สรุ ินทร์ แนะนำสถำนที่ ทอ่ งเท่ยี ว โดย วสุธิดา สุวรรณบล
ประวตั ิของ ฟ สุรินทร์ เป็ นจังหวัดทมี่ ปี ระวัติศาสตร์อัน ยาวนานมากจังหวัดหนึ่ง โดยสันนิษฐานว่า เ ดนิ แดนปี จังหวัดสุรินทร์แห่งนีส้ ร้างขึน้ มาเมือ่ ประมาณ 2,000 เมืองจากพระเจ้าอย่หู วั พระที่นั่งสุรยิ าสรุ ินทรย์ ้ายหม่บู ้านจากบ้านเมืองทมี า อยูท่ ่บี ริเวณบา้ นคปู ระทาย ซึง่ ก็คอื บริเวณท่ีต้งั ของจังหวัดสุรนิ ทร์ในปจั จบุ ัน เนืองจากเหน็ ว่าบรเิ วณดังกลา่ วเป็นชัยภมู ทิ ีเ่ หมาะสมอยา่ งยิ่งมีกาแพง ล้อมรอบถึง 2 ชัน้ มีนา้ อดุ มสมบรู ณเ์ หมาะแกก่ ารเพาะปลูกและเลีย้ งสัตว์ ตอ่ มาหลวงสรุ นิ ทร์ภักดีไดก้ ระทาความดีความชอบเป็นท่ีโปรดปราน จงึ ได้ ทรงกรุณาโปรดเกลา้ ฯให้ยกบ้านคูประทายเปน็ \" เมอื งประทายสมนั ต์ \" และ เลื่อนบรรดาศักด์ิหลวงสรุ นิ ทรภ์ กั ดเี ปน็ พระยาสรุ นิ ทร์ภกั ดศี รณี รงคจ์ างวาง ในปี พุทธศกั ราช 2329 พระบาทสมเด็จพระพุทธยอดฟ้าจุฬาโลกมหาราช ได้ทรงพระกรณุ าโปรดเกล้าฯ ให้เปล่ียนชอ่ื \" เมอื งประทายสมนั ต์ \" เปน็ \" เมอื งสรุ ินทร์ \" ตามบรรดาศักดขิ์ องเจา้
อนุสำวรีย์พระยำสุรินทร์ภักดีศรี ณรงค์จำงวำง ทะเลหมอกทผ่ี ำมะนำว พร้อมแหล่ง นำผุดจำกใตด้ ิน
อนุสาวรียพ์ ระยาสุรินทร์ภกั ดีศรี ณรงคจ์ างวาง (ปูม) สร้างข้นึ เมอื่ พ.ศ. 2511 เพอื่ เป็นอนุสรณส์ ถาน ระลกึ ถงึ ผูส้ ร้างเมอื งท่านแรก ซึ่งเปน็ บคุ คลสาคัญอย่างยิง่ ในประวตั ศิ าสตรข์ องเมอื งสรุ ินทร์ อนุสาวรียแ์ หง่ นี้ตั้งอยู่ ทางเข้าเมอื งสรุ ินทร์ทางดา้ นใต้ เดิมเคยเปน็ กาแพงเมอื งชั้นในของตัวเมอื งสรุ ินทร์ อนุสาวรีย์เปน็ รูปหลอ่ ทองเหลืองรมดา สงู 2.2 เมตร มือขวาถือของา้ ว อนั เปน็ การแสดง ถงึ ความเก่งกล้าสามารถของท่านในการบงั คบั ช้างศึกและเป็นเคร่อื งแสดงวา่ สุรนิ ทร์เป็น เมืองชา้ งมาแต่ดึกดาบรรพ์ รูปป้ันสะพายดาบคอู่ ยูบ่ นหลังอันหมายถึงความเปน็ นักรบ ความกลา้ หาญอันเป็นคณุ สมบัตทิ ตี่ กทอดเปน็ มรดกของคนสุรนิ ทร์ อนสุ าวรยี แ์ หง่ นไ้ี ดท้ า พิธีเปดิ เมือ่ วนั ท่ี 13 เมษายน พ.ศ.2528 จังหวดั สรุ นิ ทรไ์ ดจ้ ัดงานวนั ทรี่ ะลกึ พระยาสรุ นิ ทร์ ภกั ดศี รีณรงค์จางวางและวันทาบุญเพอ่ื แผ่นดินไทย
ต้ังอยู่ที่ตาบลนาบัว อาเภอเมือง จังหวัดสุรินทร์ เป็นภูเขา บนที่ราบทานาของจังหวัดสุรินทร์ คือ พนม พรอด พนม เปราะ และพนม สรัย ทั้งสามลูกรวมกันกลายเป็นเขาพนมสวาย ผืนป่าขนาดเล็กไม่ไกลจาก ตัว เมืองสุรินทร์บรรยากาศร่มร่ืนสวยงาม ผู้ท่ีมาเยือนเขาพนมสวายจะได้สักการะ 9สิ่ง ศักดส์ิ ิทธค์ิ ู่บา้ นคู่เมืองเพ่อื ความเป็นสิรมิ งคล คอื พระใหญห่ รอื พระพุทธสุรนิ ทรามงคล อัฐหิ ลวง ปดู่ ุล อตโุ ล พระพทุ ธรปู องค์ดา หลวงปู่สวน รอยพระพุทธบาทจาลองศาลเจ้าแม่กวนอิน เต่า ศักดิ์สิทธิ์ และสระน้าศักดิ์สิทธ์ิเมื่อเข้ามาในเขตวนอุทยานพนมสวาย จะได้สัมผัสกับ บรรยากาศของความเขียวขจี และจุดแรกที่จะได้พบเจอ ซุ้มประตู เป็นซุ้มท่ีสลักลวดลาย สวยงาม สถาปตั ยกรรมขอมโบราณ มีทางเดนิ จากทางเขา้ อุทยานไปจนถงึ ซ้มุ ประตู
ทะเลหมอกที่ผามะนาวพร้ อม แหล่งนา้ ผดุ จากใต้ดิน เป็นหน้าผาเรียบสูง ชัน มีน้าตกไหลจากบนหน้าผาลง สู่เบืองล่างหล่อเลียงทรัพยากรป่า ไม้และสตั ว์ปา่ ให้อดุ มสมบูรณ์ ด้านบนหน้าผาสามารถมองเห็นทิวทัศน์ของกลุ่มหินเทิบและแม่น้าโขงได้กว้างไกล ด้านล่างของหน้าผาจะพบความสวยงามของน้าตก ป่าไม้และสัตว์ป่า ตัวหน้าผามี ลักษณะทางธรณีสัณฐานท่ีโดดเด่นเหมาะแก่การศึกษาด้านธรณีวิทยา สาหรับท่ีมา ของชอื่ ผามะนาว เนือ่ งจากพ้นื ทบี่ รเิ วณนี้มตี น้ มะนาวปา่ ขึ้นเป็นจานวนมาก
ศูนย์คชศึกษา ชาวบ้านตากลาง เลีย้ งช้างไว้เป็ นเพือ่ น นอกจากจะไดเ้ หน็ สภาพโรงชา้ งดังกล่าวแล้ว ยังไดส้ ัมผสั การดารงชีวิตของชาวส่วยเป็นสถานท่ีท่ี นกั ท่องเทีย่ วสามารถเดนิ ชมวิถีความเป็นอยู่ ความผูกพันระหว่างคนในชุมชนกับช้าง รวมท้ังประเพณี และ วัฒนธรรมที่น่าช่ืนชมอย่างใกล้ชิด ชาวบ้านตากลางแต่ละครัวเรือนจะมีช้างท่ีเลี้ยงไว้อาศัยอยู่รวมกัน จน ช้างทพี่ วกตนเล้ียงไวเ้ ปรยี บเสมือนเปน็ สว่ นหนงึ่ ในครอบครวั ของตน ก่อใหเ้ กิดสายใยความผูกพนั ท่ีแนน่ เฟ้น ขึ้น ระหวา่ งคนกบั ช้าง ณ บ้านตากลาง จ.สุรินทร์ ไดช้ ือ่ ว่าเป็นหม่บู า้ นชา้ งเลี้ยงใหญท่ สี่ ดุ ในโลก ชาวบ้านตา กลาง ด้ังเดิมเป็น ชาวส่วย) (กุย)หรือ กวย ท่ีมีความชานาญในการคล้องช้างป่า ฝึกหัดช้าง และเล้ียงช้าง ส่วนมากต้องเดินทางไปคล้องช้างบริเวณชายแดนต่อเขตประเทศกัมพูชาประชาธิปไตย ปัจจุบันสภาวะ การเมืองระหว่างประเทศทาให้ชาวบา้ นตากลาง ไมส่ ามารถไปคล้องช้างเช่นแต่ก่อนได้ แต่ชาวบ้านตากลาง ยังคงเล้ยี งช้าง และฝึกช้างเพื่อไปร่วมแสดงในงานช้าง
จังหวัดสุรินทร์เป็ นจังหวัดหนึ่งทีม่ ีวัฒนธรรมการทอ ผ้ าไหมมานานและได้ สืบทอดเป็ นมรดกทาง วัฒนธรรมมานานจนเป็ นเอกลักษณ์ของตนเองที่ น่าสนใจย่ิงหากศึกษาอย่างลึกซึ่งแล้ว จะค้นพบ เหตุผลหลายประการที่สนับสนุนว่า จังหวัดสุรินทร์ มีเอกลักษณ์เฉพาะของตนเองในเรื่องผ้าไหม นิยมนาเส้นไหมขั้นหนึ่งหรือไหมน้อย (ภาษาเขมร เรียก “โซกซัก”) มาใช้ในการทอผ้า ไหมน้อยจะมี ลักษณะเป็นผ้าไหมเส้นเล็ก เรียบ น่ิม เวลาสวมใส่จะรู้สึกเย็นสบาย นอกจากน้ีการทอผ้าไหมของจังหวัด สุรินทร์ ยังมีกรรมวิธีการทอท่ีสลับซับซ้อน และเป็นกรรมวิธีท่ียาก ซึ่งต้องใช้ความสามารถและความ ชานาญจรงิ เชน่ การทอผา้ มัดหมพ่ี รอ้ มยกดอกไปในตวั ซ่งึ ทาให้ผา้ ไหมท่ไี ดเ้ ป็นผา้ เน้อื แนน่ มคี ณุ ค่า มีการ ทอท่เี ดียวใบประเทศไทย จนเป็นท่สี นพระทัยและเป็นที่ช่นื ชอบของสมเดจ็ พระนางเจ้า พระบรมราชนิ นี าถ ทรงรบั สัง่ ว่า ใสแ่ ล้วเยน็ สบาย อกี ท้ังยงั ใชฝ้ ีมอื ในการทออีกด้วย
Search
Read the Text Version
- 1 - 10
Pages: