Important Announcement
PubHTML5 Scheduled Server Maintenance on (GMT) Sunday, June 26th, 2:00 am - 8:00 am.
PubHTML5 site will be inoperative during the times indicated!

Home Explore วิจัย264

วิจัย264

Published by golfzap, 2022-09-22 17:08:15

Description: วิจัย264

Search

Read the Text Version

การพฒั นาเอกสารประกอบการเรยี น เรื่องออกแบบและเขียนโปรแกรมในการแกป้ ัญหา ดว้ ยกระบวนการเรยี นรูแ้ บบ GPAS 5 Steps รายวชิ าการออกแบบและวิทยาการคานวณ 2 รหสั วิชา ว22141 กลมุ่ สาระการเรยี นรวู้ ิทยาศาสตรแ์ ละเทคโนโลยี สาหรับนกั เรยี นชั้นมัธยมศึกษาปีท่ี 2 โรงเรียนนครไตรตรึงษ์ ของ นางสาวกิตยิ าภรณ์ ปอ้ มคา ตาแหน่งครู อันดบั คศ.3 โรงเรียนนครไตรตรงึ ษ์ สานักงานเขตพนื้ ทกี่ ารศึกษามัธยมศกึ ษากาแพงเพชร สานกั งานคณะกรรมการการศกึ ษาขน้ั พ้ืนฐานกระทรวงศึกษาธิการ

บทคัดย่อ หวั ข้องานวจิ ัย การพฒั นาเอกสารประกอบการเรยี น เร่ืองออกแบบและเขียนโปรแกรมใน การแกป้ ัญหา ด้วยกระบวนการเรียนรู้แบบ GPAS 5 Steps รายวชิ าการ ผู้วิจัย ออกแบบและวทิ ยาการคานวณ 2 รหัสวชิ า ว22141 กลุ่มสาระการเรียนรู้ ปกี ารศึกษา วิทยาศาสตร์และเทคโนโลยี สาหรบั นักเรยี นชน้ั มธั ยมศึกษาปที ่ี 2 โรงเรยี น นครไตรตรึงษ์ นางสาวกติ ิยาภรณ์ ป้อมคา 2565 การวิจัยครง้ั นีม้ ีจุดมุ่งหมายเพื่อ 1) เพอื่ การพฒั นาเอกสารประกอบการเรียน เรื่องออกแบบและเขียน โปรแกรมในการแกป้ ัญหา ดว้ ยกระบวนการเรียนรู้แบบ GPAS 5 Steps รายวิชาการออกแบบและวทิ ยาการ คานวณ 2 รหัสวิชา ว22141 กลมุ่ สาระวทิ ยาศาสตรแ์ ละเทคโนโลยี สาหรบั นักเรยี นชัน้ มธั ยมศกึ ษาปีท่ี 2 โรงเรียนนครไตรตรงึ ษ์ ใหม้ ีประสิทธิภาพตามเกณฑ์ 80/80 2) เพ่ือเปรียบเทียบผลสัมฤทธ์ิทางการเรยี น กอ่ นเรยี นและหลงั เรียน ของนกั เรยี นทไี่ ด้รับการสอนโดยใช้เอกสารประกอบการเรียน เรอื่ งออกแบบและเขียน โปรแกรมในการแกป้ ัญหา ด้วยกระบวนการเรยี นรู้แบบ GPAS 5 Steps รายวชิ าการออกแบบและวิทยาการ คานวณ 2 รหัสวชิ า ว22141 กล่มุ สาระวทิ ยาศาสตร์และเทคโนโลยี สาหรบั นกั เรยี นชน้ั มธั ยมศกึ ษาปีที่ 2 โรงเรียนนครไตรตรึงษ์ เครือ่ งมอื ท่ีใชใ้ นการวิจัยมี 2 ฉบบั คอื 1) เพ่ือการพฒั นาเอกสารประกอบการเรียน เรื่องออกแบบและ เขยี นโปรแกรมในการแก้ปัญหา ดว้ ยกระบวนการเรียนร้แู บบ GPAS 5 Steps รายวิชาการออกแบบและ วิทยาการคานวณ 2 รหสั วชิ า ว22141 กลุ่มสาระวทิ ยาศาสตรแ์ ละเทคโนโลยี สาหรับนกั เรยี นชน้ั มัธยมศึกษา ปที ่ี 2 โรงเรียนนครไตรตรึงษ์ ซ่งึ มปี ระสทิ ธิภาพ 81.45/83.79 2) แบบทดสอบวัดผลสัมฤทธท์ิ างการเรียน ซึง่ เป็นแบบปรนัยชนิด 4 ตัวเลือก จานวน 20 ข้อ ซึง่ มีความตรงเชงิ เน้อื หา มีคา่ ความยากงา่ ยอย่รู ะหว่าง 0.58 – 0.79 มคี า่ อานาจจาแนกอยู่ระหวา่ ง 0.25 – 0.50 และมีค่าความเท่ียงเทา่ กบั 0.90 กลมุ่ ตวั อย่างท่ใี ชใ้ นการทดลอง ไดแ้ ก่ ชน้ั มัธยมศึกษาปีที่ 2/2 โรงเรียนนครไตรตรงึ ษ์ จงั หวัดกาแพงเพชร จานวน 33 คน ซงึ่ ได้มาจากการสุม่ กลุ่มตวั อย่างด้วยการเลือกกลมุ่ ตวั อยา่ งแบบเจาะจง ( Purposive sampling )

ผลการวจิ ยั พบว่า 1) การพฒั นาเอกสารประกอบการเรียน เรอ่ื งออกแบบและเขียนโปรแกรมในการแกป้ ัญหา ดว้ ย กระบวนการเรยี นรู้แบบ GPAS 5 Steps รายวชิ าการออกแบบและวิทยาการคานวณ 2 รหัสวิชา ว22141 กลุ่มสาระวทิ ยาศาสตรแ์ ละเทคโนโลยี สาหรับนกั เรยี นชนั้ มธั ยมศกึ ษาปีท่ี 2 โรงเรียนนครไตรตรึงษ์ ท่ผี วู้ ิจยั สร้างข้นึ มปี ระสิทธิภาพ 81.45/83.79 ซึง่ เปน็ ไปตามเกณฑท์ ่กี าหนดไว้ 80/80 2) นักเรยี นท่ีไดร้ บั การสอนโดยใช้เอกสารประกอบการเรียน เร่อื งออกแบบและเขยี นโปรแกรมใน การแก้ปัญหา ดว้ ยกระบวนการเรยี นรู้แบบ GPAS 5 Steps รายวชิ าการออกแบบและวิทยาการคานวณ 2 รหสั วชิ า ว22141 กลมุ่ สาระวทิ ยาศาสตรแ์ ละเทคโนโลยี สาหรับนักเรียนชั้นมัธยมศึกษาปที ่ี 2 โรงเรยี นนคร ไตรตรงึ ษ์ มีผลสัมฤทธ์ิทางการเรยี นหลงั เรียนสูงกว่ากอ่ นเรียน อย่างมนี ัยสาคัญทางสถิติท่ีระดบั .05

บทที่ 1 บทนำ ควำมเป็นมำและควำมสำคัญของปัญหำ พระราชบญั ญตั ิการศึกษาแหง่ ชาติ พ.ศ. 2542 มาตรา 22 กาหนดแนวทางในการจดั การศกึ ษาไวว้ า่ การจัดการศึกษาต้องยึดหลกั วา่ ผเู้ รียนทกุ คนมีความสามารถเรยี นรู้และพัฒนาตนเองได้ และถือวา่ ผเู้ รียนมีความสาคัญท่ีสดุ ฉะน้นั ครูผ้สู อน และผู้จัดการศึกษาจะตอ้ งเปลีย่ นแปลงบทบาทจาก การเป็นผูช้ นี้ า ผ้ถู ่ายทอดความรู้ ไปเปน็ ผู้ช่วยเหลือ ส่งเสริม และสนบั สนุนผ้เู รียนในการแสวงหาความรู้ จากส่ือและแหลง่ เรยี นรูต้ า่ ง ๆ และให้ข้อมลู ที่ถูกต้องแก่ผู้เรียน เพอื่ นาขอ้ มลู เหล่านน้ั ไปใช้สรา้ งสรรค์ ความรูข้ องตน หลกั สตู รการศึกษาขั้นพื้นฐาน พ.ศ. 2551 ม่งุ พฒั นาคนไทยใหเ้ ป็นมนุษย์ท่ีสมบรู ณ์ เปน็ คนดี มปี ัญญา มีความสุข และมคี วามเป็นไทย มีศกั ยภาพในการศึกษาตอ่ และประกอบอาชีพ โครงสร้างหลักสตู รการศึกษาขน้ั พนื้ ฐาน ประกอบดว้ ยสาระการเรยี นรู้ 8 กลมุ่ เปน็ พนื้ ฐานสาคญั ท่ี ผเู้ รียนทุกคนต้องเรียนรู้ โดยอาจแบ่งได้เป็น 2 กลุ่ม คือ กลมุ่ แรกเปน็ สาระการเรยี นรู้ท่ีตอ้ งใชเ้ ป็น หลักในการจัดการเรยี นการสอน เพอ่ื สร้างพน้ื ฐานการคิดและเป็นกลยุทธ์ในการแกป้ ญั หาและวิกฤต ของชาติ ประกอบดว้ ย ภาษาไทย คณิตศาสตร์ วิทยาศาสตร์และเทคโนโลยี และสังคมศึกษา ศาสนาและวัฒนธรรม กลมุ่ ท่ีสอง เป็นสาระการเรยี นรู้ท่เี สรมิ สรา้ งพ้นื ฐานความเป็นมนุษย์ และ ศกั ยภาพในการคิดและการทางานอยา่ งสรา้ งสรรค์ ประกอบด้วย สุขศึกษาและพลศึกษา ศลิ ปะ การงานอาชพี และภาษาตา่ งประเทศ (กระทรวงศกึ ษาธิการ 2545 : 4–5) การจัดการเรยี นรูใ้ นกลมุ่ สาระการเรยี นรู้วทิ ยาศาสตร์และเทคโนโลยี รายวชิ าการ ออกแบบและวิทยาการคานวณ 2 จึงต้องจดั เปน็ กระบวนการทห่ี ลากหลายต่อเน่ือง เหมาะสมกบั ระดบั ความสามารถ ความตอ้ งการ และความสนใจของผู้เรียน เน้นกจิ กรรมทักษะกระบวนการทชี่ ่วย พฒั นาความสามารถในการคิดวิเคราะห์ คิดอย่างสร้างสรรค์ ต้ังแตก่ ารวางแผน การฝกึ ปฏิบตั ิ การ ตรวจสอบ และการประเมินผล และการประยุกตค์ วามรมู้ าใช้ในชีวิตจรงิ ในปัจจบุ นั บทเรยี นรายวชิ า การเขียนโปรแกรมเบื้องตน้ ท่ีสอดคล้องกับหลกั สูตรการศึกษา ขนั้ พ้นื ฐาน พุทธศกั ราช 2551 (ฉบบั ปรับปรุง 2561) น้นั เนื้อในวิชาเรียนจะมีเน้ือหาทเี่ ขม้ ข้นขนึ้ และ ยากตอ่ การทีน่ ักเรยี นจะเขา้ ใจได้อยา่ งลึกซึ้ง ซ่งึ เนอื้ หาสว่ นใหญ่จะอ้างอิงถึงในแนววิชาการเป็น บทเรียนหลักท่นี ักเรียนตอ้ งทาความเข้าใจและศกึ ษา

2 จากการปฎริ ปู การเรียนรู้ในศตวรรตที่ 21 หวงั ท่จี ะพฒั นาเด็กไทยและคนไทยให้เป็นผูเ้ รียน รู้ตลอดชีวิตอยา่ งมีคุณภาพ ดงั นน้ั การจดั การเรียนรขู้ องครู จึงตอ้ งมีการวิเคราะห์หลักสูตร และการ จัดการเรียนรทู้ ่ีเน้นเด็กเป็นศูนยก์ ลาง การเรยี นดว้ ยกระบวนการเรยี นรู้ 5 ข้นั ตอน (5 STEPs) จงึ เปน็ วิธีการจดั กิจกรรมท่เี นน้ ผ้เู รียนเปน็ ศูนย์กลางมวี ิธีการสอนที่หลากหลาย เป็นการจดั สภาพทางการเรียนใหผ้ ู้เรยี นได้เรียนรู้ รว่ มกัน ซงึ่ เป็นทีม่ าของคาว่า “กรบวนการเรยี นรู้ 5 ขั้นตอน หรอื 5 STEPs” ซง่ึ เปน็ แนวการจดั การ เรยี นการสอนโดยใช้วิธีการสบื สอบหรอื วิธสี อนแบบโครงงาน ประกอบด้วย การตัง้ คาถาม การ แสวงหาสารสนเทศ การสร้างความรู้ การสอื่ สาร และการตอบแทนสังคม ซึ่งจะเป็นตวั ชว่ ยพัฒนา ครูใหม้ คี ุณภาพ จากการศึกษานักเรยี นระดับชั้นมัธยมศึกษาปีที่ 1 ปกี ารศึกษา 2564 โรงเรียนนครไตรตรึงษ์ อาเภอเมือง จังหวัดกาแพงเพชร พบวา่ นักเรียนไม่ชอบเรยี นรู้ดว้ ยตวั เอง ส่วนมากอยากให้ครสู อนดว้ ย การบอก ไม่สามารถนาความร้ไู ปประยุกต์ในการแก้ปัญหาท่ีแตกตา่ งออกไปนักเรยี นขาดความเชอ่ื มั่น ในการคิดดว้ ยตนเอง นั่นคือแสดงว่านักเรยี นขาดทกั ษะกระบวนการคิดวิเคราะห์ สังเคราะห์ กระบวนการแกป้ ญั หาอย่างมีระเบียบ และแนวความคิดสร้างสรรค์ ทักษะทางดา้ นสงั คม ผู้วิจัยไดศ้ ึกษางานวจิ ัยที่เกี่ยวข้องกับการเรยี นด้วยกระบวนการเรยี นรู้ 5 ข้นั ตอน (5 STEPs) ซึง่ ผลการวิจัยได้ผลในทางเดียวกันคือการจดั การเรยี นการสอนสามารถพฒั นาผลสัมฤทธิ์ ทางการเรียนให้สงู ขึ้น พฒั นาทกั ษะทางสังคมของผเู้ รียน และมเี จตคติทด่ี ีต่อการเรยี นคอมพวิ เตอร์ ผวู้ จิ ัยเห็นว่าการสอนโดยใชก้ ระบวนการเรียนรู้ 5 ขนั้ ตอน (5 STEPs) เป็นรปู แบบที่เหมาะสมทจ่ี ะ นามาใช้ในการพฒั นาการเรยี นรู้ ในกลมุ่ สาระการเรยี นรวู้ ิทยาศาสตร์และเทคโนโลยีชว่ งชนั้ ท่ี 3 ระดับช้นั มัธยมศึกษาปีท่ี 2 รายวิชาการออกแบบและวิทยาการคานวณ 2 เพือ่ แกป้ ัญหาผลสมั ฤทธ์ิ ทางการเรยี นต่าลง และการรว่ มมือทางานในกลมุ่ เพื่อน ของนักเรยี นชน้ั มัธยมศึกษาปีที่ 2/4 จานวน 1 หอ้ งเรียน รวม 38 คน โรงเรยี นนครไตรตรงึ ษ์ จดุ มงุ่ หมำยของกำรวจิ ัย ในการวิจัยคร้ังน้ี ผวู้ จิ ยั ได้กาหนดจดุ ม่งุ หมายไวด้ งั น้ี 1. เพอ่ื สร้างและหาประสิทธิภาพของหนว่ ยการเรยี นรู้ เรือ่ งอัลกอริทมึ แนวคิดเชงิ คานวณในการแก้ปญั หา ด้วยกระบวนการเรยี นรู้แบบ 5 ข้ันตอน (5 STEPs) ของนักเรียนช้ัน มัธยมศึกษาปที ี่ 2 ให้มปี ระสิทธิภาพตามเกณฑ์ 80/80

3 2. เพ่อื เปรยี บเทยี บผลสัมฤทธิ์ทางการเรียน ก่อนเรียนและหลงั เรียน ของนกั เรยี นที่ ได้รบั การสอนโดยใชก้ ระบวนการเรียนรู้แบบ 5 ข้นั ตอน (5 STEPs) ขอบเขตกำรวิจัย 1. ขอบเขตของเนอ้ื หำและเวลำ 1.1 เน้ือหำ ในการพัฒนาผลสัมฤทธิ์ทางการเรยี นเรอ่ื งอลั กอริทมึ แนวคิดเชิงคานวณในการ แก้ปัญหา โดยใช้การสอนด้วยกระบวนการเรียนรู้แบบ 5 ขนั้ ตอน ในครั้งน้ี ใชเ้ นื้อหากลุ่มสาระการ เรียนรวู้ ิทยาศาสตรแ์ ละเทคโนโลยี สาระ ท่ี 4 เทคโนโลยี เรื่องอัลกอริทมึ แนวคิดเชิงคานวณในการ แก้ปญั หา สรา้ งตามเนื้อหาแบบรายวิชาการออกแบบและวิทยาการคานวณ 2 ช่วงชั้นที่ 3 ตามหลกั สูตรการศึกษาขน้ั พ้ืนฐาน พทุ ธศักราช 2551 (ฉบบั ปรบั ปรุง 2561) ใช้เวลาในการสอน จานวน 8 ชวั่ โมง โดยไดก้ าหนดขอบขา่ ยของเน้ือหาตามรายละเอียดดังตอ่ ไปน้ี เร่ืองอัลกอริทึมแนวคิดเชงิ คานวณในการแก้ปัญหาดังนี้ 1. แนวคดิ เชงิ คานวณ 2. ประยุกตแ์ นวคดิ เชงิ คานวณ 3. อัลกอริทมึ 4. การเขียนอลั กอริทึมในการแก้ปัญหา 1.2 ระยะเวลำ ระยะเวลาในการทดลอง ใช้กระบวนการเรียนรแู้ บบ 5 ขัน้ ตอน ดาเนินการในภาค เรียนท่ี 1 ปกี ารศึกษา 2564 โดยใช้ระยะเวลาในการทดลอง 4 สปั ดาห์ สปั ดาหล์ ะ 2 ชว่ั โมง รวม ทัง้ ส้นิ 8 ช่ัวโมง 2. ขอบเขตด้ำนประชำกรและกลมุ่ ตัวอย่ำง ประชากรและกลมุ่ ตวั อย่างทใี่ ชใ้ นการวจิ ยั ในครั้งนีม้ ดี ังนี้ 2.1 ประชำกร ประชากรท่ีใช้ เป็นนักเรยี นชนั้ มัธยมศกึ ษาปีที่ 2 โรงเรียนนครไตรตรึงษ์ สานักงานเขตพ้นื ที่การศึกษามัธยมศกึ ษากาแพงเพชร จงั หวัด กาแพงเพชร ภาคเรยี นท่ี 1 ปกี ารศกึ ษา 2564 จานวน 4 หอ้ ง จานวนนักเรยี นรวมทั้งสนิ้ 158 คน 2.2 กล่มุ ตวั อยำ่ ง กลุ่มตวั อยา่ งได้แกน่ ักเรยี นชนั้ มธั ยมศกึ ษาปีท่ี 2/4 โรงเรียนนครไตรตรึงษ์

4 จังหวดั กาแพงเพชร ท่ีกาลังเรียนในภาคเรียนที่ 1 ปีการศึกษา 2564 จานวน 23 คน ซึ่งได้มาจาก การสุ่มตัวอย่างอย่างง่าย (Simple Random Sampling) ด้วยวิธจี ับฉลากสมุ่ หอ้ งเรยี นของโรงเรียน นครไตรตรึงษ์ จานวน 4 หอ้ งเรียน ไดเ้ ปน็ กลมุ่ ตัวอยา่ ง 1 ห้องเรียน จานวน 38 คน 3. ขอบเขตดำ้ นตวั แปร ตัวแปรทศ่ี กึ ษาในการวิจยั ครง้ั น้ีประกอบด้วย 1. ตัวแปรอสิ ระ ได้แก่ การสอนโดยใช้กระบวนการเรยี นรู้แบบ 5 ข้นั ตอน (5 STEPs) 2. ตัวแปรตาม ได้แก่ ผลสัมฤทธ์ทิ างการเรียนรายวชิ าการออกแบบและ วทิ ยาการคานวณ 2 นิยำมศัพท์เฉพำะ กำรเรียนด้วยกระบวนกำรเรยี นรู้ 5 ขั้นตอน (5 STEPs) หมายถงึ การจัดการเรยี นการ สอนโดยใช้กระบวนการเรียนร้แู บบ 5 ขน้ั ตอน ประกอบด้วย การตัง้ คาถาม การแสวงหา สารสนเทศ การสร้างความรู้ การสือ่ สาร และการตอบแทนสงั คม ประสทิ ธภิ ำพตำมเกณฑ์ 80/80 หมายถงึ เกณฑ์ในการยอมรบั วา่ การจัดการเรียนการ สอนโดยใช้กระบวนการเรียนรแู้ บบ 5 ขน้ั ตอนทีส่ ร้างขน้ึ โดยคิดคา่ จากรอ้ ยละของคะแนนเฉลีย่ ท่ี นกั เรยี นทาได้มีความหมายดังนี้ 80 ตวั แรก (E1) คอื นักเรยี นทง้ั หมดทาแบบฝกึ หดั หรือแบบทดสอบย่อยได้คะแนนเฉลยี่ ร้อย ละ 80 ถือเป็นประสทิ ธภิ าพของกระบวนการ 80 ตัวหลงั (E2) คอื นกั เรียนทัง้ หมดที่ทาแบบทดสอบหลังเรียน (Posttest) ได้คะแนนเฉลย่ี ร้อยละ 80 ถือเปน็ ประสทิ ธิภาพของผลลัพธ์ ประโยชนท์ คี่ ำดว่ำจะได้รบั

5 1. ไดก้ ระบวนการเรียนร้แู บบ 5 ขั้นตอน (5 STEPs) เรื่องอลั กอริทมึ แนวคิดเชิงคานวณใน การแก้ปัญหา สาหรบั นกั เรยี นชนั้ มธั ยมศกึ ษาปที ่ี 2 ท่มี ปี ระสิทธภิ าพตามเกณฑ์ 80/80 เมอื่ นาไปใชใ้ นการเรยี นการสอนจะทาใหน้ ักเรียนมผี ลสัมฤทธท์ิ างการเรยี นในการเรยี นรายวิชาการ ออกแบบและวิทยาการคานวณสูงขน้ึ 2. เปน็ แนวทางสาหรับครใู นการจัดการเรยี นรู้โดยใช้กระบวนการเรียนร้แู บบ 5 ขั้นตอน ในรายวชิ าการออกแบบและวิทยาการคานวณ 2 ในระดบั ชนั้ มธั ยมศึกษาปที ี่ 2 ต่อไป

บทที่ 3 วธิ ีดาํ เนนิ การวิจัย การวจิ ยั ครงั้ นี้เปน็ การวจิ ัยเชิงทดลองเบื้องตน้ (Pre-experimental research) มจี ดุ มงุ่ หมายเพื่อการพฒั นาผลสมั ฤทธิ์ทางการเรียน เร่ืองอลั กอริทมึ แนวคิดเชงิ คานวณในการ แกป้ ัญหา สาหรับนกั เรยี นชั้นมธั ยมศกึ ษาปีที่ 2 โรงเรยี นนครไตรตรึงษ์ จังหวัดกาแพงเพชร ปกี ารศึกษา 2564 ให้มปี ระสิทธภิ าพตามเกณฑ์ 80/80 และเพื่อเปรียบเทยี บผลสัมฤทธิ์ทางการ เรยี น กอ่ นหลังเรียนของนักเรียนท่ไี ด้รบั การสอนโดยใช้การสอนดว้ ยกระบวนการเรียนร้แู บบ 5 ขน้ั ตอน (5 STEPs) ซงึ่ มรี ายละเอยี ดในการดาเนินการวิจยั ดังน้ี 1. ประชากรและกล่มุ ตัวอย่าง 2. เครอ่ื งมือทใ่ี ช้ในการวิจัย 3. การเก็บรวบรวมข้อมลู 4. การวเิ คราะห์ข้อมลู 5. สถิติทใี่ ช้ในการวิจัย ประชากรและกลุ่มตัวอย่าง 1. ประชากร ประชากรทใี่ ช้ในการวิจยั ครั้งนี้เป็นนกั เรียนช้ันมธั ยมศึกษาปีที่ 2 โรงเรยี นนคร ไตรตรงึ ษ์ อาเภอเมืองกาแพงเพชร จังหวัดกาแพงเพชร 2. กลุ่มตวั อย่าง กลมุ่ ตวั อย่างที่ใช้ในการวจิ ยั ครงั้ นี้เป็นนกั เรยี นชนั้ มธั ยมศึกษาปีที่ 2 ภาคเรยี นท่ี 1 ปีการศึกษา 2564 โรงเรียนนครไตรตรงึ ษ์ อาเภอเมอื งกาแพงเพชร จังหวดั กาแพงเพชร ซ่งึ ไดม้ า จากการสุม่ ตวั อย่างอย่างงา่ ย (Simple random sampling ) โดยวธิ กี ารจับฉลาก ซึ่งมีขั้นตอน ดังนี้คอื นานักเรยี นชน้ั มธั ยมศึกษาปีท่ี 2 โรงเรียนนครไตรตรงึ ษ์ ซึ่งเป็นประชากรกลุ่มตวั อยา่ ง จานวน 4 ห้องเรียนมาจับฉลากไดน้ ักเรียนชน้ั มธั ยมศึกษาปีที่ 2 จานวน 1 หอ้ งเรยี น มีนักเรียน จานวนรวมทงั้ สิน้ 38 คน ใช้เปน็ กล่มุ ตัวอย่าง เครอ่ื งมอื ท่ีใช้ในการวจิ ยั เครอ่ื งมือที่ใชใ้ นการวจิ ยั มี 2 ฉบับ ไดแ้ ก่

16 1. แผนการจดั การเรียนรู้ หนว่ ยการเรยี นรู้ท่ี 1 เรอื่ งอลั กอริทมึ แนวคดิ เชงิ คานวณใน การแก้ปัญหา สาหรับนกั เรยี นชนั้ มัธยมศึกษาปีท่ี 2 โรงเรยี นนครไตรตรึงษ์ 2. แบบทดสอบวัดผลสัมฤทธิ์ทางการเรยี น รายละเอียดของเคร่ืองมือทีใ่ ชใ้ นการวิจัยมดี ังนี้ 1. แผนการจัดการเรียนรู้ หนว่ ยการเรยี นรู้ท่ี 1 เรอ่ื งอัลกอริทึมแนวคดิ เชิงคาํ นวณ ในการแก้ปัญหา สําหรับนักเรียนชั้นมธั ยมศกึ ษาปีที่ 2 โรงเรยี นนครไตรตรงึ ษ์ 1.1 ลักษณะของแผนการจัดการเรยี นรู้ ลักษณะของแผนการจัดการเรียนรู้ หนว่ ยการเรียนรู้ท่ี 1 เรอื่ งอลั กอริทึมแนวคดิ เชงิ คานวณในการแก้ปัญหา ของนักเรียนชนั้ มธั ยมศกึ ษาปีท่ี 2 โรงเรียนนครไตรตรงึ ษ์ ปีการศกึ ษา 2564 แบ่งออกเป็นหนว่ ยการเรียน ได้แก่ แนวคิดเชงิ คานวณ ประยุกตแ์ นวคดิ เชิงคานวณ อัลกอริทมึ การเขียนอัลกอริทมึ ในการแก้ปัญหา ดงั ตารางที่ 3.1 ตารางท่ี 3.1 แสดงรายละเอยี ดของการแบง่ หน่วยการเรียนรู้ หน่วยท่ี ช่ือหน่วย จํานวน จาํ นวนนาที/ชม. คาบ หนว่ ยท่ี 1 เรือ่ งอลั กอรทิ ึมแนวคิดเชิงคํานวณในการแก้ปัญหา เร่อื งที่ 1 แนวคดิ เชงิ คานวณ 2 1 ชั่วโมง 1 ชั่วโมง เรื่องท่ี 2 ประยุกตแ์ นวคดิ เชงิ คานวณ 2 1 ชั่วโมง เร่ืองที่ 3 อลั กอริทึม 1 ชั่วโมง เรอื่ งท่ี 4 การเขยี นอลั กอริทมึ ในการแก้ปัญหา 2 1 ชว่ั โมง 1 ชว่ั โมง 2 1 ชวั่ โมง 1 ช่วั โมง 1.2 การสร้างแผนการจดั การเรยี นรู้ หนว่ ยการเรียนรทู้ ่ี 1 เร่อื งอลั กอรทิ ึม แนวคดิ เชงิ คานวณในการแก้ปัญหา มขี นั้ ตอนดังน้ี

17 1) ศึกษาเอกสาร และขั้นตอนการสรา้ งแผนการจัดการเรียนรู้โดยใช้การสอน แบบกระบวนการเรียนรู้แบบ 5 ข้นั ตอน (5 STEPs) 2) ศกึ ษาหลกั สูตรรายวชิ าการออกแบบและวิทยาการคานวณ 2 ระดบั ชน้ั มธั ยมศกึ ษาปที ่ี 2 เรอื่ งอัลกอรทิ ึมแนวคิดเชิงคานวณในการแก้ปัญหา ศึกษาคาอธิบายรายวิชา เนอื้ หา และมาตรฐานตวั ชวี้ ัดของสาระท่ี 4 เทคโนโลยี ช่วงช้นั ท่ี 3 ในรายวชิ าการออกแบบและ วิทยาการคานวณ 2 เรื่องอลั กอริทมึ แนวคดิ เชงิ คานวณในการแก้ปัญหา และกาหนดขอบเขตของ เนือ้ หาและคาอธิบายรายวิชาและแยกเนื้อหาออกเปน็ หัวข้อยอ่ ยๆ 3) จดั ทาแผนการจัดการเรียนรู้ กลุ่มสาระการเรยี นรวู้ ทิ ยาศาสตร์และ เทคโนโลยี รายวชิ าการออกแบบและวิทยาการคานวณ 2 ของนักเรยี นชน้ั มัธยมศึกษาปที ่ี 2 โรงเรยี น นครไตรตรงึ ษ์ 4) นาแผนการจดั การเรียนรู้ไปให้ผ้ทู รงคุณวุฒิทางดา้ นเน้ือหาจานวน 5 ท่าน ประเมนิ ตรวจสอบความถูกต้องเหมาะสม นาผลมาปรบั ปรุงแก้ไข 1.3 การหาคุณภาพของแผนการจดั การเรียนรู้ ผ้วู ิจัยได้ดาเนินการตรวจสอบคุณภาพของแผนการจดั การเรียนรู้ดงั น้ี 1) นาแผนการจดั การเรยี นรู้ หน่วยการเรยี นรทู้ ี่ 1 เรื่องอัลกอรทิ ึมแนวคดิ เชิง คานวณในการแกป้ ัญหา ท่สี ร้างข้ึนไปให้ผเู้ ชย่ี วชาญด้านการจัดทาแผนการจดั การเรียนรู้ ตรวจสอบใน ความถกู ตอ้ งและความเหมาะสมเพื่อทาการแก้ไขปรบั ปรุงตามขอ้ เสนอแนะ จานวน 5 ทา่ น 2) วเิ คราะห์แผนการจัดการเรยี นรู้ หน่วยการเรยี นรูท้ ี่ 1 เรอื่ งอัลกอริทมึ แนวคิดเชงิ คานวณในการแก้ปญั หา โดยนาคะแนนความคิดเหน็ ของผูเ้ ช่ียวชาญทง้ั 5 คน มาหา ค่าเฉลีย่ สว่ นเบี่ยงเบนมาตรฐานโดยกาหนดเกณฑเ์ พื่อแปลความหมายจัดลาดับคา่ เฉลยี่ ออกเปน็ ช่วง ดงั นี้ (ธานินทร์ สนิ จารุ. 2544 :75) คะแนนเฉลย่ี 4.51 – 5.00 หมายถึง มีความเหมาะสมมาก คะแนนเฉลีย่ 3.51 – 4.50 หมายถึง มคี วามเหมาะสมค่อนข้างมาก คะแนนเฉลย่ี 2.51 – 3.50 หมายถึง มคี วามเหมาะสมปานกลาง คะแนนเฉลี่ย 1.51 – 2.50 หมายถึง มคี วามเหมาะสมค่อนข้างน้อย คะแนนเฉลย่ี 1.00 – 1.50 หมายถงึ มคี วามเหมาะสมน้อย ซงึ่ ผลการประเมินแผนการจดั การเรยี นรู้ทส่ี ร้างขึน้ แสดงได้ในตารางที่ 3.2 ตารางที่ 3.2 แสดงผลการประเมนิ ความเหมาะสมของแผนการจดั การเรยี นรู้ ลาดบั ท่ี รายการประเมิน S.D. แปลความ 1 ความสอดคล้องกบั หลักสูตร 5.00 0.00 มคี วามเหมาะสมมาก

18 2 เขยี นสาระสาคัญได้ชัดเจนครอบคลมุ 4.80 0.45 มีความเหมาะสมมาก 0.45 มคี วามเหมาะสมมาก 3 กาหนดจุดประสงคก์ ารเรยี นรู้ได้สอดคลอ้ ง 4.80 กับมาตรฐาน/ตัวชี้วดั /ผลการเรยี นรู้ 4 เนอื้ หา/ขัน้ ตอนการสอนเหมาะสมกบั เวลาที่ 4.80 0.45 มีความเหมาะสมมาก ใชส้ อน 5 ขนั้ ตอนการสอนพฒั นาผูเ้ รยี นได้ตาม 4.20 0.45 มคี วามเหมาะสม จดุ ประสงค์ คอ่ นข้างมาก 6 กจิ กรรมการเรียนการสอนเน้นผ้เู รียนเปน็ 4.20 0.45 มีความเหมาะสม สาคัญ คอ่ นข้างมาก 7 สือ่ การเรียนรู้เหมาะสมกับเนื้อหา/ 4.80 0.45 มคี วามเหมาะสมมาก กระบวนการชว่ ยใหเ้ กิดการเรียนรู้ได้จรงิ มีเครื่องมอื วัดผลประเมนิ ผลท้ังด้านความรู้ 8 ทกั ษะเจตคติ คณุ ลกั ษณะ และสมรรถนะ 4.60 0.55 มคี วามเหมาะสมมาก สาคัญ แบบทดสอบวดั พฤติกรรมการเรยี นรไู้ ดค้ รบ มีความเหมาะสมปาน กลาง 9 ทุกดา้ น(รู้จา/เขา้ ใจ/นาไปใช้/วเิ คราะห/์ 3.40 0.55 ประเมินค่า/สรา้ งสรรค์) 10 มีการบรู ณาการกับสาระอืน่ /จดุ เน้นการจัด 4.60 0.55 มคี วามเหมาะสมมาก ศกึ ษา 0.43 มคี วามเหมาะสมมาก รวม 4.52 จากตารางท่ี 3.2 พบวา่ คา่ เฉลี่ยความคิดเห็นของผเู้ ชี่ยวชาญ ( X = 4.52 ) และสว่ น เบย่ี งเบนมาตรฐาน (S.D. = 0.43 ) ซง่ึ ทกุ หนว่ ยมีคา่ ความคดิ เหน็ ของผู้เชยี่ วชาญอยรู่ ะหว่าง 3.40 – 5.00 แสดงว่าผเู้ ช่ียวชาญมคี วามคิดเห็นสอดคลอ้ งกนั ว่าแผนการจดั การเรยี นรู้มีความเหมาะสมมาก 4) นาหนว่ ยการเรียนรู้ เร่อื งอัลกอริทมึ แนวคิดเชงิ คานวณในการแกป้ ัญหา ดว้ ยกระบวนการเรียนรู้แบบ 5 ขั้นตอนที่ปรับปรุงแกไ้ ขนาไปทดลองใช้กบั นกั เรียนชั้นมัธยมศกึ ษาปที ี่ 3 ที่ไม่ใช่กลุ่มตัวอย่าง จานวน 10 คน ที่ระดับการเรียน อ่อน 3 คน ปานกลาง 4 คน และเกง่ 3 คน (1 ตอ่ 10) เพ่ือตรวจสอบประสิทธิภาพของแผนการจัดการเรยี นรู้ (E1/E2) พบวา่ แผนการจัดการ เรยี นรู้ หน่วยการเรียนร้ทู ่ี 1 เร่ืองอัลกอริทึมแนวคิดเชิงคานวณในการแกป้ ญั หามีประสิทธิภาพ 87.00/82.00 ซงึ่ เป็นไปตามเกณฑ์ 80/80 ดงั แสดงในตารางท่ี 3.4

19 ตารางที่ 3.4 แสดงการหาประสทิ ธภิ าพหน่วยการเรียนรู้ เร่ืองอลั กอรทิ ึมแนวคิดเชิงคานวณในการ แกป้ ญั หา ดว้ ยกระบวนการเรียนรแู้ บบ 5 ขน้ั ตอน (5 STEPs) กลุ่มเลก็ (1:10) หนว่ ยการเรียนรู้ เรอ่ื งอัลกอริทมึ E1 E2 แนวคิดเชงิ คานวณในการแก้ปญั หา คะแนน คา่ เฉลย่ี คา่ คะแนน คา่ เฉล่ยี ค่า ดว้ ยกระบวนการเรยี นร้แู บบ 5 เต็ม E1 เต็ม E2 ขน้ั ตอน เรื่องท่ี 1 10 8.60 86.00 เร่ืองที่ 2 10 8.80 88.00 เรื่องท่ี 3 10 9.00 90.00 10 9.30 93.00 เร่ืองที่ 4 10 8.40 84.00 รวมเฉล่ีย 34.80 87.00 จากตารางที่ 3.4 พบวา่ หนว่ ยการเรยี นรู้ เรอื่ งอัลกอรทิ มึ แนวคดิ เชิงคานวณในการ แกป้ ัญหา ด้วยกระบวนการเรียนรู้แบบ 5 ข้นั ตอน (5 STEPs) มีประสทิ ธิภาพ 87.00/93.00 โดยมี ประสทิ ธิภาพของกระบวนการ (E1) เท่ากับ 87.00 และคา่ ประเมนิ ประสิทธิภาพของผลลัพธ์ (E2) เท่ากับ 93.00 เปน็ ไปตามเกณฑท์ ี่กาหนด 4) นาหน่วยการเรียนรู้ เรอ่ื งอัลกอริทึมแนวคิดเชงิ คานวณในการแก้ปัญหา ด้วยกระบวนการเรียนรแู้ บบ 5 ขั้นตอน ทมี่ ีประสิทธิภาพตามเกณฑ์ 80/80 ไปทดลองกับกลมุ่ ตวั อยา่ งซ่งึ เปน็ นักเรยี นระดับมธั ยมศกึ ษาปีที่ 2 โรงเรยี นนครไตรตรึงษ์ ปกี ารศึกษา 2564 จานวน 38 คน พร้อมทั้งวิเคราะห์และหาประสทิ ธิภาพของบทเรยี น ซ่ึงผลการทดลองนาเสนอในบทที่ 4 ตารางที่ 4.1 2. แบบทดสอบวัดผลสมั ฤทธทิ์ างการเรียนคอมพิวเตอร์ 2.1 ลกั ษณะของแบบทดสอบวัดผลสัมฤทธิท์ างการเรียนรายวิชาการออกแบบ และวิทยาการคาํ นวณ 2 หน่วยการเรยี นรทู้ ่ี 1 เรือ่ งอัลกอรทิ มึ แนวคดิ เชิงคาํ นวณในการ แก้ปัญหา เป็นแบบทดสอบชนดิ เลือกตอบ 4 ตัวเลือก จานวน 20 ข้อ เพ่ือใช้เปน็ แบบทดสอบก่อน เรียนและหลังเรยี น 2.2 การสรา้ งแบบทดสอบวัดผลสัมฤทธ์ิทางการเรียนรายวชิ าการออกแบบ และวิทยาการคาํ นวณ 2 หน่วยการเรยี นรทู้ ่ี 1 เรือ่ งอัลกอรทิ มึ แนวคิดเชิงคาํ นวณในการ แกป้ ญั หา มขี ั้นตอนดังน้ี

20 1) วเิ คราะหห์ ลกั สตู รเพอื่ วิเคราะห์เน้อื หาสาระและพฤติกรรมที่ตอ้ งการจะวัด ผลสมั ฤทธท์ิ างการเรยี น 2) ศึกษามาตรฐานตวั ชี้วดั คาอธบิ ายรายวิชาการออกแบบและวทิ ยาการ คานวณ 2 หนว่ ยการเรียนรูท้ ่ี 1 เร่ืองอลั กอริทมึ แนวคิดเชงิ คานวณในการแก้ปัญหา จากคู่มือครู เพ่ือ กาหนดแนวทางในการสร้างแบบทดสอบ 3) ศึกษาวิธีการสร้างแบบวดั ผลสมั ฤทธิท์ างการเรยี น จากเอกสารการวดั และประเมินผลที่เก่ียวข้อง เพ่ือสรา้ งตารางวิเคราะห์ข้อสอบทีม่ คี วามสอดคล้องกับพฤติกรรมการ เรยี นรู้ ดงั แสดงในตารางที่ 3.5 ตารางท่ี 3.5 ตารางวิเคราะห์ข้อสอบท่ีมีความสอดคลอ้ งกับพฤติกรรมการเรยี นรู้ พฤติกรรมการเรียนรู้ เนอ้ื หา รวม ความรู้ความจา ความเ ้ขาใจ นาไปใช้ วิเคราะห์ สังเคราะห์ ประเมินค่า หนว่ ยที่ 1 เรือ่ งอลั กอริทึมแนวคิดเชงิ คานวณในการแก้ปัญหา เรอ่ื งท่ี 1 แนวคดิ เชงิ คานวณ 32 5 5 เรอ่ื งที่ 2 ประยกุ ต์แนวคิดเชิงคานวณ 3 2 5 5 เรอื่ งที่ 3 อลั กอริทึม 23 20 เรือ่ งท่ี 4 การเขียนอลั กอริทึมในการ 23 แก้ปัญหา รวม 4) สรา้ งแบบทดสอบวดั ผลสัมฤทธิ์ทางการเรยี นรายวชิ าการออกแบบและ วิทยาการคานวณ 2 หนว่ ยการเรยี นรู้ท่ี 1 เรื่องอลั กอรทิ ึมแนวคิดเชิงคานวณในการแก้ปัญหา เปน็ แบบทดสอบแบบปรนยั ชนดิ เลอื กตอบ 4 ตัวเลอื กทค่ี รอบคลุมเนื้อหาและตรงตามวัตถปุ ระสงค์ ท่ีตง้ั ไว้ โดยใหม้ ีสดั สว่ นจานวนขอ้ ในแตล่ ะเนื้อหาและพฤติกรรม จานวน 20 ขอ้ 2.3 การตรวจสอบคุณภาพของแบบทดสอบวดั ผลสัมฤทธท์ิ างการเรยี น รายวชิ าการออกแบบและวทิ ยาการคานวณ 2 เรื่องอลั กอรทิ มึ แนวคิดเชงิ คานวณในการแกป้ ญั หา ผ้วู จิ ัยไดด้ าเนนิ การตรวจสอบคุณภาพของแบบทดสอบวดั ผลสมั ฤทธ์ดิ ังน้ี

21 1) นาแบบทดสอบวัดผลสัมฤทธิท์ างการเรียนรายวิชาการออกแบบและ วทิ ยาการคานวณ 2 เร่ืองอลั กอริทึมแนวคิดเชิงคานวณในการแกป้ ัญหา ท่สี ร้างข้ึนไปให้ผเู้ ชี่ยวชาญ จานวน 5 คน ตรวจสอบพจิ ารณาความตรงเชิงเนื้อหาโดยการประเมินความสอดคล้องระหว่างข้อสอบ กบั พฤติกรรมการเรียนรู้ โดยกาหนดเกณฑ์การพิจารณาใหคะแนนเปนดงั น้ี (ลว้ นสายยศ และองั คณา สายยศ 2539 : 249 ; อา้ งถึงใน พชิ ิต ฤทธจ์ิ รญู . 2545: 150 ) + 1 เมื่อแน่ใจวา่ ขอ้ คาถามนนั้ สอดคล้องกับพฤตกิ รรมการเรยี นรู้ 0 เมอื่ ไม่แน่ใจวา่ ขอ้ คาถามน้ันสอดคล้องกบั พฤติกรรมการเรยี นรู้ – 1 เมอ่ื แน่ใจว่า ข้อคาถามนนั้ ไม่สอดคล้องกับพฤติกรรมการ เรยี นรู้ จากนั้นนาคะแนนผลการพิจารณาของผเู้ ชยี่ วชาญมาหาคา่ ดัชนคี วามสอดคล้อง (IOC) เป็นรายข้อ ซึ่งในงานวิจัยครั้งนี้พบวา่ ทุกข้อมีค่าดัชนคี วามสอดคล้องอย่รู ะหว่าง 0.67 – 1.00 ซึ่งมากกวา่ 0.5 แสดงว่าข้อสอบมคี วามตรงเชิงเนือ้ หา โดยไดใ้ ชเ้ กณฑก์ ารคัดเลือกข้อคาถามที่มีคา่ IOC ต้ังแต่ 0.5 – 1.00 คัดเลือกไว้ใช้ได้ ขอ้ คาถามที่มีค่า IOC ต่ากวา่ 0.5 ควรพิจารณาปรบั ปรุง หรือตดั ท้ิง 2) นาแบบทดสอบทผ่ี า่ นเกณฑ์และปรบั ปรงุ แก้ไขแลว้ จานวน 20 ข้อ ทไ่ี ด้ นาไปทดลองกับนักเรียนช้นั มัธยมศกึ ษาปีท่ี 3 โรงเรียนนครไตรตรงึ ษ์ จานวน 30 คน ทผ่ี ่านการเรยี น รายวิชาการออกแบบและวิทยาการคานวณ 2 เรอ่ื งอัลกอริทึมแนวคดิ เชิงคานวณใน การแกป้ ัญหา 3) นาแบบทดสอบทีท่ าการทดลองกับนักเรียนมาวิเคราะห์เป็นรายข้อโดย การตรวจใหค้ ะแนน โดยให้คะแนนข้อท่ีถูกให้ 1 คะแนน และข้อผดิ หรือไมต่ อบให้ 0 คะแนน แลว้ นาผลการสอบมาวเิ คราะหห์ าค่าดัชนีความยากงา่ ย (p) และคา่ อานาจจาแนก (r) ของแบบทดสอบ รายขอ้ โดยใชเ้ ทคนิค 50% (ลว้ น สายยศ และองั คณา สายยศ. 2539 :184-185) โดยผวู้ ิจัยทาการ คดั เลือกข้อสอบไวจ้ านวน 20 ข้อ ซึ่งในงานวจิ ัยครั้งนผี้ ้วู ิจยั ได้คดั เลือกข้อสอบท่ีมีค่าความยากง่าย (P) อยรู่ ะหว่าง 0.34-0.67 ซ่งึ เป็นข้อสอบท่มี ีความยากงา่ ยปานกลางและคา่ อานาจจาแนก (r) อยู่ ระหวา่ ง 0.23-0.55 4) นาแบบทดสอบวดั ผลสมั ฤทธ์ทิ างการเรยี นรายวชิ าการออกแบบและ วทิ ยาการคานวณ 2 เร่ืองอัลกอรทิ ึมแนวคดิ เชิงคานวณในการแก้ปัญหา ทีค่ ัดเลือกไว้ 20 ข้อ จัดทา เปน็ ตน้ ฉบบั แลว้ นาไปทดสอบกับนกั เรียนช้นั มธั ยมศึกษาปที ่ี 3 ทผ่ี า่ นการเรยี นรายวชิ าการออกแบบ และวทิ ยาการคานวณ 2 เร่อื งอลั กอรทิ ึมแนวคิดเชงิ คานวณในการแก้ปัญหา มาแลว้ จานวน 30 คน จากน้ันนาผลมาหาความเท่ียงโดยใช้สตู ร KR-20 ของ คูเดอร์ รชิ ารด์ สนั (Kuder Richardson) พบว่า ได้คา่ ความเท่ียงของแบบทดสอบเท่ากับ 0.97

22 5) นาแบบทดสอบวัดผลสัมฤทธท์ิ างการเรยี นฉบบั สมบูรณ์ จานวน 10 ขอ้ ใช้เปน็ แบบทดสอบวัดผลสมั ฤทธ์ทิ างการเรยี น ก่อนเรียนและหลังเรยี นรายวิชาการออกแบบและ วิทยาการคานวณ 2 เร่ืองอัลกอรทิ ึมแนวคดิ เชงิ คานวณในการแกป้ ัญหากับกลุ่มตวั อย่าง การเก็บรวบรวมข้อมลู ในการเกบ็ รวบรวมข้อมลู ในคร้ังนี้ผู้วิจยั ไดด้ าเนินการเก็บรวบรวมข้อมูลตามขนั้ ตอน ดงั น้ี 1. นาแผนการจดั การเรียนรู้ หนว่ ยท่ี 1 เร่อื งอัลกอริทึมแนวคดิ เชิงคานวณในการ แกป้ ัญหา ดาเนินการทดลองกับกลุ่มตวั อยา่ งโดยมีขนั้ ตอนดงั นี้ (1) อธิบายให้นักเรยี นรู้ เขา้ ใจ และเหน็ ความสาคัญในการเรียนรายวชิ าการ ออกแบบและวทิ ยาการคานวณ 2 2. ให้นักเรยี นกลุ่มตวั อย่างทาแบบทดสอบก่อนเรยี น (Pre – test) โดยใช้แบบทดสอบ วดั ผลสัมฤทธิท์ างการเรยี น รายวชิ าการออกแบบและวทิ ยาการคานวณ 2 เรื่องอลั กอรทิ ึมแนวคิดเชิง คานวณในการแกป้ ัญหา โดยผวู้ จิ ัยเป็นผคู้ วบคมุ การทาแบบทดสอบวดั ผลสัมฤทธิท์ างการเรียน 3. ดาเนินการจดั กิจกรรมการเรยี นการสอนโดยใช้กระบวนการเรยี นร้แู บบ 5 ข้นั ตอน (5 STEPs) ใชเวลาเรียน 4 สปั ดาห์ สัปดาห์ละ 2 ชั่วโมง 4. เมื่อสน้ิ สุดการจัดกจิ กรรมการเรยี นการสอนให้นกั เรียนทาการทดสอบหลงั เรยี น (Post – test) โดยใช้แบบทดสอบผลสมั ฤทธิท์ างการเรียน รายวิชาการออกแบบและวิทยาการ คานวณ 2 เร่อื งอลั กอริทึมแนวคดิ เชงิ คานวณในการแก้ปัญหา ซึง่ เปน็ แบบทดสอบชดุ เดียวกบั แบบทดสอบก่อนเรียน แลว้ เกบ็ รวบรวมผลการทดสอบและนาข้อมลู ท่ีได้ไปวิเคราะห์ข้อมลู ต่อไป 5. นาคะแนนที่รวบรวมได้จากการทดสอบวดั ผลสมั ฤทธิ์ทางการรายวชิ าการออกแบบ และวิทยาการคานวณ 2 เรือ่ งอลั กอริทมึ แนวคิดเชงิ คานวณในการแกป้ ัญหา โดยนาผลการวดั ท่ีได้มา วิเคราะห์ ดว้ ยวธิ ีการทางสถติ ิโดยใชโ้ ปรแกรมสาเร็จรูป การวิเคราะห์ขอ้ มลู ในการวิจยั ครงั้ นผ้ี ู้วจิ ยั ได้วิเคราะหข์ ้อมูลจากผลการวจิ ัยดงั น้ี 1. การตรวจสอบหาประสิทธิภาพแผนการจัดการเรยี นรู้ หน่วยที่ 1 เร่ืองอลั กอรทิ ึม แนวคดิ เชิงคานวณในการแก้ปัญหา ของนักเรยี นช้นั มัธยมศกึ ษาปีที่ 2 โรงเรยี นนครไตรตรึงษ์ โดยใช้ สตู ร E1 / E2 ซง่ึ ผู้วจิ ยั ไดด้ าเนนิ การดงั นี้ (1) นาคะแนนแบบทดสอบหลังเรียนของนักเรียนทุกคนมาหาค่าเฉลยี่

23 (2) หาประสิทธภิ าพของแผนการจดั การเรยี นรู้ หนว่ ยที่ 1 เรอื่ งอลั กอรทิ ึมแนวคดิ เชิงคานวณในการแกป้ ญั หา โดยนาคะแนนเฉล่ียจากแบบฝกึ หดั หรอื แบบทดสอบย่อยของนกั เรียนทกุ คนมาหาคา่ ร้อยละจากคะแนนเต็มทัง้ หมด เปน็ ค่าประสทิ ธิภาพของผลลพั ธ์ ( E1) (3) นาคะแนนเฉลีย่ จากแบบทดสอบหลังเรยี นของนักเรยี นทกุ คนมาหาคา่ ร้อยละ จากคะแนนเต็มท้งั หมด เปน็ ค่าประสทิ ธภิ าพของผลลัพธ์ ( E2) (4) เปรยี บเทียบอัตราสว่ น E1 / E2 2. การเปรียบเทียบผลสมั ฤทธ์ิทางการเรยี นก่อนเรยี นและหลงั เรยี นของนักเรียนช้นั มธั ยมศึกษาปที ี่ 2 ทไ่ี ด้รบั การสอนโดยใช้การสอนดว้ ยกระบวนการเรียนรู้แบบ 5 ขั้นตอน (5 STEPs) ผูว้ ิจยั ไดด้ าเนนิ การดังนี้ (1) นาคะแนนที่ได้จากนักเรียนทาแบบทดสอบก่อนเรียนและหลงั เรยี นมาหา ค่าเฉลีย่ สว่ นเบี่ยงเบนมาตรฐานของคะแนนผลสัมฤทธ์ทิ างการเรยี น รายวชิ าการออกแบบและ วทิ ยาการคานวณ 2 เร่ืองอลั กอรทิ ึมแนวคิดเชงิ คานวณในการแกป้ ัญหาท้งั กอ่ นเรียนและหลังเรยี น (2) ทดสอบความแตกต่างของคะแนนผลสัมฤทธิท์ างการเรียนกอ่ นเรียนและหลัง เรยี น ดว้ ยสถิตทิ ดสอบกลุ่มตัวอย่างไม่อสิ ระตอ่ กัน (t-test for dependent samples) (3) แปลความหมายของผลการทดสอบความแตกต่างของคะแนน สถิติท่ใี ชใ้ นการวเิ คราะห์ข้อมูล 1. สถิติพนื้ ฐาน (1) ค่าเฉลีย่ (พชิ ติ ฤทธิ์จรญู . 2545 : 176)   n โดยท่ี X แทน คะแนนเฉลยี่  แทน ผลรวมของคะแนนของกลุ่มตัวอย่าง n แทน จานวนกลุ่มตัวอย่างทั้งหมด (2) สว่ นเบีย่ งเบนมาตรฐาน (พิชิต ฤทธจิ์ รญู . 2545 : 186) S.D.  n 2   2 nn 1 โดยท่ี S.D แทน ความเบ่ยี งเบนมาตรฐาน n แทน จานวนกลุ่มตวั อย่างท้ังหมด 2 แทน ผลรวมของคะแนนยกกาลังสอง 2 แทน กาลงั สองของผลรวมคะแนน

24 2. สถิติทใี่ ช้ในการตรวจสอบคุณภาพของเครอ่ื งมือท่ีใช้ในการทดลอง (1) ความเทย่ี งตรงโดยหาค่าดชั นีความสอดคลอง (IOC) (ลว้ นสายยศ และ องั คณา สายยศ 2539 : 249 ; อ้างถึงใน พิชติ ฤทธ์ิจรญู 2545 : 150 ) IOC   R N โดยที่ IOC แทน ดัชนีแสดงความสอดคล้องระหวา่ งขอ้ สอบกับ จดุ ประสงค์  R แทน ผลรวมของคะแนนความคดิ เห็นของผ้เู ชี่ยวชาญ N แทน จานวนของผเู้ ชยี่ วชาญ (2) ประสทิ ธิภาพของการสอนแบบกระบวนการเรียนรูแ้ บบ 5 ข้นั ตอน (5 STEPs) ตามเกณฑ์ 80/80 โดยใชส้ ูตร E1/E2 ( ชยั ยงค พรหมวงศ. 2520 ; อ้างถงึ ใน องอาจ อาจชาญเชาว์. 2549 : 97 ) X E1 = N 100 A โดยที่ E1 แทน ประสทิ ธิภาพของการกระบวนการ X แทน คะแนนรวมของแบบฝึกหัดในกจิ กรรมท่ผี ้เู รยี นไดร้ บั A แทน คะแนนเต็มของแบบฝึกหัด N แทน จานวนผ้เู รยี น F E2 = N 100 B โดยที่ E2 แทน ประสิทธิภาพของผลลพั ธ์ F แทน คะแนนรวมของผลลัพธ์ B แทน คะแนนเต็มของการสอบหลังเรยี น N แทน จานวนผู้เรียน (3) ความเท่ียงโดยวิธีของ Kuder Richardson โดยใช้สตู ร KR-20 (พชิ ติ ฤทธิจ์ รูญ. 2545 : 157) rtt = n  pq  1   n 1 S2  โดยที่ rtt แทน ความเที่ยงของแบบทดสอบทั้งฉบับ

25 n แทน จานวนข้อสอบ p แทน สดั สว่ นของคนทตี่ อบถูกในแตล่ ะข้อ q แทน สดั ส่วนของคนทาผดิ ในแตล่ ะข้อ S 2 แทน ความแปรปรวนของคะแนนรวมท้งั ฉบับทั้งฉบับ (4) ค่าความยากงา่ ย (P) และคา่ อานาจจาแนก (R) (พชิ ติ ฤทธจิ์ รูญ. 2545 : 141) P = PH  PL 2n r = PH  PL n โดยที่ P แทน ค่าความยากงา่ ย r แทน คา่ อานาจจาแนก PH แทน จานวนคนทต่ี อบถกู ในกลุม่ สงู PL แทน จานวนคนท่ตี อบถกู ในกลุ่มตา่ N แทน จานวนคนในกลุม่ สงู หรือกลุ่มตา่ (5) การทดสอบค่าความแตกต่างระหว่างคา่ เฉลย่ี ของคะแนนกอ่ นเรียนและ คะแนนหลงั เรยี นโดยการทดสอบคา่ ที กรณีขอ้ มลู ไม่เป็นอิสระแก่กนั (t-test for dependent samples) (บญั ญัติ ชานาญกจิ และนวลศรี ชานาญกจิ . 2549 : 75) t= D n D2   D2 n 1 โดยท่ี df แทน n - 1 D แทน ความแตกต่างระหวา่ งคะแนนแตล่ ะคู่

26 n แทน จานวนคู่ 3. สถติ ทิ ใ่ี ช้ในการทดสอบสมมติฐาน (1) การเปรียบเทียบผลสัมฤทธท์ิ างการเรียน ก่อนเรยี นและหลงั เรยี นของนักเรยี น ทไ่ี ดร้ ับการสอนโดยใช้กระบวนการเรยี นรแู้ บบ 5 ข้ันตอน (5 STEPs) รายวิชาการออกแบบและ วทิ ยาการคานวณ 2 เรื่องอัลกอรทิ ึมแนวคิดเชิงคานวณในการแกป้ ัญหา ด้วยการทดสอบค่าทีกรณี กลมุ่ ตวั อยา่ งไม่เปน็ อิสระ โดยใช้โปรแกรมสาเรจ็ รูปทางสถิติ (2) หาประสทิ ธภิ าพของการสอนแบบกระบวนการเรยี นรู้แบบ 5 ข้นั ตอน (5 STEPs) ตามเกณฑ์ 80/80 โดยใชส้ ตู ร E1/E2 โดยใช้โปรแกรมสาเร็จรูปทางสถิติ

บทที่ 4 ผลการวิเคราะหข์ ้อมูล ในการพัฒนาผลสัมฤทธท์ิ างการเรียนเรอ่ื งอัลกอริทึมแนวคิดเชงิ คานวณในการแกป้ ัญหา โดยใช้ การสอนด้วยกระบวนการเรียนร้แู บบ 5 ข้นั ตอน (5 STEPs) คร้ังนี้ มีจุดมุ่งหมายเพื่อพฒั นาผลสัมฤทธิ์ ทางการเรียนเรื่องอัลกอรทิ ึมแนวคิดเชิงคานวณในการแกป้ ัญหา โดยใช้การสอนดว้ ยกระบวนการเรยี นรู้ แบบ 5 ขนั้ ตอน (5 STEPs) สาหรบั นักเรยี น ชน้ั มัธยมศึกษาปีท่ี 2 โรงเรียนนครไตรตรึงษ์ โดยมี จุดมุ่งหมายของการวิจัยแบ่งออกเป็น ตอนตามจดุ มุ่งหมายของการวจิ ยั ดังนี้ ตอนท่ี 1 ผลการพฒั นาการเรียนเร่ืองอลั กอริทึมแนวคดิ เชิงคานวณในการแกป้ ัญหา โดยใช้การ สอนด้วยกระบวนการเรียนรแู้ บบ 5 ข้ันตอน (5 STEPs) ตอนที่ 2 ผลการเปรยี บเทียบผลสมั ฤทธิท์ างการเรยี น ก่อนเรยี นและหลงั เรียน ของนกั เรียนที่ ไดร้ บั การสอนโดยใช้กระบวนการเรียนรแู้ บบ 5 ข้ันตอน (5 STEPs) ตอนท่ี 1 ผลการพฒั นาการเรยี นเรอ่ื งอลั กอริทึมแนวคดิ เชิงคานวณในการแก้ปัญหา โดยใชก้ ารสอนดว้ ย กระบวนการเรยี นรู้แบบ 5 ขั้นตอน (5 STEPs) สาหรับนักเรยี นช้นั มธั ยมศกึ ษาปีท่ี 2 การพฒั นาการเรียนเร่อื งอัลกอรทิ ึมแนวคิดเชิงคานวณในการแก้ปัญหา โดยใช้การสอนดว้ ย กระบวนการเรยี นรู้แบบ 5 ขั้นตอน (5 STEPs) สาหรับนกั เรยี นชั้นมธั ยมศึกษาปีที่ 2 ผวู้ จิ ยั ไดน้ าแผนการ จัดการเรยี นรู้ทสี่ ร้างขนึ้ ไปตรวจสอบคุณภาพโดยใหผ้ ู้เชียวชาญประเมนิ แลว้ นาไปทดลองกลุ่ม(1:10) เพื่อหา ประสทิ ธิภาพของบทเรยี นอิเล็กทรอนิกส์ (E1 / E2) และจากนัน้ นาหน่วยการเรยี นรู้ เรอ่ื งอัลกอรทิ ึมแนวคิด เชิงคานวณในการแก้ปัญหา ด้วยกระบวนการเรยี นรแู้ บบ 5 ข้ันตอน (5 STEPs) ทีป่ รับปรงุ แล้วมาทดลอง กับกลุ่มตวั อย่างเพื่อหาประสิทธิภาพของหน่วยการเรียนรู้ เรอื่ งอลั กอริทึมแนวคดิ เชิงคานวณในการ แก้ปัญหา ด้วยกระบวนการเรียนรู้แบบ 5 ขั้นตอน (5 STEPs) ซงึ่ ผลจากการทดลองนามาหาคา่ ประสทิ ธิภาพของกระบวนการ (E1) และประสทิ ธภิ าพของผลลพั ธ์ (E2) ได้ผลแสดงในตารางที่ 4.1 ตารางท่ี 4.1 แสดงการหาประสทิ ธภิ าพของหน่วยการเรียนรู้ เรือ่ งอัลกอรทิ ึมแนวคดิ เชงิ คานวณในการ แก้ปัญหา ดว้ ยกระบวนการเรียนรแู้ บบ 5 ขั้นตอน (5 STEPs) เร่อื งอัลกอริทึมแนวคดิ เชิง ประสทิ ธภิ าพของกระบวนการ ประสิทธิภาพของผลลพั ธ์ คานวณในการแกป้ ญั หา (E1) (E2) เรือ่ งที่ 1 100.00 91.58 เร่อื งที่ 2 98.95

26 เร่อื งท่ี 3 98.68 เรือ่ งที่ 4 98.95 รวมเฉลย่ี 99.14 จากตารางที่ 4.1 พบวา่ หนว่ ยการเรียนรู้ เรอ่ื งอัลกอรทิ มึ แนวคดิ เชิงคานวณในการแกป้ ัญหา ดว้ ยกระบวนการเรียนรูแ้ บบ 5 ขั้นตอน มปี ระสทิ ธิภาพโดยเฉล่ยี 99.14/91.58 โดยมีค่าประสทิ ธภิ าพของ กระบวนการ (E1) เท่ากบั 99.14 และค่าประสทิ ธภิ าพของผลลัพธ์ (E2) เท่ากบั 91.58 และเม่ือพิจารณา เป็นรายหน่วย พบว่า ประสทิ ธิภาพของกระบวนการ (E1) มีคา่ อยู่ระหว่าง 98.68 – 100.00 โดยหนว่ ยท่มี ี คา่ ประสิทธภิ าพของกระบวนการตา่ สดุ คือ 98.68 เร่อื งที่ 3 และหน่วยทมี่ คี า่ ประสิทธิภาพของ กระบวนการสูงสุด คือ 100.00 เรื่องที่ 1 แสดงวา่ หน่วยการเรียนรู้ เร่อื งอลั กอรทิ ึมแนวคดิ เชงิ คานวณใน การแก้ปัญหา ด้วยกระบวนการเรียนรู้แบบ 5 ข้นั ตอน (5 STEPs) มปี ระสิทธิภาพตามเกณฑ์ท่ีต้ังไว้ 80/80 ตอนที่ 2 ผลการเปรยี บเทยี บผลสัมฤทธทิ์ างการเรยี น กอ่ นเรยี นและหลังเรยี น ของนกั เรยี นที่ไดร้ ับการสอน โดยใช้กระบวนการเรยี นรู้แบบ 5 ขัน้ ตอน (5 STEPs) จากการทดลองพบวา่ ผลการเปรียบเทียบผลสัมฤทธ์ทิ างการเรยี น ก่อนเรียนและหลงั เรียน ของ นกั เรียนทไ่ี ด้รับการสอนโดยใช้กระบวนการเรียนรแู้ บบ 5 ข้ันตอน ของนักเรียนทเี่ ปน็ กลุ่มทดลองจานวน 38 คน สรุปผลไดด้ งั แสดงในตารางท่ี 4.2 ตารางที่ 4.2 แสดงผลการทดลองความแตกต่างระหว่างผลสัมฤทธ์ทิ างการเรยี นก่อนเรียนและหลังเรยี น กลุม่ ทดลอง N X S.D. D S.D.D t Sig.(1-tailed) กอ่ นเรยี น 38 6.37 1.28 2.79 1.49 11.53* 0.0000 หลงั เรยี น 38 9.16 0.75 จากตารางท่ี 4.2 พบวา่ ผลจากการทดสอบก่อนเรยี นและหลังเรยี นของนักเรยี นช้นั มัธยมศึกษา ปีท่ี 2 มคี ่าเฉลี่ยเทา่ กบั 6.37 คะแนน และ 9.16 คะแนนและเม่ือเปรยี บเทียบระหวา่ งคะแนนกอ่ นเรียน และหลังเรียนพบวา่ คะแนนสอบหลังเรยี นของนกั เรยี นสูงกว่ากอ่ นเรยี นอย่างมนี ยั สาคญั สถิติทรี่ ะดับ .05 และเป็นไปตามสมมตฐิ านทต่ี ้ังไว้

27

บทที่ 5 สรุปผลการวิจยั อภปิ รายผล และข้อเสนอแนะ ผลการวิจยั เรอื่ ง พฒั นาผลสมั ฤทธิท์ างการเรียนเร่อื งอัลกอริทึมแนวคดิ เชิงคานวณในการ แก้ปญั หา โดยใชก้ ารสอนดว้ ยกระบวนการเรียนรู้แบบ 5 ข้ันตอน (5 STEPs) สาหรบั นกั เรียนชนั้ มธั ยมศกึ ษาปีท่ี 2 โรงเรยี นนครไตรตรึงษ์ ในครัง้ นี้ผูว้ จิ ัยขอนาเสนอผลสรปุ งานวิจยั ดงั น้ี จดุ มุง่ หมายของการวจิ ัย การวจิ ยั ในครัง้ น้มี จี ดุ มงุ่ หมายของการวจิ ยั ดังนี้ 1. เพ่ือสร้างและหาประสทิ ธิภาพของหนว่ ยการเรยี นรู้ เรื่องอลั กอรทิ ึมแนวคิดเชิงคานวณ ในการแก้ปญั หา ดว้ ยกระบวนการเรียนรแู้ บบ 5 ขน้ั ตอน (5 STEPs) ของนกั เรยี นชนั้ มัธยมศึกษา ปที ่ี 2 ใหม้ ีประสทิ ธิภาพตามเกณฑ์ 80/80 2. เพื่อเปรยี บเทียบผลสมั ฤทธ์ทิ างการเรียน ก่อนเรยี นและหลังเรียน ของนกั เรียนทไ่ี ดร้ ับ การสอนโดยใช้กระบวนการเรียนรแู้ บบ 5 ขัน้ ตอน (5 STEPs) สมมติฐานของการวิจัย การวจิ ยั ในครง้ั นม้ี สี มมุตฐิ านของการวจิ ยั ดังน้ี 1. หนว่ ยการเรียนรู้ เรือ่ งอัลกอริทึมแนวคิดเชิงคานวณในการแก้ปัญหา ด้วยกระบวนการ เรยี นรูแ้ บบ 5 ขน้ั ตอน (5 STEPs) ของนักเรียนช้ันมธั ยมศึกษาปีที่ 2 มปี ระสิทธิภาพตามเกณฑ์ 80/80 2. ผลสมั ฤทธิ์ทางการเรียน เร่อื งอลั กอริทึมแนวคิดเชิงคานวณในการแก้ปัญหา สาหรบั นกั เรียนชน้ั มัธยมศกึ ษาปีท่ี 2 ทไ่ี ด้รับการสอนโดยใช้ดว้ ยกระบวนการเรยี นรู้แบบ 5 ขัน้ ตอน (5 STEPs) หลังเรยี นสงู กวา่ ก่อนเรยี น อยา่ งมนี ัยสาคัญทางสถติ ิทีร่ ะดับ 0.5

28 วิธดี าเนนิ การวิจัย วธิ กี ารดาเนินการวิจัยครั้งนี้ สรุปวิธีการดาเนินการได้ดังนี้ 1. ประชากรและกลุ่มตัวอย่าง ประชากรที่ใช้ในการวิจัยคร้งั นีเ้ ป็นนักเรยี นชัน้ มัธยมศึกษาปีท่ี 2 ภาคเรยี นท่ี 1 ปกี ารศกึ ษา 2564 โรงเรียนนครไตรตรึงษ์ อาเภอเมืองกาแพงเพชร จงั หวดั กาแพงเพชร จานวน 4 หอ้ งเรียนรวมทง้ั สิ้นจานวน นกั เรยี น 158 คน กลมุ่ ตัวอย่างท่ีใช้ในการวจิ ยั คร้งั นเี้ ป็นนักเรียนชน้ั มัธยมศึกษาปีที่ 2 ภาคเรยี นท่ี 1 ปกี ารศึกษา 2564 โรงเรยี นนครไตรตรงึ ษ์ อาเภอเมือง จงั หวัดกาแพงเพชร ซงึ่ ไดม้ าจากการสุ่ม ตวั อย่างอย่างง่าย จานวน 1 ห้องเรียน นกั เรยี นจานวน 38 คน 2. เครอื่ งมอื ที่ใช้ในการวจิ ยั เครอื่ งมอื ที่ใชใ้ นการวจิ ยั มี 2 ฉบับ ไดแ้ ก่ 1) แผนการจัดการเรียนรู้ หน่วยการเรยี นรู้ท่ี 1 เรอ่ื งอัลกอริทมึ แนวคิดเชงิ คานวณใน การแกป้ ัญหา สาหรบั นกั เรียนชน้ั มธั ยมศึกษาปที ่ี 2 โรงเรยี นนครไตรตรงึ ษ์ โดยนาไปให้ผู้เช่ียวชาญ จานวน 5 คน ตรวจสอบคุณภาพแผนการจัดการเรียนรู้ จากน้นั นาไปทดลองแบบกลมุ่ (1:10) เพื่อ หาประสทิ ธิภาพของกระบวนการ(E1) และประสทิ ธภิ าพของผลลพั ธ์(E2) ซง่ึ หนว่ ยการเรียนรู้ เรื่อง อัลกอริทมึ แนวคิดเชงิ คานวณในการแก้ปญั หา ด้วยกระบวนการเรยี นรแู้ บบ 5 ข้นั ตอน (5 STEPs) มีประสิทธภิ าพ 81.33/82.00 ซ่ึงเป็นไปตามเกณฑ์ 80/80 แล้วจงึ นาไปทดลองกับนักเรียนกลุ่ม ตวั อย่างจานวน 38 คน ซง่ึ หน่วยการเรยี นรู้ เรอื่ งอัลกอริทึมแนวคดิ เชงิ คานวณในการแก้ปญั หา ดว้ ย กระบวนการเรียนรู้แบบ 5 ข้ันตอน (5 STEPs) มีประสิทธิภาพ 99.14/91.58 ซึ่งเปน็ ไปตามเกณฑ์ 80/80 2) แบบทดสอบวดั ผลสัมฤทธ์ิทางการเรียนรายวชิ าการออกแบบและวทิ ยาการคานวณ 2 หน่วยการเรยี นรู้ที่ 1 เรอ่ื งอัลกอริทมึ แนวคดิ เชิงคานวณในการแก้ปัญหา เปน็ แบบทดสอบชนิด เลอื กตอบ 4 ตวั เลือก จานวน 10 ขอ้ เป็นแบบทดสอบทมี่ ีความตรงเชิงเนอื้ หา มีค่าดัชนีความ สอดคล้อง (IOC) อยูร่ ะหวา่ ง 0.67 – 1.00 และตรวจสอบคณุ ภาพโดยหาค่าความยากง่าย ค่าอานาจ

29 จาแนก โดยมคี า่ ความยากงา่ ยอยู่ระหวา่ ง 0.34-0.67 คา่ อานาจจาแนกอย่รู ะหว่าง 0.20- 0.60 และความเทย่ี งของแบบทดสอบเทา่ กับ 0.23-0.55 3. การเก็บรวบรวมขอ้ มลู การเก็บรวบรวมข้อมูล ผู้วิจยั ได้ดาเนินการดงั นี้ 1) ทาการทดสอบกอ่ นเรยี น (Posttest) กล่มุ ตัวอยา่ ง ใช้แบบทดสอบวดั ผลสมั ฤทธิ์ ทางการเรียนรายวชิ าการออกแบบและวทิ ยาการคานวณ 2 หนว่ ยการเรยี นรทู้ ี่ 1 เรื่องอัลกอรทิ ึม แนวคิดเชิงคานวณในการแก้ปญั หา ท่ผี วู้ จิ ยั สรา้ งขึ้น จานวน 10 ข้อ 2) ดาเนินการทดลอง โดยใช้หนว่ ยการเรยี นรู้ เรอ่ื งอัลกอรทิ มึ แนวคดิ เชิงคานวณใน การแกป้ ัญหา ด้วยกระบวนการเรยี นรแู้ บบ 5 ขั้นตอน (5 STEPs) ท่ผี วู้ ิจัยพัฒนาขึ้น ใชเ้ วลาในการ ทดลอง 4 สปั ดาห์ สปั ดาหล์ ะ 2 ชว่ั โมง รวมท้ังสนิ้ 8 ชวั่ โมง ต้งั แต่วันท่ี 13 กรกฎาคม 2564 ถงึ วนั ที่ 3 สิงหาคม 2564 3) เมือ่ ส้นิ สุดการทดลองจงึ ทดสอบหลังเรียน โดยใช้แบบทดสอบวดั ผลสัมฤทธท์ิ างการ เรียนเรือ่ งอลั กอริทมึ แนวคดิ เชิงคานวณในการแกป้ ัญหา ซ่ึงเป็นฉบับเดียวกบั ทใ่ี ช้ทดสอบกอ่ นเรียน 4) นาคะแนนหลังเรยี นและก่อนเรียนมาวเิ คราะหโ์ ดยวธิ ีการทางสถติ ิเพื่อทดสอบตาม สมมตุ ิฐานตอ่ ไป 4. สถิติทีใ่ ชใ้ นการวิเคราะหข์ อ้ มูล ในการวิจยั ครัง้ น้ี ผู้วิจัยใชก้ ารวเิ คราะห์ข้อมลู ดงั นี้ 1) หนว่ ยการเรียนรู้ เร่อื งอัลกอรทิ ึมแนวคดิ เชิงคานวณในการแกป้ ัญหา ดว้ ย กระบวนการเรยี นรู้แบบ 5 ขนั้ ตอน (5 STEPs) โดยคานวณหาคา่ ประสทิ ธิภาพของหน่วยการเรียนรู้ เร่ืองอลั กอริทมึ แนวคิดเชงิ คานวณในการแกป้ ญั หา ด้วยกระบวนการเรียนรูแ้ บบ 5 ขน้ั ตอน (5 STEPs) จากรอ้ ยละของคะแนนเฉล่ียจากการทาแบบฝึกหดั ของผู้เรียนท้ังหมด (E1/E2) 2) การเปรียบเทยี บผลสัมฤทธท์ิ างการเรยี นก่อนเรยี นและหลงั เรียนของนักเรียน ท่ไี ด้รับการสอนโดยการใช้ กระบวนการเรียนร้แู บบ 5 ขน้ั ตอน (5 STEPs) จากการทดสอบความ แตกตา่ งของคะแนนผลสัมฤทธท์ิ างการเรยี นก่อนเรียนและหลงั เรยี น ด้วยสถติ ทิ ดสอบค่าทีแบบไม่เปน็ อิสระ สรปุ ผลการวิจัย การวิจยั ในครั้งนี้ผลการวิจัยพบวา่

30 1. หนว่ ยการเรยี นรู้ เร่อื งอัลกอรทิ ึมแนวคดิ เชิงคานวณในการแกป้ ัญหา ดว้ ยกระบวนการ เรียนรู้แบบ 5 ข้นั ตอน (5 STEPs) ท่ีผู้วจิ ยั สร้างขน้ึ มปี ระสิทธิภาพ 99.14/91.58 ซึ่งเป็นไปตาม เกณฑ์ 80/80 เป็นไปตามสมมุติฐานขอ้ ที่ 1 2. นกั เรยี นท่ีได้รับการสอนโดยใช้หนว่ ยการเรียนรู้เร่ืองอลั กอรทิ ึมแนวคิดเชงิ คานวณใน การแก้ปัญหา ดว้ ยกระบวนการเรยี นรูแ้ บบ 5 ข้ันตอน (5 STEPs) สาหรบั นกั เรียนชั้นมธั ยมศึกษาปีที่ 2 มีผลสัมฤทธ์ิทางการเรยี นหลงั เรยี นสูงกวา่ กอ่ นเรียน อย่างมีนยั สาคญั ทางสถิตทิ ีร่ ะดับ .05 เปน็ ไป ตามสมมตุ ฐิ านตามข้อท่ี 2 อภิปรายผล ผลการพฒั นาผลสัมฤทธ์ทิ างการเรยี นเรอื่ งอัลกอริทมึ แนวคิดเชงิ คานวณในการแก้ปัญหา โดยใชก้ ารสอนด้วยกระบวนการเรยี นร้แู บบ 5 ขัน้ ตอน (5 STEPs) สาหรับนักเรียนชัน้ มัธยมศึกษาปีท่ี 2 สามารถอภปิ รายผลดังนี้ 1. หนว่ ยการเรยี นรู้ เร่ืองอลั กอริทึมแนวคดิ เชงิ คานวณในการแก้ปัญหา ดว้ ยกระบวนการ เรยี นรแู้ บบ 5 ขัน้ ตอน (5 STEPs) มีประสทิ ธิภาพตามเกณฑ์ท่กี าหนด 80/80 เป็นไปตามสมมตุ ิฐาน ขอ้ ที่ 1 ซง่ึ มปี ระสิทธภิ าพ 99.14/91.58 จากการทดสอบประสิทธภิ าพของหน่วยการเรียนรู้ เร่ือง อลั กอริทมึ แนวคิดเชิงคานวณในการแก้ปัญหา ดว้ ยกระบวนการเรียนร้แู บบ 5 ขั้นตอน (5 STEPs) ท้งั นเ้ี ป็นเพราะหน่วยการเรยี นรู้ เรื่องอัลกอรทิ ึมแนวคิดเชงิ คานวณในการแก้ปญั หาด้วยกระบวนการ เรยี นรูแ้ บบ 5 ข้ันตอน (5 STEPs) มกี ารพัฒนาอยา่ งเปน็ ลาดับขัน้ คือ ศึกษาเอกสารและขัน้ ตอนการ พฒั นารูปแบบการสอนดว้ ยกระบวนการเรียนรูแ้ บบ 5 ข้นั ตอน (5 STEPs) ศกึ ษาหลกั สูตร คาอธิบาย รายวิชา เนอื้ หา และมาตรฐานการเรยี นรู้ ในรายวิชาการออกแบบและวิทยาการคานวณ 2 เร่ือง อัลกอริทึมแนวคิดเชงิ คานวณในการแก้ปัญหา และได้รับการตรวจสอบความเหมาะสมของแผนการ จัดการเรียนรู้ หนว่ ยการเรียนร้ทู ่ี 1 เรอ่ื งอัลกอริทึมแนวคิดเชิงคานวณในการแก้ปญั หา ด้านความ สอดคล้องกบั หลักสตู ร เขียนสาระสาคัญได้ชดั เจนครอบคลุม กาหนดจุดประสงคก์ ารเรียนรู้ได้ สอดคล้องกบั มาตรฐาน/ตัวชว้ี ัด/ผลการเรียนรู้ เนอ้ื หา/ขน้ั ตอนการสอนเหมาะสมกบั เวลาทใี่ ชส้ อน ข้ันตอนการสอนพฒั นาผเู้ รียนไดต้ ามจุดประสงค์ กิจกรรมการเรยี นการสอนเนน้ ผูเ้ รียนเป็นสาคัญ สื่อ การเรียนรู้เหมาะสมกับเนื้อหา/กระบวนการชว่ ยใหเ้ กดิ การเรยี นร้ไู ดจ้ รงิ มีเครื่องมือวัดผลประเมินผล ทั้งดา้ นความรู้ ทักษะเจตคติ คณุ ลักษณะ และสมรรถนะสาคัญ แบบทดสอบวดั พฤติกรรมการเรยี นรู้ ไดค้ รบทุกด้าน(รจู้ า/เขา้ ใจ/นาไปใช/้ วิเคราะห/์ ประเมินคา่ /สร้างสรรค)์ มีการบูรณาการกับสาระอน่ื / จุดเนน้ การจดั ศึกษา จากผู้เชี่ยวชาญทัง้ ไดน้ าข้อเสนอแนะมาปรบั ปรงุ แก้ไขให้เหมาะสม จากการวจิ ัยครั้งนี้ สอดคล้องกบั ผลการวิจยั ของดร.วิชาญ เลิศลพ และ ดร.โกมล ไพศาล (2554) ได้ทาการวจิ ยั “เร่ือง รูปแบบการสอนวทิ ยาศาสตร์ทเี่ หมาะสมกบั นักเรยี นช้ันมธั ยมศึกษาปีที่

31 3 ในจงั หวดั อา่ งทอง” และสอดคล้องกบั ผลการวจิ ยั ของสธุ รรม ชุมพรอ้ มญาติ(2544)ไดท้ าการวิจยั “เรือ่ งการเปรยี บเทยี บผลสัมฤทธิ์ทางการเรียนวิชาฟสิ ิกส์ระหวา่ งการสอนโดยใช้การเรยี นแบบรว่ มมอื กับการสอนแบบสบื เสาะของนกั ศกึ ษาสถาบนั เทคโนโลยรี าชมงคล 2. นักเรียนชน้ั มัธยมศกึ ษาปีที่ 2 ท่เี รียนโดยใช้หนว่ ยการเรียนรู้ เรือ่ งอลั กอริทึมแนวคิด เชงิ คานวณในการแกป้ ัญหา ด้วยกระบวนการเรยี นรแู้ บบ 5 ขนั้ ตอน มีผลสัมฤทธิท์ างการเรียนหลงั เรียนสงู กวา่ ก่อนเรยี น อย่างมีนยั สาคัญทางสถิติทร่ี ะดับ .05 เป็นไปตามสมมุติฐานตามขอ้ ที่ 2 ทั้งนี้ เพราะหน่วยการเรยี นรู้ เร่อื งอลั กอริทึมแนวคิดเชิงคานวณในการแก้ปญั หา ดว้ ยกระบวนการเรียนรู้ แบบ 5 ข้ันตอน(5 STEPs) มีลักษณะสาคัญคือ ออกแบบให้สอดคล้องกบั หลกั สูตร เขียนสาระสาคัญ ไดช้ ัดเจนครอบคลุม กาหนดจดุ ประสงค์การเรียนรไู้ ดส้ อดคล้องกบั มาตรฐาน/ตัวช้วี ดั /ผลการเรียนรู้ เน้ือหา/ข้ันตอนการสอนเหมาะสมกับเวลาท่ีใชส้ อน ขน้ั ตอนการสอนพัฒนาผเู้ รียนไดต้ ามจดุ ประสงค์ กจิ กรรมการเรยี นการสอนเน้นผูเ้ รยี นเป็นสาคัญ สื่อการเรียนรเู้ หมาะสมกบั เนอ้ื หา/กระบวนการชว่ ย ให้เกดิ การเรียนรู้ได้จรงิ มเี คร่ืองมือวดั ผลประเมินผลทงั้ ด้านความรู้ ทกั ษะเจตคติ คุณลักษณะ และ สมรรถนะสาคัญ แบบทดสอบวัดพฤตกิ รรมการเรียนรู้ได้ครบทุกดา้ น(ร้จู า/เข้าใจ/นาไปใช้/วิเคราะห์/ ประเมินค่า/สร้างสรรค)์ มีการบูรณาการกบั สาระอ่นื /จุดเน้นการจดั ศกึ ษา จนสง่ ผลใหม้ ีผลสัมฤทธ์ิ ทางการเรยี นสูงขึ้น ข้อเสนอแนะ จากการวิจยั ในคร้ังนี้ผู้วิจยั มขี ้อเสนอแนะดังน้ี 1. ขอ้ เสนอแนะทว่ั ไป 1) ในการสรา้ งหนว่ ยการเรียนรู้ เรอ่ื งอลั กอรทิ ึมแนวคิดเชงิ คานวณในการแกป้ ญั หา ดว้ ยกระบวนการเรียนรแู้ บบ 5 ขน้ั ตอน (5 STEPs) เพอื่ นาไปใชใ้ ห้เกดิ ประสทิ ธิภาพในการเรยี นการ สอน ควรมีการจดั กิจกรรมที่เสรมิ สร้างกระบวนการคิดอย่างหลากหลาย เพอ่ื เสรมิ สร้างให้ผูเ้ รียนเกิด กระบวนการแสวงหาความรู้ไดด้ ว้ ยตนเอง 2) ครูผู้สอนควรมีหนา้ ทีค่ อยแนะนาและสรา้ งกระบวนการชน้ี านักเรยี นให้เกดิ การ สนใจในการแสวงหาความรู้ได้ดว้ ยตนเอง 2. ข้อเสนอแนะเพอื่ การวจิ ัยครง้ั ต่อไป

32 1) ควรพฒั นากระบวนการเรียนรูแ้ บบ 5 ขั้นตอน (5 STEPs) ในเร่อื งอน่ื ในกลมุ่ สาระ การเรียนรู้วิทยาศาสตรแ์ ละเทคโนโลยี และกลุ่มสาระอ่นื เพ่ือให้การเรยี นการสอนบรรลวุ ัตถุประสงค์ ของหลกั สูตรอย่างมีประสทิ ธิภาพ 2) ควรมกี ารวิจยั ติดตามผลประเมนิ การใช้กระบวนการเรยี นรู้แบบ 5 ข้นั ตอน (5 STEPs) อยา่ งต่อเน่ืองต่อไป 3) ควรมกี ารศึกษาวิจยั เปรียบเทยี บการสอนโดยใช้กระบวนการเรยี นรูแ้ บบ 5 ขั้นตอน (5 STEPs) กบั วิธีการสอนแบบอน่ื ๆ 4) ในการสร้างแบบทดสอบระหวา่ งเรียนของแตล่ ะหนว่ ยการเรยี นควรสรา้ ง แบบทดสอบใหค้ รอบคลมุ และเหมาะสมกบั จุดประสงค์เชงิ พฤติกรรมที่ตัง้ ไว้ของแต่ละหน่วยการเรยี น โดยความมากน้อยของจานวนขอ้ สอบในแตล่ ะหนว่ ยการเรียนขน้ึ อยู่กับจุดประสงเชงิ พฤติกรรมของแต่ ละหน่วยการเรยี นท่กี าหนดไว้

บรรณานุกรม ดร.วิชาญ เลศิ ลพ และ ดร.โกมล ไพศาล. (2554). รูปแบบการสอนวิทยาศาสตร์ท่เี หมาะสมกบั นกั เรียนชน้ั มธั ยมศึกษาปีที่ 3 ในจังหวัดอ่างทอง. วทิ ยานพิ นธ์ปรญิ ญามหาบัณฑิต. (หลกั สูตรและการสอน). กรุงทพฯ : มหาวิทยาลัยราชภฏั สวนสนุ ันทา. สุธรรม ชมุ พร้อมญาติ. (2544). เรื่องการเปรียบเทียบผลสัมฤทธ์ทิ างการเรยี นวชิ าฟิสิกสร์ ะหวา่ ง การสอนโดยใชก้ ารเรียนแบบรว่ มมือกับการสอนแบบสืบเสาะของนกั ศึกษาสถาบนั เทคโนโลยรี าชมงคล. วิทยานิพนธ์ปริญญามหาบัณฑติ .(วิทยาศาสตรศ์ ึกษา). ปัตตานี : มหาวทิ ยาลยั สงขลานครนิ ทร์ วทิ ยาเขตปตั ตานี. รัชฎา ศิลมน่ั . (2552). เรอื่ งการประยกุ ตใ์ ชก้ จิ กรรมการเรยี นรแู้ บบ 5E เพ่ือพฒั นาสมรรถนะทาง วิทยาศาสตรข์ องนกั เรียนชัน้ มธั ยมศกึ ษาปที ่ี 3 โรงเรียนไทยรฐั วิทยา ๖๙ (คลองหลวง) จงั หวัดปทมุ ธานี. วทิ ยานพิ นธปริญญามหาบัณฑติ (วิทยาศาสตรศ์ กึ ษา).พิษณุโลก : มหาวทิ ยาลัยนเรศวร. วิจารณ์ พานชิ . (2555). วถิ ีสร้างการเรียนรูเ้ พ่อื ศิษยใ์ นศตวรรษท่ี ๒๑. กรงุ เทพฯ : มลู นิธสิ ดศรี- สฤษดวิ์ งศ์ ฐาปนยี ์ ธรรมเมธา. (2540). แนวคดิ การจัดการเรียนการสอนคอมพิวเตอร์. (ออนไลน์). แหลง่ ท่มี า : http://www.kroobannok.com/142. ธานนิ ทร์ ศลิ ปจ์ ารุ. (2551) การวิจยั และวิเคราะหข์ อ้ มลู ทางสถติ ดิ ้วย SPSS. กรุงเทพฯ : บิสซเิ นสอาร์แอนดด์ ี. นวตั กรรมการศึกษา (ออนไลน)์ . แหล่งท่ีมา : http:// angsila.compsci.buu.ac.th /~sc440186/samana/ virtual.doc. บญั ญัติ ชานาญกิจ และ นวลศรี ชานาญกจิ . (2548). สถิติเพอ่ื การวิจัย. นครสวรรค์ : มหาวิทยาลยั ราชภัฎนครสวรรค์. พชิ ิต ฤทธจิ์ รูญ. (2544). หลักการวัดและประเมนิ ผลการศกึ ษา. กรงุ เทพฯ : สานกั พมิ พ์แห่ง จุฬาลงกรณ์มหาวทิ ยาลยั . สถาบนั ส่งเสริมการสอนวิทยาศาสตรแ์ ละเทคโนโลยี. (2549) หนงั สือเรียนสาระการเรยี นรพู้ ้ืนฐาน เทคโนโลยสี ารสนเทศ ช่วงชั้นท่ี 4 . กรุงเทพฯ :โรงพิมพ์คุรุสภาลาดพร้าว.

ภาคผนวก

25 ตารางแสดงค่าเฉล่ยี สว่ นเบ่ยี งเบนมาตรฐาน ของผลการประเมนิ แผนการจดั การเรียนรู้ โดยผู้เช่ยี วชาญ รายการประเมนิ ผเู้ ชี่ยวชาญคนท่ี S.D. 12345 X 0.00 0.45 1. ความสอดคล้องกบั หลักสตู ร 5 5 5 5 5 5.00 0.45 2. เขยี นสาระสาคัญไดช้ ัดเจนครอบคลุม 5 5 4 5 5 4.80 0.45 3. กาหนดจดุ ประสงค์การเรยี นรูไ้ ด้สอดคล้องกับ 0.45 0.45 มาตรฐาน/ตวั ชีว้ ัด/ผลการเรียนรู้ 5 5 4 5 5 4.80 0.45 4. เน้อื หา/ข้ันตอนการสอนเหมาะสมกับเวลาท่ใี ช้ สอน 5 5 4 5 5 4.80 0.55 5. ขั้นตอนการสอนพฒั นาผเู้ รียนได้ตามจดุ ประสงค์ 4 4 4 4 5 4.20 0.55 6. กิจกรรมการเรียนการสอนเน้นผ้เู รียนเปน็ สาคัญ 4 4 4 5 4 4.20 0.55 0.43 7. สื่อการเรยี นรู้เหมาะสมกับเนือ้ หา/กระบวนการ ชว่ ยใหเ้ กดิ การเรยี นรไู้ ดจ้ ริง 5 5 5 4 5 4.80 8. มเี ครอ่ื งมือวดั ผลประเมนิ ผลทง้ั ด้านความรู้ ทักษะ เจตคติ คุณลักษณะ และสมรรถนะสาคญั 5 5 4 4 5 4.60 9. แบบทดสอบวัดพฤติกรรมการเรียนร้ไู ด้ครบทุก ดา้ น(รจู้ า/เขา้ ใจ/นาไปใช/้ วิเคราะห/์ ประเมนิ คา่ / สรา้ งสรรค์) 4 4 3 3 3 3.40 10. มีการบรู ณาการกบั สาระอืน่ /จุดเน้นการจัด 5 5 4 4 5 4.60 ศึกษา สรปุ 4.70 4.70 4.10 4.40 4.70 4.52

26 ตารางแสดงการหาประสิทธภิ าพหน่วยการเรยี นรู้ เรอ่ื งอลั กอรทิ มึ แนวคดิ เชงิ คานวณในการแกป้ ัญหา ดว้ ย กระบวนการเรยี นรู้แบบ 5 ขั้นตอน (5 STEPs) กลมุ่ เลก็ (1:10) หนว่ ยการเรียนรู้ เรอื่ งอลั กอริทึมแนวคิดเชิง E1 E2 คานวณในการแก้ปัญหา ด้วยกระบวนการ คะแนน คา่ เฉลี่ย คา่ คะแนน คา่ เฉล่ีย คา่ เรียนรู้แบบ 5 ขัน้ ตอน เต็ม E1 เต็ม E2 เรอ่ื งท่ี 1 10 8.60 86.00 เรื่องที่ 2 10 8.80 88.00 เรอื่ งท่ี 3 10 9.00 90.00 10 9.30 93.00 เร่อื งที่ 4 10 8.40 84.00 รวมเฉล่ยี 34.80 87.00

27 ตารางแสดงการหาประสิทธิภาพหน่วยการเรยี นรู้ เรื่องอัลกอรทิ ึมแนวคดิ เชงิ คานวณในการแกป้ ญั หา ดว้ ย กระบวนการเรยี นรู้แบบ 5 ขั้นตอน (5 STEPs) กลมุ่ เล็ก (1:10) คะแนนจากการทา คะแนนจากการทา คะแนนจากการทา คะแนนจากการทา คะแนนผลสัมฤทธ์ิ คนท่ี กิจกรรมเรื่องที่ 1 กิจกรรมเร่ืองท่ี 2 กิจกรรมเร่ืองที่ 3 กิจกรรมเร่ืองท่ี 3 หลังเรยี น (10 คะแนน) (10 คะแนน) (10 คะแนน) (10 คะแนน) (10 คะแนน) 1 9 9 9 8 10 2 9 9 9 9 10 3 9 10 10 8 9 4 9 10 10 8 10 5 9 9 9 9 10 69 9 9 9 8 78 8 9 8 8 88 8 9 8 9 98 8 8 9 9 10 8 8 8 8 10 รวม 86 88 90 84 93 คะแนน 8.60 8.80 9.00 8.40 9.30 เฉล่ยี ร้อยละ 86.00 88.00 90.00 84.00 93.00

28 ตารางแสดงการหาประสทิ ธภิ าพหนว่ ยการเรยี นรู้ เรือ่ งอลั กอรทิ ึมแนวคิดเชิงคานวณในการแกป้ ญั หา ดว้ ย กระบวนการเรยี นรู้แบบ 5 ขั้นตอน (5 STEPs) กลุ่มตัวอย่าง เรือ่ งอลั กอริทมึ แนวคดิ เชงิ ประสิทธิภาพของกระบวนการ ประสิทธิภาพของผลลพั ธ์ คานวณในการแก้ปัญหา (E1) (E2) เรื่องที่ 1 100.00 91.58 เรอ่ื งท่ี 2 98.95 เรือ่ งท่ี 3 98.68 เรื่องที่ 4 98.95 รวมเฉลยี่ 99.14

29 ตารางแสดงการหาประสิทธภิ าพของหนว่ ยการเรียนรู้ เรือ่ งอัลกอริทึมแนวคิดเชงิ คานวณในการแก้ปัญหา ด้วย กระบวนการเรียนรู้แบบ 5 ข้ันตอน (5 STEPs) (กลุ่มตัวอย่าง) คนท่ี คะแนนจากการทากิจกรรมเรื่องท่ี คนที่ คะแนนจากการทากิจกรรมเรือ่ งที่ 1 (10 คะแนน) 1 (10 คะแนน) 1 10 31 10 2 10 32 10 3 10 33 10 4 10 34 10 5 10 35 10 6 10 36 10 7 10 37 10 8 10 38 10 9 10 รวม 380 10 10 คะแนนเฉล่ยี 10.00 11 10 รอ้ ยละ 100.00 12 10 13 10 14 10 15 10 16 10 17 10 18 10 19 10 20 10 21 10 22 10 23 10 24 10 25 10 26 10 27 10 28 10 29 10 30 10

30 ตารางแสดงการหาประสิทธภิ าพของหนว่ ยการเรียนรู้ เรื่องอลั กอริทมึ แนวคดิ เชงิ คานวณในการแก้ปญั หา ด้วยกระบวนการเรียนรู้ แบบ 5 ขั้นตอน (5 STEPs) (กลมุ่ ตวั อย่าง) คนที่ คะแนนจากการทากจิ กรรมเรอื่ ง คนท่ี คะแนนจากการทากจิ กรรมเรือ่ ง ท่ี 2 (10 คะแนน) ท่ี 2 (10 คะแนน) 1 10 31 10 2 10 32 10 3 10 33 10 4 10 34 10 5 10 35 10 6 10 36 10 7 10 37 10 8 10 38 10 9 10 รวม 376 10 10 คะแนนเฉลยี่ 9.89 11 10 รอ้ ยละ 98.95 12 10 13 10 14 10 15 10 16 10 17 10 18 10 19 10 20 10 21 9 22 9 23 9 24 9 25 10 26 10 27 10 28 10 29 10 30 10

31 ตารางแสดงการหาประสทิ ธิภาพของหนว่ ยการเรยี นรู้ เร่ืองอัลกอริทึมแนวคิดเชิงคานวณในการแกป้ ญั หา ดว้ ยกระบวนการเรียนรู้ แบบ 5 ข้นั ตอน (5 STEPs) (กลุม่ ตวั อย่าง) คนที่ คะแนนจากการทากจิ กรรมเร่อื ง คนที่ คะแนนจากการทากจิ กรรมเรอ่ื ง ที่ 3 (10 คะแนน) ที่ 3 (10 คะแนน) 1 10 31 10 2 10 32 10 3 10 33 10 4 10 34 10 5 10 35 10 6 10 36 10 7 10 37 9 8 10 38 9 9 10 รวม 375 10 10 คะแนนเฉลยี่ 9.87 11 10 รอ้ ยละ 98.68 12 10 13 10 14 10 15 10 16 10 17 10 18 10 19 10 20 10 21 9 22 9 23 9.5 24 9.5 25 10 26 10 27 10 28 10 29 10 30 10

32 ตารางแสดงการหาประสิทธิภาพของหนว่ ยการเรียนรู้ เรื่องอลั กอริทมึ แนวคดิ เชงิ คานวณในการแก้ปญั หา ด้วยกระบวนการเรียนรู้ แบบ 5 ขั้นตอน (5 STEPs) (กลมุ่ ตวั อย่าง) คนที่ คะแนนจากการทากจิ กรรมเรอื่ ง คนท่ี คะแนนจากการทากจิ กรรมเรือ่ ง ท่ี 4 (10 คะแนน) ท่ี 4 (10 คะแนน) 1 10 31 10 2 10 32 10 3 10 33 10 4 10 34 10 5 10 35 10 6 10 36 10 7 10 37 10 8 10 38 10 9 10 รวม 376 10 10 คะแนนเฉลยี่ 9.89 11 10 รอ้ ยละ 98.95 12 10 13 10 14 10 15 9 16 9 17 9 18 9 19 10 20 10 21 10 22 10 23 10 24 10 25 10 26 10 27 10 28 10 29 10 30 10

33 ตารางแสดงการหาประสิทธภิ าพของหน่วยการเรียนรู้ เร่อื งอลั กอริทมึ แนวคดิ เชิงคานวณในการแก้ปญั หา ดว้ ยกระบวนการเรียนรู้ แบบ 5 ขัน้ ตอน (5 STEPs) (กลมุ่ ตวั อยา่ ง) คนที่ คะแนนผลสัมฤทธ์ิหลังเรยี น (10 คนท่ี คะแนนผลสมั ฤทธห์ิ ลังเรยี น คะแนน) (10 คะแนน) 1 10 31 10 2 9 32 10 3 9 33 10 4 9 34 9 5 9 35 8 6 10 36 10 7 10 37 10 8 9 38 7 9 9 รวม 348 10 9 คะแนนเฉลย่ี 9.16 11 9 รอ้ ยละ 91.58 12 10 13 9 14 8 15 10 16 10 17 9 18 9 19 8 20 9 21 9 22 8 23 9 24 9 25 9 26 8 27 10 28 9 29 10 30 9

34 ตารางแสดงคา่ ความยากง่าย (P) และคา่ อานาจจาแนก (r) ของแบบทดสอบวัดผลสัมฤทธท์ิ างการเรยี นเรือ่ งเรอื่ งอัลกอรทิ มึ แนวคิด เชิงคานวณในการแกป้ ัญหา จานวน 20 ข้อ ข้อท่ี P r หมายเหตุ 1 0.53 0.45 คดั เลือกไว้ 2 0.58 0.45 คัดเลอื กไว้ 3 0.65 0.50 คัดเลือกไว้ 4 0.48 0.65 คัดเลอื กไว้ 5 0.60 0.50 คัดเลอื กไว้ 6 0.63 0.45 คดั เลอื กไว้ 7 0.53 0.35 คดั เลือกไว้ 8 0.68 0.45 คดั เลอื กไว้ 9 0.58 0.35 คัดเลอื กไว้ 10 0.65 0.60 คัดเลอื กไว้ 11 0.58 0.45 คดั เลือกไว้ 12 0.68 0.45 คดั เลือกไว้ 13 0.58 0.45 คดั เลอื กไว้ 14 0.53 0.35 คดั เลือกไว้ 15 0.58 0.75 คดั เลอื กไว้ 16 0.63 0.55 คัดเลือกไว้ 17 0.60 0.50 คัดเลอื กไว้ 18 0.55 0.60 คดั เลอื กไว้ 19 0.65 0.50 คดั เลือกไว้ 20 0.53 0.45 คัดเลือกไว้ เกณฑ์ในการคดั เลือกข้อสอบทีม่ ีคา่ ความยากง่าย (P) อยู่ระหว่าง 0.53 – 0.68 ค่าอานาจจาแนก (r) 0.35 – 0.75 ดงั นน้ั จึงคดั เลือกข้อสอบไว้จานวน 10 ขอ้ และใช้เป็นแบบทดสอบวดั ผลสัมฤทธ์ิ ทางการเรียน และ วเิ คราะห์หาคา่ ความเทย่ี งของแบบทดสอบวดั ผลสัมฤทธ์ทิ างการเรียนเรอื่ งอัลกอริทึมแนวคิดเชงิ คานวณในการ แก้ปัญหา ท่ีคัดมาจานวน 10 ขอ้ โดยใชส้ ตู ร KR – 20 ของคูเดอร์ ริชารส์ นั มีคา่ ความเที่ยงเท่ากับ 0.88

35 ตารางแสดงคะแนนผลสมั ฤทธิ์ทางการเรยี นเรื่องอัลกอรทิ ึมแนวคดิ เชงิ คานวณในการแก้ปญั หา ก่อนเรียนและหลงั เรยี น คน คะแนนสอบ คะแนนสอบ D คน คะแนนสอบ คะแนนสอบ D ก่อนเรยี น หลังเรยี น ท่ี ก่อนเรยี น หลังเรยี น ที่ 1 7 10 3 26 7 8 1 2 5 9 4 27 5 10 5 3 6 9 3 28 5 9 4 4 5 9 4 29 8 10 2 5 8 9 1 30 7 9 2 6 7 10 3 31 9 10 1 7 5 10 5 32 7 10 3 8 7 9 2 33 6 10 4 9 5 9 4 34 9 9 0 10 6 9 3 35 7 8 1 11 7 9 2 36 7 10 3 12 6 10 4 37 6 10 4 13 6 9 3 38 6 7 1 14 7 81  X  242  X  384 D 106 15 6 10 4 16 4 10 6 17 4 95 18 5 94 19 6 82 20 8 91 21 5 94 22 6 82 23 6 93 24 9 90 25 7 92

36 เปดิ ตาราง t ที่ df = 38 - 1 = 37 ไดค้ า่ t = 1.6871 ค่าที่คานวณได้ = 11.53 ซงึ่ มคี า่ มากกว่าค่าที (t) ที่เปดิ จากตาราง สรุปไดว้ า่ ผลสมั ฤทธ์ิทางการเรียนของนกั เรียนท่เี รยี น เรื่องมหัศจรรย์งานศลิ ป์ หลังเรียนสงู กวา่ ก่อนเรียน อย่างมนี ยั สาคญั ทางสถิตทิ ร่ี ะดับ .05

37 แบบทดสอบกอ่ นเรียน – หลังเรยี น รายวชิ าการเขียนโปรแกรมเบ้ืองต้น หน่วยการเรยี นรูท้ ี่ 1 เรื่องอัลกอรทิ ึมแนวคิดเชงิ คานวณในการแกป้ ญั หา ช้ันมธั ยมศกึ ษาปที ่ี 2 ปกี ารศกึ ษา 2563 คาสง่ั ใหน้ กั เรยี นเลอื กคาตอบท่ถี กู ต้องเพียงข้อเดียว ก. เป็นการหารูปแบบทเ่ี หมอื นหรือ 1. ข้อใดไม่ใช่ทกั ษะย่อยของแนวคิดเชงิ คล้ายคลึงกันระหวา่ งปัญหาย่อยทีแ่ ตก คานวณ ออกมา ก. แนวคิดเชงิ รปู ธรรม ข. แนวคิดเชงิ นามธรรม ข. เปน็ การแตกปญั หาทซ่ี ับซอ้ นออกเปน็ ค. แนวคดิ การแยกยอ่ ย ปัญหาย่อยท่ีมคี วามซบั ซ้อนน้อยลง ง. แนวคดิ การพจิ ารณารูปแบบ 2. ความหมายของการคิดเชิงนามธรรม ค. มุ่งเน้นความสาคญั ของปัญหาโดยไม่ (Abstraction) ตรงกบั ข้อใด สนใจรายละเอียดท่ไี มจ่ าเป็น ก. มุ่งเนน้ ความสาคญั ของปญั หาโดยไม่ สนใจรายละเอียดทไ่ี ม่จาเปน็ ง. แกป้ ัญหาโดยการออกแบบ ข. แตกปญั หากระบวนการออกเปน็ กระบวนการทางานอยา่ งเป็นลาดบั ส่วนย่อย ขนั้ ตอน ค. แกป้ ัญหาโดยการออกแบบ กระบวนการทางานอย่างเป็นลาดบั 4. ความหมายของการออกแบบอัลกอริทมึ ขนั้ ตอน (algorithm)ตรงกบั ขอ้ ใด ง. ดูความเหมือนความแตกตา่ งของ ก. แก้ปญั หาโดยการออกแบบ รูปแบบการเปลย่ี นแปลง กระบวนการทางานอย่างเป็นลาดบั 3. ความหมายของการพจิ ารณารปู แบบ ข้นั ตอน (pattern recognition) ตรงกบั ข้อใด ข. เปน็ การหารปู แบบที่เหมอื นหรอื คลา้ ยคลึงกันระหว่างปัญหาย่อยท่แี ตก ออกมา ค. เปน็ การแตกปัญหาท่ซี ับซอ้ นออกเป็น ปญั หาย่อยที่มคี วามซับซอ้ นน้อยลง

ง. ม่งุ เน้นความสาคัญของปัญหาโดยไม่ 46 สนใจรายละเอยี ดทีไ่ มจ่ าเป็น ก. ใช้เวลาในการตรวจขอ้ สอบนาน ใช้ 5. ความหมายของการแบ่งปัญหาใหญ่เปน็ บคุ ลากรในการตรวจขอ้ สอบเปน็ ปัญหายอ่ ย (decomposition) ตรงกบั ข้อ จานวนมาก ใด ก. เป็นการแตกปัญหาทซี่ ับซอ้ นออกเปน็ ข. มนี กั เรยี นจานวนมาก มบี ุคลากร ปัญหาย่อยที่มีความซบั ซอ้ นน้อยลง จานวนน้อย ข. เปน็ การหารปู แบบทเี่ หมอื นหรือ คลา้ ยคลึงกันระหว่างปญั หาย่อยทีแ่ ตก ค. มขี อ้ สอบจานวนมาก มีบคุ ลากรในการ ออกมา ตรวจข้อสอบจานวนน้อย ค. มุง่ เน้นความสาคัญของปญั หาโดยไม่ สนใจรายละเอียดทีไ่ มจ่ าเป็น ง. มเี วลาจากัดในการตรวจข้อสอบ ง. แกป้ ัญหาโดยการออกแบบ บคุ ลากรขาดความชานาญในการ กระบวนการทางานอยา่ งเป็นลาดบั ตรวจข้อสอบ ข้นั ตอน 8. บคุ คลในข้อใดใช้แนวคิดการออกแบบ 6. การนาแนวคดิ เชิงคานวณมาช่วยในการ ขั้นตอนวิธี แกไ้ ขปญั หาจะสง่ ผลอย่างไรมากท่สี ุด ก. เจนวางแผนทาขนมลูกชบุ ตามข้ันตอน ก. แกป้ ัญหาได้อย่างเป็นระบบ การทาในคู่มือทาอาหาร ข. ลดขน้ั ตอนการปฏบิ ัติงาน ข. เกง่ สรา้ งโมเดลรถบงั คบั สะเทินน้า ค. ประหยดั ค่าใช้จา่ ย สะเทินบก ง. ประหยัดเวลา ค. ปน่ิ หาสถิติทีเ่ กิดขนึ้ ซ้า ๆ ของปญั หา การเกดิ อบุ ตั ิเหตุบนท้องถนน 7. “โรงเรยี นตอ้ งใช้เวลาในการตรวจข้อสอบ ง. อน้ ต้องการเขา้ ใจระบบการทางานขอ ของนักเรยี นเป็นเวลานานและตอ้ งใช้ พดั ลม จึงแยกพดั ลมออกเป็นสว่ น ๆ บคุ ลากร เป็นจานวนมาก” จากข้อความ แนวคดิ การ 9. บคุ คลในข้อใดไม่ใชแ้ นวคิดเชิงคานวณ แยกย่อยในข้อใดเหมาะสมทสี่ ดุ ก. ชินขายทดี่ นิ ทง้ั หมดเพราะกรม อุตนุ ิยมวิทยาประกาศให้ระวงั ฝนตก หนักและน้าท่วม

ข. เอกทาค่มู ือขนั้ ตอนการใชง้ านเคร่ืองวดั 47 คณุ ภาพน้า ก. มะลมิ ีการวางแผนการเดนิ ทางทกุ คร้ังที่ ค. พงษว์ เิ คราะห์และรวบรวมหลกั ฐานเพ่ือ ออกจากบ้าน จบั กุมตัวคนร้าย ข. ฟ้าได้ยินข่าวลอื วา่ สนิ ค้าจะขน้ึ ราคา จงึ ง. ฝนหาขอ้ มูลสถานทีท่ ่องเทย่ี วและตรวจ รบี กักตุนสินคา้ ไว้ สภาพภมู อิ ากาศก่อนเดินทาง ค. แพรวลอกการบ้านวิชาคณิตศาสตร์สง่ 10. บคุ คลในข้อใดใช้แนวคดิ เชงิ คานวณ ครูทุกวนั ง. ฝนชอบดหู มอดเู ปน็ ประจา


Like this book? You can publish your book online for free in a few minutes!
Create your own flipbook