Important Announcement
PubHTML5 Scheduled Server Maintenance on (GMT) Sunday, June 26th, 2:00 am - 8:00 am.
PubHTML5 site will be inoperative during the times indicated!

Home Explore โครงการอนุสรณ์สถานมนุษยวิทยาชาวมาลายู จังหวัดปัตตานี_นายนุรดิง สะมะแอ6050210018

โครงการอนุสรณ์สถานมนุษยวิทยาชาวมาลายู จังหวัดปัตตานี_นายนุรดิง สะมะแอ6050210018

Published by malame-man, 2021-10-31 15:11:26

Description: โครงการอนุสรณ์สถานมนุษยวิทยาชาวมาลายู จังหวัดปัตตานี_นายนุรดิง สะมะแอ6050210018

Search

Read the Text Version

CONTENT 01 ที่ ม า แ ล ะ ค ว า ม สา คั ญ ข อ ง โ ค ร ง ก า ร 02 คา ถ า ม ข อ ง วิ ท ย า นิ พ น ธ์ 02 วั ต ถุ ป ร ะ ส ง ค์ ข อ ง โ ค ร ง ก า ร 02 ป ร ะ โ ย ช น์ ท่ี ค า ด ว่ า จ ะ ไ ด้ รั บ 03 แ น ว ค ว า ม คิ ด ข อ ง โ ค ร ง ก า ร 04 U S E R A N A L Y S I S ก า ร วิ เ ค ร า ะ ห์ ผู้ ใ ช้ ส อ ย อ า ค า ร 05 S I T E S E L E C T I O N ก า ร วิ เ ค ร า ะ ห์ เ พ่ื อ ห า ที่ ตั้ ง โ ค ร ง ก า ร 06 S I T E A N A L Y S I S ก า ร วิ เ ค ร า ะ ท่ี ต้ั ง โ ค ร ง ก า ร 07 P R O G A M A N A L Y S I S ก า ร วิ เ ค ร า ะ ห์ โ ป ร แ ก ร ม 08 A R E A R E Q U I R M E N T ก า ร วิ เ ค ร า ะ ห์ ข น า ด พ้ื น ที่ โ ค ร ง ก า ร 09 ก า ร วิ เ ค ร า ะ ห์ เ รี ย ง เ รี ย ง แ ล ะ อ อ ก แ บ บ พ้ื น ที่ อ นุ ส ร ณ์ ส ถ า น 10 M A S S D E V E L O P M E N T S P A C E 11 ส่ ว น ท่ี 1 ก า ร ก่ อ กา เ นิ ด 12 ส่ ว น ท่ี 2 เ ส้ น ท า ง สู่ ยุ ค ท อ ง 13 ส่ ว น ท่ี 3 สิ้ น สุ ด ยุ ค ท อ ง 14-15 ส่ ว น ที่ 4 ปั ต ต า นี ภ า ย ใ ต้ ก า ร ป ก ค ร อ ง ข อ ง ส ย า ม 16 ส่ ว น ที่ 5 ปั ต ต า นี วั น น้ี 17 M A S S D E V E L O P M E N T F O R M

CONTENT 18 L A Y O U T 19 F I R S T F L O O R 20 B A S E M E N T 1 21 E L E V A T I O N 1 - 2 22 E L E V A T I O N 3 - 4 23 S E C T I O N A , B 24 S E C T I O N C , D 25 D E T A I L 26-39 E X T E R I O R P E R S P E C T I V E 40-43 I N T E R I O R P E R S P E C T I V E

ความเป็นมาและความสาคญั ของโครงการ ปาตาอนี ิง PATA-NING แปลว่า ชายหาดน้ี แต่เตมิ คาว่าปาตาอนี ิงคอื หมบู่ า้ นเลก็ ๆ ทต่ี งั้ อยบู่ รเิ วณรมิ ฝัง่ ทะเลของจงั หวดั ปัตตานตี ่อมา หม่บู า้ นน้มี กี ารขยบั ขยายและก่อเกดิ เป็นปาตาอนี ิงในทา้ ยทส่ี ดุ มศี นู ยก์ ลางอยทู่ ต่ี าบลกรอื เซะโดยมมี สั ยดิ กรอื เซะหรอื มมี สั ยดิ ปีตกู รอื บานทม่ี ี ความหมายวา่ มสั ยดิ ประตเู มอื งมกี าแพงเมอื งและประตเู มอื ง 2 ประตูปาตาอนี งิ มพี น้ื ทค่ี รอบคลุม 3 จงั หวดั ชายแดนภาคใต้ ไดแ้ ก่ ปัตตานี ยะลา นราธวิ าส และอาเภอเทพา อาเภอจะนะ ในจงั หวดั สงขลา ปาตาอนี งิ เป็นรฐั ทม่ี กี ารปกครองแบบกษตั รยิ ร์ ายาภายใตร้ ฐั ธรรมนูญแหง่ อสิ ลามมที รพั ยากร ทางธรรมชาตมิ ากมายและทาเลทต่ี งั้ ทเ่ี หมาะสมกบั การคา้ ขายทาใหเ้ กดิ การตดิ ต่อสอ่ื สารกบั นานาประเทศเชน่ จนี เปอรเ์ ซยี รฐั ปาตาอนี ิงมคี วามเจรญิ สงู สดุ ในปีพุทธศกั ราช 2178 หรอื ในช่วงตน้ กรงุ รตั นโกสนิ ทรใ์ นทางคขู่ นานประเทศไทยหรอื สยามมกี ารขยบั ขยายเมอื งและไดร้ วบรวมรฐั ปาตาอนี งิ เป็น สว่ นหน่งึ ของประเทศ โดยมกี ารปกครองเป็น 3 จงั หวดั คอื ปัตตานี ยะลา นราธวิ าส กอ่ เกดิ เหตุการณ์เคล่อื นยา้ ยอพยพกล่มุ คนปาตาอนี งิ ครงั้ ใหญ่ทส่ี ดุ ในประวตั ศิ าสตรข์ องชาวปาตาอนี ิง ปรากฏในหลกั ฐานว่ามี การเทครวั ข้นึ มายงั สยาม 3 ครงั้ ดว้ ยกนั โดยครงั้ ที่ 1 เกิดข้ึนในสมยั รชั กาลที่ 1 พระบาทสมเดจ็ พระพทุ ธยอดฟ้าจฬุ าโลกมหาราช การกวาดต้อนเชลยในครงั้ นัน้ นับเป็นครงั้ ใหญ่ ทีส่ ดุ ในประวตั ิศาสตรน์ ับตงั้ แต่สยามมี ความสมั พนั ธ์ ดา้ นการสงครามกบั บรรดารฐั มลายู มีบนั ทึกระบุว่า จานวนเชลยศึกชาวมลายทู ีก่ องทพั สยามนามาใน ครงั้ นัน้ มีจานวน ประมาณ 4,000 คน (Mohd. Zamberi A. Malek, 1993, p. 98) และในรชั สมยั ของพระองค์ มีการอพยพเชลยชาวมลายขู ้ึนมาในภาคกลาง ของ ประเทศอีกครงั้ ใน ค.ศ. 1791 ซึง่ สาเหตกุ ารอพยพ เชลยในครงั้ น้ีเนือ่ งมาจากพระยาตานีคบคิดกบั โตะสาเหยดในการก่อกบฏ พระบาทสมเดจ็ พระพทุ ธยอดฟ้าจฬุ าโลกโปรดให้พยากลาโหม ราชเสนายกทพั ลงไปปราบ เมอื่ ปราบกบฏแลว้ จงึ ขนเอาเชลยชาวปาตานี ข้ึนมาในภาคกลางเป็น ครงั้ ที่ 2 ซึง่ จานวนเชลยศกึ ในครงั้ น้ีไม่มีหลกั ฐาน ระบไุ วถ้ งึ จานวนของผถู้ กู อพยพวา่ มีมากน้อยเพียงใดต่อมา ใน สมยั รชั กาลที่ 3 พระบาทสมเดจ็ พระนัง่ เกลา้ เจ้าอยหู่ วั ผลจากการชนะสงครามจงึ เกิดมีการขนเอาเฉลยชาวปาตานีข้ึนมาในภาคกลางเป็น ครงั้ ที่ 3 ไปยงั กรงุ เทพมหานครอีกประมาณ 6,000 คน ส่วนอีก 4,000 คนทีร่ อดชีวิตนัน้ กระจดั กระจายไปอยู่ทีร่ ฐั เคดาห์ เปรกั กลนั ตนั ตรงั กานู ปาหงั จนถึงบริเวณ เกาะสุมาตราตะวนั ออกและบนเกาะอืน่ ๆ ในบริเวณ น้ี (Mohd. Zamberi A. Malek, 1993, p. 110) หลงั จาก การอพยพในครงั้ น้ีแลว้ ไมป่ รากฏการอพยพ เชลยชาวมลายขู ้ึนส่ภู าคกลางอีกเลย เชลยทีถ่ กู กวาดต้อนเข้ามาในยุครชั กาลที่ 3 เมอื่ นาข้ึน มาแล้วทรงมีรบั สงั่ ให้ไปตงั้ ถิน่ ฐานใหมท่ ี่ คลองแสนแสบเหนือตลอดสายนับตงั้ แต่บา้ น มหานาค บา้ นครวั บา้ นดอน คลองตนั คลองบาง กะปิ บงึ กลมุ่ หลอแหล มีนบรุ ี แสนแสบ คู้ เจียรดบั หนองจอก กระท่มุ ราย ถึงบางน้าเปร้ียว ปลายทางทีบ่ างขนากจนออกสู่แมน่ ้าบางปะกง (อาลี เสือสมิง, 2546, น. 285-287) มสุ ลิมคลอง 22 เป็นชาวไทรบุรี ปะลิส กลนั ตนั เคดาหแ์ ละปี นัง ครงั้ แรกทีม่ าอยู่ถกู นามาไวท้ ีค่ ลองแสน แสบ(รชั กาลที่ 3) แถบทราย กองดิน มีนบุรี ในสมยั รชั กาลที่ 5 พระบาทสมเดจ็ พระจลุ จอมเกล้าเจ้าอยหู่ วั ทรงโปรดให้ขดุ คลอง รงั สิต คลอง 1 คลอง 2 ไปจนถึงคลอง 24 ผทู้ ีม่ าจาก เมอื งดงั กล่าวไดล้ ้มตายไปหมด เหลอื แต่ลูกหลาน ทีต่ ้องหาหลกั แหลง่ ถาวร ไม่คิดจะกลบั ไป อย่ทู ีเ่ ดิม จงึ ไดช้ กั ชวนไปตงั้ ถิน่ ฐานใหม่ส่วนหนึง่ จากถนนตก ทรายกองดินมาคลอง 22 ส่วนหนึง่ ไปคลอง 17 20 21 และ 22 บางคนถกู ชกั ชวนไปอยทู่ ่าอิฐ ปากลดั (สนุ ทร ทิมะเสน, 2523, น. 5-16) ปัจจบุ นั มีลกู หลาน เช้ือสายทีม่ าจากรฐั ปาตาอีนิงหรอื รฐั ปัตตานีในจงั หวดั กรงุ เทพมหานคร มากกว่า 1,000,000 คน และในประเทศมาเลเซียมากกว่า 400,000 คน จากหลกั ฐานประวตั ศิ าสตรช์ น้ิ สาคญั ชน้ิ สาคญั น้ีเอง จงึ เป็นทม่ี าและความสาคญั ของโครงการอนุสรณ์สถานมนุษยวทิ ยาชาวมาลายู จงั หวดั ปัตตานี (Malayu Anthropology Memorial Park Pattani) มวี ตั ถุประสงคเ์ พ่อื เป็นพน้ื ทส่ี ญั ญะสถานหรอื เป็นสถานทเ่ี ชงิ สญั ลกั ษณ์ใหก้ บั ลกู หลานชาว ปาตาอนี ิงหรอื ชาวปัตตานีไดร้ ะลกึ ถงึ ตน้ สายทม่ี าแหง่ บรรพบุรษุ ของตน (Rooted ness) สรา้ งสถานทเ่ี กบ็ รวบรวมเรอ่ื งราวทางประวตั ศิ าสตรแ์ ละความ ทรงจารว่ มกนั ของกลุม่ ชาตพิ นั ธม์ าลายู (Collective Memory) และออกแบบพน้ื ทใ่ี หส้ ง่ ผลต่อความรสู้ กึ ถงึ ความเป็นบา้ นเกดิ เมอื งนอน (Sence of Home) ผา่ นการตคี วามหมายใหมข่ องประตูเมอื งสาหรบั ผคู้ นในอนาคต และเป็นสญั ลกั ษณ์ของการเปิดบา้ นตอ้ นรบั ผคู้ นของชาวปัตตานี 01

คาถามของวทิ ยานพิ นธ์ การเทครัว เป็นเหตุการณ์ประวตั ิศาสตรค์ รงั้ ยง่ิ ใหญ่เป็นทีจ่ ดจาร่วมกันของพ่ีน้องชาวปัตตานีมคี วามคิดที่อยาก ศกึ ษาและเรยี นรูป้ ระวตั ศิ าสตร์และมีการตงั้ คาถามกับประวัตศาสตรว์ า่ ผคู้ นที่ถูการเทครัวไปยังสถานท่ใี หมๆ่ เมื่อกลบั มา ยังพ้นื ทที่ ีเ่ ปน็ รากเง่าประวตั ิศาสตร์ของตวั เองน้ัน จะสามารถรับรู้ได้หรือไมว่ ่าประวัติศาสตรค์ วามเป็นมาของตนเองนัน้ มี ท่ีมาทีไ่ ปอยา่ งไร หรือมีพน่ี อ้ งเครอื ญาติวงศ์ตระกูลอีกหรือไม่ จึงเกดิ เปน็ การตั้งคาถามถามและศกึ ษาวทิ ยานิพนธ์เรอื่ งน้ี ขึน้ มา วตั ถุประสงค์ของโครงการ 1 เพอ่ื สรา้ งพน้ื ทส่ี ญั ญะสถานหรอื เป็นสถานทเ่ี ชงิ สญั ลกั ษณ์ใหก้ บั ลกู หลานชาวปาตาอนี ิงหรอื ชาว ปัตตานี ไดร้ ะลกึ ถงึ ตน้ สายทม่ี าแหง่ บรรพบุรษุ ของตน (Rooted ness) 2 เพอ่ื สรา้ งสถานทเ่ี กบ็ รวบรวมเรอ่ื งราวทางประวตั ศิ าสตรแ์ ละความทรงจารว่ มกนั ของกลุ่มชาตพิ นั ธ์ มาลายู (Collective Memory) 3 เพอ่ื สรา้ งพน้ื ทใ่ี หส้ ง่ ผลต่อความรสู้ กึ กบั ผคู้ นถงึ ความเป็นบา้ นเกดิ เมอื งนอน (Sence of Home) ผ่าน การตคี วามหมายใหมข่ องประตูเมอื งสาหรบั ผคู้ นในอนาคต และเป็นสญั ลกั ษณ์ของการเปิดบา้ นตอ้ นรบั ผคู้ นของชาวปัตตานี ประโยชนท์ ี่คาดวา่ จะไดร้ ับ 1 เพ่อื เป็นพน้ื ทร่ี าลกึ ถงึ เหตุการณ์สาคญั เหตุการณีการเคล่อื นยา้ ยและอพยพของคนปัตตานีครงั้ ใหญ่ 2 เพ่อื เป็นพน้ื ทร่ี วบรวมและนาเสนอขอ้ มลู สาคญั ของปัตตานีทางประวตั ศิ าสตร์ 3 เพ่อื เป็นพน้ื ทศ่ี นู ยก์ ลางของเมอื งทร่ี องรบั กจิ กรรมทห่ี ลากหลาย 02

แนวความคิดในการออกแบบ REFADE FADE + REFLECT 03

USER 1. ประชาชนทวั่ ไป (General Public) เป็นกล่มุ เป้าหมายหลกั ของโครงการตามวตั ถุประสงค์ คอื ประชาชนทวั่ ไป ทส่ี นใจ เขา้ ชมโครงการ โดยทอ่ี าจจะมหี รอื ไมม่ คี วามรภู้ มู หิ ลงั เก่ยี วกบั ปัญหาท่ี ANALYSIS เกดิ ขน้ึ ความตอ้ งการ ของกลุ่มน้โี ดยสว่ นใหญเ่ น้นเร่อื งของเร่อื งราวทจ่ี ะสอ่ื สาร ช่วงเวลาเขา้ ชม : วนั ธรรมดา และสดุ สปั ดาห์ กล่มุ ใช้สอยประจาในโครงการ (User Group) สกั ษณะของขอ้ มลู ทไ่ี ดร้ บั : ขอ้ มลู ขา่ วสารของกล่มุ น้ตี อ้ งการความสาคญั ของ ขา่ วสาร หรอื ความรทู้ ค่ี อ่ นขา้ งน้อยกวา่ โดยมากจะเน้นไปทก่ี ารสอ่ื สาร และการ คลอ้ ยตามไป กล่มุ เป้าหมาย (Target Group) กบั เร่อื งราวของโครงการ มกั จะไดข้ อ้ มลู ในสว่ นพน้ื ฐาน และภาพรวม ของแนวคดิ กวา้ งๆ ของโครงการแห่งน้ี 2. นักท่องเท่ียวต่างชาติ (Foreign Tourist) นกั ทอ่ งเทยี วต่างชาตนิ นั้ โดยหลกั แลว้ นกั ทอ่ งเทย่ี ว ต่างชาตถิ อื วา่ เป็นสว่ นชว่ ยในการ เผยแพร่ วฒั นธรรม สงั คม และวถิ ี ชวี ติ ของกลุ่มจงั หวดั ขาย แดนภาคใตใ้ หแ้ กป่ ระเทศของตนเอง รวมถงึ การตระหนกั ถงึ ผลของความสญู เสยี ทมี าจากหลาย ปัญหาในทุกรปู แบบ ใน ขณะเดยี วกนั กเ็ ป็นสว่ น ช่วยสนบั สนุนทางดา้ นรายไดแ้ กต่ วั โครงการอกี ดว้ ย ชว่ งเวลาเขา้ ชม : ทกุ วนั โดยสว่ นมากจะเป็นวนั ธรรมดา ลกั ษณะของขอ้ มลู ทไ่ี ดว้ นั : ขอ้ มลู ขา่ วสาร โดยมากแลว้ กลุ่มนกั ทอ่ งเทย่ี ว ต่างชาติ น้ี จะมภี ูมหิ ลงั น้อยมาก หรอื ไม่มเี ลย ดงั นนั้ ในการนาเสนอขอ้ มลู จงึ ควร มงุ่ เน้นขอ้ มลู พน้ื ฐาน ในลกั ษณะทม่ี ุง่ เน้นใหเ้ ขา้ ใจในภาพรวม 3. กลุ่มนักเรียน นักศึกษา (Students) ความตอ้ งการทจ่ี ะเรยี นรเู้ รอ่ื งราวคา่ งๆทน่ี ามาจดั แสดง และบางสว่ นทม่ี คี วามสนใจกบั เรอ่ื งราวทส่ี อ่ื สรผา่ นนทิ รรศการเป็นพเิ ศษ รวมไปถงึ การรบั ทาง สถาปัตยกรรม ทจ่ี ะมผี ลต่อความรสู้ กึ ในระดบั ทแ่ี ตกต่างกนั ไป ช่วงเวลาเขา้ ชม : วนั ธรรมคา และสดุ สปั ดาห์ ลกั ษณะของขอ้ มลู ทไ่ี ดร้ บั : ลกั ษณะการรบั ขอ้ มลู จะไดร้ บั จากสว่ นการจตั แสดง นทิ รรศการต่างๆและสว่ นบรกิ ารทางวชิ าการ ซง่ึ ไดแ้ ก่การสมั มนา อบรมต่างๆ 4. กลุ่มวิชาการ (Scholars) ผชู้ มกลมุ่ น้ธี รรมดามไี มม่ ากนกั แต่เป็นกลุ่มทม่ี คี วามสาคญั ไป ขบั เคลอื นทางความคดิ และการแกไ้ ขปัญหาทเ่ี กดิ ขน้ึ ความตอ้ งการข ศกึ ษาวจิ ยั หาขอ้ มลู ทม่ี าทไ่ี ปของปัญหา และแนวทางในการแกไ้ ขปัญหาของคนกลุ่มน้ี คอื การหา แรงผลกั ดนั ในการแกไ้ ขปัญหา 04

SITE SELECTION ขอบเขตอาณาจกั รเดิม ส่ีแยกมาลายบู างกอก เมืองหลวงของอาณาจกั ร เป็นพน้ื ทท่ี แ่ี สดงถงึ ขอบเขตของ แยกมาลายบู างกอกในหลกั ฐานทาง ตามหลกั ฐานทางประวตั ศิ าสตรป์ รากฎ อาณาจกั รปัตตานี ในประวตั ศิ าสตร์ ประวตั ิศาสตร์ กลา่ วไวว้ า่ เป็นบรเิ วณ ไวว้ า่ เมอื งหลวงของรฐั ปัตตานตี งั้ อยู่ ปรากฎในหลกั ฐานว่าปัจจุบนั อยู่ บรเิ วณ รวมพลคน ตาบลสะเตง ที่อพยพไป บรเิ วณอาเภอยะรงั จงั หวดั ปัตตานี อาเภอจะนะ จงั หวดั สงขลาในปัจจุบนั ยงั ภาคกลางของสยามในปัจจบุ นั อยู่ สงั เกตไดจ้ าก เหล่งโบราณคดี และ ท่ี อาเภอเมือง ยงั หวดั ยะลา มสั ยดิ กรอื เซะยงั ทาหน้าทเ่ี ป็นประตูเมอื ง ของอาณาจกั รปัดตานอี กี ดว้ ย 05

SITE ขนาดพืน้ ท่ีโครงการ 12.10 ไร่ ANALYSIS 06

3 PROGRAM 12 ANALYSIS 1 1 สว่ นอนุสรณ์สถาน ท่จี อดรถ พนื้ ทแ่ี หง่ การราลึก พื้นท่ีกลางแจ้งสว่ นรวม 2 สว่ นอนุสรณ์สถานภายใน ที่จอดรถ พน้ื ทจ่ี ดั แสดงผลงาน พื้นที่ซ่อมบารุงผลงาน พน้ื ทที่ างานของเจา้ หน้าที่ 3 สว่ นการเรียนรู้ ห้องสมดุ มชี วี ติ (สภากาแฟ) หอ้ งสมุด พ้ืนท่ที างานส่วนรวม พ้ืนทีท่ างานของเจ้าหน้าที่ ขนาดพืน้ ท่ีโครงการ 12.10 ไร่ 07

AREA REQUIREMENT ANALYSIS สว่ นอนุสรณ์สถานภายใน ส่วนการเรยี นรู้ ส่วนอนสุ รณ์สถาน 08

ส่วนอนสุ รณส์ ถาน จากการศกึ ษาเรือ่ งราวทางประวตั ศิ าสตร์ สามารถสรปุ เนอ้ื เร่อื งในการทีจ่ ะใช้เล่าเร่ืองราวทางประวตั ศิ าสตรท์ ี่เลอื กจากเหตุการณห์ รือเร่อื งราวท่ีมี ความสาคัญเป็นทจี่ ดจาของผู้คนและมหี ลกั ฐานระบอุ ย่างแนช่ ัดได้ทง้ั หมด 5 หวั ข้อ ดังนี้ 1. การก่อกาเนดิ 2. เส้นทางสู่ยคุ ทอง 3. สนิ้ สุดยุคทอง 4. ปตั ตานีภายใตอ้ านาจ 5. ปตั ตานวี นั นี้ 09

MASS DEVELOPMENT SPACE 10

ส่ ว น ท่ี 1 ก า ร ก่ อ กา เ นิ ด รายาอนิ ทิรา หรอื รายามฮู ัมหมดั ซาห์ (ซ่งึ เป็นลกู ชายของรายาศรีวัง สาของอณาจักรลังกาสกุ ะ) พทุ ธศักราช 2043–2073 ครสิ ต์ศกั ราช 1500-1530 อาณาจักรปัตตานถี ือกาเนิดขน้ึ กอ่ นอาณาจักรสยาม 500 ปี เรมิ่ จากเป็นเผา่ เลก็ ๆ รวมตัวกัน มปี ระชากรอาศยั 200-250 คน มีชื่อวา่ ปสี ัง โดยแตล่ ะปจี ะมตี วู อลา (หวั หนา้ เผ่าในสมยั น้นั ) มาปกครอง และ จะสลับทุก ๆ 1 ปี ตอ่ มามชี นกลมุ่ ใหญ่เข้ามามบี ทบาทในแถบนมี้ ากข้นึ จนในที่สดุ กถ็ กู รวมเปน็ สว่ นหน่งึ ของอาณาจกั รลังกาสุกะและเปลีย่ น จากช่ือ ปีสงั มาเปน็ บาลกู า ซึ่งมอี ายุราวพทุ ธศตวรรษท่ี 9 หลงั จากนนั้ ราว 100 ปี ลกู ชายกษัตรยิ ์ลงั กาสกุ ะไดเ้ ดนิ ทางมาถงึ ท่นี ้ีและรู้สกึ ประทบั ใจ เลยเปล่ียนชอื่ ใหม่เป็น ปตาอนี ิง แลว้ กอ่ ต้ังเป็นรฐั ใหม่ ช่อื รฐั ปตาอีนิง รายาศรีวังสาจงึ ย้ายเมืองหลวงจาก \"โกตามะห์ลฆิ ยั \" เมอื ง หลวงเก่ามายงั ปัตตานี สมัยนนั้ การตดิ ตอ่ กบั ต่างชาติ โดยเฉพาะอนิ เดีย และคาบสมทุ รอาหรบั ไดส้ ง่ ผลสาคัญคอื การยอมรบั นบั ถอื ศาสนาอิสลาม โดยตามตานานกลา่ ววา่ ชาวปาไซทาการรกั ษาอาการปว่ ยของรายาอนิ ทิ ราทไี่ มม่ ใี ครสามารถรักษาใหห้ ายได้ พระองค์จึงยนิ ยอมรบั นบั ถอื ศาสนา อสิ ลามและการดดั แปลงอกั ษรอาหรบั เป็นอกั ษรยาวี 11

ส่ ว น ที่ 2 เ ส้ น ท า ง สู่ ยุ ค ท อ ง รายาฮเี ยา (พทุ ธศักราช 2127-2159 คริสต์ศกั ราช 1584-1616) ซงึ่ ลว้ นเปน็ กษตั รีย์ ถือเป็นอาณาจักรของชาวมลายทู ่มี ีความรุ่งเรอื ง มากท่สี ุด หลงั จากมะละกาตกเป็นเมอื งขน้ึ ของโปรตเุ กส ทาให้ปตั ตานี กลายเป็นศูนยก์ ลางการคา้ ขายและมีความรงุ่ เรอื งมาก ดงั บนั ทึกของ ชาวตา่ งชาตวิ า่ “พลเมอื งปตั ตานมี ีชายอายุ 16-60 ปี อย่ถู งึ 150,000 คน เมอื งปตั ตานีมผี ู้คนหนาแน่น เต็มไปดว้ ยบ้านเรอื น บ้านเรอื นราษฎรนับตง้ั แต่ ประตรู าชวงั ถงึ ตัวเมืองปลกู สรา้ งเรยี งรายไมข่ าดระยะ หากวา่ มแี มวเดนิ บน หลังคาบ้านหลงั แรกไปยังหลังสดุ ทา้ ย กเ็ ดินได้โดยไมต่ ้องกระโดดลงบนพน้ื ดนิ เลย” และ “ปัตตานีมีแคว้นตา่ งๆ อยภู่ ายใต้การปกครองถึง 43 แควน้ รวมทง้ั ตรงั กานู และกลันตันด้วย” ในสมัยรายาฮิเยา การติดต่อค้าขายกบั ตา่ งชาติ เจริญรงุ่ เรอื งมาก มีเรือสนิ ค้าเข้ามาเทยี บท่าอยา่ งไมข่ าดสาย และเรม่ิ การคา้ กับฮอลนั ดา สเปน และอังกฤษเป็นคร้งั แรก พระองคย์ งั พระราชทานพระ ขนษิ ฐาอูงูแกส่ ลุ ตา่ นแควน้ ปะหงั เพอื่ คานอานาจกบั แควน้ ยะโฮร์ 12

ส่ ว น ท่ี 3 ส้ิ น สุ ด ยุ ค ท อ ง ในช่วงรายาอมสั กลนั ตนั รายาเออรม์ สั กลนั ตนั เรม่ิ เสอ่ื มอานาจการคา้ ชาวตะวนั ตกไดเ้ ดนิ ทางกลบั เหลอื เพยี งพอ่ คา้ ชาวจนี ญป่ี ่นุ อนิ เดยี และ อาหรบั อนิ เดยี และชาวอหรบั นบั ถอื ศาสนาอสิ ลาม 13

ส่ ว น ท่ี 4 ปั ต ต า นี ภ า ย ใ ต้ อา น า จ รายาอูงู (พุทธศักราช 2167-2178 ครสิ ต์ศกั ราช 1624-1635) รายาอูงซู ง่ึ เสด็จกลบั มาจากปะหงั ก็ตัดสมั พันธ์กบั อยุธยา ทรงยตุ ิการสง่ บรรณาการแดอ่ ยธุ ยา ยกทัพตเี มอื งพทั ลงุ และนครศรีธรรมราช พระนาง ยงั ให้พระธดิ ากนู ิง ภรรยาของออกญาเดโช อภเิ ษกกับสุลตา่ นแควน้ ยะโฮร์ ด้วยเหตุเหล่านี้ทาให้พระบาทสมเด็จพระเจ้าปราสาททรงส่งกองทพั เข้า โจมตีเมอื งปตั ตานใี นปี พ.ศ. 2177 สง่ ตวั ออกยาเดโชเปน็ แม่ทพั ในการนา ทัพไปตีเมอื งปัตตานใี นยคุ ของรายาองู ู เมอ่ื สยามมาตเี มอื งปตั ตานี ปตั ตานี ไดใ้ ช้ปืนใหญท่ ง้ั 3 กระบอก และสามรถปอ้ งกนั ปตั ตานีจาการที่ สยามมาตี เมอื งปตั ตานคี รั้งท่ี 1 14

ส่ ว น ที่ 4 ปั ต ต า นี ภ า ย ใ ต้ อา น า จ แยกปัตตานีเปน็ 7 เมือง (พุทธศักราช 2359 ครสิ ต์ศกั ราช 1816) ในสมัยพระบาทสมเด็จพระพทุ ธเลศิ หลา้ นภาลยั ทรงแยกอาณาจกั รปตั ตานี เปน็ 7 หัวเมืองทรงให้พระยาอภยั สงครามใหไ้ ปจดั การหารปกครองโดยให้ แบ่งแยกปตั ตานีเปน็ 7 เมือง หรือเรยี กการปกครอง 7 หัวเมอื งคอื เมอื ง ปัตตานี หนองจกิ ยะหรง่ิ สายบุรี ยะลา รามนั ห์ แงะ ให้เจา้ เมืองสงขลาเปน็ คนดูแล พระยาปัตตานี เปน็ พระยายะหร่ิง ต่วนสุหลง เปน็ พระยาปตั ตนี ต่วนหนิ เปน็ พระยาหนองจกิ ต่วนมาโสะ เป็นพระยารามัน ต่วนยะลอ เปน็ พระยายะลา หนิเด๊ะ เปน็ พระยาสายบุรี หนเิ ต๊ะ เป็นพระยาระแงะ 15

ส่ ว น ที่ 5 ปั ต ต า นี วั น น้ี ปัตตานี ยะลา นราธวิ าส (พุทธศักราช 2466 คริสตศ์ กั ราช 1923) มณฑลปัตตานีกอ่ ตงั้ ขึ้นในปี พ.ศ. 2449 แตถ่ งึ ปพี .ศ. 2466 ชาวบ้านจานวนมากก็ออกมาชุมนมุ ประท้วงขา้ ราชการและเจ้าหนา้ ท่ีใน ทอ้ งถน่ิ พระบาทสมเดจ็ พระมงกุฏเกล้าเจ้าอยู่หวั จึงทรงออกพระบรมรา โชบายสาหรับมณฑลปตั ตานี เมอ่ื 2 กรกฎาคม พ.ศ. 2466 ไว้ 6 ขอ้ เพ่อื แกไ้ ขความไมเ่ ปน็ ธรรมของเจา้ หนา้ ทีแ่ ละขา้ ราชการและนาไปสกู่ ารยุบ มณฑลปตั ตานเี ปน็ 3 จังหวัด คอื ปตั ตานี ยะลา และนราธวิ าส จนถึงทุก วนั นี้ 16

125 MASS DEVELOPMENT 34 FORM 17

ขนาดพืน้ ที่โครงการ 12.10 ไร่ LAY OUT 6 SCALE 1:1500 148.007 41.00 41.00140.00 2 95.001 3 1 4 1 อาคารอนุสรณส์ ถาน 5 2 อาคารการเรยี นรู้ 3 อาคารงานระบบ 4 มัสยกิ รือเซะ 5 ฮวงซยุ้ เจ้าแมล่ มิ้ กอ่ เหนี่ยว 6 ตลาด 400ปี 7 สุเหรา่ กรือเซะ 18

ขนาดพืน้ ท่ีโครงการ 12.10 ไร่ 140.00 FIRST FLOOR 5 13 SCALE 1:750 4 2 14 1 3 15 10148.006 7 41.00 41.00 95.009 12 1 โถงทางอาคารสว่ นการเรียนรู้ +0.10 2 ห้องน้าชาย +0.00 8 3 ห้องน้าหญิง +0.00 11 4 คาเฟ่ (สถากาแฟ) +0.20 5 สวนเสานกเขาชวา+0.00 6 โถงสว่ นกลาง +0.10 7 ห้องระบบ +0.10 8 บนั ได(หอคอย) 9 พ้ืนทีจ่ ัดแสดงงานกลางแจ้ง -0.50 10 สวนเสาพหุวัฒนธรรม +0.00 11 สวพหวุ ฒั นธรรม +0.00 12 ทางเดนิ ในมมุ มองบิดเบีย้ ว +0.10 13 ทีจ่ อดรถโดยสาร +0.00 14 ทีจ่ อดรถยนต์ +0.00 15 ทจ่ี อดรถจกั ยานยนต์ +0.00 19

ขนาดพืน้ ท่ีโครงการ 12.10 ไร่ BASEMENT 1 140.00 SCALE 1:750 16 15 14 4 13 148.00 95.00 1 2 4 12 36 1 โถงทางเขา้ อาคารอนสุ รณส์ ถาน -5.00 2 ห้องนา้ ชาย -6.90 10 11 7 41.00 3 ห้องน้าหญงิ -6.90 74 4 สว่ นท่ี 1 การกอ่ กาเนดิ -5.00 5 สว่ นท่ี 2 เส้นทางสูย่ คุ ทอง -5.00 68 6 สว่ นท่ี 3 สนิ้ สุดยคุ ทอง -6.00 9 7 สว่ นท่ี 4 ปัตตานภี ายใต้อานาจ -5.00 8 สว่ นท่ี 5 ปตั ตานวี ันนี้ -5.00 5 9 ห้องงานระบบ -6.90 10 พ้นื ท่ีจัดแสดงในรม่ -5.00 11 พื้นทีจ่ ดั แสดงกลางแจ้ง -6.90 12 หอ้ งซ่อมบารงุ งานจัดแสดง -5.00 13 ห้องทางานเจา้ หน้าที่ -5.00 14 โถงห้องสมุด -5.00 15 หอ้ งสมดุ -5.00 16 พ้นื ท่ีทางาน -5.00 20

21

22

23

24

1 2 3 4 DETAIL 1 มสั ยิดกรือเซะ 2 ศาลเจ้าแม่ลิม้ ก่อเหนยี่ ว ANALYSIS 3 วัดช้างไห้ 4 พหวุ ัฒนธรรม 25

PERSPECTIVE EXTERIOR 26

PERSPECTIVE EXTERIOR 27

PERSPECTIVE EXTERIOR 28

PERSPECTIVE EXTERIOR 29

PERSPECTIVE EXTERIOR 30

PERSPECTIVE EXTERIOR 31

PERSPECTIVE EXTERIOR 32

PERSPECTIVE EXTERIOR 33

PERSPECTIVE EXTERIOR 34

PERSPECTIVE EXTERIOR 35

PERSPECTIVE EXTERIOR 36

PERSPECTIVE EXTERIOR 37

PERSPECTIVE EXTERIOR 38

PERSPECTIVE EXTERIOR 39

PERSPECTIVE INTERIOR 40

PERSPECTIVE INTERIOR 41

PERSPECTIVE INTERIOR 42

PERSPECTIVE INTERIOR 43