ข้นั ตอนการดาเนนิ การวจิ ยั
ข้นั ตอนการดาเนนิ การวจิ ยั 1. ขน้ั เลือกหัวขอ้ การทาวิจยั 2. ขั้นกาหนดประเดน็ ปัญหาในการวิจัย 3. ขั้นตงั้ วตั ถปุ ระสงค์ 4. ขั้นตั้งสมมุตฐิ าน 5. การออกแบบการวจิ ยั 6. การรวบรวมข้อมูล 7. ขั้นการวิเคราะหข์ ้อมูล 8. การแปลความหมายและการตคี วามขอ้ มูล 9. สรุปผล
ท่มี าของปญั หาในการวจิ ยั
ท่มี าของปญั หาในการวิจยั ▪จากประสบการณข์ องผู้วิจยั ท่สี ังเกตสภาพการทางาน ▪จากแนวคดิ หรือทฤฎที ่ีสนใจ ▪จากการอ่านหนงั สอื วารสารท่ีเก่ยี วขอ้ งกบั การวจิ ัย ▪จากการสอบถามผ้รู ู้ ▪จากความต้องการขององค์กร ▪จากการเขา้ รว่ มประชมุ สมั นา
การต้งั ชอ่ื หัวขอ้ ปญั หา1. ช่ือปญั หาควรมคี วามกะทดั รดั และมคี วามชดั เจนในความหมายในตัวของ มันเอง สามารถสอ่ื ให้ผอู้ ่านทราบประเดน็ สาคญั วา่ ศึกษาอะไรกบั ใคร2. ช่ือหวั ข้อปญั หาทีด่ ีจะต้องแสดงถงึ มโนภาพ (concept) ของตัวแปรหรือ ความสมั พันธข์ องตัวแปรของปัญหานั้นนัน้3. ภาษาทใ่ี ช้เขียนจะตอ้ งชดั เจน อา่ นเขา้ ใจ ถา้ มศี ัพทเ์ ทคนคิ ต้องเปน็ ศพั ทท์ ี่เปน็ ทย่ี อมรบั ในสาขานัน้ ๆ4. การตง้ั ชื่อหัวขอ้ ปญั หาจะตอ้ งระมดั ระวงั ไม่ให้ซา้ ซ้อนกับผู้อื่นๆ
การต้ังชอ่ื หัวข้อปญั หา 5. ควรระบใุ นหวั ข้อเรื่องการวิจัยดว้ ยว่ามตี ัวแปรที่เกย่ี วขอ้ งรวมถึง ขอบเขตของการวิจัย เชน่ ระบสุ ถานท่ี 6. การตง้ั ชือ่ การวิจยั ควรใชภ้ าษาและสานวนท่คี นทวั่ ไปสามารถอา่ น และเข้าใจได้โดยงา่ ย 7. ชือ่ เรอื่ งควรขนึ้ ต้นด้วยคานามมากกวา่ กริยา คุณศัพท์ บพุ บท สันธาน โดยใชค้ าทข่ี ้ึนต้นดว้ ย “การ” หรือ “ความ” เช่น การศกึ ษาเก่ียวกับ.... หรอื ความคิดเห็นของ.... หรือ การศกึ ษา เปรียบเทียบระหวา่ ง....หรอื การวเิ คราะหเ์ ชิง....
ตวั อยา่ งศกึ ษาความสมั พันธร์ ะหวา่ งกิจกรรมเสริมหลักสตู รวชิ าภาษาไทยกับผลสัมฤทธ์ิในการเรียนวิชาภาไทยของนักเรียนช้ันมธั ยมศึกษาปีที่ 4ในจงั หวัดสงขลาขอ้ บกพรอ่ ง1. การศึกษาความสัมพนั ธร์ ะหวา่ งกจิ กรรมเสรมิ หลกั สตู รไม่สามารถทาได้ จุดมุ่งหมายตอ้ งการความสมั พนั ธ์ระหว่างความเข้าใจ/ความสนใจ/การเขา้ ร่วมในกจิ กรรมเสรมิหลักสตู ร กับผลสัมฤทธิ์ในการเรียน2. คาวา่ ช้นั มัธยมศกึ ษาปที ่ี 4 จะครอบคลมุ ไปถึง โรงเรยี นเอกชนด้วยซึง่ ถา้ ไม่ไดศ้ ึกษาก็ควรระบใุ หช้ ดั เจน
ปรบั ใหม่ความสมั พันธร์ ะหว่างความเข้าใจในกิจกรรมเสรมิ หลกั สตู รวิชาภาษาไทย ความสนใจในกจิ กรรมเสรมิ หลกั สูตรวิชาภาษาไทย การเข้าร่วมกิจกรรมเสรมิ หลกั สูตรวชิ าภาษาไทยกบั ผลสมั ฤทธิ์ในการเรียนวชิ าภาษาไทย ของนกั เรยี นช้ันมธั ยมศกึ ษาปที ี่ 4 โรงเรียนรัฐบาล ในจงั หวดั สงขลา
ตวั อยา่ งการเปรียบเทียบความคดิ เหน็ ทางดา้ นปรชั ญาการศกึ ษาสมัยใหมข่ องครูมัธยมศกึ ษา สังกัดโรงเรียนมัธยมศึกษาสงั กดั โรงเรียนรฐั บาลในจังหวัดนครราชสมี าขอ้ บกพร่องคาวา่ เปรยี บเทยี บถา้ จะใหช้ ดั เจนจะต้องระบุวา่ เปรียบเทียบอะไรกับอะไร เม่อื ไมร่ ะบุดงั กลา่ วจะตีความได้ยาก ควรใช้การศกึ ษาจะเหมาะสมกว่า
ปรับใหม่การศกึ ษาความคดิ เห็นทางดา้ นปรัชญาการศึกษาสมยั ใหมข่ องครูมธั ยมศกึ ษาสงั กดั โรงเรยี นรัฐบาลในจงั หวดั นครราชสีมา
การกาหนดวตั ถุประสงคก์ ารวิจยั 111. วตั ถปุ ระสงคก์ ารวิจยั ตอ้ งระบใุ หช้ ัดเจนลงไปว่าจะตอ้ ง ศึกษาในประเด็นใด สามารถวัดออกมาไดใ้ นเชงิ ปรมิ าณ เช่น เพื่อศึกษาทัศนคติของบัณฑติ สาขาการจดั การทีม่ ตี ่อ การประกอบอาชพี สว่ นตัว(ตวั แปรท่ีตอ้ งการศึกษา คือ ทศั นคติ)
การกาหนดวตั ถุประสงคก์ ารวิจยั 122. มคี วามสอดคล้องกับเน้ือหาสาระของหัวขอ้ เร่ือง ความสาคัญของปญั หาการวจิ ัย และวิธีดาเนินการ วจิ ยั เชน่ โครงการวจิ ยั เรือ่ ง “ผลกระทบของหลักสตู รการศกึ ษานอกโรงเรยี นที่ มตี ่อการศึกษาของนักศกึ ษาในคณะวิทยาการจัดการ” แตไ่ ปกาหนดวัตถุประสงค์การวจิ ยั วา่ “ เพ่ือศึกษาเปรยี บเทยี บผลการเรียนของนกั ศึกษาคณะวิทยาการจัดการทสี่ าเรจ็ การศกึ ษาจากหลักสูตรการศึกษานอกโรงเรยี น (กศน.)กับนกั ศึกษาทสี่ าเร็จ การศึกษาจากหลกั สูตรการศกึ ษาในโรงเรียน”
การกาหนดวัตถุประสงคก์ ารวจิ ัย 133. ไม่ซ้าซอ้ น วัตถปุ ระสงค์การวจิ ยั แตล่ ะขอ้ ไม่ควรจะ มคี วามซา้ ซอ้ นกัน เชน่ 1. ตอ้ งการศกึ ษาสภาพปัญหาของนกั ศกึ ษาคณะวิทยาศาสตรท์ สี่ าเรจ็ การศกึ ษาระดบั มธั ยมศกึ ษาตอนปลายโดยการสอบเทียบและไม่สอบเทียบ 2. ตอ้ งการศึกษาเปรยี บเทยี บสภาพปญั หาของนกั ศึกษาคณะวิทยาศาสตร์ที่สาเร็จ การศึกษาระดบั มธั ยมศึกษาตอนปลายโดยการสอบเทียบและไมส่ อบเทยี บ
การกาหนดวัตถุประสงคก์ ารวจิ ัย 144. มีความสัมพนั ธล์ ดหลั่นกัน วตั ถุประสงค์การวิจัยแตล่ ะ ขอ้ ควรจะนามาจัดเรียงลาดับให้มคี วามสมั พันธ์ลดหลั่น ตอ่ เนอื่ งกนั เชน่ ผ้วู จิ ยั จะศึกษาถงึ สถานภาพการประกอบอาชีพของบณั ฑิตโดยทว่ั ๆไป เขียนวัตถปุ ระสงค์เรียงลาดับลดหลนั่ ได้ดงั น้ี 1. เพ่ือศกึ ษาสถานภาพการประกอบอาชพี ของบัณฑิต 2. เพ่อื ศกึ ษาปจั จยั ท่ีมีอิทธิพลต่อการประกอบอาชีพส่วนตัวของบณั ฑติ
การกาหนดวตั ถปุ ระสงคก์ ารวจิ ยั 155. ควรใชภ้ าษาท่รี ัดกมุ กระชับ ไม่เยน่ิ เยอ้6. หลีกเลยี่ งการใช้ประโยคคาถาม ควรใช้ประโยคบอกเลา่
ตวั อย่างท่เี ปน็ ประโยคคาถามและไม่รดั กุม เพื่อศึกษาดวู ่าคนงานหญงิ ทแ่ี ต่งงานแล้วท้ังทม่ี ีบุตรวยั กอ่ น เขา้ เรยี นและวางแผนท่ีจะมีบุตรไดม้ ีการใช้หรือคดิ ว่า จะใชว้ ิธกี ารเลีย้ งดูบตุ รอย่างไรตัวอย่างทแี่ ก้ไขเป็นประโยคบอกเลา่ และรัดกมุ เพ่ือศกึ ษาวิธกี ารเล้ยี งดบู ตุ รของคนงานสตรีท่มี ีบุตรวัย ก่อนเข้าเรียนและที่วางแผนจะมีบุตร
การเขียนความเปน็ มาของปญั หา ปัญหาวิจัยเขยี นจากกว้างไปแคบ(ลกึ )
ตัวแปรในการวิจัยตัวแปร (Variables) หมายถึง คุณสมบตั ิ หรือคุณลักษณะทแี่ ตกต่างกันของปรากฏการณซ์ ึ่งอาจเป็นสิง่ ของท่ีมีชวี ิตหรือไมม่ ชี ีวิต หรือเหตกุ ารณต์ ่างๆ เช่น▪ เพศ สามารถแปรได้เป็น หญิง หรือ ชาย▪ อายุ สามารถแปรได้เปน็ จานวนปีของอายุ▪ ความคดิ เหน็ ต่อนโยบายของรฐั บาล สามารถแปรไดเ้ ป็น เห็นด้วย ไมเ่ หน็ ด้วย หรอื เฉยๆ
พฤตกิ รรมการเลือกตง้ั สามารถแปรไดเ้ ป็น เลือกเพราะนโยบายพรรค เลือกเพราะผูส้ มคั ร เลือกเพราะหัวคะแนน หรือด้วยเหตุผลอน่ื ๆ การมีสว่ นรว่ มในการดูแลรักษาแม่น้าเจา้ พระยา สามารถแปรได้เปน็ มีส่วนรว่ มมากท่สี ดุ มากปานกลาง น้อย นอ้ ยทีส่ ุด หรือไม่มมี ีสว่ นรว่ ม เป็นตน้ คุณสมบัตขิ องสิ่งใดก็ตาม ถา้ เป็นไดอ้ ยา่ งเดยี วคุณสมบตั นิ นั้ กไ็ ม่เปน็ ตวั แปร เชน่ ถ้าคุณเหน็ ดว้ ยกับนโยบายของรัฐบาลเหมอื นกนั หมด ความคดิ เหน็ ต่อนโยบายของรฐั บาลก็ไมเ่ ป็นตวั แปร เป็นตน้
ประเภทของตัวแปร1. พิจารณาจากคุณสมบัติตัวแปร แบง่ ออกเปน็ 2 แบบ 1.1 ตวั แปรเชงิ ปรมิ าณ (Quantitative Variables) เปน็ ตัวแปรที่มคี ุณสมบัติเปน็ ตัวเลขท่ีสามารถวัดความแตกต่างๆ ของคณุ ลักษณะตา่ งๆ ท่มี ีอยไู่ ด้แน่นอน เชน่ ตัวแปรเก่ยี วกับ รายได้รายจ่าย อายุ สว่ นสงู นา้ หนัก ระยะทาง เปน็ ต้น 12. ตัวแปรเชิงคณุ ภาพ (Qualitative Variables) เปน็ ตัวแปรท่ไี มส่ ามารถวัดความแตกต่างของคุณลักษณะที่มอี ยูไ่ ดแ้ นน่ อนเชน่ ตวั แปรเก่ียวกับ เพศ สถานภาพการสมรส เขตทีอ่ ยู่อาศัย เปน็ต้น
ประเภทของตัวแปร2. พิจารณาจากความสัมพนั ธร์ ะหว่างตัวแปรที่เกิดขนึ้ แบง่ ออกได้เป็นหลายแบบดว้ ยกนั ทส่ี าคัญ ได้แก่2.1 ตัวแปรอสิ ระ (Independent Variables) เป็นตัวแปรท่ีผู้วจิ ัยกาหนดใหเ้ ป็นตัวแปรท่มี ีอิทธิพลต่อตัวแปรอ่นื ๆ (โดยเฉพาะตัวแปรตาม) เม่อื ตัวแปรอิสระเปลี่ยนแปลงจะทาใหต้ วั แปรอ่นื ๆเปลย่ี นแปลงไปด้วยตัวแปรอสิ ระอาจเรียกวา่ เปน็ ตวั แปรเหตุ ตวั แปรตน้ กไ็ ด้ เพราะตวัแปรที่เกดิ ขึน้ ก่อน โดยทัว่ ไปตัวแปรอิสระจะมคี วามถาวรมากกว่าตัวแปรตาม เช่น สถานภาพการสมรสกับความคิดเห็นเกีย่ วกบั การวางแผนครอบครัว สถานภาพการสมรสเปลี่ยนแปลงได้ยากกว่าความคดิ เห็น สถานภาพการสมรสจงึ มีสถานภาพเป็นตัวแปรอสิ ระ
ประเภทของตัวแปร2.2 ตวั แปรตาม (Dependent Variables) อาจเรยี กวา่ เป็น“ตวั แปรผล” ตวั แปรตามเป็นตวั แปรท่ีผวู้ จิ ยั คาดหวังว่าจะเกดิ ผลในลักษณะเช่นไร โดยพจิ ารณาความสมั พนั ธก์ บั ตวัแปรอสิ ระทีก่ ลา่ วมาแลว้ เมื่อตัวแปรอิสระหรอื ตวั แปรตน้ทเ่ี ปน็ ตัวแปรทเ่ี กิดขน้ึ ก่อนตวั แปรตามก็จะเกดิ ขนึ้ ภายหลังเชน่ อายกุ บั การยา้ ยถ่ิน ตัวแปรอสิ ระและตวั แปรตามเปน็ ตัวแปรท่มี ีความสาคัญมากเพราะผวู้ จิ ยั จะต้องพยายามกาหนดความสัมพันธ์ของตวั แปรท้ังสองประเภทนใ้ี ห้ครบถว้ นและชดั เจนเพ่อื เปน็ แนวทางในการเก็บรวบรวมขอ้ มลู และวิเคราะห์ขอ้ มูลใหค้ รบถว้ น
ตัวอย่างของตวั แปรอิสระกบั ตัวแปรตามเช่น การศกึ ษาเปรียบเทยี บพฤติกรรมเชิงจริยธรรมของผู้นาทอ้ งถ่นิ . ตัวแปรอสิ ระ(ตัวแปรต้น) ประกอบดว้ ย 1. เพศ มี 2 เพศ คอื เพศชาย เพศหญงิ 2. ตาแหน่ง มี 3 ตาแหนง่ คอื นายก อบต. ประธานสภา อบต. ส.อบต. ตัวแปรตาม ประกอบด้วย 1. พฤตกิ รรมด้านการเสยี สละ 2. พฤติกรรมด้านการมวี ินัย 3. พฤติกรรมด้านความขยันหมนั่ เพยี ร 4. พฤตกิ รรมด้านความซอื่ สัตย์ 5. พฤติกรรมด้านความมีนาใจนักกีฬา 6. พฤตกิ รรมด้านการให้ความร่วมมอื 7. พฤตกิ รรมดา้ นการรจู้ กั ชว่ ยตนเอง
ตัวอย่างของตัวแปรอิสระกบั ตัวแปรตามเช่น การเปรยี บเทียบการมวี นิ ยั แห่งตนและผลสัมฤทธท์ิ างการอบรมผ้นู าของ ส.อบต.ตาบลสะเดียง อาเภอเมือง จงั หวดั เพชรบรู ณ์ ระหวา่ งวิธกี ารอบรมแบบกระบวนการกลุม่ สมั พนั ธก์ ับการอบรมแบบบรรยาย ตวั แปรอิสระ(ตวั แปรตน้ )คือ วธิ ีการอบรม ซ่งึ มี 2 วธิ ี คือ 1. วธิ อี บรมแบบกระบวนการกลมุ่ สมั พนั ธ์ 2. วิธอี บรมแบบบรรยาย ตัวแปรตาม ประกอบดว้ ย 1. ผลสมั ฤทธทิ์ างการอบรมผู้นา 2. ความมวี ินยั แห่งตน
3. ตวั แปรทดลอง (Experimental Variable) เปน็ ตัวแปรปฏิบตั ิ (Treatment Variable) หรือตวั แปรอิสระ ซง่ึ หมายถึงตัวแปรท่เี กดิ ขนึ จากการทดลองหนง่ึ ๆ เพอ่ื ใหเ้ ป็นเหตุ และเพื่อศึกษาตวั แปรทเี่ กดิ ขึนที่มีการเปลีย่ นแปลงไปอยา่ งไร
4.ตวั แปรควบคมุ คอื ตวั แปรทส่ี ง่ ผลตอ่ การทดลอง อาจทาใหก้ ารทดลองของเราคลาดเคลอื่ น จึงตอ้ งควบคมุ เอาไว้ (ส่ิงท่ีตอ้ งทาใหเ้ หมือนกนั )
5. ตัวแปรแทรกซ้อนหรือเรยี กวา่ ตัวแปรเกิน (ExtraneousVariable) เป็นตัวแปรท่ไี มต่ อ้ งการศึกษาของงานวิจัยเรอื่ งหนึ่ง ๆ ในขณะนนั มลี ักษณะเหมือนตวั แปรอสิ ระ ตวั แปรแทรกซ้อนนีจะส่งผลมารบกวนตัวแปรอสิ ระทศี่ กึ ษา ทาให้ผลการวดั คา่ ตัวแปรคลาดเคล่ือนไปได้ ตัวแปรชนดิ นีจงึตอ้ งทาการควบคมุ ใหเ้ กิดขนึ นอ้ ยทส่ี ดุ ตัวแปรชนดิ นผี ูว้ ิจยัคาดการณ์ไดว้ ่าจะมอี ะไรบ้าง จงึ สามารถทาการควบคุมได้ลว่ งหน้า
ตวั อย่างเชน่ ในการทดลองการอบรมท่กี ลา่ วมาแลว้ เพ่อื จะศึกษาว่า ผูน้ าจะมผี ลสัมฤทธ์ทิ างการอบรมแตกต่างกันหรือไม่ สิ่งที่เป็นตัวแปรแทรกซ้อนจะได้แก่ วิทยากร ถา้ ใชว้ ทิ ยากรคนละคนอาจจะมีผลทาใหผ้ ลสัมฤทธ์ทิ างการอบรมของผุ้นาต่างกนั ได้ ดังนันจงึ ต้องควบคุมโดยใชว้ ิทยากรคนเดียวกนั นอกจากนนั พนื ฐานของผู้เข้าอบรม ทัศนคตแิ ละความสนใจของผู้เขา้ อบรม ทม่ี ตี อ่ วธิ ีการอบรมกระบวนการวิชาท่ีใช้อบรม เพศของผเู้ ขา้ อบรม เป็นต้น สิ่งเหล่านเี ปน็ ตัวแปรแทรกซอ้ น ผู้วจิ ัยตอ้ งทาการควบคมุ ตวั แปรเหล่านีใหเ้ กดิ มขี นึ น้อยทีส่ ดุ เพอ่ื ใหต้ วั แปรตามท่ีวดั เกดิ จากการกระทาของตัวแปรอิสระแต่เพยี งอยา่ งเดียว ผลการวจิ ัยจงึ จะถกู ต้องมากที่สดุ
ตวั อย่าง 1) สถานการณ์: ครคู นหนงึ่ มคี วามสนใจจะเปรยี บเทยี บผลสมั ฤทธ์ทิ างการเรียนวิชาภาษาไทย ของนักเรยี นชันม.1 ทเี่ รียนโดยใชบ้ ทเรียนสาเรจ็ รปู และแบบธรรมดามผี ลแตกตา่ งกนั หรือไม่ ตวั แปรต้น คือ วิธสี อน ตวั แปรตาม คือ ผลสัมฤทธท์ิ างการเรยี นวชิ าภาษาไทย ตวั แปรแทรกซอ้ น ท่นี า่ จะตอ้ งควบคมุ คอื การเรียนพิเศษการศกึ ษาเพม่ิ เตมิ พนื ฐานของนักเรยี น
▪ตัวอยา่ ง 2) จดุ มงุ่ หมายการวิจัย: เพอ่ื เปรียบเทียบความถนัดด้าน เครอ่ื งจักรกลระหวา่ งนกั เรียนชาย และนักเรยี นหญิง ตวั แปรตน้ คอื เพศของนักเรยี น ตวั แปรตาม คือ ความถนัดด้านเครอ่ื งจักรกล ตัวแปรแทรกซอ้ น ความตังใจเรยี น พนื ฐานนักเรียน
ตัวอยา่ ง 3) สมมตุ ฐิ านการวจิ ยั : นักเรียนท่ีมีผปู้ กครองรับราชการและนกั เรียนทีม่ ผี ปู้ กครองประกอบ อาชีพเกษตรกรรมมีพฤตกิ รรมความเป็นผูน้ าแตกตา่ งกัน ตัวแปรต้น คอื อาชีพของผ้ปู กครอง ตวั แปรตาม คือ พฤติกรรมความเป็นผูน้ า
Search
Read the Text Version
- 1 - 31
Pages: