การจ้างแรงงาน เป็นสญั ญาชนิดหนึ่ง และเป็นเอกเทศสญั ญาลกั ษณะจ้างแรงงาน ตามประมวลกฎหมาย แพ่งและพาณิชย์ เป็นสญั ญาท่ีนายจ้างและลกู จ้างต่างตอบแทนให้กนั และกนั โดยลูกจ้างตอบแทนให้นายจ้าง ด้วยการทางานให้นายจ้าง และนายจ้างตอบแทนด้วยการให้ค่าจ้าง ซึ่งเรียกว่าสินจ้างนัน้ แก่ลูกจ้าง สญั ญา จ้างแรงงานตามประมวลกฎหมายแพ่งและพาณิชยใ์ ช้บงั คบั แก่นายจ้างและลกู จ้างทกุ ประเภท ยกเว้นลูกจ้าง ของทางราชการท่ีมีกฎหมายของราชการส่วนนัน้ ๆ ใช้บงั คบั ไว้โดยเฉพาะอย่แู ล้ว
การจ้างแรงงานเกิดขึ้นระหว่างบุคคลสองฝ่ าย คือ ฝ่ ายนายจ้าง กับฝ่ ายลูกจ้าง ท่ีมีนิติสมั พนั ธ์ต่อกัน ก่อให้มีสญั ญาเกิดข้ึน หลักกฎหมายลักษณะจ้างแรงงานตามประมวลกฎหมายแพ่งและพาณิชย์วางหลกั ไว้ ว่า “จ้างแรงงานคอื สญั ญาซ่งึ บุคคลคนหน่ึง เรยี กว่า ลูกจ้าง ตกลงจะทางานให้แก่บุคคลอกี คนหน่ึง เรยี กว่า นายจ้าง และนายจา้ งตกลงจะใหส้ นิ จา้ งตลอดเวลาทท่ี างานให”้ จากหลกั กฎหมาย ลกั ษณะสาคญั ของการจ้างแรงงาน จงึ ไดแ้ ก่ จ้างแรงงานเป็นสญั ญา เป็นสญั ญาต่างตอบแทน วตั ถแุ ห่งสญั ญาคืองานที่ทา ลกู จ้างต้องทางานให้นายจ้าง และนายจ้างต้องให้ค่าจ้างแก่ลกู จ้าง ม่งุ ท่ีผลของงานเฉพาะคราวนัน้ ๆ นายจ้างมีอานาจควบคมุ บงั คบั บญั ชาลกู จ้าง กรณี ไม่ได้ตกลงเรื่องค่าจ้าง กฎหมายให้สันนิ ษฐานว่า นายจ้างมีคามนั่ ว่าจะให้ค่าจ้าง
อน่ึง ขอบเขตของสญั ญาจา้ งแรงงาน หรอื การจา้ งแรงงานตามประมวลกฎหมายแพง่ และพาณิชยน์ ้ีมขี อ้ ยกเวน้ คอื มใิ หน้ าไปใชแ้ กน่ ายจา้ งและลกู จา้ งทเ่ี ป็นสว่ นของหน่วยราชการ เพราะขา้ ราชการทเ่ี ป็นนายจา้ งหรอื ลกู จา้ งทร่ี บั คา่ จา้ งเป็นรายเดอื นจากสว่ นราชการ และอยใู่ นความควบคมุ บงั คบั บญั ชากากบั ดแู ลของทางราชการนนั้ จะมกี ฎหมาย พเิ ศษแยกไวต้ ่างหาก ตามกระทรวง ทบวง กรมนนั้ ๆ ยอ่ มไมอ่ ยใู่ นบงั คบั ของคาวา่ ลกู จา้ ง ตามประมวลกฎหมายแพง่ และพาณิชย์ สญั ญาจา้ งแรงงาน กบั สญั ญาจา้ งทาของ จะมลี กั ษณะใกลเ้ คยี งกนั มาก ซง่ึ มหี ลกั การพจิ ารณางา่ ยๆ 2 ประการ อานาจในการควบคุมบงั คบั บญั ชาทม่ี ตี ่อลูกจ้างอยู่ทใ่ี คร ถ้าอยู่ทน่ี ายจ้าง นัน่ คอื การจ้างแรงงาน แต่ถา้ ไมอ่ ยทู่ น่ี ายจา้ งกจ็ ะเป็นการจา้ งทาของ ผลสาเรจ็ ของงานตามทต่ี กลงกนั หรอื ทาในครงั้ นัน้ ๆ ถา้ ผลจะสาเรจ็ หรอื ไม่สาเรจ็ ขน้ึ อยกู่ บั นายจา้ ง ก็จะเป็นการจ้างแรงงาน แต่ถ้าผลงานท่ตี กลงกันต้องสาเรจ็ แล้วส่งมอบ ก็จะเป็นจ้า งทาของ เม่อื ตกลงกนั แล้วเป็นหน้าทข่ี องผู้รบั จ้างจะไปดาเนินการตามสญั ญา แลว้ นาผลงานมาส่งมอบให้เม่อื งาน ท่รี บั ไปเสร็จตามสญั ญา และการเรียกช่อื ของคู่สญั ญาจ้างทาของ จะเรยี กต่างกบั จ้างแรงงาน โดยเรยี กวา่ ผวู้ า่ จา้ งฝ่ายหน่ึง และผรู้ บั จา้ งฝ่ายหน่ึง
กฎหมายมไิ ดก้ าหนดไวแ้ ต่อยา่ งใดวา่ สญั ญาจา้ งแรงงานจะตอ้ งทากนั อย่างไร ฉะนัน้ สญั ญาจา้ งแรงงานจงึ ไม่มี แบบแหง่ นิตกิ รรม คสู่ ญั ญาอาจทาสญั ญากนั ดว้ ยวาจา หรอื จะทาสญั ญากนั เป็นหนังสอื ระหวา่ งนายจ้างกบั ลูกจา้ งกไ็ ด้ สญั ญาดงั กลา่ วกใ็ ชบ้ งั คบั กนั ได้ อน่ึง สัญญาจ้างแรงงานอาจเกิดข้ึนโดยปริยายก็ได้ เช่น นายรวยให้นายจนขับรถยนต์ของตน และ จ่ายค่าจ้างให้เป็ นรายเดือนมาตลอด ต่อมานายจนเกิดป่ วยมาขับรถยนต์ให้นายรวยไม่ได้ จึงให้นายมา น้องชายมาขับรถยนต์แทน และนายรวยก็มิได้ว่าอะไร เช่นน้ีถือว่าสัญญาจ้างแรงงานเพ่ือให้นายมาเป็ น คนขบั รถยนตเ์ กดิ ขน้ึ แลว้ โดยปรยิ าย คาพิพากษาศาลฎีกาท่ี 1519/2557 ในการทาสัญญาจ้างพนักงานของจาเลยมิได้ปรากฏความ ตอนใดเลยว่า การบรรจุแต่งตงั้ พนักงานของจาเลยนัน้ จะต้องมุ่งทาสญั ญาจ้างเป็นหนังสอื ทงั้ ตาม ข้อบงั คบั กม็ ไิ ด้ กาหนดหลกั เกณฑก์ ารตอ้ งทาสญั ญาจา้ งพนักงานเป็นหนังสอื ไว้ ดงั นัน้ การทจ่ี าเลยอนุมตั ติ าแหน่งงานของโจทก์ และ ใหโ้ จทกล์ งลายมอื ช่อื ไว้ จงึ เป็นการทโ่ี จทกส์ นองรบั การเสนอการจ้างจาเลย ก่อใหเ้ กดิ เป็นสญั ญาจ้างแรงงานระหว่าง กนั แล้ว แม้กรรมการผู้อานวยการใหญ่ของจาเลยยงั มไิ ดล้ งลายมอื ช่อื ไวใ้ นสญั ญากต็ าม เร่อื งดงั กล่าวเป็นแค่เร่อื ง ภายในของจาเลยเทา่ นนั้
เม่อื นายจ้างและลูกจ้างมนี ิตสิ มั พนั ธ์ตามสญั ญาจ้างแรงงานต่อกนั แล้ว จะก่อให้เกิดสทิ ธแิ ละหน้าท่ขี น้ึ ระหว่าง นายจา้ งกบั ลูกจา้ ง มรี ายละเอยี ดดงั น้ี นายจ้างมีสิทธิและหน้าท่ี 1.1 สิทธิ นายจ้าง 1)มีสิทธิออกคาสัง่ ให้ลูกจ้างทางานตามท่ีตกลงหรือมีสัญญาต่อกัน เช่น นายมีจ้างนา ยจน เป็นคนสวน นายมยี ่อมมสี ทิ ธิออกคาสงั่ บอกกล่าวช้แี นะ หรอื แนะนาใหน้ ายจนทางานบรเิ วณท่จี ะต้องถากถางดาย หญา้ และปลกู ตน้ ไมไ้ ด 2)มสี ทิ ธิโอนสทิ ธิการเป็นนายจ้างของตนให้แก่บุคคลอ่นื ได้เม่อื ลูกจ้างยินยอม กรณีเปล่ียนแปลงตวั นายจา้ งทเ่ี ป็นนิตบิ ุคคล และทาการจดทะเบยี นโอนหรอื ควบกบั นิตบิ ุคคลอ่นื จนมผี ลใหล้ ูกจา้ งกลายเป็นลูกจา้ งของ นายจ้างใหม่ ตอ้ งได้รบั ความยนิ ยอมจากลูกจ้างดว้ ย และนายจ้างใหม่จะต้องให้สทิ ธิประโยชน์ต่างๆ ตา มเดมิ กบั ท่ี ลกู จา้ งเคยไดร้ บั 3)มสี ทิ ธบิ อกเลกิ สญั ญาจา้ งได้
4)เ ม่ือ ไ ม่ ไ ด้ ก า ห น ด ร ะ ย ะ เ ว ล า ก า ร จ้ า ง ไ ว้ น า ย จ้ า ง มีสิท ธิบ อ ก เ ลิก สัญ ญ า ไ ด้ แ ต่ ต้ อ ง บอกกล่าวใหล้ ูกจา้ งทราบล่วงหน้า เม่อื ถงึ เดอื นก่อนกาหนดจ่ายค่าสนิ จา้ งคราวใดคราวหน่ึง เพ่อื ใหเ้ ป็นผลการเลกิ สัญญาเม่ือถึงกาหนดจ่ายสินจ้างคราวต่อไปข้างหน้าก็ได้ เช่น จ้างลูกจ้างเป็ นรายเดือน จ่ายค่าจ้าง ทุกส้นิ เดือน เม่ือถึงวันท่ี 25 พฤษภาคม นายจ้างได้บอกให้ลูกจ้างทราบว่าจะเลิกจ้าง และให้มีผล วันเลิกจ้าง คอื สน้ิ เดอื นมถิ นุ ายน เชน่ น้ียอ่ มทาไดโ้ ดยชอบดว้ ยกฎหมาย 5)มสี ทิ ธไิ ล่ลูกจา้ งออกจากงานโดยมติ อ้ งบอกกลา่ วลว่ งหน้าได้ ถา้ ลกู จา้ งจงใจหรอื ปฏบิ ตั อิ ยา่ งใดอยา่ งหน่ึง ดงั น้ี ก.จงใจขดั คาสงั่ อนั ชอบดว้ ยกฎหมายของนายจา้ ง ข.ละเลยไมน่ าพาต่อคาสงั่ อนั ชอบดว้ ยกฎหมายของนายจา้ งเป็นประจา ค.กระทาความผดิ อนั รา้ ยแรง เช่น กระทาใหเ้ กดิ การแตกความสามคั คใี นองคก์ ร หรอื กระทาความผดิ ทางอาญา ง. ละทง้ิ หน้าทก่ี ารงานทม่ี อบใหเ้ ป็นประจา หรอื ทาใหง้ านเกดิ ความเสยี หาย หรอื ขาดงานเป็นประจา จ.ไม่สุจรติ ต่อหน้าท่อี นั เป็นความผดิ ร้ายแรง เช่น ยกั ยอกเงนิ ของนายจ้าง หรอื ยกั ยอกเงินบรษิ ัท ทเ่ี ป็นนายจา้ ง ตอกบตั รบนั ทกึ เวลาทางานแทนผอู้ ่นื
1.2 หน้ าที่นายจ้าง 1) มหี น้าทต่ี ้องจ่ายสนิ จา้ งใหแ้ ก่ลูกจา้ งตามระยะเวลาทต่ี กลงกนั หรอื ตามจารตี ประเพณีท่ีพงึ จะจ่ายต่อกนั และถ้าไม่มีการตกลงทัง้ สองประการดังกล่าวแล้ว ให้จ่ายสินจ้างเม่ือทางานแล้วเสร็จ รวมถึงเงินต่ างๆ ทก่ี ฎหมายกาหนด เช่น ค่าล่วงเวลา คา่ ทางานวนั หยุด คา่ ทางานล่วงเวลาวนั หยุดหรอื เงนิ ชดเชยกรณี หยุดกจิ การ ตลอดจนดอกเบย้ี จานวนรอ้ ยละ 15 ต่อปี หากนายจา้ งผดิ นัด 2) มหี น้าทต่ี อ้ งออกใบสาคญั แสดงวา่ ลูกจา้ งมาทางานนานเทา่ ไร งานทท่ี าเป็นอยา่ งไร เพ่อื ใหล้ กู จา้ งยดึ ถอื ไว้ เม่อื การจ้างงานสน้ิ สดุ ลง ทงั้ น้ีกเ็ พ่อื เป็นหลกั ฐานแก่ลูกจ้างในการทจ่ี ะนาใบสาคญั น้ีไปสมคั รงานอ่นื แสดงใหเ้ หน็ ว่า เคยทางานทใ่ี ด มคี วามชานาญอยา่ งไรบา้ งได้ 3) มหี น้าทต่ี อ้ งออกคา่ เดนิ ทางใหล้ กู จา้ ง ถา้ เป็นกรณีทน่ี ายจา้ งไดน้ าลกู จา้ งนัน้ มาจากต่างถน่ิ หรอื ต่างจงั หวดั เม่อื การจา้ งสน้ิ สดุ ลง เพ่อื ใหล้ ูกจ้างเดนิ ทางกลบั ภูมลิ าเนาเดมิ ถ้าการจ้างงานมไิ ด้เลกิ เพราะลูกจ้างกระทาความผดิ และลูกจา้ งกลบั ไปยงั ถนิ่ ภูมลิ าเนาทจ่ี า้ งมาภายในเวลาอนั สมควร 4) มหี น้าทร่ี บั ผดิ ร่วมกบั ลูกจ้าง กรณีได้กระทาละเมดิ และเกดิ ความเสยี หายแก่บุคคลภายนอก ซ่งึ ลูกจ้าง ไดก้ ระทาไปในทางการทจ่ี า้ ง
ลกู จ้างมีสิทธิและหน้าที่ 2.1สิทธิลกู จ้าง 1)มสี ทิ ธไิ ดร้ บั สนิ จา้ งตลอดเวลาทท่ี างานให้นายจา้ ง 2)มสี ทิ ธใิ หบ้ คุ คลภายนอกทางานแทนตนได้ เมอ่ื นายจา้ งยนิ ยอม 3)มสี ทิ ธิท่จี ะไดร้ บั ใบสาคญั จากนายจ้าง หลงั จากการจ้างแรงงานสน้ิ สุดลง เพ่อื แสดงว่าลูกจ้างทางาน มานานเท่าไร และงานท่ีทาเป็นงานอย่างไร เพ่อื สะดวกในการท่ีลูกจ้างไปสมคั รงานใหม่ แต่นายจ้างไม่มีสทิ ธิ ระบขุ อ้ ความลงในใบสาคญั การทางานวา่ ไดเ้ ลกิ จา้ งลกู จา้ งดว้ ยวธิ ใี ดและสาเหตุใด 4)หากลกู จา้ งเป็นบุคคลทน่ี ายจ้างไดจ้ า้ งมาจากต่างถน่ิ และออกคา่ เดนิ ทางให้ เม่อื มกี ารเลกิ จ้างอนั มใิ ช่ เพราะความผดิ ของลกู จา้ งแลว้ ลูกจา้ งมสี ทิ ธไิ ดค้ า่ เดนิ ทางขากลบั ไปยงั ถน่ิ ท่ไี ดจ้ า้ งมา 5)มสี ทิ ธบิ อกเลกิ สญั ญาได้ ถา้ สญั ญาจา้ งแรงงานไมไ่ ดก้ าหนดเวลาไว้ แตต่ อ้ งบอกกลา่ วล่วงหน้า
2.2 หน้ าท่ีลูกจ้าง 1)ตอ้ งทางานท่รี บั จ้างด้วยตนเอง เพราะการจ้างนัน้ นายจา้ งจะต้องพจิ ารณาคุณสมบตั ขิ องลูกจ้างเป็น สาคญั วา่ เหมาะสมกบั งาน หากจะใหบ้ คุ คลอน่ื ทาหน้าทแ่ี ทน ตอ้ งใหน้ ายจา้ งรบั รแู้ ละยนิ ยอมดว้ ย 2)ตอ้ งมคี วามสามารถตามทร่ี บั รองวา่ มคี ณุ สมบตั แิ ละฝีมอื จนนายจา้ งตกลงใจจา้ ง หากปฏบิ ตั งิ านแลว้ ไม่ เป็นดงั ทร่ี บั รองหรอื ไรฝ้ ีมอื อาจถูกนายจา้ งบอกเลกิ จา้ งได้ 3)ตอ้ งทาตามคาสงั่ และปฏบิ ตั หิ น้าทใ่ี หน้ ายจา้ งดว้ ยความสจุ รติ
สญั ญาจา้ งแรงงานอาจระงบั หรอื เลกิ ไดด้ ว้ ยเหตใุ หญ่ 3 ประการ คอื ระยะเวลา ตวั คสู่ ญั ญาและการบอกเลกิ สญั ญา ระยะเวลา 1.1สัญญาจ้างกาหนดระยะเวลาไว้ สัญญาจ้างท่ีทากันไว้อาจกาหนดเวลาจ้างเป็ นชัว่ โมง เป็ นวัน เป็นเดอื น หรอื เป็นปีก็ได้ แต่ถ้าระยะเวลาสน้ิ สดุ ลงแล้ว ลูกจ้างยงั คงทางานต่อไป และตวั นายจ้างเองกไ็ ม่ทกั ทว้ ง กฎหมายใหส้ นั นิษฐานไวก้ ่อนวา่ คสู่ ญั ญาคอื นายจา้ งและลูกจา้ งไดท้ าสญั ญากนั ใหม่ ตามกาหนดระยะเวลาเดมิ และมี ขอ้ ความของสญั ญาอยา่ งเดยี วกนั กบั สญั ญาเดมิ 1.2สญั ญาจ้างไม่ไดก้ าหนดระยะเวลาไว้ คู่สญั ญาตกลงว่าจ้างกนั แต่ไม่ได้ระบุเวลาว่าจ้างกนั นานเท่าไร คู่สัญญาฝ่ ายหน่ึงฝ่ ายใดจะเลิกสัญญาด้วยการบอกกล่าวล่วงหน้าเม่ือถึงหรือก่อนจะถึง กาหนดจ่ายสินจ้าง ในคราวใดคราวหน่ึง เพ่ือให้เป็นผลเลิกสญั ญากันเม่ือถึงกาหนดจ่ายสินจ้างคราวถัดไป ข้างหน้าก็อาจทาได้ แต่ไมจ่ าเป็นตอ้ งบอกกลา่ วล่วงหน้าถงึ สามเดอื น อน่ึง ในเม่อื มกี ารบอกกล่าวล่วงหน้าแลว้ นายจา้ งจะจ่ายสนิ จา้ งใหล้ ูกจา้ งเสยี ใหค้ รบจานวนท่ีจะตอ้ งจ่ายจนถึง เวลาเลกิ สญั ญา ตามกาหนดทบ่ี อกกลา่ วนนั้ ทเี ดยี ว แลว้ ปลอ่ ยลูกจา้ งออกจากงานเสยี ในทนั ทกี อ็ าจทาได้
ตวั ค่สู ญั ญา คสู่ ญั ญาไดแ้ ก่นายจา้ งและลูกจา้ ง อาจมกี รณเี ป็นสาเหตุใหเ้ ลกิ สญั ญาได้ มรี ายละเอยี ดดงั น้ี 2.1ลูกจ้างตายหรอื ทุพพลภาพ การท่นี ายจ้างตดั สนิ ใจจ้างลูกจ้างคนใดคนหน่ึงก็ด้วยเล็งเหน็ คุณสมบัติ ของลูกจ้างว่าเหมาะสม และเป็นคุณสมบตั ิเฉพาะตวั ของลูกจ้าง วตั ถุแหง่ สญั ญาคอื งานท่ลี ูกจ้างต้องทาใหน้ ายจ้าง หากลูกจา้ งตายยอ่ มเป็นผลใหส้ ญั ญาระงบั แต่ถา้ ลูกจา้ งไมต่ ายเป็นเพยี งทพุ พลภาพ ไมส่ ามารถปฏบิ ตั งิ านใหน้ ายจา้ ง ได้ สญั ญากต็ อ้ งระงบั เช่นเดยี วกนั เพราะการชาระหน้ีคอื การทางานใหน้ ายจ้างตกเป็นการพ้นวสิ ยั อนั มใิ ชค่ วามผดิ ของลูกจ้าง ลูกจ้างกพ็ น้ จากการชาระหน้ีด้วยการเป็นลูกจ้างนัน้ เวน้ เสยี แต่วา่ ลูกจ้างปฏบิ ตั ิงานไม่ได้ แล้วเสนอให้ บคุ คลภายนอกมาทาแทนตน โดยนายจา้ งยนิ ยอม สญั ญาจา้ งกเ็ ดนิ ตอ่ ไปไดด้ ว้ ยการเปลย่ี นตวั ลูกจา้ งใหม่ 2.2นายจ้างตาย สญั ญาจ้างระงับหรือไม่ กรณีเช่นน้ีจะต้องพิจารณาด้วยหลักกฎหมายท่ีว่างานท่ีจ้าง มีสาระสาคัญอยู่ท่ีตัวบุคคลผู้เป็ นนายจ้างหรือไม่ ถ้างานท่ีจ้างนั้นมีสาระสาคัญอยู่ท่ี ตัวบุคคลผู้เป็ นนายจ้าง สญั ญากร็ ะงบั แตถ่ า้ งานนัน้ ไมม่ สี าระสาคญั อยทู่ ต่ี วั บคุ คลผเู้ ป็นนายจา้ ง สญั ญากไ็ มร่ ะงบั
การบอกเลิกสญั ญา การบอกเลิกสัญญาจ้างแรงงาน อาจทาได้โดยคู่สัญญาใช้สิทธิบอกเลิกสัญญาประการหน่ึ ง และอกี ประการหน่ึง คอื เลกิ สญั ญาโดยบทบญั ญตั ขิ องกฎหมาย 3.1คู่สัญ ญาใ ช้สิทธิบอกเลิกสัญ ญา สิทธิของ คู่สัญ ญาอาจมีได้เ ม่ือมีการ กาห นดห รือร ะบุ ไ ว้ ในสญั ญา หากผดิ เง่อื นไขหรอื ไมเ่ ป็นไปตามทต่ี กลงกนั ไว้ ใหอ้ กี ฝ่ายมสี ทิ ธบิ อกเลกิ สญั ญาได้
3.2สญั ญาเลกิ โดยบทบญั ญตั ขิ องกฎหมาย กฎหมายลกั ษณะจา้ งแรงงานกาหนดใหน้ ายจ้างและลูกจ้างมสี ทิ ธิ บอกเลกิ สญั ญาจา้ งแรงงานไวด้ งั น้ี 1)นายจา้ งมสี ทิ ธบิ อกเลกิ สญั ญา ก.ลูกจา้ งใหบ้ คุ คลภายนอกมาทางานแทนตน โดยนายจา้ งไมไ่ ด้ยนิ ยอม ข.ลูกจ้างรบั รองตนเองโดยแจ้งชดั หรอื โดยปรยิ ายว่าตนเป็นผู้มฝี ีมอื พเิ ศษแต่ปรากฏว่าไม่เป็นดงั ท่ี รบั รองหรอื ไรฝ้ ีมอื ค.ลูกจา้ งขาดงานไปโดยไมม่ เี หตอุ นั ควร ง. จา้ งไมไ่ ดก้ าหนดระยะเวลาไว้ เม่อื บอกกลา่ วล่วงหน้าใหล้ กู จา้ งทราบแลว้ จ.นายจา้ งไลล่ กู จา้ งออก เพราะลูกจา้ งจงใจขดั คาสงั่ นายจา้ ง หรอื กระทาผดิ อยา่ งรา้ ยแรง 2)ลกู จา้ งมสี ทิ ธบิ อกเลกิ สญั ญา ก.นายจา้ งโอนสทิ ธกิ ารจา้ งใหบ้ คุ คลภายนอก โดยลกู จา้ งไม่ยนิ ยอม ข.จา้ งไมก่ าหนดระยะเวลา เมอ่ื ลกู จา้ งบอกกลา่ วลว่ งหน้าใหน้ ายจา้ งทราบแลว้
Search
Read the Text Version
- 1 - 16
Pages: