นอกจากการคุ้มครองสิทธิของแรงงานตามกฎหมายแรงงานแล้ว ยังมีกฎหมายสาหรับควบคุมกิจกรรม อุตสาหกรรมการผลติ และบรกิ าร เพ่อื กากบั การดาเนินการใหเ้ ป็นไปดว้ ยความเรยี บรอ้ ยและมมี าตรฐาน ได้แก่ การ สรา้ งความปลอดภยั ใหแ้ ก่แรงงานในภาคอุตสาหกรรมการผลติ การควบคุมการประกอบกจิ การไม่ใหเ้ กดิ ผลเสยี ต่อ สง่ิ แวดลอ้ ม การควบคมุ กจิ การในอตุ สาหกรรมบรกิ ารเพอ่ื สรา้ งมาตรฐานการดาเนินการทด่ี ี
มีการให้นิยามความหมายของคาว่าอุตสาหกรรมไว้ในหลายลักษณะด้วยกัน เช่น พจนานุกรมฉบับ ราชบณั ฑติ ยสถาน ใหค้ วามหมายของอตุ สาหกรรมวา่ หมายถงึ “กจิ กรรมทใ่ี ชท้ นุ และแรงงานเพอ่ื ผลติ สงิ่ ของหรอื จดั ให้ มบี รกิ าร มกั เป็นการประกอบธุรกจิ ขนาดใหญท่ ต่ี อ้ งใชแ้ รงงานและเงนิ ทนุ มาก ... หรอื เป็นการผลติ สงิ่ ของจานวนมาก เพ่อื การค้าโดยทวั่ ไป ก็เรียกว่าอุตสาหกรรมได้ เช่น อุตสาหกรรมในครวั เรอื น” ส่วนนิยามความหมายของคาว่า อุตสาหกรรมทป่ี รากฏในทางกฎหมาย เช่น พระราชบญั ญตั ิสง่ เสรมิ อุตสาหกรรม พ.ศ. 2497 ใหค้ วามหมายของ กิจการอุตสาหกรรมไว้ว่า “การทาผลติ ภณั ฑ์ทุกชนิด ไม่ว่าจะใชเ้ คร่อื งจกั รหรอื แรงคนและให้หมายความรวมถึง อุตสาหกรรมเกษตร อุตสาหกรรมขนสง่ อุตสาหกรรมท่องเท่ยี ว ...” หรอื ในพระราชบญั ญตั สิ ง่ เสรมิ การลงทุนเพ่อื กจิ การอตุ สาหกรรม พ.ศ. 2505 ใหค้ วามหมายของคาวา่ กจิ การอตุ สาหกรรม หมายถงึ การอตุ สาหกรรม เพาะปลูก การเลย้ี งสตั ว์ การประมง การขนสง่ และการจดั ใหค้ วามสะดวกหรอื การสง่ เสรมิ การทอ่ งเทย่ี ว ทงั้ น้ีตามทป่ี รากฏใน กฎกระทรวง
ส่วนประกาศกระทรวงมหาดไทยเร่อื งการคุ้มครองแรงงาน พ.ศ. 2515 ก็มกี ารกาหนดลักษณะของ “งานอุตสาหกรรม” เอาไว้ แตเ่ ป็นการระบรุ ายละเอยี ดวา่ งานอตุ สาหกรรมไดแ้ กง่ านดงั ตอ่ ไปน้ี 1. การทาเหมอื งแร่ เหมอื งหนิ หรอื กจิ การอ่นื ใดทเ่ี กย่ี วกบั การขดุ คน้ แรธ่ าตุหรอื ทรพั ยากรธรณีอยา่ งอ่นื 2. การทา ผลิต ประกอบ บรรจุ ซ่อม ซ่อมบารุง ปรบั ปรุง แปรสภาพหรือทาลาย ซ่ึงวตั ถุหรอื ทรพั ย์สนิ และ รวมถงึ การตอ่ เรอื การใหก้ าเนิด แปลงและจ่ายไฟฟ้าหรอื พลงั งานอยา่ งอ่นื 3. การก่อสรา้ ง ตอ่ เตมิ ตดิ ตงั้ ซ่อม ซอ่ มบารงุ ดดั แปลงหรอื รอ้ื ถอนอาคาร สนามบนิ ทางรถไฟ ทางรถราง ทา่ เรอื อเู่ รอื สะพานเทยี บเรอื ทางน้า ถนน อโุ มงค์ สะพาน ทอ่ ระบาย ทอ่ น้า โทรเลข โทรศพั ท์ ไฟฟ้า ก๊าซ หรอื ประปา หรอื งานกอ่ สรา้ งอ่นื ๆ รวมทงั้ การเตรยี มหรอื วางรากฐานของงานกอ่ สรา้ งหรอื โครงสรา้ งนนั้ ๆ 4. กจิ กรรมอ่นื ๆ ตามท่กี ฎหมายกาหนด เช่น การขนสง่ ผูโ้ ดยสารหรอื สนิ คา้ ทางถนน รถไฟ ทางน้าในประเทศ หรอื ทะเล รวมทงั้ การขนถ่ายสนิ คา้ ทอ่ี เู่ รอื สะพานเทยี บเรอื ทา่ เรอื หรอื โรงพกั สนิ คา้ ฉะนัน้ คำว่ำ “กิจกรรมอุตสำหกรรม” เป็นกิจกรรมท่ีครอบคลุมกิจกรรมทำงเศรษฐกิจท่ีกวำ้ งขวำงมำกและ หมายความกว้างไปกว่าคาว่า “โรงงานอุตสาหกรรม” ท่ีคนุ้ เคยกนั โดยคำวำ่ “อตุ สำหกรรม”หมำยถึงรวมทงั้ กิจกรรม ทำงเศรษฐกิจใดๆ ท่ีนำปัจจยั กำรผลติ มำผลิตเป็น “สนิ คำ้ ” หรอื “บรกิ ำร”ท่ีตอ้ งอำศยั เงินทนุ และแรงงำนเป็นจำนวนมำก
กจิ กรรมอตุ สาหกรรมมอี ยหู่ ลากหลาย ทพ่ี บในประเทศไทย ไดแ้ ก่ - อตุ สาหกรรมเคร่อื งใชไ้ ฟฟ้าและอเิ ลก็ กทรอนิกส์ - อตุ สาหกรรมเคมภี ณั ฑ์ - อตุ สาหกรรมปิโตรเคมี - อตุ สาหกรรมเหลก็ และเหลก็ กลา้ - อตุ สาหกรรมยานยนต์ - อตุ สาหกรรมผลติ ภณั ฑพ์ ลาสตกิ - อตุ สาหกรรมผลติ ภณั ฑเ์ คร่อื งหนงั - อตุ สาหกรรมอาหาร - อตุ สาหกรรมทอ่ งเทย่ี ว - อตุ สาหกรรมไมแ้ ละเครอ่ื งเรอื น - อตุ สาหกรรมเยอ่ื กระดาษ กระดาษและสงิ่ พมิ พ์ - อตุ สาหกรรมผลติ ภณั ฑย์ าง - อตุ สาหกรรมยา - อตุ สาหกรรมสงิ่ ทอ - อตุ สาหกรรมก่อสรา้ ง - อตุ สาหกรรมขนสง่ ฯลฯ
ซง่ึ เม่อื พิจำรณำกิจกรรมอตุ สำหกรรมท่ีมอี ย่จู ะพบวำ่ กิจกรรมอตุ สำหกรรมสำมำรถจำแนกไดเ้ ป็น 2 ประเภทคือ อุตสาหกรรมการผลิต ไดแ้ ก่ อุตสำหกรรมท่ีมุ่งกำรนำปัจจัยกำรผลิตมำผ่ำนกระบวนกำรผลิตเพ่ือทำให้เกิด “สินค้า” เช่น อตุ สำหกรรมเครอ่ื งใชไ้ ฟฟ้ำและอเิ ลก็ ทรอนิกส์ อตุ สำหกรรมปิโตรเคมี อตุ สำหกรรมยำ อตุ สำหกรรมส่ิงทอ เป็นตน้ อุตสาหกรรมบริการ ไดแ้ ก่ อตุ สำหกรรมท่ีนำปัจจยั กำรผลิตมำผำ่ นกระบวนกำรผลิตเพ่ือใหอ้ ย่ใู นรูปของ “บริการ” เพ่ือใหเ้ กดิ ควำมสะดวกสบำยแกผ่ ใู้ ชบ้ รกิ ำร เชน่ อตุ สำหกรรมทอ่ งเท่ียว อตุ สำหกรรมขนสง่ อตุ สำหกรรมกอ่ สรำ้ ง เป็นตน้
กจิ กรรมอตุ สาหกรรมมสี ว่ นสาคญั อย่างยงิ่ ต่อการพฒั นาประเทศ หากไมม่ กี ารกากบั ดูแลการดาเนินกจิ กรรมทด่ี ี พอ อาจสง่ ผลผลกระทบดา้ นลบต่อการพฒั นาประเทศ ไดแ้ ก่ ผลกระทบต่อสวสั ดภิ าพของแรงงาน และปัญหามลภาวะ กฎหมายจงึ เขา้ มาควบคมุ กจิ กรรมอตุ สาหกรรมดา้ นการผลติ และบรกิ ารเพ่อื ป้องกนั ผลกระทบทางลบดา้ นต่างๆ เชน่ ดา้ นสวสั ดภิ าพแรงงานนนั้ นอกจากกฎหมายทเ่ี กย่ี วกบั การคมุ้ ครองสวสั ดภิ าพของแรงงานตามทไ่ี ดก้ ล่าวมาในหน่วย กอ่ นหน้าน้ีแลว้ กฎหมายยงั กาหนดใหก้ จิ กรรมอุตสาหกรรมจาเป็นต้องสรา้ งสภาพแวดลอ้ มในการทางานทป่ี ลอดภยั ต่อแรงงาน ส่วนการควบคุมปัญหามลภาวะนัน้ กฎหมายจะเข้ามาสร้างมาตรการควบคุมการดาเนินกิจกรรม อตุ สาหกรรมเพ่อื ลดการปลอ่ ยมลภาวะในพน้ื ทน่ี ัน้ ๆ รฐั จงึ บญั ญตั กิ ฎหมายเกย่ี วกบั มาตรการควบคุมอตุ สาหกรรมดา้ น การผลติ และบรกิ ารไวเ้ ป็นภาพรวม
ความปลอดภัย อาชีวอนามัย และสภาพแวดล้อมในการทางาน มีบัญญัติและอธิบายไว้แล้วใน พระราชบญั ญัติคุ้มครองแรงงาน พ.ศ. 2541 มาตรา 100 ถึงมาตรา 107 หลักส่วนใหญ่เป็นการคุ้มครอง แรงงานทวั่ ไป ไดถ้ ูกยกเลกิ ไปแล้วตามพระราชบญั ญตั คิ มุ้ ครองแรงงาน (ฉบบั ท่ี 4) พ.ศ. 2553 และเพ่อื ประโยชน์ใน การวางมาตรการควบคมุ กากบั ดแู ล และบรหิ ารจดั การดา้ นความปลอดภยั อาชวี อนามยั และสภาพแวดลอ้ มในการ ทางานเพ่อื ป้องกนั และรกั ษาทรพั ยากรบุคคลอนั เป็นกาลงั สาคญั ของชาติ จึงได้มกี ารตราพระราชบญั ญตั ิคุ้มครอง ความปลอดภยั ฉบบั ใหม่ข้นึ คอื “พระราชบญั ญตั ิความปลอดภยั อาชีวอนามยั และสภาพแวดล้อมในการ ทางาน พ.ศ. 2554” ใชบ้ งั คบั ในปัจจุบนั ขน้ึ แทน ความปลอดภยั อาชีวอนามยั และสภาพแวดล้อมในการทางาน หมายความว่า “การกระทาหรอื สภาพการ ทางานซง่ึ ปลอดจากเหตอุ นั จะทาใหเ้ กดิ การประสบอนั ตรายต่อชวี ติ ตอ่ รา่ งกาย จติ ใจ หรอื สขุ ภาพอนามยั อนั เน่ืองจาก การทางาน หรอื เกย่ี วกบั การทางาน
จากความหมาย และคาจากดั ความคาว่า ความปลอดภยั อาชวี อนามยั และสภาพแวดล้อมในการทางาน จึง หมายถงึ นายจ้างทาการป้องกนั มิให้ผ้ใู ช้แรงงาน ซ่ึงหมายถึงลูกจ้างทเ่ี ก่ยี วข้องในการประกอบอาชพี ทร่ี บั จา้ ง และทางานใหน้ ายจา้ ง สามารถทางานอย่างมนั่ คงปลอดภยั ไดร้ บั การป้องกนั และสง่ เสรมิ คมุ้ ครองดา้ นชวี ติ ร่างกาย จติ ใจ สขุ ภาพอนามยั และอารมณ์ในการทางาน ดงั คาขวญั ขององคก์ ารอนามยั โลกทก่ี ล่าวไวว้ ่า อาชีวอนามยั เพ่ือ ทกุ คน (Health for all) วธิ กี ารทจ่ี ะใหล้ กู จา้ งหรอื ผใู้ ชแ้ รงงานไดร้ บั ความปลอดภยั ในอาชวี อนามยั ซง่ึ หมายถงึ ปลอดภัยจากอนั ตรายท่ี เกย่ี วขอ้ งกบั การประกอบอาชพี และปลอดภยั จากอนั ตรายทเ่ี กดิ จากสภาพแวดลอ้ ม ปลอดภยั จากอนั ตรายทเ่ี กดิ จาก เคร่อื งมอื เครอ่ื งจกั ร อปุ กรณ์ในการทางาน สารเคมอี นั ตรายต่างๆ ทใ่ี ชใ้ นการผลติ การก่อสรา้ ง และบรกิ าร นายจ้าง ควรมความรบั ผดิ ชอบและยดึ หลกั การทางานเพ่ือให้เกิดความปลอดภยั ในอาชวี อนามยั และสภาพแวดลอ้ มในการ ทางานของลกู จา้ ง ดงั น้ี
การจดั การ เน่ืองจากความแตกต่างและความสามารถของลกู จา้ งแต่ละคน รวมทงั้ ดา้ นรา่ งกายและจติ ใจ อาจ แตกต่าง เหมอื น หรือใกล้เคยี ง การดูแลจัดการและควบคุม ย่อมมีความจาเป็นอย่างยง่ิ ตามหลกั ท่ีว่าใช้คนให้ เหมาะสมกบั งานและความรคู้ วามสามารถ การคุ้มครอง ดว้ ยการปกป้องคุม้ ครองป้องกันลูกจ้างท่ที างานเส่ยี งอนั ตราย อนั อาจเป็นเหตุให้เกดิ การ บาดเจบ็ เป็นอนั ตรายแก่กายหรอื เสยี ชวี ติ จากการทางานได้ การป้ องกัน ด้วยการดูแลป้ องกันมิให้ลูกจ้างทางานในสภาพแวดล้อมท่ีอาจก่อให้เกิดเป็ น อันตรายต่อร่างกาย ต่อสุขภาพ ได้แก่ การได้รบั กลิ่น ฝ่ ุนละออง และเสียงขณะทางานเกินเกณฑ์มาตร ฐาน อนั จะนามาซง่ึ การเจบ็ ป่วย และเสยี ชวี ติ ได้ การส่งเสริม คอื การทะนุบารงุ สขุ ภาพอนามยั รกั ษาไวซ้ ง่ึ ความแขง็ แรง ความสมบรู ณ์ในรา่ งกายของลูกจา้ ง และผู้ประกอบอาชีพในสถานประกอบการทุกคน เช่น ให้มีการตรวจร่างกายเพ่อื สุขภาพเป็นประจาทุก 6 เดือน หรือหน่ึงปี มสี ถานท่อี อกกาลงั กายหลังเลิกงาน อนั จะทาให้ลูกจ้าง คอื ผู้ใช้แรงงานอยู่ในสงั คมได้อย่างเป็นปกติ และมคี วามสขุ
กฎหมายใหน้ ายจ้างบรหิ ารจดั การ และดาเนินการดา้ นความปลอดภยั อาชวี อนามยั และสภาพแวดลอ้ มในการ ทางานใหเ้ ป็นไปตามมาตรฐานทก่ี าหนดในกฎกระทรวง การบริหารจัดการ และการดาเนินการของนายจ้าง ตามมาตรฐานท่ีกาหนดไว้ในกฎกระทรวง ได้แก่ กฎกระทรวงว่าด้วย “กาหนดมาตรฐานในการบริหารจดั การ และดาเนินการด้านความปลอดภยั อาชีวอนา มยั และสภาพแวดล้อมในการทางานเกี่ยวกบั การป้องกนั และระงบั อคั คีภยั พ.ศ. 2555 ลงวนั ท่ี 7 ธนั วาคม 2555” ประกาศในราชกิจจานุเบกษาวนั ท่ี 9 มกราคม 2556 สรุปสาระสาคญั ท่นี ายจ้างจะต้องบริหารจดั การและ ดาเนินการในเรอ่ื งเกย่ี วกบั การป้องกนั และระงบั อคั คีภยั ตามกฎกระทรวงซง่ึ เป็นกฎหมายบงั คบั ไว้ โดยสรปุ ดงั น้ี 1. ในสถานประกอบกจิ การทกุ แหง่ ใหน้ ายจา้ งจดั ทาป้ายขอ้ ปฏบิ ตั เิ กย่ี วกบั การดบั เพลงิ และการอพยพหนีไฟ และ ปิดประกาศใหเ้ หน็ ไดอ้ ยา่ งชดั เจน 2. สถานประกอบกิจการมีลูกจ้างตัง้ แต่สิบคนขึ้นไป นอกจากปฏิบัติตามข้อ 1 แล้วให้นายจ้างจัดให้มี แผนป้องกนั และระงบั อคั คีภยั ไว้ด้วย และพรอ้ มทจ่ี ะใหพ้ นักงานตรวจความปลอดภยั ทาการตรวจสอบได้
3. กรณีนายจ้างสงั่ ใหล้ ูกจ้างทางานทม่ี ลี กั ษณะเสย่ี งหรอื อาจเสย่ี งต่อการเกิดอคั คภี ยั ให้นายจา้ งแจง้ ขอ้ ปฏบิ ตั ิ เกย่ี วกบั ความปลอดภยั ในการทางานใหล้ ูกจา้ งทราบก่อนการปฏบิ ตั งิ าน 4. ใหน้ ายจา้ งจดั ใหม้ เี สน้ ทางหนีไฟทกุ ชนั้ ของอาคารอยา่ งน้อยชนั้ ละสองเสน้ ทาง สามารถอพยพลูกจา้ งทท่ี างานสู่ จุดทป่ี ลอดภยั ไดโ้ ดยปลอดภยั ภายในเวลาไมเ่ กนิ หา้ นาที 5. ประตเู สน้ ทางหนีไฟใหต้ ดิ อปุ กรณ์แบบบงั คบั เปิด-ปิดไดเ้ อง หา้ มใชป้ ระตูบานเล่อื น ประตูมว้ นหรอื ประตูหมุน หา้ มปิดตายแบบใสก่ ลอน ใสก่ ุญแจ ผกู หรอื ล่ามโซ่ หรอื ทาใหเ้ ปิดออกไมไ่ ดข้ ณะท่ลี ูกจา้ งทางาน 6. สถานประกอบกจิ การมอี าคารตงั้ แตส่ องชนั้ ขน้ึ ไป หรอื มพี น้ื ทป่ี ระกอบกจิ การตงั้ แต่สามรอ้ ยตารางเมตรขน้ึ ไป ใหน้ ายจา้ งจดั ใหม้ รี ะบบสญั ญาณแจง้ เหตุเพลงิ ไหมใ้ นสถานประกอบกจิ การทกุ ชนั้ 7. นายจา้ งตอ้ งจดั ใหม้ แี สงสว่างอยา่ งเพยี งพอ สาหรบั เสน้ ทางหนีไฟในการอพยพลูกจ้างออกจากอาคารหนีไฟ และมแี หลง่ จ่ายไฟฟ้าสารอง ทส่ี ามารถจ่ายไฟฟ้าเพ่อื การหนีไฟ และใชก้ บั อุปกรณ์ดบั เพลงิ ขนั้ ต้น หรอื อุปกรณ์อ่นื ท่ี เกย่ี วขอ้ งเม่อื ไฟฟ้าดบั 8. ใหน้ ายจา้ งจดั ใหม้ ปี ้ายบอกทางหนีไฟ ขนาดตวั หนังสอื ต้องสงู ไมน่ ้อยกว่าสบิ หา้ เซนตเิ มตร และเหน็ ไดอ้ ย่าง ชดั เจน มแี สงสวา่ งมองเหน็ ไดช้ ดั ตลอดเวลา 9. ใหน้ ายจา้ งจดั ใหม้ รี ะบบน้าดบั เพลงิ และอปุ กรณ์ประกอบเพอ่ื ใชใ้ นการดบั เพลงิ ขนั้ ตน้ ได้อยา่ งเพยี งพอ
10.ให้นายจ้างจัดป้องกันอคั คีภัยอันอาจเกิดจากแหล่งกระจายตัวความร้อน เช่น กระแสไฟฟ้ าลัดวงจร เคร่อื งยนต์หรอื ปล่องไฟทเ่ี กดิ ลูกไฟกระเดน็ ถูกวตั ถุติดไฟได้ การแผ่รงั สคี วามรอ้ น การเสยี ดสที าใหเ้ กดิ ความรอ้ น การเชอ่ื มโลหะ เป็นตน้ 11.กรณีนายจ้างมที ่เี ก็บหรอื ขนถ่ายวตั ถุไวไฟ หรือวตั ถุระเบดิ จะต้องดาเนินการอย่าง ปลอดภยั เพ่อื ป้องกนั อคั คภี ยั 12.ใหน้ ายจ้างจดั ใหม้ กี ารทาความสะอาดมใิ หม้ กี ารสะสมของเสยี ทต่ี ดิ ไฟง่าย อย่างน้อยวนั ละหน่ึงครงั้ วตั ถุตดิ ไฟงา่ ยตอ้ งใสใ่ นภาชนะทเ่ี ป็นโลหะ กาจดั ของเสยี ตดิ ไฟงา่ ยดว้ ยการเผาในเตาเผาทอ่ี อกแบบไวโ้ ดยเฉพาะ 13.ใหน้ ายจ้างจดั ใหม้ รี ะบบป้องกนั อนั ตรายจากฟ้าผ่า สาหรบั อาคารท่มี วี ตั ถุไวไฟ วตั ถุระเบิด สง่ิ ก่อสร้างท่มี ี ความสงู ประเภทปล่องควนั เสาธง ถงั เกบ็ น้าหรอื สารเคมี การตดิ ตงั้ ระบบป้องกนั อนั ตรายจากฟ้าผ่า ให้ปฏบิ ตั ติ าม มาตรฐานของสมาคมวศิ วกรรมสถานแหง่ ประเทศไทยในพระบรมราชปู ถมั ภ์ 14.ให้นายจ้างจดั ลูกจ้างไม่น้อยกว่ารอ้ ยละสส่ี บิ ของสถานประกอบกจิ การรบั การฝึกอบรมการดบั เพลิงขนั้ ต้น โดยใหผ้ ทู้ ไ่ี ดร้ บั ใบอนุญาตจากกรมสวสั ดกิ ารและคมุ้ ครองแรงงานเป็นผดู้ าเนินการฝึกอบรม 15.ใหน้ ายจ้างจดั ให้ลูกจ้างทุกคนฝึกซ้อมดบั เพลงิ และฝึกซ้อมอพยพหนีไฟพรอ้ มกนั อย่างน้อยปี ละหน่ึงครงั้ ในกรณที น่ี ายจา้ งไมส่ ามารถดาเนินการฝึกซอ้ มดบั เพลงิ และฝึกซอ้ มอพยพหนีไฟไดเ้ อง จะต้องใหผ้ ูท้ ไ่ี ดร้ บั ใบอนุญาต จากกรมสวสั ดกิ ารและคมุ้ ครองแรงงานเป็นผดู้ าเนินการฝึกซอ้ มให้
โดยทวั่ ไป หน้าทข่ี องนายจ้างต้องบรหิ ารจดั การสถานประกอบกจิ การให้เกิดความปลอดภยั ต่อลูกจ้าง และ สถานทท่ี างาน ตามทพ่ี ระราชบญั ญตั คิ วามปลอดภยั อาชวี อนามยั และสภาพแวดลอ้ มในการทางานกาหนดไวด้ งั น้ี จดั ดแู ลสถานประกอบกิจการและสภาพแวดล้อมในท่ีทางาน ดว้ ยการใหล้ ูกจา้ งมสี ภาพการทางานและมี สภาพแวดล้อมในการทางานทป่ี ลอดภยั และถูกสขุ ลกั ษณะ รวมทงั้ สง่ เสรมิ สนับสนุนการปฏบิ ตั งิ านของลูกจ้าง มใิ ห้ ลกู จา้ งไดร้ บั อนั ตรายตอ่ ชวี ติ จติ ใจ และสขุ อนามยั ให้ลูกจ้างรู้สภาพของงานที่จะทาล่วงหน้า กรณีนายจ้างให้ลูกจ้างทางานในสภาพการทางานหรือ สภาพแวดล้อมการทางานทอ่ี าจทาให้ลูกจ้างได้รบั อนั ตรายต่อชวี ติ ต่อร่างกาย ต่อจิตใจ หรือสขุ ภาพอนามยั ให้ นายจ้างแจ้งให้ลูกจ้างทราบถึงอนั ตรายท่อี าจจะเกิดข้นึ ขณะการทางาน และแจกคู่มอื ปฏบิ ตั งิ าน ให้ลูกจ้างทุกคน ก่อนทล่ี กู จา้ งจะเขา้ ทางาน เปลย่ี นงาน หรอื เปลย่ี นสถานท่ที างาน
ให้ความร้แู ก่ผ้บู ริหาร หวั หน้างาน และลูกจ้าง ใหน้ ายจ้างจดั ใหผ้ บู้ รหิ าร หวั หน้างาน และลูกจ้างทกุ คน ได้รับการฝึกอบรมความปลอดภัย อาชีวอนามัย และสภาพแวดล้อมในการทางาน เพ่ือให้บริหารจัดการ และดาเนินการดา้ นความปลอดภยั อาชวี อนามยั และสภาพแวดลอ้ มในการทางานไดอ้ ยา่ งปลอดภยั ในกรณีนายจ้างรับลูกจ้างเข้าทางาน เปล่ียนงาน เปล่ียนสถานท่ีทางาน หรือ เปล่ียนแปลงเคร่ืองจักร หรอื อุปกรณ์ ซ่งึ อาจทาใหล้ ูกจ้างไดร้ บั อนั ตรายต่อชีวติ ร่างกาย จติ ใจ หรอื สขุ ภาพอนามยั ให้นายจ้างจดั ให้มกี าร ฝึกอบรมลูกจา้ งทกุ คนกอ่ นเรมิ่ ทางาน อน่ึง คาวา่ ผบู้ รหิ ารในสถานประกอบกจิ การ หมายถงึ ลูกจา้ งตงั้ แต่ระดบั ผจู้ ดั การในหน่วยงานขน้ึ ไป
ติดตัง้ เครื่องหมายเกี่ยวกับความปลอดภัย ให้นายจ้างติดประกาศสญั ลักษณ์เตือนอันตราย และ เครอ่ื งหมายเกย่ี วกบั ความปลอดภยั อาชวี อนามยั และสภาพแวดลอ้ มในการทางาน และขอ้ ปฏบิ ตั ใิ นการป้องกนั ระงบั อคั คภี ยั รวมทงั้ ขอ้ ความแสดงสทิ ธิหน้าทข่ี องนายจ้าง และลูกจ้างตามท่ีอธิบดกี รมสวสั ดกิ ารและคุ้มครองแรงงาน ประกาศกาหนดในทซ่ี ง่ึ เหน็ ไดง้ า่ ย ณ สถานประกอบกจิ การ ให้ลกู จ้างสวมใส่อปุ กรณ์ค้มุ ครองความปลอดภยั ใหน้ ายจา้ งจดั และดแู ลลูกจา้ งใหส้ วมใสอ่ ปุ กรณ์คมุ้ ครอง ความปลอดภยั ส่วนบุคคลทไ่ี ดม้ าตรฐานตามทอ่ี ธิบดปี ระกาศกาหนด ถ้าลูกจ้างไม่ยอมสวมใส่อุปกรณ์ดงั กล่าว ให้ นายจา้ งสงั่ ใหล้ ูกจา้ งหยดุ การทางานนัน้ จนกวา่ ลูกจา้ งจะสวมใสอ่ ปุ กรณ์ดงั กลา่ วทจ่ี ดั ให้ นายจ้างที่เป็ นผ้รู บั เหมา กรณีนายจ้างเป็นผูร้ บั เหมาหรอื รบั เหมาช่วง มหี น้าท่ตี ้องจัดสถานท่ที างานท่ี ปลอดภยั ใหม้ สี ภาพแวดล้อมในการทางานทถ่ี ูกสุขลกั ษณะเพ่อื ใหเ้ กดิ ความปลอดภยั แก่ลูกจ้างทุกคน เช่นเดยี วกบั สถานประกอบกจิ การ
เพ่ือประโยชน์ในการควบคุม กากบั ดูแล การดาเนินการด้านความปลอดภัย อาชีวอนามยั และสภาพแวดล้อม ในการทางาน ใหน้ ายจา้ งดาเนินการดงั ต่อไปน้ี 1.1จดั ใหม้ กี ารประเมนิ อนั ตราย 1.2 ศกึ ษาผลกระทบของสภาพแวดลอ้ มในการทางานทม่ี ผี ลตอ่ ลูกจา้ ง 1.3จั ด ท า แ ผ น ก า ร ด า เ นิ น ง า น ด้ า น ค ว า ม ป ล อ ด ภั ย อ า ชี ว อ น า มัย แ ล ะ ส ภ า พ แ ว ด ล้ อ ม ในการทางาน และจดั ทาแผนการควบคมุ ดแู ลลกู จา้ งและสถานประกอบกจิ การ 1.4ส่ง ผ ล ก า ร ป ร ะ เ มิน อัน ต ร า ย ก า ร ศึก ษ า ผ ล ก ร ะ ท บ แ ผ น ก า ร ด า เ นิ น ง า น แ ล ะ แ ผ น ก า ร ควบคมุ ขอ้ มลู 3 ขอ้ ขา้ งตน้ ใหอ้ ธบิ ดกี รมสวสั ดกิ ารและคมุ้ ครองแรงงาน หรอื ผซู้ ง่ึ อธบิ ดมี อบหมาย ในการดาเนินการควบคมุ กากบั ดแู ลของนายจา้ งจะไดร้ บั คาแนะนา และไดร้ บั การรบั รองผลการประเมนิ จาก ผ้ชู านาญการด้านความปลอดภยั อาชีวอนามยั และสภาพแวดล้อมในการทางาน ผชู้ านาญการดา้ นความปลอดภยั อาชวี อนามยั และสภาพแวดลอ้ มในการทางาน คอื บุคคลทไ่ี ดร้ บั ใบอนุญาต ใหเ้ ป็นผชู้ านาญการจากอธบิ ดกี รมสวสั ดกิ ารและคมุ้ ครองแรงงานตามพระราชบญั ญตั ิน้ี
กรณีสถานประกอบกิจการใดเกิดอบุ ตั ิภยั ร้ายแรง หรอื ลูกจา้ งประสบอนั ตรายจากการทางาน ใหน้ ายจ้าง ดาเนินการดงั น้ี 2.1 กรณลี กู จ้างเสียชีวิตจากการทางาน ใหน้ ายจา้ งแจง้ ต่อพนักงานตรวจความปลอดภยั ทนั ทที ท่ี ราบดว้ ย การโทรศพั ท์ โทรสาร หรอื วธิ อี ่นื ใดทม่ี รี ายละเอยี ดพอสมควรแลว้ ใหแ้ จง้ รายละเอยี ดและสาเหตุเป็นหนงั สอื ภายในเจด็ วนั นบั แต่วนั ทล่ี กู จา้ งเสยี ชวี ติ 2.2 กรณีสถานประกอบกจิ การไดร้ บั ความเสยี หายหรอื ตอ้ งหยดุ การผลติ หรอื มบี คุ คลในสถานประกอบกจิ การ ประสบอนั ตรายหรอื ไดร้ บั ความเสยี หายอนั เน่ืองมาจากเพลงิ ไหม้ การระเบดิ สารเคมรี วั่ ไหล หรอื อุบตั ิภยั รา้ ยแรง ให้ นายจ้างแจง้ ต่อพนักงานตรวจความปลอดภยั ในทนั ทที ท่ี ราบทางโทรศพั ท์ โทรสาร หรอื วธิ อี ่นื ใดและให้แจ้งเป็น หนังสอื ระบสุ าเหตุอนั ตรายทเ่ี กดิ ขน้ึ ความเสยี หาย ภายในเจด็ วนั 2.3 กรณีลูกจ้างประสบอนั ตรายหรอื เจ็บป่วยตามกฎหมายว่าด้วยเงนิ ทดแทน เม่อื นายจ้างแจ้งการประสบ อนั ตรายหรอื เจบ็ ป่วยต่อสานักงานประกนั สงั คมตามกฎหมายเงนิ ทดแทนแลว้ ใหน้ ายจ้างสง่ สาเนาหนังสอื ทแ่ี จ้งนัน้ ต่อ พนักงานตรวจความปลอดภยั ภายในเจด็ วนั ดว้ ย การแจ้งเป็นหนังสอื ให้ทาตามแบบท่อี ธิบดปี ระกาศกาหนด และเม่อื พนักงานตรวจความปลอดภยั ได้รบั หนงั สอื แลว้ ใหด้ าเนินการตรวจสอบและหามาตรการป้องกนั อนั ตรายโดยเรว็
การควบคุม กากบั ดูแล นอกจากจะเป็นหน้าทข่ี องนายจ้างแล้ว รฐั มนตรวี ่าการกระทรวงแรงงาน ยงั แต่ งตงั้ ตวั แทนให้ปฏบิ ตั หิ น้าท่กี ากบั ดูแลสถานประกอบกจิ การและการปฏบิ ตั ิงานของนายจ้าง ลูกจ้างในสถ านประกอบ กจิ การด้านความปลอดภยั อาชวี อนามยั และสภาพแวดล้อมในการทางาน มชี ่อื เรยี กว่า “พนักงานตรวจความปลอดภยั ” และใหม้ อี านาจหน้าท่ี ดงั น้ี 1. เขา้ ไปในสถานประกอบกจิ การ หรอื สานักงานของนายจา้ งในเวลาทาการหรอื เมอ่ื เกดิ อบุ ตั ภิ ยั 2. ตรวจสอบ บนั ทกึ ภาพและเสยี งเก่ยี วกบั สภาพแวดลอ้ มในการทางานทเ่ี กย่ี วกบั ความปลอดภยั อาชวี อนามยั และสภาพแวดลอ้ มในการทางาน 3. ใชเ้ คร่อื งมอื ในการตรวจวดั หรอื ตรวจสอบเคร่อื งจกั ร หรอื อปุ กรณ์ในสถานประกอบกจิ การ 4. เกบ็ ตวั อยา่ งของวสั ดุหรอื ผลติ ภณั ฑใ์ ดๆ ภายในขอบเขตอานาจ และเรยี กบคุ คลท่ีเกย่ี วขอ้ งมาชแ้ี จง รวมทงั้ ตรวจสอบหรอื ใหส้ ง่ เอกสารหลกั ฐานทเ่ี กย่ี วขอ้ ง และเสนอแนะมาตรการป้องกนั อนั ตรายตอ่ อธบิ ดโี ดยเรว็
ในกรณีพนักงานตรวจความปลอดภยั พบว่านายจ้าง ลูกจ้างหรือผู้ท่เี ก่ียวขอ้ ง ผู้ใดฝ่ า ฝืนหรอื ไม่ปฏบิ ตั ติ าม พระราชบญั ญัติน้ี หรือกฎกระทรวงท่อี อกตามพระราชบญั ญตั ิน้ี หรือพบว่าสภาพแวดล้อมในการทางาน อาคาร สถานท่ี เคร่อื งจกั ร อุปกรณ์ท่ลี ูกจา้ งใชจ้ ะก่อใหเ้ กิดความไม่ปลอดภยั แก่ลูกจา้ ง ให้พนักงานตรวจความปลอดภยั มี อานาจสงั่ ใหผ้ นู้ ัน้ หยดุ การกระทาทฝ่ี ่าฝืน แกไ้ ข ปรบั ปรงุ หรอื ปฏบิ ตั ิใหถ้ ูกตอ้ งหรอื เหมาะสมภายในเวลาสามสบิ วนั ถ้ามเี หตุจาเป็นไมอ่ าจดาเนินการใหแ้ ล้วเสรจ็ อาจขยายระยะเวลาออกไปไดไ้ มเ่ กนิ สองครงั้ ครงั้ ละสามสบิ วนั นับแต่ วนั ทค่ี รบกาหนดเวลาดงั กลา่ วได้ ในกรณีนายจ้างไม่ปฏบิ ตั ิตามคาสงั่ ของพนักงานตรวจความปลอดภยั ดงั ท่กี ล่าวมาแล้ว ถ้ามีเหตุก่อให้เกิด อนั ตรายอยา่ งรา้ ยแรงทก่ี รมสวสั ดกิ ารและคมุ้ ครองแรงงานสมควรเขา้ ไปดาเนินการแทน ใหอ้ ธบิ ดกี รมสวสั ดกิ ารและ คมุ้ ครองแรงงานหรอื ผซู้ ง่ึ อธบิ ดมี อบหมาย มอี านาจสงั่ ให้พนักงานตรวจความปลอดภยั หรอื มอบหมายใหบ้ ุคคลใด หรอื บคุ คลภายนอกเขา้ จดั การแกไ้ ขใหเ้ ป็นไปตามคาสงั่ นัน้ ได้ ในกรณีเชน่ น้ี นายจา้ งต้องเป็นผู้เสยี คา่ ใชจ้ ่าย สาหรบั การเขา้ จดั การแกไ้ ขตามจานวนทจ่ี ่ายจรงิ
เพ่อื เป็นมาตรการบงั คบั นายจ้างใหร้ บั ผดิ ชอบค่าใชจ้ ่ายกรณีพนักงานตรวจความปลอดภยั หรอื บุคคลอ่นื เขา้ ไป ดาเนินการด้านความปลอดภยั แทนนายจา้ ง หากปรากฏว่านายจ้างไม่ชาระค่าใช้จ่ายตามท่ีกฎหมายบงั คบั ไว้ อธิบดีกรมสวสั ดิการและค้มุ ครองแรงงานมอี านาจออกคาสงั่ เป็นหนังสอื ใหย้ ดึ อายดั ทรพั ยส์ ินของนายจ้างออก ขายทอดตลาดใชห้ น้ีทจ่ี ่ายไปแลว้ ไดเ้ ทา่ ทจ่ี าเป็นตามทไ่ี ดใ้ ชจ้ า่ ยไปจรงิ หลกั เกณฑ์ วธิ กี าร และเง่อื นไขในการยึด อายดั และขายทอดตลาดทรพั ยส์ ินของนายจ้างให้เป็นไปตาม ระเบยี บทร่ี ฐั มนตรวี า่ การกระทรวงแรงงานกาหนด
1. กรณีทพ่ี นักงานตรวจความปลอดภยั สงั่ ใหน้ ายจา้ งหยดุ การผลติ เพ่อื ทาการแก้ไข ปรบั ปรงุ ปฏบิ ตั ใิ หถ้ ูกต้อง ตามกฎหมายวา่ ดว้ ยความปลอดภยั อาชวี อนามยั และสภาพแวดลอ้ มในการทางาน ระหวา่ งหยุดการทางานหรอื หยุด กระบวนการผลิตให้นายจ้างจ่ายเงนิ ให้แก่ลูกจ้างท่เี ก่ยี วขอ้ งกบั การหยุดการทางานหรอื หยุดกระบวนการผลิตนัน้ เทา่ กบั ค่าจา้ งหรอื สทิ ธปิ ระโยชน์อ่นื ใดทล่ี ูกจ้างต้องไดร้ บั เวน้ แต่ลูกจ้างรายนัน้ จงใจกระทาการอนั เป็นเหตุใหม้ กี าร หยดุ การทางานหรอื หยดุ กระบวนการผลติ 2. หา้ มนายจา้ งเลกิ จ้างลูกจา้ ง หรอื โยกยา้ ยหน้าทก่ี ารทางานของลูกจ้างเพราะเหตุทล่ี ูกจา้ งดาเนินการฟ้องรอ้ ง หรอื เป็นพยาน หรอื ใหห้ ลกั ฐาน หรอื ใหข้ อ้ มลู เกย่ี วกบั ความปลอดภยั อาชวี อนามยั และสภาพแวดล้อมในการทางาน ตอ่ พนักงานตรวจความปลอดภยั หรอื คณะกรรมการตามพระราชบญั ญตั นิ ้ีหรอื ต่อศาล
ในพระราชบญั ญตั นิ ้ี ใหม้ กี ารจดั ตงั้ กองทุนข้นึ กองทุนหน่ึง อยู่ในกรมสวสั ดกิ ารและคุม้ ครองแรงงาน เรยี กว่า “กองทุนความปลอดภยั อาชีวอนามยั และสภาพแวดล้อมในการทางาน” เพ่อื เป็นทุนใช้จ่ายในการดาเนินการ ดา้ นความปลอดภยั อาชวี อนามยั และสภาพแวดลอ้ มในการทางานตามพระราชบญั ญตั ิน้ี เงนิ กองทนุ ใหใ้ ชจ้ า่ ยเพอ่ื การดงั ต่อไปน้ี 1. เพ่อื การรณรงคส์ ง่ เสรมิ ความปลอดภยั อาชวี อนามยั และสภาพแวดลอ้ มในการทางาน และการพฒั นา 2. ชว่ ยเหลอื และอดุ หนุนงานของรฐั สมาคม มลู นิธิ องคก์ รเอกชนหรอื บคุ คลทเ่ี สนอโครงการหรอื แผนงานในการ ดาเนินการสง่ เสรมิ สนับสนุนการศกึ ษา วจิ ยั และการพฒั นาดา้ นความปลอดภยั อาชวี อนามยั และสภาพแวดล้อมใน การทางาน
3. คา่ ใชจ้ ่ายในการบรหิ ารกองทนุ และการปฏบิ ตั หิ น้าทข่ี องกรรมการและอนุกรรมการ ตามระเบยี บท่ีรฐั มนตรี กาหนด 4. สนบั สนุนการดาเนินงานของสถาบนั สง่ เสรมิ ความปลอดภยั อาชวี อนามยั และสภาพแวดล้อมในการทางาน ตามความเหมาะสมเป็นรายปี 5. ใหน้ ายจา้ งกยู้ มื เพอ่ื แกไ้ ขสภาพความไมป่ ลอดภยั หรอื เพ่อื ป้องกนั อบุ ตั เิ หตุ 6. เป็นเงนิ ทดรองจ่ายใหพ้ นักงานตรวจความปลอดภยั แกไ้ ขปัญหาทน่ี ายจา้ งไม่ปฏบิ ตั ติ ามคาสัง่ โดยใหบ้ คุ คล อน่ื เขา้ ดาเนินการแทนไปก่อน
กจิ กรรมอตุ สาหกรรมดา้ นการผลติ จะมปี ัญหาสาคญั ใหก้ บั สงิ่ แวดลอ้ มประการหน่ึง คอื ปัญหามลพษิ ใหเ้ กดิ แก่สงิ่ แวดลอ้ ม ทงั้ ทางน้า ทางอากาศ ทางดนิ และน้าใตด้ นิ ทงั้ น้ีมกี ฎหมายทค่ี วบคมุ มลพษิ จากกจิ กรรมอตุ สาหกรรมไวด้ งั น้ี 1. มลพิษทางน้า เชน่ - ประกาศกระทรวงอตุ สาหกรรม เรอ่ื ง กาหนดมาตรฐานควบคมุ การระบายน้าทง้ิ จากโรงงานพ.ศ. 2560 - ประกาศกระทรวงอตุ สาหกรรม เร่อื ง กาหนดใหโ้ รงงานทต่ี ้องมรี ะบบบาบดั น้าเสยี ต้องตดิ ตงั้ เคร่อื งมอื หรอื เคร่อื งอปุ กรณ์พเิ ศษและเครอ่ื งมอื หรอื เคร่อื งอปุ กรณ์เพม่ิ เตมิ พ.ศ. 2547 - ประกาศกระทรวงอตุ สาหกรรม เร่อื ง มาตรการควบคมุ ปรมิ าณความสกปรกของน้าทง้ิ จากภาคอตุ สาหกรรม เพ่อื ฟ้ืนฟูคณุ ภาพน้าในแมน่ ้าเจา้ พระยา พ.ศ. 2551
2. มลพิษทางดินและน้าใต้ดิน เชน่ - กฎกระทรวงอตุ สาหกรรมควบคมุ การปนเป้ือนในดนิ และน้าใตด้ นิ ภายในบรเิ วณโรงงาน พ.ศ. 2559 - ประกาศกระทรวงอตุ สาหกรรม เรอ่ื ง กาหนดเกณฑก์ ารปนเป้ือนในดนิ และน้าใต้ดนิ การตรวจสอบคุณภาพ ดนิ และน้าใตด้ นิ การแจง้ ขอ้ มลู รวมทงั้ การจดั ทารายงานผล การตรวจสอบคณุ ภาพดนิ และน้าใตด้ นิ และรายงานเสนอ มาตรการควบคมุ และมาตรการลดการปนเป้ือนในดนิ และน้าใตด้ นิ พ.ศ. 2559 3. มลพิษทางอากาศ เชน่ - ประกาศกระทรวงอตุ สาหกรรม เร่อื ง กาหนดค่าปรมิ าณของสารเจอื ปนในอากาศท่ีระบายออกจากโรงงาน พ.ศ. 2549 - ประกาศกระทรวงอุตสาหกรรม เร่อื ง กาหนดค่าปรมิ าณเขม่าควนั ท่เี จือปนในอากาศท่ีระบายออกจาก ปล่องของหมอ้ น้าของโรงงาน พ.ศ. 2549 - ประกาศคณะกรรมการสงิ่ แวดลอ้ มแห่งชาตฉิ บบั ท่ี 24 (พ.ศ.2547) เร่อื ง กาหนดมาตรฐานควบคมุ คณุ ภาพ อากาศในบรรยากาศโดยทวั่ ไป - ประกาศคณะกรรมการสงิ่ แวดลอ้ มแหง่ ชาตฉิ บบั ท่ี 36 (พ.ศ. 2553) เร่อื ง กาหนดมาตรฐานฝ่นุ ละอองขนาด ไมเ่ กนิ 2.5 ไมครอน ในบรรยากาศโดยทวั่ ไป
อตุ สาหกรรมบรกิ ารบางประเภทมกี ฎหมายเขา้ มาควบคมุ ดแู ลกจิ กรรมในบางลกั ษณะใหเ้ กดิ ความเรยี บรอ้ ยและมี มาตรฐานในการดาเนินการ เชน่ 1. พระราชบญั ญตั ิธรุ กิจนาเที่ยวและมคั คเุ ทศก์ พ.ศ. 2535 เป็นกฎหมายทอ่ี อกมาเพ่อื ควบคุมมาตรฐานและ คุณภาพการใหบ้ รกิ ารของอุตสาหกรรมธุรกจิ นาเทย่ี วและมคั คุเทศก์ เพ่อื สรา้ งภาพลกั ษณ์ทด่ี ตี ่อการทอ่ งเทย่ี ว และ เพม่ิ ขดี ความสามารถในการแขง่ ขนั มเี น้ือหาสาคญั เชน่ 1) กาหนดใหผ้ ูป้ ระสงคจ์ ะประกอบธุรกิจนาเทย่ี วตอ้ งย่นื คาขอรบั ใบอนุญาตประกอบธุรกจิ นาเท่ยี วจากนาย ทะเบยี น โดยผขู้ อรบั ใบอนุญาตตอ้ งวางหลกั ประกนั เพอ่ื เป็นหลกั ประกนั ในการปฏบิ ตั ติ ามกฎหมายน้ี 2) ผปู้ ระกอบธุรกจิ นาเทย่ี วตอ้ งแสดงใบอนุญาตประกอบธุรกจิ นาเทย่ี วไวใ้ นทเ่ี หน็ ได้ง่ายณ สถานทป่ี ระกอบ ธรุ กจิ นาเทย่ี วทร่ี ะบไุ วใ้ นใบอนุญาต 3) ผู้ประกอบธุรกิจนาเทย่ี วอาจถูกพกั ใบอนุญาตประกอบธุรกิจนาเท่ยี ว หากไม่ปฏิบตั ิตามกฎหมายหรอื ระเบยี บทก่ี าหนด
4) ผทู้ ป่ี ระสงคเ์ ป็นมคั คเุ ทศก์ ตอ้ งย่นื คาขอรบั ใบอนุญาตเป็นมคั คเุ ทศกก์ ่อน โดยตอ้ งเป็นผทู้ ม่ี อี ายตุ งั้ แต่ 18 ปี บรบิ ูรณ์ มสี ญั ชาติไทย สาเรจ็ การศกึ ษาหรอื ผ่านการฝึกอบรมในสาขามคั คุเทศก์ และต้องผ่านการทดสอบความรู้ ความสามารถในการเป็นมคั คเุ ทศก์ 5) มคั คเุ ทศกต์ อ้ งไมใ่ หห้ รอื ยนิ ยอมใหบ้ คุ คลอน่ื ซง่ึ ไมม่ ใี บอนุญาตเป็นมคั คเุ ทศกท์ าหน้าทเ่ี ป็นมคั คเุ ทศกแ์ ทนตน 2. พระราชบญั ญตั ิโรงแรม พ.ศ. 2547 เป็นกฎหมายทม่ี วี ตั ถุประสงคเ์ พ่อื สง่ เสรมิ และยกมาตรฐานการประกอบ ธุรกจิ โรงแรม และกาหนดหลกั เกณฑใ์ นการประกอบธุรกจิ ใหเ้ หมาะสมกบั สภาพของการประกอบธุรกจิ โรงแรมแต่ละ ประเภท มเี น้ือหาสาคญั เชน่ 1) ผปู้ ระกอบธรุ กจิ โรงแรม ตอ้ งมใี บอนุญาตการประกอบธรุ กจิ โรงแรม ซง่ึ ใบอนุญาตฉบบั หน่ึงใช้กบั โรงแรมท่ี ระบชุ อ่ื ไวใ้ นใบอนุญาตเทา่ นนั้ 2) หา้ มมใิ ห้ผปู้ ระกอบธุรกจิ โรงแรมเปล่ยี นแปลงประเภทของโรงแรม เพม่ิ หรอื ลดจานวนหอ้ งพกั ในโรงแรม อนั มผี ลกระทบถงึ โครงสรา้ งของโรงแรม หรอื เปลย่ี นชอ่ื โรงแรมโดยไมไ่ ดร้ บั อนุญาตจากนายทะเบยี น
3) ผูป้ ระกอบธุรกจิ โรงแรมต้องจดั ใหม้ ผี จู้ ดั การภายในโรงแรมมาทาหน้าทจ่ี ดั การโรงแรมซ่งึ ผูป้ ระกอบธุรกิจ โรงแรมกบั ผจู้ ดั การภายในโรงแรมอาจเป็นบุคคลคนเดยี วกนั กไ็ ด้ โดยผจู้ ดั การมีหน้าทค่ี วามรบั ผดิ ชอบเกย่ี วกบั การ ดาเนินกจิ การของโรงแรม เชน่ จดั ใหม้ ปี ้ายช่อื โรงแรมตดิ ไวห้ น้าโรงแรมจดั ใหม้ เี ลขประจาหอ้ งพกั ติดไวห้ น้าหอ้ งพกั ทกุ หอ้ ง ดแู ลเกย่ี วกบั ความสะอาดและสขุ ลกั ษณะของโรงแรม บนั ทกึ รายการต่างๆ เกย่ี วกบั ผพู้ กั และจานวนผพู้ กั ใน แต่ละหอ้ งลงในบตั รทะเบยี นผพู้ กั และเกบ็ รกั ษาไวต้ รวจสอบเป็นเวลา 1 ปี 4) หากการดาเนินกจิ การของโรงแรมใดไมเ่ ป็นไปตามพระราชบญั ญตั นิ ้ี โรงแรมนัน้ อาจถูกสงั่ พกั ใบอนุญาต การประกอบธรุ กจิ โรงแรมได้ โดยโรงแรมทถ่ี กู สงั่ พกั ใบอนุญาตจะไมส่ ามารถประกอบธุรกจิ โรงแรมในระหว่างทถ่ี ูกสงั่ พกั ใบอนุญาตได้
3. พระราชบญั ญตั ิการขนส่งทางบก พ.ศ. 2522 เป็นกฎหมายทใ่ี ชใ้ นการควบคมุ และจดั ระเบยี บการขนสง่ ทาง ถนนดว้ ยรถ เพอ่ื ใหร้ ะบบการขนสง่ ทางบกมปี ระสทิ ธภิ าพ สะดวก รวดเรว็ ประหยดั และปลอดภยั มสี าระสาคญั ดงั น้ี 1) ผู้ประกอบการขนส่งท่ปี ระสงค์จะทาการประกอบการขนส่ง ต้องได้รับอนุญาตจากนายทะเบยี นก่อน และตอ้ งไมใ่ ชร้ ถผดิ ประเภทตามทข่ี ออนุญาตไว้ เวน้ แต่จะไดร้ บั อนุญาตจากนายทะเบยี น 2) ผู้ประกอบการขนส่งจะต้องปฏบิ ตั ิให้เป็นไปตามเง่อื นไขท่กี าหนดไว้ในใบอนุญาตประกอบการขนส่ง เชน่ จานวนรถทใ่ี ชใ้ นการขนสง่ ลกั ษณะ ชนิด ขนาดของรถ และเคร่อื งหมายของผปู้ ระกอบการขนสง่ เกณฑ์น้าหนัก บรรทกุ 3) ผปู้ ระกอบการขนสง่ ตอ้ งจดั ใหม้ สี มดุ ประจารถ ประวตั ผิ ปู้ ระจารถ และจดั ทารายงานเก่ยี วกบั การขนสง่ และ อบุ ตั เิ หตทุ เ่ี กดิ จากการขนสง่ 4) ผปู้ ระกอบการขนสง่ ตอ้ งดแู ลป้องกนั มใิ หผ้ ขู้ บั รถปฏบิ ตั หิ น้าทข่ี บั รถขณะทม่ี อี าการเมาสรุ าหรอื ของมนึ เมา อยา่ งอน่ื เสพยาเสพตดิ ใหโ้ ทษ หรอื เสพวตั ถอุ อกฤทธติ ์ ่อจติ และประสาท
5) รถทจ่ี ะนามาใชใ้ นการขนสง่ จะตอ้ งมสี ภาพมนั่ คงแขง็ แรงและมคี วามปลอดภยั ในการใชง้ านมเี คร่อื งอุปกรณ์ และสว่ นควบครบถ้วนถูกตอ้ ง และมขี นาดตามมาตรฐานท่กี าหนดไว้ในกฎกระทรวงหากรถคนั ใดมสี ภาพไมม่ นั่ คง แขง็ แรงหรอื มเี คร่อื งอปุ กรณ์หรอื สว่ นควบไมค่ รบถว้ นหรอื ไมถ่ ูกตอ้ งตามทก่ี าหนด เช่น ควนั ดา พนักงานเจ้าหน้าทม่ี ี อานาจสงั่ ระงบั ใชไ้ วเ้ ป็นการชวั่ คราวได้ 6) ผขู้ บั รถตอ้ งมใี บอนุญาตขบั รถถูกตอ้ งตามชนิดและประเภทของรถทต่ี นเองขบั และต้องมใี บอนุญาตขบั รถ อยกู่ บั ตวั ขณะปฏบิ ตั หิ น้าท่ี ไวแ้ สดงต่อนายทะเบยี นหรอื ผตู้ รวจการเมอ่ื ขอตรวจ 7) ผู้ขบั รถต้องแต่งกายสะอาดเรยี บร้อยในขณะปฏิบตั ิหน้าท่ี ไม่ขบั รถในเวลาท่รี ่างกายหรอื จิตใจหย่อน ความสามารถ ไมเ่ สพหรอื เมาสรุ าหรอื ของมนึ เมาอยา่ งอน่ื ยาเสพตดิ หรอื วตั ถุออกฤทธติ ์ ่อจติ และประสาทขณะปฏบิ ตั ิ หน้าทข่ี บั รถ 8) ผขู้ บั รถตอ้ งไมข่ บั รถเกนิ กวา่ จานวนชวั่ โมงทก่ี ฎหมายกาหนด
โดยสรุปอุตสาหกรรมการผลิตและการบริการ เป็นกิจกรรมทางเศรษฐกิจท่สี ร้างรายได้เป็นอนั ดบั ต้นๆ ของประเทศ แต่ทงั้ น้ี หากรฐั จาเป็นตอ้ งเข้ามาควบคมุ เพ่อื ใหเ้ กิดความเป็นระเบยี บเรยี บรอ้ ยในการดาเนินกจิ กรรม ทางอตุ สาหกรรม ทงั้ ในดา้ นการทาใหเ้ กดิ ความปลอดภยั หรอื สวสั ดภิ าพของแรงงาน การป้องกนั การเกดิ มลภาวะต่อ สงิ่ แวดล้อม การควบคมุ มาตรฐานการประกอบอาชพี ในอุตสาหกรรมบรกิ ารบางประเภท จงึ จาเป็นอยา่ งยงิ่ ท่ีรฐั บาล จะตอ้ งมมี าตรการต่ออุตสาหกรรมโรงงานดา้ นการผลติ และบรกิ ารทม่ี นั่ คง เพ่อื ใหก้ ารประกอบธุรกจิ ดา้ นโรงงานเกดิ ความเรยี บรอ้ ยปลอดภยั อนั จะทาใหป้ ระเทศชาตมิ รี ายไดเ้ ขา้ ประเทศอยา่ งตอ่ เน่ืองและยงั่ ยนื
Search
Read the Text Version
- 1 - 31
Pages: