Important Announcement
PubHTML5 Scheduled Server Maintenance on (GMT) Sunday, June 26th, 2:00 am - 8:00 am.
PubHTML5 site will be inoperative during the times indicated!

Home Explore OK_สรุปงานโครงการบ้านน้อยในนิคม

OK_สรุปงานโครงการบ้านน้อยในนิคม

Description: รายงานผลการดำเนินงานโครงการบ้านน้อยในนิคมประจำปีงบประมาณ 2564 @นิคมสร้างตนเองโนนสัง

Search

Read the Text Version

1

2 คำนำ รายงานผลการดำเนินงานโครงการบ้านน้อยในนิคม ประจำปี ๒๕๖4 ฉบับนี้ จัดทำขึ้นเพื่อเผยแพร่ ประชาสมั พันธ์ผลการดำเนนิงานของนิคมสร้างตนเองโนนสัง จงั หวัดหนองบวั ลำภู กองพฒั นาสังคมกลุ่มเป้าหมาย พิเศษ กรมพัฒนา สังคมและสวัสดิการ กระทรวงการพัฒนาสังคมและความมั่นคงของมนุษย์ ซ่ึงมี ภารกิจสำคัญ ในการบรกิ ารสวสั ดกิ ารสังคม และสังคมสงเคราะห์ การส่งเสริมและสนับสนุน ให้ชุมชน ทอ้ งถิน่ จดั สวสั ดิการสังคม ท้งั นีเ้ พือ่ ให้กลุ่มเป้าหมายสามารถดำรงชีวิต และ พึ่งตนเองได้ อย่างมีศักยภาพ ตลอดจนสามารถลดความเหลื่อมล้ำของสังคม ภายใต้ นโยบายร่วมคิด ร่วมทำ ร่วมรับผิดชอบ โดยดำเนินการตามแผน ยุทธศาสตร์ ๔ ด้าน ได้แก่ การพัฒนาศักยภาพกลุ่มเป้าหมาย การ พัฒนาศักยภาพเครือข่าย การพัฒนาการจัดบริการสวัสดิการ สังคม การพัฒนาสังคให้มคี ุณภาพ และการพัฒนาการบริหาร จดั การองค์การแหง่ การเรยี นรู้ นิคมสร้างตนเองโนนสัง จังหวัดหนองบัวลำภู หวัง เป็นอย่างยิ่งว่ารายงานผลการขับเคลื่อนงานโครงการบ้าน น้อยในนิคมฉบับนี้ จะเป็นประโยชน์สำหรับหน่วยงาน ผูเ้ กี่ยวข้อง และประชาชนท่ัวไป นคิ มสร้างตนเองโนนสัง กันยายน 2564

3 จากนโยบายกระทรวง...สกู่ ารคุม้ ครองคนไร้ทพ่ี งึ่ ... ในปลายปี 2557 ประเทศไทยมีการประกาศใช้พระราชบัญญัติคุ้มครองคนไร้ที่พึ่ง พุทธศักราช 2557 ซึ่งเป็นการแสดงออกสำคัญของรัฐบาล ถึงการยอมรับความมตี ัวตนของคนไร้ที่พึ่งในสังคมไทย ทั้งเป็นการ แสดงออกว่ารัฐบาลเล็งเห็นถึงความจำเป็นในการตระหนักต่อความสำคัญของสถานการณ์และปัญหาคนไร้ที่พึ่ง เนื่องจากในอดตี นั้นการดำรงตนในสงั คมของคนไรท้ ่ีพึ่งเป็นไปในลักษณะที่ชวนให้สงั คมเข้าใจวา่ คนไร้ท่ีพึ่ง คือ ใคร คนไร้ที่พึ่ง คือ คนเร่ร่อนใช่หรือไม่ คำถามเหล่านี้ได้ก่อให้เกิดประเด็นสร้างความสับสนและความเข้าใจไม่ตรงกัน ซึง่ ความเขา้ ใจไม่ตรงกันดังกล่าว ไดส้ ่งผลไปถึงการเข้าถึงสทิ ธิและรบั บริการใด ๆ จากรฐั ตามสิทธิของคนไร้ที่พึ่งใน ฐานะประชาชนไทยคนหนง่ึ ดังนั้น การประกาศบังคับใช้พระราชบัญญัติคุ้มครองคนไร้ที่พึ่ง พุทธศักราช 2557 ก็ด้วยมุ่งหวังให้ เกิดประโยชน์สูงสุดต่อคนไร้ที่พึ่งเป็นที่ตั้ง จากลักษณะเช่นนี้จึงทำให้รัฐต้องเข้ามามีบทบาทรับผิดชอบในการ จัดบริการขั้นพื้นฐานที่จำเป็นต่อกลุ่มคนที่ไม่สามารถช่วยเหลือตัวเองได้ในลักษณะของการจัดตั้งสถาบัน หรือ องค์กรดูแลรับผิดชอบ ในทางปฏิบัติรัฐจะดูแลรับผิดชอบเฉพาะกลุ่มที่ไม่สามารถช่วยเหลือตัวเอง ได้ หรือกลุ่ม ผู้ด้อยโอกาสทางสังคมที่มีปัญหาแต่เพียงอย่างเดียวไม่ได้เพราะหน้าท่ีของรัฐที่สำคัญ ประการหนึ่งคือ การดูแล รับผิดชอบให้คนทุกคน ในสังคมได้รับบริการสังคมหรือบริการสวัสดิการสังคมของรัฐ (สำนักงานพัฒนาสังคมและ ความม่นั คงของมนุษยจ์ ังหวัดนครราชสีมา ,2560) รัฐบาลได้กำหนดยทุ ธศาสตรช์ าติ 20 ปี แผนพัฒนาเศรษฐกิจ และสังคมแห่งชาติ นโยบายและแผนระดับชาติว่าด้วยความมั่นคงแห่งชาติ และแผนการปฏิรูปเพื่อเป็นกรอบการ ดำเนนิ งานของทุกสว่ นราชการ และหน่วยงานต่าง ๆ เพื่อการขับเคลื่อนนโยบายของรัฐบาลไปสู่การปฏิบัติ โดยยึด ประชาชนเป็นศูนย์กลาง ควบคู่กับการสร้างสรรค์นวัตกรรมที่มีคุณค่า เพื่อผลิตกำลังคน การสร้างพลังทางสังคม และลดการเหลื่อมล้ำ ซึ่งเป็นการกระจายโอกาสอย่างทั่วถึงและเป็นธรรม เพื่อการพัฒนาไปสู่ประเทศไทย 4.0 โดยจะไม่ทิ้งใครไว้ข้างหลัง และเกิดการพัฒนาอย่างยั่งยืน โดยเน้นที่การเสริมสร้างความร่วมมือระหว่างภาครัฐ ภาคเอกชน และภาคประชาชน ภายใต้แนวคิด ‘ประชารัฐ’ และการพัฒนาประเทศไปสู่ความมั่นคง มั่งคั่ง และ ยั่งยืน บนพื้นฐานการเติบโตและก้าวไปข้างหน้าด้วยกันอย่างเป็นรูปธรรม สำหรับการจัดบริการสังคมขั้นพื้นฐาน ของรัฐบาลไทยดำเนินการโดยหน่วยงานราชการ ซึ่งในส่วนของการจัดบริการสังคมขั้นพื้นฐานให้คนไร้ที่พึ่งซ่ึง ดำเนินการภายใต้พระราชบัญญัติคุ้มครองคนไร้ที่พึ่ง พุทธศักราช 2557 ซ่ึงกระทรวงการพัฒนาสังคมและความ มั่นคงของมนุษย์ (พม.) โดย พล.ต.อ.อดุลย์ แสงสิงแก้ว ที่มีนโยบายมุ่งมั่นใหส้ ถานคุ้มครองคนไร้ที่พึง่ 11 แห่งทั่ว ประเทศได้พัฒนาต่อยอดการฟื้นฟูสมรรถภาพทางจิตใจ สังคม สุขภาพ และอาชีพให้กับผู้รับบริการ ซึ่งมีทั้งคน เร่รอ่ น คนไรท้ พ่ี ่ึง รวมถงึ ขอทานอย่างครบวงจร โดยยึดหลักปรัชญาเศรษฐกิจพอเพียง ผ่านการดำเนนิ กิจกรรมต่าง ๆ โดยสถานคุ้มครองคนไร้ที่พึง่ ชายธัญบุรีและสถานคุ้มครองคนไร้ที่พึ่งหญิงธัญบุรี เป็นจุดประเดิมนำรอ่ ง “ธัญบุรี โมเดล” แห่งแรก เม่ือวนั ที่ 6 พ.ค.2558 พร้อมทัง้ ประกาศนโยบายขยายผลไปยังทุกสถานคุ้มครองคนไรท้ ่ีพ่งึ ๑. โครงการธญั บรุ โี มเดล “ธญั บรุ ีโมเดล” เปน็ โครงการท่ดี ำเนินการข้ึนมาเพอ่ื รับมือกับสถานการณ์ปัญหาคนเรร่ ่อน คนไร้ ที่พึ่ง และคนขอทาน มาตั้งแต่ปี พ.ศ.2558 ภายใต้การดูแลของกระทรวงการพัฒนาสังคมและความมั่นคงของ

4 มนุษย์ โดยกรมพัฒนาสังคมและสวัสดิการ เห็นถึงคุณค่าของคนกลุ่มนี้ ในฐานะเพื่อนมนุษย์ที่ควรได้รับการดูแล คุณภาพ ชีวิตและการพัฒนาอย่างเหมาะสม โดยคำนึงถึงหลักสิทธิมนุษยชนภายใต้กฎหมายการคุ้มครอง คนไร้ที่พึ่ง และกฎหมายควบคุมการขอทานโดยเฉพาะ โดยเริ่มจัดในสถานคุ้มครองคนไร้ที่พึ่งชายธัญบุรี จังหวัด ปทุมธานี เน้นการดำเนินงาน 4 ด้านหลัก ประกอบด้วยพื้นที่ คน กองทุน และบริหารจัดการรายได้ จนกระทั่งปี พ.ศ.2559 ได้ขยายผลการดำเนนิ การไปยงั สถานคุ้มครองคนไรท้ ีพ่ ่ึง อีกจำนวน 11 แห่งท่วั ประเทศ ดงั ต่อไปน้ี 1) สถานคมุ้ ครองคนไรท้ ีพ่ ง่ึ สนั มหาพน จงั หวดั เชยี งใหม่ 2) สถานคุ้มครองคนไรท้ ี่พึ่งวังทอง จงั หวัดพษิ ณุโลก 3) สถานคุ้มครองคนไร้ที่พง่ึ บ้านเมตตา จงั หวดั นครราชสีมา 4) สถานคุม้ ครองคนไรท้ ี่พ่ึงปรอื ใหญ่ จังหวัดศรสี ะเกษ 5) สถานคุ้มครองคนไรท้ ี่พึ่งทับกวาง จงั หวดั สระบรุ ี 6) สถานคุ้มครองคนไรท้ ีพ่ ึง่ นนทบุรี จงั หวดั นนทบรุ ี 7) สถานคมุ้ ครองคนไร้ทพ่ี ง่ึ ชายธญั บรุ ี จังหวัดปทุมธานี 8) สถานคุ้มครองคนไรท้ ี่พง่ึ หญงิ ธญั บรุ ี จังหวัดปทุมธานี 9) สถานคุ้มครองคนไรท้ ่ีพึ่งกุม่ สะแก จงั หวัดเพชรบรุ ี 10) สถานคุ้มครองคนไร้ทพ่ี ง่ึ ประจวบครี ีขนั ธ์ จังหวัดประจวบคีรขี นั ธ์ 11) สถานคุม้ ครองคนไร้ทพ่ี ง่ึ สชิ ล จังหวัดนครศรีธรรมราช ด้วยเหตุนีก้ ิจกรรมของ \"ธัญบุรีโมเดล\" จึงมุ่งไปที่การฟื้นฟูและพัฒนาศักยภาพคนไร้ที่พึ่งและคน ขอทาน ทั้งทางร่างกาย จิตใจ สังคม และอาชีพตามหลักปรัชญาเศรษฐกิจพอเพียง เพื่อมุ่งเน้นให้เกิดความยั่งยืน ด้านเกษตรกรรมที่นำมาพัฒนาศักยภาพโครงการฯ จะมีรูปแบบไม่ซับซ้อน ง่ายต่อการทำความเข้าใจและศึกษา เรียนรู้ นอกจากนี้ ผู้เข้าร่วมโครงการฯ จะได้รับการฝึกระเบียบวินัยตามตารางกิจวัตรประจำวัน และการฟื้นฟู สภาพร่างกายและจิตใจ รวมทั้งการฝึกอบรมใหค้ วามรทู้ ั้งภาคทฤษฎีและปฏิบัติ เพือ่ ให้ผู้เข้ารว่ มโครงการกลับคืนสู่ สังคมอย่างปกติสุข สามารถนำทักษะที่ได้รับไปปรับใช้ในการดำเนินชีวิต เพิ่มคุณค่าทางจิตใจ และลดวิถีการ กลับไปขอทานซ้ำ กระทรวงการพัฒนาสังคมและความมั่นคงของมนุษย์ได้มอบนโยบายเร่งด่วน 3 P (Policy/Protection/Prevention) ในการจัดระเบียบคนขอทานที่ดำเนินการทั่วประเทศ สำหรับคนขอทานท่เี ปน็ คนไทยจะนำเข้าสู่กระบวนการคุ้มครองในสถานคุ้มครองคนไร้ที่พึ่ง ตามกิจกรรมการพัฒนาและฟื้นฟู 15 ทักษะ อาชีพตามหลักปรัชญาเศรษฐกิจพอเพียงของพระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัว รัชการที่ 9 (ธัญบุรีโมเดล) เพื่อบำบัด ฟื้นฟู และพัฒนาศักยภาพทั้งด้านร่างกาย จิตใจ สังคมและอาชีพ ช่วยให้คนขอทานมีอาชีพที่มั่นคง ถาวร ไม่ กลับมาขอทานอีก โดยนำแนวคิดเศรษฐกิจพอเพียงมาปรับใช้ในการทำการเกษตรแบบย่ังยืน ฟื้นฟู ธรรมชาติ ลด การใช้สารเคมี ซึ่งผู้ใช้บริการสามารถนำกลับไปทำได้จริงในภูมิลำเนาของตนเอง ดำเนินการนำร่องในสถาน คมุ้ ครองคนไรท้ ่ีพ่ึงชาย-หญงิ ธัญบุรี จงั หวดั ปทมุ ธานี ก่อนขยายผลไปยังสถานค้มุ ครองคนไร้ท่ีพึ่ง รวม 11 แห่งทั่ว ประเทศ

5 ตลอดปีงบประมาณ 2558 มาจนถึงปัจจุบัน หลงั จากการพัฒนาฟื้นฟูตามโครงการธัญบุรีโมเดล คนขอทาน คนเร่ร่อนและคนไร้ที่พึ่งที่ผ่าน การบำบัดฟื้นฟู โดยสถานคุ้มครองคนไร้ที่พึ่งมีพัฒนาการที่ดีขึ้นอย่าง ตอ่ เนื่องทั้งด้านรา่ งกาย จติ ใจ การอยรู่ ่วมกับผ้อู ื่นในสังคม และมีศักยภาพในการประกอบอาชีพด้วยตนเอง อย่างไรก็ตาม ยังพบว่ามีข้อจำกัดใน เรื่องการกลับคืนสู่สังคมซึ่งเป็นเป้าหมายสุดท้าย เนื่องจาก การใช้ชีวิตในสถานคุ้มครองคนไร้ที่พึ่งเป็นการอยู่ร่วมกันภายใต้การกำกับดูแลอย่างใกล้ชิด และต้องอยู่ภายใต้ กฎระเบียบที่ใช้กับผู้ใช้บริการจำนวนมาก จึงมีความแตกต่างจากการใช้ชีวิตอิสระในสังคมภายนอก ดังนั้น เพ่ือ ส่งเสริมให้ผู้ใชบ้ รกิ ารที่ผ่านการบำบัดฟื้นฟู ตามโครงการธัญบรุ ีโมเดล ได้มีโอกาสใช้ชีวิตใช้ชีวิตอิสระและสามารถ ดำรงชีวิตอยู่ได้ด้วยตนเองอย่างแท้จริง กรมพัฒนาสังคมและสวัสดิการ เห็นควรขยายผลโดยคัดเลือกผู้ที่ผ่านการ ฟื้นฟูตามโครงการธัญบุรีโมเดลแล้ว ส่งกลับคืนสู่สังคมไปประกอบอาชีพและใช้ชีวิตอิสระในบ้านพักที่จัดให้นิคม สรา้ งตนเอง กองคุ้มครองสวสั ดภิ าพและเสริมสร้างคุณภาพชีวติ และกองพัฒนาสงั คมกลุ่มเป้าหมายพิเศษ ได้บูรณา การการดำเนนิ งานรว่ มกันโดยดำเนนิ โครงการสร้างชวี ติ ใหม่ใหค้ นขอทาน คนเร่ร่อน คนไรท้ ่ีพ่งึ (บา้ นนอ้ ยในนิคม) โดยไดก้ ่อสร้างบ้านในพ้ืนทน่ี ิคมสร้างตนเอง เพื่อใหเ้ ป็นที่พักอาศยั แกผ่ ู้ใช้บริการที่สถานคุ้มครอง คนไร้ที่พึ่ง ได้พิจารณาและคัดเลือกผู้ที่ผ่านการฟื้นฟู สามารถช่วยเหลือตนเองได้ดีได้มีโอกาสใช้ชีวิตอิสระในนิคม สร้างตนเองและกองพัฒนาสังคมฯ ดำเนินการจัดกิจกรรมฟื้นฟูและพัฒนาศักยภาพคนขอทาน คนเร่ร่อน คนไร้ที่ พึ่งโดยนำแนวคิดเศรษฐกิจพอเพียงมาปรับใช้ในการทำเกษตรแบบยั่งยืน โดยในระหว่างที่ผู้ใช้บริการได้เข้าเป็น สมาชิกในโครงการบ้านน้อยในนิคม และได้รับการพัฒนาศักยภาพและทักษะการใช้ชีวิต หรือการพัฒนาศักยภาพ ตามกระบวนการ กองคุ้มครองสวัสดิภาพและเสริมสร้างคุณภาพชีวิต ได้ประสานงานกับ ศูนย์คุ้มครองคนไร้ที่พึ่ง ในพื้นที่เข้าไปวิเคราะห์ ตรวจเยี่ยม และให้บริการตามกระบวนการสังคมสงเคราะห์ แก่สมาชิกบ้านน้อยในนิคม อย่างต่อเนื่องเพื่อให้เกิดประสิทธิภาพในการพัฒนาทักษะชีวิตแก่สมาชิกในโครงการ เพื่อให้ผู้ใช้บริการมีโอกาส เข้าถึงบริการสวสั ดิการจากรัฐ มีอาชพี เลี้ยงดูตนเองได้ และสามารถดำรงชีวิตในสังคมได้อย่างย่งั ยืน โดยไม่กลับมา เรร่ อ่ นหรือขอทานซ้ำอีก โครงการสร้างชีวิตใหม่ให้คนขอทาน คนเร่ร่อน คนไร้ที่พึ่ง (บ้านน้อยนิคม) ได้ดำเนินการโดยเน้น กระบวนการส่งเสริมการพึ่งตนเองให้กบั สมาชิกโครงการสร้างชวี ิตใหมใ่ ห้คนขอทานคนไร้ท่ีพึง่ และคนเร่ร่อน ด้วย วิธีการจัดสวัสดิการและดำเนินการพัฒนาศักยภาพจัดให้ใช้ชีวิตอิสระในบ้านพัก (แบบเดี่ยว/มีพื้นที่เป็นสัดส่วน) พัฒนาศักยภาพด้านอาชีพ (เกษตร/ปศุสัตว์/ช่างฝีมือ) พัฒนาศักยภาพด้านสังคม (ฝึกกิจวัตรประจำวัน/การอยู่ รว่ มกับผอู้ น่ื /กฎ กตกิ า มารยาทในสังคม/กิจกรรมตามประเพณี) พฒั นาศักยภาพด้านการแพทย์ (การดูแลสุขภาพ กาย สุขภาพจิต/การสง่ เสริมสุขอนามัย) พัฒนาศกั ยภาพดา้ นการเรยี นรู้ (การเรยี นรูต้ ามอัธยาศยั ) และการส่งเสริม ให้สมาชิกบ้านน้อยในนิคม เข้าถึงสวัสดิการที่รัฐจัดให้ เช่น การเข้าถึงช่องทางการจ้างงานตามมาตรา 35 โดย สมาชิกโครงการสร้างชีวิตใหม่ให้คนขอทาน คนไร้ที่พึ่ง และคนเร่ร่อน แต่ละรายมีการจัดทำแผนพัฒนาศักยภาพ เพื่อเตรียมความพร้อมให้สมาชิกสามารถกลับคืนไปใช้ชีวิตอย่างปกติในสังคม ซึ่งการส่งเสริมผู้ใช้บริการให้พัฒนา ศักยภาพดังกล่าวข้างต้น ประกอบด้วยทั้งด้านร่างกาย จิตใจ อารมณ์และความพร้อมในการประกอบสัมมาอาชีพ โดยการเตรียมความพร้อมในด้านการประกอบสัมมาอาชีพ ต้องมีการปรับปรุงเพื่อให้เท่าทันกระแสของสังคม ภายนอกทีเ่ ปลีย่ นแปลง รวมไปถึงตลาดแรงงานท่ีมีความต้องการท่ีเปล่ียนแปลงเสมอ ซ่ึงการสง่ เสริมผู้ใช้บริการให้ พัฒนาศักยภาพเพือ่ ความสามารถในการพึ่งตนเองได้

6 ซึ่งการดำเนินโครงการดังกล่าว ได้ดำเนินการภายใต้คณะทำงานระดับพื้นที่ เพื่อให้มี ประสิทธิภาพ และเกิดประโยชน์สูงสุดในการพัฒนาคุณภาพชีวิตผู้ใช้บริการ ซึ่งจากการศึกษารายงานผลการ ดำเนินงาน โครงการประชุมเชิงปฏิบัติการเสริมสร้างศักยภาพผู้ปฏิบัติงานโครงการบ้านน้อยในนิคม ของกรม พัฒนาสังคมและสวัสดิการ พบปัญหาอุปสรรคของโครงการซึ่งเป็นการสะท้อนจากผู้ปฏิบัติงานในพื้นที่ ได้แก่ นโยบายรัฐบาลขาดความชดั เจน เอกสารหลกั ฐานตัวบุคคล (ข้อมูลประวัต)ิ ไม่ครบถ้วน เชน่ บตั รประชาชน/ข้อมูล เกี่ยวกับผู้รับบริการ/เอกสารทางการแพทย์ เป็นต้น สภาพแวดล้อมเชิงภูมิศาสตร์ไม่เอื้ออำนวยต่อการพัฒนา ผู้รับบริการ งบประมาณในการพัฒนาศักยภาพผู้รับบริการมีจำกัด และกองไม่ได้จัดสรรงบประมาณในการ ดำเนินการเตรียมความพร้อมครอบครัวและชุมชน ปริมาณและคุณภาพของบุคลากรไม่สามารถตอบสนองความ ต้องการผู้รับบริการอย่างครอบคลุม ขาดความต่อเนื่องของการพัฒนาศักยภาพผู้รับบริการ ความเชื่อม่ั นของ ผู้ประกอบการอยู่ในระดับต่างความพร้อมของครอบครวั มีจำกัดตอ่ การ ส่งกลับภมู ิลำเนา ความร่วมมือการทำงาน ของทมี สหวชิ าชพี มจี ำกดั ทศั คติของสังคมท่ีมีต่อผรู้ ับบรกิ าร ด้วยเหตุที่กล่าวมา นิคมสร้างตนเองโนนสัง จังหวัดหนองบัวลำภู ได้ดำเนินการรวบรวมข้อมูลท่ี เกี่ยวกับผลของการดำเนินงาน และการประเมินผลโครงการบ้านน้อยในนิคมฯ ด้วยการเก็บรวบรวมข้อมูลเกี่ยวกับ ด้านบริบท ด้านปัจจัยนำเข้า ด้านกระบวนการ และด้านผลผลิตของโครงการบ้านน้อยในนิคมฯ และนำมา วิเคราะห์เพอ่ื วางแผนการขบั เคลอื่ นงานในปงี บประมาณ 2565 ต่อไป

7 จากนโยบายกรม...สู่บา้ นน้อยในนคิ มสรา้ งตนเอง โนนสัง... นิคมสร้างตนเองโนนสัง จังหวัด หนองบัวลำภูรับสมาชิกบ้านน้อยในนคิ มมาจากสถานคุ้มครองคนไร้ทีพ่ งึ่ บ้านเมตตา จังหวัดนครราชสมี า ตงั้ แตว่ ันท่ี 16 พฤษภาคม 2560 จำนวนทงั้ ส้นิ 10 ราย ซ่ึงเปน็ ชายลว้ น ดงั นี้ ยอดสะสม แรกรบั วนั ท่ี 15 พฤษภาคม ปี ปี ปี ปี ปี ยอด 2560 2560 2561 2562 2563 ๒๕๖๔ รวม ยอดยกมา 10 10 9 10 10 10 รับเขา้ 10 1 - - 11 จำหน่าย(ส่งกลับคนื ส่คู รอบครัว) -1 - - - 1 คงเหลอื 10 9 10 10 10 10 ท้ังนน้ี คิ มฯ ได้มขี ้นั ตอนและกระบวนการ 3 ต. ดังน้ี ต. ที่ ๑ คือการเตรียมความพร้อมบุคลากรและเจ้าหน้าที่ ทั้งด้านองค์ความรู้ ทักษะ ในการพัฒนา ศกั ยภาพสมาชกิ บา้ นน้อยในนิคม โดยนิคมฯ ได้สง่ บคุ ลากรไปเรยี นรรู้ ่วมกบั สถานคมุ้ ครองคนไรท้ ่ีพ่ึง บ้านเมตตา ต. ที่ ๒ คือการเตรียมพื้นที่ในการรองรับสมาชิกบ้านน้อย จำนวน 10 หลัง และเรือนเพาะชำจำนวน 10 หลัง ต. ที่ ๓ คือการเตรียมความพร้อมทีมสหวิชาชีพในการสร้างความตระหนัก และหาจุดร่วมในการร่วมให้ แนวทางในการช่วยเหลือสมาชิกบา้ นนอ้ ยในนิคม ต. ที่ ๔ คือการรองรับสมาชิกบ้านน้อยในนิคม จากสถานคุ้มครองคนไร้ที่พึ่งบ้านเมตตา โดยนิคม ดำเนนิ การ ให้บรกิ ารสวสั ดิการพนื้ ฐานพร้อมกับพัฒนาศักยภาพแก่คนไร้ท่ีพ่ึงผู้ใช้บริการ(สมาชิกบ้านน้อยในนิคม) โดยนคิ มไดด้ ำเนนิ การดังนี้ 1) โดยมีการประเมินศักยภาพตามแผนการฟื้นฟูและพัฒนาศักยภาพรายบุคคล (IRP) เพื่อใช้ คัดเลือกผู้ใช้บริการที่มีความพร้อม และประสานส่งต่อไปนิคมสร้างตนเอง เพื่อเข้าร่วมโครงการบ้านน้อยในนิคม (Shared Services) โดยมคี ณะทำงานบ้านน้อยในนิคม ซง่ึ เปน็ ทมี สหวิชาชพี ในการประเมินศกั ยภาพ 2) จัดทำแผนพัฒนาทักษะชีวิตและแผนพัฒนาทักษะอาชีพ ดำเนินการตามแผนเพื่อพัฒนาและ ส่งเสริมอาชพี พร้อมกบั ดูแลใหค้ ำแนะนำการใช้ชวี ติ อิสระแก่ผ้รู ว่ มโครงการ 3) ติดตามประเมนิ ผล และดำเนินการส่งเสริม สนบั สนุน ใหผ้ ู้รว่ มโครงการคืนส่สู ังคม(ครอบครัว/ ชุมชน/สถานประกอบการ) โดยคณะทำงานบ้านน้อยในนคิ ม ดำเนนิ การติดตามประเมนิ ผลเป็นระยะ ดงั นี้ 3.1) ติดตามประเมินผล เดือนละ 1 ครั้งจนครบระยะเวลา 6 เดือน (กรณีผู้ร่วม โครงการที่ไม่พร้อมกลับคืนสู่ครอบครัว/ชุมชน ให้อยู่ในดุลพินิจคณะทำงานฯ ในการประเมินเพื่อส่งตัวกลับคืนสู่

8 สถานคมุ้ ครองตน้ สังกัดหรือสถานคุ้มครองที่เห็นสมควร โดยให้แจง้ กองคุ้มครองฯ เพ่อื ทราบด้วยทุกครัง้ เพื่อจัดสรร ผเู้ ข้ารว่ มโครงการไปทดแทน 3.2) หลังจากนั้นทำการติดตามประเมินผลทุก ๆ 3 เดือน เพื่อพิจารณาส่งผู้ร่วม โครงการกลับคืนสู่ครอบครัว ชุมชน ส่งเข้าสถานประกอบการ หรือทำการส่งเสริมอาชีพในนิคมสร้างตนเองต่อไป แตร่ วมแล้วใชเ้ วลาไม่เกิน 12 เดอื น และ 3.3) นิคมดำเนินการประเมินผลในรอบ ๖ เดือนและรอบ ๑๒ เดือน เพื่อพิจารณาส่งผู้ รว่ มโครงการกลับคนื สคู่ รอบครวั ชุมชน สง่ เข้าสถานประกอบการ หรือหากมีความจำเปน็ ให้ขยายระยะเวลาในการ ส่งเสรมิ อาชีพในนคิ มสรา้ งตนเองต่อไป

9 นอกจากนี้นิคมสร้างตนเองโนนสัง จังหวัดหนองบัวลำภู ได้ เห็นถึงความสำคัญของการศึกษาข้นั พืน้ ฐาน และเปน็ ประเด็นสำคัญระดับพนื้ ที่ ชมุ ชน ท่ตี อ้ งไดร้ บั การแก้ไข สำหรบั การอา่ นออกเขียนได้ ส่งผลต่อการ พัฒนาศักยภาพ โอกาสในการหางานทำ และการกลับคืนสู่สังคมของผู้ใช้บริการ สามารถพึ่งพาตนเองได้ ดูแล ครอบครวั ได้ ความสัมพันธ์ระหว่างคนในครอบครวั มอี าชพี มรี ายได้ ลดปัญหาคนว่างงาน และลดภาวะพ่ึงพิงของ คนไร้ที่พึ่งที่ต้องมีผู้ดูแล ลดค่าใช้จ่ายในการดูแลคนไร้ที่พึ่ง โดยมีความพยายามในการพัฒนากระบวนการเรียนรู้ และสรา้ งหลักสูตรพัฒนาศกั ยภาพสมาชกิ บา้ นน้อยในนคิ มฯ ทีเ่ หมาะสมสำหรบั กล่มุ เปา้ หมาย และพฒั นาทักษะใน การประกอบอาชีพ ซึ่งเป็นอีกกระบวนการหนึ่งในการเตรียมความพร้อมให้สมาชิกบ้านน้อยได้กลับไปใช้ชีวิตใน ครอบครัวและชุมชนไดอ้ ย่างย่งั ยืนต่อไป นอกจากนี้ยังเปิดโอกาสใหป้ ระชาชนทัว่ ไปในชุมชน เช่น กลุ่มผู้พิการ เข้ามาศึกษาเรียนรู้ร่วมกับ สมาชิกบ้านน้อยในนิคม อันเป็นการเสริมสร้างความสัมพันธ์ของกลุ่มเป้าหมายให้สามารถดำรงชีวิตอย่างสังคมได้ อย่างยั่งยืน ไม่กลับมาเร่ร่อนหรือขอทานซ้ำอีก ซึ่งเป็นการเตรียมความพร้อมให้สมาชิกบ้านน้อยได้กลับไป ใชช้ ีวิตในครอบครวั และชมุ ชนได้อย่างยั่งยืนตอ่ ไป

10 วเิ คราะหก์ ารขับเคลื่อนงานโครงการบา้ นน้อย ในนิคม นวตั กรรมในการแก้ไขปญั หา หรอื โอกาสในการพัฒนาจากปัญหา นิคมสร้างตนเองโนนสัง จังหวัดหนองบัวลำภู มีการดำเนินการโครงการบ้านน้อยในนิคม โดยการเตรียม ความพร้อมด้านที่พักอาศัยจำนวน 10 หลัง และให้บริการสมาชิกบ้านน้อยฯ จำนวน 10 คน โดยมีอายุเฉล่ีย 48.80 ปี ซึ่งส่งต่อมาจากสถานคุ้มครองคนไร้ที่พึ่งบ้านเมตตา จังหวัดนครราชสีมา พร้อมทั้งจัดให้มีกิจกรรม พัฒนาศักยภาพที่เหมาะสม โดยจัดรูปแบบของการปฏิบัติงานเป็น 3 กลุ่ม ประกอบด้วย 1) การดำเนินงานแบบเฉพาะราย (Case Work) โดยมุ่งไปที่การปฏิบัติงานกับกลุ่มเป้าหมายเฉพาะบุคคล ทั้งในด้านการจัดทำแผนฟื้นฟูและพัฒนาเฉพาะราย รวมไปถึงการจัดทำแผนเป้าหมายชีวิตของลุ่มเป้าหมาย 2) การดำเนินงานแบบกลุ่ม (Group Work) มุ่งไปที่การฝึกการสร้างปฏิสัมพันธ์ระหว่างผู้ใช้บริการ ความรับผิดชอบ มีวินัย เคารพและให้เกียรติซึ่งกันและกัน รวมไปถึงการทำกิจกรรมกลุ่มร่วมกันในกลุ่มของ ผู้ใช้บริการ และ 3) การดำเนินงานแบบชุมชน (Community Work) มุ่งไปที่การสร้างการมีส่วนร่วมและรูส้ ึกเปน็ หน่ึงเดียวกันกับสังคมของผู้ใช้บริการ ทั้งในการปฏิสัมพันธ์กับชุมชนร่วมกิจกรรมประเพณีวัฒนธรรม ในพื้นที่ บริการชุมชน การรับจ้างทำงานภายนอก และจัดให้มีการประเมิน วิเคราะห์ ผู้ใช้บริการบ้านน้อย ในนิคม ร่วมกับคณะทำงานบ้านน้อยในนิคม ซึ่งประกอบด้วยวิชาชีพที่หลากหลาย เช่น นักสังคมสงเคราะห์ นักพัฒนาสังคม ครูฝึกอาชีพ พี่เลี้ยง เจ้าหน้าที่สถานคุ้มครองคนไร้ที่พึ่งบ้านเมตตา จังหวัดนครราชสีมา ศนู ย์คุม้ ครองคนไรท้ ี่พ่ึงจังหวดั หนองบวั ลำภู นกั จิตวิทยาจากโรงพยาบาลโนนสัง ผู้แทนจากสถานีตำรวจเจ้าหน้าท่ี โรงพยาบาลส่งเสริมสุขภาพตำบลนิคมพัฒนา เจ้าหน้าที่องค์การบริหารส่วนตำบล คณะครูจากการศึกษานอก ระบบและการศึกษาตามอธั ยาศัย (กศน.) อำเภอโนนสัง ผู้นำชุมชน ผู้มีความร้ดู ้านการเกษตร ปศุสตั ว์ และปราชญ์ ชุมชน เพื่อให้เป็นสหวิชาชีพที่ทำการประเมินศักยภาพผู้เข้าร่วมโครงการ และจัดทำแผนพัฒนาศักยภาพ ด ำ เ น ิ น ก า ร ต า ม แ ผ น ส ม า ช ิ ก บ ้ า น น ้ อ ย ฯ เ ป ็ น ร า ย บ ุ ค ค ล ซ ึ ่ ง ก า ร ป ร ะ เ ม ิ น พ บ ว ่ า ม ี ส ม า ชิ ก บ้านน้อยฯ ที่ไม่สามารถอ่านออกเขียนได้ จำนวน 3 คน คิดเป็นร้อยละ 30 มีสมาชิกบ้านน้อยฯ ที่สามารถ อ่านออกเขียนได้บ้าง จำนวน 5 คน คิดเป็นร้อยละ 50 และพบว่ามีสมาชิกบ้านน้อยฯ ที่สามารถอ่านออก เขียนได้ปานกลาง จำนวน 2 คน คิดเป็นร้อยละ 20 ซึ่งจะเห็นได้ว่าการศึกษาเป็นปัญหาหลักของผู้ใช้บริการ ทเี่ ขา้ รว่ มโครงการ นอกจากน้ี พบวา่ สมาชิกบ้านน้อยฯ ร้อยละ 90 ยงั มอี าการจิตเวช และตอ้ งรับประทานยาเป็น ประจำ และจำนวนร้อยละ 10 เป็นผู้พิการด้านการเคลื่อนไหว ซึ่งใน จำนวนที่กล่าวมานี้ ยังพบว่ามี ความผิดปกติในเรื่องการควบคุมอารมณ์ และร้อยละ 30 เคยต้องคดี ซึ่งจะเห็นได้ว่าสมาชิกบ้านน้อยฯ เปน็ กลมุ่ ทพ่ี ัฒนาศักยภาพได้ยาก นิคมสร้างตนเองโนนสัง จึงได้เห็นความสำคัญของการศึกษาของสมาชิกบ้านน้อยฯ ซึ่งเป็นการ เพิ่มโอกาสด้านอาชีพ การมีรายได้ การงพาตนเองได้ และนำไปสู่การใช้ชีวิตร่วมกับครอบครัวและชุมชนได้ จึงได้ริเริ่มโครงการ “โรงเรียนบ้านน้อยในนิคม : เปิดโรงเรียน ปรับความรู้ เพื่อก้าวสู่สังคม” ขึ้น โดยมีความพยายามในการพัฒนากระบวนการเรียนรู้ และสร้างหลักสูตรพัฒนาศักยภาพผู้ใช้บริการบ้านน้อย

11 ในนิคมสร้างตนเองที่เหมาะสม และพัฒนาทักษะในการประกอบอาชีพ ซึ่งเป็นอีกกระบวนการหนึ่งในการเตรียม ความพร้อมให้สมาชกิ บา้ นนอ้ ยได้กลบั ไปใชช้ วี ิตในครอบครัวและชุมชนไดอ้ ยา่ งย่งั ยืนต่อไป จากแนวคิด “การศึกษาเป็นพื้นฐานที่จะช่วยให้ออกไปใช้ชีวิตในสังคม” นิคมสร้างตนเองโนนสัง จึงได้ดำเนนิ โครงการ “โรงเรียนบา้ นน้อยในนคิ ม : เปิดโรงเรียน ปรับความรู้ เพื่อก้าวสูส่ ังคม” เพื่อเป็นการพัฒนา กล่มุ เปา้ หมายให้ได้รับการศึกษา และพฒั นาทกั ษะในการประกอบอาชีพ โดยมกี ารวเิ คราะห์และประเมินศักยภาพ สมาชิกบ้านน้อยในนิคมฯ เป็นรายบุคคล จากทีมสหวิชาชีพ และประเมินวัดระดับการศึกษากลุ่มเป้าหมาย โดย ศูนย์การศึกษานอกระบบและการศึกษาตามอัธยาศัย อำเภอโนนสัง พร้อมทั้งจัดทำหลักสูตรที่เหมาะสมกับ กลุ่มเป้าหมาย ประกอบด้วย หลักสูตรระดับประถมศึกษา หลักสูตรมัธยมศึกษาตอนต้น และหลักสูตรมัธยมศึกษา ตอนปลาย ซ่งึ ทุกหลกั สตู รต้องใช้ระยะเวลา 2 ปี ในการสำเร็จการศึกษา แตเ่ นอ่ื งจากผ้ใู ช้บริการส่วนใหญ่ป่วยเป็น จติ เวช ครผู สู้ อนจึงจำเปน็ ต้องใชค้ วามพยายาม โดยการพกั การเรยี นการสอนทุกชวั่ โมง ประมาณ 20 นาที และนำ กิจกรรมนันทนาการหรือภาพยนตร์สั้นมาช่วยให้ผู้เรียนผ่อนคลายแล้ว จึงจะสามารถเริ่มการเรียนการสอนต่อ พร้อมทั้งออกแบบหลักสูตรการพัฒนาทักษะในการประกอบอาชีพที่สมาชิกบ้านน้อยฯ สนใจและสามารถทำได้ ได้แก่ การจักรสานเส้นพลาสติก การตัดตัวอักษร การผูกผ้าระบาย ภาษาอังกฤษ การทำน้ำหมักจุลินทรีย์ และ น้ำยาอเนกประสงค์ การทำกระถางดอกไม้จากยางรถยนต์ การเลี้ยงสัตว์ (ไก่/ปลา) ศึกษาหลักปรัชญาเกษตร พอเพยี ง รวมทงั้ มีการพฒั นาทกั ษะชีวติ ด้วยการศึกษาดูงาน โดยนิคมสรา้ งตนเองจดั หาสถานที่ที่เหมาะสม ซงึ่ ได้รับ การสนบั สนนุ วัสดอุ ุปกรณ์จากภาคเี ครือข่าย อาทิ สมาคมสวัสดิการชุมชนกรุงเทพมหานคร และสมาคมสื่อมวลชน เพื่อสังคม ได้จัดซื้ออุปกรณ์เครื่องมือช่างให้กับโรงเรียนบ้านน้อยในนิคม เพื่อจัดตั้งศูนย์การศึกษาและฝึกอบรม วชิ าชีพภาคอสี าน ในนิคมสร้างตนเองโนนสัง จังหวัดหนองบัวลำภู ทั้งนี้ จากการการประเมินศักยภาพด้านการศึกษาก่อนเข้าร่วมโครงการฯ จากทีมสหวิชาชีพ พบว่าปัญหาส่วน ใหญ่ คือ อ่านหนังสือไมอ่ อก เขียนไมไ่ ด้ ดังนี้ ลำดับ ระดบั ระดับการอา่ น – เขียน ที่ ชื่อ -สกลุ อายุ การศึกษา ไม่ได้ ไดบ้ า้ ง ปาน กลาง 1 นายประกอบ (นามสมมต)ิ 60 ไม่มีวฒุ ิ ✓ 2 นายประเสริฐ (นามสมมติ) 57 ไม่มีวฒุ ิ ✓ 3 นายสถติ (นามสมมต)ิ 42 ไมม่ ีวุฒิ ✓ 4 นายจำนง (นามสมมติ) 55 ไม่มีวฒุ ิ ✓ 5 นายอดิศร (นามสมมติ) 50 ไม่มวี ฒุ ิ ✓

12 ลำดับ ระดับ ระดับการอ่าน – เขียน ท่ี ช่ือ -สกุล อายุ การศึกษา ไมไ่ ด้ ไดบ้ ้าง ปาน กลาง 6 นายประเสรฐิ ดา(นามสมมติ) 59 ไม่มีวุฒิ ✓ 7 นายเทดิ (นามสมมติ) 8 นายบุญทนั (นามสมมติ) 48 ไม่มวี ฒุ ิ ✓ 9 นายรตั นชัย (นามสมมต)ิ 10 นายอุทยั (นามสมมติ) 48 ไม่มีวฒุ ิ ✓ 11 นายมานพ (นามสมมติ) 43 ไมม่ วี ฒุ ิ ✓ 53 ไมม่ ีวุฒิ ✓ 50 กระบวนการใหบ้ ริการหลังปรับปรุง/พฒั นา นิคมสร้างตนเองโนนสัง จังหวัดหนองบัวลำภู ได้ให้ความสำคัญในการพัฒนากระบวนการให้บริการใหม่ใน เรื่องการศึกษาให้แก่สมาชิกบ้านน้อยฯ โดยการสนับสนุนจากภาคีเครือข่ายที่เข้าร่วมดำเนินการ อย่างครบวงจรภายใต้ชื่อโครงการ “โรงเรียนบ้านน้อยในนิคม : เปิดโรงเรียน ปรับความรู้ เพื่อก้าวสู่สังคม” โดยใช้แนวคิด “การศึกษาเป็นพื้นฐานที่จะช่วยให้ออกไปใช้ชีวิตในสังคม” เพื่อเป็นการพัฒนากลุ่มเป้าหมาย ให้ได้รับการศึกษา และพัฒนาทักษะในการประกอบอาชีพ โดยยึดสมาชิกบ้านน้อยฯเป็นศูนย์กลาง ซึ่งจำแนกเป็น 3 องค์ประกอบหลัก ได้แก่ 1) บคุ ลากรและภาคีเครือข่าย 2) สถานที่ใหบ้ ริการ และ 3) กระบวนการให้บริการ ดังน้ี องคป์ ระกอบ ระบบเดิม ระบบใหม่ การมสี ่วนร่วม 1.บุคลากรและ ใช้บุคลากรของนิคมฯ เป็น มีคณะทำงานโครงการบ้านน้อยใน ที ม ส ห วิ ชา ชี พ ป ร ะ กอบ ด้วย ภาคีเครอื ข่าย ผ้ดู ูแลการใช้ชีวิตประจำวัน นิคม ซึ่งเป็นทีมสหวิชาชีพ ร่วมกัน นักสังคมสงเคราะห์ นักพัฒนาสังคม และพัฒนาทักษะอาชีพ ประเมินศักยภาพสมาชิกบ้านน้อยฯ ครูฝึกอาชีพ พี่เลี้ยง เจ้าหน้าที่สถาน สมาชิกบ้านน้อยฯ และจัดทำแผนพัฒนาศักยภาพ คุ้มครองคนไร้ที่พึ่งบ้านเมตตา ศูนย์ สมาชกิ บา้ นนอ้ ยฯ เป็นรายบคุ คล ค ุ ้ ม ค ร อ ง ค น ไ ร ้ ท ี ่ พ ึ ่ ง จ ั ง ห วั ด หนองบัวลำภู นักจิตวิทยาจาก โรงพยาบาลโนนสัง ผแู้ ทนจากสถานี ตำรวจ เจ้าหน้าที่โรงพยาบาล ส่งเสริมสุขภาพตำบลนิคมพัฒนา เจ้าหน้าที่องค์การบริหารส่วนตำบล คณะครูจากการศึกษานอกระบบ และการศึกษาตามอัธยาศัย (กศน.) อำเภอโนนสัง ผู้นำชุมชน ผู้มีความรู้ ด้านการเกษตร ปศสุ ตั ว์ และปราชญ์ ชุมชน มีบทบาทโดยการใช้ความรู้ ประสบการณ์เฉพาะทางในการ วางแผนพัฒนาสมาชกิ บ้านน้อยฯ 2. ส ถ า น ท่ี ไม่มีอาคารเรียน โดยเริ่ม มีการประยุกต์ใชท้ รัพยากรที่มีอย่ใู ห้ 1.สมาคมสวัสดกิ ารชุมชน ให้บริการ จากการสอนที่โรงอาหาร เกดิ ประโยชน์สูงสุด คือ ปรับปรงุ โดย กรุงเทพมหานคร

13 องค์ประกอบ ระบบเดิม ระบบใหม่ การมสี ่วนร่วม และใต้ร่มไม้เป็นห้องเรียน ปรับปรุงอาคารเก่าซึ่งเคยใช้เป็น 2.สมาคมส่อื มวลชนเพื่อสงั คม เคลอ่ื นที่ สถานีอนามัย มาเป็นห้องเรียน 3.ธนาคารออมสนิ สำหรับกลุ่มเป้าหมาย พร้อมท้ัง 4.ผูป้ ระกอบการถ่านอดั แท่ง ปรับปรุงห้องน้ำให้เหมาะสมสำหรับ ทงั้ 4 องคก์ รเป็นผสู้ นบั สนุนวัสดุ คนพิการ และได้รับการสนับสนุน อุปกรณ์ในการจดั ต้งั ศูนยก์ ารศกึ ษา วัสดุอุปกรณ์ในการจัดตั้งศูนย์ และฝึกอบรมวชิ าชีพ การศึกษา และฝึกอบรมวิชาชีพ จาก ภาคีเครือข่าย โดยสมาชกิ บา้ นนอ้ ยฯ และคนในชุมชน ร่วมแรงร่วมใจกัน ปรับปรุงอาคารดงั กล่าว 3.กระบวนการ ให้ผู้ใช้บริการมาพัฒนา ให้ผู้ใช้บริการพัฒนาทักษะชีวิต : 1.ศูนย์พัฒนาฝีมือแรงงานจังหวัด ใหบ้ รกิ าร ทักษะชีวิต : เน้นการใช้ เน้นการใช้ชีวิตอิสระ ฝึกทักษะการ หนองบัวลำภู มบี ทบาทเปน็ วทิ ยากร ชีวิตอิสระ ฝึกทักษะการ ออกไปอยู่ด้วยตนเอง พัฒนาทักษะ ฝึกอาชีพ ออกไปอยู่ด้วยตนเอง และ อาชีพ : เน้นอาชีพพื้นฐานท่สี ามารถ 2. ศูนย์บริการการศึกษานอกระบบ พัฒนาทักษะอาชีพ : เน้น นำไปประกอบอาชีพเพ่อื สรา้ งรายได้ และการศึกษาตามอัธยาศัย (กศน.) อาชีพพื้นฐานที่สามารถ รวมทั้งพัฒนาการศึกษาขั้นพื้นฐาน อำ เ ภ อโ นนส ั ง ม ี บ ทบ า ทเ ป็ น อ อ ก ไ ป ท ำ เ อ ง ไ ด ้ ใ น ซึ่งเป็นปัจจัยสำคัญในการพัฒนา ครูผู้สอน และออกแบบหลักสูตร ครอบครัว ความรู้ และการดำรงชีวติ ในสงั คมได้ เฉพาะสำหรบั สมาชกิ บ้านน้อยฯ โดยการร่วมมือกับกศน. ดำเนินการ สอนวิชาพื้นฐานของ เช่น วิชาเศษฐ กิจ ศิลปศึกษา วิทยาศาสตร์ คณิตศาสตร์ พร้อมออกแบบวิธีการ สอนใหแ้ กผ่ ้ใู ช้บริการ การสร้างการมีส่วนร่วมตั้งแต่ขั้นตอนแรก โดยนิคมสร้างตนเองโนนสัง ได้แต่งตั้ง “คณะทำงานโครงการ บ้านน้อยในนิคม” ซึ่งประกอบด้วยวิชาชีพที่หลากหลายทั้งบุคลากรภายในนิคมฯ และเครือข่ายในการดำเนินงาน อาทิ นักสังคมสงเคราะห์ ครูฝึกอาชีพ พี่เลี้ยง เจ้าหน้าที่สถานคุ้มครองคนไร้ที่พึ่ง/ศูนย์คุ้มครอง คนไร้ที่พึ่งในพื้นที่ เจ้าหน้าที่โรงพยาบาลส่งเสริมสุขภาพตำบล เจ้าหน้าที่องค์การบริหารส่วนตำบล เจ้าหน้าที่ ผู้มีความรู้ด้านการเกษตร การปศุสัตว์ และปราชญ์ชุมชน เพื่อให้เป็นทีมสหวิชาชีพที่ทำการประเมินศักยภาพ ผู้เข้าร่วมโครงการ จัดทำแผนพัฒนาศักยภาพดำเนินการตามแผน บันทึกผลการดำเนินงานประจำวัน และทำการประเมินผลการดำเนินงานรายบุคคล เป็นรายสัปดาห์ รายเดือน และทุกระยะเวลา 3/6/9/12 เดือน รวมทั้งวินิจฉยั เพือ่ จดั สง่ สมาชิกบา้ นนอ้ ยฯกลบั คืนสคู่ รอบครัว/ชมุ ชน

14 ผลผลติ และผลลพั ธท์ ส่ี ำคัญจากการดำเนินโครงการ จากการดำเนินงานโครงการ “โรงเรียนบ้านน้อยในนิคม : เปิดโรงเรียน ปรับความรู้ เพื่อก้าวสู่สังคม” พบว่า สมาชิกบ้านน้อยฯ มีผลการศึกษาที่ดีขึ้น และสามารถดำเนินชีวิตได้อย่างปกติสุข ซึ่งสามารถ จบการศึกษาขน้ั พนื้ ฐาน พ.ศ. 2561 ระดบั ประถมศึกษา จำนวน 5 คน ดว้ ยเกรดเฉลยี่ ดงั น้ี ลำดบั รายชอื่ ผลการเรยี นเฉลย่ี 1 นายอดศิ ร (นามสมมติ) 3.61 2 นายบญุ ทนั (นามสมมติ) 3.10 3 นายรัตนชัย (นามสมมติ) 2.84 4 นายสถิต (นามสมมติ) 2.68 5 นายประกอบ (นามสมมติ) 2.23

15 ปัจจุบันสมาชิกบ้านนอ้ ยฯ จำนวน 5 คน ได้เข้าศึกษาต่อในระดับมัธยมศึกษาตอนตน้ และกำลังศึกษาใน ระดับประถมศึกษาจำนวน 4 คน และเข้ารับการพัฒนาศักยภาพโดยไม่รับวุฒิบัตร จำนวน 1 คน (เนื่องจากไม่มี สถานะทางทะเบียนราษฎร์) ซึ่งในระหว่างที่ดำเนินโครงการอยู่นั้น ได้พัฒนาศักยภาพผู้ใช้บริการ จนสามารถสง่ คืนครอบครัวได้ จำนวน 1 คน ซ่งึ มรี ายละเอยี ด ดงั น้ี กรณี นายอุทัย (นามสมมติ) : นิคมสร้างตนเองอำเภอโนนสัง จังหวัดหนองบัวลำภู ได้รับเข้ามาดูแล เมื่อ วันที่ 16 พฤษภาคม 2560 ซึ่งนายอุทัยฯ มีอายุ 52 ปี ภูมิลำเนาเดิม ตำบลดอนเมือง อำเภอสีค้ิว จังหวัดนครราชสมี า บิดามารดาเสียชีวิตแล้ว พบว่ามีญาติ (น้องสาว 1 คน) ก่อนเข้ารับบริการเป็นผู้ป่วยจิตเวช มี ภาวะปัญญาอ่อน สุขภาพไม่แข็งแรงไม่สามารถทำงานได้ ตอบสนองช้า และมีปัญหาเรื่องระบบขับถ่าย ไมส่ ามารถกลั้นปัสสาวะได้ โดยได้รบั การพฒั นาศักยภาพทางด้านสุขภาพ เนน้ การฝึกปฏบิ ตั ใิ หช้ ่วยเหลอื ตนเองได้ เช่น การรกั ษาความสะอาดของร่างกาย เครือ่ งน่งุ หม่ และบ้านพัก ด้านการแพทย์ มกี ารตรวจสขุ ภาพประจำ และ รับประทานยาอย่างต่อเนื่อง ด้านสังคม มีกิจกรรมนันทนาการ ออกกำลังกาย ร่วมทำบุญกับชุมชน และร่วม กิจกรรมของชุมชน ด้านการศึกษา เข้ารับการศึกษาขั้นพื้นฐาน ระดับประถมศึกษา จากโครงการโรงเรียนบ้านน้อยในนิคม และได้ต่อยอดไปศึกษาขั้นพื้นฐาน ระดับประถมศึกษาต่อที่ ศูนย์การศึกษานอกระบบและการศึกษาตามอัธยาศัยอำเภอเมือง จังหวัดนครราชสีมา ปัจจุบันเหลืออีก หนึ่งเทอมจะสำเร็จการศึกษา ด้านการฝึกอาชีพ เนื่องจากนายอุทัยฯ มีพัฒนาการที่ช้า จึงต้องร่วมกับคนอื่น ในการทำเกษตรกร ปลูกพริก มะเขือ เป็นต้น จนมีความพร้อมที่จะกลับคืนสู่ครอบครัว เมื่อวันที่ 28 มีนาคม 2561 หลงั จากกลับไปอยู่กลับครอบครัวแล้ว ไดป้ ระกอบอาชีพรับจา้ งเฝ้าสวนผลไม้ โดยมรี ายไดเ้ ดอื นละ 7,000 บาท

16 นอกจากนี้ โรงเรยี นบ้านนอ้ ยในนิคม ยงั ทำใหเ้ กิดผลลพั ธ์ที่สำคญั แก่สมาชิกบ้านน้อยฯ ดังนี้ 1) สมาชิกบ้านน้อยฯ มีสุขภาพกายที่ดีขึ้น โดยพบว่า สมาชิกบ้านน้อยฯ จำนวน 3 คน สามารถลด การรับประทานยาจากรับประทานยา 3 เวลา ลดลงเหลอื 2 เวลา 2) สมาชิกบ้านน้อยฯ ทุกคนสามารถปฏิบัติกิจวัตรประจำวันได้ดีขึ้น เช่น แปรงฟันเองได้ อาบน้ำเองได้ ซักเส้อื ผ้า เป็นต้น 3) สมาชกิ บา้ นน้อยฯ สามารถประกอบอาชพี ได้และมรี ายได้ จำนวน 9 คน มอี าชพี จักสาน จำนวน 1 ราย อาชพี รบั จ้างท่วั ไป จำนวน 8 คน (ไปเช้า - เย็นกลับ) คดิ เปน็ รอ้ ยละ 90 4) สมาชกิ บา้ นน้อยฯ จำนวน 5 คน จบการศกึ ษาระดับประถมศึกษา และไดร้ ับการข้นึ ทะเบียนว่างงานท่ี สำนักงานจดั หางานจังหวดั หนองบวั ลำภู เพ่อื ใหผ้ ู้ประกอบการสามารถคดั เลอื กเพ่ือรับเข้าทำงาน 5) สมาชิกบ้านน้อยฯ สามารถกลับคืนสู่สังคมและสามารถใช้ชีวติ รว่ มกับครอบครัวและชุมชนได้ สามารถ ส่งกลับบ้านไปอยู่กับครอบครัว จำนวน 1 คน ส่งไปทดลองอยู่กับครอบครัว จำนวน 2 คน และส่งไปเรียนรู้เพ่ือ เตรยี มตัวบวช จำนวน 1 คน ทั้งนี้นิคมไดด้ ำเนินการติดตามผลทางโทรศัพท์ line และการลงไปเย่ียมพ้ืนที่ 6) ผู้พิการในชุมชนอยู่ในพื้นที่ตำบลนิคมพัฒนาและพื้นที่ตำบลกุดดู่ จำนวน 5 คน เข้าร่วมโครงการ “โรงเรียนบ้านนอ้ ยในนิคม : เปดิ โรงเรียน ปรบั ความรู้ เพือ่ กา้ วสู่สังคม” ทั้งน้ี โครงการ “โรงเรียนบ้านนอ้ ยในนิคม : เปดิ โรงเรยี น ปรบั ความรู้ เพอ่ื ก้าวส่สู งั คม” มตี ัวช้ีวดั ท่สี ำคญั ดงั นี้ 1) ร้อยละผู้สมาชิกบ้านน้อยฯ สำเร็จการศึกษาขั้นพื้นฐานระดับประถมศึกษา โดยผลการดำเนินงานได้ ร้อยละ 50 2) ผลการเรียนเฉลี่ยของสมาชิกบ้านน้อยฯ ซึ่งสมาชิกบ้านน้อยฯ ที่เรียนจบชั้นประถมศึกษามีผลคะแนน เฉล่ียอยู่ที่ 2.89 และสำหรบั สมาชิกบ้านน้อยที่เรียนอยู่ในระดับประถมศึกษามผี ลคะแนนฉล่ียรวมกนั อยู่ท่ี 1.92 3) จำนวนสมาชิกบ้านน้อยฯ ที่สามารถกลับคืนสู่สังคมได้ จำนวน 1 คน และอยู่ในระหว่างเตรียมการ กลบั คืนสคู่ รอบครวั และชุมชนอกี จำนวน 3 คน (คดิ เปน็ ร้อยละ 40) ประโยชน์ท่ีประชาชน/ผรู้ ับบริการได้รบั จากโครงการ 1) ผู้ใช้บริการมีระดับการศึกษาที่ดีขึ้น โดยสมาชิกบ้านน้อยฯ จำนวน 5 คน จบการศึกษาระดับ ประถมศึกษา และได้เข้าศึกษาต่อในระดบั มัธยมศึกษาตอนต้น ซึ่งถือเปน็ ใบเบกิ ทางที่สำคัญในการเพ่ิมโอกาสดา้ น อาชพี 2) ผู้ใช้บริการสามารถปฏิบัติกิจวัตรประจำวัน โดยสามารถช่วยเหลือตนเองได้ เช่น แปรงฟันเองได้ อาบนำ้ เองได้ ซักเสอ้ื ผา้ เปน็ ตน้

17 3) ผู้ใช้บริการสามารถประกอบอาชีพได้และมีรายได้ โดยสมาชิกบ้านน้อยฯ จำนวน 9 คน สามารถ ประกอบอาชีพได้และมรี ายได้ ได้แก่ จกั สาน จำนวน 1 คน รบั จา้ งท่ัวไป จำนวน 8 คน (ไปเช้า - เย็นกลบั ) 4) ผู้ใช้บริการสามารถกลับคืนสูส่ งั คมและสามารถใช้ชีวิตร่วมกับครอบครัวและชมุ ชนได้ โดยกลับบ้านไป อยู่กับครอบครัว จำนวน 1 คน และส่งไปทดลองอยู่กับครอบครัว จำนวน 2 คน และส่งไปเรียนรู้เพื่อ เตรียมตัวบวช จำนวน 1 คน 5) ผ้ใู ช้บริการได้รับการยอมรับจากครอบครวั และชมุ ชน สมาชกิ บา้ นนอ้ ยฯ ท่กี ลับบา้ นไปอยู่กับครอบครัว จำนวน 1 สามารถทำเกษตรกร และหลงั จากกลับไปอยู่กลับครอบครัวแลว้ ได้ประกอบอาชีพรบั จา้ งเฝ้าสวนผลไม้ โดยมรี ายได้เดือนละ 7,000 บาท ซ่ึงแสดงให้เหน็ ว่าครอบครวั และชุมชนใหก้ ารยอมรบั ยอมรับ การเข้าถึงสวัสดิการเราชนะ ลำดบั ชื่อ -สกุล ไดร้ ับสวสั ดกิ าร ท่ี ๙,๖๐๐.- 1 นายประกอบ (นามสมมต)ิ ๙,๖๐๐.- ๙,๖๐๐.- 2 นายประเสริฐ (นามสมมติ) ๙,๖๐๐.- ๙,๖๐๐.- 3 นายสถติ (นามสมมติ) - 4 นายจำนง (นามสมมติ) ๙,๖๐๐.- ๙,๖๐๐.- 5 นายอดิศร (นามสมมติ) ๙,๖๐๐.- ๙,๖๐๐.- 6 นายประเสริฐ ดา(นามสมมติ) ๙,๖๐๐.- 7 นายเทิด (นามสมมติ) 8 นายบุญทนั (นามสมมต)ิ 9 นายรัตนชยั (นามสมมติ) 10 นายอทุ ัย (นามสมมต)ิ 11 นายมานพ (นามสมมติ)

18 การประเมินผลการปรับปรุง/พฒั นา บรกิ าร/งานโครงการ โครงการ “โรงเรียนบ้านน้อยในนิคม : เปิดโรงเรียน ปรับความรู้ เพื่อก้าวสู่สังคม” นิคมสร้างตนเองอำเภอโนนสงั ร่วมกับคณะทำงานบ้านน้อยในนิคม ถอดบทเรียนในปี 61 สมาชิกบ้านน้อยนิคมมีความพร้อม ในการเรียนรู้ หากแต่มิใช่วิชาการในชั้นเรียนเท่านั้น สิ่งสำคัญคือการพัฒนาศักยภาพสมาชิกบ้านน้อย ตามศักยภาพพื้นฐานที่จะถูกพัฒนาสู่ระดับสูงสุดของสมาชิกบ้านน้อยในแต่ละคนเพื่อที่จะเป็นการเตรียม ความพร้อมด้านการประกอบอาชีพในอนาคต จึงได้มีการปรับปรุงและพัฒนาด้านการศึกษาของโรงเรียน บ้านน้อยในนิคม เริ่มตั้งแต่การปรับปรุงหลักสูตรการเรียนการสอนที่อยู่ในเฉพาะห้องเรียน เป็นการเรียน ในห้องเรียนธรรมชาติ และมีกระบวนการพัฒนาผู้เรียนตามหลักสูตรและจัดทำตารางในการเรียนการสอน ตามเนอื้ หาหลกั สตู ร อาทิ วิชาเศษฐกิจ ศลิ ปศึกษา วิทยาศาสตร์ คณิตศาสตร์ นอกจากนี้ ได้มีติดตามและประเมนิ ผลการพฒั นาศักยภาพสมาชิกบ้านนอ้ ยฯ ดังน้ี 1) การพัฒนาศักยภาพด้านอาชีพ โดยจัดทำสรุปผลการวิเคราะห์ศักยภาพ และจัดทำแผนการพัฒนา ศักยภาพด้านอาชีพของสมาชิกบ้านน้อยฯ เป็นรายบุคคล การพัฒนาศักยภาพทางอาชีพ ประกอบด้วย การสำรวจต้องการทางอาชีพ การจัดกิจกรรมเพื่อพัฒนาทักษะทางอาชีพ การส่งเสริมการประกอบอาชีพ การส่งเสริมการตลาด การจัดหางานเพื่อให้สมาชิกบ้านน้อยฯ มีรายได้ในการดำรงชีวิตจากนั้นดำเนินการพัฒนา ศักยภาพตามแผน โดยให้บันทึกผลการจัดกจิ กรรมแต่ละครง้ั ไวต้ ามแบบบันทกึ ผลกิจกรรมการพัฒนาศักยภาพ เพ่อื เปน็ ข้อมูลระกอบการตดิ ตามประเมนิ ผลต่อไป 2) การพัฒนาศักยภาพทางสังคม โดยใช้ข้อมูลจากสรุปผลการวิเคราะห์ศักยภาพ นำมาจัดทำ แผนการพัฒนาศกั ยภาพดา้ นสังคมของสมาชกิ บา้ นนอ้ ยฯ เปน็ รายบคุ คลหรือ IRP ทัง้ น้ีเพื่อสง่ เสริมความสามารถใน การปรับตัว ในการอยู่ร่วมกับผู้อื่นและการใช้ชีวิตในสังคม อาทิ การจัดกิจกรรมนันทนาการ การทัศนศึกษา การ รว่ มกิจกรรมตามประเพณี ศาสนา และวันสำคัญตา่ ง ๆ กบั ชุมชน การสง่ เสรมิ ใหส้ มาชกิ บา้ นน้อยฯ ท่ีมีครอบครัว/ ญาติได้ใช้เวลาร่วมกัน เพื่อสร้างความคุ้นเคย และนำไปสู่การกลับคืนสู่ครอบครัวได้ในที่สุด จากนั้นดำเนินการ พัฒนาศักยภาพตามแผน โดยให้บันทึกผลการจัดกิจกรรมแต่ละครั้งไว้ตามแบบบันทึกผลกิจกรรมการพัฒนา ศกั ยภาพ เพอ่ื เปน็ ขอ้ มูลประกอบการตดิ ตามประเมนิ ผลตอ่ ไป 3) การประเมินผล โดยคณะทำงานฯ เป็นผู้ทำการประเมินผลสมาชิกเป็นรายบุคคล และคณะทำงานทำ การประเมินเพื่อพิจารณาส่งคืนครอบครัว ชุมชน หรือให้เข้ารับการส่งเสริมอาชีพต่อไปทุกรอบระยะเวลา 3 เดือน โดยใช้แบบประเมินศักยภาพ และนำคะแนนในแต่ละรอบมาเปรียบเทียบกันเพื่อดูพัฒนาการของสมาชิก บ้านนอ้ ยฯ แนวทางการจัดการผลกระทบทางลบทอ่ี าจเกดิ ข้นึ จากโครงการ 1) เนื่องจากสมาชิกบ้านน้อยฯ ส่วนใหญ่ (ร้อยละ 90) เป็นผู้ป่วยจิตเวช ครูผู้สอนจึงจำเป็นต้องใช้ความ พยายาม โดยการพักการเรียนการสอนทุกชั่วโมง ประมาณ 20 นาที และนำกิจกรรมนันทนาการหรือภาพยนตร์ สั้นมาช่วยให้ผู้เรียนผ่อนคลายแล้ว ถึงเริ่มการเรียนการสอนต่อ เพื่อลดความเครียด และเพิ่มสมาธิ ในการเรยี นรู้อยา่ งมีประสทิ ธภิ าพ

19 2) เนื่องจากผู้พิการทางการเคลื่อนไหวในชุมชน สมัครเข้ามาเรียนในโรงเรียนบ้านน้อยในนิคม ทางนิคมสร้างตนเองโนนสงั จึงไดป้ รับปรุงห้องนำ้ โดยให้มสี ภาพทีเ่ หมาะสมกบั ผู้พิการ (Universal Design) เช่น มี ทางลาด มีราวจบั เป็นตน้ ความยั่งยนื ของโครงการ จาการดำเนินโครงการ “โรงเรียนบ้านน้อยในนิคม : เปิดโรงเรียน ปรับความรู้ เพื่อก้าวสู่สังคม” ไดม้ ีการขยายรับผู้พิการท่ีอาศัยอยู่ในชมุ ชนบริเวณรอบนิคมสร้างตนเองโนนสัง ซึ่งไม่ได้เป็นสมาชิกบ้านน้อยฯ เข้า มาเรียนในโรงเรียนบา้ นนอ้ ยในนคิ ม จำนวน 5 คน ความเช่ือมโยงกบั เปา้ หมายการพฒั นาทยี่ ังยืน Sustainable Development Goals SDGs ขององคก์ าร สหประชาชาติ เป้าหมายที่ 4 สร้างหลักประกันว่าทุกคนมีการศึกษาที่มีคุณภาพอย่างครอบคลุมและเท่าเทียม และ สนบั สนุนโอกาสในการเรยี นรู้ตลอดชีวิต เป้าประสงค์ท่ี 4.5 ขจัดความเหลือ่ มล้ำทางเพศในการศึกษา และสรา้ งหลักประกันวา่ กลุ่มท่ีเปราะบางซึ่ง รวมถึงผพู้ กิ าร ชนพืน้ เมือง และเดก็ เขา้ ถึงการศึกษาและการฝกึ อาชีพทุกระดับอยา่ งเท่าเทียม ภายในปี 2573 เป้าประสงค์ที่ 4.7 สร้างหลักประกันว่าผู้เรียนทุกคนได้รับความรู้และทักษะที่จำเป็นสำหรับส่งเสริมการ พัฒนาอย่างยั่งยืน รวมไปถึง การศึกษาสำหรับการพัฒนาอย่างยั่งยืนและการมีวิถีชีวิตที่ยั่งยืน สิทธิมนุษยชน ความเสมอภาคระหว่างเพศ การส่งเสริมวัฒนธรรมแห่งความสงบสุขและไม่ใช้ความรุนแรง การเป็นพลเมืองของโลก และความนิยมในความหลากหลายทางวัฒนธรรมและในส่วนร่วมของวัฒนธรรมต่อการ พัฒนาท่ยี ัง่ ยืน ภายในปี 2573 โครงการ “โรงเรียนบ้านน้อยในนิคม : เปิดโรงเรียน ปรับความรู้ เพื่อก้าวสู่สังคม” เกิดจากการ มีส่วนร่วมของภาครัฐ ภาคเอกชน และภาคประชาชน ตั้งแต่การประเมินศักยภาพผู้เข้าร่วมโครงการ บ้านน้อยในนิคมด้วยทีมสหวิชาชีพ ซึ่งพบว่า การศึกษาเป็นปัญหาหลักของผู้ใช้บริการที่เข้าร่วมโครงการ จึงได้ร่วมกันจัดทำแผนพัฒนาศักยภาพสมาชิกบ้านน้อยฯ รายบุคคล โดยเน้นมิติด้านศึกษา และการส่งเสริมด้าน อาชีพ โดยร่วมกับสำนักงานการศึกษานอกระบบและการศึกษาตามอัธยาศัย (กศน.) อำเภอโนนสัง ในการออกแบบหลักสูตรและวิธีการสอนเฉพาะสำหรับสมาชิกบ้านน้อยฯ ซึ่งเป็นกลุ่มที่มีพัฒนาการช้า พรอ้ มทง้ั ออกแบบหลักสูตรการพฒั นาทักษะในการประกอบอาชีพ ซงึ่ ผลจากการดำเนินโครงการทำให้สมาชิกบ้าน น้อยฯ มีระดับการศึกษาท่ีดีขึ้น โดยถือเปน็ ใบเบิกทางทีส่ ำคัญในการเพ่ิมโอกาสด้านอาชีพ และการมีรายได้ อีกทั้ง สามารถชว่ ยเหลอื ตัวเองและพึ่งพาตนเองได้ และนำไปสกู่ ารเตรียมความพร้อมเพื่อกลบั ไปใชช้ วี ิตร่วมกับครอบครัว และชมุ ชนตอ่ ไป

20 ภาพผนวก

21 กิจกรรมออกกำลังกาย

22 กจิ กรรมการเรียนการสอน

23 กิจกรรมพฒั นาทกั ษะอาชีพการเล้ยี งไก่พันธ์ไุ ข่

24 กจิ กรรมพฒั นาทกั ษะอาชีพการเพาะเห็ด

25 กิจกรรมพฒั นาทักษะอาชีพการเลยี้ งปลาดุก

26 กิจกรรมพฒั นาทักษะอาชีพการปลูกข้าวโพด

27

28

29

30

31

32

33

34

35

36

37

38

39

40

41

42

43

44

45

46

47

48

49

50