Important Announcement
PubHTML5 Scheduled Server Maintenance on (GMT) Sunday, June 26th, 2:00 am - 8:00 am.
PubHTML5 site will be inoperative during the times indicated!

Home Explore งานชิ้นที่ 1 วรรณกรรมท้องถิน 22748 ว่าที่ร้อยตรีปภาษิต อุทธิยา 2632100224

งานชิ้นที่ 1 วรรณกรรมท้องถิน 22748 ว่าที่ร้อยตรีปภาษิต อุทธิยา 2632100224

Published by Guset User, 2021-10-22 08:44:18

Description: งานชิ้นที่ 1 วรรณกรรมท้องถิน 22748 ว่าที่ร้อยตรีปภาษิต อุทธิยา 2632100224

Search

Read the Text Version

สาขาวิชาศกึ ษาศาสตร์ แขนงวชิ า หลกั สูตรและการสอน วชิ าเอกภาษาไทย ชุดวชิ า ๒๒๗๔๘ วรรณกรรมทอ้ งถิ่น รายงานฉบับท่ี ๑ ภาคต้น ปีการศกึ ษา ๒๕๖๔ รายงาน เรือ่ ง การวเิ คราะหค์ วามสัมพนั ธ์ของวรรณกรรมทอ้ งถิ่นกบั สังคม และภูมปิ ญั ญาท้องถ่ิน วา่ ที่รอ้ ยตรปี ภาษติ อทุ ธิยา รหสั ประจาตัวนกั ศกึ ษา ๒๖๓๒๑๐๐๒๒๔ สถานท่เี ขา้ รับการสมั มนาเสรมิ รปู แบบออนไลน์ Microsoft [email protected] วันสัมมนาเสริม วันที่ ๒๓ – ๒๔ เดือนตลุ าคม พ.ศ.๒๕๖๔ มหาวทิ ยาลยั สุโขทัยธรรมาธริ าช

ก คานา รายงาน เร่ือง การวิเคราะห์ความสัมพันธ์ของวรรณกรรมท้องถ่ินกับสังคมและภูมิปัญญาท้องถิ่น วรรณกรรมล้านนา เร่ือง ปรมโฆสา กาพร้าบัวตอง ฉบับหอสมุดมหาวิยาลัยเชียงใหม่ คัดลอกจาก ฉบับวัดป่าข่อยใต้ ตาบลสันผีเส้ือ อาเภอเมือง จังหวัดเชียงใหม่ เป็นส่วนหนึ่งของการศึกษารายวิชา วรรณกรรมท้องถิ่น (FOLK LITERRATURE) ชุดวิชา 22748 แขนงวิชาหลักสูตรและการสอน วิชาเอก ภาษาไทย ซึ่งผู้จัดทาได้ศึกษาค้นคว้าอกสารเพิ่มเติม และรวบรวมตามประเด็นการศึกษาที่ได้กาหนดไว้ใน แผนกิจกรรมการศกึ ษา ผู้จัดทาขอขอบคุณแหล่งข้อมูลทุกแหล่งที่เก่ียวข้องกับการจัดทารายงานฉบับน้ี และหวังเป็น อย่างย่ิงวา่ รายงานฉบบั นี้จะเป็นประโยชน์ต่อการศึกษาในรายวิชาวรรณกรรมท้องถ่ิน (FOLK LITERRATURE) ชุดวิชา 22748 แขนงวิชาหลักสูตรและการสอน วิชาเอกภาษาไทย และเป็นประโยชน์ต่อผู้สนใจศึกษา ค้นควา้ ต่อไป วา่ ทร่ี ้อยตรีปภาษติ อทุ ธยิ า ผูจ้ ัดทา

ข สารบัญ หนา้ คานา.................................................................................................................................................................. ก สารบัญ............................................................................................................................................................... ข ผแู้ ต่ง............................................................................................................................. .....................................๑ ยุคสมัยท่แี ต่ง......................................................................................................................................................๑ โครงเรอ่ื ง............................................................................................................................. ...............................๑ เนอ้ื เรอื่ งย่อ........................................................................................................................................................2 ตวั ละคร............................................................................................................................. ................................4 แนวคดิ สาคญั .....................................................................................................................................................4 วเิ คราะห์ความสัมพนั ธ์ของวรรณกรรม เรื่อง ปรมโฆสา (กาพร้าบัวตอง)กบั สังคมและภมู ิปัญญาท้องถิน่ ..........5 บรรณานุกรม................................................................ ...................................................................................... ๘

1 วรรณกรรมล้านนา เรื่อง ปรมโฆสา (กาพรา้ บัวตอง) ผู้แตง่ : หนานมหายศ ยคุ สมยั ท่ีแตง่ : พุทธศักราช 2464 โครงเรื่อง เหตุการณ์ที่ 1 : คร้ังเมื่อพระพุทธองค์ทรงประทับ ณ เชตะวันมหาวิหาร พระภิกษุสงฆ์ได้สนทนากันถึง นางปฏาจารา ท่ีได้รับทุกขเวทนาจากการสูญเสียบุตร สามี และบิดามารดา ในคราวเดียวกัน พระพุทธองค์ ทรงตรัสว่า “ไม่เฉพาะแต่กาลบัดน้ีเท่าน้ัน แม้ในกาลก่อนนางก็เคยได้รับทุกขเวทนามาแล้ว” จากนั้นจึงทรง เล่าอดีตชาติ เหตุการณ์ท่ี 2 : นายพรานเลี้ยงหมาไว้แต่หมาต้ังท้องขึ้นโดยท่ีแห่งน้ันไม่มีหมาตัวผู้เลยจึงกลัวถูกนินทา จึงไล่ หมาไปใหพ้ น้ จากบา้ น ซึ่งสาเหตุท่แี มห่ มาขนคาทอ้ งนนั้ คอื ไปด่ืมนา้ จากรอยเทา่ พญาช้าง เหตกุ ารณ์ที่ 3 : แม่หมาขนคาหนีไปที่ถ้าผาสามาเส้า คลอดลูกเป็นเด็กผู้หญิง คนพ่ีชื่อนางบัวแก้ว ภายหลังได้ ชื่อนางเจตะกา ถูกอบรมเลี้ยงดูโดยพญางูเห่า คนน้องช่ือนางบัวตอง ภายหลังได้ชื่อ นางศรีบัวทอง ถูกอบรม เลยี้ งดูโดยพญาหงสท์ อง ระหว่าทีแ่ ม่หมาขนคาตอ้ งออกหาอาหาร เหตุการณ์ที่ 4 : ความงดงามของท้ังสองทราบถงึ พระยาปลัมมะโฆษา จึงจัดตกแตง่ วอทองไปรบั ทงั้ สองเขา้ วัง เหตุการณ์ท่ี 5 : แม่หมาขนคากลบั มาไมพ่ บลูกจึงออกตามหา เม่ือทราบว่าถูกรับไปในวังจึงติดตามไป เห็นนาง บวั แก้วจงึ ว่งิ เขา้ ไปหา แต่กลับถูกนางบวั แกว้ ขบั ไลโ่ ดยให้ทหารไล่ทุบตี จึงหนีมายังปราสาทนางบัวตอง นางบัว ตองรีบอมุ้ แม่ ซอ่ นตัวไว้ในหีบใบใหญเ่ ฝ้ารกั ษาแมห่ มาขนคาอย่ไู ด้เจ็ดวนั แมห่ มาขนคาทนความเจ็บปวดไม่ไหว จงึ สนิ้ ชีวิต เหตุการณ์ที่ 6 : นางบัวตองเสียใจมาก จึงอยากนาร่างแม่ไปฝังท่ีผาสามเส้า จึงออกอุบายว่าขอกลับไปยังถ้า เพือ่ ไปขนสมบตั ิ เมือ่ ไปถงึ จึงวางหบี ลงและกระโดดลงหนา้ ผาสามเส้า หวังตายตามแมไ่ ป แต่กลับตกลงไปโดนฝี ท่แี ขนของนางยกั ษผ์ ีเสือ้ ห้วยแตกออกและหายจากความเจบ็ ปวด นางยักษจ์ งึ มอบสมบัติให้แก่นางบัวตอง และ เมือ่ เปิดหีบจงึ พบว่ารา่ งของแมก่ ลายเปน็ เพชรพลอย ซ่งึ ถูกเนรมติ โดยพระอินทร์ นางบัวตองจึงได้สมบัติกลับวัง ตามที่ได้ขอสวามอี อกมา เหตกุ ารณท์ ี่ 7 : นางบวั แก้วเหน็ น้องไดส้ มบตั กิ ลับมาจึงคิดอจิ ฉาน้อง จงึ เค้นถามความจริงว่าได้มาอย่างไร นาง บัวแก้วจึงเล่าเหตุการณ์ตามความจริงทุกอย่าง นางบัวแก้วจึงลาสวามีกลับผาสามเส้าเพื่อกลับไปเอาสมบัติ เช่นกัน พอไปถึงก็แสร้งร้องไห้ และกระโดดลงผาสามเส้า ตกลงใส่หน้าผากของนางยักษ์ผีเส้ือห้วยท่ีกาลัง นอนหลับอยู่ นางยักษ์โกรธมาก คร้ันรู้เรื่องว่านางคือพี่สาวท่ีเป็นต้นเหตุทาให้แม่ของตนเองบาดเจ็บและตาย จงึ ฉีกร่างนางบวั แกว้ กนิ พรอ้ มท้ังชา้ งของนางทน่ี างข่มี า เหตุการณ์ที่ 8 : พระยาปลัมมะโฆษาทราบเร่ืองท้ังหมด และคอยปลอบนางศรีบัวตอง และอยู่ร่วมกันจนมี พระราชโอรสสองพระองค์ คือเจ้าศรีบุญเรือง และเจ้าบุญศิริราชกุมาร และได้บาเพ็ญพระราชกุศลตราบเท่า สวรรคต แล้วได้ไปบังเกิดในสรวงสวรรค์เสวยทิพยสมบัติเป็นใหญ่กว่าเทพบุตรเทพธิดาท้ังหลายสุขเกษม สาราญในวิมานช้นั ฟา้ นัน้

2 เนือ้ เรื่องยอ่ นานมาแล้วมนี ายพรานคนหนึง่ ได้เล้ยี งหมาตวั เมยี มีขนสีทองจึงเรียกกัน ว่าหมาขนคาไว้หน่ึงตัว และ ในย่านน้ันไม่มีหมาตัวผู้อยู่เลย วันหน่ึงแม่หมาเกิดตั้งท้องขึ้นมา นายพรานเกรงจะถูกชาวบ้านครหาว่ามีเมีย เป็นหมา จึงคิดจะกาจัดแม่หมา บ้านของนายพรานอยู่ในย่านริมป่า คือบ้านเสาสูงแบบเรือนต้นไม้ ราวบันได ปลดเก็บขึ้นไว้บนเรือนเพ่ือป้องกันมิให้สัตว์ร้ายข้ึนเรือนไปทาร้าย ชีวิตคนบนบ้านได้ เย็นวันหน่ึง นายพราน ปลดบนั ไดบา้ นเกบ็ ไว้บนบ้านโดยท้ิงแมห่ มาไว้ขา้ งล่าง โดยหวงั ที่จะให้เสือมาคาบแม่หมาเอาไปกิน แม่หมาก็ว่ิง หนีไปถึงดอยผาสามเส้าริมดอยวัดม่วงคา (เขตอาเภอแม่ทะ) แล้วคลอดลูกแฝดเป็นเด็กหญิงน่ารักสองคน ใน แต่ละวันแม่หมาก็ไปหาอาหารมาเลี้ยงลูกน้อย และคาบเส้ือผ้าที่ชาวบ้านตากไว้บนราวตากผ้านาไปให้ลูกสาว สวมใสจ่ นกระท่งั เวลาผ่านไปลกู สาวฝาแฝดทงั้ สองคนเตบิ โตเป็นหญิงสาว คนพี่ช่ือ นางบัวแก้ว คนน้อง ชื่อนาง บัวตอง กติ ติศพั ทค์ วามสวยงามของหญิงสาวท้ังสองกระฉ่อนไปถึงในเมือง เม่ือพระยาปลัมมะโฆษา เจ้าเมืองทราบข่าว ปรารถนาจะได้ธิดาแฝดไปเป็นมเหสีซ้ายขวา ก็จัด ขบวนวอทองไปรับสองธิดาแฝดท่ีดอยผาสามเส้าขณะท่ีแม่หมาไม่อยู่ ธิดาแฝดบัวตองผู้น้องแสดงความเสียใจ รอ้ งไห้ครา่ ครวญถงึ แม่หมา ส่วนผู้พ่ีมีทีท่าตื่นเต้นที่มีวาสนาจะได้เข้าไปอยู่ในวัง พระยาปลัมมะโฆษา เจ้าเมือง ได้สร้างปราสาทสองหลังให้นางเจตะกาและนางบัวตองอยู่คนละหลัง ฝ่ายแม่หมาเม่ือกลับมาถึงผาสามเส้าก็ พบว่าลูกสาวหายไป แม่หมาก็เห่าหอนและตะกุยหน้าผาจนเป็นรอยคล้ายเล็บเท้าฝังในเนื้อหินผาที่ชาวบ้าน เรียกว่ารอยตีนหมาขนคาร้องไห้หาลูกสาว มาจนทุกวันนี้ ร้อนถึงพระอินทร์เวทนาแม่หมาจึงเนรมิตให้แม่หมา พูดได้ แม่หมาจึงเดินทางติดตามหาลูกสาวถึงในเมือง แม่หมาได้ถามไถ่ชาวบ้านมาเรื่อย ๆ จนกระทั่งมาถึง ปราสาทของนางบวั แก้ว (เจตะกา) ทหารได้ซกั ถามแมห่ มาว่ารู้จักและเกี่ยวข้องกับนางเจตะกาอย่างไร แม่หมา กบ็ อกวา่ นางเจตะกาเคยเป็นนายเก่ามาก่อน ครั้นเม่ือทหารนาความมาแจ้งแก่นางเจตะกา นางเจตะกากลัวว่า จะอับอายที่มแี มเ่ ปน็ หมา จงึ สง่ั ใหท้ หารทารา้ ยแม่หมาจนได้รบั บาดเจบ็ จนตอ้ งวิ่งหนีไป แม่หมาได้รับบาดเจ็บก็วิ่งมาถึงปราสาทนางบัวตอง นางบัวตองรีบวิ่งมารับแม่หมานาเข้าไปใน ปราสาทเพื่อเยียวยารักษา ให้ข้าวให้น้าแก่แม่หมา นางบัวตองได้ทูลขอหีบขนาดใหญ่จากสวามีโดยบอกว่าจะ เอาไปขนสมบัติท่ีผาสามเส้า ภายในกาหนดเวลาเจ็ดวัน แต่ในความเป็นจริงแล้ว นางบัวตองได้นาหีบไว้เป็นที่ ซ่อนของแม่หมาในวัง เมื่อครบเจ็ดวันแล้ว แม่หมาทนพิษบาดแผลไม่ไหวก็ส้ินใจตาย พระอินทร์ได้เนรมิตร่าง แม่หมาให้กลายเป็นแก้วแหวนเงินทอง เมื่อพระยาเจ้าเมืองพบว่ามีแก้วแหวนเงินทองเต็มหีบ พระองค์ก็โปรด ปรานนางบัวตองเป็นอันมาก พระองค์ก็ให้นางบัวตองไปขนสมบัติที่ผาสามเส้าอีกครั้งหน่ึง นางบัวตองมีความ เสียใจท่ีแม่หมาเสียชีวิต นางจึงคิดจะกระโดดหน้าผาจะฆ่าตัวตาย แต่บริเวณข้างล่างของหน้าผาเป็นท่ีอยู่ของ ยักษ์ซึ่งป่วยเป็นฝีกลัดหนองเจ็บ ปวดมาก เม่ือนางบัวตองกระโดดลงไปกระทบกับร่างของยักษ์ทาให้ฝีแตก ยักษจ์ งึ หายปวดเปน็ ปลดิ ท้ิง ยกั ษจ์ งึ มอบทรพั ย์สมบัติให้นางบัวตองเป็นอันมาก นางบัวตองจึงนาสมบัติกลับวัง มาถวายพระยาปลมั มะโฆษา

3 ฝ่ายนางบัวแก้ว เมื่อทราบข่าวว่านางบัวตองไปขนสมบัติที่ผาสามเส้า นางก็รู้สึกอิจฉานางบัวตอง นางจึงอาสาพระยาปลัมมะโฆษา จะไปขนสมบัติที่ผาสามเส้าบ้าง เม่ือไปถึงผาสามเส้านางเจตะกาก็กระโดด หน้าผาตามที่นางบัวตองแนะนา แต่เป็นด้วยนางเป็นคนไม่ดีข้ึนไปบนหน้าผาเห็นนางยักษิณีผีเสื้อห้วย นอนหลับอยู่ นางก็ยกเท้าข้ึนเหยียบผีเส้ือสะดุ้งต่ืน จึงพูดว่านางผู้นั้นหมิ่นประมาทกูและไม่รู้จักบุญคุณพ่อแม่ บาปกรรมอันนั้นคงมาตามทัน จึงได้จับเอานางฉีกกินเป็นอาหาร นางยักษิณีผีเส้ือห้วยยังไล่จับช้างที่ นางบวั แก้วนั่งมากนิ เปน็ อาหาร ณ สถานทนี่ ้ันเรียกว่า โทกหัวชา้ ง จนถงึ บัดนี้ นับแต่น้ันมานางศรีบัวตองก็ได้อยู่ในปราสาทราชมณเฑียรร่วมกับพระยาปรมะโฆสาด้วยความสุข ความเจริญ แล้วทรงมีพระราชบุตรสองพระองค์มีนามว่า เจ้าศรีบุญเรือง และเจ้าบุญศิริราชกุมาร และ ได้บาเพ็ญพระราชกุศลตราบเทา่ สวรรคต แล้วได้ไปบังเกิดในสรวงสวรรคเ์ สวยทพิ ยสมบัติเป็นใหญ่กว่าเทพบุตร เทพธิดาทัง้ หลายสขุ เกษมสาราญในวิมานชัน้ ฟา้ นนั้ ตามตานานพระธาตดุ อยม่วงคาก็มีเทา่ นี้ ครั้นพระพุทธเจา้ ได้ตรัสรแู้ ล้ว บคุ คลทั้งหลายเหลา่ น้ี จงึ ได้กลบั ชาตมิ าเกดิ ดังน้ี แมส่ ุนขั ไดม้ าเกิดเป็น นางปฏาจารา นางศรีบัวตอง ได้เกดิ เป็น นางพมิ พา พญาช้าง เกิดมาเปน็ สปุ ปะพทุ ธะ พญางเู ห่า เกดิ มาเป็น นางบุตราเถรี พญาหงสท์ อง เกดิ มาเป็น อนาถบิณฑกิ เศรษฐี เจา้ ศรีบญุ เรือง เกดิ มาเป็น พระราหุล เจ้าบุญศรี เกิดมาเป็น นางอุบลวรรณาเถรี พรานปา่ ผนู้ ้นั ได้เกดิ มาเปน็ พระอุทายเี ถระ ผีเสอื้ ยักษ์ ไดเ้ กิดมาเป็น พระองคุลีมาร พระยาปรมะโฆสา คอื พระตถาคตในกาลบดั น้ี

4 ตวั ละคร 1. แมห่ มาขนคา 2. พระยาปรมะโฆสา หรอื ปลัมมะโฆษา 3. นางบวั แกว้ (นางเจตะกา) 4. นางบวั ตอง(นางศรีบวั ตอง) 5. นายพราน 6. พญาชา้ ง 7. พญางเู ห่า 8. พญาหงสท์ อง 9. เจา้ ศรีบุญเรือง 10. เจ้าบุญศรี 11. ผเี สอ้ื ยักษ์ แนวคิดสาคัญ - ความกตัญญูต่อบพุ การี - ทาดไี ด้ดีทาช่ัวได้ชวั่ - ธรรมของผูป้ กครองบ้านเมอื ง - ตานานช่ือบ้านนามเมือง - ความเชอ่ื มโยงกับชาดก ครน้ั พระพุทธเจ้าตรัสรู้เปน็ สมเด็จพระสัมมาสัมพทุ ธเจา้

5 วิเคราะหค์ วามสัมพนั ธ์ของวรรณกรรม เรือ่ ง ปรมโฆสา (กาพร้าบวั ตอง)กับสังคมและภูมิปัญญาท้องถ่ิน 1.วรรณกรรม เปน็ รูปแบบของ คา่ วธรรม ค่าวธรรม หรือ ธรรมค่าว คือ วรรณกรรมท่ปี ระพนั ธ์ตามแนวชาดก 1)ปรารภชาดก เพ่ือบอกสาเหตุว่าเหตุใดพระพุทธองค์ถึงเลา่ อดีตชาติ 2)เนือ้ เร่อื ง เรือ่ งนิทานทีเ่ ลา่ แต่กป็ รากฎมีคาถาบาลีสอดแทรกอยทู่ ่วั ไป 3)ประชุมชาดก มตี อนท่ีกล่าวถึงตัสละครที่กลับชาตมิ าเกิดเปน็ พระพุทธเจ้าและพระหญิงในปัจจุบัน ซ่งึ เรอ่ื งน้ปี ระชมุ ชาดกไดส้ รุปไวว้ ่า แมส่ ุนัข ได้มาเกดิ เป็น นางปฏาจารา นางศรบี ัวตอง ไดเ้ กดิ เป็น นางพิมพา พญาช้าง เกิดมาเปน็ สปุ ปะพทุ ธะ พญางเู หา่ เกดิ มาเป็น นางบุตราเถรี พญาหงสท์ อง เกดิ มาเปน็ อนาถบิณฑิกเศรษฐี เจ้าศรบี ุญเรือง เกดิ มาเปน็ พระราหลุ เจ้าบุญศรี เกิดมาเปน็ นางอบุ ลวรรณาเถรี พรานปา่ ผู้น้ัน ได้เกิดมาเป็น พระอทุ ายเี ถระ ผเี สอื้ ยักษ์ ได้เกิดมาเปน็ พระองคุลมี าร พระยาปรมะโฆสา คอื พระตถาคตในกาลบดั น้ี ฉนั ทลักษณข์ องค่าวธรรมสว่ นใหญ่ เป็นรา่ ยยาว แทรกคาถาภาษาบาลี ภิกษุจะนาค่าวธรรมมาเทศน์ ในอบุ าสกอบุ าสกิ าฟังในวนั อุโบสถศีล ค่าวธรรมจงึ จดั เปน็ วรรณกรรมศาสนา แสดงถงึ ความเลือ่ มใสในพระพทุ ธศาสนา ของชาวล้านนา ท่ีมีมาอย่างยาวนาน การแต่งค่าวธรรมน้ัน เป็นการช่วยให้สาธชุ นท่ีเขา้ มาฟังธรรมนน้ั เขา้ ในในข้อคิด ขอ้ ธรรมมะไดช้ ัดเจนข้ึน ด้วยเพราะถูกผูกเรื่องราวให้ สอดคล้องกับวถิ ีการดาเนนิ ชวี ติ ซึ่งผูแ้ ต่ง คอื หนานมหายศนั้น คาวา่ หนาน คือผู้ที่สึกจากพระ น่ันหมายความ ว่าในสมัยนั้นผู้ที่ได้เรียนเขียนอ่านมักจะเป็นผู้ที่บวช จึงสมารถอ่านออกเขียนได้ภายหลังจากการบวช และ ตอ่ ยอดเป็นวรรณกรรมอืน่ ๆหลงั จากสึกจากการเปน็ พระแลว้ ฉนั ทลักษณร์ า่ ยยาว รา่ ยยาว คอื ร่ายทีไ่ มก่ าหนดจานวนคาในวรรคหนึง่ ๆ แตล่ ะวรรคจึงอาจมีคาน้อยมากแตกต่างกันไป การสัมผสั คาสดุ ทา้ ยของวรรคหนา้ สมั ผัสกับคาหนึ่งคาใดในวรรคถดั ไป จะแตง่ สั้นยาวเท่าไรเมื่อจบนิยมลงท้าย ด้วยคาวา่ แล้วแล นัน้ แล น้ีเถดิ โน้นเถิด ฉะนี้ ฉะนนั้ ฯลฯ เป็นตน้

6 2.การสอดแทรกขอ้ คิดเตอื นใจให้แก่ทกุ ชนชั้นไว้ในวรรณกรรม จากค่าวธรรม เรื่อง ปรมโฆสา (กาพร้าบัวตอง)จากการดาเนินเร่ือง พบว่าได้สอดแทรกเร่ือง การอบรมเลี้ยงดูบุตรนั้นสาคัญ ดังท่ีนางบัวตองถูกดูแลโดยพญาหงส์ทอง และนางบัวแก้วน้ันถูกเลี้ยงดูโดย พญางเู ห่า ซึง่ สัญชาตญาณของสตั ว์ทงั้ สองชนดิ นนั้ แตกต่างกนั โดยสิ้นเชิง จึงส่งผลต่อลักษณะนิสัยของตัวละคร เมื่อเติบโตมา สอดแทรกคุณธรรมเรือ่ ง ความกตัญญูรู้คุณ ซ่ึงเป็นคุณธรรมพ้ืนฐานของสังคม และคุณธรรมของ ผูป้ กครองบา้ นเมอื ง ดงั ที่พระยาปรมะโฆษาได้ปกครองบ้านเมืองโดยธรรม บ้านเมืองจึงผาสุกร่มเย็นตลอดการ ปกครอง 3.การสอดแทรกภูมปิ ญั ญาท้องถิ่นไวใ้ นวรรณกรรม ดังท่ีปรากฏในวรรณกรรมตอนหน่ึงในส่วนบ้านของนายพรานอยู่ในย่านริมป่า คือบ้านเสาสูง แบบเรือนต้นไม้ ราวบันไดปลดเก็บขึ้นไว้บนเรือนเพ่ือป้องกันมิให้สัตว์ร้ายข้ึนเรือนไปทาร้ายชีวิตคนบนบ้านได้ นายพรานจงึ ปลดบนั ไดบา้ นเก็บไวบ้ นบา้ นโดยทิ้งแม่หมาไวข้ ้างล่าง โดยหวังทจ่ี ะให้เสือมาคาบแม่หมาเอาไปกิน แม่หมากว็ ่งิ หนีไปถึงดอยผาสามเสา้ ซึ่งเปน็ ลกั ษะบา้ นเรือนทางภาคเหนือทม่ี กี ารสร้างบ้านท่ีมีลักษณะท่ีมีบันได ยกออกได้เช่นนี้ เพ่ือป้องกันขโมยข้ึนบ้านยามคาคืนเน่ืองด้วยบ้านส่วนใหญ่ปลูกบนป่าเขาลับตา ป้องกันการ ผดิ ผขี องหนุ่มสาวทแ่ี อบพบกนั และความเชื่อต่างๆเช่น ความเช่ือเร่ืองภูตผี หากมีคนในบ้านเป็นผีโพง ถ้ากลับ ด้านบันไดจะไม่สามารถขึ้นบ้านได้ และเมื่อมีคนตายคร้ันจากนาศพลงจากเรือนจะต้องนากาบกล้วยมาทา บันไดหลอกครอบกบั บันไดจริง และถอดยกกาบกลว้ ยนั้นไปปา่ ช้าดว้ ย เพ่ือให้ผู้ตายน้ันไม่สามารถกลับขึ้นเรือน ได้อีก และสามารถเดินทางสู่สัมปรายภพต่อไป เป็นต้น ในส่วนน้ียังแสดงให้เห็นถึงวิถีชีวิตความเช่ือของชาว ลา้ นนาท่ีแฝงความเป็นพทุ ธและนบั ถอื ผีไปพรอ้ มๆกัน ทั้งน้ียังปรากฏตัวละครสาคัญคือ พระอินทร์ ซ่ึงเป็นเทพ ในศาสนาพราหมณ์ปรากฏอยู่ แสดงให้เห็นว่าล้านนามีการนับถือศาสนาพุทธแบบผสมผสานมาแต่ครั้งโบราณ แต่หัวใจสาคัญคือหลกั ธรรมทางพระพทุ ธศาสนา 4.ปรากฏคติ ความเช่อื ท่เี ปน็ ปรากฏเป็นจารตี และประเพณีสืบ ปรากฏในปัจจุบนั ดังที่ได้อธิบายไปในข้อท่ี 4 แล้วนั้น ข้ออธิบายเพ่ิมเติมในส่วนของความเช่ือเร่ืองเหนือธรรมชาติ เชน่ การมอี ย่จู รงิ ของวิญญาณ และยักษ์ ดังที่ปรากฏในเน้ือเร่ือง โดยปัจจุบันยังปรากฏประเพณีการเล้ียงผีเส้ือ ดงผาสามเส้า บริเวณวัดพระธาตุดอยม่งคา และสักการะพระธาตุดอยม่วงคา ซ่ึงตานานแทรกจากเรื่องน้ีใน ประชุมชาดก ได้กล่าวถึงการถือกาเนิดพระธาตุดอยม่วงคา เม่ือคร้ังสมัยพุทธกาล พระสัมมาสัมพุทธเจ้าทรง เสด็จมายังดอยแห่งนี้ ชนเผ่าล๊ัวะ เล่ือมใส่ จึงถวายน้าผ้ึงในกระบอกไม้ไผ่ หาบด้วยกิ่งมะม่วง ซ่ึงหาจากในป่า พระพุทธเจ้าทรงรับไว้ และปักกิ่งมะม่วงน้ันลงหลังจากรับถวายแล้ว ทรงมีพุทธทานายว่า ท่ีแห่งน้ีสืบไป ภายหน้า จะเป็นท่ีต้ังมั่นแห่งพุทธศาสนาสืบไป จึงปรากฏประเพณีข้ึนดอยม่วงคาทุกปี เนื่องด้วยมีหลักฐานท่ี ผูกขึ้นกับตานานคือ ต้นมะม่วง อายุนับพันปี ท่ีข้ึนอยู่เคียงข้างองค์พระธาตุ ชาวลาปาง และชาวแม่ทะจึง เล่ือมใส จัดประเพณีน้อมสักการบูชาพระธาตุเป็นประจาทุกปี และเน่ืองด้วยพระธาตุต้ังอยู่บนพ้ืนที่สูงชัน ภายหลังจึงมีการบูรณะส่ิงก่อสร้าง สร้างศาลเจ้าแม่บัวตองและหมาขนคา และศาลผีเสือยักษ์ยังผาสามเส้า

7 และถนนข้ึนพระธาตุให้เกิดความสะดวกต่อการข้ึนสักการะ อันเป็นการแสดงถึงความเชื่อ ความนับถือ แล ะ เลื่อมใส จนเกดิ การสรา้ งสรรค์เป็นประเพณีสบื เนอื่ งมาจนถงึ ปัจจุบัน 5.การผูกสถานทท่ี ีม่ ีอยจู่ ริง เขา้ กบั วรรณกรรม จนกลายเป็นตานานช่อื บ้านนามเมอื ง ช่ือสถานท่ีในเร่ืองปรากฏเป็นช่ือหมู่บ้านในอาเภอแม่ทะ จังหวัดลาปาง ดังปรากฏว่า มีชื่อ หมู่บ้านโทกหัวช้าง อยู่ในพ้ืนที่ เกิดจากการท่ีนางผีเสื้อยักษ์ได้ฉีกช้างของนางบัวแก้ว กินและโยนท้ิงไปยัง บริเวณน้ัน ปรากฏชอื่ ผาสามเสา้ ซึ่งมีถา้ อยูภ่ ายใต้หนา้ ผาที่มีหนิ สามกนิ ใหญเ่ รียงตดิ กนั ดา้ นบนเชิงผา ทางขึ้น พระธาตุดอยม่วงคา ปรากฏแอ่งน้าใกล้ถ้าซึ่งเช่ือกันว่าเป็นที่อยู่ของพญาหงส์ทอง ปรากฏดงป่าไผ่หนาแน่น อนั เป็นท่ีอยู่ของพญางูเห่า สิ่งเหล่าน้ีจึงให้ตานาน และวรรณกรรมยังคงอยู่มาจนถึงปัจจุบัน จากวรรณกรรมท่ี ถูกจารลงบนใบลาน เพ่ือเป็นค่าวธรรมในการเทศนาของพระสงฆ์ สู่วรรณกรรมมุขปาฐะเล่าสืบต่อกันมาจนถึง ปจั จุบนั 6.อักษรท่ใี ช้จารลงบนใบลานเปน็ อักษรธรรมลา้ นนาซง่ึ เป็นอกั ษรท่ใี ช้ในการสื่อสารในยุคสมยั นน้ั อักษรธรรม ตัวเมือง หรือ อักษรยวน ภาษาไทยกลางในอดีตเรียกว่า ไทยเฉียง ลาวเฉียงตามชื่อ มณฑลลาวเฉียง เป็นอักษรท่ีใช้ในสามภาษา ได้แก่ ภาษาไทยถิ่นเหนือ, ภาษาไทล้ือและภาษาเขิน นอกเหนือจากน้ี อักษรล้านนายังใช้กับลาวธรรม (หรือลาวเก่า) และภาษาถิ่นอ่ืนในคัมภีร์ใบลานพุทธและ สมุดบันทกึ อกั ษรนี้ยงั เรยี ก อกั ษรธรรมหรืออกั ษรยวน ภาษาไทยถ่ินเหนือเป็นภาษาใกล้ชิดกับภาษาไทยและเป็นสมาชิกของตระกูลภาษาเชียงแสน มีผพู้ ดู เกอื บ 6,000,000 คนในภาคเหนือของประเทศไทย และหลายพันคนในประเทศลาว ซ่ึงมีจานวนน้อย ทร่ี อู้ กั ษรล้านนา อกั ษรนี้ยังใชอ้ ยู่ในพระสงฆ์อายุมาก ภาษาไทยถิ่นเหนือมีหกวรรณยุกต์ ขณะท่ีภาษาไทยมีห้า วรรณยุกต์ ทาให้การถอดเสียงเป็นอักษรไทยมีปัญหา มีความสนใจในอักษรล้านนาขึ้นมาอีกบ้างในหมู่ คนหนุ่มสาว แตค่ วามยงุ่ ยากเพิ่มขนึ้ คอื แบบภาษาพูดสมัยใหม่ ท่ีเรียก คาเมือง ออกเสียงต่างจากแบบเก่า ซ่ึง หลังจากรวมเขา้ กับสยามแลว้ จึงมลี ักษณะภาษาทก่ี ลมกลนื กัน ยกเวน้ คาที่เป็นคาเฉพาะในภาษาล้านนาเท่าน้ัน ทย่ี งั ใชอ้ ยู่ เชน่ คาที่ใช้ในชีวิตประจาวนั ขา้ วของเคร่ืองใช้ คาทกั ทาย เป็นตน้

8 บรรณานุกรม ประคอง นิมมานเหมินท์, ทรงศักด์ิ ปราง.(2558).วรรณกรรมล้านนา : ลักษณะเด่น ภมู ิปัญญา และคุณคา่ . เชยี งใหม่ : ศูนยล์ า้ นนาศกึ ษา คณะมนษุ ยศาสตร์ มหาวทิ ยาลัยเชียงใหม่ ลมูล จันทนห์ อม.(2538).วรรณกรรมทอ้ งถ่ินลา้ นนา. เชยี งใหม่ : สรุ ิวงศ์บุ๊คเซนเตอร์. สน่นั ธรรมธ.ิ (2550) .ถอดความ ชาดกปรมโฆสา กาพรา้ บัวตอง. เชยี งใหม่ : สานกั ส่งเสรมิ ศลิ ปวัฒนธรรม มหาวิทยาลัยเชยี งใหม่. สงิ ฆะ วรรณสัย.(2523) .ปริทัศนว์ รรณคดี ลานนาไทย.เชียงใหม่ : คณะมนุษยศาสตร์มหาวิทยาลยั เชียงใหม่. เสน่หา บุญยรักษ.์ (2519). วรรณกรรมคา่ วของภาคเหนือ.กรงุ เทพฯ: หนว่ ยศกึ ษานิเทศก์ กรมการฝึกหดั ครู. สานกั งานวฒั นธรรมจังหวดั เชยี งใหม่.(2548).ค่าวฮ่า คาสอน.เชียงใหม:่ สานกั งานวฒั นธรรมจังหวัดเชียงใหม่. เสาวลักษณ์ อนันตศานต์.(2549). วรรณกรรมภาคเหนอื = Northern Thai literature : FL 475. กรงุ เทพฯ : สานักพิมพ์มหาวิทยาลยั รามคาแหง หนานมหายศ.(2464) . ปรมโฆสา .[หนังสอื ใบลาน]. เลขทีท่ ะเบยี น 07144.2 (CMU2721) . มหาวิทยาลยั เชยี งใหม.่ สานักหอสมุด. อดุ ม รงุ่ เรืองศรี.(2528). วรรณกรรมลา้ นนา.เชียงใหม่ : โครงการตารามหาวิทยาลยั ห้องจาหนา่ ยหนังสือ สานักหอสมุดมหาวิทยาลัยเชยี งใหม่.