ก คานา ชุดการเรียนรู้อิเล็กทรอนิกส์ เร่ือง สังคมวิทยา กับวิถีถิ่นชีวิตคนน่าน จัดทาข้ึนเพ่ือ ประกอบการเรยี นการสอนในรายวชิ า สังคมศึกษาพนื้ ฐาน 1 ส31101 สาหรับนักเรยี นชั้นมธั ยมศึกษา ปีที่ 4 จานวน 6 ช่ัวโมง ซึ่งในชุดการเรียนรู้อิเล็กทรอนิกส์ประกอบด้วย มาตรฐานการเรียนรู้ คาชี้แจงสาหรับครู และนักเรยี น ชดุ การเรียนรู้ 1 เล่ม จานวน 4 เร่ือง ประกอบด้วย แบบทดสอบวัดผลสัมฤทธ์ิทางการเรียน ก่อนใช้ชุดการเรียนรู้ แบบทดสอบก่อนเรียน บัตรเนื้อหา บัตรกิจกรรม บัตรเฉลย กิจกรรม แบบทดสอบหลังเรียน และ แบบทดสอบวดั ผลสมั ฤทธิท์ างการเรยี นหลงั ใช้ชดุ การเรยี นรู้ ชุดการเรียนรู้ฉบับนี้จัดทาขึ้นเพื่อส่งเสริมให้นักเรียนมีความรู้เกี่ยวกับ เรื่อง สังคมวิทยาใน ด้านโครงสร้างทางสังคม บทบาทหน้าท่ีของคนในสังคม และการเปลี่ยนแปลงทางด้านสังคม วิถีชีวิต อีกทั้งการจัดการเรียนการสอนโดยใช้ชุดการเรียนรู้อิเล็กทรอนิกส์เป็นการส่งเสริมให้นักเรียนได้ฝึก ทักษะในการเรียนรู้ด้วยตนเอง ฝึกทักษะการนาความรู้ไปประยุกต์ใช้ในชีวิตประจาวัน โดยมีครูเป็น ผู้ช่วยในการชี้แนะแนวทาง เพ่ือให้นักเรียนเกิดการเรียนรู้อย่างมปี ระสิทธิภาพอกี ทั้งชุดการสอนยังช่วย ลดภาระหน้าทข่ี องครูในการเตรียมการสอนทาใหค้ รูมีเวลาเตรยี มตวั ในด้านเนื้อหามากย่ิงขน้ึ สง่ ผลให้ การจดั กจิ กรรมการเรียนการสอนได้อย่างมีประสทิ ธิภาพ ทงั้ นผี้ จู้ ดั ทาหวงั เปน็ อย่างยงิ่ ว่าชดุ การสอนฉบบั น้จี ะเปน็ ประโยชนแ์ กค่ รูในการนาไปใชป้ ระกอบ การเรียนการสอนไดแ้ ละเป็นชุดการสอนท่ใี ห้ความรู้แก่นักเรยี นไดเ้ ป็นอย่างดี อรชั พร ต๊ะปะแสง
ข สารบัญ เรือ่ ง หนา้ คานา ก สารบัญ ข คาชี้แจงสาหรบั ครูและนักเรยี น ค มาตรฐานการเรียนรู้ ง ชุดการเรยี นรู้ เรอ่ื ง สังคมวิทยา กับวิถถี ิน่ ชวี ิตคนนา่ น 1 เรอื่ งท่ี 1 โครงสร้างทางสังคม 2 แบบทดสอบก่อนเรยี น เรอ่ื ง โครงสรา้ งทางสงั คม 3 บตั รเนอ้ื หาท่ี 1 เรอื่ ง โครงสร้างทางสังคม 9 บัตรกจิ กรรมท่ี 1 เรือ่ ง โครงสร้างทางสงั คม 10 แบบทดสอบหลังเรียน เรอื่ ง โครงสรา้ งทางสงั คม 11 12 เร่อื งท่ี 2 การขัดเกลางทางสังคม 13 แบบทดสอบก่อนเรยี น เรอ่ื ง การขดั เกลางทางสงั คม 16 บตั รเนือ้ หาที่ 2 เรือ่ ง การขดั เกลางทางสงั คม 17 บตั รกจิ กรรมที่ 2 เร่ือง การขัดเกลางทางสงั คม 18 แบบทดสอบหลังเรียน เรอ่ื ง การขัดเกลางทางสงั คม 19 20 เรอ่ื งท่ี 3 การเปล่ียนแปลงทางสงั คม 23 แบบทดสอบก่อนเรียน เรื่อง การเปล่ียนแปลงทางสังคม 24 บัตรเนือ้ หาที่ 3 เรื่อง การเปลย่ี นแปลงทางสงั คม 25 บัตรกิจกรรมท่ี 3 เรอื่ ง การเปลย่ี นแปลงทางสังคม 26 แบบทดสอบหลังเรยี น เร่ือง การเปล่ยี นแปลงทางสังคม 27 30 เรือ่ งที่ 4 การแกป้ ัญหาและแนวทางพัฒนาสังคม 31 แบบทดสอบก่อนเรยี น เรอ่ื ง การแก้ปัญหาและแนวทางพัฒนาสังคม 32 บตั รเนื้อหาท่ี 4 เรื่อง การแกป้ ัญหาและแนวทางพัฒนาสงั คม บตั รกิจกรรมท่ี 4 เรือ่ ง การแกป้ ัญหาและแนวทางพัฒนาสังคม แบบทดสอบหลังเรียน เรอื่ ง การแก้ปญั หาและแนวทางพฒั นาสงั คม บรรณานกุ รม
ข คาชี้แจงสาหรับครูและนักเรียน ชดุ การสอนอิเล็กทรอนิกส์เล่มน้ีจดั ทาข้ึนเพื่อเป็นสือ่ ประกอบการเรียนการสอนของ กลุ่มสาระการเรียนรู้ สังคมศึกษาศาสนา วัฒนธรรม ในรายวิชา สังคมศึกษาพ้ืนฐาน 1 รหัสวิชา ส31101 สาหรับนักเรียน ช้ันมัธยมศึกษาปีท่ี 4 สาระที่ 2 หน้าท่ีพลเมือง วัฒนธรรม และการดาเนินชีวิตในสังคม จานวน 6 ชั่วโมง ประกอบไปดว้ ย 1. บตั รเนือ้ หาจานวน 4 เรอื่ ง ไดแ้ ก่ 1. บตั รเนื้อหาท่ี 1 เรอื่ ง โครงสรา้ งทางสังคม 2. บตั รเนอื้ หาท่ี 2 เรอื่ ง การขดั เกลางทางสงั คม 3. บัตรเนือ้ หาที่ 3 เรือ่ ง การเปลย่ี นแปลงทางสังคม 4. บตั รเน้อื หาที่ 4 เร่ือง การแก้ปัญหาและแนวทางพฒั นาสังคม 2. บัตรกจิ กรรมจานวน 1 กิจกรรม ได้แก่ 1. บตั รกิจกรรมที่ 1 เร่ือง โครงสร้างทางสงั คม 2. บัตรกจิ กรรมท่ี 2 เร่ือง การขัดเกลางทางสงั คม 3. บตั รกจิ กรรมที่ 3 เรือ่ ง การเปลย่ี นแปลงทางสงั คม 4. บตั รกจิ กรรมท่ี 4 เรื่อง การแกป้ ัญหาและแนวทางพัฒนาสงั คม 3. บทความอ่านเพิ่มเติมเกย่ี วกับ “วิถถี น่ิ ชีวติ คนนา่ น” จานวน 4 เรือ่ ง คาชีแ้ จงสาหรับครู 1. ครูควรศึกษาชดุ การเรยี นรู้ก่อนใชใ้ หเ้ ขา้ ใจกอ่ นจดั กิจกรรมการเรียนรู้ 2. ครคู วรตรวจวัสดุอปุ กรณใ์ นชุดการเรียนรู้ว่ามีจานวนครบตามที่ระบุไวห้ รอื ไมถ่ า้ ไม่ครบหรือ ชารุดจะไดท้ าการแกไ้ ข 3. ครคู วรศึกษาเนอื้ หาใหเ้ ข้าใจทุกขั้นตอนการสอนอยา่ งละเอียด 4. ขณะนักเรยี นปฏบิ ตั กิ ิจกรรม หากนักเรียนมปี ญั หา ครคู วรให้คาปรึกษา และขอ้ เสนอแนะที่กระจ่าง แกน่ ักเรยี น คาชแ้ี จงสาหรบั นกั เรียน โปรดอ่านบตั รคาสง่ั และปฏบิ ัติตามขั้นตอนต่อไปนอี้ ยา่ งเครง่ ครัด 1. ให้นักเรียนทาแบบทดสอบกอ่ นเรียนโดยใชเ้ วลา 10 นาที 2. ให้นกั เรียนศึกษาเนอื้ หาจากบตั รเน้ือหาของชดุ การสอนในแตล่ ะเร่ือง 3. อา่ นบัตรเน้ือหาให้ละเอยี ดถี่ถ้วน อยา่ งน้อย 2 รอบ เพ่อื ใหเ้ กดิ ความเขา้ ใจในเนอ้ื หา 4. ฝกึ ทาบตั รกจิ กรรมจากการค้นควา้ ในชุดการสอนในแตล่ ะเรือ่ ง 5. ใหน้ กั เรียนทาแบบทดสอบหลงั เรยี นโดยใช้เวลา 10 นาที
ง มาตรฐานการเรียนรู้ มาตรฐานการเรยี นรู้ มาตรฐาน ส 2.1 เขา้ ใจและปฏิบตั ติ นตามหนา้ ท่ขี องการเป็นพลเมอื งดี มคี ่านยิ มท่ดี ีงามและธารงรกั ษาประเพณี และวัฒนธรรมไทย ดารงชีวติ อยรู่ ว่ มกันในสังคมไทยและสงั คมโลกอยา่ งสนั ตสิ ขุ ตวั ชว้ี ดั ส 2.1 ม.4-6/2 วิเคราะห์ความสาคัญของโครงสรา้ งทางสังคม การขัดเกลาทางสงั คม และการเปล่ียนแปลงทางสังคม สาระการเรยี นรู้ 1. โครงสร้างทางสงั คม 2. การขดั เกลาทางสังคม 3. การเปลยี่ นแปลงทางสงั คม 4. การแก้ปัญหาและแนวทางการพัฒนา ทางสังคม
1 ชุดการเรียนรู้ท่ี 1 เร่ือง โครงสร้างทางสังคม สาระสาคญั ….. โครงสร้างทางสังคมมีสถาบันทางสังคมเป็นส่วนสาคัญท่ีทาหน้าที่ในการขัดเกลาท างสังคมและ มสี ่วนในการแก้ปัญหาและพฒั นาสงั คม จดุ ประสงค์การเรียนรู้ 1. อธบิ ายความหมาย องค์ประกอบ หน้าที่ โครงสร้างทางสงั คมและเห็นความสาคัญในการอยู่ร่วมกัน เปน็ สังคมได้ (K) 2. วิเคราะหโ์ ครงสร้างทางสังคมและเห็นความสาคัญของการจัดระเบยี บทางสงั คมได้ (P) 3. มีวนิ ยั ใฝ่เรียนรู้ มุ่งมน่ั ในการทางาน (A)
2 แบบทดสอบก่อนเรียน คาชี้แจง 1. แบบทดสอบมีจานวน 10 ข้อ 2. คะแนนเต็ม 10 คะแนน คาส่ัง ให้นักเรียนคลิกที่ Link หรือสแกน QR Code ที่กาหนดให้เพื่อทา แบบทดสอบก่อนเรียน เม่ือนักเรียนทาเสร็จจะทราบผลคะแนนทันที https://forms.gle/fV52wEECez8zLqeE7.
3 บัตรเน้ือหาที่ 1 เร่ือง โครงสร้างทางสังคม สงั คมวทิ ยา เป็นสาชาหน่งึ ของวิชาสงั คมศาสตร์ และเป็นการศึกษาแบบแผนความสมั พนั ธข์ องมนษุ ย์ในแตส่ งั คมอย่างเป็น ระบบ หรือเป็นการศึกษาเร่ืองราวของ “มนษุ ยก์ บั สงั คม” มนษุ ย์ มนษุ ย์เป็นสตั ว์สงั คม (Social animal) เพราะมปี ฏิสมั พันธ์ทางสงั คมกัน (Social interaction) สังคมวทิ ยา คอื วชิ าท่ศี ึกษาความสมั พันธน์ ้ี โดยเน้นสนใจท่ีกฎเกณฑ์ และกระบวนการทางสงั คม จดุ เดน่ ของมนษุ ย์ : เปน็ สัตว์สังคมท่ีมีปฏิสัมพันธ์ทางสงั คมท่ซี ับซ้อนท่สี ดุ ในโลก 1. ลักษณะทางกายภาพ : ยืน 2 เทา้ ,มีสมองขนาดใหญ่ (เมอ่ื เทียบกบั ขนาดตวั ) 2. ปฎสิ มั พนั ธท์ างสงั คม : มกี ารใช้สัญลกั ษณ์ และภาษา เพอื่ สือ่ สาร 3. การจดั ระเบยี บทางสงั คม : มกี ารสร้างวฒั นธรรม กฎระเบียบทางสงั คม ความตอ้ งการพน้ื ฐานของมนษุ ย์ : มี 4 ด้าน ตามลาดบั ความตอ้ งการดังนี้ ดา้ น วตั ถปุ ระสงค์ ตวั อยา่ ง ชวี ภาพ ให้มชี ีวติ รอด อาหาร อากาศ เสื้อผ้า ที่อยูอ่ าศยั ยารักษาโรค กายภาพ ความสะดวกสบาย โทรศัพทม์ ือถอื รถยนต์ อุปกรณ์เคร่ืองมือเครื่องใช้ จติ ใจ เตมิ เต็มด้านจติ ใจ ความรกั การยกย่อง เกียรตยิ ศ ความสาเร็จ สงั คม เปน็ ทยี่ อมรับของสงั คม การบริจาด การชว่ ยเหลือ่ ผู้อ่ืน การทาความดี ความแตกตา่ งทางดา้ นการเรยี นรขู้ องมนษุ ยแ์ ละสตั ว์ มนษุ ย์ การเรยี นรู้ วฒั นธรรม ขนาดสมอง สรา้ งเปน็ สตั ว์ สญั ชาตญาณ
4 สงั คม หรอื กลมุ่ สงั คม บทบาท-หนา้ ที่ของสมาชกิ ในสงั คม ผลติ สมาชิกใหมท่ ดแทนสมาชกิ เกา่ องคป์ ระกอบของสงั คม ผลิตสินค้า-บริการให้สมาชกิ ในสงั คม 1. สมาชกิ : 2 คนขึ้นไปและระบสุ มาชิกได้ ส่ังสอนกฎเกณฑส์ ังคมให้แก่สมาชกิ 2. อาณาเขต : พนื้ ทชี่ ัดเจนและแน่นอน ควบคุมสมาชิกให้อยู่ในระเบยี บและ 3. ความสมั พนั ธ์ : อยู่ร่วมกัน – พงึ่ พากนั 4. ระยะเวลา : ยาวนานพอสมควร กฎเกณฑข์ องสงั คม โดยมีบทลงโทษ 5. การจดั ระเบยี บทางสงั คม : มีบรรทดั ฐาน ของสังคมชัดเจน มปี ระเพณี ค่านิยม โครงสรา้ งทางสงั คม คือ ระบบความสัมพันธ์ของสมาชิกทอี่ ยู่ร่วมกันในสังคม หรือระบบความสมั พันธข์ องสถาบนั ต่างๆ ในสงั คม ขณะใดขณะหน่ึง โดยมีบรรทดั ฐานเปน็ ตวั ยดึ เหนีย่ ว องคป์ ระกอบของโครงสรา้ งทางสงั คม ไดแ้ ก่ 1. กล่มุ สังคม 2. สถาบนั ทางสงั คม 3. การจดั ระเบยี บทางสังคม กลมุ่ สงั คม (Social group) คือ กลมุ่ บุคคลหนึ่งที่สมาชกิ มคี วามสมั พนั ธ์ซ่งึ กันและกนั 1. กลมุ่ ปฐมภมู ิ : กลมุ่ บคุ คลที่สมาชิกมีความสมั พนั ธ์แบบใกล้ชดิ เพมิ่ เตมิ เช่น กลุ่มครอบครวั , กลมุ่ เพื่อน การรวมตวั กันเพยี งช่วั คราว 2. กลมุ่ ทตุ ยิ ภมู ิ : กลุ่มบุคคลที่สมาชิกมคี วามสมั พันธอ์ ยา่ งเป็นทางการ โดยไมม่ ีความสัมพนั ธต์ อ่ กัน หรือเฉพาะดา้ น เช่น เพ่อื นร่วมงาน , เจา้ นายลกู จา้ ง ไมใ่ ช่กลมุ่ สงั คม เชน่ ไทยมุง องค์กร , สมาคม , สหภาพแรงงาน การชมคอนเสริ ต์ การใชร้ ถ ประจาทาง บุคคลหนง่ึ สามารถอยู่ในกล่มุ สงั คมได้หลายกลมุ่ ตารางเปรยี บเทียบลกั ษณะความสมั พนั ธข์ องกลมุ่ ปฐมภมู แิ ละทตุ ยิ ภมู ิ องคป์ ระกอบกลมุ่ สงั คม กลมุ่ ปฐมภมู ิ กลมุ่ ทตุ ยิ ภมู ิ 1. ขนาด จานวนสมาชกิ มีนอ้ ย จานวนสมาชกิ มีมาก 2. รูปแบบความสมั พนั ธ์ แบบไม่เปน็ ทางการ ไม่เนน้ พธิ กี าร แบบเป็นทางการ เน้นพธิ ีการ มี กฎระเบียบ 3. ระดับความสมั พนั ธ์ แบบใกล้ชิด สนทิ สนม เป็นส่วนตัว ปฏสิ ัมพนั ธก์ นั เฉพาะเร่อื งหน้าท่กี ารงาน 4. เครอ่ื งมอื หลกั ในการจดั วถิ ีประชา + กฎศลี ธรรม วถิ ีประชา+กฎหมาย ระเบยี บทางสงั คม 5. ตวั อยา่ งกลมุ่ สงั คม ครอบครัว เพอ่ื นบ้าน เพอื่ นสนทิ บรษิ ัท โรงงาน ทท่ี าการราชการ
5 สถาบนั ทางสงั คม (social institution) หมายถึง รปู แบบพฤตกิ รรมของสมาชกิ ในสงั คมเพือ่ สนองความต้องการร่วมกนั ในดา้ นต่าง ๆ และเพือ่ การคง อยู่ของสังคมโดยรวม แบบแผนพฤติกรรมตา่ ง ๆ เป็นไปตามบรรทัดฐานทางสังคมท่มี คี วามชัดเจนแนน่ อน และเปน็ ไป ตามวฒั นธรรมของสงั คม สถาบนั หนา้ ที่ สญั ลักษณ์ คา่ นยิ ม ผลติ เล้ียงดู อบรมสมาชกิ ใหม่ การสมรส คาสอนของครอบครัว แหวนแตง่ งาน ครอบครวั ถา่ ยทอดความรู้ วัฒนธรรม แนวคดิ ให้ โรงเรียน ปรัชญาดา้ นการศึกษา สมาชกิ ในสงั คม มหาวทิ ยาลยั คาสอนของครู อาจารย์ กระทรวง, ทบวง, กรม การศึกษา อบรมศลี ธรรมใหแ้ กส่ มาชกิ ของสงั คม ศาสนา เปน็ พนื้ ฐานของหลักจริยธรรม สัญลกั ษณข์ องแต่ละ หลักธรรมคาสอนของแต่ เป็นแบบอย่างของความประพฤติที่ดี ศาสนา ละศาสนา ใหแ้ กส่ มาชิกในสังคม มหี ลักปฏิบัตทิ ่ีถูกตอ้ งในการดาเนนิ ชวี ติ ผลติ – กระจายสินคา้ เคร่อื งหมายการค้า นโยบายทางการคา้ เพอื่ ตอบสนองความต้องการของสมาชกิ สทิ ธบิ ตั ร กลไกราคาทางเศรษฐกิจ เศรษฐกจิ การเมอื ง สร้างกฎเกณฑ์ และข้อบังคับใช้ในสังคมเพ่ือ พรรคการเมือง อดุ มการณท์ างการเมอื ง การปกครอง กอ่ ให้เกดิ ความสงบเรียบรอ้ ยภายในสังคม กระทรวง การรายงานและการ สถาบนั ถ่ายทอดขา่ วสารใหป้ ระชาชนทราบ หน่วยงานต่างๆ นาเสนอขอ้ มลู ข่าวสาร สอ่ื สารมวลชน เป็นผนู้ ามวลชนในการแสดงความคดิ เหน็ ถ่ายทอดวัฒนธรรมของแตล่ ะสังคมผา่ นสื่อ นกั ขา่ ว ประชาสมั พนั ธ์ โฆษณา ส่อื สารมวลชน เพม่ิ เติม สถาบนั ทางสังคม มลี ักษณะเป็นนามธรรม เม่อื เกิดขึน้ แลว้ จะเปล่ียนแปลงได้ยาก สถาบันครอบครวั ก่อใหเ้ กิด การขดั เกลาทางสงั คม สถาบนั ศาสนา กอ่ ให้เกดิ การควบคมุ ทางสงั คม
6 การจดั ระเบยี บทางสงั คม (social organization) หมายถงึ กระบวนการทางสังคมท่ีจัดขึ้นเพื่อควบคุมสมาชกิ ใหม้ ีความสมั พนั ธ์กนั ภายใต้แบบแผน และกฎเกณฑเ์ ดยี วกันเพอ่ื ให้เกิดความเป็นระเบียบเรียบร้อยในสงั คม กระบวนการควบคุมสมาชิกในสงั คมเพอ่ื ไม่ให้เกิด “พฤติกรรมเบย่ี งเบน (deviance)” อันจะนามาซึง่ ความเดือดร้อน แก่ สมาชิกอื่น โดยการใชบ้ ทลงโทษ หรือการควบคุมทางสังคม (social control) คา่ นยิ ม (social value) : เพ่มิ เติม ความเชอื่ ท่ีสมาชิกสว่ นใหญ่ในสงั คมเห็นว่าอะไรเปน็ สิ่งดี คา่ นยิ มมที ้ังสิง่ ท่ีดีและไมด่ ี อะไรเป็นสิ่งไมด่ ี จงึ ปฏิบัตติ ามกนั เช่น ค่านิยมใหส้ รุ าเป็นของกานนั บรรทัดฐาน (norm) : การควบคุมทางสงั คม = บทลงโทษ การกระทาหรือพฤติกรรมท่ีสมาชกิ ในสังคมใหก้ ารยอมรับ ค่านยิ ม = ความเชื่อของสงั คม และใช้เปน็ แนวทางในการปฏิบตั ิต่อกันและกนั ทาใหส้ งั คม เกดิ ความเป็นระเบียบเรยี บร้อย ไดแ้ ก่ ไมม่ กี ารควบคุมทางสงั คม (ไม่มบี ทลงโทษ) บรรทัดฐาน = กฎเกณฑข์ องสงั คม มีการควบคมุ ทางสงั คม (มีบทลงโทษ) บรรทดั ฐาน ลกั ษณะสาคญั ตวั อยา่ ง บทลงโทษ ทางสงั คม ขอ้ ควรปฏบิ ตั ใิ นสงั คม ทท่ี ากนั ด้วยความเคยชิน - คนไทยทักทายด้วยการไหว้ ไมร่ ุนแรง ไมช่ ัดเจน เช่น วถิ ปี ระชา แต่ฝร่งั จบั มอื ซุบซิบนินทา หลกี เลี่ยงไม่ (folkways) ข้อห้ามของสงั คมโดย คบค้าสมาคมดว้ ย มักจะเก่ยี วข้องกับ - การใสช่ ดุ ดาไปงานศพ จารตี (mores) ศีลธรรม - คนไทยสมัยโบราณกินข้าว กฎหมาย (laws) กฎระเบยี บขอ้ บังคบของ ด้วยมอื รัฐซงึ่ มกี ารบัญญตั ไิ ว้ อย่างชัดเจน - ศีลของแต่ละศาสนา รนุ แรง แต่ไม่เปน็ ทางการ - ความกตญั ญูตอ่ พอ่ แม่ บุพพการี ไม่ชดั เจน เช่น ดดุ า่ - การมีเพศสัมพนั ธ์กอ่ นสมรส สาปแช่ง เฆยี่ นตี - การห้ามสตรเี ขา้ พระธาตุของ รุมประชาทณั ฑ์ ไลอ่ อกไปจากชุมชน ภาคเหนอื ชดั เจน เปน็ ทางการ เชน่ ปรบั จาคุก และประหาร - มาตรา 288 ผ้ใู ดฆา่ ผูอ้ ่นื ผ้ใู ด ชวี ติ ฆ่าผอู้ ืน่ ต้องระวางโทษประหาร ชวี ิต จาคุกตลอดชีวิต หรอื จาคกุ ตง้ั แตส่ ิบห้าปถี ึงย่ีสิบปี
7 สถานภาพและบทบาท สถานภาพ (status) คือ “ฐานะ” ของบุคคลในสังคม ซง่ึ เปน็ ตัวกาหนด “บทบาท” ของบุคคลผนู้ ั้น สถานภาพไดม้ าแตก่ าเนดิ : เพศ เชื้อชาติ สัญชาติ ลาดับญาติ ภูมลิ าเนา ชนชัน้ สถานภาพไดม้ าภายหลงั : การศึกษา การสมรส อาชีพ ตาแหน่งหน้าท่กี ารงาน บทบาท (role) คือ หน้าท่ี และความรบั ผิดชอบของบุคคล อนั เกดิ จาก “สถานภาพ” ของบคุ คลนัน้ เพ่มิ เตมิ บคุ คลหนึ่งมีไดม้ ากกวา่ 1 สถานภาพ จึงตอ้ งมหี ลายบทบาทในเวลาเดียวกัน ภาวะบทบาทขดั กนั : เกดิ จากบุคคลหนง่ึ มหี ลายสถานภาพ และบทบาทของแต่ละสถานภาพขดั แยง้ กันทาให้ต้องเลอื ก ที่จะทาตามบทบาทใดบทบาทหนึง่ บคุ คล ลูก นกั เรียน สถานภาพ ลูกจา้ ง นักเรยี น เปน็ เด็กดี ต้งั ใจเรียน บทบาท ทางานทร่ี ้าน ทาการบ้าน ชว่ ยงานบา้ น บทบาทไมข่ ดั กนั ภาวะ บทบาทขัดกนั
8 “วิถีถิ่น ชีวิตคนน่าน” “รูจ้ กั น่าน” สแกนอา่ นตรงน้ีจา้ http://www.nan.go.th/webjo/attachments/091_Nan101.pdf ห้องหนังสือเมืองน่าน ออนไลน์ : http://www.nan.go.th.
9 บัตรกิจกรรมท่ี 1 เร่ือง โครงสร้างทางสังคม คาช้ีแจง 1. บัตรกิจกรรมมีจานวน 10 ข้อ 2. คะแนนเต็ม 10 คะแนน คาสั่ง ให้นักเรียนคลิกที่ Link หรือสแกน QR Code ที่กาหนดให้เพื่อทา บัตรกิจกรรม เมื่อนักเรียนทาเสร็จจะทราบผลคะแนนทันที https://forms.gle/yMqtqmR8dbGhQzJy8.
10 แบบทดสอบหลังเรียน คาชี้แจง 1. แบบทดสอบมีจานวน 10 ข้อ 2. คะแนนเต็ม 10 คะแนน คาส่ัง ให้นักเรียนคลิกที่ Link หรือสแกน QR Code ท่ีกาหนดให้เพื่อทา แบบทดสอบหลังเรียน เม่ือนักเรียนทาเสร็จจะทราบผลคะแนนทันที https://forms.gle/DjLXmkavRPXyJMe18.
11 ชุดการเรียนรู้ที่ 2 เรื่อง การขัดเกลาทางสังคม สาระสาคัญ….. โครงสร้างทางสังคมมีสถาบันทางสังคมเป็นส่วนสาคัญที่ทาหน้าท่ีในการขัดเกลาทางสังคม และมีสว่ นในการแก้ปญั หาและพฒั นาสังคม จุดประสงค์การเรียนรู้ 1. รู้และเข้าใจความหมาย องค์ประกอบ หน้าท่ี โครงสร้างทางสังคมและเห็นความสาคัญในการ อยรู่ ว่ มกันเปน็ สังคม (K) 2. วิเคราะหโ์ ครงสร้างทางสังคมและเห็นความสาคัญของการขดั เกลาทางสงั คมได้ (P) 3. มีวินยั ใฝ่เรยี นรู้ ม่งุ มั่นในการทางาน (A)
12 แบบทดสอบก่อนเรียน คาชี้แจง 1. แบบทดสอบมีจานวน 10 ข้อ 2. คะแนนเต็ม 10 คะแนน คาส่ัง ให้นักเรียนคลิกที่ Link หรือสแกน QR Code ที่กาหนดให้เพื่อทา แบบทดสอบก่อนเรียน เม่ือนักเรียนทาเสร็จจะทราบผลคะแนนทันที https://forms.gle/KSiLiG7hMLaCT7wD7.
13 บัตรเน้ือหาท่ี 2 เรื่อง การขัดเกลาทางสังคม การขดั เกลาทางสงั คม (Socialization) หมายถึง กระบวนการเรียนรกู้ ารเป็นสมาชกิ ของสงั คม โดยซึมซบั บรรทัดฐานและค่านิยมทางสงั คมมาเปน็ ของ ตนและเรียนรูใ้ นการปฏบิ ัติตนตามบทบาทหนา้ ท่ี เพือ่ ทีจ่ ะสามารถปรบั ตวั เข้ากับสังคมทีต่ น เปน็ สมาชิกอยูไ่ ด้เปน็ อยา่ งดี วธิ กี ารขดั เกลาทางสงั คมแบง่ ออกเปน็ 2 ประเภท ดงั นี้ การขดั เกลาโดยตรง : การบอกกลา่ วสง่ั สอนจากบุคคลหนึ่งยงั บุคคลหนึง่ โดยตรง เชน่ พ่อแม่สอนลกู เพ่ือนสอนเพอื่ น ครูสอนนักเรียน การขดั เกลาโดยอ้อม : บคุ คลหนง่ึ ได้เรียนรู้จากสอ่ื หรือจากการกระทาของผ้อู ื่น เช่น การทาความดีเช่นเดียวกบั ศิลปนิ ท่ีช่นื ชอบ การเลียนแบบ. วธิ ีการพูดของเพ่อื น ตวั อยา่ งการขดั เกลาทางสงั คม 1. การขดั เกลาทางสงั คมโดยทางตรง การอบรมเลยี้ งดขู องพอ่ แม่ : ต้องใช้เหตุผลในการอบรมเลี้ยงดูลูก ไมใ่ ชอ้ ารมณ์ในการ ตดั สนิ ใจ หรอื แกไ้ ขปญั หา รบั ฟังความคดิ เห็นของลูก รวมทง้ั เปิดโอกาสใหล้ ูกไดแ้ สดง ความสามารถที่ตนมอี ยู่ การอบรมสงั่ สอนของครอู าจารย์ : ครูต้องอบรมและเสริมสรา้ งทกั ษะความร้แู ละพฤติกรรมที่ ดีงามให้แกน่ ักเรยี น ฝึกฝนให้นกั เรียนได้พฒั นาศกั ยภาพอย่างรอบดา้ น ไมว่ ่าจะเป็นในเรื่อง ของการเรยี น การทากิจกรรม ตลอดจนการใชช้ วี ติ ในสงั คมอยา่ งมคี วามสุข 2. การขดั เกลาทางสงั คมโดยทางอ้อม อา่ นหนงั สอื : ชว่ ยเพ่ิมพนู ความร้ใู ห้มคี วามหลากหลาย สร้างเสริมประสบการณ์ใหม่ๆ สามารถนามาเปน็ แนวทางในการประพฤตปิ ฏิบัตติ นให้ชีวิตมีคณุ ค่าและมีระเบยี บแบบแผนท่ีดี ยิ่งข้นึ การฟงั อภปิ ราย : ชว่ ยเปดิ โลกทศั นใ์ ห้กวา้ งไกลมากขึ้น ได้รบั ฟังขอ้ มลู จากผู้มีความรู้ สามารถนาข้อคดิ ทีไ่ ดม้ าปรับใชใ้ ห้เกดิ ประโยชน์ได้ การทากจิ กรรมกลมุ่ : ชว่ ยให้เกดิ การแลกเปลย่ี นเรยี นรู้ซ่ึงกันและกนั เสริมสร้างความสามคั คี ในหมคู่ ณะรู้จกั เสียสละเพือ่ ใหก้ ิจกรรมท่ีทานั้นประสบความสาเร็จสูงสุด
14 องคก์ รทท่ี าหนา้ ทใ่ี นการขดั เกลาทางสงั คม ครอบครวั เป็นองค์กรท่ีมีบทบาทสาคญั มาก ซง่ึ จะทาหนา้ ท่อี บรมสงั่ สอนสมาชกิ ใหเ้ ปน็ พลเมอื งดี ปฏบิ ตั ิ ตามกฎเกณฑท์ ีส่ ังคมกาหนด โรงเรยี น เปน็ องค์กรที่ทาหนา้ ที่เสริมสร้างความรู้ ความสามารถ ตลอดจนการปรบั ตัวในการใช้ชวี ติ ใน สังคม สถาบนั ศาสนา เปน็ องคก์ รทีท่ าหนา้ ทถี่ า่ ยทอดแนวทางการดาเนนิ ชวี ติ ใหแ้ กส่ มาชิกในสงั คม มงุ่ เน้นให้คน กระทาความดี ละเวน้ ความชั่ว กลมุ่ เพอ่ื น เปน็ องค์กรทท่ี าหน้าทข่ี ัดเกลาทางสังคมอีกหน่วยหนึ่ง ในความเช่อื และคา่ นิยมเฉพาะกลุ่ม ตนเอง อาจแตกต่างกนั ออกไปตามลกั ษณะกลมุ่ เชน่ การแตง่ กาย กลุ่มเดียวกันกจ็ ะแตง่ กาย คลา้ ยๆ กัน สอ่ื มวลชน เป็นองคก์ รที่ทาหนา้ ทีถ่ ่ายทอดขา่ วสารความรู้ ศลิ ปะ ประเพณี รวมทัง้ กฎระเบียบทางสังคม ไปยงั สมาชิกของสงั คมทุกหมู่เหลา่
15 “วิถีถ่ิน ชีวิตคนน่าน” “รูจ้ ักคนน่าน” สแกนอ่านตรงน้ี จา้ http://www.nan.go.th/webjo/attachments/091_Nan102.pdf ห้องหนังสือเมืองน่าน ออนไลน์ : http://www.nan.go.th.
บัตรกิจกรรมท่ี 2 16 เร่ือง การขัดเกลาทางสังคม คาชี้แจง 1. บัตรกิจกรรมมีจานวน 15 ข้อ 2. คะแนนเต็ม 15 คะแนน คาสั่ง ให้นักเรียนคลิกที่ Link หรือสแกน QR Code ท่ีกาหนดให้เพื่อทา บัตรกิจกรรม เมื่อนักเรียนทาเสร็จจะทราบผลคะแนนทันที https://forms.gle/L6oKbsyodvewb83C9.
17 แบบทดสอบหลังเรียน คาชี้แจง 1. แบบทดสอบมีจานวน 10 ข้อ 2. คะแนนเต็ม 10 คะแนน คาส่ัง ให้นักเรียนคลิกที่ Link หรือสแกน QR Code ท่ีกาหนดให้เพื่อทา แบบทดสอบหลังเรียน เมื่อนักเรียนทาเสร็จจะทราบผลคะแนนทันที https://forms.gle/Y4BieFYpyepJudXH8.
18 ชุดการเรียนรู้ท่ี 3 เรื่อง การเปล่ียนแปลงทางสังคม สาระสาคัญ….. สังคมไทยมีการเปล่ียนแปลงไปตามกระแสโลกาภิวัตน์ ซ่ึงมีผลทั้งทางบวกและทางลบ ซ่ึงผลกระทบทางลบอาจก่อให้เกิดปัญหาสังคมตามมา ดังน้ันประชาชนทุกคนต้องร่วมกันแก้ไขและ ชว่ ยกันสรา้ งแนวทางในการพัฒนาสังคม เพ่อื สรา้ งรากฐานทางสงั คมทเ่ี ขม้ แข็ง จุดประสงค์การเรียนรู้ 1. อธิบายสาเหตุและปจั จยั ท่กี อ่ ให้เกดิ การเปลย่ี นแปลงในสังคม (K) 2. เขียนวิเคราะหป์ จั จยั ที่กอ่ ให้เกิดการเปลยี่ นแปลงในสังคม (P) 3. มีวินยั ใฝเ่ รียนรู้ มุง่ ม่ันในการทางาน (A)
19 แบบทดสอบก่อนเรียน คาชี้แจง 1. แบบทดสอบมีจานวน 10 ข้อ 2. คะแนนเต็ม 10 คะแนน คาส่ัง ให้นักเรียนคลิกที่ Link หรือสแกน QR Code ท่ีกาหนดให้เพื่อทา แบบทดสอบก่อนเรียน เม่ือนักเรียนทาเสร็จจะทราบผลคะแนนทันที https://forms.gle/nmMvuxgzbGeUX2hz9.
20 บัตรเนื้อหาที่ 3 เรื่อง การเปล่ียนแปลงทาง สังคม การเปล่ียนแปลงทางสงั คม หมายถึง การเปล่ยี นแปลงระเบยี บของสงั คมในการกระทาในเรือ่ งต่างๆ ซึ่งเป็นการเปลยี่ นแปลงทีเ่ กีย่ วข้องกบั ความสัมพันธแ์ ละแบบแผนความประพฤตขิ องสมาชิกในสงั คมท่ีแตกต่างไปจากเดิม เชน่ การเปลี่ยนวตั ถสุ งิ่ ของทใ่ี ช้ การ เปลี่ยนแปลงความคิดความเชอ่ื เปน็ ตน้ การเปลย่ี นแปลงทางสงั คมของสงั คมไทยตง้ั แตอ่ ดตี จนถงึ ปจั จบุ นั การเปล่ียนแปลงทางสังคมนับต้ังแต่สมัยสุโขทัยจนถึงก่อนสมัยรัชกาลที่ 4 คนไทยมีวิถีชีวิตท่ีเรียบง่าย เริ่มมี การติดต่อค้าขายกับต่างชาติ มีการเปล่ียนแปลงทางสังคมอย่างค่อยเป็นค่อยไป จนกระทั่งสังคมไทยได้รับอิทธิพลจาก อารยธรรมตะวันตกมากยิ่งข้ึนในสมัยรัชกาลท่ี 4 ทาให้เกิดการเปล่ียนแปลงทางสังคมอย่างรวดเร็ว ต่อมาได้มีการ ปฏิรูปการปกครองในสมัยรัชกาลท่ี 5 ทาให้สงั คมไทยเกิดการเปล่ียนแปลงแทบแทบทุกด้าน เช่น ด้านเศรษฐกิจ ด้าน การปกครอง ดา้ นการศกึ ษา ด้านเทคโนโลยี เมื่อกล่าวถึงการเปลี่ยนแปลงทางสังคมในสมัยปัจจุบัน จะเห็นได้ว่ามีการเปล่ียนแปลงเกือบทุกด้านโดยเฉพาะ หลังจากที่ประเทศไทยได้ประกาศใช้แผนพัฒนาเศรษฐกิจและสังคมแห่งชาติ ตั้งแต่ พ.ศ. 2504 สมัยจอมพลสฤษดิ์ ธนะรัชต์ เป็นต้นมา ทีท่ าใหก้ ารเปล่ยี นแปลงของสงั คมไทยมีการกาหนดทศิ ทาง เปา้ หมาย และแบบแผนมากข้ึน ปจั จัยทก่ี อ่ ใหเ้ กดิ การเปลีย่ นแปลงในสงั คม ปจั จยั ภายใน : เช่น การประดิษฐ์คิดคน้ สิ่งของใหมๆ่ การเปลี่ยนแปลงสภาพแวดล้อมทางธรรมชาติ เศรษฐกิจ เป็นต้น ซึ่งมีผลต่อทางสงั คมมาก เพราะเทคโนโลยีใหม่ๆ ทาให้สะดวกสบาย ตดิ ต่อสอ่ื สารได้เร็วขนึ้ ผลติ สินคา้ ไดใ้ น ปริมาณท่มี ากขึ้น เกิดการเปลี่ยนแปลงโครงสรา้ งทางประชากรและอาจก่อให้เกดิ การเปลย่ี นแปลงโครงสรา้ งครอบครวั และสังคมในลาดบั ต่อไป ปจั จยั ภายนอก : ปจั จบุ ันมีการแพร่กระจายและการรับวฒั นธรรมของสงั คมอื่นมาใช้กนั มาก ตวั อยา่ งเช่นการ นาระบบโรงเรียนมาใชแ้ ทนการเรียนรจู้ ากครอบครวั หรือวัดเช่นในอดตี หรอื การรบั วฒั นธรรมดา้ นเครื่องแต่งกาย อาหาร ยารักษาโรค และเครอื่ งมือสื่อสารจากสงั คมอ่ืนมาใช้จนทาใหเ้ กิดการเปลี่ยนแปลงทางสังคมขึ้นมากมายใน ปัจจบุ ัน
21 รปู แบบการเปลย่ี นแปลงทางสงั คม การเปลี่ยนแปลงทางสังคมที่เกดิ ขึ้นน้ัน มีสาเหตุท่ีสาคัญมาจากการเปลี่ยนแปลงที่เป็นไปตามธรรมชาติประการ หน่ึง กับการเปล่ียนแปลงท่ีเกิดขึ้นจากมนุษย์เป็นผู้กระทาอีกประการหนึ่ง แต่ในกระบวนการของการเปลี่ยนแปลง สามารถทาให้เกิดรูปแบบของการเปล่ียนแปลง 2 แบบ ดังน้ี 1) การเปล่ียนแปลงแบบเส้นตรง เป็นการเปล่ียนแปลงทางสังคมที่กล่าวว่า ทุกสังคมจะมีวิวัฒนาการ แบบเดียวกันตลอด โดยเปลี่ยนแปลงจากสังคมที่มีความเจริญของอารยธรรมข้ันต่าไปสู่สังคมท่ีมีความเจริญของอารย ธรรมระดบั ขนั้ สงู ตอ่ ไป 2) การเปล่ียนแปลงแบบวัฏจักร เป็นการเปลี่ยนแปลงทางสังคมท่ีไม่มีความสม่าเสมอ สังคม จะมี จุดเริ่มต้น จากน้ันจึงเจริญก้าวหน้าขึ้นเร่ือย ๆ จนถึงท่ีสุดก็จะเส่ือมสลายไป ซ่ึงการเปล่ียนแปลงลักษณะนี้ เมื่อสังคม มีความเจริญถึงจุดสูงสุดแล้ว จะค่อย ๆ เสื่อมสลายลงโดยไม่ได้สูญหายไป แต่จะมีการปรับปรุงและเจริญข้ึนมาใหม่ เชน่ สังคมของกรีก อียปิ ต์ จีน อินเดีย อปุ สรรคในการเปลยี่ นแปลงทางสงั คม การเปลี่ยนแปลงทางสังคมอาจไม่ได้รับการยอมรับเสมอไป การเปลี่ยนแปลงบางอย่างอาจได้รับการยอมรับ เพยี งบางสว่ น หรอื บางอย่างอาจไมไ่ ดร้ บั การยอมรบั เลย ซึ่งอปุ สรรคในการเปลย่ี นแปลงทางสงั คมอาจสรปุ ได้ดังน้ี 1) การเห็นประโยชน์ของการเปล่ียนแปลง การเปลี่ยนแปลงจะไม่ได้รับการยอมรับ หากสมาชิกใน สงั คมไมเ่ ห็นคุณคา่ หรือประโยชน์ของการเปลี่ยนแปลงนั้น ซึ่งการเปล่ยี นแปลงบางอย่างเกิดข้นึ จากการทดลอง เช่น การ สื่อสารดาวเทียม แต่บางเร่อื งก็ไม่สามารถนามาทดลองได้ เชน่ วัฒนธรรม และความเชือ่ เกยี่ วกับภูตผปี ีศาจ วิญญาณ สงั คมจะยอมรับการเปล่ยี นแปลง เมือ่ สิ่งตา่ ง ๆ เหล่านั้นแสดงให้เห็นถงึ คณุ ประโยชน์ท่มี ีต่อสังคม 2) ความสอดคล้องกับวัฒนธรรมเดมิ สังคมจะยอมรับการเปลย่ี นแปลงที่เกิดขึน้ เม่ือการเปลี่ยนแปลง น้ันมีความสอดคล้องกับวัฒนธรรมเดิม หรือช่วยให้สังคมพัฒนาดีข้ึน โดยการเปลี่ยนแปลงนั้นต้องไม่ขัดต่อวัฒนธรรม ทม่ี อี ยเู่ ดมิ ของสังคม 3) กลุ่มรักษาผลประโยชน์ กลุ่มท่ีรักษาผลประโยชน์จะคัดค้านการเปล่ียนแปลง ถ้าพบว่าการ เปล่ียนแปลงนั้นทาให้เสียผลประโยชน์ แต่ในทางตรงกันข้ามจะให้การสนับสนุน ถ้าพบว่าการเปล่ียนแปลงน้ันเป็น ประโยชน์
22 “วิถีถิ่น ชีวิตคนน่าน” “วฒั นธรรม ประเพณี เมอื งน่าน” สแกนอ่านตรงนี้ จา้ http://www.nan.go.th/webjo/attachments/091_Nan103.pdf ห้องหนังสือเมืองน่าน ออนไลน์ : http://www.nan.go.th.
23 บัตรกิจกรรมท่ี 3 เร่ือง การเปลี่ยนแปลงทางสังคม คาช้ีแจง 1. บัตรกิจกรรมมีจานวน 9 ข้อ 2. คะแนนเต็ม 20 คะแนน คาสั่ง ให้นักเรียนคลิกที่ Link หรือสแกน QR Code ท่ีกาหนดให้เพื่อทา บัตรกิจกรรม เมื่อนักเรียนทาเสร็จจะทราบผลคะแนนทันที https://forms.gle/BpAPmCxVC3a8dEct6.
24 แบบทดสอบหลังเรียน คาชี้แจง 1. แบบทดสอบมีจานวน 10 ข้อ 2. คะแนนเต็ม 10 คะแนน คาส่ัง ให้นักเรียนคลิกที่ Link หรือสแกน QR Code ท่ีกาหนดให้เพื่อทา แบบทดสอบหลังเรียน เม่ือนักเรียนทาเสร็จจะทราบผลคะแนนทันที https://forms.gle/oiCndFj1cj3bxZQo9.
25 ชุดการเรียนรู้ท่ี 4 เรื่อง การแก้ปัญหาและแนวทางพัฒนาสังคม สาระสาคัญ….. สังคมไทยมีการเปลี่ยนแปลงไปตามกระแสโลกาภิวัตน์ ซ่ึงมีผลทั้งทางบวกและทางลบ ซึ่งผลกระทบทางลบอาจก่อให้เกิดปัญหาสังคมตามมา ดังน้ันประชาชนทุกคนต้องร่วมกันแก้ไขและ ช่วยกันสร้างแนวทางในการพัฒนาสังคม เพ่อื สร้างรากฐานทางสังคมทีเ่ ขม้ แขง็ จุดประสงคก์ ารเรยี นรู้ 1. อธบิ ายสาเหตุของการเกดิ ปัญหาสังคมไทยได้ (K) 2. เขียนวิเคราะหแ์ นวทางการแกไ้ ขปัญหา และพฒั นาทางสังคมไทยได้ (P) 3. มวี ินยั ใฝ่เรยี นรู้ มงุ่ มนั่ ในการทางาน (A)
26 แบบทดสอบก่อนเรียน คาชี้แจง 1. แบบทดสอบมีจานวน 10 ข้อ 2. คะแนนเต็ม 10 คะแนน คาส่ัง ให้นักเรียนคลิกที่ Link หรือสแกน QR Code ท่ีกาหนดให้เพื่อทา แบบทดสอบก่อนเรียน เม่ือนักเรียนทาเสร็จจะทราบผลคะแนนทันที https://forms.gle/yRYaK4mNpRUAyi6C8.
27 บัตรเน้ือหาท่ี 4 เร่ือง การแก้ปัญหาและแนวทางพัฒนาสังคม ปัญหาสงั คมไทย ความเจริญก้าวหน้าทางเทคโนโลยีและการรับวัฒนธรรมต่าง ๆ เข้ามาในสังคม ส่งผลให้เกิดการเปล่ียนแปลง ทางสงั คมมากมาย ซึง่ อาจเป็นการเปลยี่ นแปลงทง้ั ในดา้ นทีด่ ี และดา้ นที่ไม่ดี หรือ ที่เรียกวา่ “ปัญหาสงั คม” ปญั หาสงั คม หมายถึง สภาวการณ์ทางสังคมท่ีคนส่วนใหญ่ในสังคมเห็นว่าเป็นส่ิงท่ีไม่ดีไม่เป็นที่พึงปรารถนาโดยส่วนรวม จาเปน็ ต้องมีนโยบาย หรือโครงการแก้ไขที่สามารถแก้ไขหรอื ขจดั ให้หมดไปได้ ตวั อยา่ งปัญหาสงั คมไทยทส่ี าคญั สรปุ ไดด้ งั น้ี ปญั หาสงั คมไทย สภาพปญั หา แนวทางแกไ้ ขและการพฒั นา ทางสงั คม 1. ปญั หาความยากจน 1. ค่าครองชีพที่สูงข้ึนอย่างตอ่ เนือ่ ง 2. ประชาชนมีการศึกษาระดบั ตา่ 1. จดั สวัสดกิ ารเรอ่ื งการรักษาให้ 3. มีความเหล่ือมลา้ ทางรายได้ ประชาชน 2. จัดการศึกษาใหแ้ ก่ประชาชนอย่าง ทัว่ ถงึ 3. ให้มหี ลกั ประกันสังคมของกลุ่ม อาชพี ต่าง ๆ 4. มกี ิจกรรมประชาสงเคราะห์ 1. มกี ารผลติ สารเสพตดิ ทั้ง ใน 1. ออกกฎหมายเพม่ิ โทษและ 2. ปญั หายาเสพตดิ ประเทศ และลกั ลอบนาเขา้ จาก ปราบปรามอยา่ งจริงจงั ต่างประเทศ 2. ให้การศกึ ษาแก่เยาวชน 2. เจ้าหน้าทร่ี ฐั เข้าไปมีผลประโยชน์ ประชาชนทั่วไป ในเร่อื งสารเสพติด และมสี ่วนเกยี่ วข้องกบั การค้าสารเสพ 3. สร้างครอบครวั ให้เขม้ แข็ง ให้ ตดิ ทาใหก้ ารปอ้ งกนั และ สมาชิกไดร้ ับความรกั ความอบอนุ่ ปราบปรามไม่ไดผ้ ล 4. สร้างจิตสานึกในการรบั ผดิ ชอบ 3. ครอบครัวไมอ่ บอุ่น ขาดความรัก ต่อสงั คมของบคุ คล เพอื่ ใหเ้ กิดการ ของบุคคล เลิกผลติ เลิกเสพ 4. สภาพแวดล้อมในสงั คมท่ไี ม่ เหมาะสม เช่น แหล่งอบายมุข
28 ปญั หาสงั คมไทย สภาพปญั หา แนวทางแกไ้ ขและการพฒั นา ทางสงั คม 1. การมุง่ ขยายความเจริญเตบิ โตทาง 1. ใหค้ วามรเู้ รือ่ งการอนุรักษ์ 3. ปญั หาสงิ่ แวดลอ้ ม เศรษฐกิจ เพือ่ กระตนุ้ การบริโภค สงิ่ แวดลอ้ ม เชน่ มลภาวะเปน็ พษิ ทาให้เกดิ ส่งิ แวดล้อมเปน็ พิษจาก 2. ออกกฎหมายใชม้ าตรการบงั คบั ภาคอตุ สาหกรรม อย่างมปี ระสทิ ธิภาพ 2. ค่านิยมในการบรโิ ภคท่ีเกินพอดี 3. สร้างจิตสานกึ ใหช้ ุมชนดูแลกันเอง ของประชาชน เมอื่ พบเห็นการกระทาท่ผี ดิ กฎหมาย 3. การใชส้ ารเคมใี นการผลิตภาค ควรแจ้งเจ้าหน้าที่ การเกษตร 4. พัฒนาบุคคลใหร้ จู้ ักสร้างสมดุล ของสมาชิกใน 1. เกิดจากความโลภ ความตอ้ งการ 1. ภาครฐั ควรมีบทลงโทษทาง 4. ปญั หาการทุจรติ ความอยากได้ ความบริโภคทเี่ กิน กฎหมายที่เข้มงวดเกย่ี วกับการทุจรติ พอดี 2, พ่อแมค่ วรปลูกฝังค่านยิ มทีด่ ี เนน้ 2. การเห็นตวั เหน็ แกป่ ระโยชนส์ ว่ น ความซอื่ สตั ยส์ จุ รติ ให้แก่บตุ รหลาน ตนมากกวา่ ประโยชน์ส่วนรวม 3. องคก์ รทุกภาคส่วนควรตระหนัก 3. การขาดจติ สานึกทางศลี ธรรมและ ถงึ ความสาคญั และเปน็ ตัวอยา่ งทด่ี ี การไม่เกรงกลัวกฎหมาย ในการแกไ้ ขปัญหาการทุจริตอย่าง เปน็ ระบบ 1. สังคมมีจานวนสมาชิกหรือจานวน 1. ใหเ้ กยี รตกิ ันในครอบครัวหนั หนา้ 5. ปญั หาความรนุ แรง ประชากรเพมิ่ มากข้นึ อยา่ งรวดเรว็ ปรกึ ษากันท้ังทางด้านการเงิน การ ในครอบครวั และสงั คม 2. คนในสงั คมต้องแขง่ ขันกันในด้าน เรยี น การดาเนินชวี ิต และทางด้าน ต่างๆ จนเกิดความเครยี ด จติ ใจ 3. อยู่ในสภาพสังคมท่เี น้นวตั ถนุ ิยม 2. ขอความรว่ มมอื จากองค์กรทั้ง ขาดการยบั ยั้งชงั่ ใจและการควบคุม ภาครัฐและเอกชนเข้าไปรณรงค์การ อารมณ์ให้มีสติ ต่อตา้ นการใช้ความรนุ แรง 3. การสรา้ งความสมานฉนั ทใ์ น สงั คม ทากจิ กรรมร่วมกัน รู้จักการ พ่งึ พาอาศยั กัน สังคมไทยก็เป็นเช่นเดียวกับสังคมอ่ืนๆ ท่ัวโลกท่ีมีปัญหา เพราะทุกสังคมมีการเปลี่ยนแปลงมีคนกระทา พฤติกรรมเบี่ยงเบนความสัมพันธ์ และสถาบนั ทางสังคมทาหน้าที่ไม่ครบสมบูรณ์ซ่งึ ส่ิงเหลา่ นเี้ ปน็ ปัจจัยพ้ืนฐานทาใหเ้ กิด ปัญหาสังคมได้ ปัญหาสงั คมอาจมีความรนุ แรงและสง่ ผลกระทบต่อสังคมในระดับและขอบเขตท่ตี ่างกัน เช่น ระดับชุมชน ระดบั ประเทศ และระดับโลก เป็นต้น การแก้ปญั หาและพัฒนาสังคมควรดาเนินไปอย่างต่อเน่อื ง โดยความร่วมมือของ สมาชิกในสังคม เพื่อความมีประสิทธิภาพ เม่ือสังคมได้รับการพัฒนาให้มีความเจริญก้าวหน้าจะส่งผลต่อความ เจริญก้าวหน้าของประเทศในดา้ นอน่ื ๆ ต่อไป
29 “วิถีถิ่น ชีวิตคนน่าน” “อาหารพื้นบา้ น-ผลไมพ้ ื้นเมอื ง” สแกนอา่ นตรงน้ีจา้ http://www.nan.go.th/webjo/attachments/091_Nan102.pdf ห้องหนังสือเมืองน่าน ออนไลน์ : http://www.nan.go.th.
30 บัตรกิจกรรมท่ี 4 เร่ือง การแก้ปัญหาและแนวทางพัฒนาสังคม คาช้ีแจง 1. บัตรกิจกรรมมีจานวน 3 ข้อ 2. คะแนนเต็ม 10 คะแนน คาสั่ง ให้นักเรียนคลิกที่ Link หรือสแกน QR Code ที่กาหนดให้เพื่อทา บัตรกิจกรรม เมื่อนักเรียนทาเสร็จจะทราบผลคะแนนทันที https://forms.gle/vKm176FUTEusxkJ77.
31 แบบทดสอบหลังเรียน คาชี้แจง 1. แบบทดสอบมีจานวน 10 ข้อ 2. คะแนนเต็ม 10 คะแนน คาส่ัง ให้นักเรียนคลิกที่ Link หรือสแกน QR Code ท่ีกาหนดให้เพื่อทา แบบทดสอบหลังเรียน เม่ือนักเรียนทาเสร็จจะทราบผลคะแนนทันที https://forms.gle/fV52wEECez8zLqeE7.
32 บรรณานุกรม ถนมิ สนทิ ใจ. (2558). เกง็ ขอ้ สอบหนา้ ทพี่ ลเมอื ง วฒั นธรรม และการดาเนนิ ชวี ติ ในสงั คม ม. 4-6. กรงุ เทพฯ : บริษทั แม็คแอด็ ดเู คชน่ั จากัด. สถาบนั พฒั นาคุณภาพวชิ าการ. (2558). หนา้ ทพี่ ลเมอื ง วฒั นธรรม และการดาเนนิ ชวี ติ ในสงั คม. กรุงเทพฯ. สานกั งานคณะกรรมการการศึกษาข้นั พ้นื ฐาน. (2551). หลักสตู รแกนกลางการศกึ ษาขนั้ พนื้ ฐาน พทุ ธศกั ราช 2551. กรงุ เทพฯ. : โรงพิมพ์คุรุสภาลาดพร้าว. ห้องหนงั สอื เมอื งน่าน. (2563). เทศกาล งานประเพณี ดนตรพี นื้ บา้ น. สบื คน้ เมอื่ 17 กรกฎาคม 2563, จาก http://www.nan.go.th. ห้องหนงั สือเมอื งน่าน. (2563). รจู้ ักคนนา่ น. สบื คน้ เม่ือ 17 กรกฎาคม 2563, จาก http://www.nan.go.th. หอ้ งหนังสือเมืองนา่ น. (2563). รูจ้ ักนา่ น. สบื ค้นเม่ือ 17 กรกฎาคม 2563, จาก http://www.nan.go.th. ห้องหนงั สอื เมอื งน่าน. (2563). อาหารพนื้ บา้ น ผลไมพ้ น้ื เมอื ง. สบื ค้นเมือ่ 17 กรกฎาคม 2563, จาก http://www.nan.go.th.
Search
Read the Text Version
- 1 - 39
Pages: