หลกั กฎหมายแรงงานสมั พนั ธ์ เป็นกฎหมายกาหนดแนวทางวธิ กี ารปฏบิ ตั ติ ่อกนั ระหว่างนายจา้ งกบั ลกู จา้ ง เพอ่ื ใหท้ งั้ สอง ฝ่ายมคี วามเขา้ ใจตรงกนั เกดิ ความรกั สามคั คใี นองค์การทท่ี างานร่วมกนั สามารถทาขอ้ ตกลงเกย่ี วกบั “สภาพการจ้าง” ใน เรอ่ื งสทิ ธิ หน้าท่ี และผลประโยชน์ของแต่ละฝ่าย พรอ้ มทางานร่วมกนั ได้ รวมไปถงึ กาหนดวธิ กี ารแจง้ ขอ้ เรยี กรอ้ ง วธิ กี ารระงบั ขอ้ พพิ าทแรงงาน สามารถเขา้ ถงึ การประสานงานกบั คณะกรรมการแรงงานสมั พนั ธ์ และขนั้ ตอนการระงบั ขอ้ พพิ าทแรงงานให้ ดาเนินไปดว้ ยความสงบสขุ ไมเ่ กดิ ความเสยี หายต่อกจิ การสาคญั ทางเศรษฐกจิ และความมนั่ คงของประเทศ กฎหมายแรงงานสมั พนั ธฉ์ บบั น้ี คอื พระราชบญั ญตั แิ รงงานสมั พนั ธ์ พ.ศ. 2518
กฎหมายแรงงานสมั พนั ธ์ เป็นกฎหมายแรงงานสาขาหน่ึง ท่ใี ช้บงั คบั ในกิจการทวั่ ไปท่มี ีการจ้างแรงงาน วตั ถปุ ระสงคก์ เ็ พ่อื กาหนดแนวทางปฏบิ ตั ติ อ่ กนั ระหวา่ งฝ่ ายนายจ้างกบั ฝ่ ายลูกจ้าง เพ่อื ใหม้ คี วามเขา้ ใจอนั ดตี ่อกนั สามารถตกลงในเร่อื งสทิ ธิหน้าท่ี และผลประโยชน์ในการทางานร่วมกนั ได้ รวมทงั้ กาหนดวธิ ีการระงบั ข้อพพิ าท แรงงานทอ่ี าจเกดิ ขน้ึ ใหย้ ุตลิ งโดยเรว็ ดว้ ยความพอใจของทงั้ สองฝ่าย เพ่อื ให้เกดิ ความสมั พนั ธอ์ ย่างสรา้ งสรรค์ และ ก่อใหเ้ กดิ ความสงบสขุ ในองคก์ ารทท่ี างานรว่ มกนั กฎหมายแรงงานสมั พนั ธท์ ใ่ี ชบ้ งั คบั อยู่ในปัจจุบนั คอื พระราชบญั ญตั ิแรงงานสมั พนั ธ์ พ.ศ. 2518 กฎหมาย ฉบบั น้ีมกี ารแกไ้ ขเพม่ิ เตมิ เพอ่ื ใหท้ นั สมยั อยตู่ ลอดเวลา ดว้ ยการออกเป็นพระราชกฤษฎกี า กฎกระทรวง และประกาศ กระทรวงแรงงานเพมิ่ เตมิ ลักษณะทวั่ ไปของพระราชบญั ญัติแรงงานสมั พนั ธ์ พ.ศ. 2518 ฉบับน้ี จะบญั ญัติไว้เก่ียวกบั สภาพการจ้าง ขอ้ เสนอ ขอ้ ตกลงเก่ียวกบั สภาพการจ้าง วิธีระงบั ขอ้ พพิ าทแรงงาน การปิดงานและนัดหยุดงาน คณะกรรมการ แรงงานสมั พนั ธ์ องคก์ ารฝ่ายนายจ้าง องคก์ ารฝ่ายลูกจ้าง และขอ้ หา้ มการกระทาการใดๆ อนั ไม่เป็นธรรมแก่ลูกจ้าง รวมทงั้ มบี ทกาหนดโทษไวด้ ว้ ย
พระราชบัญญัติแรงงานสมั พนั ธ์ พ.ศ. 2518 ฉบับน้ี มวี ัตถุประสงค์และขอบข่ายใช้บังคบั กบั ผู้ประกอบกิจการทวั่ ไป ทม่ี กี ารใชแ้ รงงานเพ่อื ใหน้ ายจา้ งและลูกจา้ งมคี วามสมั พนั ธท์ ่ดี ตี ่อกนั เพ่อื ป้องกนั ไม่ใหเ้ กดิ ความกระทบกระทงั่ และ ลกุ ลามบานปลาย อนั สง่ ผลกระทบต่อกจิ กรรมทางเศรษฐกจิ เป็นวงกวา้ ง กฎหมายหรอื พระราชบญั ญตั แิ รงงานสมั พนั ธ์ ฉบบั น้ีจงึ มบี ทบาทอยา่ งยง่ิ ระหวา่ งนายจา้ งกบั ลูกจา้ ง อยา่ งไรกต็ าม พระราชบญั ญตั ฉิ บบั น้ีมขี ้อยกเวน้ ไวม้ ใิ หใ้ ชบ้ งั คบั เน่ืองจากหน่วยงานนัน้ มกี ฎหมายใชบ้ งั คบั ไวโ้ ดยเฉพาะเป็นของหน่วยงานนัน้ ๆ อยแู่ ลว้ หน่วยงานดงั กล่าวไดแ้ ก่ ราชการส่วนกลาง คอื กระทรวง ทบวง กรม หรอื หน่วยงานราชการอน่ื ซง่ึ เทยี บเทา่ ราชการส่วนภมู ิภาค คอื จงั หวดั อาเภอ ราชการส่วนท้องถ่ิน คอื องคก์ ารบรหิ ารสว่ นจงั หวดั เทศบาล องคก์ ารบรหิ ารสว่ นตาบล กรงุ เทพมหานคร เมอื งพทั ยา กิจการรฐั วิสาหกิจ ตามกฎหมายวา่ ดว้ ยการแรงงานรฐั วสิ าหกจิ สมั พนั ธ์ กิจการอ่ืนตามท่ีกาหนดในพระราชกฤษฎีกา เช่น การท่าอากาศยานแห่งประเทศไทยธนาคาร แหง่ ประเทศไทย เป็นตน้
สภาพการจ้าง หมายความวา่ เง่อื นไขการจา้ งหรอื การทางาน กาหนดวนั และเวลาการทางาน ค่าจา้ ง สวสั ดกิ าร และการเลกิ จา้ ง หรอื ผลประโยชน์อน่ื ของนายจา้ งหรอื ลกู จา้ ง อนั เกย่ี วกบั การจา้ ง หรอื การทางาน จากความหมาย คาวา่ สภาพการจ้าง หมายถงึ เง่อื นไขการจา้ งระหวา่ งนายจา้ งกบั ลกู จา้ งทม่ี ขี อ้ ตกลงกนั เกดิ ขน้ึ ก่อนทจ่ี ะทางานใหแ้ ก่กนั เม่อื มขี อ้ ตกลงและเขา้ ใจเง่อื นไขในเร่อื งการจา้ งงานทจ่ี ะใหล้ ูกจ้างทาคอื งานเกย่ี วกบั อะไร กาหนดวนั และเวลาทางาน กาหนดค่าจา้ งใหเ้ ป็นรายสปั ดาห์ หรอื รายเดอื น สวสั ดกิ ารต่างๆ ทล่ี ูกจ้างควรไดร้ บั จาก นายจา้ ง และประโยชน์อน่ื ๆ ทน่ี ายจา้ งและลกู จา้ งพงึ มี พงึ ใหต้ ่อกนั และกนั น้ีคอื “สภาพการจา้ ง” ทน่ี ายจา้ งและลกู จา้ ง ไดก้ าหนดขน้ึ และตกลงใชร้ ว่ มกนั ในครงั้ นัน้ ๆ
นายจา้ งหรอื ลูกจา้ งสามารถรวมตวั กนั เพ่อื รกั ษาผลประโยชน์เกย่ี วกบั คา่ จา้ ง ผลประโยชน์ และผลงานทจ่ี ะไดร้ บั มเี สรภี าพในการรวมตวั กบั องค์การเพ่อื รกั ษาผลประโยชน์ของตน หลกั การน้ีเป็นท่ยี อมรบั กนั ทวั่ โลก โดยเฉพาะ องค์การแรงงานระหว่างประเทศ ซ่ึงเรียกกันว่า ILO (International Labour Organization) ได้ตราอนุสัญญา เรอ่ื งเสรภี าพในการรวมตวั กนั เป็นสมาคมและการคมุ้ ครองสทิ ธใิ นการดาเนินการขององคก์ าร โดยกาหนดว่า ลูกจา้ ง และนายจ้างมีสทิ ธิเสรีภาพในการก่อตงั้ และดาเนินการภายในองค์การของตนได้ โดยปราศจากการแทรกแซง หรอื ควบคมุ ของรฐั สาหรบั องค์การฝ่ ายนายจ้าง ทจ่ี ดั ตงั้ ขน้ึ ตามพระราชบญั ญตั แิ รงงานสมั พนั ธ์ พ.ศ. 2518 ได้กาหนดองค์การ ฝ่ายนายจา้ งไวม้ ี 3 ระดบั ไดแ้ ก่
สมาคมนายจ้าง หมายความวา่ “องคก์ ารของนายจา้ ง ทจ่ี ดั ตงั้ ขน้ึ ตามพระราชบญั ญตั แิ รงงานสมั พนั ธ์ พ.ศ. 2518” สมาคมนายจา้ งทจ่ี ดั ตงั้ ขน้ึ ตามพระราชบญั ญตั นิ ้ี จะตอ้ งมวี ตั ถุประสงคเ์ พ่อื การแสวงหาและคุม้ ครองผลประโยชน์ เกย่ี วกบั การจา้ ง และสง่ เสรมิ ความสมั พนั ธอ์ นั ดรี ะหวา่ งนายจา้ งกบั ลูกจา้ ง และระหวา่ งนายจา้ งดว้ ยกนั เอง ผู้มีสิทธิขอจดทะเบียนสมาคมนายจ้าง กฎหมายกาหนดให้นายจ้างท่ปี ระกอบกิจการประเภทเดียวกัน บรรลุนิติภาวะและมสี ญั ชาติไทย จานวนไม่น้อยกว่า 3 คน เป็นผู้เรมิ่ ก่อการ ย่นื คาขอต่อนายทะเบยี นพร้อมด้วย ร่างขอ้ บงั คบั ของสมาคมนายจ้างอย่างน้อย 3 ฉบบั คาขอต้องระบุช่อื อายุ อาชพี หรอื วชิ าชพี และท่อี ยู่ของผู้เร่ิม กอ่ การทกุ คน
อานาจหน้าทข่ี องสมาคมนายจา้ งคอื 1. เรยี กรอ้ งเจรจา ทาความตกลงและรบั ทราบคาชข้ี าด หรอื ทาขอ้ ตกลงกบั สหภาพแรงงานหรอื ลูกจ้างในกจิ การ ของสมาชกิ ได้ 2. จดั การและดาเนินการเพอ่ื ใหส้ มาชกิ ไดร้ บั ประโยชน์ ทงั้ น้ีภายใตบ้ งั คบั ของวตั ถุประสงคข์ องสมาคมนายจา้ ง 3. จดั ใหม้ บี รกิ ารสนเทศเพอ่ื ใหส้ มาชกิ มาตดิ ต่อเกย่ี วกบั การดาเนินธุรกจิ 4. จดั ใหม้ บี รกิ ารใหค้ าปรกึ ษา เพอ่ื แกไ้ ขปัญหาหรอื ขจดั ขอ้ ขดั แยง้ เกย่ี วกบั การบรหิ ารงานและการทางาน 5. จัดให้มีการให้บริการเก่ียวกับการจัดสรรเงนิ หรอื ทรพั ย์สนิ เพ่ือสวัสดกิ ารของสมาชิก หรอื เพ่อื สาธารณประโยชน์ ทงั้ น้ีตามทท่ี ป่ี ระชมุ ใหญ่เหน็ สมควร 6. เรยี กเกบ็ เงนิ คา่ สมาคมเป็นสมาชกิ และเกบ็ คา่ บารงุ ตามอตั ราทก่ี าหนดในขอ้ บงั คบั ของสมาคมนายจา้ ง อานาจหน้าท่ขี องสมาคมนายจ้างดงั กล่าวน้ี กเ็ พ่อื แสวงหาและคุ้มครองผลประโยชน์ เก่ยี วกบั สภาพการจ้าง และสง่ เสรมิ ความสมั พนั ธอ์ นั ดรี ะหวา่ งนายจา้ งกบั ลกู จา้ ง และระหวา่ งนายจา้ งดว้ ยกนั เอง
ไดก้ ลา่ วมาแลว้ วา่ องคก์ ารฝ่ายนายจา้ งระดบั ล่างสดุ คือ สมาคมนายจา้ ง ระดบั สงู ขนึ้ มาอีกระดบั หน่งึ ขององคก์ าร ฝ่ ายนายจา้ ง คือ สหพันธน์ ายจ้าง ดงั ท่ีกฎหมายกาหนดไวว้ ่า “สมาคมนายจา้ งตงั้ แต่ 2 สมาคมขึน้ ไป ท่ีมีสมาชิก ประกอบกิจการประเภทเดียวกัน อาจรวมกันจดทะเบียน จดั ตั้งเป็นสหพันธ์นายจา้ ง เพ่ือส่งเสริมความสมั พันธ์อนั ดี ระหวา่ งสมาคมนายจา้ ง และคมุ้ ครองผลประโยชนข์ องสมาคมนายจา้ งและนายจา้ งได”้ จากหลกั กฎหมาย สมาคมนายจา้ ง สามารถจดั ตงั้ สหพนั ธน์ ายจา้ งได้ โดยมหี ลกั เกณฑด์ งั นี้ มีสมาคมนายจ้าง ท่ีประกอบกิจการประเภทเดียวกันตั้งแต่ 2 สมาคมขึ้นไป เช่น สมาคมผู้ผลิต วิทยุกระจายเสียง และสมาคมผผู้ ลิตวิทยุกระจายเสียงและวิทยุโทรทัศน์ รวม 2 สมาคม และประกอบกิจการอาชีพ เดียวกนั รวมกันเพอื่ ขอจดทะเบยี นกับนายทะเบยี นจดั ตงั้ เป็นสหพนั ธน์ ายจา้ ง
มีวตั ถปุ ระสงค์ของสหพนั ธ์นายจ้าง เพ่อื ส่งเสริมความสมั พนั ธ์อนั ดรี ะหว่างสมาคมนายจ้าง คุ้มครอง ผลประโยชน์ของสมาคมนายจา้ งและกจิ กรรมของนายจา้ งดว้ ยกนั เทา่ นนั้ จะตงั้ เพอ่ื มวี ตั ถปุ ระสงค์อ่นื มไิ ด้ เมื่อทาการจดทะเบียนถกู ต้องแล้ว ใหส้ หพนั ธน์ ายจา้ งมฐี านะเป็นนิตบิ คุ คล สมาชิกของสหพนั ธน์ ายจ้าง คอื สมาคมนายจา้ งอยา่ งน้อยตงั้ แต่ 2 สมาคมขน้ึ ไป ดงั นัน้ สมาคมนายจา้ งใน ฐานะเป็นสมาชกิ ของสหพนั ธ์นายจ้าง จงึ มสี ทิ ธสิ ง่ ผแู้ ทนเขา้ รว่ มประชุมและดาเนินการของสหพนั ธ์นายจ้างได้ ตาม จานวนทก่ี าหนดไวใ้ นขอ้ บงั คบั ของสหพนั ธ์นายจ้าง ผดู้ าเนินกิจการของสหพนั ธน์ ายจ้างก็ไดแ้ ก่ ผแู้ ทนของสมาคม นายจา้ งนัน่ เอง รวมทงั้ คณะกรรมการสหพนั ธน์ ายจา้ งกจ็ ะเลอื กตงั้ มาจากผแู้ ทนของสมาคมนายจา้ งนัน้ การจดั ตงั้ การจดทะเบยี น การดาเนินการ มหี ลกั เกณฑเ์ ชน่ เดยี วกนั กบั สมาคมนายจา้ ง
องคก์ ารฝ่ายนายจา้ งอกี ระดบั หน่ึง ซง่ึ เป็นระดบั สงู สดุ คอื สภาองคก์ ารนายจ้าง กฎหมายกาหนดไว้ ดงั น้ี สมาคมนายจ้าง หรอื สหพนั ธ์นายจ้างไม่น้อยกว่า 5 แห่ง อาจจัดตงั้ สภาองค์การนายจ้าง เพ่อื ส่งเสรมิ สภา การศกึ ษาและสง่ เสรมิ การแรงงานสมั พนั ธไ์ ด้ สภาองคก์ ารนายจา้ งตอ้ งมขี อ้ บงั คบั และตอ้ งจดทะเบยี นต่อนายทะเบยี น เม่อื ไดท้ ะเบยี นแลว้ ใหส้ ภาองคก์ ารนายจา้ งเป็นนิตบิ คุ คล จากหลกั กฎหมาย สภาองคก์ ารนายจา้ งจงึ เป็นองคก์ ารสงู สดุ ของนายจา้ ง การตงั้ สภาองคก์ ารนายจา้ ง อาจตงั้ ได้ 2 กรณี คอื สมาคมนายจา้ งไม่น้อยกว่า 5 แห่ง ร่วมกนั จดั ตงั้ หรอื สหพนั ธ์นายจ้างไม่น้อยกว่า 5 แห่ง รว่ มกนั จดั ตงั้ เชน่ เดยี วกนั ดว้ ยการจดั ทาขอ้ บงั คบั ของสภาองคก์ ารนายจา้ ง แล้วนาไปจดทะเบยี นต่อนายทะเบยี น เม่ือจดทะเบยี น แลว้ สภาองคก์ ารนายจา้ งกม็ ฐี านะเป็นนิตบิ คุ คล
วตั ถุประสงค์ของสภาองค์การนายจ้างก็เพ่อื ส่งเสริมการศึกษา และส่งเสรมิ การแรงงาน สมั พนั ธ์เท่านัน้ คือ ให้การศึกษาให้ความรู้เก่ียวกบั สมาคมนายจ้าง สหพนั ธ์นายจ้าง และส่งเสรมิ ให้องค์การ ฝ่ ายนายจ้างทุกระดบั มคี วามพรอ้ ม มคี วามสมบูรณ์ต่อการปฏบิ ตั งิ าน และมกี ารร่วมงานกบั องคก์ ารฝ่ ายลูกจา้ งได้เป็นอย่างดี การจดั ตงั้ การจดทะเบยี น การดาเนินการ ตลอดจนการควบคมุ สภาองคก์ ารนายจา้ ง มหี ลกั เกณฑเ์ ช่นเดยี วกบั สมาคมนายจา้ ง และสหพนั ธน์ ายจา้ ง
สรปุ องคก์ ารฝ่ ายนายจ้าง
องคก์ ารฝ่ ายลูกจ้างทล่ี ูกจ้างสามารถจดั ตงั้ ได้ตามกฎหมายแรงงานสมั พนั ธ์ ฉบบั น้ีมี 3 ระดบั ทานองเดยี วกบั องคก์ ารฝ่ายนายจา้ ง ไดแ้ ก่
สหภาพแรงงาน คอื องค์การฝ่ ายลูกจ้างระดบั ล่างสุด ทล่ี ูกจ้างตงั้ ขน้ึ ตามพระราชบญั ญตั ิ แรงงานสมั พนั ธ์ พ.ศ. 2518 วตั ถุประสงค์ของการจัดตัง้ สหภาพแรงงาน ก็เพ่ือแสวงหา และคุ้มครองผลประโยชน์เก่ียวกับสภาพการจ้าง และสง่ เสรมิ ความสมั พนั ธอ์ นั ดรี ะหวา่ งนายจา้ งกบั ลกู จา้ งและระหวา่ งลูกจา้ งดว้ ยกนั เอง หลกั กฎหมายการจดั ตงั้ สหภาพแรงงาน ซง่ึ เป็นองคก์ ารฝ่ายลกู จา้ งขนั้ ตน้ หรอื ล่างสดุ มดี งั น้ี 1. ผมู้ สี ทิ ธจิ ดั ตงั้ สหภาพแรงงาน ต้องเป็นลูกจา้ งของนายจา้ งคนเดยี วกนั มจี านวนไม่น้อยกว่า 10 คน หรอื เป็น ลกู จา้ งซง่ึ ทางานประเภทเดยี วกนั มจี านวนไมน่ ้อยกวา่ 10 คน โดยไมค่ านึงวา่ จะมนี ายจา้ งกค่ี น
2. สหภาพแรงงานต้องมีวตั ถุประสงค์เพ่ือการแสวงหาและคุ้มครองผลประโยชน์ เก่ียวกับสภาพการจ้าง และสง่ เสรมิ ความสมั พนั ธอ์ นั ดรี ะหวา่ งนายจา้ งกบั ลกู จา้ งและระหวา่ งลกู จา้ งดว้ ยกนั 3. สหภาพแรงงานตอ้ งมขี อ้ บงั คบั และจดทะเบยี นต่อนายทะเบยี น เม่อื ไดจ้ ดทะเบยี นแลว้ ใหส้ หภาพแรงงานเป็น นิตบิ คุ คล 4. ขอ้ บงั คบั ของสหภาพแรงงานอยา่ งน้อยตอ้ งมขี อ้ ความดงั ตอ่ ไปน้ี 4.1ชอ่ื สหภาพแรงงาน เชน่ สหภาพแรงงานทอผา้ ไทย 4.2วตั ถุประสงคข์ องสหภาพแรงงาน คอื การแสวงหาและคมุ้ ครองผลประโยชน์เก่ยี วกบั สภาพการจ้างอย่างไร และสง่ เสรมิ ความสมั พนั ธอ์ นั ดรี ะหวา่ งนายจา้ งกบั ลกู จา้ งและระหวา่ งลูกจา้ งดว้ ยกนั เองอยา่ งไร 4.3ทต่ี งั้ สานักงานสหภาพแรงงาน 4.4วธิ รี บั สมาชกิ และการขาดจากสมาชกิ ภาพ 4.5อตั ราเกบ็ คา่ สมคั ร คา่ บารงุ และวธิ กี ารชาระเงนิ 4.6ขอ้ กาหนดเกย่ี วกบั สทิ ธแิ ละหน้าทข่ี องสมาชกิ 4.7ข้อกาหนดเก่ียวกบั การจัดการ การใช้จ่าย การเก็บรกั ษาเงินและทรพั ย์สินอ่ืน ตลอดจนการทาบญั ชี และตรวจบญั ชี 4.8ขอ้ กาหนดเกย่ี วกบั วธิ กี ารพจิ ารณาในการนดั หยดุ งาน และวธิ กี ารอนุมตั ขิ อ้ ตกลงเกย่ี วกบั สภาพการจา้ ง 4.9 ขอ้ กาหนดเกย่ี วกบั การประชมุ ใหญ่ 4.10 ขอ้ กาหนดเกย่ี วกบั จานวนกรรมการ การเลอื กตงั้ กรรมการ วาระของการเป็นกรรมการ การพน้ จาก ตาแหน่งของกรรมการ และการประชมุ ของคณะกรรมการ
5. เพอ่ื ประโยชน์ของสมาชกิ สหภาพแรงงาน ใหส้ หภาพแรงงานมอี านาจหน้าท่ดี งั น้ี 5.1เรยี กรอ้ ง เจรจา ทาความตกลง และรบั ทราบคาชข้ี าด หรอื ทาขอ้ ตกลงกบั นายจ้างหรอื สมาคมนายจ้างใน กจิ การของสมาชกิ ได้ 5.2จดั การและดาเนินการเพอ่ื ใหส้ มาชกิ ไดร้ บั ผลประโยชน์ ทงั้ น้ี ภายใตบ้ งั คบั ของวตั ถปุ ระสงคข์ องสหภาพแรงงาน 5.3จดั ใหม้ กี ารบรกิ ารสารสนเทศเพอ่ื ใหส้ มาชกิ มาตดิ ตอ่ เกย่ี วกบั การจดั หางาน 5.4จดั ใหม้ กี ารบรกิ ารการใหค้ าปรกึ ษาเพ่อื แกไ้ ขปัญหา หรอื ขจดั ขอ้ ขดั แยง้ เกย่ี วกบั การบรหิ ารงานและการทางาน 5.5จดั ใหม้ กี ารบรกิ ารเกย่ี วกบั การจดั สรรเงนิ หรอื ทรพั ยส์ นิ เพ่อื สวสั ดกิ ารของสมาชกิ หรอื เพ่อื สาธารณประโยชน์ ทงั้ น้ี ตามทท่ี ป่ี ระชมุ ใหญเ่ หน็ สมควร 5.6เรยี กเกบ็ เงนิ คา่ สมคั รเป็นสมาชกิ และเงนิ คา่ บารงุ ตามอตั ราทก่ี าหนดในขอ้ บงั คบั ของสหภาพแรงงาน 6. ให้สหภาพแรงงานมีคณะกรรมการเป็ นผู้ดาเนิ นกิจการ และเป็ นผู้แทนของสหภาพแรงงาน ในกิจกรรมท่ีเก่ียวกับบุคคลภายนอก คณะกรรมการสหภาพแรงงานอาจตัง้ อนุกรรมการเพ่ือปฏิบัติตามท่ี มอบหมายได้ กรรมการหรืออนุกรรมการต้องมีคุณสมบัติ คือ สมาชิกสหภาพแรงงานนั้นๆ มีสญั ชาติไทย โดยการเกดิ (มใิ ชจ่ ากการแปลงสญั ชาต)ิ และตอ้ งมอี ายไุ มต่ ่ากวา่ 20 ปี
สหพนั ธ์แรงงาน เป็นองค์การของลูกจ้าง สูงข้นึ มาอีกระดบั หน่ึง จากระดบั สหภาพแรงงาน ลกั ษณะการเป็นสมาชิก และการดาเนินงานของสหพนั ธแ์ รงงานคลา้ ยกบั สหพนั ธน์ ายจา้ ง (กลุ่มขององคก์ ารฝ่ายนายจ้าง) ตามทก่ี ล่าวมาแลว้ วตั ถุประสงคข์ องการตงั้ สหพนั ธ์แรงงานในกลุ่มองค์การฝ่ ายลูกจ้าง ก็เพ่อื สง่ เสรมิ ความสมั พนั ธ์อนั ดีระหว่างสหภาพแรงงาน และคมุ้ ครองผลประโยชน์ของสหภาพแรงงาน และลกู จา้ ง ตามทก่ี ฎหมายกาหนดไวด้ งั น้ี 1. สหภาพแรงงานตงั้ แต่ 2 สหภาพแรงงานขน้ึ ไป และแต่ละสหภาพแรงงานมสี มาชกิ เป็นลูกจ้างของนายจ้างคน เดยี วกนั ไมว่ า่ จะเป็นลูกจา้ งทางานประเภทเดยี วกนั หรอื ไม่ หรอื อาจมลี ูกจา้ งซง่ึ ทางานในกจิ การประเภทเดยี วกนั ไม่ วา่ จะเป็นลูกจา้ งของนายจา้ งคนเดยี วกนั หรอื ไมอ่ าจรวมกนั จดทะเบยี นจดั ตงั้ เป็นสหพนั ธแ์ รงงานได้ 2. วตั ถุประสงค์ของสหพนั ธ์แรงงาน เพ่ือส่งเสริมความสมั พันธ์อันดรี ะหว่างสหภาพแรงงาน และคุ้มครอง ผลประโยชน์ของสหภาพแรงงานและลกู จา้ ง
3. เม่อื จดทะเบยี นต่อนายทะเบยี นถูกตอ้ งแลว้ ใหส้ หพนั ธแ์ รงงานมฐี านะเป็นนิตบิ คุ คล 4. สหพนั ธแ์ รงงานมสี มาชกิ ประกอบดว้ ย สหภาพแรงงานตงั้ แต่ 2 สหภาพขน้ึ ไป ดงั นัน้ สหภาพแรงงานซ่งึ เป็น สมาชกิ สหพนั ธ์แรงงานจงึ มสี ทิ ธิส่งผูแ้ ทนของตนเขา้ ร่วมประชุม และดาเนินในกจิ การของสหพนั ธ์แรงงานได้ตาม จานวนท่กี าหนดไว้ในข้อบงั คบั ว่าดว้ ยวธิ ีการจดั การสหพนั ธ์แรงงาน ผู้ดาเนินกิจการของสหพนั ธ์แรงงานก็ไดแ้ ก่ ผแู้ ทนของสหพนั ธ์แรงงานนัน่ เอง รวมทงั้ คณะกรรมการสหพนั ธ์แรงงานกจ็ ะเลอื กตงั้ จากผแู้ ทนของสหพนั ธแ์ รงงาน ซง่ึ เป็นสมาชกิ ของสหภาพแรงงานนัน้ 5. การจดั ตงั้ การจดทะเบยี น การดาเนินกจิ การ มหี ลกั เกณฑเ์ ชน่ เดยี วกนั กบั สหภาพแรงงาน
ระดบั สงู ขององคก์ ารฝ่ายลูกจา้ ง คอื สภาองคก์ ารลูกจ้าง กฎหมายกาหนดไวด้ งั น้ี สหภาพแรงงานหรอื สหพนั ธ์แรงงานไม่น้อยกว่า 15 แห่ง อาจจดั ตงั้ สภาองคก์ ารลูกจ้าง เพ่อื สง่ เสรมิ การศกึ ษา และส่งเสรมิ การแรงงานสมั พนั ธ์ให้แก่สหภาพแรงงาน และสหพนั ธ์แรงงาน สภาองค์การลูกจ้างต้องมีข้อบงั คบั และจดทะเบยี นตอ่ นายทะเบยี น เมอ่ื จดทะเบยี นแลว้ ใหส้ ภาองคก์ ารลูกจา้ งเป็นนิตบิ คุ คล จากหลักกฎหมายข้างต้น การจัดตัง้ สภาองค์การลูกจ้างอันเป็ นองค์การสูงสุดขององค์การฝ่ ายลูกจ้ าง อาจจดั ตงั้ มาจากองคก์ ารลกู จา้ ง 2 ทาง คอื จดั ตงั้ โดยสหภาพแรงงาน หรอื จดั ตงั้ โดยสหพนั ธแ์ รงงานก็ได้ มขี อ้ แมว้ ่า แต่ละองค์การต้องมจี านวนสหภาพแรงงาน หรอื สหพนั ธ์แรงงาน ไม่น้อยกว่า 15 แห่ง ด้วยการจัดทาข้อบังคับ ของสภาองคก์ ารลูกจา้ ง แล้วนาไปจดทะเบยี นต่อนายทะเบยี น เม่อื จดทะเบยี นถูกต้องแล้ว สภาองคก์ ารลูกจ้างก็มี ฐานะเป็นนิตบิ คุ คล ผทู้ เ่ี ป็นสมาชกิ ของสภาองคก์ ารลูกจา้ ง กค็ อื สหภาพแรงงานหรอื สหพนั ธ์แรงงาน จานวนไมน่ ้อยกว่า 15 แห่ง เทา่ นนั้ ลูกจา้ งอ่นื หรอื นิตบิ คุ คลอน่ื จะมาเป็นสมาชกิ ของสภาองคก์ ารลกู จา้ งมไิ ด้
วตั ถุประสงค์ของสภาองคก์ ารลูกจา้ งคลา้ ยกบั วตั ถุประสงคข์ องสภาองคก์ ารนายจ้าง คอื เพ่อื สง่ เสรมิ การศกึ ษา และสง่ เสรมิ การแรงงานสมั พนั ธเ์ ท่านัน้ ดว้ ยการใหค้ วามรแู้ ก่สหภาพแรงงาน และสหพนั ธ์แรงงาน พรอ้ มสง่ เสรมิ ให้ องคก์ ารฝ่ายลกู จา้ งทกุ ระดบั มคี วามรสู้ มบรู ณ์ในการปฏบิ ตั งิ าน และประสานงานกบั องคก์ ารฝ่ายนายจา้ งไดอ้ ยา่ งดี สว่ นการจดั ตงั้ การจดทะเบยี น การดาเนินการ ตลอดจนการควบคมุ องคก์ ารลูกจ้าง ยดึ หลกั เกณฑเ์ ช่นเดยี วกนั กบั สหภาพแรงงานและสหพนั ธแ์ รงงาน
สรปุ องคก์ ารฝ่ ายลูกจ้าง
สภาพการจ้าง ทใ่ี ชบ้ งั คบั ระหว่างนายจา้ งกบั ลูกจา้ งนัน้ เป็นขอ้ ตกลงต่อกนั เม่อื ฝ่ ายใดฝ่ายหน่ึงประสงค์จะให้มี การเปลย่ี นแปลงตามระยะเวลา หรอื สถานการณ์ ทงั้ นายจา้ งและลูกจา้ งต่างกม็ สี ทิ ธทิ จ่ี ะบอกกล่าว หรอื เรยี กรอ้ งต่อ กนั เพ่อื ขอใหม้ กี ารเปลย่ี นแปลงหรอื แกไ้ ขเพม่ิ เตมิ ขอ้ ตกลงเกย่ี วกบั สภาพการจา้ งนัน้ ได้ การแจ้งข้อเรียกร้องเกี่ยวกบั สภาพการจ้างมี 2 ประการ ไดแ้ ก่ 1. เรยี กรอ้ งการ “กาหนด” ขอ้ ตกลงเกย่ี วกบั สภาพการจา้ ง หมายถงึ จากเดมิ ทไ่ี ม่มขี อ้ ตกลงเกย่ี วกบั สภาพการ จา้ งแลว้ ทาใหม้ ขี น้ึ มา 2. เรยี กรอ้ งให้ “แก้ไขเพ่ิมเติม” ขอ้ ตกลงเกย่ี วกบั สภาพการจา้ ง หมายถงึ จากเดมิ มขี อ้ ตกลงอยแู่ ลว้ แต่ตอ้ งการ เปลย่ี นแปลงสาระของขอ้ ตกลง ทงั้ 2 ขอ้ ผเู้ รยี กรอ้ งจะตอ้ งทาขอ้ ตกลงเกย่ี วกบั สภาพการจา้ งเป็นหนงั สอื ใหอ้ กี ฝ่ายทราบเสมอ
นายจ้างเป็ นฝ่ ายแจ้งข้อเรียกร้อง นายจ้างต้องทาเป็นหนังสอื หรอื ทาเป็นประกาศแจ้งต่อลูกจ้างทุกคน โดยระบุช่อื ตนเอง หรอื ตงั้ ผู้แทนเขา้ เจรจาแทนก็ได้ ถ้านายจ้างตงั้ ตวั แทนเขา้ เจรจา ผูแ้ ทนของนายจ้างต้องเป็น กรรมการหรือผู้ถือหุ้น หรือเป็ นหุ้นส่วน หรือเป็ นลูกจ้างประจาของนายจ้าง หรือกรรมการสมาคมนายจ้าง หรอื กรรมการสหพนั ธน์ ายจา้ งกไ็ ด้ และมจี านวนไมเ่ กนิ 7 คน หรอื จะปิดประกาศแจง้ ใหล้ ูกจา้ งทราบทวั่ กนั ในทท่ี างาน กถ็ อื วา่ เป็นการแจง้ ขอ้ เรยี กรอ้ งใหล้ กู จา้ งทราบตามกฎหมายแลว้ ลกู จ้างเป็นฝ่ ายแจ้งขอ้ เรียกร้อง ขอ้ เรยี กรอ้ งนนั้ ตอ้ งมรี ายชอ่ื และลายมอื ช่อื ของลูกจ้าง ซง่ึ เกย่ี วขอ้ งกบั การ เรยี กรอ้ งไมน่ ้อยกว่ารอ้ ยละ 15 ของลูกจา้ งทงั้ หมด ถ้าลูกจา้ งแต่งตงั้ ตวั แทนหรอื ผแู้ ทนเขา้ เจรจา ใหร้ ะบชุ ่อื ผแู้ ทนท่ี เขา้ รว่ มเจรจามจี านวนไมเ่ กนิ 7 คน พรอ้ มรายละเอยี ดขอ้ เรยี กรอ้ งทเ่ี กย่ี วขอ้ งดว้ ย
คาพิพากษาศาลฎีกาท่ี 14926/2558 การย่นื ข้อเรียกร้องของสหภาพแรงงานจานวนสมาชิกซ่ึงเป็นลูกจ้าง จะต้องมอี ยู่ครบจานวนทก่ี ฎหมายกาหนด หาใช่มอี ยูค่ รบจานวนเฉพาะในวนั ย่นื ขอ้ เรยี กร้องไม่ การทล่ี ูกจ้างระดบั บงั คบั บญั ชาลาออกจากการเป็นสมาชกิ ของสหภาพแรงงาน ทาให้จานวนลูกจ้างระดบั บงั คบั บญั ชาท่เี ป็ นสมาชกิ มไี ม่ถงึ หน่ึงในห้าตามกฎหมายก่อนท่คี ณะกรรมการแรงงานสมั พนั ธ์จะวนิ ิจฉยั ขอ้ พพิ าทแรงงานเสรจ็ สน้ิ ขอ้ พพิ าท แรงงานดงั กลา่ วจงึ สน้ิ สภาพลงนับแต่วนั ทส่ี มาชกิ ของโจทกไ์ มค่ รบจานวนตามกฎหมาย คาพิพากษาศาลฎีกาท่ี 15347/2558 พระราชบัญญัติแรงงานสมั พนั ธ์ พ.ศ. 2518 มาตรา 13 วรรคสามบญั ญัติว่า “ในกรณีท่ลี ูกจ้างเป็นผู้แจ้งข้อเรียกร้อง ข้อเรียกร้องนัน้ ต้องมรี ายช่อื และลายมือช่อื ของ ลูกจ้างซ่ึงเก่ียวข้องกับ ข้อเรียกร้องไม่น้อยกว่าร้อยละสบิ ห้าของลูกจ้างทงั้ หมด ซ่ึงเก่ียวข้องกับข้อเรยี กร้องนัน้ ... ” แม้ผู้กล่าวหาท่ี 2 และท่ี 15 ถงึ ท่ี 18 จะมไิ ดร้ ว่ มลงลายมอื ช่อื ในขอ้ เรยี กรอ้ งมาตงั้ แต่ตน้ แต่กระบวนการเจรจาต่อรองตามบทบญั ญตั ิ ของกฎหมายยงั ไม่เสรจ็ สน้ิ ทงั้ เม่อื ไม่มบี ทบญั ญตั กิ ฎหมายใดห้ามมใิ ห้ลูกจ้างลงลายมอื ช่อื ในขอ้ เรยี กร้องเพม่ิ เตมิ การท่ผี ู้กล่าวหาท่ี 2 และท่ี 15 ถึงท่ี 18 ลงลายมือช่อื ในข้อเรียกร้องเพม่ิ เติมในระหว่างกระบวนการใช้สทิ ธิตาม กฎหมายดงั กล่าวนัน้ จงึ ถือว่าผู้กล่าวหาท่ี 2 และท่ี 15 ถึงท่ี 18 เป็นผู้ลงลายมอื ช่อื ในขอ้ เรยี กร้องดว้ ยแล้ว เม่อื ผู้ กลา่ วหาท่ี 2 และท่ี 15 ถงึ ท่ี 18 เป็นผเู้ กย่ี วขอ้ งกบั ขอ้ เรยี กรอ้ งจงึ รว่ มนดั หยดุ งานตามสทิ ธทิ ก่ี ฎหมายบญั ญตั ริ บั รองไว้ ได้ ไมอ่ าจถอื ไดว้ า่ เป็นการผละงานหรอื ละทง้ิ หน้าทต่ี ามทโ่ี จทกก์ ลา่ วอา้ ง
เม่อื ฝ่ายหน่ึงแจง้ ขอ้ เรยี กรอ้ งตอ่ อกี ฝ่ายหน่ึงแลว้ ฝ่ายทร่ี บั ขอ้ เรยี กรอ้ งตอ้ งแจง้ ช่อื ตนเองหรอื ผแู้ ทนเป็นหนงั สอื ให้ อกี ฝ่ายทแ่ี จง้ ขอ้ เรยี กรอ้ งทราบโดยมชิ กั ชา้ และใหท้ งั้ สองฝ่ายเจรจากนั ภายใน 3 วนั นบั แตว่ นั ทไ่ี ดร้ บั ขอ้ เรยี กรอ้ ง ฝ่ายทแ่ี จง้ ขอ้ เรยี กรอ้ งตอ้ งมรี ายช่อื ผเู้ ขา้ รว่ มเจรจา พรอ้ มขอ้ เรยี กรอ้ ง หรอื แจ้งภายหลงั การเจรจากไ็ ด้ แต่ฝ่ายท่ี รบั ขอ้ เรยี กรอ้ งตอ้ งรบี แจง้ รายช่อื ผรู้ ว่ มเจรจาเม่อื ไดร้ บั ขอ้ เรยี กรอ้ งโดยผรู้ ว่ มเจรจา มฝี ่ายละไมเ่ กนิ 7 คน การเจรจา ทงั้ สองฝ่ายสามารถตกลงกนั ได้ เกย่ี วกบั ขอ้ เรยี กรอ้ ง หรอื เกย่ี วกบั การกาหนดขอ้ ตกลง หรอื การแกไ้ ข เพม่ิ เตมิ ขอ้ ตกลงเก่ยี วกบั สภาพการจ้าง แล้วทาข้อตกลงนัน้ เป็นหนังสอื ลงลายมอื ช่อื นายจ้างหรือผู้แทนนายจ้าง และผแู้ ทนลูกจ้างหรอื กรรมการของสหภาพแรงงาน แล้วแต่กรณีไว้ในขอ้ ตกลงนัน้ แล้วใหน้ ายจ้างทาเป็ นประกาศ ขอ้ ตกลงเก่ียวกบั สภาพการจ้าง ไว้ในที่เปิ ดเผย ณ สถานทท่ี ล่ี ูกจา้ งเกย่ี วขอ้ งกบั การเรยี กรอ้ งทางานอยู่ เป็นเวลา อย่างน้อย 30 วนั และใหม้ กี ารประกาศขอ้ ตกลงน้ีภายใน 3 วนั นับตงั้ แต่วนั ทม่ี ขี อ้ ตกลงกนั ข้อตกลงน้ีใหน้ ายจ้าง นาไปจดทะเบยี นตอ่ อธบิ ดกี รมสวสั ดกิ ารและคมุ้ ครอง ภายใน 15 วนั นบั ตงั้ แตว่ นั ทไ่ี ดม้ กี ารตกลงกนั
ผลแหง่ ขอ้ ตกลง ผลแหง่ ขอ้ ตกลงเกย่ี วกบั สภาพการจา้ ง ใหม้ ผี ลผกู พนั นายจ้างและลูกจ้าง ซ่งึ ลงลายมอื ช่อื ในขอ้ เรยี กรอ้ งนนั้ ตลอดจนลกู จา้ ง ซง่ึ มสี ว่ นในการเลอื กตงั้ ผแู้ ทนเป็นผรู้ ว่ มการเจรจา และมผี ลผกู พนั นายจา้ ง ซง่ึ ทางานใน กิจการประเภทเดียวกันนัน้ ทุกคน เม่ือผลข้อตกลงเก่ียวกับสภาพการจ้างมีผลใช้บังคบั แล้ว ห้ามมิให้นายจ้าง ดาเนินการเร่อื งสญั ญาจา้ งแรงงานขดั หรอื แยง้ กบั ขอ้ ตกลง เกย่ี วกบั สภาพการจ้าง เวน้ แต่สญั ญาจา้ งนัน้ จะเป็นคุณแก่ ลกู จา้ งยง่ิ กวา่ นัน้ คอื เน้นทผ่ี ลประโยชน์ ซง่ึ ลกู จา้ งควรไดร้ บั จากนายจา้ ง จะใหล้ กู จา้ งเสยี เปรยี บมไิ ด้ ในกรณที ม่ี กี ารแจง้ ขอ้ เรยี กรอ้ งเกย่ี วกบั สภาพการจา้ ง แลว้ ทงั้ สองฝ่ายไมส่ ามารถตกลงกนั ได้ หรอื ไม่มกี ารเจรจา ตามข้อเรยี กร้อง หรอื มกี ารเจรจากนั แล้ว ตกลงกนั ไม่ได้ กรณีเช่นน้ีให้ถอื ว่า มีข้อพิพาทแรงงานเกิดขึ้น จะต้อง ดาเนินกระบวนการวธิ เี รอ่ื งขอ้ พพิ าทแรงงานต่อไป
เม่อื มขี อ้ พพิ าทเกย่ี วขอ้ งกบั แรงงานเกดิ ขน้ึ นอกจากคกู่ รณี คอื ฝ่ายนายจ้างและฝ่ายลูกจ้างรว่ มเจรจาระงบั ขอ้ พพิ าทกนั แลว้ ยงั มอี งคก์ รผู้เกย่ี วขอ้ งกบั ขอ้ พพิ าทแรงงานทจ่ี ะเขา้ มารว่ มเจรจาใหข้ อ้ พพิ าทแรงงานยุติ และมคี วาม เป็นธรรมเกิดข้นึ องค์กรท่เี ก่ยี วขอ้ งโดยกฎหมายประกอบด้วย คณะกรรมการลูกจ้าง,พนักงานประนอมขอ้ พพิ าท แรงงาน, ผชู้ ข้ี าดขอ้ พพิ าทแรงงาน และคณะกรรมการแรงงานสมั พนั ธ์
คณะกรรมการลูกจ้าง เป็นกรณีทส่ี ถานประกอบกจิ การมลี ูกจา้ งจานวนมากกว่า 50 คนขน้ึ ไป เป็นสทิ ธิของ ลูกจ้างในสหภาพแรงงานจะจดั ตงั้ คณะกรรมการลูกจ้างไดต้ ามจานวนท่กี ฎหมายกาหนด คณะกรรมการลูกจ้างน้ี กฎหมายมไิ ดบ้ งั คบั ว่าต้องมกี ารจดั ตงั้ จะมจี ะตงั้ หรอื ไม่ก็ได้ และการท่กี ฎหมายกาหนดใหม้ คี ณะกรรมการลูกจ้าง ทาเพ่อื มงุ่ หวงั ใหเ้ กคิ วามเป็นธรรมขน้ึ ระหวา่ งนายจา้ งกบั ลูกจา้ ง หน้าท่ีโดยทวั่ ไปของคณะกรรมการลูกจ้าง คอื ประชุมกบั นายจ้างอย่างน้อย 3 เดือนต่อ 1 ครงั้ หรอื เม่อื กรรมการลูกจา้ งเกนิ กง่ึ หน่ึงของคณะกรรมการลูกจา้ งทงั้ หมดหรอื สหภาพแรงงานรอ้ งขอนายจา้ ง โดยมเี หตุผลสมควรเพอ่ื 1. จดั สวสั ดกิ ารแก่ลูกจา้ ง 2. ปรกึ ษาหารอื เพอ่ื กาหนดขอ้ บงั คบั ในการทางานอนั จะเป็นประโยชน์ตอ่ นายจา้ งและลูกจา้ ง ขอ้ น้ีมสี ว่ นดี เพราะ เป็นการสรา้ งใหล้ ูกจา้ งเกดิ ความรสู้ กึ วา่ ไดม้ สี ว่ นรว่ มในการปรกึ ษาหารอื มสี ว่ นรว่ มในการจดั การกบั ฝ่ายนายจ้าง เกดิ ความรสู้ กึ ภมู ใิ จวา่ นายจา้ งและลูกจา้ งมคี วามเทา่ เทยี มกนั 3. พจิ ารณาคารอ้ งทกุ ขข์ องลกู จา้ ง 4. หาทางปรองดองและระงบั ขอ้ ขดั แยง้ ในสถานประกอบกจิ การ 5. กรณคี ณะกรรมการลกู จา้ งเหน็ วา่ นายจา้ งจะทาใหล้ ูกจา้ งไมไ่ ดร้ บั ความเป็นธรรม หรอื ไดร้ บั ความเดอื ดรอ้ นเกนิ สมควร คณะกรรมการลูกจา้ ง ลกู จา้ งหรอื สหภาพแรงงานมสี ทิ ธริ อ้ งขอใหศ้ าลแรงงานพจิ ารณาวนิ ิจฉยั ได้
หลกั กฎหมายเกย่ี วกบั คณะกรรมการลกู จา้ งในสถานประกอบกจิ การจะตอ้ งมจี านวนสมั พนั ธ์กนั กบั จานวนลูกจ้าง ในสถานประกอบกจิ การนัน้ และลูกจ้างท่ีเป็ นสมาชิกสหภาพแรงงานของสถานประกอบกิจการนัน้ จะเป็นผู้ ไดร้ บั การแตง่ ตงั้ เป็นกรรมการก่อนลูกจา้ งทไ่ี มไ่ ดเ้ ป็นสมาชกิ สหภาพแรงงาน ซง่ึ กฎหมายกาหนดไวด้ งั น้ี คณะกรรมการลกู จ้าง มีจานวนดงั ต่อไปนี้ 1. จานวน 5 คน สาหรบั สถานประกอบกจิ การทม่ี ลี กู จา้ งตงั้ แต่ 50 คนขน้ึ ไป แตไ่ มเ่ กนิ 100 คน 2. จานวน 7 คน สาหรบั สถานประกอบกจิ การทม่ี ลี ูกจา้ งเกนิ 100 คน แตไ่ มเ่ กนิ 200 คน 3. จานวน 9 คน สาหรบั สถานประกอบกจิ การทม่ี ลี ูกจา้ งเกนิ 200 คน แตไ่ มเ่ กนิ 400 คน 4. จานวน 11 คน สาหรบั สถานประกอบกจิ การทม่ี ลี กู จา้ งเกนิ 400 คน แตไ่ มเ่ กนิ 800 คน 5. จานวน 13 คน สาหรบั สถานประกอบกจิ การทม่ี ลี ูกจา้ งเกนิ 800 คน แตไ่ มเ่ กนิ 1,500 คน 6. จานวน 15 คน สาหรบั สถานประกอบกจิ การทม่ี ลี ูกจา้ งเกนิ 1,500 คน แตไ่ มเ่ กนิ 2,500 คน 7. จานวน 17 ถงึ 21 คน สาหรบั สถานประกอบกจิ การทม่ี ลี กู จา้ งเกนิ 2,500 คน
จานวนคณะกรรมการลกู จา้ งในขอ้ 1 ถงึ ขอ้ 7 ลูกจา้ งทเ่ี ป็นกรรมการลูกจ้างจะมีตามทก่ี ฎหมายกาหนดไว้ แต่ถา้ สถานประกอบกจิ การนัน้ มีสหภาพแรงงาน ต้องใหล้ ูกจา้ งทเ่ี ป็นสมาชิกสหภาพแรงงานของสถานประกอบกิจการ นัน้ ไดเ้ ป็นคณะกรรมการลกู จา้ งกอ่ น กฎหมายกาหนดไวด้ งั น้ี 1. ลูกจ้างในสถานประกอบกจิ การนัน้ เป็นสมาชกิ สหภาพแรงงานเกนิ หน่ึงในห้าของจานวนลูกจ้างทงั้ หมด แต่ไม่ถึงคร่งึ ของลูกจา้ งทงั้ หมด ใหล้ กู จา้ งทเ่ี ป็นสมาชกิ สหภาพแรงงานเป็นกรรมการลูกจา้ ง มจี านวนมากกว่าลกู จ้างปกติ 1 คน
2. จากตวั อยา่ งในขอ้ 1 เปลย่ี นเป็นสถานประกอบกจิ การน้ีมสี มาชกิ สหภาพแรงงาน มากกว่าครง่ึ หน่ึง หรอื เกนิ คร่ึงหน่ึงของลูกจ้างทัง้ หมด กฎหมายกาหนดให้มีคณะกรรมการลูกจ้าง ในสถานประกอบกิจการนั้น เป็นคณะกรรมการลูกจ้างมาจากสมาชกิ สหภาพแรงงานทงั้ คณะ หมายความว่า สมาชกิ สหภาพแรงงานสามารถ เป็นคณะกรรมการลกู จา้ งไดเ้ ตม็ คณะ ตามจานวนทก่ี ฎหมายกาหนด ดังนั้น สถานประกอบกิจการท่ีมีจานวนลูกจ้างตามท่ีกฎหมายกาหนด สามารถมีจานวน ลูกจ้างตัง้ เป็ น คณะกรรมการลูกจา้ ง และจดั ลกู จา้ งใหเ้ ป็นคณะกรรมการลกู จา้ งได้ ตามตารางดงั น้ี
พนกั งานประนอมขอ้ พพิ าทแรงงาน คอื พนักงานของกระทรวงทร่ี ฐั มนตรวี า่ การกระทรวงแรงงานใช้อานาจตาม พระราชบญั ญตั แิ รงงานสมั พนั ธ์ พ.ศ. 2518 มาตรา 6 มคี าสงั่ แต่งตงั้ ขา้ ราชการระดบั สงู คอื ตงั้ แต่อธบิ ดี ลงไปจนถงึ ขา้ ราชการพลเรอื นสามญั ระดบั กลาง ใหท้ าหน้าทเ่ี ป็นพนกั งานประนอมขอ้ พพิ าทแรงงาน มรี ะดบั ต่างกัน ตงั้ แต่สงู สดุ คอื ระดบั ประเทศลงไปถงึ ระดบั จงั หวดั ไดแ้ ก่ 1. พนักงานประนอมขอ้ พพิ าทแรงงานทวั่ ราชอาณาจกั ร 2. พนักงานประนอมขอ้ พพิ าทแรงงานกรงุ เทพมหานคร 3. พนักงานประนอมขอ้ พพิ าทแรงงานจงั หวดั หน้าที่ของพนักงานประนอมขอ้ พิพาทแรงงานคอื ดาเนินการไกล่เกลย่ี ใหฝ้ ่ายแจง้ ขอ้ เรยี กรอ้ ง และฝ่ายรบั ขอ้ เรยี กรอ้ ง ตกลงกนั ภายในกาหนด 5 วนั นบั ตงั้ แต่วนั ทพ่ี นักงานประนอมขอ้ พพิ าทแรงงานไดร้ บั หนังสอื แจง้ ขอ้ เรยี กรอ้ ง
เม่อื มขี อ้ พพิ าทแรงงาน การไกลเ่ กลย่ี ขอ้ พพิ าทโดยพนกั งานประนอมขอ้ พพิ าทจะเรมิ่ ตน้ ตงั้ แต่จดั ใหม้ กี ารเลอื กตงั้ ผแู้ ทนลกู จา้ งเขา้ ทาการเจรจาขอ้ พพิ าท เม่อื ไกลเ่ กลย่ี ระหวา่ งนายจา้ งกบั ลกู จา้ งแลว้ กจ็ ะทาหนังสอื ขอ้ ตกลงเกย่ี วกบั สภาพการจ้างไว้ต่อกนั แต่ถ้าไม่สามารถตกลงกนั ได้ พนักงานประนอมข้อพพิ าทก็จะถือว่าข้อพพิ าทแรงงานนัน้ เป็นข้อพิพาทแรงงานท่ีไม่สามารถตกลงกนั ได้ ขนั้ ตอ่ มากค็ อื นายจา้ งและลกู จา้ งจะตอ้ งตงั้ ผชู้ ข้ี าดขอ้ พพิ าทแรงงานขน้ึ คนหน่ึง หรอื หลายคนกไ็ ด้ เพ่อื ชข้ี าดขอ้ พพิ าทแรงงานนัน้ แต่ถ้าตกลงกนั ไม่ได้ กฎหมายจงึ กาหนดใหร้ ฐั มนตรวี ่าการกระทรวงแรงงาน จดั ตงั้ สานักงาน ผ้ชู ี้ขาดข้อพิพาทแรงงานขนึ้ มอี านาจหน้าทจ่ี ดั ทาบญั ชรี ายช่อื และคณุ สมบตั ขิ องผชู้ ข้ี าดขอ้ พพิ าทแรงงานเพ่อื เสนอ ใหค้ กู่ รณีทาการพจิ ารณาการเลอื กบคุ คลเขา้ เป็นผชู้ ข้ี าดขอ้ พพิ าทแรงงานของตน
ใหม้ คี ณะกรรมการคณะหน่ึง เรยี กวา่ คณะกรรมการแรงงานสมั พนั ธ์ ประกอบดว้ ย ประธานกรรมการหน่ึงคน และกรรมการอน่ื อกี ไมน่ ้อยกวา่ 8 คน แต่ไมเ่ กนิ 14 คน ในจานวนนัน้ อย่างน้อยต้องมีกรรมการซง่ึ เป็นฝ่ายนายจา้ ง 3 คน และฝ่ายลูกจา้ ง 3 คน ใหร้ ฐั มนตรเี ป็นผแู้ ตง่ ตงั้ ประธานกรรมการ จากหลกั กฎหมาย คณะกรรมการแรงงานสมั พนั ธ์ จงึ ประกอบด้วยบุคคล 3 ฝ่ าย คอื บคุ คลทม่ี าจากตวั แทนรฐั ฝ่ ายหนึ่ง ตวั แทนนายจ้างฝ่ ายหน่ึง และตวั แทนลกู จ้างฝ่ ายหนึ่ง โดยกฎหมายกาหนดให้ตวั แทนของนายจา้ งและ ลูกจา้ งตอ้ งมจี านวนเทา่ กนั และไมน่ ้อยกวา่ ฝ่ายละ 3 คน สว่ นทเ่ี หลอื เป็นกรรมการฝ่ายรฐั คอื คนกลาง รวมทงั้ หมด ไมน่ ้อยกวา่ 8 คน และไมเ่ กนิ 14 คน เมอ่ื รวมประธานกรรมการดว้ ยจงึ เป็น 15 คน เชน่ ฝ่ายนายจา้ งและฝ่ายลูกจา้ ง ตงั้ กรรมการมาฝ่ายละ 4 คน รวมเป็น 8 คน ทเ่ี หลอื อกี 7 คน เป็นฝ่ายรฐั กระทรวงมหาดไทยแตง่ ตงั้ ใน 7 คนน้ี ใหท้ า หน้าทป่ี ระธานกรรมการหน่ึงคนดว้ ย กฎหมายกาหนดใหค้ ณะกรรมการแรงงานสมั พนั ธ์มหี น้าท่ี 6 ประการ โดยสรุปไดแ้ ก่ เร่อื งเกย่ี วกบั การวินิจฉัย ขอ้ พิพาทแรงงาน ทงั้ ท่ีเป็นกิจการสาคญั อนั มีผลกระทบต่อเศรษฐกิจ และความมนั่ คงของประเทศชาติ และช้ี ขาดคารอ้ งของลูกจา้ งเกย่ี วกบั การกระทาอนั ไม่เป็นธรรมของนายจ้าง และเสนอความเหน็ เก่ยี วกบั การเรยี กรอ้ ง การ เจรจา การระงบั ขอ้ พพิ าทแรงงาน การนดั หยดุ งานและการปิดงาน ตามทร่ี ฐั มนตรีมอบหมาย
เมอ่ื มขี อ้ พพิ าทแรงงานเกดิ ขน้ึ เมอ่ื พจิ ารณาบทบาทหน้าทข่ี ององคก์ รทเ่ี กย่ี วขอ้ งกบั การระงบั ขอ้ พพิ าททไ่ี ดก้ ล่าว มาแลว้ พบวา่ ขนั้ ตอนการระงบั ขอ้ พพิ าทแรงงานจะดาเนินการจากการเจรจา การไกล่เกลย่ี และการชข้ี าดขอ้ พพิ าท การเจรจาจดั เป็นขนั้ ตอนการระงบั ขอ้ พพิ าททล่ี ะมนุ ละม่อมทส่ี ุด หากการเจรจาสาเรจ็ ผลจากการเจรจาจะเกิด ประโยชน์ทไ่ี ดร้ บั ทงั้ 2 ฝ่าย เรยี กวา่ “Win-Win” คอื เป็นขอ้ เรยี กรอ้ งทฝ่ี ่ายนายจา้ งและลูกจา้ งยอมรบั ได้ การเจรจาจะเรม่ิ ตน้ ดว้ ยการเสนอขอ้ เรยี กรอ้ งก่อน จะเรม่ิ จากฝ่ายใดกไ็ ด้ ดว้ ยการทาเป็นหนังสอื แจง้ ช่อื ตนเอง หรอื ผแู้ ทน ใหอ้ กี ฝ่ายรบั ทราบ แลว้ เจรจากนั ภายใน 3 วนั นบั แตอ่ กี ฝ่ายไดร้ บั ขอ้ เรยี กรอ้ ง โดยมตี วั แทนเขา้ รว่ มเจรจา ไมเ่ กนิ ฝ่ายละ 7 คน ในการเจรจาอาจตงั้ ทป่ี รกึ ษาฝ่ายละไมเ่ กนิ 2 คน เขา้ รว่ มเจรจาดว้ ยกไ็ ด้ กรณไี มม่ กี ารเจรจากนั ภายในกาหนด 3 วนั นับตงั้ แตว่ นั ทอ่ี กี ฝ่ายไดร้ บั ขอ้ เรยี กรอ้ งแลว้ หรอื มกี ารเจรจากนั แลว้ ภายในเวลาทก่ี าหนด แต่การเจรจานัน้ ตกลงกนั ไม่ได้ ไม่ว่าจะดว้ ยเหตุใด กฎหมายให้ถือว่า มีข้อพิพาทแรงงาน เกิดขนึ้ แล้ว คอื มขี อ้ ขดั แยง้ ระหว่างนายจา้ งกบั ลูกจา้ งเกย่ี วกบั สภาพการจา้ งเกดิ ขน้ึ ในสถานประกอบกจิ การน้ีแลว้ กฎหมายกาหนดใหฝ้ ่ายทแ่ี จง้ ขอ้ เรยี กรอ้ งทาหนงั สอื แจง้ ไปยงั พนกั งานประนอมขอ้ พพิ าทแรงงานรบั ทราบภายใน 24 ชวั่ โมง นบั แตเ่ วลาทม่ี กี ารเจรจา แลว้ ตกลงกนั ไมไ่ ด้
การไกลเ่ กลย่ี เป็นวธิ รี ะงบั ขอ้ พพิ าทระดบั ทส่ี งู ขน้ึ จากการเจรจาโดยอาศยั คนกลางเขา้ มาชว่ ยสร้างบรรยากาศการ เจรจาใหเ้ ป็นไปไดด้ ว้ ยดี หรอื อยใู่ นกรอบของการแจง้ ขอ้ เรยี กรอ้ งไมใ่ หอ้ อกนอกประเดน็ หรอื ลกุ ลามบานปลาย การไกลเ่ กลย่ี เป็นวธิ กี ารเรยี กใหน้ ายจา้ งและลูกจา้ งมาประชมุ รว่ มกนั แล้วพูดคุยไกล่เกลย่ี โดยเจ้าพนักงานของ รฐั คอื พนักงานประนอมข้อพิพาทแรงงาน ซ่งึ แต่งตงั้ โดยรฐั มนตรี เพ่อื ใหท้ งั้ สองฝ่ ายเขา้ ใจ และตกลงกนั ได้ วธิ ี ปฏบิ ตั คิ อื เม่อื มกี ารเสนอขอ้ เรยี กรอ้ งจากฝ่ายใดฝ่ายหน่งึ แลว้ ใหม้ กี ารเจรจากนั เองระหวา่ งคกู่ รณภี ายใน 3 วนั แต่ตก ลงกนั ไมไ่ ดต้ ามขอ้ เรยี กรอ้ งนนั้ เมอ่ื พนักงานประนอมขอ้ พพิ าทแรงงานไดร้ บั แจ้งว่ามขี อ้ พพิ าทแรงงานเกดิ ขน้ึ จะเขา้ มาไกล่เกลย่ี ใหท้ งั้ สองฝ่าย คอื ฝ่ายนายจา้ งและฝ่ายลูกจา้ ง มาประชมุ รบั ฟังเหตผุ ลซง่ึ กนั และกนั พรอ้ มไกลเ่ กลย่ี หาขอ้ ยตุ ใิ หท้ งั้ สองฝ่ายยอมรบั ขอ้ เสนอซง่ึ กนั และกนั ภายในกาหนด 5 วนั นับตงั้ แต่วนั ทพ่ี นักงานประนอมขอ้ พพิ าทแรงงาน ไดร้ บั หนงั สอื แจง้ ขอ้ พพิ าทนนั้
ถ้าการไกล่เกล่ยี เป็นผลใหฝ้ ่ายนายจา้ งและฝ่ายลูกจา้ งยอมรบั ตกลงกนั ได้ ปัญหาข้อพพิ าทกห็ มดไป พนักงาน ประนอมขอ้ พพิ าทแรงงานจะใหท้ งั้ สองฝ่ายร่วมกนั ทาบนั ทกึ ขอ้ ตกลงสภาพการจา้ ง เป็นหนังสอื ลงลายมอื ช่อื ทงั้ สอง ฝ่ าย แล้วให้ฝ่ ายนายจ้างนาข้อตกลงนัน้ ทาเป็นหนังสอื ประกาศเก่ยี วกบั สภาพการจ้างไว้ในท่เี ปิดเผย ณ สถานท่ี ทางานของลูกจ้าง ซ่งึ เก่ยี วขอ้ งกบั การเรยี กรอ้ งทางานอยอู่ ย่างน้อย 30 วนั โดยใหเ้ รม่ิ ประกาศภายใน 3 วนั นับแต่ วนั ทไ่ี ดต้ กลงกนั และใหน้ ายจา้ งนาขอ้ ตกลงน้ีไปจดทะเบยี นต่ออธบิ ดกี รมสวสั ดกิ ารและคมุ้ ครองแรงงาน ภายใน 15 วนั นับแตว่ นั ทไ่ี ดม้ กี ารตกลงกนั
เม่อื มกี ารเจรจา และไดม้ กี ารไกลเ่ กลย่ี โดยพนักงานประนอมขอ้ พพิ าทแรงงานแล้ว ผลคอื ไม่ยอมในขอ้ เรยี กรอ้ ง ต่อกนั หมายความวา่ ไม่อาจตกลงกนั ได้ เม่อื พ้นกาหนด 5 วนั นับตงั้ แต่วนั ทม่ี กี ารไกล่เกล่ยี แล้ว กฎหมายใหถ้ อื ว่า เป็นข้อพิพาทแรงงานท่ีตกลงกนั ไม่ได้ กรณีเช่นน้ีนายจ้างและลูกจ้าง ยงั มที างออกโดยตกลงกนั ตัง้ ผ้ชู ี้ขาดข้อ พิพาทแรงงานขึ้นมาคนหนึ่งหรือหลายคน เพ่อื ช้ขี าดข้อพพิ าทแรงงานก็ได้ หรอื นายจ้างจะปิ ดงาน คอื การท่ี นายจา้ งปฏเิ สธไมย่ อมใหล้ ูกจา้ งทางาน เน่ืองจากขอ้ พพิ าทแรงงาน หรอื ฝ่ ายลูกจ้างนัดหยดุ งาน คอื ลกู จา้ งรว่ มกนั ไม่ ทางานใหน้ ายจา้ ง โดยทไ่ี มข่ ดั ตอ่ พระราชบญั ญตั แิ รงงานน้ีกไ็ ด้ ข้อพิพาทแรงงานท่ีตกลงกันไม่ได้ หากเป็ นกิจการธรรมดา คือ ไม่ใช่กิจการเกี่ยวกับความเป็ นอยู่ ท่ีมีผลกระทบต่อเศรษฐกิจของประเทศ หรือความสงบเรียบร้อยของประชาชน คู่กรณีคือทัง้ ฝ่ ายนายจ้าง และฝ่ ายลูกจ้างอาจตดั สนิ ใจร่วมกนั ตัง้ ผ้ชู ี้ขาดข้อพิพาทแรงงานขึ้น โดยจดั ตงั้ บุคคลภายนอกคนหน่ึง หรือหลายคนก็ได้ เพอ่ื ใหช้ ข้ี าดวา่ ฝ่ายใดควรปฏบิ ตั อิ ยา่ งไรในขอ้ เรยี กรอ้ งนนั้ ซง่ึ วธิ กี ารน้ีเป็นวธิ ที ่ีเหมาะสมวธิ หี น่ึงอนั จะทาใหข้ อ้ พพิ าท แรงงานยตุ ไิ ดท้ นั ที ตามความประสงคข์ องทงั้ สองฝ่าย
ผู้ช้ขี าดข้อพพิ าทแรงงานจะแจ้งให้ทงั้ สองฝ่ ายส่งคาช้แี จงเก่ยี วกบั ข้อพิพาท และให้ทงั้ สองฝ่ ายแถลงเหตุผล แล้วนาพยานเข้าสบื หลังพิจารณาแล้วจะออกคาสงั่ ให้ทัง้ สองฝ่ ายปฏิบตั ิตามคาช้ีขาดข้อ พิพาทแรงงานนัน้ การทฝ่ี ่ายใดไมป่ ฏบิ ตั ติ ามคาชข้ี าดขอ้ พพิ าทแรงงาน ยอ่ มเป็นความผดิ และมโี ทษทงั้ จาคกุ และปรบั หรอื ทงั้ จาและปรบั ตามกฎหมาย อน่ึง การตงั้ ผู้ช้ขี าดข้อพพิ าทแรงงาน จะนามาใชก้ บั ขอ้ พพิ าทแรงงานอนั เป็นกิจการสาคญั ในทางเศรษฐกิจ ของประเทศหรอื เป็นภยั ตอ่ ความมนั่ คงของประเทศมไิ ด้ จะตอ้ งใหค้ ณะกรรมการแรงงานสมั พนั ธ์ วนิ ิจฉยั ชข้ี าดเทา่ นนั้
การใชม้ าตรการทางแรงงานสมั พนั ธ์ เป็นมาตรการหน่ึง ทล่ี ูกจา้ งนายจ้างอาจนามาใช้ หลงั จากผ่านขนั้ ตอนการ พจิ ารณาระงบั ข้อพพิ าทแรงงาน คือ การเจรจา การไกล่เกล่ีย จากพนักงานประนอมข้อ พพิ าทแรงงานมาแล้ว แต่ไม่สามารถตกลงกนั ได้ นายจา้ งและลูกจา้ งไมม่ คี วามประสงคจ์ ะตงั้ ผชู้ ้ขี าดขอ้ พพิ าทแรงงาน แต่ฝ่ายใดฝ่ ายหน่ึง ประสงคจ์ ะใชม้ าตรการทางแรงงานสมั พนั ธ์ อนั ไดแ้ ก่ ฝ่ ายลกู จ้างจะนัดหยดุ งานประทว้ งนายจา้ ง ฝ่ ายนายจ้างกจ็ ะ ปิ ดงาน คือ หยุดการจ้างลูกจ้าง อนั เป็นวธิ กี ารบงั คบั ในทางเศรษฐกจิ การกระทาเช่นน้ีเป็นการปฏบิ ตั ทิ ร่ี นุ แรงต่อ กันมีผลกระทบและเสยี หาย ทงั้ ในทางการทามาหากินของบุคคล เศรษฐกิจของชาติ และความมนั่ คงของชาติ กฎหมายจงึ กาหนดใหท้ าไดเ้ ฉพาะกจิ การทน่ี ายจ้างประกอบกจิ การทวั่ ๆ ไป เม่อื ฝ่ายใดประสงคจ์ ะปิด หรอื หยดุ งาน ต้องแจง้ ใหพ้ นักงานประนอมขอ้ พพิ าทแรงงานและอกี ฝ่ ายหน่ึงทราบล่วงหน้าอย่างน้อย 24 ชวั่ โมง หากเป็นกจิ การ ประเภท มีความสาคญั ทางเศรษฐกิจของประเทศ เป็ นภยั ต่อความมนั่ คงของประเทศ เป็นกิจการเก่ียวกบั ความสงบเรียบร้อยและศีลธรรมอนั ดีของประชาชน แลว้ จะทามิได้ กจิ การสาคญั ทางเศรษฐกจิ และความมนั่ คง ของประเทศ ไดแ้ ก่ การรถไฟการท่าเรอื การโทรศพั ทห์ รอื การโทรคมนาคม การผลติ หรอื การจาหน่ายพลงั งาน หรอื กระแสไฟฟ้าแก่ประชาชน การประปา การผลติ หรอื การกลนั่ น้ามนั เชอ้ื เพลงิ กจิ การโรงพยาบาล หรอื สถานพยาบาล กจิ การอน่ื ตามทก่ี าหนดในกฎกระทรวง
เม่อื มขี อ้ พพิ าทแรงงานทต่ี กลงกนั มไิ ดเ้ ป็นกจิ การสาคญั ทางเศรษฐกจิ และความมนั่ คงของประเทศ ใหพ้ นักงาน ประนอมข้อพพิ าทแรงงาน สง่ ขอ้ พพิ าทแรงงานดงั กล่าวใหค้ ณะกรรมการแรงงานสมั พนั ธ์ สานักงานคณะกรรมการ แรงงานสมั พนั ธเ์ ป็นผพู้ จิ ารณาวนิ ิจฉยั แลว้ แจง้ ใหท้ งั้ สองฝ่าย คอื นายจา้ งและลูกจา้ งทราบภายใน 30 วนั นับแต่วนั ท่ี รบั ขอ้ พพิ าทแรงงานมาวนิ ิจฉยั หากทงั้ สองฝ่ายไม่พอใจอกี กม็ สี ทิ ธอิ ุทธรณ์ต่อรฐั มนตรี ภายใน 7 วนั นับแต่วนั ทไ่ี ด้ รบั คาวนิ ิจฉัย ใหร้ ฐั มนตรมี คี าวนิ ิจฉัยอุทธรณ์ดงั กล่าว แล้วแจ้งผลให้ทงั้ สองฝ่ ายทราบภายใน 10 วนั นับแต่รบั คา อทุ ธรณ์ คาวนิ ิจฉยั ของรฐั มนตรใี หเ้ ป็นทส่ี ดุ อยา่ งไรกต็ าม คาวนิ ิจฉยั ของรฐั มนตรใี หเ้ ป็นทส่ี ดุ นัน้ ไมต่ ดั สทิ ธคิ กู่ รณีทจ่ี ะนาคดีน้ีไปฟ้องรอ้ งต่อศาลแรงงานได้ ตามพระราชบญั ญตั จิ ดั ตงั้ ศาลแรงงาน และวธิ พี จิ ารณาคดแี รงงาน พ.ศ. 2522 มาตรา 8 (4)
Search
Read the Text Version
- 1 - 44
Pages: