ลิลิตตะเลงพ่าย
คำนำ ลิลิต “เตลงพ่าย” นี้ สมเด็จพระมหาสมณเจ้ากรมพระปรมานุ ชิตชิโนรส ทรงพระนิพนธ์ขึ้นเป็นบทสดุดีเฉลิมพระเกียรติ วีรกรรมของ สมเด็จพระนเรศวร มหาราช วีรกษัตริย์ผู้ยิ่งใหญ่ ของไทย ซึ่งทรงทำยุทธหัตถีมีชัยแก่พระมหาอุปราชาแห่งกรุง หงสาวดี เมื่อปี พ.ศ. ๒๑๓๕ เข้าใจว่า สมเด็จฯ กรมพระปรมานุ ชิตชิโนรส จะได้ทรงพระนิพนธ์ขึ้นเมื่อราวปี พ.ศ. ๒๓๗๕ ใน รัชกาลที่ ๓ ทรงดำเนินความตามเค้าเรื่องในพระราชพงศาวดาร กรุงศรีอยุธยา แต่ด้วยพระปรีชาญาณยอดเยี่ยมในทางวรรณคดี พระองค์ทรงร้อยกรองขึ้นเป็นบทประพันธ์ที่ให้ผู้อ่านผู้ฟัง สามารถสร้างจินตนาการไปตามบทร้อยกรองโดยได้รับรสนิยม ทางวรรณกรรมเป็นอย่างดี
สารบัญ ประวัติผู้แต่ง หน้า สาระสำคัญ ความเป็นมา ๑ ๒ ลักษณะคำประพันธ์ ๓ เรื่องย่อ ๔ ๕ ตอนที่ ๑ อาเศียรวาท ๖ ตอนที่ ๒ เหตุการณ์ทางเมืองมอญ ๗ ๑๒ ตอนที่ ๓ พระมหาอุปราชายกทัพเข้าเมือง กาญจนบุรี ๑๕ ตอนที่ ๔ สมเด็จพระนเรศวรทรงปรารภ เรื่องตีเมืองเขมร
ประวัติผู้แต่ง สมเด็จพระมหาสมณเจ้า กรมสมเด็จพระปรมานุชิตชิโนรส (พ.ศ. ๒๓๓๓ - ๒๓๙๖) ผู้ทรงพระนิพนธ์ลิลิตตะเลงพ่าย มี พระนามเดิมว่าพระองค์เจ้าวาสุกรี ทรงเป็นโอรสในพระบาท สมเด็จพระพุทธยอดฟ้าจุฬาโลกมหาราช กรมสมเด็จพระปรมา นุชิตชิโนรสทรงอุปสมบทเมื่อ พ.ศ. ๒๓๕๔ และทรงครองเพศ สมณะจนสิ้ นพระชนม์ พระองค์ทรงเป็นนักปราชญ์ที่แท้จริง ๑
สาระสำคัญ ลิลิตตะเลงพ่าย พระนิพนธ์ในสมเด็จพระมหาสมณเจ้า กรมพระปรมานุชิต ชิโนรส เป็นวรรณคดีเฉลิมพระเกรียรติสมเด็จพระนเรศวรมหาราช โดย กล่าวถึงเหตุการณ์เมื่อครั้งที่พระมหาอุปราชาของพม่ายกทัพมาเพื่อตีกรุง ศรีอยุธยา แล้วสมเด็จพระนเรศวรมหาราชทรงกระทำยุทธหัตถีกับพระมหา อุปราชา จนได้รับชัยชนะ ชี้ให้เห็นถึงการรักษาเอกราชของบรรพบุรุษไทย ทำให้ผู้อ่านเกิดความรักชาติและมีจิตสำนึกที่ดี ๒
ความเป็นมา ลิตตะเลงพ่าย เป็นวรรณคดีเฉลิมพระเกียรติสมเด็จพระนเรศวรมหาราช มี การดำเนินเรื่องตามพงศาวดารกรุงศรีอยุธยา เริ่มตั้งแต่สมเด็จพระมหา ธรรมราชาเสด็จสวรรคต จนถึงตอนที่สมเด็จพระนเรศวรมหาราชทรง กระทำยุทธหัตถีกังพระมหาอุปราชาของพม่า พระมหาอุปราชาสิ้ นพระชนม์ ใน พ.ศ.๒๑๓๕ สมเด็จพระมหาสมณเจ้า กรมพระปรมานุชิตชิโนรสทรงพระนิพนธ์เรื่องนี้ เพื่อเฉลิมพระเกียรติสมเด็จพระนเรศวรมหาราช โดยแต่งแนวเดียวกับยวน พ่ายโคลงดั้น หรือโคลงยวนพ่าย ซึ่งมีมาก่อนตั้งแต่สมัยสมเด็จพระบรม ไตรโลกนาถ ๓
ลักษณะคำประพันธ์ ลิลิตตะเลงพ่ายเป็นวรรณคดีแนวประวัติศาสตร์และเป็นวรรณกรรม เฉลิมพระเกียรติ นับเป็นวรรณคดีที่มุ่งสดุดีวีรกรรมด้านการรบของวีรบุรุษ ของชาติ คือ สมเด็จพระนเรศวรมหาราชแต่งเป็นลิลิตสุภาพ ประกอบด้วย ร่ายสุภาพและโคลงสุภาพ อันได้แก่ โคลงสอองสุภาพ โคลงสามสุภาพ และ โคลงสี่ สุภาพ สลับกันตามความเหมาะสมของเนื้อหา โดนเริ่มต้นด้วยร่าย สุภาพซึ่งเป็นบทยอพระเกียรติและสดุดีความเจริญรุ่งเรืองของบ้านเมือง โดยแต่งให้คำสุดท้ายของบทประพันธ์บทต้น ส่ งสั มผัสมายังคำที่ ๑ หรือคำ ที่ ๒ หรือคำที่ ๓ ของบทต่อไป เชื่อมกันอย่างนี้ตลอดทั้งเรื่อง เรียกว่า เข้า ลิลิต ลักษณะคำประพันธ์ของลิลิตตะเลงพ่าย มีดังนี้ ๑) ร่ายสุภาพ ๒) โคลงสองสุภาพ ๓) โคลงสามสุภาพ ๔) โคลงสี่ สุภาพ ๔
เรื่องย่อ คำว่า ตะเลง หมายถึง มอญ พ่าย แปลว่า แพ้ คำว่า ตะเลงพ่าย แปลตาม ตัวอักษรคือ มอญแพ้ แต่พม่าเป็นผู้ที่ปกครองมอญอยู่ คำว่าตะเลงในที่นี้จึง หมายถึง พม่าและมอญเป็นผู้แพ้สงคราม เนื้อหาในลิลิตตะเลงพ่ายมี ๑๒ ตอน โดยเริ่มต้นเรื่องด้วยร่ายสุภาพและโคลงสี่ สุภาพยอพระเกียรติสมเด็จ พระนเรศวรมหาราช ซึ่งกล่าวถึงการสิ้ นพระชนม์ของสมเด็จพระมหาธรรม ราชาธิราช สมเด็จพระนเรศวรทรงขึ้นครองราชย์โดยมีสมเด็จพระเอกาทศ รถเป็นพระมหาอุปราช พระเจ้าหงสาวดีทราบข่าวไทยผลัดเปลี่ยนแผ่นดิน ใหม่ก็ปรารถว่าจะมาตีไทยเพื่อหยั่งเชิง จึงมีพระราชบัญชาให้พระมหาอุปรา ชายกทััพมาตีไทย เมื่อลานางสนมแล้วก็ยกทัพเจ้ามาทางเมืองกาญจนบุรี ๕
ตอนที่ ๑ อาเศียรวาท ศรีสวัสดิเดชะ ชนะราชอรินทร์ ยินพระยศเกริกเกรียง เพียงพกแผ่นฟากฟ้า หล้าล่มเลื่องชัยเชวง เกรงพระเกียรติระย่อ ฝ่อใจห้าวบมิหาญ ลาญใจแกล้ว บมิกล้า บค้าอาตม์ออกรงค์ บคงอาตม์ออกฤทธิ์ ท้าวทั่วทิศทั่วเทศ ไท้ทุก เขตทุกด้าว น้าวมกุฎมานบ น้อมพิภพมานอบ มอบบัวบาทวิบุล อดุลยานุ ภาพ ปราบดัสกรแกลนกลัว หัวหั่นหายกายกลาด ดาษเต็มท่งเต็มดอน พม่า มอญพ่ายหนี ศรีอโยธยารมเยศ พิเศษสุขบำเทิง สำเริงราชสถาน สำราญ ราชสถิต พิพิธโภคสมบัติ พิพัฒน์โภคสมบูรณ์ พูนพิภพดับเข็ญ เย็นพิภพดับ ทุกข์ สนุกสบสี มา ส่ำเสนานอบเกล้า ส่ำสนมเฝ้าฝ่ายใน ส่ำพลไกรเกริกหาญ ส่ำพลสารสิ นธพ สบศาสตราศรเพลิง เถลิงพระเกียรติฟุ้งฟ้า ลือตรลบ แหล่งหล้า โลกล้วนสดุดี ๖
ตอนที่ ๒ เหตุการณ์ทางเมืองมอญ ร่าย ๕/๖ ฝ่ายพระนครรามัญ ขัณฑ์เขตด้าวอัสดง หงสาวดีบุเรศ รั่วรู้เหตุ บมิหึง แห่งเอิกอึงกิดาการ ฝ่ายพสุธารออกทิศ ว่าอดิศวรกษัตรา มหา ธรรมราชนรินทร์ เจ้าปถพินทร์ผ่านทวีป ดับชนมชีพพิราลัย เอารสไทนฤเบศ นเรศวรเสวยศวรรยา แจ้งกิจจาตระหนัก จึ่งพระปิ่ นปักธาษตรี บุรีรัตนหง สา ธก็บัญชาพิภาษ ด้วยมวลมาตยากร ว่านครรามินทร์ ผลัดแผ่นดินเปลี่ยน ราช เยียววิวาทชิงฉัตร เพื่อกษัตริย์สองสู้ บร้างรู้เหตุผล ควรยาตรพลไป เยือน เตือนประยุทธ์เอาเปรียบ แม้นไป่เรียบเป็นที โจมจู่ยี่ย่ำภพ เสนีนบนึก ชอบ ระบอบเบื้องบรรหาร ธก็เอื้อนสารเสาวพจน์ แต่เอารสยศเยศ องค์ อิศเรศอุปราช ให้ยกยาตราทัพ กับนครเชียงใหม่ เป็นพยุหใหญ่ห้าแสน ไป เหยียบแดนปราจิน บุตรท่านยินถ้อถ้อย ข้อยผู้ข้าบาทบงสุ์ โหรควรคง ทำนาย ทายพระเคราะห์ถึงฆาต ฟังสารราชเอารส ธก็ผะชดบัญชา เจ้า อยุธยามีบุตร ล้วนยงยุทธ์เชี่ยวชาญ หาญหักศึกบมิย่อ ต่อสู้ ศึกบมิหยอน ไป พักวอนว่าใช้ ให้ธหวงธห้าม แม้นเจ้าคร้ามเคราะห์กาจ จงอย่ายาตรยุทธนา เอาพัสตราสตรี สวมอินทรีย์สร่างเคราะห์ ธตรัสเยาะเยี่ยงขลาด องค์ อุปราชยินสาร แสนอัประมาณมาตย์มวล นวลพระพักตร์ผ่องเผือด เลือด สลดหมดคล้ำ ช้ำกมลหมองมัว กลัวพระอาชญายอบ นอบประณตบทมูล ทูลลาไท้ลีลาศ ธก็ประกาศเกณฑ์พล บอกยุบลบ่มิหึง ถึงเชียงใหม่ตระบัด เร่งแจงจัดจตุรงค์ ลงมาสู่ หงสา แล้วธให้หาเมืองออก บอกทุกแดนทุกด้าว บอกทุกท้าวทุกเทศ ทั่วทุกเขตทุกขอบ รอบสี มามณฑล ทราบนุสนธิ์ทุกแห่ง ต่างตกแต่งแสะสาร แสนยาหาญมหิมา คลาบรรลุเวียงราช แลสระพราศ สระพรั่ง คั่งคับนับเหลือตรา ต่างภาษาต่างเพศ พิเศษสรรพแต่งตน ข้าศึก ยลแสยงฤทธิ์ บพิตรธเทียบทัพหลวง โดยกระทรวงพยุบาตร จักยาตราตรู่ เช้า เสด็จเข้านิเวศไท้ เกรียมอุระราชไหม้ หม่นเศร้าศรีสลาย อยู่นา ๗
๖/๗ โคลง๒ ๏ พระผาดผายสู่ ห้อง หาอนุชนวลน้อง หนุ่มหน้าพระสนม ๗/๘ ๏ ปวงประนมนบเกล้า งามเสงี่ยมเฟื้ ยมเฝ้า อยู่ถ้าทูลสนอง ๘/๙ ๏ กรตระกองกอดแก้ว เรียมจักร้างรสแคล้ว คลาดเคล้าคลาสมร ๙/๑๐ ๏ จำใจจรจากสร้อย อยู่แม่อย่าละห้อย ห่อนช้าคืนสม แม่แล ฯลฯ ๘
ร่าย ๑๐/๒๓ เสร็จเสาวนีย์สั่งสนม เนืองบังคมคำราช พระบาททันนิทรา จวนเวลาล่วงสาง พื้นนภางค์เผือดดาว แสงเงินขาวขอบฟ้า แสงทองจ้าจับ เมฆ รังสี เฉกฉายฉัน ไก่แก้วขันเจื้อยแจ้ว ดุเหว่าแหว้วเสี ยงใส จึ่งบรมไทธิ ราช ยุรยาตรยังที่สรง ชำระองค์บนาน ทรงสุคนธ์ธารกลิ่นตรลบ หอมอวล อบอายขจร ทรงบวรวิภูษิต สนับเพลาพิศพรายพร้อย ชายไหวย้อยยะยาบ ชายแครงทาบเครือวัลย์ รัตพัสตร์พรรณยรรยง ฉลองพระองค์เพริศแพร้ว มกรแก้วเกยูร ตาบไพฑูรย์เรืองจรัส สะอิ้งรัตนประพาฬ สอดสั งวาลเฉวียง องค์ มกุฎทรงเทริดเกศ อย่างอิศเรศรามัญ สรรเป็นรูปอุรเคนทร์ เพญพะ พานแผ่เศรียร แสงวิเชียรช่อช่วง ธำมรงค์ร่วงรุ้งพราย รายนพรัตน์ชัชวาล เครื่องอลงการโอ่อ่า งามสง่าขัตติเยศ พระแสดงเดชผังผาย กุมแสงกราย กรนาด ยุรยาตรอย่างไกรสร จากศีขรคูหา ลีลายังวังราช ไหว้บัวบาท บิตุรงค์ ขอลาองค์ท่านไท้ ไปเผด็จดัสกรให้ เหือดเสี้ ยนศึกสยาม สิ้ นนา ๙
๑๑/๒๔ โคลง๒ ๏ พระฟังความลูกท้าว ลาเสด็จศึกด้าว ๑๐ ดั่งเบื้องบรรหาร ๑๒/๒๕ โคลง๓ ๏ ภูบาลอื้นอำนวย อวยพระพรเลิศล้น จงอยุธย์อย่าพ้น แห่งเงื้อมมือเทอญ พ่อนา ๑๓/๒๖ โคลง๔ ๏ จงเจริญชเยศด้วย เดชะ ชาวอยุธย์อย่าพะ พ่อได้ จงแพ้พินาศพระ วิริยภาพ พ่อนา ชนะแด่สองท่านไท้ ธิราชเจ้าจอมสยาม ๑๔/๒๗ ๏ สงครามความเศิกซึ้ง แสนกล จงพ่ออย่ายินยล แต่ตื้น อย่าลองคะนองตน ตามชอบ ทำนา การศึกลึกเล่ห์พื้น ล่อเลี้ยวหลอกหลอน ๑๕/๒๘ ๏ จงแจ้งแห่งเหตุเบื้อง โบราณ เป็นประโยชน์ยุทธการ กล่าวไว้ เอาใจทหารหาญ เริงรื่น อยู่นา อย่าระคนปนใกล้ เกลือกกลั้วขลาดเขลา ๑๖/๒๘ ๏ หนึ่งรู้พยุหเศิกไสร้ สบสถาน เจนจิตวิทยาการ กาจแกล้ว รู้เชิงพิชัยชาญ ชุมค่าย ควรนา อาจจักรอนรณแผ้ว แผกแพ้พังหนี ๑๗/๓๐ ๏ หนึ่งรู้บำเหน็จให้ ขุนพล อันสมรรถมือผจญ จืดเสี้ ยน อย่าหย่อนวิริยะยล อย่างเกียจ แปดประการกลเที้ยร ถ่องแท้ทางแถลง ๑๘/๓๑ ๏ จงจำคำพ่อไซร้ สั่งสอน จงประสิ ทธิ์สมพร พ่อให้ จงเรืองพระฤทธิ์รอน อริราช จงพ่อลุลาภได้ เผด็จด้าวแดนสยาม
ร่าย ๑๙/๓๒ เสด็จสั่งความโอวาท ไท้ธประสาทพระพร แต่ภูธร เอารส ธก็ประณตรับคำ อำลาท้าวลีลาศ ยุรยาตรยังเกยชัย เสนา ในเตรียมทัพ สรรพพลห้าสิ บหมื่น ขุนคชหื่นหาญแกล้ว ขับช้าง แก้วพัทธกอ รอรับราชริมเกย ควาญเคยคัดท้ายเทียบ เสด็จย่าง เหยียบหลังสาร ทรงคชาธารยรรยง อลงกตแก้วแกมกาญจน์ เครื่องพุดตานตกแต่ง แข่งสี ทองทอเนตร ปักเศวตฉัตรฉานฉาย คลายคชบาทยาตรา คลี่พยุหคลาดแคล้ว คล้ายนายทแกล้ว ย่าง เยื้องธงทอง แลนา ฯลฯ ๒๐/๔๑ โคลง๒ ๏ ถับถึงทวารกรุงแก้ว เดียรดาษพลคลาด แคล้ว คล่ำคล้ายคลาขบวน ๒๑/๔๒ โคลง๓ ๏ ด่วนเดินโดยโขลนทวาร พวกพลหาญแห่ หน้า ล้วนทแกล้วทกล้า กลาดกลุ้มเกลื่อนสถล มารคนา ฯลฯ ๑๑
ตอนที่ ๓ พระมหาอุปราชายกทัพเข้าเมืองกาญจนบุรี ๒๒/๕๓ โคลง๒ ๑๒ ๏ ยกพลผ่านด่านกว้าง เสี ยงสนั่นม้าช้าง กึกก้องทางหลวง ๒๓/๕๔ ๏ ปวงประนมนบเกล้า งามเสงียมเฟื้ ยมเฝ้า อยู่ถ้าทูลสนอง ๒๔/๕๕ ๏ ล่วงลุด่านเจดีย์ สามองค์มีแห่งหั้น แดนต่อแดนกันนั้น ฯลฯ ๒๕/๗๙ โคลง๔ ๏ มาเดียวเปลี่ยวอกอ้า อายสู สถิตอยู่เอ้องค์ดู ละห้อย พิศโพ้นพฤกษ์พบู บานเบิก ใจนา พลางคะนึงนุชน้อย แน่งเนื้อนวลสงวน ฯลฯ ๒๕/๗๙ โคลง๔ ๏ สลัดไดใดสลัดน้อง แหนงนอน ไพรฤๅ เพราะเพื่อมาราญรอน เศิ กไสร้ สละสละสมร เสมอชื่อ ไม้นา นึกระกำนามไม้ แม่นแม้นทรวงเรียม ฯลฯ
๒๖/๘๘ โคลง๔ ๏ สายหยุดหยุดกลิ่นฟุ้ง ยามสาย สายบ่หยุดเสน่ห์หาย ห่างเศร้า กี่คืนกี่วันวาย วางเทวษ ราแม่ ถวิลทุกขวบค่ำเช้า หยุดได้ฉันใด ฯลฯ ๒๘/๑๒๗ โคลง๔ ๏ พลมอญเมิลมืดท้อง รัถยา อเนกนิกรอาชา ชาติช้าง ทวนทองเถือกทอตา เปลือยปลาบ เทียวธวัชแลสล้าง เฟื่ องฟ้าปลิวปลาย ร่าย ๒๙/๑๒๘ ฝ่ายนครกาญจน จัดพลพวกด่าน ผ่านไปสื บเอาเหตุ ในขอบเขต รามัญ เขาก็พากันรีบรัด ลัดเล็ดลอดเลาะดง ตรงไปทางแม่กษัตริย์ จัดกันซุ่มเป็นกอง มองเอาเหตุเอาผล ยลนิกรรามัญ เดินแน่นนันต์นองเถื่อน เกลื่อนมาทั่วออกทิศ หวัน ก่อกิจดัสกร แก่พระนครตระหนัก เห็นฉัตรปักห้าชั้น กั้นบนเบื้องหลังสาร เขาก็ทราบ การโดยขนาด ว่าอุปราชขุนทัพ เร็วรีบกลับมาบอก แดออกญาผ่านเผ้า เจ้านครกาญ จนบุริน ยินยุบลข่าวศึก พิลึกลาญขวัญ แหลกแสกกมลทะท้าว ร้าวอุระขุนเมือง เคือง ใจราษฎร์ทุกผู้ รู้ตรลอดไพร่นาย เขาทั้งหลายตริกัน ขวัญเกี่ยงกินเผือนเผือด เลือด สลดหมดหน้า บเห็นถ้าต่อรบ รู้ว่าทบบมิทาน รู้ว่าราญบมิรอด คิดเททอดครัวแตก แหกหนีหน้าอย่าพะ เขามละบ้านเมือง เปลืองเปล่าผู้หมู่ชน ชวนกันซนกันซุก บุกป่าดง ป่าแดง แฝงเอาเหตุเอาผล ยลกระแหน่เศิกไสร้ เพื่อลงลักษณะให้ ส่ งท้าวแถลงความ ท่านนาเฟื่ องฟ้าปลิวปลาย ๑๓
๓๐/๑๒๙ ๏ ชาวสยามคร้ามเศิกสิ้ น ทั้งผอง นายและไพร่ไป่ปอง รบร้า อพยพหลบหลีกมอง เอาเหตุ ซุกซ่อนห่อนให้ข้า ศึกได้ไปเป็น ร่าย ๓๑/๑๓๑ ส่ วนนเรนทรสมญา มหาอุปราชรามัญ ธก็ให้ผันพลผ้าย ย้ายมาโดย ทางเถื่อน ทัพหน้าเคลื่อนพลเดิม ลุลำกระเพินบมิหึง จึ่งพระยาจิดตอง ให้พลกรอง เวฬู ปูเป็นสะพานผ่านชล เร่งเดินพลข้ามฟาก มากนิกรคั่งคาม พวกชาวสยามเห็น ตระหนัก จึ่งลงลักษณ์สารสื่ อ ใส่ ชื่อทั่วตัวขุน ถ้วนทุกมุลทุกนาย แดออกญามหาด ทูล บัวบาทมหิบาล เขาก็รับสารขึ้นม้า รับมาเร็วฤๅช้า บอกข้อเข็ญความ ท่านนา ๓๒/๑๓๑ โคลง๒ ๓๖/๑๓๕ ๔๑/๑๔๔ ๔๕/๑๕๒ ๏ ณรงค์นเรศวร์ด้าว ดัสกร ๏ กองทัพตามกันเต้า ๏ ระลวงรำลึกอ้า ๏ เหตุนี้ผิวเช้าชั่ว ใครจักอาจออกรอน รบสู้ เสี ยงสนั่นลั่นเท้า บังอร ฉุกเข็ญ เสี ยดายแผ่นดินมอญ พลันมอด ม้วยแฮ พ่างพื้นไพรพัง เพิกฤๅ ยลแต่แสงศศิ ธร เกิดเมื่อยามเย็นดี เหตุบ่มีมือผู้- อื่นต้านทานเข็ญ ๓๓/๑๓๒ โคลง๔ ถ่องฟ้า ดอกไท้ ๔๖/๑๕๓ ๏ เอ็นดูภูธเรศเจ้า จอมถวัลย์ ๏ ดลยังเวียงด่านด้าว แสงจันทร์บ่ส่ องสมร อย่าขุนอย่าลำเค็ญ เปลี่ยวอุระราชรัน- ทดแท้ โดยมี หมดเทวษ ใจเจ็บ พระเอย พระชนม์ชราครัน ครองภพ พระเอย เมืองชื่ อกาญจนบุรี ถวิลบ่ลืมนวลหน้า พระจักลุลาภได้ เกรงบพิตรจักแพ้ เพลี่ยงพล้ำศึกสยาม แม่แม้นนวลจันทร์ ฯลฯ เผด็จเสี้ ยนศึกสยาม ฯลฯ ว่างว้าง ๔๗/๑๕๔ โคลง๔ ๏ สงครามครานี้หนัก ใจเจ็บ ใจนา ผู้ใดบ่ออกตี ๓๗/๑๔๐ ๔๒/๑๔๗ เรียมเร่งแหนงหนาวเหน็บ อกโอ้ ตอยต่อทัพนา ๏ พระฝืนทุกข์เทวษกล้ำ ๏ ครั้นฟังบพิตรเพี้ยง ลูกตายฤใครเก็บ ผีฝาก พระเอย ยลแต่เหย้าเรือนร้าง ผีจักเท้งที่โพล้ ที่เพล้ใครเผา อยู่ไร้ใครแรม แกล่ครวญ ฟังหู หนึ่งนา ขับคชบทจรจวน หูหนึ่งแหนงคำสู ๔๘/๑๕๕ ๏ พระเนานัคเรศอ้า เอองค์ ๓๔/๑๓๓ ฤๅบ่มีใครคง คู่ร้อน ๏ สอดแนมจักจับถ้อย จักเพล้ ซึ่งพร้อง บรรลุพนมทวน ไป่ไว้หฤทัยภู- จักริจักเริ่มรงค์ ฤๅลุ แล้วแฮ ไถ่ความ เถื่อนที่ นั้นนา ธรพรั่น อยู่นา พระจักขุ่นจักข้อน จักแค้นคับทรวง ฤๅบ่ได้ชาวสยาม เหตุอนาถหนักเอ้ นึกเร่งกริ่งเกรงต้อง อาจให้ชนเห็น แต่แพ้ดัสกร ฯลฯ ๔๙/๑๕๖ ๏ พระคุณตวงเพียบพื้น ภูวดล สั กผู้ เต็มตรลอดแหล่งบน บ่อนใต้ จักสื บจักเสาะถาม ๓๘/๑๔๑ ๔๓/๑๕๐ ๏ เกิดเป็นหมอกมืดห้อง ๏ สระเทินสระทกแท้ พระเกิดพระก่อชนม์ ชุบชีพ มานา เหตุห่อน รู้แฮ เกรงบ่ทันลูกได้ กลับเต้าตอบสนอง ฯลฯ รู้ว่าชาวเมืองรู้ เวหา หนเฮย ไทถวิล อยู่เฮย เล่ห์แล้วหลีกหนี ลมชื่ อเวรัมภา ฤๅใคร่คลายใจจินต์ ๓๕/๑๓๔ พัดคลุ้ม จืดสร้อย ๏ ธก็กรีธาทัพเข้า หวนหอบหักฉัตรา คำนึงนฤบดินทร์ บิตุเรศ พระแฮ เนาเมือง คชขาด ลงแฮ พระเร่งลานละห้อย ประทับอยู่แรมคืนเคือง แลธุลีกลัดกลุ้ม เทวษไห้โหยหา เกลื่อนเพี้ยงจักรผัน สวาทไหม้ ๔๔/๑๕๑ คำนึงนุชไป่เปลือง ๓๙/๑๔๒ ๏ อ้าจอมจักรพรรดิผู้ จิตท่าน ถวิลนา ๏ พระพลันเห็นเหตุไซร้ เพ็ญยศ เจ็บอุระราชไข้ เสี ยงดวง แดเฮย แม้พระเสี ยเอารส ขุนแค้นคับทรวง ถนัดดั่งภูผาหลวง แก่เสี้ ยน ตกต้อง จักเจ็บอุระระทด กระหม่ากระเหม่นทรวง ทุกข์ใหญ่ หลวงนา ถนัดดั่งพาหาเหี้ยน สั่นซีด พักตร์นา หั่นกลิ้งไกลองค์ หนักหฤทัยท่านร้อง เรียกให้โหรทาย ๑๔ ๔๐/๑๔๓ ๏ ทั้งหลายล้วนจบแจ้ง เจนไสย ศาสตร์แฮ เห็นตระหนักแน่ใน เหตุห้าว จักทูลบ่ทูลไท เกรงโทษ ท่านนา เสนอแต่ดีกลบร้าว เกลื่อนร้ายกลายดี
ร่าย ๕๐/๑๕๘ เมื่อนั้นเจ้าธานินทร์ บุรินทรศักดิ์สี มา ทุกบุราราชอาณาเขต ประเทศ นครสิ งห์สรรค์ ศรีสุพรรณทุกภาย เขาก็ขยายครัวครอก ซอกไปซ่อนไปซุก บุกป่าแดง ป่าดง แล้วก็ลงลักษณ์ข่าวสาร ส่ งอาการเหตุห้าว มาบังคมทูลท้าว ธิราชผู้ผ่านถวัลย์ แลนา ตอนที่ ๔ สมเด็จพระนเรศวรทรงปรารภเรื่องตีเมืองเขมร ๕๑/๑๕๙ โคลง๔ ๏ ปางนั้นนฤเบศเบื้อง บูรพา ภพแฮ เฉลิม พิภพอโยธยา ยิ่งผู้ พระเดชดั่งรามรา- ฆพเข่น เข็ญเฮย ออกอเร นทร์รั่วรู้ เร่งร้าวราญสมร ๕๒/๑๖๐ ๏ ภูธรสถิตท้อง โรงธาร ท่านฤๅ เถลิงภิมุขพิมาน มาศแต้ม มนตรีชุลีกราน กราบแน่น เนืองนา บัดบดีศวรแย้ม โอษฐ์เอื้อนปราศรัย ๕๓/๑๖๑ ๏ ไต่ถาม ถึงทุกข์ถ้อย ทวยชน ต่างสนองเสนอกล แก่ท้าว พระดัดคดีผล ใดเยี่ยง ยุกดิ์นา เย็นอุระฤๅร้าว ราษฎร์ร้อนห่อนมี ๕๔/๑๖๒ โคลง๔ ๏ นฤบดีดำรัสด้วย การยุทธ์ ซึ่งจักยอกัมพุช แผ่นโพ้น พลบกยกเอาอุต- ดมโชค ชัยนา นับดฤษถีนี้โน้น แน่นั้นวันเมือ ๑๕
ผู้จัดทำ นายธนภัทร คงแก้ว เลขที่๒ ม.๕/๓ นายสุรพัศ เพิ่มพูล เลขที่๓ ม.๕/๓ นายทศพล มันเผือก เลขที่๔ ม.๕/๓ นายพศุต รอบโลก เลขที่๑๓ ม.๕/๓ นายณัฐภัทร อำภา เลขที่๑ ม.๕/๓
Search
Read the Text Version
- 1 - 19
Pages: