สุขภาพอนามัย และโรคจากการทางาน โรคจากการทางาน (Occupational Diseases) โรคจำกกำรทำงำน หรือโรคจำกกำรประกอบอำชีพหรือตำมกฎหมำยเรียกวำ่ โรคซ่ึงเกิดข้ึนเก่ียวเนื่อง กบั กำร ทำงำน บำงโรคอำจจะปรำกฏอำกำรอยำ่ งเฉียบพลนั เนื่องจำกอำจไดร้ ับสิ่งทำใหเ้ กิดโรค ในปริมำณ ค่อนขำ้ งสูง ใน ระยะเวลำอนั ส้นั แต่บำงโรคอำจจะปรำกฏอำกำรแบบเร้ือรัง เนื่องจำกคนงำนจะค่อยๆ ไดร้ ับสิ่ง ที่ทำใหเ้ กิดโรคน้นั ทีละ นอ้ ยๆ เป็นเวลำนำนหลำยเดือน หรือหลำยปี โรคส่วนใหญเ่ ม่ือเกิดข้ึนแลว้ จะมีควำม รุนแรงสูงบำงคร้ังไม่อำจรักษำให้ กลบั สู่สภำพเดิมได้ และมีจำนวนมำกที่เป็นโรคน้ีเกิดควำมรุนแรงมำกจนพิกำร หรือเสียชีวิต จำกประกำศกระทรวงรงงำนและสวสั ดิกำรสงั คม กำหนดชนิดของโรคตำมพระรำชบญั ญตั ิเงิน ทดแทน พ.ศ. 2537 มีจำนวน 32 โรค ดงั น้ี ลาดบั ช่ือโรค / เกดิ จากสาร ลาดบั ชื่อโรค / เกดิ จากสาร 1 โรคจำกตะกว่ั /สำรประกอบตะกวั่ 17 โรคจำกคำร์บอนมอนนอกไซด์ 2 โรคจำกแมงกำนีส /สำรประกอบแมงกำนีส 18 โรคจำกเบนซีนหรือสำรประกอบเบนซีน 3 โรคจำกสำรหนู /สำรประกอบสำรหนู 19 โรคฮำโลเจนเป็นอนุพนั ธ์ของกลุ่มน้ำมนั 4 โรคจำกเบอริลเลี่ยม /สำรประกอบเบอริลเล่ียม 20 โรคจำกสำรกำจดั ศตั รูพืช 5 โรคจำกปรอท /สำรประกอบปรอท 21 โรคจำกสำรเคมีอื่น /สำรประกอบสำรเคมีอ่ืนๆ 6 โรคจำกโครเม่ียม /สำรประกอบโครเม่ียม 22 โรคจำกเสียง 7 โรคจำกนิเกิ้ล /ประกอบนิเกิ้ล 23 โรคจำกควำมร้อน 8 โรคจำกสงั กะสี /สำรประกอบสงั กะสี 24 โรคจำกควำมเยน็ 9 โรคจำกแคดเม่ียม /สำรประกอบแคดเมียม 25 โรคจำกควำมสน่ั สะเทือน 10 โรคจำกฟอสฟอรัส /สำรประกอบฟอสฟอรัส 26 โรคจำกควำมกดดนั อำกำศ 11 โรคจำกคำร์บอนไดซลั ไฟด์ 27 โรคจำกรังสีไมแ่ ตกตวั 12 โรคจำกไฮโดรเจนซลั ไฟด์ 28 โรคจำกรังสีแตกตวั 13 โรคจำกซลั เฟอรไดออกไซด์ /กรดซลั ฟูริค 29 โรคจำกคล่ืนแม่เหลก็ ไฟฟ้ำอื่นๆ 14 โรคจำกไนโตรเจนออ๊ กไซด์ /กรดไนตริค 30 โรคจำกฝ่ นุ 15 โรคจำกแอมโมเนีย 31 โรคติดเช้ือจำกกำรทำงำน 16 โรคจำกคลอรีน /สำรประกอบคลอลีน 32 โรคอ่ืน ๆ ซ่ึงเกิดข้ึนตำมลกั ษณะหรือสภำพ 47
สุขภาพอนามยั และโรคจากการทางาน (ต่อ) องคป์ ระกอบท่ีทำใหเ้ กิดโรคจำกกำรทำงำน จำแนกออกไดเ้ ป็น 3 องคป์ ระกอบดงั น้ี 1. ตวั เหตุของโรคหรือส่ิงทีท่ าให้เกดิ โรค หมำยถึง สำเหตุที่ทำใหเ้ กิดโรคจำกกำรประกอบอำชีพ แบ่งออก ไดเ้ ป็นกลมุ่ ใหญๆ่ คือ • ตวั เหตทุ างเคมี หมำยถึง ซ่ึงอำจอยใู่ นรูปของก๊ำซ ไอสำร ละออง ฝ่ นุ หรือตวั ทำละลำยเช่น ยำฆ่ำแมลง ฝ่ นุ ใยหิน สำรตะกว่ั แมงกำนีส ปรอท • ตวั เหตุทางกายภาพ เช่น เสียง ควำมร้อน สน่ั สะเทือน และรังสีชนิดแตกตวั เป็นตน้ • ตวั เหตทุ างชีวภาพ ไดแ้ ก่ ไวรัส แบคทีเรีย เช้ือรำ พยำธิ และฝ่ นุ เสน้ ใยพืช เป็นตน้ 2. คนท่ที างาน เป็นองคป์ ระกอบสำคญั ที่เกี่ยวขอ้ งกบั กำรไดร้ ับตวั เหตุของโรคและตอบสนองต่อโรคน้นั ส่ิง ที่มีอิทธิพลต่อกำรเกิดโรคมีหลำยประกำร เช่น • กรรมพนั ธุ์ เช้ือชำติ เพศ และอำยุ • พ้ืนฐำนสุขภำพก่อนเขำ้ ทำงำน เช่น มีโรค /ควำมเจบ็ ป่ วยแฝงเร้นอยู่ และเม่ือไดร้ ับตวั เหตุของโรคบำง ชนิดเขำ้ ไปอำจทำใหเ้ กิดโรคไดเ้ ร็วข้ึน • ภำวะโภชนำกำรของแต่ละบุคคล • พฤติกรรมในกำรทำงำน ,อนำมยั ส่วนบุคคล นิสยั • พ้ืนฐำนกำรศึกษำที่ไม่เท่ำกนั 3. ประเภทของโรคจากการทางาน ซ่ึงแบ่งไดเ้ ป็น 6 ประเภทดงั น้ี • โรคปอดจำกกำรทำงำน • โรคผวิ หนงั จำกกำรทำงำน • โรคจำกกำรทำงำนเกิดจำกตวั เหตุทำงเคมี • โรคมะเร็งจำกกำรทำงำน • โรคจำกตวั เหตุทำงชีวภำพไดแ้ ก่ ไวรัส แบคทีเรีย เช้ือรำ พยำธิ และฝ่ นุ เสน้ ใยพืช 9 โรคจำกตวั เหตุทำง กำยภำพ เช่น เสียงดงั ควำมร้อน ควำมสนั่ สะเทือน รังสีชนิดแตกตวั เป็นตน้ 48
การบริการของคลนี ิคความปลอดภยั ( ห้องพยาบาล ) 1. หอ้ งพยำบำลเปิ ดใหบ้ ริกำรวนั จนั ทร์ - วนั เสำร์ เวลำ 08.00 - 17.00 น. 2. เจำ้ หนำ้ ที่พยำบำลใหก้ ำรรักษำอำกำรป่ วยเบ้ืองตน้ และบริกำรยำ เฉพำะโรคปัจจุบนั ที่สำมำรถบำบดั ไดด้ ว้ ยยำสำมญั ประจำบำ้ น ซ่ึง ไมใ่ ช่กำรรักษำท่ีเกินอำนำจและหนำ้ ท่ีพยำบำล 3. เจำ้ หนำ้ ที่พยำบำลใหก้ ำรปฐมพยำบำล อุบตั ิเหตุ เบ้ืองตน้ ก่อน นำส่งโรงพยำบำล หรือทำแผลที่เกิดจำกอุบตั ิเหตุเลก็ นอ้ ย 4. ผมู้ ำรับบริกำร กรุณำลงชื่อในสมุดบนั ทึกสถิติตกำรใชบ้ ริกำร ทุกคร้ัง 5. ผมู้ ำรับบริกำร ใหแ้ จง้ อำกำรแพย้ ำ , ช่ือยำท่ีแพ,้ และโรค ประจำตวั ใหเ้ จำ้ หนำ้ ที่พยำบำลทรำบดว้ ยทุกคร้ัง 6. หำ้ ม ผรู้ ับบริกำร หยบิ ยำรับประทำนเอง, เอำกลบั เอง หรือขอยำ แทนผอู้ ่ืน 9. หำ้ ม ส่งเสียงดงั รบกวนพนกั งำน บุคลำกร และอำจำรย์ ที่นอน พกั อยู่ 10. หำกเจำ้ หนำ้ ที่พยำบำลประเมินอำกำรแลว้ สมควรใหน้ อนพกั ผรู้ ับบริกำรตอ้ งกรอกแบบฟอร์ม “ ขออนุญำตนอนพกั หอ้ ง พยำบำล “ และใหผ้ บู้ งั คบั บญั ชำ อนุมตั ิ และจะไม่ถูกนำมำพิจำรณำตดั สิทธิ “เบ้ียขยนั ประจำเดือน” และ “พนกั งำนขยนั ประจำปี ” หมำยเหตุ : ในกรณีท่ีป่ วยมำกและไดร้ ับอุบตั ิเหตุท่ีรุนแรงจะนำส่งโรงพยำบำลใกลเ้ คียง และอยใู่ นขอ้ ตกลงของประกนั มารยาทการใช้บริการคลีนิคความปลอดภยั ( ห้องพยาบาล ) 1. แต่งกำยสุภำพเรียบร้อย 2. ถอดรองเทำ้ และจดั วำงที่ช้นั วำงใหเ้ รียบร้อย ก่อนเขำ้ หอ้ งพยำบำล 3. พูดดว้ ยถอ้ ยคำสุภำพ มีสมั มำคำรำวะ ไมเ่ สียงดงั ขณะอยใู่ นหอ้ งพยำบำล 4. ใหค้ วำมร่วมมือท่ีดีในกำรตอบคำถำมดำ้ นสุขภำพ 5. ปฏิบตั ิตวั ใหเ้ หมำะสม ดว้ ยกำรใหเ้ กียรติและเคำรพซ่ึงกนั และกนั 5. พนกั งำนตอ้ งปฏิบตั ิตำมคำแนะนำของพยำบำลอยำ่ งเคร่งครัด 7. ช่วยกนั รักษำควำมสะอำดของสถำนที่และอปุ กรณ์ต่ำง ๆ ถือเสมือนวำ่ เป็นทรัพยส์ ินส่วนรวมท่ีใชป้ ระโยชนร์ ่วมกนั 8. พนกั งำนตอ้ งไมน่ ำอำหำร เคร่ืองด่ืมอ่ืนๆ มำรับประทำน ยกเวน้ กรณีที่นำมำใหผ้ ปู้ ่ วยที่นอนพกั ในหอ้ งพยำบำล 49
การปฐมพยาบาล การปฐมพยาบาล หมายถึง การใหค้ วามช่วยเหลือแก่ผูป้ ่ วยหรือผูท้ ่ีไดร้ ับบาดเจ็บ ณ สถานที่เกิดเหตุ โดยใช้ อปุ กรณ์เท่าท่ีจะหาไดใ้ นขณะน้นั นามาใชใ้ นการรักษาเบ้ืองตน้ ควรทาการปฐมพยาบาลใหเ้ ร็วท่ีสุดหลงั เกิดเหตุโดยอาจ ทาไดใ้ นทนั ที หรือระหว่างการนาผูป้ ่ วยหรือผูบ้ าดเจ็บไปยงั โรงพยาบาลหรือสถานท่ีรักษาพยาบาลอื่น ๆ เพ่ือช่วย บรรเทาอาการเจ็บป่ วย หรืออาการบาดเจบ็ น้นั ๆ ก่อนท่ีผูป้ ่ วยหรือผทู้ ่ีไดร้ ับบาดเจบ็ จะไดร้ ับการดูแลรักษาจากบุคลากร ทางการแพทย์ หรือถกู นาส่งไปยงั โรงพยาบาล ข้อแนะนาการปฐมพยาบาล หากรู้สึกวา่ ป่ วยจนไมส่ ามารถทางานต่อไปได้ ใหแ้ จง้ หวั หนา้ งานทราบทนั ที ถา้ หากไดร้ ับบาดเจบ็ ในการทางาน ตอ้ งแจง้ ใหห้ วั หนา้ งานรู้ทนั ทีไม่วา่ มากหรือนอ้ ย การปฐมพยาบาลจะทาใหร้ ายท่ีบาดเจบ็ เพียงเลก็ นอ้ ย ส่วนที่บาดเจบ็ มากควรใหแ้ พทยเ์ ป็ นผูด้ ูแล พึงระลึกไว้ เสมอวา่ ในรายท่ีบาดเจบ็ มาก ๆ การปฐมพยาบาลจะทาเพียงเบ้ืองตน้ ก่อนถึงมือแพทย์ การช่วยเหลืออยา่ งฉบั พลนั ทนั ทีหลงั เกิดอบุ ตั ิเหตุอาจเป็นการช่วยชีวิตไวไ้ ด้ วธิ ีการห้ามเลือด ใชผ้ า้ สะอาดทบั บนบาดแผล พนั แผลใหแ้ น่นพอดีทบั ลงบนผา้ ท่ีกดทบั แผลไว้ ถา้ บาดแผลเกิดที่ปลายเทา้ ปลายแขน หรือส่วนอ่ืน ๆ ท่ีต่า ๆ ควรทาการยกข้ึนใหอ้ ยใู่ นระดบั สูงกวา่ โดยใช้ หมอนรองหรือวสั ดุอ่ืน ๆ กไ็ ด้ ถา้ คนเจบ็ เกิดกระหายน้าใหด้ ่ืมไดแ้ ต่นอ้ ย ( ประมาณคร่ึงแกว้ ต่อทุก ๆ 30 นาที ) และคนเจบ็ จะตอ้ งไมเ่ ป็นผทู้ ่ีมี บาดแผลในช่องทอ้ ง หรือหนา้ อดส่วนล่าง หา้ มมิใหค้ นเจบ็ ด่ืมเครื่องด่ืมที่เป็นแอลกอฮอลอ์ ยา่ งเดด็ ขาด นาคนเจบ็ ส่งโรงพยาบาลโดยด่วน วธิ ีการปฐมพยาบาลบาดแผลจากไฟไหม้ น้าร้อนลวก ลา้ งดว้ ยน้าสะอาดท่ีอุณหภูมิปกติ ซ่ึงเชื่อวา่ จะมีผลช่วยลดการหลง่ั สารที่ทาใหเ้ กิดอาการปวดบริเวณบาดแผล ได้ หลงั จากน้นั ซบั ดว้ ยผา้ แหง้ สะอาด แลว้ สงั เกตวา่ ถา้ ผิวหนงั มีรอยถลอก มีตุ่มพองใส หรือมีสีของผิวหนงั เปลี่ยนไป ควรรีบไปพบแพทย์ * แต่ถา้ ไฟไหม้ น้าร้อนลวกบริเวณใบหนา้ จะตอ้ งไดร้ ับการรักษาจากแพทยโ์ ดยเร็วที่สุด เพราะบริเวณ ใบหนา้ มกั จะเกิดอาการระคายเคืองจากยาที่ใช้ หา้ มใส่ยาใด ๆ ก่อนถึงมือแพทย์ เพราะผปู้ ่ วยแต่ละคนมีอาการ ตอบสนองต่อตวั ยาไมเ่ หมือนกนั จะตอ้ งข้ึนกบั ดุลยพินิจของแพทย์ ข้อห้าม เม่ือโดนไฟไหม้ น้าร้อนลวก 50
ไม่ควรใส่ตวั ยา / สารใด ๆ ทาลงบนบาดแผล ถา้ ไม่แน่ใจในสรรพคุณที่ถกู ตอ้ งของยาชนิดน้นั โดยเฉพาะ ยาสี ฟันน้าปลา เพราะส่ิงเหลา่ น้ีจะทาใหเ้ กิดอาการระคายเคืองต่อบาดแผล เพ่ิมโอกาสการเกิดบาดแผลติดเช้ือ และ ทาใหร้ ักษาไดย้ ากข้ึน วธิ ีการปฐมพยาบาลบาดแผลสด บาดแผลปิ ด หมายถึง บาดแผลที่มีการฉีกขาดของเน้ือเย่ือภายใตผ้ วิ หนงั เช่น แผลฟกช้า หอ้ เลือด ขอ้ เทา้ พลิก *** การดูแล ใน 24 ช่ัวโมงแรก ใช้น้าแข็งหรือถุงน้าเย็นประคบ เพื่อไม่ให้เลือดออก และช่วยระงับอาการปวด หลงั 24 ชวั่ โมง ควรประคบดว้ ยน้าอุน่ เพื่อช่วยละลายล่ิมเลือด บาดแผลเปิ ด หมายถึง บาดแผลท่ีมีการฉีกขาดและมีเลือดไหลออกมานอกผิวหนงั เช่น แผลถลอก แผลตดั แผล ฉีกขาดกระรุ่ง แผลถกู ยิง แผลถูกแทง แผลถูกยิง เป็นตน้ *** การดแู ล ชะลา้ งแผลและทาความสะอาดรอบ ๆ แผล ถา้ แผลสกปรกมาก ควรลา้ งดว้ ยน้าสะอาดและสบู่ใชผ้ า้ สะอาด หรือผา้ กอซสะอาด ซบั บริเวณแผลใหแ้ หง้ ใส่ยาฆา่ เช้ือ เช่น เบตาดีน (Betadine) ไมจ่ าเป็นตอ้ งปิ ดแผล ถา้ เป็นแผลถลอก หากมีเลือดซึม ควรใชผ้ า้ กอซสะอาดปิ ดแผลไว้ ถา้ บาดแผลมีขนาดใหญ่ กวา้ งและลึก มีเลือดออกมาก ใหห้ า้ มเลือด และ รีบนาส่งโรงพยาบาล วธิ ีการปฐมพยาบาลเบื้องต้นผ้เู ป็ นลม นาเขา้ พกั ในท่ีร่ม มีอากาศถา่ ยเทไดส้ ะดวก ใหน้ อนราบ และคลายเส้ือผา้ ใหห้ ลวม ใชผ้ า้ ชุบน้าเยน็ เชด็ เหงื่อที่หนา้ ผาก มือ และเทา้ * ขอ้ สงั เกต ถา้ ใบหนา้ ผทู้ ี่เป็นลมขาวซีด ใหน้ อนศีรษะต่า ถา้ ใบหนา้ มีสีแดงใหน้ อนศีรษะสูง วธิ ีการปฐมพยาบาลเบื้องต้นผู้หมดสติ ตรวจดูในปากวา่ มีสิ่งอุดตนั ทางเดินหายใจหรือไม่ ถา้ มีตอ้ งรีบนาออกโดยเร็ว จดั ใหผ้ หู้ มดสติอยใู่ นท่าที่เหมาะสม โดยใหผ้ หู้ มดสตินอนตะแคงคว่าไปดา้ นใดดา้ นหน่ึง คลายเครื่องนุ่งห่มใหห้ ลวม และหา้ มใหน้ ้าหรืออาหารทางปาก ถา้ มีอาการชกั ใหใ้ ช้ ผา้ มว้ นเป็นกอ้ นสอดระหวา่ งฟันบนกบั ฟันลา่ งเพ่ือกนั ผปู้ ่ วยกดั ลิ้นตนเอง ทาการหา้ มเลือดในกรณีท่ีมีเลือดออก ถา้ มีอาการไมด่ ีข้ึนใหร้ ีบนาส่งโรงพยาบาลโดยด่วน วธิ ีการช่วยหายใจด้วยการผายปอด จดั ท่าผปู้ ่ วยใหอ้ ยใู่ นท่านอนหงาย ประเมินอาการของผปู้ ่ วย โดยประเมินระบบประสาท ( ปลุกเรียก ) ระบบการหายใจ(ดูการหายใจ ดูหนา้ อก หรือ ( ใชม้ ือองั ที่จมูก ) และระบบไหลเวียนโลหิต ( จบั ชีพจรท่ีขอ้ มือ หรือคอ ) โทรแจง้ รถพยาบาล เบอร์ ฉุกเฉิน 1669 51
คุกเข่าดา้ นขา้ งของผูป้ ่ วยดา้ นใดก็ได้ หาตาแหน่งของหวั ใจ ( อยู่ตรงกลางระหว่างราวนม ) วางส้นมือซา้ ยที่ ตาแหน่งของหวั ใจ มือขวาวางประกบทบั บนมือซา้ ยโดยใหน้ ิ้วมือขวาลอ็ คนิ้วมือขา้ งซา้ ยไว้ บีบแขนท้งั สองขา้ งเขา้ ชิดกนั แขนตรงไมง่ อขอ้ ศอก และโนม้ ตวั ไปขา้ งหนา้ กด มือลงไปแลว้ นบั 1 ถึง 30 โดยกำรนบั 1 ถึง 10 ใหพ้ ูดคำว่ำ และ ดว้ ย เช่น 1 และ 2 และ 3 ... 10 ส่วน 11 นบั ตวั เลขเลยไม่ตอ้ งมีและ จนครบ 30 คร้ัง ( กดใหล้ ึก 2 นิ้ว อตั รำเร็ว 100 คร้ัง ต่อ นำที ) ดนั หนำ้ ผำกเชยคำง บีบจมูก เป่ ำปำก 2 คร้ัง ทำซ้ำไปเร่ือย และเชค็ ชีพจรเป็นระยะ ๆ หำกฟ้ื นจดั ท่ำนอนตะแคง ซำ้ ย วธิ ีช่วยหายใจโดยใช้ปาก รูปที่ 1 รูปที่ 2 รูปที่ 3 รูปที่ 4 รูปที่ 5 รูปท่ี 6 วธิ ีการปฐมพยาบาลผ้ทู ถี่ ูกไฟดูด กำรช่วยเหลือผปู้ ระสบอนั ตรำย ผทู้ ่ีจะช่วยเหลือผทู้ ี่ประสบอนั ตรำยจำกไฟฟ้ำตอ้ งรู้จกั วิธีที่ถูกตอ้ ง ในกำรช่วยเหลือ ดงั น้ี อยำ่ ใชม้ ือเปล่ำแตะตอ้ งตวั ผูท้ ี่ติดอยู่กบั กระแสไฟฟ้ำ หรือตวั นำที่เป็ นตน้ เหตุใหเ้ กิดอนั ตรำยเป็นอนั ขำด เพื่อ ป้องกนั มิใหถ้ กู กระแสไฟฟ้ำจนไดร้ ับอนั ตรำยไปดว้ ย รีบหำทำงตดั กระแสไฟฟ้ำ โดยฉบั ไว จะดว้ ยกำรถอดปลกั๊ หรืออำ้ สวิตซ์ออกกไ็ ด้ 52
ใชว้ ตั ถุที่ไม่เป็นสื่อไฟฟ้ำ เช่น ผำ้ ไมแ้ หง้ เชือกที่แหง้ สำยยำง หรือพลำสติกท่ีแหง้ สนิท ถุงมือยำงหรือผำ้ แหง้ พนั มือใหห้ นำ แลว้ ถึงผลกั หรือฉุดตวั ผปู้ ระสบอนั ตรำยใหห้ ลุดออกมำโดยเร็วเขี่ยสำยไฟใหห้ ลุดออกจำกตวั ผู้ ประสบอนั ตรำย หำกเป็นสำยไฟฟ้ำแรงสูงใหพ้ ยำยำมหลีกเล่ียง แลว้ รีบแจง้ กำรไฟฟ้ำใหเ้ ร็วท่ีสุด อย่ำลงไปในน้ำ กรณีท่ีมีกระแสไฟฟ้ำอยู่ในบริเวณท่ีมีน้ำขงั ตอ้ งหำทำงเข่ียสำยไฟฟ้ำออกให้พน้ หรือตดั กระแสไฟฟ้ำก่อน จึงค่อยไปช่วยผูป้ ระสบอนั ตรำยกำรช่วยผูป้ ระสบอนั ตรำยจำกไฟฟ้ำ ดงั ท่ีกล่ำวมำแลว้ จำเป็นอยำ่ งยงิ่ ที่จะตอ้ งกระทำดว้ ยควำมรวดเร็ว รอบคอบและระมดั ระวงั เป็นพิเศษดว้ ย วธิ ีการเคล่ือนย้ายผู้บาดเจบ็ กำรเคล่ือนยำ้ ยคนเจบ็ ออกจำกที่เกิดเหตุ ควรพิจำรณำใหก้ ำรช่วยเหลือตำมสภำพและอำกำรของคนเจบ็ เช่น อุม้ แบก หำม พยงุ ตำมควำมเหมำะสม แลว้ กระทำดว้ ยควำมระมดั ระวงั เม่ือเคล่ือนยำ้ ยคนเจ็บออกมำจำกท่ีเกิดเหตุแลว้ ควรจดั ใหค้ นเจ็บนอนคว่ำหนำ้ ซีกหน่ึงแนบชิดกบั พ้ืน ยกเข่ำ ขำ้ งหน่ึงใหส้ ูงที่สุดเท่ำที่จะทำได้ และแขนขำ้ งหน่ึงวำงรำบขำ้ งลำตวั ในกรณีจำเป็นตอ้ งทำกำรปฐมพยำบำล เช่น กำรหำ้ มเลือด คนเจบ็ ท่ีมีโลหิตไหลมำกอำจจะมีอนั ตรำยถึงชีวิตได้ และโดยมำกเม่ือคนเจบ็ เสียเลือดมำก ๆ กอ็ ำจจะเกิดอำกำรชอ็ คไดง้ ่ำย ฉะน้นั จึงควรหำ้ มเลือดโดยเร็ว ถำ้ คนเจ็บไม่มีอำกำรกระดูกแตกหรือหัก ควรจบั คนเจ็บนง่ั หรือนอนโดยใหส้ ่วนแผลอยูส่ ูงกว่ำหวั ใจ แลว้ ใช้ ผำ้ พนั แผลหรือผำ้ เชด็ หนำ้ หรือผำ้ พนั คอมดั แผลของคนเจบ็ ใหแ้ น่น ถำ้ ผำ้ ท่ีผกู ไวช้ ุ่มเลือดเกินไปกอ็ ยำ่ แกะออก แต่ใหพ้ นั ทบั ลงไปอีกช้นั หน่ึง ส่วนแผลที่ไมใ่ หญ่ และเลือดหยดุ เอง ควรทำควำมสะอำดแผลแลว้ พนั ผำ้ ไวด้ ว้ ย ถำ้ ผำ้ ท่ีพนั ชุ่มเลือดกค็ วรเปล่ียนใหม่ กำรช่วยคนเจ็บที่กระดูกหัก แตก เดำะ เคล่ือนหรือเส้นเอ็นขำด ตอ้ งใหแ้ พทยผ์ เู้ ชี่ยวชำญเป็นผใู้ หค้ วำมช่วยเหลือเท่ำน้นั หำ้ มมีกำร เคล่ือนยำ้ ยคนเจ็บเพรำะกำรช่วยเหลือโดยรู้เท่ำไม่ถึงกำรณ์จะมี ผลร้ำย แต่ถำ้ ขำแพลง แขนขดั หรือขอ้ เทำ้ พลิกควรช่วยดว้ ยกำรพนั ผำ้ ให้แน่นๆ เพื่อป้องกันกำรบวมมำกข้ึนหรื ออำจจะทำเฝื อก ชว่ั ครำวก็ได้ โดยจำไวว้ ่ำอย่ำไดพ้ ยำยำมดึงขำหรือแขนที่ขดั ของ ป่ วยเดด็ ขำด คนเจบ็ ที่มีอำกำรช็อคเป็นลมควรใหย้ ำดม และจบั นอนหงำย แต่ที่ สำคญั ตอ้ งคอยดูใหผ้ ปู้ ่ วยอยนู่ ่ิงๆ ผูท้ ี่ถูกไฟลวกหำ้ มใหค้ นเจบ็ ถูกน้ำเป็นอนั ขำด และรีบส่งใหแ้ พทย์ เป็นผดู้ ำเนินกำรช่วยเหลือเท่ำน้นั 53
กำรปฏิบตั เิ ม่ือเกิดเหตฉุ ุกเฉินป่ วยวิกฤติ ทีส่ ่งผลตอ่ ชีวิตและอวยั วะ เหตุการณ์ฉุกเฉินทางสุขภาพจากภยั พบิ ตั ิ อุบตั เิ หตุ หรอื อาการป่วยรนุ แรง สง่ ผลใหเ้ กดิ ภาวะเสย่ี ง ต่อการเสยี ชวี ติ สงิ่ สาคญั เรง่ ด่วน คอื ผทู้ อ่ี ยใู่ นเหตุการณ์ขณะนนั้ สามารถการกู้ชพี และปฐมพยาบาลอยา่ ง ถูกตอ้ ง รวดเรว็ มปี ระทธภิ าพ เพ่อื ช่วยใหผ้ ปู้ ่วย หรอื ผบู้ าดเจบ็ ทห่ี มดสติ หยดุ หายใจ หวั ใจ หยดุ เตน้ จาก สถานการณ์ฉุกเฉินต่าง ๆ เช่น ภาวะหวั ใจวายเฉียบพลนั กลา้ มเน้อื หวั ใจขาดเลอื ดเฉียบพลนั จมน้า ทางาน ในทอ่ี บั อากาศ ไฟฟ้าชอ๊ ต อุบตั เิ หตุ หรอื ผปู้ ่วยจากอาการของโรคทม่ี อี าการรนุ แรง ซง่ึ ในช่วงเวลานนั้ ๆ หรอื ณ จดุ เกดิ เหตุอยา่ งถกู ตอ้ งและรวดเรว็ จะชว่ ยใหผ้ ปู้ ่วยรอดชวี ติ หรอื ยดื ระยะเวลาใหผ้ ปู้ ่วยไดร้ บั การสง่ ต่อไปยงั ทมี แพทยฉ์ ุกเฉนิ ไดอ้ ยา่ งปลอดภยั หลกั การของการชว่ ยฟ้ืนคนื ชพี ( Cardio Pulmonary Resuscitation : CPR ) คอื การช่วยใหเ้ กดิ การ ไหลเวยี นของเลอื ดในรา่ งกาย เพ่อื ป้องกนั ภาวะสมอง หวั ใจ และเน้อื เยอ่ื ของอวยั วะสาคญั ขาดออกซเิ จน การปฐมพยาบาลฉุกเฉนิ จงึ เป็นความรขู้ นั้ พน้ื ฐานทท่ี ุกคนตอ้ งไดร้ บั การอบรม หรอื เรยี นรเู้ พอ่ื เพมิ่ โอกาสรอดของผปู้ ่วย ผบู้ าดเจบ็ ดงั นนั้ การปฐมพยาบาลฉุกเฉนและการกชู้ พี ขนั้ พน้ื ฐาน ประกอบดว้ ยความรู้ ในการประเมนิ สถานการณ์ การประเมนิ ผปู้ ่วย การช่วยฟ้ืนคนื ชพี ขนั้ พ้นื ฐาน รวมถงึ การใชเ้ ครอ่ื งเออดี ี (ถา้ มี ) และการ ปฐมพยาบาลฉุกเฉนิ ภาวะทส่ี าคญั ต่าง ๆ ต่อการคกุ คามชวี ติ เพอ่ื สรา้ งศกั ยภาพตนเองใหส้ ามารถชว่ ยชวี ติ ผทู้ ต่ี กอยใู่ นสถานการณ์ฉุกเฉนิ ดา้ นสุขภาพใหร้ อดปลอดภยั การประเมนิ ผปู้ ่วย คอื การตรวจประเมนิ อาการของผปู้ ่วย เพอ่ื วางแผนใหก้ ารปฐมพยาบาลเบอ้ื งตน้ ตอ้ งดาเนนิ การอยา่ งรวดเรว็ ( ไมค่ วรใชเ้ วลานานเกนิ 1 นาที ) มงุ่ การประเมนิ ภาวะคกุ คามชวี ติ ไดแ้ ก่ ระบบหายใจ ระบบไหลเวยี นเลอื ด กรณที ผ่ี ชู้ ่วยเหลอื ตอ้ งทาการชว่ ยฟ้ืนคนื ชพี (CPR) ผปู้ ่วยตอ้ งมภี าวะ ดงั น้ี หมดสติ หยดุ หายใจ หรือหายใจเฮือก หวั ใจหยดุ เต้น กรณที ผ่ี ชู้ ่วยเหลอื ประเมนิ สภาพทวั่ ไปของผปู้ ่วย พบภาวะทต่ี อ้ งใหก้ ารปฐมพยาบาลแต่ไมต่ อ้ งช่วย ฟ้ืนคนื ชพี ไดแ้ ก่ ผปู้ ่วยกระพรบิ ตา พดู หรอื ไอ หน้าอกหน้าทอ้ งกระเพ่อื มขน้ึ ลง ขยบั ตวั แสดงวา่ ผปู้ ่วย รสู้ กึ ตวั และหายใจ ( ใหก้ ารปฐมพยาบาลตามอาการทพ่ี บ ) 54
6 อำกำรฉุกเฉินป่ วยวิกฤติ ท่ีส่งผลตอ่ ชีวิตและอวยั วะ รถปฏิบตั กิ ำรฉุกเฉิน (EMS) โทร.1669 1. หวั ใจหยุดเตน้ ไม่หายใจ ไม่ 4. ระบบไหลเวยี นของเลือดวกิ ฤติ อยา่ ง ตอบสนองตอ่ การเรียก หรอื กระตุ้นตอ้ ง น้อย 2 ข้อ ได้รับการกู้ชีพ ทันที - ตวั เย็น และซีด - เหงอื่ แตก จนทว่ มตวั 2. การรับรู้ สตเิ ปลยี่ นไป บอกเวลา - หมดสตชิ ่วั วูบ หรือวูบเมือ่ ลกุ ยนื ขนึ้ สถานท่ี คนทค่ี ุ้นเคยผิดอย่างเฉียบพลัน 5. อวัยวะฉีกขาด เสยี เลอื ดมาก 3. ระบบหายใจมอี าการวกิ ฤติ ดงั นี้ เสีย่ งตอ่ พกิ าร - ไม่สามารถหายใจไดป้ กติ 6. อาการอืน่ ๆ ทมี่ ีภาวะเสย่ี งต่อชวี ติ สูง - หายใจเรว็ แรง และลกึ - หายใจมีเสยี งดงั ผดิ ปกติ - เจ็บหนา้ อกรุนแรง - พดู ไดแ้ คส่ นั้ ๆ / รอ้ งไม่ออก ออกเสยี งไม่ได้ - แขนขาออ่ นแรงทนั ที ทนั ใด - สาลกั อดุ ทางเดนิ หายใจกบั มอี าการเขียวคลา้ - ชกั เกร็ง 55
ข้นั ตอนกำรประเมินในกำรปฐมพยำบำลผปู้ ่ วย ผบู้ ำดเจบ็ จำกอำกำรป่ วยวิกฤติ ที่อำจสง่ ผลตอ่ อวยั วะและชีวิต เมือ่ เกิดเหตุ แจ้งหน่วยงานความปลอดภยั , หัวหน้า งาน และผู้บงั คับบัญชาตามสายงาน ประเมนิ สถานการณ์ เหตุการณป์ ลอดภยั เหตกุ ารณไ์ ม่ปลอดภัย ใหค้ วามช่วยเหลือและให้ ขอความช่วยเหลอื ณ การปฐมพยาบาลผู้ป่ วย สถานทที่ เ่ี กิดเหตใุ ห้ปลอดภัย * หมดสติ ไม่หายใจ ประเมนิ อาการผู้ป่ วย 6 อำกำรฉุกเฉินวิกฤติ ที่ * ความรู้สึกตัว สง่ ผลตอ่ ชีวิตและอวยั วะ * การหายใจ * การเสียเลอื ด รู้สกึ ตัว หมดสติ หายใจ CPR และใช้เครอ่ื ง จัดทา่ นอนทปี่ ลอดภยั ปฐมพยาบาลตามอาการ / พักฟื้ นห้องพยาบาล AED ส่งตอ่ ทมี แพทยฉ์ ุกเฉิน โรงพยาบาล 56
หว่ งโซ่ของการรอดชวี ติ กำรตอบสนองอยำ่ งมีประสิทธิภำพตอ่ ภำวะฉุกเฉินของหวั ใจ มีควำมจำเป็นที่จะตอ้ งเขำ้ ใจควำมหมำย ของห่วงโซ่ของกำรรอดชีวิต ดงั น้ี ห่วงท่ี 1 กำรจดจำอำกำรและกำรโทรแจง้ ระบบแพทยฉ์ ุกเฉิน 1669 ทนั ที ห่วงที่ 2 เร่ิมทำกำรช่วยฟ้ื นคืนชีพ ( CPR ) ทนั ที โดยเนน้ ท่ีกำรกดหนำ้ อก ห่วงที่ 3 ไดร้ ับกำรช๊อกไฟฟ้ำหวั ใจอยำ่ งรวดเร็วดว้ ยเครื่องเออีดี ห่วงท่ี 4 กำรช่วยชีวติ ข้นั สูงอยำ่ งมีประสิทธิภำพ (รวมถึงกำรนำผปู้ ่ วยข้ึนเปลและนำส่งโรงพยำบำล ) กำรแจง้ เหตุฉุกเฉินเพื่อขอควำมช่วยเหลือ ผแู้ จง้ ควรใหข้ อ้ มูล ดงั น้ี 1. เกิดเหตุอะไร 2. สถำนท่ีเกิดเหตุ 3. จำนวนผบู้ ำดเจบ็ และอำกำรโดยสรุป ผบู้ ำดเจบ็ ผปู้ ่ วยเป็ นอะไร / มีอำกำรอยำ่ งไร / รู้สึกตวั / รู้สติ ต่ืน พูดไดห้ รือไม่ 4. ผบู้ ำดเจบ็ หรือผปู้ ่ วยอยทู่ ี่ไหน 5. ช่ือ และหมำยเลขโทรศพั ทข์ องผแู้ จง้ เหตุ 57
ข้อควรปฏิบตั ขิ ณะรอรถพยาบาล 1. ควรดูแลผบู้ ำดเจบ็ ใหป้ ลอดภยั : กำรหำยใจ ภำวะเลือดออก 2. สังเกตอำกำรเปล่ียนแปลงที่อำจเกิดข้ึนกบั ผบู้ ำดเจบ็ และทำใหอ้ ำกำรรุนแรงมำกข้ึน เพ่ือแจง้ ขอ้ มูล เพิ่มเติมและขอคำแนะนำ เพ่อื ดูแลผบู้ ำดเจบ็ ใหเ้ ปลอดภยั **************************************************** ทม่ี า : 1) ที่มำ : คู่มือกำรปฐมพยำบำลเบ้ืองตน้ (น. 11 ) , โดย ศูนยฝ์ ึ กอบรมปฐมพยำบำลและสุขภำพอนำมยั สภำกำชำดไทย, 2559 2) กำรปฐมพยำบำลฉุกเฉิน และกำรกชู้ ีพข้นั พ้นื ฐำน ( Emergency First Aid and Basic CPR ) สำนกั งำนบรรเทำทุกขแ์ ละประชำนำมยั พทิ กั ษ์ สภำกำชำดไทย ร่วมกบั สถำนบนั กำรแพทยฉ์ ุกเฉินแห่งชำติ 58
การป้องกนั อคั คภี ยั องค์ประกอบการตดิ ไฟ ไฟจะเกิดข้ึนไดต้ อ้ งมีองคป์ ระกอบ 3 ประกำรดว้ ยกนั คือ อำกำศ ควำม ร้อน เช้ือเพลิง เรำสำมำรถป้องกนั กำรติดไฟได้ โดยแยกองคป์ ระกอบ 2 อยำ่ ง ออก จำกองค์ประกอบที่ 3 เอำองค์ประกอบใดองค์ประกอบหน่ึงออกจำกอีกสอง องคป์ ระกอบกจ็ ะสำมำรถดบั ไฟได้ ประเภทของไฟ และเคร่ืองดบั เพลงิ 1. อคั คีภยั ประเภท A ไดแ้ ก่ อคั คีภยั ที่เกิดข้ึนจำก ไม้ กระดำษ เศษผำ้ และขยะ อคั คีภยั เหล่ำน้ีใชน้ ้ำธรรมดำหรือน้ำยำดงั เพลิงได้ 2. อคั คีภยั ประเภท B ไดแ้ ก่ อคั คีภยั ท่ีเกิดข้ึนจำกน้ำมนั เช้ือเพลิงต่ำง ๆ เช่น น้ำมนั ส ำ ม ำ ร ถ ดับ ไ ด้โ ดย ใ ช้เค ร่ื อ ง ดับเ พ ลิ ง แบ บ ที่ ฉี ด เป็ นฟ อ ง ห รื อ แ บ บ ก๊ ำซ คำร์บอนไดออกไซด์ Co2 หรือผงเคมีแหง้ Dry Chemical 3. อคั คีภยั ประเภท C ไดแ้ ก่ อคั คีภยั ท่ีเกิดข้ึนจำกอุปกรณ์ไฟฟ้ำ เคร่ืองใช้ไฟฟ้ำ สำร ดบั เพลิงท่ีใชไ้ ดม้ ีเฉพำะน้ำยำ ชนิดที่ไม่เป็ นสื่อไฟฟ้ำเท่ำน้นั เช่น เครื่องดบั เพลิงแบบ กำ๊ ซคำร์บอนไดออกไซด์ Co2 หรือผงเคมีแหง้ Dry Chemical 4.อคั คีภยั ประเภท D ไดแ้ ก่ อคั คีภยั ที่เกิดจำกเช้ือเพลิงที่เป็ นโลหะ เช่น แมกนีเซียม ลิเทียม และโซเดียม เช้ือเพลิงจะมีควำมร้อนสูง และลุกไหมต้ ลอดเวลำ ตอ้ งใชเ้ คร่ือง ดบั เพลิง และวธิ ีกำรชนิดพิเศษเท่ำน้นั 5.อคั คีภยั ประเภท K ไดแ้ ก่ อคั คีภยั ที่เกิดจำกกำรลุกไหมข้ องน้ำมนั พืช น้ำมนั หมู น้ำมนั ที่ใชท้ ำอำหำรรวมท้งั ท่ีติดอยตู่ ำมปล่องควนั ดว้ ย วธิ ีดบั ไฟ คือกำรทำใหอ้ บั อำกำศ หำก ไม่สำมำรถทำได้ ตอ้ งทำกำรใช้ โฟมหรือทรำย ในกำรดบั ไฟ 59
เครอ่ื งหมำยเพือ่ ควำมปลอดภยั ( Safety Sign) เคร่ืองหมายที่ตอ้ งการใชส้ ่ือความหมาย โดยใชร้ ูป สี หรือขอ้ ความ ที่เฉพาะเจาะจงกบั ผูท้ ี่อาจไดร้ บั อันตรายในสถานท่ีทางาน โดยขอ้ ความภายในป้าย อาจจะสื่อความหมายเพ่ือป้องกันไม่ใหเ้ กิดอุบัติเหตุ ( Prevent Accidents ), อันตรายต่อสุขภาพ ( Health Hazards ), ระบุสถานที่ต้ังของอุปกรณป์ ้องกันไฟไหม้ ( Fire Protection ) หรือการใหค้ าแนะนาในกรณีที่เกิด เหตุฉุกเฉิน ลกั ษณะ ความหมาย ตัวอย่างการใช้งาน เตือน/ระวงั มี อนั ตรำย บงั คบั ใหต้ อ้ ง ปฏิบตั ิ แสดงสภำวะ ปลอดภยั หยดุ /หำ้ ม 60
ข้อมูลด้านกองทุนเงนิ ทดแทน 61
เบอร์โทรฉุกเฉิน รายละเอยี ดข้อบังคับ 1. เมื่อเกิดอุบตั ิเหตุ หรือเหตุฉุกเฉิน ตอ้ งรำยงำนกบั พนกั งำนผรู้ ับผิดชอบหรือหวั หนำ้ งำน หรือพนกั งำน รักษำควำมปลอดภยั รับทรำบทนั ที 2. หำกเกิดเหตุเพลิงไหมห้ รือพบเห็นเหตุเพลิงไหม้ ใหป้ ระเมินสถำนกำรณ์ ถำ้ เหตุของเพลิงไหม้ เล็กนอ้ ยตอ้ งเขำ้ ทำกำรดบั เพลิง และรำยงำนต่อหวั หนำ้ หรือผบู้ งั คบั บญั ชำทนั ที แต่ถำ้ เพลิงไหมข้ นำดใหญ่เกิน กำลงั ใหร้ ีบแจง้ เจำ้ หนำ้ ที่ควำมปลอดภยั ของบริษทั ฯ หรือหวั หนำ้ งำน หรือ ผบู้ งั คบั บญั ชำโดยด่วนทนั ที เพื่อเขำ้ สู่แผนฉุกเฉินของบริษทั ฯ 3. ในสถำนกำรณ์ที่ไมส่ ำมำรถควบคุมได้ และอำจตอ้ งประสำนโดยแจง้ หน่วยงำนภำยใน และพร้อม ประสำนงำนขอควำมช่วยเหลือจำกหน่วยงำนภำยนอก มีดงั น้ี หน่วยงานภายใน หน่วยงานภายนอก 1) แผนกความปลอดภยั ฯ 1) สถำนีดบั เพลิง - อบต. คูบำงหลวง ( โทร. 02-598-3435-2 ) - นส.วรรณภำ คำวจิ ำรณ์ ( 061-208-8580 ) 2) กำรไฟฟ้ำส่วนภูมิภำค อ.ลำดหลมุ แกว้ จ.ปทุมธำนี ( โทร. 02-581-5575 ) - นำยสมั พนั ธ์ ศรีวลิ ยั ( 098-346-0175 ) 3) กำรประปำส่วนภูมิภำค ( โทร. 02-598-4903 ) - นส.จุฑำทิพย์ ศรีษะนอก ( 098-156-1221 ) 4) สภ.อ. คูบำงหลวง ( โทร.02-599-1538 ) 2) ผ้ชู ่วยผู้จดั การทวั่ ไปและแผนกอื่นๆ 5) สำยด่วน-เหตุด่วน เหตุร้ำย (โทร. 191 ) - นำยปรัชญำ ลือโสภำ ( GM. : 089-832-6303 ) 6) สำยด่วน-แจง้ เหตุเพลิงไหม้ ( โทร.199 ) - นำยวินยั รักษำภกั ดี ( 089-462-0185 ) 7) สำยด่วน - แพทยฉ์ ุกเฉิน ( โทร. 1669 ) - นำยสุจิน เสำสิงห์ ( 089-253-7819 ) 8) โรงพยำบำลปทุมธำนี ( โทร. 02-598-8888 ) - นำยเร่ิมรัฐ มหิสนนั ท์ ( 081-942-8766 ) 9) โรงพยำบำลลำดหลุมแกว้ ( โทร.02-976-2238 ) 10) โรงพยำบำลกรุงสยำมเซนตค์ ำลอส ( โทร. 02-975-6700-16, 02-975-6727 ) หมายเหตุ : การควบคุมข้อมูลภายในบริษทั ฯ *** หำ้ มผรู้ ับเหมำ หรือบุคคลภำยนอก กระทำกำรใด ๆ อนั อำจจะทำใหข้ อ้ มูลภำยในของบริษทั ฯ ส่งผำ่ นไปยงั ภำยนอก เช่น หำ้ มถ่ำยรูป , หรือบนั ทึกวดิ ีโอ ( VIDEO ) โดยไม่ไดร้ ับอนุญำต , หำ้ มนำเอกสำรตำ่ ง ๆ ของบริษทั ฯ ออกไปเผยแพร่โดยไม่ไดร้ ับอนุญำต ฯลฯ *** 62
Search