะหร์ ะบบ และนักเขียนโปรแกรม เป็นองค์ประกอบสาคัญในความสาเร็จของระบบสารสนเทศ บุคลากรมีความรู้ความสามารถทาง คอมพิวเตอรม์ ากเทา่ ใดโอกาสทีจ่ ะใช้งานระบบสารสนเทศและระบบคอมพิวเตอร์ได้เต็มศกั ยภาพ และคุ้มคา่ ย่งิ มากขน้ึ เทา่ นั้น โดยเฉพาะระบบสารสนเทศในระดับบคุ คลซึ่งเครือ่ งคอมพวิ เตอรม์ ขี ีด ความสามารถมากข้ึน ทาให้ผใู้ ชม้ โี อกาสพัฒนาความสามารถของตนเองและพัฒนาระบบงานไดเ้ อง ตามความตอ้ งการ สาหรบั ระบบสารสนเทศในระดบั กลมุ่ และองคก์ รท่มี คี วามซบั ซอ้ นจะต้องใช้ บคุ ลากรในสาขาคอมพวิ เตอร์โดยตรงมาพัฒนาและดแู ลระบบงาน 2.4.5 ข้นั ตอนการปฏบิ ตั งิ าน เรือ่ งสาคญั อกี ประการหนงึ่ เม่ือได้พฒั นาระบบงานแล้วจาเปน็ ต้อง ปฏิบัติงานตามลาดบั ขน้ั ตอนในขณะที่ใชง้ านกจ็ าเป็นต้องคานงึ ถึงลาดับข้นั ตอนการปฏิบัตขิ องคนและ ความสมั พันธก์ ับเครื่อง ทงั้ ในกรณปี กติและกรณฉี ุกเฉิน เชน่ ข้นั ตอนการบนั ทึกขอ้ มลู ขั้นตอนการ ประมวลผล ขัน้ ตอนปฏิบัติเมือ่ เคร่อื งชารุดหรอื ข้อมูลสูญหาย และขน้ั ตอนการทาสาเนาข้อมูลสารอง เพือ่ ความปลอดภัย เป็นตน้ สงิ่ เหลา่ นจ้ี ะต้องมีการซกั ซ้อม มีการเตรียมการ และการทาเอกสารค่มู ือ การใชง้ านทช่ี ดั เจน ค่มู ือและวธิ ีการปฏบิ ัติงาน ใช้เป็นแนวทางการปฏบิ ตั งิ าน 2.5 แนวทางการพัฒนาระบบสารสนเทศ (Information System Development) ในการพัฒนาระบบสารสนเทศมขี ั้นตอนสาหรบั การพัฒนาคอื การสร้างระบบงานใหม่ หรอื การ พฒั นาระบบงานเดิมซึ่งตอ้ งมบี ุคคลาเข้ามาเกย่ี วข้องกบั การพัฒนา โดยมผี ้มู สี ว่ นอยา่ งมากในการพัฒนา ระบบ (System Development) โดยจะประกอบดว้ ย ผูใ้ ช้ โปรแกรมเมอร์ นกั วิเคราะหร์ ะบบ โดยการ พฒั นาระบบสารสนเทศขนึ้ ต้องคานึงถงึ ลักษณะของงานทีท่ า และผู้ปฏิบตั งิ าน ในการพัฒนาระบบ

7 สารสนเทศต้องอาศัยผู้วิเคราะห์และออกแบบระบบ ที่มีความรู้ความสามารถทางด้านเคร่ือง คอมพิวเตอร์ และความสามารถด้านการปฏิบัติงานร่วมกับผู้ปฏบิ ตั ิงาน ต้องคาถึงถึงความ ตอ้ งการและความสามารถในการใช้งานของผูใ้ ช้งานด้วย โดยจะเก่ยี วข้องกับบคุ คลตอ่ ไปน้ี 2.5.1 ผู้ใช้ (Users) เป็นผกู้ าหนดปัญหา และ แนวทางของระบบงาน ซงึ่ ปัญหาท่ีมีผใู้ ช้จะไม่ สามารถแก้ปญั หาดว้ ยตนเอง ต้องมีการประสานงานแจ้งปัญหาใหก้ บั ทางฝ่ายบริหาร 2.5.2 โปรแกรมเมอร์ (programmers) และช่างเทคนิค (technicians) เป็นผทู้ ่ีสามารถจะใช้ เทคโนโลยีคอมพิวเตอร์, ป้อนคาสง่ั ใหค้ อมพิวเตอร์ทางานได้ตอ้ งการ แตม่ ักจะไม่มคี วามรู้ความเข้าใจ ในระบบธรุ กจิ ดงั นั้น จึงมักมชี อ่ งว่างระหวา่ ง ผู้ใช้งานซงึ่ ทางานในระบบธรุ กจิ กับโปรแกรมเมอร์ นกั วเิ คราะห์ระบบทาหน้าทเี่ ป็นผู้ประสาน และแก้ไขชอ่ งวา่ งนนั้ 2.5.3 นักวิเคราะห์ระบบ (System Analysis: SA) นักวิเคราะห์ระบบ คือ ผู้ท่ีเป็น ตัวกลางในการติดต่อระหว่างระบบสารสนเทศกับกลมุ่ ผทู้ ี่เกย่ี วขอ้ ง ไดแ้ ก่ เจ้าของระบบ (System Owners) ผใู้ ช้ระบบ (System Users) และผู้สร้างระบบ (System Builders) เพ่ือพัฒนาระบบสารสนเทศของ องคก์ รข้ึนมา ท้ังน้ีหน้าที่หลักของนักวิเคราะห์ระบบจะแบ่งเป็น 2 ส่วน คือ วิเคราะห์ระบบ และออกแบบระบบ นักวเิ คราะห์ระบบจะทาหนา้ ท่ี วิเคราะหแ์ ละ ออกแบบระบบงาน และต้องบริการ ทางด้าน ระบบขอ้ มูล โดยนาเอาประโยชน์จากเทคโนโลยีล่าสดุ มาใช้ควบค่กู ันไปด้วย 1) คณุ สมบตั ิของนกั วิเคราะห์ระบบ (1) มคี วามชานาญดา้ น โปรแกรมคอมพวิ เตอร์, โปรแกรมภาษา, ระบบฮาร์ดแวร์ เทคโนโลยีสารสนเทศ เป็นต้น (2) มีความเขา้ ใจในระบบธรุ กจิ , ระบบการเงิน และระบบการตลาด เปน็ อย่างดี (3) มีความเขา้ ใจในความต้องการของผ้ใู ช้ระบบเป็นอย่างดี 2) หนา้ ที่ของนกั วเิ คราะหร์ ะบบไดด้ ังนี้ (1) รวบรวมข้อมูล เปน็ การรวบรวมข้อมูลของระบบเดิมเพอ่ื ให้ทราบถงึ ปัญหาท่ี เกดิ ขึ้นและนาไปใชเ้ ป็นข้อมูลสว่ นหน่งึ ในการพฒั นาระบบใหม่ (2) จดั ทาเอกสาร ในระหว่างทาการพัฒนาระบบ นักวิเคราะหร์ ะบบจะต้องจัดทา เอกสารในแต่ละขนั้ ตอนให้ละเอยี ด (3) จดั ทาพจนานุกรมข้อมูล (Data Dictionary) (4) ออกแบบระบบ ทาการออกแบบการทางานของระบบใหม่ ให้ตรงตามความ ต้องการของผู้ใชร้ ะบบ และมีความเหมาะสมมากทสี่ ุด (5) สร้างแบบจาลอง ทาการสรา้ งแบบจาลองของโปรแกรมทพี่ ฒั นาข้นึ เพ่ือนาเสนอแก่ เจา้ ของระบบและผ้ใู ช้งาน (6) ทดสอบโปรแกรมท่ีพัฒนาขนึ้ โดยให้ผใู้ ชง้ านระบบเปน็ ผ้ทู ดสอบจะมีประสิทธิภาพ เพราะเป็นผู้ท่รี แู้ ละเขา้ ใจระบบงานอย่างแท้จรงิ (7) ตดิ ตั้งและทาการปรบั เปลย่ี นระบบ ปรับเปลี่ยนระบบเดมิ เปน็ ระบบใหม่ (8) จัดทาคู่มือ จดั ทาคมู่ อื และจัดเตรยี มหลกั สูตรฝึกอบรมให้แก่ผใู้ ชร้ ะบบ เนื่องจาก เป็นการเปลีย่ นแปลงของระบบ

8 (9) บารงุ รกั ษาและประเมนิ ผลการเพ่อื ใหร้ ะบบมีการทางานที่ถูกตอ้ งมากทสี่ ุดจัดทา แบบสอบถามหลังการใช้ระบบใหม่ (10) เป็นผใู้ หค้ าปรึกษา คอยใหค้ าปรกึ ษาแกผ่ ู้ใชร้ ะบบและทุกคนในระบบ (11) เป็นผู้ประสานงาน ระหว่างทกุ ฝา่ ยที่เกยี่ วข้องกับการพฒั นาระบบ เพ่ือใหเ้ ขา้ ใจ เหตุการณ์หรอื ขอ้ มูลทีเ่ กดิ ขนึ้ ภายในองคก์ รได้ถกู ต้องตรงกันทีส่ ดุ 2.6 ความแตกต่างระหว่างโปรแกรมเมอร์ และนักวิเคราะห์ระบบ 2.6.1 โปรแกรมเมอร์ หมายถงึ บคุ คลทร่ี ับผิดชอบในด้านการเขยี นโปรแกรม โดยต้องเขยี น โปรแกรมและประสานสว่ นทม่ี คี วามสัมพนั ธ์กัน ไดแ้ ก่ อปุ กรณ์คอมพิวเตอร,์ ระบบปฏิบัตกิ าร และ ภาษาทีใ่ ช้ในการเขียน เช่น COBOL, BASIC และ C++ งานของโปรแกรมเมอร์จะเปน็ ในลักษณะท่ีมีขอบเขตท่ีแนน่ อน คือ โปรแกรม ท่ีเขยี นน้นั จะต้องถกู ตามจุดประสงค์ งานจะเก่ยี วข้องกบั คนจานวนน้อย เชน่ กับโปรแกรมเมอร์ด้วยกันเอง หรอื กบั นักวเิ คราะหร์ ะบบทเี่ ป็นผ้วู างแนวทางของระบบให้ 2.6.2 นักวเิ คราะห์ระบบ หรือทีเ่ รยี กกนั ยอ่ ๆ วา่ SA (SYSTEM ANALYSIS) นน้ั จะตอ้ ง รับ ผิด ชอบต่อการออกแบบแนวทางการปฏบิ ัตงิ าน โดยวิเคราะห์ให้โปรแกรมเมอรน์ าไปเขียนโปรแกรม และ รับผิดชอบงานในสว่ นท่เี ก่ียวกบั การจดั หาอุปกรณเ์ ก่ยี วกับคอมพิวเตอร์, ระบบแฟม้ หรือฐานขอ้ มูล ต่างๆ รวมทง้ั ขอ้ มลู ทจี่ ะป้อนเข้าระบบ งานของนกั วิเคราะหร์ ะบบ ไม่ได้อยู่ในลักษณะทีแ่ น่นอนเหมือนโปรแกรมเมอร์ ไมม่ ี คาตอบที่แนน่ อนจากระบบทีอ่ อกแบบ ไม่วา่ ผิดหรอื ถูก กต็ ้องมีการประนีประนอมและผสม ผสานของ ปจั จยั ท่ีเกี่ยวข้องกับระบบงาน คอื ผ้ใู ช้ , วิธีการ , เทคโนโลยี และอปุ กรณ์ จนไดผ้ ลลัพธท์ ่ีเหมาะสม ออกมาเป็นระบบงาน (APPLICATION SYSTEM) 2.7 ตวั อย่าง การนาระบบเทคโนโลยสี ารสนเทศมาใช้ในชีวิตประจาวัน 2.7.1 ระบบเอทเี อม็ เป็นระบบท่อี านวยความสะดวกสบายอยา่ งมากให้แก่ผู้ใช้บริการธนาคาร และเป็นตวั อย่างเทคโนโลยีสารสนเทศทีได้รับการนามาใชเ้ ป็นกลยุทธใ์ นการแข่งขันทางธรุ กิจ โดยในปี พ.ศ. 2520 เปน็ ปีที่มีการใชเ้ อทเี อ็มเคร่อื งแรกของโลก สามารถใช้บริการได้ตลอด 24 ช่วั โมงรวมวนั เสาร์-อาทติ ยด์ ว้ ย ในขณะที่ธนาคารอ่นื ๆ ทีต่ งั้ อยู่ใกล้ ๆ เม่ือวเิ คราะห์มุมมองในการแข่งขันของ ธนาคารในการใหบ้ รกิ ารลกู ค้า กล่าวไดว้ า่ ระบบเอทีเอม็ เป็นบริการใหม่ที่ทาใหล้ กู ค้าไดร้ ับความ สะดวกสบาย และคล่องตัวได้ดึงดดู ลูกค้าจากธนาคารอน่ื มาเปน็ ลูกคา้ ของธนาคารตวั เอง รูปที่ 2.2 ถอนเงินในระบบเอทีเอม็

9 การนาเอาเทคโนโลยีเอทีเอม็ เขา้ มาใชก้ ่อนเป็นรายแรกสร้างความไดเ้ ปรยี บเชิงธรุ กจิ เหนือ คแู่ ขง่ เน่ืองจากไดใ้ ช้ระบบคอมพวิ เตอรม์ าเป็นกลยุทธ์การแข่งขนั ในแงป่ รบั ปรุงการบรกิ ารแกล่ ูกคา้ มี โอกาสดึงสว่ นแบง่ การตลาดได้สงู เทคโนโลยีท่อี ยูเ่ บอื้ งหลงั ความสาเร็จของระบบเอทีเอ็มก็คอื ระบบ คอมพิวเตอร์ที่รวบรวมข้อมูลบัญชีเงินฝากของลูกคา้ ธนาคารไวใ้ นฐานขอ้ มูลกับเทคโนโลยีส่อื สารข้อมูล ทาให้สามารถเช่อื มโยงระบบคอมพวิ เตอรอ์ อกไปทวั่ เมือง ทว่ั ประเทศ หรอื ทว่ั โลกไดผ้ ู้ใช้ รปู ท่ี 2.3 ขนั้ ตอนการโอนเงินในระบบเอทเี อ็ม 2.7.2 การลงทะเบยี นเรยี น การลงทะเบยี นเรียนในมหาวทิ ยาลัยแห่งหนึ่ง นกั ศึกษาแต่ละคนสามารถเลอื กเรียนวิชาที่ สนใจ แตต่ ัองเป็นวิชาท่กี าหนดในหลกั สูตร การลงทะเบยี นแตล่ ะวิชามขี อ้ จากัดคอื จานวนนักศกึ ษา แต่ละหอ้ งมีจานวนจากดั ดั้งน้ันการลงทะเบียนเรียนจงึ ต้องอาศัยข้อมลู จากการประมวณสามารถ ตรวจสอบมีวชิ าอะไรเปดิ สอน วิชาใดมีผ้สู มัครเรียนเตม็ แล้ว หรือวชิ าใดแทนไดบ้ ้าง ขั้นตอนของการลงทะเบียนเรียนของนักศึกษาของมหาวิทยาลัยแหง่ หนึง่ มดี ังน้ี 1) นกั ศึกษานารายวิชาที่สนใจจะเรียน ปรึกษากบั อาจารย์ทปี่ รกึ ษา เพ่อื ขอความชอบ จากอาจารย์ทป่ี รึกษา จึงนาไปลงทะเบียนเรียนได้ 2) นกั ศึกษานาเอกสารการลงทะเบียนทม่ี ลี ายชื่ออาจารยท์ ่ปี รึกษา มาพบกับเจ้าหนา้ ที่ ลงทะเบียน เจา้ หนา้ ลงทะเบยี นปอ้ นขอ้ มูลเข้าคอมพิวเตอร์ โปรแกรมคอมพิวเตอรจ์ ะทาการ ตรวจสอบวิชาท่บี ันทกึ แต่ละวชิ าว่าตดิ ขดั ข้อกาหนดใด หรอื ไม่ เชน่ มผี ูล้ งทะเบียนวิชาน้นั เต็มแล้ว ไม่ สามารถลงทะเบยี นได้ ตอ้ งให้นักศกึ ษาเปล่ียนกลุม่ เรยี น หรือหากตอ้ งการลงทะเบียนวชิ าใหม่ ก็ต้อง กลบั ไปขอความเห็นชอบจากอาจารยท์ ่ปี รกึ ษาอกี คร้ัง 3) โปรแกรมพิมพร์ ายการทน่ี กั ศกึ ษาลงทะเบียนทั้งหมด พรอ้ มทั้งคิดคา่ ใชจ้ า่ ยท่ีนกั ศกึ ษา ต้องจ่ายเปน็ ค่าลงทะเบียนเรียน 4) นกั ศึกษาจายเงินและรบั เอกสารใบเสรจ็ ท่พี มิ พ์ดว้ ยคอมพวิ เตอร์ 5) เมอื่ ลงทะเบยี นเสร็จเรียบรอ้ ยแล้ว จะมขี ้อมูลในฐานขอ้ มลู ที่บ่งบอกไดว้ า่ แต่ละวชิ ามี นักศกึ ษาผูใ้ ดลงทะเบียนเรยี น

10 2.7.3 การบริการและการทาธรุ กรรมบนอินเทอรเ์ น็ต การเตบิ โตของเครอื ข่ายอนิ เทอรเ์ น็ต มีผู้ใชง้ านกนั อย่างกว้างขวาง ทาให้การสอื่ สาร ระหวา่ งกันบนอนิ เทอรเ์ นต็ ทาไดง้ า่ ยจงึ ได้รับความนิยม ตวั อย่างเชน่ การรับส่งข้อมลู ทาการ แลกเปล่ียน โอนย้ายแฟ้มข้อมูลระหวา่ งกนั การส่งอีเมล์ การกระจายทาการในรูปแบบเว็บเพจ ตลอดจนการโต้ตอบสื่อสารแบบส่งข้อความและประยกุ ตใ์ นเรอ่ื งธรุ กิจอีกมากมาย รูปที่ 2.4 ระบบธรุ กิจระบบออนไลน์ รปู ท่ี 2.5 ระบบการเติมเงนิ ระบบออนไลน์ รปู ท่ี 2.6 ระบบชาระหลักทรัพยแ์ บบออนไลน์

11 การประยุกต์ทีน่ ่าสนใจบนเครอื ขา่ ยอินเทอร์เน็ตอย่างหนง่ึ คือ ระบบพาณิชย์อเิ ล็กทรอนกิ ส์ หรอื อี คอมเมริ ์ซ (electronic commerce : e-commerce) หรือการค้าขายบนเครือข่ายอิเทอรเ์ นต็ มกี าร ต้งั ร้านคาบนอินเทอร์เนต็ จานวนมาก ผตู้ ั้งร้านคา้ ใชเ้ ว็บเพจนาเสนอสนิ ค้าและบริการตา่ งๆ ซ่งึ ทาให้ผู้ เขาใช้บรกิ ารสามารถเขา้ ถึง เป็นการเปิดรา้ นคา้ ที่มีลูกค้าเข้าร่วมชมจากที่ต่างๆ ไดท้ ่ัวทกุ มมุ โลก ตัวอย่างเชน่ ร้านคา้ หนงั สอื มรี ะบบเครอื ข่ายคน้ หาหนงั สอื ทต่ี อ้ งการ และหากสนใจตดิ ตอ่ สั่งซ้ือก็ กรอกลงในแบบฟรอร์มการสง่ ซือ้ มีระบบการชาระหลายแบบ เช่น ชาระเงนิ ผา่ นเครดติ ระบบการโอน ผา่ นธนาคาร ระบบการนาสินค้าสง่ ถึงที่แลว้ จงึ ค่อยชาระเงิน การจดั สง่ สินค้าก็ทาได้อยางรวดเร็ว มี เครือขา่ ยการส่งได้ท่วั โลกผา่ นทางบรษิ ัทจดั สง่ สนิ คา้ แบบเร่งด่วน สินค้าบางอย่างเป็นสนิ คา้ ท่มี ีมาก และราคาถูกในทอ้ งท่ีหนึ่ง รูปที่ 2.7 ตวั อยา่ งเว็บไซตท์ ่ีมกี ารขายสินคา้ รูปที่ 2.8 ข้ันตอนการซือ้ สินคา้ ระบบออนไลนจ์ นรบั สนิ ค้า

12 รูปท่ี 2.9 การพัฒนาแอฟรเิ คชัน่ สาหรบั การขายสนิ คา้ ออนไลน์ รปู ที่ 2.10 การพฒั นาแอฟรเิ คชั่นสาหรับการขายสินค้าออนไลน์ นอกจากการทาการคา้ บนเครอื ขา่ ยอินเทอรเ์ นต็ แลว้ ยังมบี รกิ ารอื่น ๆ จากหนว่ ยงานของรฐั ที่ ให้บรกิ ารประชาชนทางอนิ เทอรเ์ นต็ เช่น สานักงานสรรพากรพ้นื ที่ ผู้เสยี ภาษีสามารถยื่นแบบรายการ เสยี ภาษไดจ้ ากท่ีทางาน รปู ที่ 2.11 ตัวอย่างเวบ็ ไซตก์ รมสรรพากรสาหรบั ย่ืนแบบชาระภาษผี ่านทางอินเทอร์เนต็

13 แบบฝึกหัดท้ายบทที่ 2 คาชแ้ี จง ให้ตอบคาถามต่อไปน้ี 1. ให้บอกความหมายของ ระบบสารสนเทศ 2. ใหย้ กตัวอย่างของระบบสารสนเทศทีม่ ีใช้ในชวี ิตประจาวัน อยา่ งนอ้ ย 3 ชนดิ 3. ให้บอกคุณสมบัติของสารสนเทศท่ีควรนามาใช้ อย่างน้อย 5 คุณสมบตั ิ 4. ใหย้ กตวั อยา่ งระบบสารสนเทศท่ีใชร้ ะบบคอมพวิ เตอรเ์ พือ่ อานวยความสะดวกใน ชวี ิตประจาวนั 5. องคป์ ระกอบของระบบสารสนเทศท่ีใช้คอมพิวเตอร์ ใหเ้ ติมคาต่อไปนี้ 5.1 ฮาร์ดแวร์ หมายถึง.................................................................................................. 5.2 ซอฟต์แวร์ หมายถงึ ................................................................................................. 5.3 ชนดิ ของซอฟตแ์ วร์ ม.ี ...................ชนิด ประกอบดว้ ย 1...................................................................................................... 2...................................................................................................... 5.4 ข้อมลู หมายถึง......................................................................................................... 5.5 บุคคลากรในระบบสารสนเทศ ประกอบดว้ ย............................................................. 6. จงอธบิ ายระบบสารสนเทศแบบระบบงานสร้างความรู้ (Knowledge Work Systems - KWS) 7. ให้อธิบายระบบปัญญาประดษิ ฐ์ (Artificial Intelligence: AI) 8. ใหบ้ อกคุณลักษณะของนกั วเิ คราะห์ระบบ (System Analysis :SA) 9. ใหบ้ อกหนา้ ท่ีของนกั วิเคราะหร์ ะบบ (System Analysis :SA) 10. ใหบ้ อกความแตกตา่ งระหว่างโปรแกรมเมอรก์ บั นักวิเคราะหร์ ะบบ ----------------------------------------------------------


Like this book? You can publish your book online for free in a few minutes!
Create your own flipbook